WarRoom - อาสาสมัครเตรียมการเฝ้าระวังประสานงานเตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ปี 2013

โดมินิกันเฝ้าระวังพายุโซนร้อนไอแซค

24 ส.ค. 55 08.33 น.


สาธารณรัฐโดมินิกัน ต้องเฝ้าระวังพื้นที่ตลอดแนวชายฝั่ง โดยเพิ่มระดับการเตือนภัยพายุโซนร้อน และพายุเฮอร์ริเคน หลังพายุโซนร้อนไอแซค เคลื่อนตัวเข้าใกล้ ซึ่งจะสร้างความเสียหายจากพายุลมแรง ฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลัน โดยศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติของสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า พายุโซนร้อนไอแซค ซึ่งมีความเร็วลม 72 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะทวีความรุนแรงเป็นพายุเฮอร์ริเคนล่าสุด ศูนย์กลางพายุอยู่ห่างจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของสาธารณรัฐโดมินิกัน ประมาณ 120 กิโลเมตร ความรุนแรงของพายุโซนร้อนไอแซค ยังทำให้ฐานทัพเรือของสหรัฐฯ ในอ่าวกวนตานาโม ต้องเตรียมพร้อมเฝ้าระวังพายุ ทำให้การไต่สวนนักโทษ 5 คน ที่ถูกกล่าวว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน ต้องเลื่อนออกไป

 

กาฬสินธุ์แล้งหนักสุดในรอบ 20 ปี นาข้าวส่อเสียหายหลายหมื่นไร่

วันศุกร์ ที่ 24 ส.ค. 2555

กาฬสินธุ์ 24 ส.ค. - กาฬสินธุ์แล้งหนักที่สุดในรอบ 20 ปี นาข้าวส่อเค้าเสียหายหลายหมื่นไร่ ขณะที่โรงสูบน้ำไฟฟ้าใช้การไม่ได้

ปัญหาฝนทิ้งช่วงที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ส่อเค้ารุนแรงมากขึ้น ล่าสุดนาข้าวกว่า 6 หมื่นไร่ ทั้งในเขตชลประทานและนอกเขตชลประทานแล้งจัด โดยเฉพาะในพื้นที่แม่น้ำปาว ซึ่งปริมาณน้ำลดลงมากที่สุด ชาวนาในอำเภอกมลาไสย ได้รับผลกระทบจากปัญหาฝนทิ้งช่วง ระบุว่า ความแห้งแล้งของฝนทิ้งช่วงในปีนี้ นับว่า รุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปี ประกอบกับสถานีสูบน้ำหลายแห่งไม่สามารถใช้การได้ รวมทั้งโรงสูบน้ำที่จะสูบน้ำในลำน้ำปาว ที่ปรับปรุงใหม่ พร้อมเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เข้าตรวจสอบโครงการปรับปรุงสถานีสูบน้ำ เม็ดกว่า 10 ล้านบาท อาจไม่โปร่งใส .-สำนักข่าวไทย

 

สุราษฎร์แล้งวิกฤติ! ผวาเกาะสมุยมีน้ำจืดใช้แค่ ก.ย.



ผวจ.เผยสุราษฎร์ฯ ประสบภัยแล้งรุนแรงในรอบ 10 ปี ถึงขั้นต้องประกาศภัยพิบัติหลายอำเภอ ซ้ำทำให้ 3 เกาะแหล่งท่องเที่ยวดังส่อขาดน้ำจืด คาดถ้าฝนยังไม่ตกมีใช้ถึงแค่ ก.ย.นี้...

เมื่อวันที่ 24 ส.ค. นายเชิดศักดิ์ ชูศรี ผู้ว่าราชการ จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ขณะนี้ จ.สุราษฎร์ธานีประสบภัยแล้งรุนแรงในรอบประมาณ 10 ปี จึงได้ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติแล้งในหลายอำเภอ และเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชน

ขณะเดียวกันยังพบว่า ตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ และมีชื่อเสียงของ จ.สุราษฎร์ธานี โดยเฉพาะในเกาะเต่า เกาะพะงันและเกาะสมุยเริ่มขาดแคลนน้ำจืดสำหรับอุปโภคบริโภค ส่วนน้ำบาดาลเริ่มร่อยหรอ เนื่องจากไม่มีฝนตกนานประมาณ 3 เดือน จึงคาดว่า ถ้ายังไม่มีฝนตกจะมีน้ำจืดใช้บนเกาะดังกล่าวเพียงพอแค่เดือน ก.ย.นี้ เบื้องต้นผู้ประกอบการต้องซื้อน้ำจืดจากฝั่งไปใช้ แต่ราคาค่อนข้างแพง ขณะที่จังหวัดได้ติดตั้งอุปกรณ์และถังน้ำขนาดใหญ่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนตามสถานที่สาธารณะ

 

เอาจนได้จริงๆ เฮ้อ Super งานเข้าที่ใหนบ้างละครับเนี่ย สงสารเลย

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>สะพานกว่าพันล้านหยวนในฮาร์บิน เปิดใช้ 9 เดือน พังพินาศ! สังเวยชีวิต 3 เจ็บอีก 5 </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>24 สิงหาคม 2555 15:27 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550><TBODY><TR><TD vAlign=top width=550 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>จากภาพ รถบรรทุกสินค้า 4 คัน พลิกคว่ำ ตกสู่พื้นถนนด้านล่าง เหตุสะพานหยางหมิงทานเกิดถล่มโดยไม่ทราบสาเหตุ เมื่อวันที่ 24 ส.ค. (ภาพหวั่งอี้)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเจนซี-- เช้ามืดวันนี้ (24 ส.ค.) เกิดเหตุสะพานแขวน 8 เลน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทางด่วนสนามบิน มูลค่าการก่อสร้าง 1.9 ล้านหยวน ในเมืองฮาเอ่อร์ปิน (ฮาร์บิน) มณฑลเฮยหลงเจียง เปิดใช้เพียง 9 เดือน เกิดพังถล่ม มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บอีก 5 ราย

สื่อจีนรายงาน เมื่อเวลาประมาณ 05.30 น. ของวันนี้ ส่วนปลายของสะพานหยางหมิงทานเอนถล่มลงมายังพื้นถนนด้านล่างเป็นทางยาว 130 เมตร

ในที่เกิดเหตุ พบรถบรรทุกขนาดใหญ่ 4 คัน ล้มคว่ำอยู่บนพื้น เต็มไปด้วยรอยเลือด และเศษกระจกแตก ภายในรถมีผู้โดยสาร 8 คน เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 2 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 6 ราย ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว หนึ่งในนั้นทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตขณะนำตัวส่งโรงพยาบาล

