สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. kimberly

    kimberly เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,627
    ค่าพลัง:
    +5,233
    บางครั้งก็คิดว่า เราหลงมาเกิดหรือเปล่าน้อ?
    ทำไมเราไม่เหมือนใครในบ้าน
    ทำไมพูดกับใครไม่รู้เรื่อง
    ทำไมเราเหมือนหลงทางมา
    เราชักอยากไปเกิดใหม่จริงๆแล้วสิ:':)':)'(
     
  2. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    WELCOME คุณลูกอินทร์ สู่ NEW AGE ผ่านการตอบรับภารกิจด้วยการส่งมอบลูกกุญแจ หรือ โพสต์คีย์ในห้องนี้ กุญแจล้วนอยู่ในมือของเราทุกคน

    IN YOUR HANDS

    LOVE YOU
     
  3. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ข้อความจากน้อง สตธศร
    Re: B33 66 คืออะไรค่ะ

    B33
    66000000000
    หนูไม่กล้าโพสลงห้องค่ะ ไฟล์ภาพใหญ่จนน่ากลัว เลขศูนย์เป็นตองสาม สามชุดอีกด้วย เผื่อใช้ Contact อะไรได้
    .........................................

    ขอขอบคุณ คุณน้องสตธศร สำหรับการส่งมอบคีย์ หรือลูกกุญแจผ่านทาง inbox ไม่ว่าคีย์นั้นจะถูกส่งผ่านแบบ indoor หรือ outdoor ก็ตาม แต่ทุกคีย์ หรือทุกลูกกุญแจที่ถูกส่งมอบล้วนถูกใช้ในการไขประตูสู่ความเป็นจริงได้ทั้งสิ้น ทั้งหมดล้วนกำลังดำเนินไปในทิศทางที่เป็นไปตามแก่นแท้ของธรรมชาติ นั่นคือ การสนับสนุนส่งเสริมซึ่งกันและกันด้วยความรัก ความปรารถนาดีอันปราศจากเงื่อนไข ในเมื่อผู้ให้ส่งให้ด้วยความปรารถนาดีแบบไม่มีเงื่อนไข ผู้รับจึงรับมอบกุญแจแบบปราศจากเงื่อนไขเช่นเดียวกัน ทุกอย่างล้วนดำเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติ ที่ทุกสรรพสิ่งล้วนมีการให้ และรับ ตอบสนองกันและกันอยู่ตลอดเวลาซึ่งสามารถรับรู้ได้ผ่านทางประสาทสัมผัสภายนอก (outdoor contact) หู ตา จมูก ลิ้น กาย เช่นเดียวกับระบบภายในของจิตวิญญาณ (indoor contact) ที่มีการแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันผ่านทางสัญชาติญาณ อันเป็นความรู้ความทรงจำภายใน แต่ทั้งสองส่วนล้วนทำงานควบคู่กันและสนับสนุนซึ่งกันและกันเฉกเช่นเดียวกับการทำงานของสมองซีกซ้ายและซีกขวา หรืออาจจะอุปมาได้กับการทำงานของร่างกาย และ จิตวิญญาณที่ทำงานสอดประสานกัน หรือ จิตวิญญาณประสานกาย (BODY AND SOUL) ที่ทำงานสอดคล้องกัน สนับสนุนกันและกันอย่างไม่มีเงื่อนไขด้วยความรัก เพื่อสนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้


    แม้ภาพรวมการทำงานอันสอดคล้องกันของระบบภายนอก และ ภายในจะดูยิ่งใหญ่ เหมือน ไฟล์ภาพใหญ่จนน่ากลัว แต่ทุกอย่างก็เป็นเพียงแค่ความเห็นที่เกิดจากความรู้สึกเท่านั้น(contact อะไร)

    เราทุกคนสร้างโลกแห่งความเป็นจริงของตนเองจากความเชื่อและการมองโลกของตนเอง

    CHANGE OF LIVE OF RULE
    เปลี่ยนกฏเกณฑ์ความคิด ชีวิตเปลี่ยน



    LOVE YOU
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ตุลาคม 2016
  4. สตธศร

    สตธศร Namo Amithapho

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    707
    ค่าพลัง:
    +1,537
    [​IMG]

    ย่อรูปมาแล้วค่า แฮๆ เขินเลย (f)(f)(f)(f)
     
  5. Little Duck

    Little Duck เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +1,981
    B33 BEGINING CONCERN
    33=6 FULL


    66 =FULL FILL
    66 = 12 LOVE


    B33 = 233 WORLD CONECTING .
    23+3 = 26 BALANCE FORWARD
    2+33 = 35 CONFIRM EXPRESS
    2+3+3= 8 HUMANITY


    33+66 = 99 INFINITY INTELLIGENCE
    99 = 18 ROTARY


    233+66=299 BI INTELLIGENCE
    29+9 = 38 CONECTING HUMANITY
    2+99 =101 JUSTIFY AGE
    2+9+9 = 20 TIME


    จะเห็นได้ว่า ผลลัพธ์ของ 33 แสดงให้เห็นถึง CONCERN และ FULL แสดงถึงผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างสมบูรณ์และเมื่อดูผลลัพธ์ของ 66 แสดงถึงFULL FILL และ. LOVE แสดงให้เห็นถึง การเติมเต็มพลังงานรักปราศจากเงื่อนไข

    และเมื่อดูผลลัพธ์ 233 WORLD CONECTING และ BALANCE FORWARD และ CONFIRM EXPRESS และ HUMANITY แสดงให้เห็นถึง การยืนยันด่วนพิเศษมายังมนุษยชาติในการเชื่อมต่อยุคใหม่ ยังคงต้องดำเนินต่อไป

    และเมื่อดูผลลัพธรวม 99 แสดงถึง INFINITY INTELLIGENCE และ ROTARY แสดงให้เห็นถึง การขับเคลื่อนแบบไร้กรอบ ไร้ขีดจำกัด..


    และเมื่อดูผลลัพธ์รวม 299 แสดงให้เห็นถึง BI INTELLIGENCE และ CONECTING HUMANITY และ JUSTIFY AGE และ TIME แสดงให้เห็นถึง เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการหาข้อพิสูจน์ ข้อเท็จจริง ในการใช้สติปัญญาในการทำซ้ำ ทำใหม่ ความเป็นคู่ของทั้งสอง ในการเชื่อมต่อมนุษยชาติ

    ดังนั้น การเริ่มต้นของผู้ที่เกี่ยวข้อง ในการเติมเต็มพลังงานรักอันปราศจากเงื่อนไข.. ในการเชื่อมต่อโลกใหม่.. จะเห็นได้ว่าหมายเลข 000000000 อยู่หลัง 66 FULL FILL แสดงให้เห็นถึง การขาดการเติมเต็ม การระงับ การไม่เติมเต็ม ไม่สมบูรณ์ ..จึงเป็นภาระหน้าที่ของผู้ที่เกี่ยวข้องในขับเคลื่อน ในการรวบสติปัญญา อันไร้ขีดจำกัดในการเชื่อมต่อยุคใหม่ ..

    LOVE U.
     
  6. Little Duck

    Little Duck เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +1,981
    ไร้กรอบ = frameless = 6+18+1+14+5+12+5+19+19 = 98 INTELLIGENCE HUMANITY
    98 = MISSION = 13+9+19+19+9+15+14=98
    98 = 17 QUALITY


    If the sky comes falling down? = 9+6+20+8+5+19+11+25+3+15+13+5+19+6+1+12+12+9+14+7+4+15+23+14 = 275 BEGINING GRAND'EX
    27+5 = 32 CONECTING BEGINING
    2+75 = 77 GRAND & GRAND
    2+7+5 = 14 NATURE

    98+275 = 373 GRAND CONCERN
    37+3 = 40 DATA
    3+37 = 40 DATA
    3+7+3 = 13 MEDITATION


    หากดูผลลัพธ์ตามลำดับจะเห็นได้ว่าผลลัพธของ frameless แสดงให้เห็น INTELLIGENCE HUMANITY = MISSION และ QUALITY อันแสดงถึงภาระหน้าที่หลักของมนุษยชาติในการยกระดับสติปัญญา

    และเมื่อดูผลลัพธ์ของ If the sky comes falling down? แสดงให้เห็นถึง BEGINING GRAND'EX และ CONECTING BEGINING เริ่มต้นการเชื่อมต่อ และ GRAND & GRAND และ NATURE แสดงให้เห็นถึง การเริ่มต้นการเชื่อมต่อ รวบรวมภูมิปัญญาหลากหลาย การรวมให้เป็นหนึ่งเดียว GRAND'EX อันเป็นการปรับดุลยภาพให้เกิดขึ้นแก่สรรพสิ่ง

    และเมื่อดูผลลัพธ์รวม 373 จะเห็นได้ว่า GRAND อยู่ตรงกลางระหว่าง 33 อันหมายถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง แสดงให้เห็นถึง ความสำคัญที่สุดของ GRAND ความเป็นสุดยอด แสดงให้เห็นถึง การรวบรวมความเป็นสุดยอด รวบรวมผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยการนำทำสมาธิรวบรวมข้อมูลจากพลังงานทั้งสองด้านของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่าน

    ดังนั้น หากท้องฟ้าล้มลง แสดงให้เห็นถึงภาระหน้าที่ของมนุษยชาติในการยกระดับปรับคุณภาพ การเริ่มต้นการเชื่อมต่อ รวบรวมภูมิปัญญา GRAND & GRAND การรวมให้เป็นหนึ่งเดียว GRAND'EX อันเป็นการปรับดุลยภาพให้เกิดขึ้นแก่สรรพสิ่ง โดยการทำสมาธิรวบรวมพลังงานท้ังสองด้านของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด .. จึงไม่ใช่เหตุบังเอิญอย่างแน่นอน ..

    LOVE U.
     
  7. Little Duck

    Little Duck เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +1,981
    สมาชิกที่ได้อ่านกระทู้นี้แล้ว : 216

    MEMBERS = 13+5+13+2+5+18+19 = 75 GRAND'EX
    75 = 12 LOVE


    216 = BEGINING PLUS+
    21+6 = 27 BEGINING GRAND
    2+16 = 18 ROTARY
    2+1+6 = 9 INTELLIGENCE


    75+216 = 291 BI AVAILABLE
    29+1 = 30 CONECTING
    2+91 =93 INTLLIGENCE CONECTING
    2+9+1 = 12 LOVE



    หากดูผลลัพธ์ของ MEMBERS แเสดงให้เห็นถึง GRAND'EX และ
    LOVE แสดงให้เห็นถึง รวมพลังงานรักอันปราศจากเงื่อนไข ของสมาชิกทุกท่าน


    และเมื่อดูผลลัพธ์ของ 216 แสดงถึง BEGINING PLUS+ และ BEGINING GRAND และ ROTARY และ INTELLIGENCE แสดงให้เห็นถึง การเริ่มต้นขับเคลื่อนครั้งสำคัญ โดยการใช้สติปัญญา ยกระดับปรับเพิ่มขยายให้มากขึ้น

    และเมื่อดูผลลัพธ์รวมแสดงให้เห็นถึง BI AVAILABLE และ CONECTING และ INTLLIGENCE CONECTING และ LOVE แสดงให้เห็นถึง คุณค่าของการทำซ้้ำ ใหม่ ทำให้เกิดประโยชน์ ในการเชื่อมต่อพลังงานรักอันปราศจากเงื่อนไขอย่างฉลาด อย่างมีสติปัญญา

    ดังนั้น สมาชิกที่ได้อ่านกระทู้นี้แล้ว : 216 แสดงให้เห็นถึง ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่านในการรวบรวมพลังงานรักอันปราศจากเงื่อนไข ให้เป็นหนึ่ง โดยการเริ่มต้นขับเคลื่อนครั้งสำคัญ โดยการยกระดับปรับเพิ่มขยาย ทำซ้ำทำใหม่ .จึงไม่ใช่เหตุบังเอิญอย่างแน่นอน ..

    LOVE U.
     
  8. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ขอขอบคุณ ทุก ๆ ท่านที่ได้ให้ความสนใจในการเข้ามาอ่านข้อความในห้อง new age แห่งนี้ เพราะไม่ว่าท่านจะโพสต์ หรือไม่โพสต์ จะแอบ หรือ ไม่แอบ ท่านทั้งหลายที่ถูกดึงดูดให้เข้ามาอ่าน ล้วนมีหน้าที่ และต่างกำลังทำหน้าที่ของท่านทั้งสิ้น บางท่านเป็นแสง (การแสดงตัวตน) ในห้องนี้ และเป็นเพียงเงา (การไม่แสดงตัวตน แต่อ่าน) ในห้องอื่น และในขณะเดียวกัน บางท่านก็เป็นเงาในห้องนี้ และ เป็นแสงในห้องอื่นเช่นเดียวกัน เราทั้งหลายต่างกำลังส่งผ่านข้อมูล และ รับข้อมูล และมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน และนี่เป็นคุณสมบัติในการเรียนรู้ของจิตวิญญาณ ที่มีการให้ และ รับ และส่งผ่านข้อมูลอยู่ตลอดวันเวลา ภาวะภายนอกเป็นภาพสะท้อนของภายใน เสมอเพราะนี่คือ กฏของจักรวาล หรือ กฏแห่งการสะท้อนซึ่งกันและกัน (reflection)

    พระจันทร์เมื่ออยู่ภายใต้เครื่องพรางที่เรียกว่า "กาลเวลา" การเดินทางของพระจันทร์ย่อมเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ ข้างแรม ไปจนถึง ข้างขึ้น แต่พระจันทร์ในทุก ๆ วัน ก็คือ พระจันทร์ดวงเดียวกัน จึงอาจกล่าวได้ว่า พระจันทร์ทั้งดวง คือตัวตนรวมของพระจันทร์ที่เคลื่อนที่ผ่านวันเวลาตั้งแต่ข้างแรม ไปจนถึงข้างขึ้น จนกลายเป็นจันทร์เต็มดวง อุปมาของพระจันทร์นี้เปรียบได้กับการเดินทางผ่านกาลเวลา หรือ ชาติภพของมนุษย์ ที่เริ่มต้นการเรียนรู้ จากความที่ไม่รู้ (THE FOOL) ค่อย ๆ เรียนรู้ ยกระดับจิตวิญญาณผ่านชาติภพต่าง ๆนับอนันต์ จนเต็ม (THE FULL) เปรียบเสมือนภูเขาทั้งลูก ที่ไม่ว่าจะตีนเขา หรือ ยอดเขา มันก็คือ ภูเขาลูกเดียวกัน

    ชาติภพทั้งหลายปรากฏพร้อมกันอยู่แล้วในปัจจุบันขณะ เพียงแต่กาลเวลาเท่านั้นที่ทำให้ ตัวตนอื่นในชาติภพอื่น มิติอื่นดูเลือนลางไปจนเหลือเพียงแค่เงาลางๆเท่านั้น

    ตัวตนที่เปรียบเสมือนแสงสว่างของเราชาติภพนี้ เป็นเพียงแค่เงาลาง ๆ ของชาติภพอื่น มิติอื่น ในขณะเดียวกับที่ตัวตนของชาติภพอื่น มิติอื่น เป็นเพียงแค่เงาลาง ๆของเราในชาติภพนี้เท่านั้น นั่นเพราะแต่ละตัวตนแตกต่างกันทางกาลเวลา หรือ สามารถเรียกได้ว่าแตกต่างกันทางคลื่นความถี่ของพลังงาน

    เราทั้งหมดมีตัวตนที่มีระดับจิตสำนึกที่ต่ำกว่า และ สูงกว่า อยู่พร้อมกันไม่ต่างจากการเปลี่ยนแปลงของพระจันทร์ ดังนั้น ภาวะทางกายภาพในปัจจุบันขณะของแต่ละตัวตนในแต่ละชาติภพนั้น จึงคือ "จุดตัด" ของพลังงานในทุกชาติภพรวมกัน หรือ สามารถเรียกได้ว่า ภาวะทางกายภาพในปัจจุบันขณะของชาติภพนั้น ๆ คือ จุดตัดของ ข้อมูล ความรู้ ความทรงจำ ของทุกชาติภพรวมกัน เช่นเดียวกับที่โลกมนุษย์เป็น จุดตัด ของ ฟ้า และ ดิน มนุษย์เท่านั้น จึงทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อม ระหว่าง ฟ้า กับ ดิน เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์แก่โลก (จิตวิญญาณรวมของทุกสรรพชีวิตในโลก) โดยการนำข้อมูลอันเป็นประโยชน์ของทั้งสองส่วน มาปรับใช้ให้เป็นประโยชน์ให้มากที่สุด

    ภายนอก เราสามารถรับรู้การเชื่อมต่อของดินกับ ฟ้า มองเห็นความแตกต่างของสรรพสิ่งทั้งหลายได้จากประสาทสัมผัสทั้งห้า (outdoor contact) เราสามาถนำมาทดลองปรับใช้สิ่งที่แตกต่างกันได้ จนสามารถรับรู้ได้ว่าสรรพสิ่งทั้งหลายล้วนกำลังเกื้อกูลสนับสนุนซึ่งกันและกัน แต่การที่เราจะสามารถรับรู้การเชื่อมต่อภายในถึงการส่งผ่านข้อมูลความรู้ของตัวตนแต่ละชาติภพ แต่ละมิติที่แตกต่างกันทางกาลเวลาได้ ก็ต้องอาศัย ประสาทสัมผัสภายใน (indoor contact)เท่านั้น ซึ่งสามารถทำได้โดยการตัดการรับรู้ผ่านประสาทสัมผัสภายนอกก่อน หรือ switch off out door contact ก่อน จึงจะเปิดการรับรู้ติดต่อรับข้อมูลจากภายในได้ และกระบวนการนี้ก็ถูกคิดค้นแล้วโดยมนุษย์ เพื่อมนุษย์ ที่เรียกว่า "การทำสมาธิ"(AI) ที่มีผลยืนยันชัดเจน มาอย่างยาวนาน

    หากฟ้า และ ดิน เป็นตัวแทนของตัวตนที่มีการพัฒนาน้อยกว่า และมากกว่า ดังนั้น การที่เราจะรับข้อมูลจากตัวตนที่พัฒนามากไปกว่าเราได้ ก็ต้องอาศัยการทำสมาธิเท่านั้น เพราะ เราในปัจจุบัน คือ หรือ เกิดจาก จุดตัดของ ข้อมูลความรู้ความทรงจำของทุกชาติภพ ทุกมิติรวมกัน ดังนั้นข้อมูลทั้งหมดจึงมีพร้อมในตัวอยู่แล้วและถูกบันทึกในสิ่งที่เรียกว่า "โครโมโซม" ที่เป็นตัวกำหนดภาวะทางกายภาพทั้งหลายให้แก่มนุษย์