ตามรายงาน สะพานหยางหมิงทาน ถือเป็นสะพานข้ามแม่น้ำขนาดมหึมาที่ยาวที่สุดในภาคเหนือของจีน และยังเป็นสะพานแขวนแห่งแรกของเมืองฮาเอ่อร์ปิน เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2552 โดยบริษัท ไชน่า เรลเวย์ เฟิร์ส กรุ๊ป จำกัด เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 2554 รวมระยะเวลาก่อสร้าง 18 เดือน ใช้งบประมาณการก่อสร้างราวๆ 1,882 ล้านหยวน

สะพานฯ นี้ ต้นสะพานเริ่มจากถนนซานหวน เขตซงเป่ย และสี่แยกถนนเวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์ในเมือง ทอดยาวข้ามผ่าน เกาะหยางหมิงทาน ในแม่น้ำซงฮวา ขนาดของสะพานฯ มีความยาว 15.42 กิโลเมตร กว้าง 41.5 เมตร มีช่องเดินรถ 8 ช่องทาง กำหนดความเร็วอยู่ที่ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง สามารถจุรถได้มากสุด 9,800 คัน/ชั่วโมง

สำนักข่าวซินหวารายงาน นับตั้งแต่เดือนก.ค. 2554 เป็นต้นมา เกิดเหตุสะพานสายหลักถล่มแล้วกว่า 6 ครั้ง อาทิ ในกรุงปักกิ่ง และเมืองหังโจว มณฑลเจ้อเจียง ซึ่งถูกมองว่าอาจมาจากการก่อสร้างที่มีคุณภาพต่ำ และมีน้ำหนักเกินสะพานจะรับไหว

ส่วนสาเหตุการเกิดสะพานถล่มครั้งนี้ กำลังอยู่ในขั้นตอนสืบสวนสอบสวน

จีนได้พัฒนาขยายโครงสร้างพื้นฐานและถนนหนทางอย่างรวดเร็วในช่วงสิบปีมานี้ขณะที่เศรษฐกิจกำลังบูม แต่ก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความปลอดภัยกันมาก

กรณีอุบัติเหตุที่สร้างความฮือฮาสุด ได้แก่ เหตุรถไฟฟ้าความเร็วสูงเสยท้ายที่เวินโจวเมื่อเดือนก.ค.ปีที่แล้ว มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 40 คน และกรณีรถไฟชนกันในเฮยหลงเจียงเมื่อวันพฤหัสฯ (23 ส.ค.) มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 24 ราย

เจ้าหน้าที่ในฮาเอ่อร์ปินยังไม่ให้ความเห็นใดๆ ต่ออุบัติเหตุในวันนี้ ซึ่งอุบัติตามติดกรณีประชาชน 2 คน เสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากเดินตกหลุมยักษ์กว้าง 10 เมตร ลึก 10 เมตร กลางถนน

ภาพเหตุการณ์สะพานฯ พังถล่มเมื่อเช้ามืดวันนี้ ในเมืองฮาเอ่อร์ปิน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 5 ราย (ภาพซินหวา/หวั่งอี้)

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>(1)</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>(2)</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>(3)</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>(4)</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=332><TBODY><TR><TD vAlign=top width=332 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>(5)</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>(6)</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>(7)</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>(8)</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>พบ “อะมีบากินสมอง” ในน้ำประปา เป็นสาเหตุคร่าชีวิต 2 ชาวอเมริกัน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>24 สิงหาคม 2555 15:39 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐฯพบสัตว์เซลล์เดียวจำพวกอะมีบาในระบบจ่ายน้ำประปา โดยอะมีบาที่พบ เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกัดกินสมองของผู้ได้รับเชื้อ จนนำไปสู่การเสียชีวิตของประชาชนอย่างน้อย 2 รายในมลรัฐลุยเซียนา

รายงานข่าวระบุว่า หลังการเสียชีวิตของชายวัย 28 ปี และสตรีวัย 51 ปี จากต่างพื้นที่ในมลรัฐลุยเซียนาที่ติดเชื้อจากสัตว์เซลล์เดียวจำพวกอะมีบาจากระบบน้ำประปาภายในบ้านของตัวเอง จนสมองถูกทำลายเมื่อปีที่แล้ว ทางศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติของสหรัฐฯ (ซีดีซี) รวมถึงสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ (เอฟดีเอ)ได้ออกคำเตือนประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวัง รวมถึงให้คำนึงถึงความสะอาดและปฏิบัติตามคำแนะนำที่เหมาะสม โดยเฉพาะหากมีการใช้น้ำประปาเพื่อการชำระล้างใดๆในบริเวณโพรงจมูก เนื่องจากผลการตรวจสอบพบว่า ส่วนดังกล่าวของร่างกาย เป็นต้นตอสำคัญของการติดเชื้อที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 รายดังกล่าว

ข้อมูลของทางการสหรัฐฯระบุว่า สัตว์เซลล์เดียวที่เป็นต้นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตในมลรัฐลุยเซียนานั้น เป็นตัวอะมีบาชนิด “เอ็น. ฟาวเลรี” ซึ่งพบได้ทั่วไปในทะเลสาบน้ำจืดหรือแม่น้ำที่อบอุ่นตามธรรมชาติ แต่ยังไม่เคยมีการพบในระบบน้ำประปามาก่อน
โดยหากอะมีบาชนิดนี้เข้าสู่ร่างกายอาจทำให้เกิดการติดเชื้ออย่างรุนแรง และนับตั้งแต่ปี ค.ศ.1962 เป็นต้นมา พบว่ามีผู้รอดชีวิตเพียงแค่ 1 รายเท่านั้น หลังจากเกิดการติดเชื้อมรณะดังกล่าว

ด้านโจนาธอน โยเดอร์ ผู้เชี่ยวชาญของซีดีซีออกมายอมรับว่า การพบผู้เสียชีวิต 2 รายที่ติดเชื้อจากน้ำประปาในมลรัฐลุยเซียนา ถือเป็นครั้งแรกในสหรัฐฯ แม้ก่อนหน้านี้จะเคยมีรายงานการพบการติดเชื้อในลักษณะที่คล้ายคลึงกันที่ออสเตรเลียและปากีสถานมาก่อนก็ตาม อย่างไรก็ดี โยเดอร์ ยอมรับว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า อะมีบามหาภัยชนิดดังกล่าวหลุดรอดเข้าไปในระบบท่อจ่ายน้ำประปาของมลรัฐลุยเซียนาได้อย่างไร

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>มลรัฐลุยเซียนา</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เผย “เพนตากอน” เตรียมแผนบุกซีเรีย หาก รบ. “อัสซาด” ส่อใช้อาวุธเคมี</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>24 สิงหาคม 2555 11:26 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือ “เพนตากอน” ร่างแผนการลับสุดยอดสำหรับการโจมตีแหล่งเก็บอาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพของซีเรียแล้ว ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่ระบุว่าอาจจำเป็นต้องใช้ปฏิบัติการทางทหาร หากระบอบการปกครองของบาชาร์ อัล อัสซาด ผู้นำซีเรียเริ่ม “ล้ำเส้น” ทั้งนี้เป็นรายงานซึ่งอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าววงใน

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ มีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโอบามา ผู้นำสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน แห่งสหราชอาณาจักร ได้หารือกันทางโทรศัพท์เมื่อวันพุธ (22) ที่ผ่านมา และต่างเห็นพ้องว่าจำเป็นต้องมีการดำเนินการบางอย่าง หากรัฐบาลซีเรียเริ่มใช้อาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพ หรือข่มขู่ว่าจะใช้อาวุธดังกล่าวจัดการกับฝ่ายต่อต้านในประเทศของตน ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมที่ “ล้ำเส้น” เกินกว่าที่มหาอำนาจทั้งสองจะยอมรับได้

แหล่งข่าวในเพนตากอนมากกว่า 1 รายเปิดเผยว่า แผนการดังกล่าวของสหรัฐฯจะครอบคลุมถึงการใช้หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ร่วมกับการโจมตีทางอากาศเพื่อเข้าควบคุมแหล่งอาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพของซีเรีย รวมถึงการปลดอาวุธดังกล่าวก่อนที่รัฐบาลดามัสกัสจะนำออกไปใช้

ท่าทีล่าสุดของทางการสหรัฐฯ มีขึ้นในขณะเดียวกันกับที่กลุ่มนักเคลื่อนไหวที่ต่อต้านรัฐบาลซีเรียออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า มีผู้เสียชีวิตในซีเรียแล้วมากกว่า 20,000 ราย นับตั้งแต่เกิดการลุกฮือของประชาชนเพื่อต่อต้านการปกครองของรัฐบาลอัสซาดเมื่อต้นปีที่แล้ว

ในอีกด้านหนึ่งมีรายงานจากสำนักข่าวอิตาร์-ทาสส์ของรัสเซียว่า กระทรวงต่างประเทศรัสเซียได้ออกคำแถลงซึ่งระบุว่าความสัมพันธ์ทางการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างรัฐบาลมอสโกกับรัฐบาลดามัสกัสจะยังคงดำเนินอยู่ต่อไป แม้ขณะนี้หลายประเทศจะประกาศมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจต่อซีเรียไปแล้ว นอกจากนั้น ทางกระทรวงฯยังเผยว่า มีความเป็นไปได้ที่อาจมีการพิจารณาปล่อยเงินกู้ยืมเป็นกรณีพิเศษให้กับรัฐบาลซีเรียอีกด้วย แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับวงเงินแต่อย่างใด

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>แผนที่แสดงที่ตั้งของแหล่งเก็บอาวุธร้ายแรงของซีเรีย</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="headline" align="left" valign="baseline">สะพานกว่าพันล้านหยวนในฮาร์บิน เปิดใช้ 9 เดือน พังพินาศ! สังเวยชีวิต 3 เจ็บอีก 5 </td></tr></tbody></table><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td bgcolor="#cccccc" height="1"></td></tr></tbody></table><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td height="40"><table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="center">
</td><td class="date" align="left" valign="center">24 สิงหาคม 2555 15:27 น.</td></tr></tbody></table><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="baseline"><table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="550"><tbody><tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">จากภาพ รถบรรทุกสินค้า 4 คัน พลิกคว่ำ ตกสู่พื้นถนนด้านล่าง เหตุสะพานหยางหมิงทานเกิดถล่มโดยไม่ทราบสาเหตุ เมื่อวันที่ 24 ส.ค. (ภาพหวั่งอี้)</td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td align="center" height="5" valign="top"></td></tr></tbody></table> เอเจนซี-- เช้ามืดวันนี้ (24 ส.ค.) เกิดเหตุสะพานแขวน 8 เลน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทางด่วนสนามบิน มูลค่าการก่อสร้าง 1.9 ล้านหยวน ในเมืองฮาเอ่อร์ปิน (ฮาร์บิน) มณฑลเฮยหลงเจียง เปิดใช้เพียง 9 เดือน เกิดพังถล่ม มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บอีก 5 ราย

สื่อจีนรายงาน เมื่อเวลาประมาณ 05.30 น. ของวันนี้ ส่วนปลายของสะพานหยางหมิงทานเอนถล่มลงมายังพื้นถนนด้านล่างเป็นทางยาว 130 เมตร

ในที่เกิดเหตุ พบรถบรรทุกขนาดใหญ่ 4 คัน ล้มคว่ำอยู่บนพื้น เต็มไปด้วยรอยเลือด และเศษกระจกแตก ภายในรถมีผู้โดยสาร 8 คน เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 2 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 6 ราย ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว หนึ่งในนั้นทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตขณะนำตัวส่งโรงพยาบาล

ตามรายงาน สะพานหยางหมิงทาน ถือเป็นสะพานข้ามแม่น้ำขนาดมหึมาที่ยาวที่สุดในภาคเหนือของจีน และยังเป็นสะพานแขวนแห่งแรกของเมืองฮาเอ่อร์ปิน เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2552 โดยบริษัท ไชน่า เรลเวย์ เฟิร์ส กรุ๊ป จำกัด เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 2554 รวมระยะเวลาก่อสร้าง 18 เดือน ใช้งบประมาณการก่อสร้างราวๆ 1,882 ล้านหยวน

สะพานฯ นี้ ต้นสะพานเริ่มจากถนนซานหวน เขตซงเป่ย และสี่แยกถนนเวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์ในเมือง ทอดยาวข้ามผ่าน เกาะหยางหมิงทาน ในแม่น้ำซงฮวา ขนาดของสะพานฯ มีความยาว 15.42 กิโลเมตร กว้าง 41.5 เมตร มีช่องเดินรถ 8 ช่องทาง กำหนดความเร็วอยู่ที่ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง สามารถจุรถได้มากสุด 9,800 คัน/ชั่วโมง

สำนักข่าวซินหวารายงาน นับตั้งแต่เดือนก.ค. 2554 เป็นต้นมา เกิดเหตุสะพานสายหลักถล่มแล้วกว่า 6 ครั้ง อาทิ ในกรุงปักกิ่ง และเมืองหังโจว มณฑลเจ้อเจียง ซึ่งถูกมองว่าอาจมาจากการก่อสร้างที่มีคุณภาพต่ำ และมีน้ำหนักเกินสะพานจะรับไหว

ส่วนสาเหตุการเกิดสะพานถล่มครั้งนี้ กำลังอยู่ในขั้นตอนสืบสวนสอบสวน

จีนได้พัฒนาขยายโครงสร้างพื้นฐานและถนนหนทางอย่างรวดเร็วในช่วงสิบปีมานี้ขณะที่เศรษฐกิจกำลังบูม แต่ก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความปลอดภัยกันมาก

กรณีอุบัติเหตุที่สร้างความฮือฮาสุด ได้แก่ เหตุรถไฟฟ้าความเร็วสูงเสยท้ายที่เวินโจวเมื่อเดือนก.ค.ปีที่แล้ว มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 40 คน และกรณีรถไฟชนกันในเฮยหลงเจียงเมื่อวันพฤหัสฯ (23 ส.ค.) มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 24 ราย