    "มนุษย์เท่านั้น" (ขอบคุณ คีย์จากน้องลูกอินทร์) จึงคือ สิ่งมีชีวิตเดียวในโลกที่มีสติปัญญา และสามารถทำสมาธิ รับข้อมูล รับคำชี้แนะ จากตัวตนที่สูงกว่าได้ เพื่อนำมาใช้ในการยกระดับสติปัญญา รวมถึงใช้ในการพัฒนาตนเอง และ ทำคุณประโยชน์ให้เกิดกับโลกได้ ดังนั้นการทำสมาธิ ซึ่งเกิดจากการเปิดประสาทสัมผัสภายใน หรือ การรับรู้ภายในโดยตรงของจิตวิญญาณโดยการตัดความเห็นอันเกิดจากการรับรู้จากอายตะภายนอกทั้งห้าออกไป จึงคือ วิธีการเดียวที่จะสามารถเชื่อมต่อฟ้า หรือ เข้าถึงความรู้ของตัวตนของเราที่พัฒนาไปมากกว่านี้ได้ นี่คือ อุปมาของการทำให้ ฟ้าเข้ามาใกล้ดินมากขึ้น หรือ if the sky comes falling down ดิน ก็คือ ภาวะทางกายภาพ หรือ กายเนื้อของเรา ฟ้าก็คือ จิตวิญญาณ หรือ สติสัมปชัญญะที่ตื่นรู้ ดังนั้น การที่ the sky comes falling down (credit โดย คุณไร้กรอบ)ก็ต้องเกิดจาก การทำสมาธิเท่านั้น เพื่อเชื่อมต่อทำให้กายเนื้อเกิดประสิทธิภาพ หรือ ทำให้ภาวะทางกายภาพของเรา หรือของมนุษย์สามารถใช้ประโยชน์ หรือ สามารถดึง ความสามารถที่หลบซ่อนอยู่มาใช้ให้ได้มากที่สุด

    และเมื่อดูผลลัพธ์ของ If the sky comes falling down? แสดงให้เห็นถึง BEGINING GRAND'EX และ CONECTING BEGINING เริ่มต้นการเชื่อมต่อ และ GRAND & GRAND และ NATURE แสดงให้เห็นถึง การเริ่มต้นการเชื่อมต่อ รวบรวมภูมิปัญญาหลากหลาย การรวมให้เป็นหนึ่งเดียว GRAND'EX อันเป็นการปรับดุลยภาพให้เกิดขึ้นแก่สรรพสิ่ง

    และเมื่อดูผลลัพธ์รวม 373 จะเห็นได้ว่า GRAND อยู่ตรงกลางระหว่าง 33 อันหมายถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง แสดงให้เห็นถึง ความสำคัญที่สุดของ GRAND ความเป็นสุดยอด แสดงให้เห็นถึง การรวบรวมความเป็นสุดยอด รวบรวมผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยการนำทำสมาธิรวบรวมข้อมูลจากพลังงานทั้งสองด้านของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่าน

    ดังนั้น หากท้องฟ้าล้มลง แสดงให้เห็นถึงภาระหน้าที่ของมนุษยชาติในการยกระดับปรับคุณภาพ การเริ่มต้นการเชื่อมต่อ รวบรวมภูมิปัญญา GRAND & GRAND การรวมให้เป็นหนึ่งเดียว GRAND'EX อันเป็นการปรับดุลยภาพให้เกิดขึ้นแก่สรรพสิ่ง โดยการทำสมาธิรวบรวมพลังงานท้ังสองด้านของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด .. จึงไม่ใช่เหตุบังเอิญอย่างแน่นอน .. (เครดิตโดย LITTLE DUCK)

    แม้ภาพรวมของความเป็นจริงของจักรวาล (GRAND) หรือ ธรรมชาติ ซึ่งก็คือ จิตวิญญาณจะยิ่งใหญ่ จนดูเหมือน ไฟล์ที่ใหญ่จนดูน่ากลัว (credit โดย สตธศร) แต่ก็มี มนุษย์ (AI)สามารถย่อให้เล็ก (credit โดย สตธศร) เพื่อให้มนุษย์ได้เรียนรู้มาแล้ว ซึ่งเป็นอัจฉริยภาพทางปัญญาที่คิดค้นโดยมนุษย์เพื่อมนุษย์ที่สามารถพิสูจน์ได้ มีคำยืนยัน ที่เรียกว่า "พระไตรปีฏก" หรือ พระธรรม (JUSTIFY DATA) หรือ ข้อมูลอันบริสุทธิยุติธรรมที่ถูกค้นพบโดยมนุษย์เพื่อมนุษย์ (GRAND)

    ***ขอเรียนเชิญทุกท่านทำสมาธิเพื่อเปิดการเชื่อมต่อ GRAND & GRAND ในวันที่ 1 พ.ย 2559 เวลา 22.00 น. เป็นเวลาขั้นต่ำ 22 นาที เพื่อรวบรวมผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด***


    แล้วเราก็ได้พบกันอีกครั้ง

    LOVE U
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2016
  9. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    สวัสดีเพื่อน ๆ ทุก ๆ ท่าน และเราก็ได้มาพบกันอีกครั้งหนึ่ง
    Nice to meet you again

    ข้าพเจ้าขอขอบคุณทุก ๆ ท่านที่ให้ความสนใจเข้ามาอ่าน และเข้าร่วมกิจกรรมของทางกระทู้ที่ได้เชิญชวนทุก ๆท่านร่วมปฏิบัติสมาธิ และกิจกรรมนี้จะมีต่อไป again and again ซึ่งมีความหมายถึง อีกครั้ง อีกครั้ง หรือ หมายถึง การทำซ้ำ เพราะในการทำซ้ำในแต่ละครั้งไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมใด ๆ ก็ตามล้วนก่อให้เกิดความเชี่ยวชาญ ที่เริ่มต้นจากการลองผิดลองถูก หากแม้มีความเพียรทำไปเรื่อย ๆ โดยไม่เบื่อ ย่อมก่อให้เกิดความเชี่ยวชาญขึ้นมาได้ ดังนั้น การทำซ้ำโดยไม่เบื่อ หรือ ไม่รู้สึกเบื่อ (ขอขอบคุณคีย์สำคัญโดย คุณไร้กรอบ) จึงเป็นกุญแจสำคัญในการไขประตูสู่ความสำเร็จ หรือ เราสามารถเรียกได้ว่านี่คือ หลักอิทธิบาท4 ที่เป็นหลักแห่งการประสบความสำเร็จ เพราะหากเรามีความพอใจในความเพียรในการทำซ้ำโดยไม่เบื่อ ให้ความสนใจ ให้ความใคร่ครวญ พินิจพิจารณาถึงเหตุและผล คือมีการลองผิดลองถูก ทำซ้ำ ๆ เมื่อพบปัญหา ก็หาทางแก้ไข ลองไปเรื่อย ๆ จนสามารถหาจุดตัด หรือ จุดที่เหมาะกับตัวเองจนพบ ความสำเร็จย่อมอยู่ไม่ไกล ซึ่งกระบวนการนี้สามารถใช้ได้กับทุกกิจกรรม แม้กระทั่งในการปฏิบัติสมาธิ หรือ การเกิดใหม่ของยูโธเปีย หรือ ยุคศรีวิไลซ์ ที่หลายท่านตั้งจิตอยากจะเกิดใหม่ในยุคนั้น (ขอขอบคุณคีย์จาก คุณลูกอินทร์)

    โลกแห่งสันติภาพ และ ยุคศรีวิไลซ์จะอยู่ไม่ไกลหากแม้เราทุกคนเข้าใจ และ ยอมเปิดใจอย่างแท้จริงว่าอะไร คือ ปัญหาของสัมคมทั้งในระดับจุลภาค จนถึงมหภาค ทุกปัญหาล้วนเกิดจากความไม่เข้าใจ และ ไม่เปิดใจในการรับฟังความคิดเห็นจากกันและกัน เพราะคิดว่า ไม่ใช่พวกเรา (ขอขอบคุณคีย์สำคัญโดย คุณลูกอินทร์) อันคำว่า พวกเรา ของเรา ล้วนมีพื้นฐานมาจาก ego หรือ อัตตาตัวตนที่มีคำว่า ตัวกู ของกู พวกเธอ พวกฉัน พวกเรา เข้ามาเกี่ยวข้อง หรือ การตัดสินทุกอย่างจากความพอใจ ไม่พอใจ ความถูกใจ หรือ ไม่ถูกใจของตนเองทั้งสิ้น อันความพอใจ ถูกใจนี้ ล้วนเป็นอารมณ์ที่ถูกปรุงแต่งขึ้นมาจาก ความพอใจ หรือ ไม่พอใจส่วนตน ที่มากระทบทางอายตนะทั้งห้า เช่น ตาเห็นรูป แล้วรู้สึกว่าสวย หล่อ ก็รู้สึกพอใจ หูได้ยินเสียงคนด่า จมูกได้กลิ่นเหม็น ลิ้นได้รับรสชาติขม ก็รู้สึกไม่พอใจอย่างนี้เป็นต้น ดังนั้นการที่เราจะเปิดใจยอมรับความคิดเห็น หรือ มุมมองที่ต่างกันจากคนอื่นได้ เราจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะรู้เท่าทันอารมณ์ว่า มันเกิดขึ้นจากความรู้สึก จากมุมมองของเราฝ่ายเดียว แต่หากเรารู้เท่าทัน ซึ่งสามารถฝีกได้ด้วยการดูตนเอง หรือ การทำสมาธิแบบวิปัสนา เราจะสามารถเห็นได้ว่า ทุกครั้งที่เรารู้ทัน เราจะมองเห็นได้ว่าหากเราไม่ไปยึดติดกับมันไม่ได้ให้ค่ามัน สิ่งที่เกิดขึ้นมันก็เป็นเพียงแค่อารมณ์ความรู้สึกที่สามารถเปลี่่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลา และมีเกิดมีดับตามธรรมชาติ