เจ้าหน้าที่ในฮาเอ่อร์ปินยังไม่ให้ความเห็นใดๆ ต่ออุบัติเหตุในวันนี้ ซึ่งอุบัติตามติดกรณีประชาชน 2 คน เสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากเดินตกหลุมยักษ์กว้าง 10 เมตร ลึก 10 เมตร กลางถนน

ภาพเหตุการณ์สะพานฯ พังถล่มเมื่อเช้ามืดวันนี้ ในเมืองฮาเอ่อร์ปิน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 5 ราย (ภาพซินหวา/หวั่งอี้)

</td></tr><tr><td class="body" align="left" valign="baseline"><table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"><tbody><tr><td align="center" valign="top" width="500"> </td></tr><tr><td class="Image" align="left" valign="baseline"><center>(1)</center></td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td align="center" height="5" valign="top"></td></tr></tbody></table>

</td></tr><tr><td class="body" align="left" valign="baseline"><table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"><tbody><tr><td align="center" valign="top" width="500"> </td></tr><tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">
</td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td align="center" height="5" valign="top">
</td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td class="body" align="left" valign="baseline">
</td></tr><tr><td class="body" align="left" valign="baseline">
</td></tr><tr><td class="body" align="left" valign="baseline">
</td></tr><tr><td class="body" align="left" valign="baseline">
</td></tr><tr><td class="body" align="left" valign="baseline">
</td></tr><tr><td class="body" align="left" valign="baseline">
</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>การรีบเร่งพัฒนาด้านวัตถุอย่างสุกเอาเผากินของจีนเพื่อให้ทัดเทียมประเทศมหาอำนาจอื่น เพื่อความเป็นมหาอำนาจของตนเอง ได้ก่อให้เกิดเหตุสะเทือนใจครั้งแล้วครั้งเล่า ปีละหลาย ๆ ครั้ง ดูนะครับ เมื่อพายุใหญ่เข้าจีนบ่อยครั้ง จะเกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมใหญ่ แล้วรอดูเขื่อนเล็กเขื่อนใหญ่ของจีนจะพังทะลายจนคนตายหลายล้านคน ใครจะไปเที่ยวจีนต้องระวังทุกเรื่องราว ตั้งแต่เรื่ีองกิน เรื่องอึ เรื่องเดินทาง จนกระทั่งนอนหลับอยู่บนโรงแรมหรู จะเกิดเหตุร้ายอะไรขึ้น

 

ATMเออเร่อ!กดเงินได้กระดาษ

หนุ่มสมุทรปราการ กดเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม กลับได้กระดาษ แจ้งธนาคารต้นสังกัด ตรวจสอบ 7 วัน ทนรอครบกำหนด จนท.ธนาคารแจ้งไม่พบความผิดปกติ โร่แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 24 ส.ค. 55 ในขณะที่ ร.ต.ท.ฐากร เขียนสะอาด ร้อยเวร สภ.เมืองสมุทรปราการ กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก นายเจษฎา ลัดกระทุ่ม อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/117 หมู่ 6 ต.บางเมืองใหม่ อ.เมือง สมุทรปราการ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ขอลงบันทึกประจำวันเอาไว้เป็นหลักฐาน ในกรณีที่ตนนำบัตรเอทีเอ็มไปกดเบิกเงินสดจากตู้เอทีเอ็มจำนวน 2 พันบาท แต่เงินกลับออกมาเป็นธนบัตร ใบละ 1 พันบาท 1 ใบ กับกระดาษเปล่าอีก 1 ใบ แต่ยอดเงินในบัญชีถูกหักไปแล้ว 2 พันบาท
<!-- inside news --><SCRIPT type=text/javascript src="http://partner.googleadservices.com/gampad/google_service.js"> </SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript> GS_googleAddAdSenseService("ca-pub-1114872005097511"); GS_googleEnableAllServices(); </SCRIPT><SCRIPT src="http://partner.googleadservices.com/gampad/google_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript> GA_googleAddSlot("ca-pub-1114872005097511", "Insidenews"); </SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript> GA_googleFetchAds(); </SCRIPT><!-- Insidenews --><SCRIPT type=text/javascript> GA_googleFillSlot("Insidenews"); </SCRIPT><SCRIPT src="http://pubads.g.doubleclick.net/gampad/ads?correlator=2129214016878957&output=json_html&callback=GA_googleSetAdContentsBySlotForSync&impl=s&client=ca-pub-1114872005097511&slotname=Insidenews&page_slots=Insidenews&cookie_enabled=1&url=http%3A%2F%2Fwww.komchadluek.net%2Fdetail%2F20120824%2F138444%2FATM%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%AD!%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A9.html&ref=http%3A%2F%2Fwww.komchadluek.net%2Findex.php&lmt=1009821871&dt=1009821871484&cc=58&oe=windows-874&biw=1131&bih=633&adk=4030606619&adx=78&ady=929&ifi=1&oid=3&u_tz=420&u_java=true&u_h=864&u_w=1152&u_ah=834&u_aw=1152&u_cd=32&flash=10.0.32.18&gads=v2&ga_vid=1367903064.1009821753&ga_sid=1009821753&ga_hid=790453349&ga_fc=true"></SCRIPT> โดยนายเจษฎา ได้เล่าว่า เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา ตนได้เดินทางมาเบิกเงินสดจากตู้เอทีเอ็มของ ธ.พาณิชย์ แห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ข้างร้าน 7-11 ที่หมู่ 6 ต.บางเมืองใหม่ อ.เมือง สมุทรปราการ โดยได้ใช้บัตรเอทีเอ็มเดียวกับตู้เอทีเอ็มของ ธ.พาณิชย์ หลังจากใส่รหัสเรียบร้อย ได้กดจำนวนเงินที่ต้องการเบิกจำนวน 2 พันบาท สักพักตู้ก็จ่ายเงินออกมาทางช่องรับเงินด้านล่าง เป็นธนบัตรใบละ 1 พันบาทอยู่ด้านบน หลังจากตนหยิบเงินออกมาก็ต้องแปลกใจ ว่าทำไมธนบัตรด้านล่างจึงเล็กกว่า และพบว่าที่อยู่ด่านล่างไม่ใช่ธนบัตรแต่อย่างใด กลับเป็นกระดาษเปล่าที่ด้านหน้ามีสีดำ มีตัวเลขและภาษาอังกฤษเขียน และมีเส้นใต้สีขาวขีดเอาไว้ ตนจึงได้ใช้บัตรใบเดิม กดตรวจสอบยอดเงินที่ตู้เดิมอีกครั้ง พบว่ายอดเงินได้หายออกไปจากบัญชีจำนวน 2 พันบาท ตามที่ตนได้กดเบิกไว้ในครั้งแรก แต่กลับได้ธนบัตรใบละ 1 พันบาท มาเพียงใบเดียว กับกระดาษเปล่า 1 ใบ

เมื่อโทรศัพท์ติดต่อไปทางธนาคารเจ้าของบัตร พนักงานได้แจ้งว่าขอตรวจสอบตู้เอทีเอ็มตู้ดังกล่าวก่อน โดยจะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบเป็นเวลา 7 วัน ตนจึงได้รอจนกระทั่งในวันนี้ (24 ส.ค.) ครบวันที่ 7 ตนได้โทรกลับไปสอบถามพนักงานของธนาคาร ซึ่งได้แจ้งว่าตู้บริการเงินด่วนตู้ดังกล่าวทำงานเป็นปกติไม่ได้ขัดข้องแต่อย่างใด สำหรับในเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด พร้อมทั้งได้แนะนำให้ตนนำหลักฐานทั้งหมดที่มีอยู่ไปแจ้งความร้องทุกข์ ขอลงประจำวันไว้เป็นหลักฐานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และให้ส่งเอกสารทั้งหมดกลับมาให้ทางธนาคารเพื่อตรวจสอบ โดยจะใช้เวลาอีกประมาณ 3 วัน
"ตนจึงได้นำกระดาษใบดังกล่าว ที่ออกมาจากตู้เอทีเอ็มตู้ดังกล่าว เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ ขอลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ"
ด้าน ร.ต.ท.ฐากร เขียนสะอาด พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้กล่าวว่า สำหรับในกรณีนี้ ตั้งแต่ตนเป็นตำรวจเพิ่งพบเป็นครั้งแรก ที่ตู้บริการเงินด่วนจ่ายธนบัตรผิดพลาด จากธนบัตรใบละพันเป็นกระดาษเปล่า ซึ่งเชื่อว่ากระดาษใบดังกล่าว น่าจะเป็นกระดาษที่ใช้คั่นกลางระหว่างธนบัตรขนาดอื่นๆ มากกว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องลงบันทึกประจำวันเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ผู้เสียหายนำหลักฐานไปแสดงต่อธนาคารต้นสังกัด ซึ่งเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ทางธนาคารต้นสังกัดน่าจะรับผิดชอบให้ เพราะเป็นเงินเพียงเล็กน้อย และทางธนาคารต้นสังกัดต้องทำการตรวจสอบตู้เอทีเอ็มตู้ดังกล่าวว่า เกิดการผิดพลาดเพราะเหตุใด

 

​

นักวิจัยชี้พบโรคใหม่คล้าย'เอดส์'ในเอเชีย

นักวิจัยสหรัฐฯ ชี้พบโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเองชนิดใหม่ในทวีปเอเชีย มีอาการคล้ายกับโรคเอดส์


24 ส.ค.55 นักวิจัยของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ หรือ NIH ของสหรัฐ เผยแพร่รายงานการวิจัยลงในเวบไซต์ของวารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์ ระบุว่า โรคใหม่คือ โรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเองในวัยผู้ใหญ่ หรือ อดัลต์ ออนเซ็ต อิมมูโนดีเฟียนซี ซินโดรม (adult-onset immunodeficiency syndrome) ผู้ป่วยจะมีปัญหาระบบภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง ทำให้ร่างกายไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรค และจะมีอาการป่วยคล้ายกับโรคเอดส์ แม้ไม่ได้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวีก็ตาม โรคนี้ไม่ใช่โรคติดต่อจากคนสู่คน ไม่ได้ถ่ายทอดทางพันธุกรรม และมักเกิดในผู้ใหญ่มีอายุตั้งแต่เกือบ 50 ปีขึ้นไป
<!-- inside news --><SCRIPT type=text/javascript src="http://partner.googleadservices.com/gampad/google_service.js"> </SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript> GS_googleAddAdSenseService("ca-pub-1114872005097511"); GS_googleEnableAllServices(); </SCRIPT><SCRIPT src="http://partner.googleadservices.com/gampad/google_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript> GA_googleAddSlot("ca-pub-1114872005097511", "Insidenews"); </SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript> GA_googleFetchAds(); </SCRIPT><!-- Insidenews --><SCRIPT type=text/javascript> GA_googleFillSlot("Insidenews"); </SCRIPT><SCRIPT src="http://pubads.g.doubleclick.net/gampad/ads?correlator=1533068874419257&output=json_html&callback=GA_googleSetAdContentsBySlotForSync&impl=s&client=ca-pub-1114872005097511&slotname=Insidenews&page_slots=Insidenews&cookie_enabled=1&url=http%3A%2F%2Fwww.komchadluek.net%2Fdetail%2F20120824%2F138425%2F%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B9%8C%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A2.html&ref=http%3A%2F%2Fwww.komchadluek.net%2Findex.php&lmt=1009822182&dt=1009822182984&cc=60&oe=windows-874&biw=1131&bih=633&adk=4030606619&adx=78&ady=927&ifi=1&oid=3&u_tz=420&u_java=true&u_h=864&u_w=1152&u_ah=834&u_aw=1152&u_cd=32&flash=10.0.32.18&gads=v2&ga_vid=2060553754.1009822183&ga_sid=1009822183&ga_hid=1178069741"></SCRIPT> โรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเองชนิดนี้เป็นโรคภูมคุ้มกันบกพร่องชนิดหนึ่ง เริ่มปรากฏครั้งแรกเมื่อปี 2547 ส่วนใหญ่เกิดขี้นไทยและไต้หวัน และสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐเริ่มการศึกษาเกี่ยวกับโรคนี้ในปี 2548

ดร.ซารา บราวน์ นักวิทยาศาสตร์ ของสถาบันโรคติดเชื้อและโรคภูมิแพ้แห่งชาติของสหรัฐเป็นหัวหน้านักวิจัยที่ทำการศึกษาโรคนี้ร่วมกับนักวิจัยในไทยและไต้หวัน เธอบอกว่า เราพบโรคนี้ในสหรัฐด้วย จนถึงขณะนี้มีผู้ป่วย 12 ราย ทั้งหมดมีเชื้อสายชาวเอเชีย
ผลงานวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาผู้ป่วยกว่า 200 คน ซึ่งเกือบทั้งหมดอยู่ในไทยและไต้หวัน อายุระหว่าง 18-78 ปี และไม่ได้ติดเชื้อเอชไอวี เพื่อมุ่งหาคำตอบว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายสร้างแอนตี้บอดี้ขึ้นมาจนทำลายตัวเอง แตกต่างจากโรคเอดส์ที่มีเชื้อไวรัสเอชไอวี ทำให้ระบบภูมคุ้มกันบกพร่อง จนทำให้ผู้ป่วยรับเชื้อโรคได้ง่ายและเกิดอาการป่วยต่างๆตามมา
ทั้งดร.บราวน์ และดร.แอนโทนี่ ฟอซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคติดเชื้อและโรคภูมิแพ้แห่งชาติ เชื่อว่าปัจจัยทางพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมมีส่วนสำคัญต่อภาวะภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง เห็นได้จากผู้ป่วยเท่าที่พบล้วนเป็นชาวเอเชีย
ผลการวิจัยพบว่า ผู้ป่วยกว่า 200 คนที่ทำการศึกษา จะสร้างสารที่เรียกว่าแอนตี้บอดี้ทำลายตัวเอง ขึ้นมาปิดกั้นอินเตอร์เฟอรอน แกมมา สารโปรตีนในร่างกายที่จะช่วยยับยั้งการติดเชื้อต่างๆ ทำให้ร่างกายสามารถติดเชื้อไวรัส รา ปรสิต และโดยเฉพาะแบคทีเรียได้ง่าย ทำให้เชื่อว่าจะสามารถหาทางรักษาโรคนี้ได้ด้วยการพุ่งเป้าไปที่เซลล์ที่ผลิตแอนตี้บอดี้ทำลายตัวเอง

 

​

พายุไต้ฝุ่น 'เทมบิง' พัดขึ้นฝั่งไต้หวันแล้ว ด้วยความเร็วลม 155 กม./ชม.