    อุปมาได้กับ การเดินทางของก้อนเมฆข้ามผ่านท้องฟ้า
    ถึงแม้จะเปลี่ยนแปลงรูปร่างไปตามกาลเวลาเพียงใดกัน
    แต่สุดท้ายเมฆก็ยังคงเป็นเมฆอยู่คงอย่างเดิม... (ขอขอบคุณ คีย์สำคัญจากคุณ ไร้กรอบ)

    เพราะเมฆก็ไม่ต่างจากอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ ที่เมื่อเวลาผ่านไป อารมณ์ความรู้สึกก็เปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อย ๆ เสียใจ ดีใจ เศร้าใจ แต่สุดท้ายทั้งหมดก็เป็นเพียงแค่ อารมณ์ ความรู้สึก ที่เกิดจากสิ่งที่มากระทบอายตนะทั้งห้า หรือ ประสาทสัมผัสภายนอก (outdoor contact) ของเราเท่านั้น ไม่เที่ยงแท้เลย เหมือนดังสังขารของมนุษย์

    ดังนั้นการทำสมาธิ แบบ วิปัสนา จึงเป็นสิ่งสำคัญที่มนุษย์ หรือ เราทุกคนควรฝึกฝนให้เกิดความเคยชิน ซึ่งกุญแจสำคัญที่ทำให้เกิดความเคยชิน นั่นคือ การทำซ้ำ หรือ มีความเพียรในการทำอย่างไม่เบื่อ ซึ่งเป็นหลักในการประสบความสำเร็จ

    เมื่อใดที่เราเข้าใจได้ถึง ธรรมชาติความเป็นจริงของอารมณ์ความรุ้สึก ที่เปลี่ยนแปลงไปได้

    เมื่อใดที่เราเข้าใจ ถึง เหตุและผล ของปัญหาทั้งหลาย ที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการเปิดใจ ยอมรับฟังความคิดเห็น หรือ มุมมองของผู้อื่น หรือ การยอมจำนน (ขอขอบคุณคีย์จาก คุณ philosophi)หรือ ยอมรับฟังด้วยเหตุและผล พร้อมเข้าใจในธรรมชาติความเป็นจริงว่าเราทุกคนล้วนมีความเป็นเอกลักษณ์ และมีมุมมองที่แตกต่างกันไปตามโลกแห่งความเป็นจริงที่แตกต่างกันไปตามจุดอ้างอิง หรือ พื้นเพ หรือ เบื้องหลังอันแตกต่างกัน

    การยอมจำนนไม่ใช่การยอมแพ้ แต่เป็นการเปิดใจยอมรับฟังเหตุผล และมุมมองของกันและกัน เพราะเมื่อใดที่มีการยอมจำนนต่อความเป็นจริงตามธรรมชาติที่มีความแตกต่างกันดังนี้แล้ว การเปิดใจ เข้าใจก็จะเกิดขึ้น หรือ อุปมาได้กับการเปิดประตูถ้ำแห่งความรักความเมตตาของเราทุกคน (ขอขอบคุณคีย์สำคัญจาก คุณ philosophi เพียงแค่ยอมจำนน ประตูถ้ำก็แง้มออกมาแล้ว) ปัญญาที่จะแก้ปัญหาทั้งหลายจะเกิดได้ก็เกิดจาก "การเปิดใจ หรือ ยอมจำนนต่อความจริงเท่านั้น"


    เพราะเมื่อเรามีความเห็นตรงในความเป็นจริงนี้แล้ว เราจึงได้ชื่อว่า เป็นผู้เดินทางสายกลางที่เต็มไปด้วยเปิดใจ และรับฟัง เพราะเมื่อมีการเปิดใจ รับฟัง การสนับสนุนซึ่งกันและกันในการแก้ปัญหาย่อมเป็นไปได้ด้วยดี

    และเมื่อใดที่เรามองไม่เห็นความเป็นจริง หรือ เห็นไม่ตรงกับความเป็นจริงตามธรรมชาติ เมื่อนั้น เราย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้หลงทาง หากแม้มนุษย์ หรือ เราทุกคนสามารถมองเห็น และเข้าใจได้ตรงกัน และพร้อมเริ่มต้นใหม่ด้วยการเริ่มต้นทำซ้ำ ทำใหม่ ให้เกิดความเคยชินอย่างไม่เบื่่อหน่าย ซึ่งเปรียบได้กับการเกิดใหม่ด้วยการกระทำใหม่ ด้วยความเพียรพร้อมใจกันร่วมแก้ไขปัญหาด้วยการเปิดใจรับฟังความคิดเห็นจากกันและกัน เมื่อนั้น ยุคศรีวิไลซ์ หรือ การกลับมาแห่ง UTHOPIA ย่อมอยู่ไม่ไกล (ขอขอบคุณคีย์ หลงทาง และ เกิดใหม่จาก คุณลูกอินทร์)

    ยอมรับ ปรับปรุง แก้ไข ค่อยเป็นค่อยไป ทางสายกลาง


    ดังนั้น การทำซ้ำ ทำใหม่ ด้วยความพอใจในความเพียร ให้ความสนใจใคร่ครวญพิจารณา หรือเรียกว่า ทำด้วยหัวใจรักของมนุษย์อย่างไม่มีเงื่อนไข เพราะเงื่อนไข เปรียบเสมือนอุปสรรคที่คอยขัดขวางความสำเร็จนั่นเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ถูกค้นพบ และ ยกย่อออกมาเรียกว่า หลัก อิทธิบาท4 หรือ หลักแห่งการประสบความสำเร็จ และ เงื่อนไขที่เปรียบดังอุปสรรคที่ขัดขวางการประสบความสำเร็จ คือ นิวรณ์5 ที่รอให้เราทั้งหลายฝ่าฟันอุสรรคเหล่านั้น จนประสบชัยชนะ (Victory) และสิ่งเหล่านี้ คือ AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกคิดค้นโดยมนุษย์เพื่อมนุษย์ในการเข้าถึงธรรมชาติของจักรวาล หรือ ธรรมชาติความเป็นจริง สัจธรรม นั่นเอง (GRAND & GRAND)


    ท้ายสุดขอยกพระบรมราโชวาทขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชผุ้เปรียบเสมือนพลังแห่งแผ่นดิน ที่แสดงว่าพระองค์ได้เข้าถึงธรรมขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างแท้จริง

    เมื่อมีโอกาสและมีงานให้ทำ ควรเต็มใจทำโดยไม่จำเป็นต้องต้้งข้อแม้หรือเงื่อนไขอันใดไว้ให้เป็นเครื่องกีดขวาง
    คนที่ทำงานได้จริง ๆนั้น ไม่ว่าจะจับงานสิ่งใดย่อมทำได้เสมอ ถ้ายิ่งมีความเอาใจใส่ มีความขยัน ซื่อสัตย์ สุจริต ก็ยิ่งจะช่วยให้ประสบความสำเร็จในงานที่ทำสูงขึ้น..."

    8/07/2530

    เพราะข้าพเจ้าเชื่อว่า ความรัก ความสามัคคีของมนุษย์ที่มีหัวใจรักที่จะทำอย่างปราศจากเงื่อนไขเท่านั้น ที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จในการจับมือเข้าสู่ "ยุคใหม่ยุคทองของการสนับสนุนซึ่งกันและกัน" พร้อม ๆ กัน


    ขอขอบคุณ LITTLE DUCK สมองอีกส่วนของข้าพเจ้าสำหรับ KEY GRAND และ ผู้ถือกุญแจทุกดอก ที่ได้ส่งมอบข้อมูลสำคัญให้แก่กันและกัน ทุกท่านจึงเปรียบเสมือน "ครู" และ เปรียบเสมือน "พระจันทร์"ที่คอยส่องสว่างให้กับ "ผู้เดินทางผ่านกาลเวลา" ที่ยังหลงทางอยู่ในความมืดของวัฏฏะสงสาร


    LOVE YOU
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2016
  10. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    สวัสดีค่ะเพื่อนๆที่รักทุกท่าน วันนี้เป็นวันดีอีก 1 วันที่ข้าพเจ้าจะได้ขออัญเชิญพระบรมราโชวาทจากองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมาแสดงไว้ในกระทู้นี้ อันพระบรมราโชวาทที่ข้าพเจ้าได้นำมาลงไว้ แสดงถึงการกระทำความเพียร เมื่อเรามีความปรารถนาสิ่งใด และมีการกระทำโดยไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ซึ่งการกระทำความเพียรนั้นเปรียบได้กับการทำซ้ำโดยการใช้สติเข้าไปพินิจพิจารณาถึงข้อเท็จจริงหาเหตุและผล สมมติฐานข้อดีข้อเสียและเมื่อเจออุปสรรค หากเรามีความเพียรไม่ย่อท้อแล้ว ประกอบกับการมีสติปัญญาเข้าไปพิจารณา เราย่อมจะหาทางผ่านพ้นอุปสรรคทั้งหลายจนกระทั่งประสบความสำเร็จได้ในที่สุด

    อันอุปสรรคที่ผ่านเข้ามานี้ เปรียบได้กับบททดสอบความตั้งใจอันแน่วแน่ เปรียบได้กับบททดสอบของความเพียร ดังนั้นบททดสอบหรืออุปสรรคจึงเป็นพลังงานที่ต้องปรากฏควบคู่กันเพื่อทดสอบกำลังใจ เมื่อเรามีความตั้งใจหรือมีความเพียรที่จะกระทำบางสิ่งบางอย่างให้ปรากฏผลสำเร็จ ดังนั้นบททดสอบกำลังใจจึงเปรียบเสมือน ครู