24 ส.ค.55 พายุไต้ฝุ่น "เทมบิง" พัดขึ้นฝั่งในเมืองผิงตง ทางภาคภาคใต้ของไต้หวันด้วยความเร็วลม 155 กม./ชม. เมื่อเวลา ตี 5 วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนเคลื่อนตัวออกจากไต้หวันลงสู่ทะเลไปแล้วในอีก 2 ชั่วโมงครึ่งถัดมา โดยขณะนี้ยังอยู่ในบริเวณช่องแคบระหว่างไต้หวันและจีน และอาจสามารถขึ้นฝั่งได้อีก
<!-- inside news --><SCRIPT type=text/javascript src="http://partner.googleadservices.com/gampad/google_service.js"> </SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript> GS_googleAddAdSenseService("ca-pub-1114872005097511"); GS_googleEnableAllServices(); </SCRIPT><SCRIPT src="http://partner.googleadservices.com/gampad/google_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript> GA_googleAddSlot("ca-pub-1114872005097511", "Insidenews"); </SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript> GA_googleFetchAds(); </SCRIPT><!-- Insidenews --><SCRIPT type=text/javascript> GA_googleFillSlot("Insidenews"); </SCRIPT><SCRIPT src="http://pubads.g.doubleclick.net/gampad/ads?correlator=4493711967705238&output=json_html&callback=GA_googleSetAdContentsBySlotForSync&impl=s&client=ca-pub-1114872005097511&slotname=Insidenews&page_slots=Insidenews&cookie=ID%3D8e33c201e4132fe2%3AT%3D1345817701%3AS%3DALNI_MbDKTZnB83CxsvWQoY2h24IH4arJg&url=http%3A%2F%2Fwww.komchadluek.net%2Fdetail%2F20120824%2F138424%2F%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%9D%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9D%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7!.html&ref=http%3A%2F%2Fwww.komchadluek.net%2Findex.php&lmt=1009822392&dt=1009822392953&cc=63&oe=windows-874&biw=1131&bih=633&adk=4030606619&adx=78&ady=873&ifi=1&oid=3&u_tz=420&u_java=true&u_h=864&u_w=1152&u_ah=834&u_aw=1152&u_cd=32&flash=10.0.32.18&gads=v2&ga_vid=2060553754.1009822183&ga_sid=1009822183&ga_hid=782131335&ga_fc=true"></SCRIPT> อิทธิพลของพายุทำให้เกิดลมกระโชกแรงและฝนตกหนักจนเกิดน้ำท่วม ต้นไม้หักโค่นกีดขวางถนน หลังคาบ้านเรือนปลิวเสียหายแต่ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ได้อพยพประชาชนล่วงหน้าเกือบ 6,500 คนออกจากพื้นที่แถบภูเขาที่เสี่ยงเกิดดินถล่มล่วงหน้าก่อนแล้วตั้งแต่เมื่อวาน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความสูญเสียซ้ำรอยเหตุการณ์พายุไต้ฝุ่นมรกตพัดถล่มเมื่อปี 2552 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 600 คน

นอกจากนี้กองทัพได้เตรียมกำลังทหาร 50,000 นาย พร้อมทั้งจัดเรือยางและยานยนต์สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกไว้ให้ความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ ขณะที่โรงเรียนหลายแห่งทั่วภาคตะวันออกเฉียงใต้ปิดการเรียนการสอน เที่ยวบินในเมืองฮัวเหลียนถูกยกเลิกทั้งหมด บ้านเรือนและธุรกิจร้านค้าได้ใช้แผ่นไม้ปิดกั้นกระจกหน้าต่างเพื่อไม่ให้แตกเสียหายเนื่องจากลมพายุ
ขณะเดียวกันมีรายงานว่าญี่ปุ่นกำลังจับตาพายุไต้ฝุ่น "โบลาเวน" ที่มุ่งหน้าสู่ภาคใต้และอาจเคลื่อนตัวถึงญี่ปุ่นช่วงสุดสัปดาห์นี้ โดยพายุมีความเร็วลม 144 กม./ม. และอิทธิพลของพายุอาจส่งผลกระทบต่อหลายจังหวัดภาคใต้ รวมถึงโอกินาว่าในวันอาทิตย์

 

แล้วอย่างนี้เราจะกล้าขึ้นรถไฟฟ้าที่ทำจากจีนกันหรือ (ไม่เกี่ยว แต่ QC คงไม่ต่างกันนัก)

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>จีน-เกาหลีใต้จุดไฟพิพาทหมู่เกาะ“เตี้ยวอี๋ว์-ด๊กโด”ท้าทายอำนาจโตเกียว</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>25 สิงหาคม 2555 09:51 น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550><TBODY><TR><TD vAlign=top width=550 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>หมู่เกาะด๊กโด หรือทาเกชิมะ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> กระแสต่อต้านญี่ปุ่นได้ลุกลามไปตามเมืองต่างๆของจีน อาทิ กวางโจว, เซินเจิ้น และชิงเต่า โดยผู้ประท้วงเรียกร้องให้นักเคลื่อนไหวญี่ปุ่นออกจากหมู่เกาะเตี้ยวอี๋ว์ บางรายเข้าทุบทำลายร้านค้าของชาวญี่ปุ่น และพลิกคว่ำทำลายรถยนต์ญี่ปุ่นเสียหายเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้โตเกียวต้องออกมาเรียกร้องให้จีนช่วยปกป้องพลเมือง และอย่านำประเด็นพิพาทหมู่เกาะมาบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ญี่ปุ่นอ้างว่าเริ่มสำรวจหมู่เกาะเซ็งกากุตั้งแต่ปี 1885 และพบว่าเป็นดินแดนที่ “ปราศจากผู้อยู่อาศัย และไม่มีร่องรอยการครอบครองของจีน” ต่อมาจึงได้ทำเครื่องหมายผนวกหมู่เกาะเซ็งกากุเข้าเป็นส่วนหนึ่งของแดนอาทิตย์อุทัย เมื่อวันที่ 14 มกราคม ปี 1895

รัฐบาลญี่ปุ่นชี้ว่า จีนและไต้หวันเพิ่งจะมาอ้างสิทธิ์เหนือหมู่เกาะเซ็งกากุในทศวรรษที่ 1970 หลังพบความเป็นไปได้ว่าท้องทะเลบริเวณนี้อาจเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่

ด้านสำนักข่าวซินหัวของจีนก็อ้างบันทึกทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับหมู่เกาะเตี้ยวอี๋ว์ที่ย้อนไปถึงสมัยจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง (1403-1424) และแผนที่ที่ญี่ปุ่นตีพิมพ์เมื่อปี 1780 ก็ดูจะสนับสนุนคำกล่าวอ้างของจีนด้วย

จีนระบุว่า อธิปไตยของตนเหนือหมู่เกาะแห่งนี้เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่ว ก่อนที่ผลของสงครามระหว่างจีน-ญี่ปุ่นในปี 1894-5 จะทำให้เกาะเตี้ยวอี๋ว์ตกไปอยู่ในความครอบครองของญี่ปุ่นและไต้หวัน

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=323><TBODY><TR><TD vAlign=top width=323 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>นักเคลื่อนไหวชาวญี่ปุ่นขึ้นไปปักธงชาติบนหมู่เกาะเซ็งกากุ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> โตเกียวกับการสูญเสียอิทธิพลในศตวรรษที่ 21

ข้อพิพาทเรื่องหมู่เกาะกับอดีตอาณานิคมถือเป็นวิกฤตที่ซ้ำเติมรัฐบาล โยชิฮิโกะ โนดะ ซึ่งต้องเผชิญทั้งกระแสต่อต้านพลังงานนิวเคลียร์ในประเทศ ตลอดจนคำวิจารณ์แผนขึ้นภาษีผู้บริโภคเพื่อลดหนี้สาธารณะที่สูงท่วมเพดาน ทั้งหมดนี้ทำให้คะแนนนิยมของรัฐบาลร่วงดิ่งเหว จนมีแนวโน้มว่าจะต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ภายในฤดูใบไม้ร่วงที่จะถึงนี้

หมู่เกาะพิพาททั้ง 3 แห่งนอกจากจะเป็นแหล่งทรัพยากรในเชิงปิโตรเคมี, แร่ธาตุ และการประมงแล้ว ยังมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกในยุคที่จีนเริ่มขยายอิทธิพล

ฮิเดชิ ทาเกซาดะ อาจารย์ผู้สอนวิชาเอเชียศึกษาจากมหาวิทยาลัยยอนเซในเกาหลีใต้ อธิบายว่า หมู่เกาะเซ็งกากุเป็นเสมือน “หน้าต่าง” สู่ภาคพื้นทวีป หากญี่ปุ่นเสียหมู่เกาะแห่งนี้ให้กับจีน ก็เปรียบเสมือนเสียเมืองหน้าด่าน และหากไม่ตอบโต้อย่างแข็งกร้าว ก็จะยิ่งเพิ่มความได้เปรียบต่อปักกิ่งในข้อพิพาทด้านอื่นๆ

ทาเกชิ เทราดะ อาจารย์มหาวิทยาลัยโดชิชะ เมืองเกียวโต ให้ความเห็นว่า ปัญหาส่วนหนึ่งเกิดจากความอ่อนประสบการณ์ของพรรค เดโมเครติก ปาร์ตี ออฟ เจแปน ซึ่งเพิ่งจะฝ่าด่านอรหันต์ของพรรคแอลดีพีที่ครองอำนาจอย่างต่อเนื่องมาเกือบ 5 ทศวรรษเข้ามาเป็นรัฐบาลได้เมื่อปี 2009 นี้เอง นอกจากนี้ การเปลี่ยนตัวผู้นำรัฐบาลหลายครั้งในรอบไม่กี่ปีก็ยิ่งบั่นทอนความเข้มแข็งของการเมืองญี่ปุ่น จนทำให้คู่ขัดแย้งย่ามใจว่าญี่ปุ่นคงไม่สามารถตอบโต้การยั่วยุต่างๆได้เต็มที่

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550><TBODY><TR><TD vAlign=top width=550 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ผู้ประท้วงชาวจีนออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านการละเมิดอธิปไตยเหนือหมู่เกาะเตี้ยวอี๋ว์</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> ความช่วยเหลือทางการเงินและเทคโนโลยีที่ญี่ปุ่นเคยมอบแก่เพื่อนบ้านช่วยให้ความสัมพันธ์เป็นไปในทางประนีประนอมมาโดยตลอด แต่หลังจากเศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มถดถอย ซึ่งตรงข้ามกับจีนที่กำลังแผ่อิทธิพลอย่างกว้างขวาง ดุลอำนาจในภูมิภาคนี้จึงเริ่มเปลี่ยนแปลงไป

กระแสต่อต้านฐานทัพสหรัฐฯของชาวเกาะโอกินาวาที่ทำให้วอชิงตันกับโตเกียวเริ่มหมางใจกัน ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้คู่กรณีของญี่ปุ่นกล้ามีปากมีเสียงมากขึ้น

กระนั้นก็ดี นักวิเคราะห์ก็เตือนว่าญี่ปุ่นไม่อาจแก้สถานการณ์ด้วยการหันไปพึ่งอิทธิพลของพญาอินทรีเหมือนเช่นที่ผ่านมา เพราะสหรัฐเองก็ต้องพยายามรักษาผลประโยชน์ของตนไว้ และยิ่งไม่ต้องการขัดแย้งกับจีนและเกาหลีใต้โดยไม่จำเป็น

กระบวนการเปลี่ยนผู้นำในจีนและเกาหลีใต้ยังเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นให้ทั้ง 2 ชาติพยายามโหมกระแสพิพาทดินแดนกับญี่ปุ่นในช่วงนี้ เพื่อสร้างภาพลักษณ์รัฐบาลที่เข้มแข็ง และดึงคะแนนนิยมจากพลเมืองของตนเอง

แม้การปะทะด้วยกำลังทหารอาจจะยังไม่เกิดขึ้นในระยะอันใกล้ แต่แนวโน้มการสะสมอาวุธในภูมิภาคนี้ก็เป็นสัญญาณเตือนว่า การเผชิญหน้าระหว่างญี่ปุ่นกับเพื่อนบ้านใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้น และเป็นสิ่งที่ทั่วโลกจะต้องจับตาอย่างใกล้ชิดต่อไป
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ฝนตกหนักในรัฐราชสถานของอินเดีย ตาย 27 อพยพหลายพัน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>24 สิงหาคม 2555 02:00 น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>สภาพบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากฝนตกหนักและอุทกภัยในอินเดีย</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี - ภาวะฝนตกหนักช่วง 2 วันที่ผ่านมา คร่าชีวิตชาวบ้านในรัฐราชสถาน ทางตะวันตกของอินเดียไปอย่างน้อย 27 คนและอีกหลายพันคนต้องไร้ที่อยู่อาศัย เจ้าหน้าที่เผิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (23)