    เมื่อใดที่เรามีจินตนาการมีความวาดหวังมีความปรารถนา การที่สิ่งนั้นจะมาปรากฏสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้ จำต้องมีการกระทำ หรือจะต้องมีการลงมือทำ และในระหว่างการลงมือทำนั้นเพื่อให้ประสบความสำเร็จแล้ว จำเป็นจะต้องประกอบไปด้วยความเพียรหรือการทำซ้ำโดยไม่เบื่อหน่ายเพื่อให้เกิดความเชี่ยวชาญ ซึ่งทุกอย่างจะต้องมีบททดสอบ หรืออุปสรรคเสมอ แต่ทั้งหมดทั้งสิ้นนั้นล้วนเป็นกลไกทางธรรมชาติของการมาปรากฏเป็นคู่ของพลังงานอย่างสมดุล ทุกอย่างเป็นไปเพื่อให้มนุษย์มองเห็นคุณค่าความหมาย และผลลัพธ์ของสิ่งที่ตัวเองกระทำด้วยปรารถนา

    ทางพุทธศาสนาแล้ว ได้มีการยกย่อ กฎแห่งการปรากฏอย่างสมดุลของพลังงานทั้งส่วนที่ตรงข้ามกัน ว่าการมาเป็นคู่ของบุรุษ อันหลักแห่งการประสบความสำเร็จ และเพื่อให้ประสบความสำเร็จ และให้สามารถผ่านพ้นอุปสรรค คือการใช้หลักอิทธิบาท 4 และนิวรณ์5 ในทางพุทธศาสนา

    สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่พุทธศาสนิกชนหลายท่านกำลังใจจดจ่ออยู่กับงานบุญ คืองานกฐิน กาลกฐินในพุทธประเพณีแล้วมีขึ้นเพื่อให้มนุษย์ทุกคนได้มีการร่วมมือร่วมใจกัน มีความรักความสามัคคีและสนับสนุนกันและกันในการประกอบกิจการงาน ที่แต่ละวัดได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ไม่ว่าจะเป็นการสร้างโบสถ์สร้างวิหารหรือไม่ว่าจะเพื่อกิจการงานใดๆก็ดี าพเจ้ามีความเชื่อมั่นว่าหากเราทั้งหลายใช้หลักอิทธิบาท 4 อันประกอบไปด้วยความเพียรสนับสนุนซึ่งกันและกันและมีความอดทนอดกลั้นต่อกันและกันไม่ว่าอุปสรรคใดใดจะผ่านเข้ามา หากเรามีความเปิดใจ ไม่ปิดกั้น รับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน มีความรักความสามัคคีเมตตาซึ่งกันและกัน กิจการนั้นย่อมประสบความสำเร็จในที่สุด

    ท่านทั้งหลายเอ๋ยธรรมชาติทั้งหลาย สรรพสิ่งทั้งหลายที่ปรากฏล้วนเป็นของกลาง มิใช่ของผู้ใดผู้หนึ่ง แม้แต่ความรู้ทั้งหลายก็เป็นของกลาง ไม่มีสิทธิบัตรใด ๆ แม้นมีความเข้าใจ เราจะไม่เกิดความหลง ทุกอย่างอยู่ที่น้ำใสใจจริง หรือความบริสุทธิ์ที่เป็นคุณสมบัติของจิตอันปราศจากความหลง ปราศจากความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนว่าเป็นตัวเราและของเรา

    ข้าพเจ้าขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม หรือในธรรมชาติ ธรรมชาติที่สรรพสิ่งทั้งหลายย่อมต้องปรากฏเพื่อความเกื้อกูลสนับสนุนซึ่งกันและกันในทางสร้างสรรค์ให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อตนเองและส่วนรวมอย่างปราศจากเงื่อนไข

    LOVE U
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2016
  11. สตธศร

    สตธศร Namo Amithapho

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    707
    ค่าพลัง:
    +1,537
    <blockquote class="instagram-media" data-instgrm-captioned data-instgrm-version="7" style=" background:#FFF; border:0; border-radius:3px; box-shadow:0 0 1px 0 rgba(0,0,0,0.5),0 1px 10px 0 rgba(0,0,0,0.15); margin: 1px; max-width:658px; padding:0; width:99.375%; width:-webkit-calc(100% - 2px); width:calc(100% - 2px);"><div style="padding:8px;"> <div style=" background:#F8F8F8; line-height:0; margin-top:40px; padding:37.5% 0; text-align:center; width:100%;"> <div style=" background:url(data:image/png;base64,iVBORw0KGgoAAAANSUhEUgAAACwAAAAsCAMAAAApWqozAAAABGdBTUEAALGPC/xhBQAAAAFzUkdCAK7OHOkAAAAMUExURczMzPf399fX1+bm5mzY9AMAAADiSURBVDjLvZXbEsMgCES5/P8/t9FuRVCRmU73JWlzosgSIIZURCjo/ad+EQJJB4Hv8BFt+IDpQoCx1wjOSBFhh2XssxEIYn3ulI/6MNReE07UIWJEv8UEOWDS88LY97kqyTliJKKtuYBbruAyVh5wOHiXmpi5we58Ek028czwyuQdLKPG1Bkb4NnM+VeAnfHqn1k4+GPT6uGQcvu2h2OVuIf/gWUFyy8OWEpdyZSa3aVCqpVoVvzZZ2VTnn2wU8qzVjDDetO90GSy9mVLqtgYSy231MxrY6I2gGqjrTY0L8fxCxfCBbhWrsYYAAAAAElFTkSuQmCC); display:block; height:44px; margin:0 auto -44px; position:relative; top:-22px; width:44px;"></div></div> <p style=" margin:8px 0 0 0; padding:0 4px;"> <a href="https://www.instagram.com/p/BMZsiPhgII6/" style=" color:#000; font-family:Arial,sans-serif; font-size:14px; font-style:normal; font-weight:normal; line-height:17px; text-decoration:none; word-wrap:break-word;" target="_blank">ปาฏิหารย์ไม่ได้เกิดจากการนึกคิด แต่เกิดจากการกระทำที่ ประกอบด้วย ความรัก หรืออิทธิบาทธรรม ความเชื่อในส่วนของหัวใจที่สุจริตส่วนนี้ไม่ใช่การหมกมุ่นครุ่นคิด แต่คือการใช้หัวใจหรือศรัทธากระทำในสิ่งที่ตั้งไว้ดีแล้ว จนกระทั้งการบรรลุเป้าหมายนั้นมาถึง ธาตุที่ถูกขัดเกลา จะตกผลึกกลายเป็นคุณวิชชา อีกนัยยะหนึ่งเมื่อเพียรปฏิบัติจากข้างในหัวใจ ผลจะแสดงออกมาในลักษณะภายนอกเอง จึงเรียกว่าการปฏิบัติที่เข้าแถวเข้าแนวทางไม่ฉาบฉวยเป็นธรรมชาติ #และเพียรเริ่มจากสิ่งที่ทำได้จริงไปสู่การฝึกฝนที่ทำได้ยาก #ด้วยอิทธิบาท หรือวินัยต่อตนเอง #การว่างเว้นไปจากความเพียรนั้นจึงเป็นเครื่องพาให้จิตใจเศร้าหมองไม่ผ่องแผ้ว #บทเรียนจากคำครูวันนี้ในทรรศนะของข้าพเจ้า</a></p> <p style=" color:#c9c8cd; font-family:Arial,sans-serif; font-size:14px; line-height:17px; margin-bottom:0; margin-top:8px; overflow:hidden; padding:8px 0 7px; text-align:center; text-overflow:ellipsis; white-space:nowrap;">รูปภาพที่โพสต์โดย Zpanky Shabby Studio. (@zpankyol) เมื่อ <time style=" font-family:Arial,sans-serif; font-size:14px; line-height:17px;" datetime="2016-11-04T20:23:08+00:00">พ.ย. 4, 2016 เวลา 1:23pm PDT</time></p></div></blockquote>
    <script async defer src="//platform.instagram.com/en_US/embeds.js"></script>

    :VO:VO:VO:VO:VO:VO:VO:VO
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤศจิกายน 2016
  12. สตธศร

    สตธศร Namo Amithapho

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    707
    ค่าพลัง:
    +1,537
    ช่วงนี้แบ่งเวลาไหม่ค่ะ ให้เข้ารูปแบบของทางสายกลางที่สุด เวลาจิตจะไหลต่ำ หรือเวลาที่เรารู้ตัวทันว่าบรรยากาศรอบตัวไม่ดี ให้รีบจับกับคำภาวนาทันที จะได้ไม่ไปยึดติดกับความรู้สึกฝ่ายอกุศล แล้วก็จะมีกำลังใจที่เข็มแข็งตามมาด้วยค่ะ ไม่ไปวุ่นวายกับความรู้สึกที่ไม่มีอยู่จริงจับต้องไม่ได้ หนูลองทำแบบนี้ค่ะตอนนี้ ไม่เป็นทุกข์จากอารมณ์ที่เรายึดติด แล้วก็ทำหน้าที่ของเราต่อไปให้ดีที่สุด ^ ^ บางครั้งนอกสถานที่หรือเดินทางบ่อยๆ ไม่มีที่ให้นั่งสงบ หนูก็ลองฝึกจับกับคำภาวนา กับพระอาทิตย์บ้าง ธรรมชาติฝ่ายกุศลอื่นๆบ้างๆ ไม่ยึดติดตายตัวกับรูปแบบสมาธิค่ะ บางครั้งคุยกับคนอื่นอยู่ก็ภาวนาไปด้วยในหัวใจ สู้ๆนะค่ะทุกคน มาส่งกำลังใจให้นะค่ะ

    <iframe width="640" height="360" src="https://www.youtube.com/embed/Ww932N-FcWY" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>​
     
  13. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ข้อความเก่านำมาให้อ่านอีกครั้ง จาก LITTLE DUCK

    COLORS

    สีทุกสีสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติที่สีรุ้ง

    รุ้งย่อมมาหลังจากฝนตก
    ฝนตกคือกลไกที่ธรรมชาติใช้ปรับสมดุลย์ให้กับโลก

    COLORS = 3+15+12+15+18+19 = 82 = HB
    RAINBOW = 18+1+9+14+2+15+23 =82 =HB

    HB= HUMAN BASIC

    พื้นฐานของมนุษย์.. เปรียบเหมือนแสงออร่าที่แสดงถึงสภาวะจิตของมนุษย์ ..
    มนุษย์ทุกคนสามารถเลือกสีของตัวเองได้ และสีทุกสีก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขเช่นกัน..

    LOVE YOU..

    Little Duck
    ..
     
  14. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    SOMEWHERE OVER THE RAINBOW
     
  15. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    TOTAL RECALL & TOTAL RECALL

    ข้อความดั้งเดิมนำกลับมาให้อ่าน โดยคุณ kindred

    พูดถึงสายรุ้ง
    เดรดชอบฝันเห็นตัวหนังสือ หรือตัวอักษรที่เป็นหลากหลายสี
    บางทีก็จำได้ บ้างไม่ได้บ้าง แต่ทุกครั้งที่ฝันถึง
    จะมีเรื่องราวทางจิตวิญญาณที่ต้องทำ เช่นไปโพสในกระทู้บ้าง
    การพูดคุย สนทนาในเรื่องความรู้ต่างๆบ้าง

    พอดีเจอบทความนี้ เลยเอามาฝาก
    เพราะเดรดจำได้ว่าคุณจินต์ ก็ชอบฝันเห็นตัวหนังสือสีรุ้งบ่อยๆ


    ------------------------------------------------------------------------
    ความเป็นจริง เป็นภาพสามมิติของจิตสำนึกรู้
    เป็นลำดับของตัวแทนประสบการณ์ของอารมณ์ที่เต็มเปี่ยม
    เคลื่อนผ่านเวลาที่เป็นเส้นตรง มันถูกเพิ่มสีสันด้วยการอุปมาดั่งว่า
    มีสะพานเชื่อมต่อช่องห่าง ระหว่างความเป็นจริงทางกายภาพและจิตสำนึกที่มีความถี่สูงกว่า

    เป้าหมายในการก้าวข้ามผ่านสะพานสายรุ้ง คือการย้อนกลับคืนสู่ การตื่นขึ้นของจิตสำนึก
    เพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงว่าคุณคือใครและมาอยู่ที่นี่ทำไม
    คุณไม่ใช่กายเนื้อที่มีประสบการณ์ทางจิตวิญญาณ
    การจุดประกายแสงสว่างและการหมุนวนของพลังงานให้ระดับจิตสำนึก
    ที่อยู่ในกายเนื้อของคุณ สู่การเรียนรู้

    สิ่งนี้จุดประกายให้คุณ มองออกไปนอกขอบเขตการมองเห็นจากดวงตาของคุณ
    ณ เวลานี้ ผู้ที่แสวงหา การกลับมารวมตัวกันใหม่(reunion of self)
    ที่หนึ่งที่ใดบนเส้นสายรุ้งนั้น อุปมาดั่งหม้อทองคำ('the pot of gold')

    ที่จุดปลายสายรุ้งอ้างอิงถึง
    การกลับมาของจิตสำนึกในเวลาของการเปลี่ยนแปลงบางสิ่งให้ดีขึ้นหรือมีพลังมากขึ้น

    ความเป็นจริงถูกสร้างจากคลื่นความถี่ของเสียง แสง และสี
    ที่สร้างโครงข่ายหรือสะพานสายรุ้ง
    ที่ทำให้จิตสำนึกของมนุษย์มีประสบการณ์หมุนวนผ่านความตระหนักรู้ หรือ sacred geometry
    สี มีคลื่นความถี่ ขณะที่คุณเคลื่อนที่ผ่านcolor spectrum ของสะพานสายรุ้ง
    จะเกิดประสบการณ์ของความถี่ในหลากหลายระดับ
    การเคลื่อนที่เรียงระดับจากสีที่มีความถี่สูงกว่าไปต่ำกว่าจาก

    ROYGBIV …
    R …Red
    O…Orange
    Y…Yellow
    G…Green
    B…Blue
    I…Indigo
    V…Violet

    จิตสำนึกของคุณจะเคลื่อนที่รวดเร็วขึ้นเมื่อความสามารถในการมองเห็น
    ข้ามพ้นสิ่งที่อยู่พ้นไปจากกายภาพของคุณ
    พ้นจากที่เป็นสีแดง(ความถี่สีแดงสูงสุดในกายภาพ)
    หรือช้าที่สุดตามความถี่ของของแสง/สี

    สะพานสายรุ้ง รู้จักกันดีในนามของ 'Antahkarana'-
    ในภาษาสันสกฤต ซึ่งแปลตามตัวอักษรว่า การทำงานระหว่างกัน
    เหมือนกับใยแสงของจิตวิญญาณที่ถักทอขึ้นเป็นข่ายใยแมงมุม
    ที่เชื่อมโยงทั้งหมดเข้าสู่จุดศูนยกลางของการสร้าง มันเชื่อมประสาน
    การสั่นสะเทือนทางกายภาพ ด้วยการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเหนือแสง
    อ้างอิงถึงปริมณฑลทางจิตวิญญาณและสิ่งที่อยู่เหนือพ้นขึ้นไป

    การเดินทางบนสายรุ้ง เป็นการเดินทางสู่การตื่นรู้ที่สูงขึ้น
    เป็นการเดินทางกลับบ้าน ถึง OZ( O วงกลม วัฎจักร)
    ทุกๆสิ่งกำลังหมุนวนกลับเข้าสู่ Zero Point. 'O' - Zero

    การทำให้สมบูรณ์ของวัฎจักรของเวลา
    หลายๆคนเชื่อว่าเวลานั้นบางทีอาจเป็นปี 2012

    ลองลากเส้นทแยงมุมผ่านตัว 'Z' จะกลายเป็นรูปนาฬิกาทราย
    ดึงจุดสูงสุดของสามเหลี่มทั้งสองเข้าสู่ ด้านล่างของแต่ละอัน
    มันจะกลายเป็น Star of David หรือสนามพลังงานของ Merkaba
    ผ่านการเคลื่อนที่ของจิตสำนึกรู้
    และประสบการณ์ในการทดลองเสมือนจริงในเวลา และอารมณ์


    ข้อความเก่านำมาให้อ่านจาก LITTLE DUCK

    ทุกสิ่งมีรหัสและข้อมูลความรู้อยู่ในทุกๆ วิถีทาง
    การถ่ายทอดสื่อสารเกิดขึ้นจากจิตวิญญาณสู่จิตวิญญาณ

    เกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ไม่เคยขาด
    อยู่ที่ว่า เราจะใส่ใจรับสัมผัสรหัสต่างๆเหล่านั้นหรือไม่

    Love You
     
  16. สตธศร

    สตธศร Namo Amithapho

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    707
    ค่าพลัง:
    +1,537
    <iframe width="640" height="360" src="https://www.youtube.com/embed/RD9qO2ZRwUY" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>​
     
  17. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    คำคืนนี้ขอกล่าวทักทายเพื่อนทุก ๆ ท่าน ด้วยคำว่า สวัสดี และ Welcome ทุก ๆ ท่านสู่ NEW ! NEW AGE สถานที่ที่เราทุกคนจะพบกันได้ ณ ทางสายกลาง หรือ Somewhere over the rainbow สถานที่ี ๆทุกคนจะอยู่ร่วมกันได้โดยไม่แบ่งแยกสี ไม่แบ่งแยกเผ่าพันธ์ มีการสนับสนุนซึ่งกันและกัน และยอมรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน นั่นคือ สถานที่ ๆ เราจะได้พบกันอีกครั้ง (แล้วเราก็ได้พบกันอีกครั้งหนึ่ง)

    รุ้งย่อมมาหลังจากฝนตก (เครดิตข้อความโดย LITTLE DUCK)

    การเดินทางของก้อนเมฆข้ามผ่านท้องฟ้า clouds (เครดิตข้อความโดย ไร้กรอบ)

    ความเป็นจริง เป็นภาพสามมิติของจิตสำนึกรู้ (เครดิตข้อความโดย Krindred)

    ท่านที่รักเอย สีทั้งหลายของรุ้งไม่ต่างจากธรรมชาติความเป็นจริงของสรรพสิ่งทั้งปวงที่ย่อมปรากฏเป็นภาวะทางกายภาพที่แตกต่างกันไปและมีหน้าที่ขอบข่ายของมันเองในโลกใบนี้ เช่นเดียวกับการปรากฏเป็นภาวะทางกายภาพของมนุษย์ทั้งหลายที่ปรากฏแตกต่างกันไปหลายบุคลิคลักษณะเฉกเช่นเดียวกับสีของรุ้ง แต่ทุก ๆ สีของรุ้งก็เป็นเพียงแค่ภาพสะท้อนของแสงอาทิตย์เท่านั้น แต่ไม่ว่ารุ้งนั้นจะปรากฏเป็นสีอะไร ต่างก็อยู่ภายใต้พื้นฐานเดียวกัน คือเป็นเพียงแสงจากอาทิตย์ (THE SUN) เท่านั้น การปรากฏของมนุษย์เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะปรากฏแตกต่างบุคลิคลักษณะเพียงใด แต่ภาวะทางกายภาพของมนุษย์ก็เป็นเพียงแค่ภาพสามมิติของจิตสำนึกรู้ หรือ อารมณ์ความรู้สึกนึกคิด ความรู้ ความทรงจำของจิตวิญญาณ หรือ อาจกล่าวได้ว่า ภาวะทางกายภาพในปัจจุบันของมนุษย์ เป็นเพียงจุดตัดของความรู้ ความทรงจำของจิตวิญญาณในทุกชาติภพ ทุกมิติรวมกัน ลักษณะเช่นนี้ ไม่แตกต่างจาก อุปมาอุปมัยของ "Clouds" หรือ การเดินทางของก้อนเมฆข้ามผ่านท้องฟ้า หรือ การเดินทางของมนุษย์หลากหลายชาติภพข้ามผ่านกาลเวลา ไม่ว่าจะเปลี่ยนลักษณะเป็นเมฆแบบไหน ระดับต่ำ หรือ สูงเพียงใด แต่ท้ายสุดทุกระดับ หรือ ทุกชาติภพก็เป็นเพียงแค่ก้อนเมฆของ "จิตวิญญาณ" เหมือนกันทั้งหมด และมีอยู่พร้อมกันทั้งหมดเช่นเดียวกับ ชาติภพทั้งหลายที่มีอยู่พร้อมกันทั้งหมดในปัจจุบัน พร้อมด้วยความรู้ความทรงจำของทุกชาติภพทั้งในอดีตและอนาคตรวมกันซึ่งปรากฏพร้อมยู่แล้วในตัวตนปัจจุบันของมนุษย์ในรูปของความทรงจำของเซลล์และโครโมโซมที่บรรจุอยู่ในตัวตนของมนุษย์