“มีอยู่ 27 คนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับฝน และจำนวนผู้เสียชีวิตมากที่สุดเกิดขึ้นในชัยปุระ เมืองหลวงของรัฐ” เจ้าหน้าที่รายหนึ่งจากสำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งรัฐบอกกับเอเอฟพี

พายุฝนฟ้าคะนองเริ่มขึ้นตั้งแต่ค่ำคืนวันอังคาร (21) นำมาซึ่งอุทกภัยในรัฐที่โดยปกติแล้วมักมีแต่ความแห้งแล้ง “หลายพื้นที่ในเขตต่างๆ ภายในรัฐจมอยู่ใต้บาดาลหลังจากเกิดฝนตกหนัก” บริเจนดรา โอลา รัฐมนตรีจัดการภัยพิบัติแห่งรัฐราชสถานกล่าว

“เราพยายามให้ความช่วยเหลือชาวบ้าน เราดำเนินการอพยพประชาชนในพื้นที่ราบต่ำไปยังสถานที่ต่างๆ ที่มีความปลอดภัยมากกว่า เช่น ศาลาประชาคม โรงเรียน และอาคารทั้งหลาย” เขากล่าว พร้อมเผยว่าเครื่องจักรกลงานดินและปั๊มน้ำถูกส่งเข้าไปยังพื้นที่เพื่เสริมปฏิบัติการกู้ภัย

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งรัฐระบุว่า เมืองชัยปุระกำลังประสบกับภาวะฝนตกหนักที่สุดนับตั้งแต่ปี 1981 จนเป็นเหตุให้น้ำทะลักเข้าท่วมแถบราบลุ่มและพื้นที่สลัมใกล้เคียง

เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียก็เพิ่งประสบภาวะฝนตกหนัก คร่าชีวิตชาวบ้านไปมากกว่า 120 คน และอีกกว่า 6 ล้านคนต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัย

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>น้ำป่าชายแดนไทย-พม่าทะลัก ทำถนนแม่ฮ่องสอนพัง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>24 สิงหาคม 2555 23:03 น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right><TBODY><TR><TD width=5></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=448><TBODY><TR><TD vAlign=top width=448 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ถนนสายบ้านสบสอย-ในสอย ต.ปางหมู อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ถูกกระแสน้ำป่ากัดเซาะได้รับความเสียหาย จนถึงยังไม่มีหน่วยงานเข้าไปดำเนินการแก้ไข เสี่ยงอันตรายสำหรับผู้ที่ใช้รถในช่วงเวลากลางคืน </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> แม่ฮ่องสอน - ฝนตกตามเทือกเขาส่งผลให้น้ำป่ากัดเซาะถนนสายบ้านสบสอย-ในสอย เมืองสามหมอก พัง! จนถึงขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานเข้าไปดูแล หวั่นชาวบ้านได้รับอันตรายช่วงเวลากลางคืน

นายมงคล มั่นคง ผู้ใหญ่บ้านสบสอย หมู่ที่ 7 ตำบลปางหมู อ.เมืองแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า หลังจากเกิดฝนตกหนักตามเมือกเขาชายแดนไทยพม่า คืนที่ผ่านมา ล่าสุดได้ส่งผลให้น้ำป่ากัดเซาะถนนสายบ้านสบในสอย - ในสอย ต.ปางหมู อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ได้รับความเสียหาย ใต้พื้นถนนถูกน้ำป่ากัดเซาะเป็นโพรงลึก เสี่ยงอันตรายสำหรับผู้ที่ใช้รถสัญจรไปมา ซึ่งตนได้รายงานให้ทางอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน พร้อมภาพถ่ายทราบตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา (24 ส.ค.55) จนถึงขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาดำเนินการ

สำหรับถนนสายบ้านสบสอย -ในสอย ต.ปางหมู อ.เมืองแม่ฮ่องสอน อยู่ในความรับผิดชอบสำนักงานทางหลวงชนบทแม่ฮ่องสอน

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>น้ำโขงที่หนองคายสูงอีกรอบ ปภ. แจ้งเตือนประชาชนด่วน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>24 สิงหาคม 2555 23:10 น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> หนองคาย-ระดับน้ำโขงที่จังหวัดหนองคาย มีระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกรอบ ล่าสุดสูงเกือบ 11 เมตร แล้ว สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยมีหนังสือด่วนที่สุด ถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนในพื้นที่ แจ้งเตือนประชาชนที่มีบ้านเรือนอยู่ริมแม่น้ำโขงให้เตรียมความพร้อมหากเกิดน้ำท่วมฉับพลัน

วันนี้ (24 ส.ค. 55) ระดับน้ำโขงที่จังหวัดหนองคาย มีปริมาณสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น. วัดที่ส่วนอุทกวิทยาหนองคาย กรมทรัพยากรน้ำ ระดับน้ำอยู่ที่ 10.89 เมตร และมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง เฉพาะวันนี้วันเดียวมีระดับสูงขึ้นจากวันที่ผ่านมาถึง 0.32 เมตร จากการพยากรณ์ในระยะ 5 วันข้างหน้า ระดับน้ำโขงอาจมีระดับสูงเพิ่มขึ้นเกินระดับแจ้งเตือนที่ระดับ 11.40 เมตร

ล่าสุดสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยมีหนังสือด่วนที่สุด ถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนในพื้นที่ แจ้งเตือนประชาชนที่มีบ้านเรือนอยู่ริมแม่น้ำโขงให้เตรียมความพร้อมหากเกิดน้ำท่วมฉับพลัน

จากระดับน้ำโขงที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้น้ำโขงได้ไหลเข้าประตูระบายน้ำของเทศบาลเมืองหนองคาย จนต้องปิดประตูระบายน้ำไปแล้ว 6 จุด จากทั้งหมด 7 จุด และมีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำไว้ 4 จุด รวมทั้งหมด 7 เครื่อง แยกเป็นที่ประตูน้ำซอยวัดธาตุ 3 เครื่อง , ซอยสระแก้ว 2 เครื่อง , ซอยศรีคุณเมือง 1 เครื่อง , และซอยวัดหายโศก อีก 1 เครื่อง

พร้อมจัดเวรยามเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเข้าเวรยามเฝ้าติดตามสถานการณ์ เวรยามละ 10 คน ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งหากระดับน้ำโขงมีระดับสูงถึง 11.40 น. เทศบาลเมืองหนองคาย จะออกหน่วยเคลื่อนที่แจ้งเตือนประชาชนภายในเขตเทศบาล สำหรับระดับวิกฤติของแม่น้ำโขงที่จังหวัดหนองคาย จะอยู่ที่ 12.20 เมตร ซึ่งน้ำโขงจะล้นตลิ่งเข้าท่วมภายในเขตเทศบาลเมืองหนองคายได้
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>