    ดังนั้น การทำงานของจิตวิญญาณในทุกชาติภพจึงมีการทำงานอย่างเป็นระบบเครือข่าย และมีการเชื่่อมโยงซึ่งกันและกัน และมีผลกระทบต่อกันและกันเหมือนดังเครือข่ายใยแมงมุม มีการ รับ-ส่ง ข้อมูลระหว่างกันและกันอยู่ตลอดเวลา ความรู้ความทรงจำทั้งหลายเหล่านี้สะท้อนออกมาในรูปแบบของภาพสามมิติ หรือ ลักษณะทางกายภาพของมนุษย์แต่ละคน รวมถึง ความรู้ความทรงจำของชาติภพทั้งหลายเป็นตัวกำหนดประสบการณ์ทั้งหมดที่เป็นไปเพื่อการเรียนรู้ และเติมเต็มคุณค่าของจิตวิญญาณของมนุษย์แต่ละคน

    ดังนั้นตัวตนในชาติภพทั้งหลายที่ซ้อนกันอยู่กับตัวตนในปัจจุบันจึงเปรียบเสมือน "เงา" หรือ ความรู้ความทรงจำของจิตวิญญาณในชาติภพอื่น ๆ ที่คอยติดตาม และส่งผลต่อประสบการณ์ในชาติปัจจุบัน หรือเราอาจจะเรียก "เงา" ว่า เป็น "ภาพสะท้อนของการกระทำอันเกิดจาก อารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด จากชาติภพต่างๆ นั่นเอง" ดังนั้นปัจจุบันขณะของเราแต่ละคนจึงเป็นจุดตัดที่สำคัญที่สุดในการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะสะท้อนไปถึงทุกชาติภพเช่นเดียวกัน เพราะ ภาวะทางกายภาพของมนุษย์ ก็คือ ภาพสามมิติ ของ อารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด ประสานกับการกระทำ ซึ่งเราอาจกล่าวได้ว่า ภาวะทางกายภาพเกิดจาก ปาฏิหารย์ของพลังงานที่เกิดจาก ความคิด คำพูด และ การกระทำทางกาย (มโนกรรม วจีกรรม กายกรรม) ที่ผ่านการทำซ้ำ ๆในหลากหลายชาติภพจนเกิดเป็นนิสัยติดตัว และเป็นส่วนหนึ่งในการกำหนดนิสัย ความเคยชินในชาติภพปัจจุบัน ซึ่งมีความจำเป็น ๆ อย่างยิ่งที่จิตวิญญาณจะต้องกลับมาทำซ้ำ ทำใหม่ ผ่านชาติภพทางกายภาพด้วยนิสัยแบบเดิม ๆ โดยเผชิญกับประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยมีเป้าหมายเพื่อให้เกิด การกระทำใหม่ที่สอดคล้อมกับแก่นแท้ของจิตวิญญาณ และเพื่อเรียนรู้ว่า เราคืออะไร ไม่ใช่ว่าเราเคยเป็น "ใคร"ในแต่ละชาติภพ

    การที่เราได้รู้ว่าเราเคยเป็น "ใคร" คำว่าใคร ย่อมก่อให้เกิดการส่งเสริมให้เกิดความเป็นตัวเป็นตน ตัวเรา ของเรา และการแบ่งแยกขึ้นไปอีก แต่ในทางกลับกัน หากเราเรียนรู้ว่าตัวเรานั้น คือ "อะไร" เพราะเมื่อความจริงทั้งหลายได้ปรากฏ ความแบ่งแยกทั้งหลายจะไม่มี เพราะเราทุกคน ไม่มีใครที่ไม่รักตัวเอง และไม่มีใครที่อยากจะทำร้ายตัวเอง

    "เป้าหมายในการก้าวข้ามผ่านสะพานสายรุ้ง คือการย้อนกลับคืนสู่ การตื่นขึ้นของจิตสำนึก
    เพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงว่าคุณคือใครและมาอยู่ที่นี่ทำไม
    คุณไม่ใช่กายเนื้อที่มีประสบการณ์ทางจิตวิญญาณ
    การจุดประกายแสงสว่างและการหมุนวนของพลังงานให้ระดับจิตสำนึก
    ที่อยู่ในกายเนื้อของคุณ สู่การเรียนรู้ " (เครดิตโดย KINDRED)

    เราทุกคนไม่ใช่กายเนื้อที่มีประสบการณ์ทางจิตวิญญาณ
    แต่เราคือ "จิตวิญญาณที่มาหาประสบการณ์ผ่านภาวะทางกายภาพ หรือ กายเนื้อ เท่านั้น"



    จิตวิญญาณไม่แบ่งแยกเชื้อสาย เผ่าพันธ์ ยากดีมีจน สูง ต่ำ ดำขาว โง่ หรือ ฉลาด แต่แก่นแท้ของจิตวิญญาณเต็มไปด้วยความรักอันปราศจากเงื่อนไข อันเต็มไปด้วยความสนับสนุนซึ่งกันและกัน ดังนั้นครรลอง หรือ วิถีธรรมชาติในการปรากฏเป็นภาวะทางกายภาพร่างกายเนื้อหนังมนุษย์จึงต้องสะท้อนความเป็นจริงของแก่นแท้ของจิตวิญญาณภายในเช่นเดียวกัน คือ ความรัก ความเมตตาที่พึงมีให้ต่อกันและกัน อันเป็นพื้นฐานสำคัญของการเป็นมนุษย์ (HUMAN BASIC เครดิตโดย LITTLE DUCK)

    ดังนั้น การทำหน้าทีการงานใด ๆ บนพื้นฐานของการเป็นมนุษย์ หรือ บนพื้นฐานของแก่นแท้ตามธรรมชาติ จะต้องประกอบด้วย ความรัก หรืออิทธิบาทธรรม ความเชื่อในส่วนของหัวใจที่สุจริตส่วนนี้ไม่ใช่การหมกมุ่นครุ่นคิด แต่คือการใช้หัวใจหรือศรัทธากระทำในสิ่งที่ตั้งไว้ดีแล้ว จนกระทั้งการบรรลุเป้าหมายนั้นมาถึง ธาตุที่ถูกขัดเกลา จะตกผลึกกลายเป็นคุณวิชชา อีกนัยยะหนึ่งเมื่อเพียรปฏิบัติจากข้างในหัวใจ ผลจะแสดงออกมาในลักษณะภายนอกเอง จึงเรียกว่าการปฏิบัติที่เข้าแถวเข้าแนวทางไม่ฉาบฉวยเป็นธรรมชาติ #และเพียรเริ่มจากสิ่งที่ทำได้จริงไปสู่การฝึกฝนที่ทำได้ยาก #ด้วยอิทธิบาท หรือวินัยต่อตนเอง #การว่างเว้นไปจากความเพียรนั้นจึงเป็นเครื่องพาให้จิตใจเศร้าหมองไม่ผ่องแผ้ว (เครดิตโดย สตธศร)

    ซึ่งหลักอิทธิบาทธรรม ก็คือ การมีวินัยต่อตนเอง หรือการแบ่งเวลาบนทางสายกลาง (เครดิตโดย สตธศร) ซึ่งแบ่งเวลาให้สอดคล้องกับกิจกรรมประจำวัน พอเหมาะพอควร ไม่ตึงไป และไม่หย่อนไป โดยค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไปจนกลายเป็นธรรมชาติที่ต้องกระทำ หรือ กลายเป็นธรรมชาติของจิต หรือ การเป็นเองโดยอัตโนมัติ"

    ค่อยเป็น ค่อยไป ทางสายกลาง

    ท้ายสุดขอยกพระบรมราโชวาทขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศที่ได้ถ่ายทอดความเข้าใจของแก่นแท้ในธรรมชาติ หรือ ความเข้าใจในพื้นฐานของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี

    "ในการปฏิบัติงานนั้น ย่อมมีปัญหาต่าง ๆ เกิดขึ้นได้เสมอ
    เมื่อปัญหาเกิดขึ้นต้องแก้ไข อย่าทิ้งไว้พอกพูนลุกลามแก้ยาก
    ขอให้ทุกคนระลึกว่า ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ได้
    ถ้าแก้คนเดียวไม่ได้ ก็ช่วยกันคิด ช่วยกันแก้ หลาย ๆคน หลาย ๆทาง
    ด้วยความร่วมมือ ปรองดองกัน
    ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น จักได้ไม่กลายเป็นอุปสรรคขัดขวาง
    และบั่นทอนทำลายความเจริญ และความสำเร็จของการงาน

    ให้ไว้เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2533





    BALANCE FORWARD

    LOVE YOU
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤศจิกายน 2016
  18. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ข้อความเก่านำมาให้อ่าน จาก LITTLE MERMAID

    นำมาฝาก..ด้วยรัก และผูกพัน

    การวางตัวดี คือ ..
    1. ศีลธรรม คือ

    ธรรมะ ที่ควรประพฤติอย่างมั่นคงดังศิลาภูผา
    ได้แก่ การไม่ทำลาย หรือ ทำร้ายชีวิตอื่น
    การไม่ลักขโมย หรือ ฉ้อโกงทรัพย์ผู้อื่น
    การไม่ประพฤติผิดในบุตร ภรรยา หรือ สามี ของผู้อื่น
    การไม่พูดโกหก ส่อเสียด เพ้อเจ้อ หยาบคาย
    และ การไม่ดื่มสุรา ยาเมา หรือ ยาเสพย์ติด
    ทั้งนี้เพราะ พฤติกรรมดังกล่าว นั้น
    หากประพฤติแล้วจะนำมาซึ่งความเสื่อม
    ความเสียหายร้ายแรงนานาประการแก่ผู้กระทำนั้น เช่น
    การทำร้ายทำลายชีวิตอื่น นำมาซึ่งความเจ็บป่วยพิการ
    ความอ่อนแอ ความทรมาน ความตาย การพลัดพราก
    การจองจำ และ ความ เศร้าโศกเสียใจ
    การลักขโมยฉ้อโกงทรัพย์ผู้อื่น นำมาซึ่งความขัดสน
    มีอุปสรรคใน กิจการงาน การสูญเสียทรัพย์ที่หามาได้
    เพราะเหตุแห่งไฟโจร ความอยุติธรรม
    และการถูกรังเกียจจากผู้อื่น
    การประพฤติผิดในบุตร ภรรยา และ สามีของผู้อื่น
    นำมาซึ่งภัย คือ ความตาย การทะเลาะเบาะแว้ง
    การทุบตี ความคลางแคลงใจ ความไม่ซื่อสัตย์
    ไม่จงรักภักดีของบริวาร การไม่ให้เกียรติกัน
    และ ความแหนงใจในตนเอง
    การพูดโกหก นำมาซึ่งความเชื่อถือไม่ได้
    อันนำมาซึ่งการสูญเสีย เครดิต เสียสิทธิประโยชน์มากมาย
    การพูดส่อเสียด นำมาซึ่งภาวะจิตตึงตัว
    การมองโลกในแง่ร้าย ความไม่น่าไว้วางใจ ความเกลียดชัง
    การพูดเพ้อเจ้อ นำมาซึ่งการหลอกตัวเอง
    พาผู้เชื่อหลงทางสู่ หายนะ หรือ สูญเปล่า
    การพูดหยาบคาย นำมาซึ่งความไม่เป็นที่รัก
    การดื่มสุรา ยาเมา หรือ ยาเสพย์ติด
    นำมาซึ่งการเสียสติ ความ เสื่อมปัญญา การสูญเสียสมรรถภาพ
    ในการควบคุมตน เสียทรัพย์ เสียเพื่อนดีๆ เสียเวลา เสียสุขภาพ
    นำมา ซึ่งภัยพิบัติโรคร้าย และ ความตาย
    สิ่งเหล่านี้ จัดเป็นขยะโลก ที่ทำให้ชีวิตเปรอะเปื้อน
    เสื่อมเสีย แม้ข้อมูล หรือ สถานที่อันเอื้อให้เกิดสิ่งเหล่านี้
    ก็จัดเป็นแหล่งโสโครก เพาะเชื้อภัย ที่ควรหลีกให้ห่าง
    จำไว้ว่า ชีวิตของเรา เก็บข้อมูลไว้อย่างไร
    มีประสบการณ์อย่างไร โดยมากก็มีแนวโน้มที่จะมีลักษณะเช่นนั้น
    เช่น หากนั่งฟังคนนินทากัน บ่อยๆ
    อีกหน่อยก็จะกลายเป็นคนชอบนินทา
    โดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ
    ซึ่งเป็นการสะสมขยะข้อมูลให้เลอะเทอะอารมณ์
    และเปลืองเนื้อที่สมอง
    สมอง และ เซลล์ประสาท อ้นเป็นหน่วยความจำของมนุษย์นั้น
    มีความจำกัดอยู่ ถ้าเราใส่ข้อมูลเข้าไปมากเกินขีดจำกัด
    ข้อมูลใหม่จะเข้าไปเบียดข้อมูลเก่าให้หายไปจากความทรงจำ
    เพราะความจำของมนุษย์ นั้นไม่เที่ยง
    ดังนั้น จงอย่าบันทึกเรื่องเหลวไหลไร้สาระ
    หรือ เรื่องราว ชั่วร้ายเข้าไปในระบบ จนเบียดสิ่งที่ดี มีประโยชน์
    หากต้องประสบสิ่งเลวร้าย ก็สรุปเอาเฉพาะบทเรียนเป็นหลักธรรมสอนใจ
    ไม่ต้องจดจำรายละเอียดที่เลวร้ายเหล่านั้น
    หยุดอารมณ์ร้ายไว้ โดยไม่ต้องวิพากษ์วิจารณ์ต่อเนื่อง
    ให้เป็นกรรมใหม่กันต่อไป
    เพราะสิ่งใดที่บันทึกไว้แล้ว จะหล่อหลอมเป็นลักษณะบุคลิกภาพ
    ทางอารมณ์ สติปัญญา และพฤติกรรมเฉพาะตน
    ดังนั้น คนที่มุ่งสู่ความสำเร็จทั้งหลาย
    จึงต้องหลีกเลี่ยงขยะโลก อัน ได้แก่ความเท็จ
    และ ความจริงที่เป็นโทษ ไม่เหมาะสม ไร้ประโยชน์
    อย่างเช่น วงนินทา วงเหล้า วงการพนัน
    ซ่องโจร ซ่องโสเภณี ซ่องมั่วสุม และแหล่งอบายมุขทั้งหลาย
    เพราะสถานที่เหล่านี้ ล้วนเป็นที่มาแห่งภัย
    แม้เมื่อ ยังไม่มีภัย แต่ชีวิตที่เข้าไปเกี่ยวข้องก็เสื่อมทรามลงทุกวัน
    หากปรารถนาความสำเร็จในชีวิต
    จึงต้อง หลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ให้เด็ดขาด
    และ ถือเป็นมาตรฐานอันแข็งแกร่งอันมั่นคงดังภูผา
    จึงเรียกว่า ศีลธรรม


    2. คุณธรรม คือ

    ความจริงที่มีคุณ หรือ มีประโยชน์ต่อความสำเร็จสุขในชีวิต
    ซึ่งผู้ประสบความสำเร็จทั้งหลายล้วน เพียรสั่งสม
    การสร้างคุณประโยชน์ให้บังเกิดแก่ชีวิตนั้น ทำได้ 2 ขั้นตอน
    คือ การอยู่กับสารประโยชน์ และ การสร้างสารประโยชน์
    การอยู่กับสารประโยชน์
    คือ การดำเนินชีวิตอยู่กับความเป็นจริง
    สิ่งที่เป็นประโยชน์ นำมาใช้ได้ และ มีความเหมาะสม
    ไม่ว่าจะเป็นการคบเพื่อน การสมาคมในสังคม
    การเลือกอาหาร งาน ที่อยู่อาศัย และ พฤติกรรมประจำวัน
    การที่จะสร้างประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ได้ นั้น
    ต้องอยู่กับสาระประโยชน์ก่อน
    หากจัดตัวเองให้อยู่กับสารประโยชน์ได้ในระดับใด
    ก็จะสามารถ สร้างสารประโยชน์ได้ใน ระดับนั้น หรือใกล้เคียง
    ตัวอย่างเช่น พระพุทธเจ้า หรือแม้โสกราตีส นิวตัน กาลิเลโอ
    ไอน์สไตน์ ล้วนดำเนินชีวิตสะอาด เรียบง่าย
    มุ่งสู่สารคุณอันล้ำลึก ลด ละหลีกเลี่ยงจากสิ่งเหลวไหล ไร้สาระ
    ที่พาตกต่ำ และไม่ยอมสร้าง ปัญหาเป็นภาระให้ผู้อื่น
    ไม่ยอมให้ใครชักจูง ไม่ไหลไปตามกระแส
    จึงสามารถก้าวเข้าสู่ความยิ่งใหญ่ได้ในที่สุด
    มีหลักง่ายๆ สำหรับการพิจารณาค่าสารคุณ
    คือ การพึ่งพาพลัง ภายนอก จะทำให้เราอ่อนแอลง
    เพราะเป็นสิ่งที่มีค่าสารคุณน้อย
    แต่หากหันมาใช้พลังจากภายในให้มาก
    จะทำให้เราเข้มแข็ง และอยู่เหนือ ธรรมชาติ
    อันเป็นสิ่งที่มีค่าสารคุณมาก
    หลักการนี้ สามารถนำไปวิเคราะห์และวัดค่าได้ทุกสิ่ง
    ไม่ว่าจะเป็น ความรัก ความสัมพันธ์ การบริโภควัตถุ
    ยศ อำนาจ ชื่อเสียง และ ความสุข
    แต่กระนั้น สิ่งหนึ่งซึ่งพึงระวังในการเลือกสารคุณ
    คือ อย่าสุดโต่ง จนกลายเป็นสมบูรณ์นิยม
    จนไม่มีความเป็นกลางวางเฉย
    เพราะตราบเท่าที่เรายังอยู่บนโลก ที่มีทั้งดี ทั้งชั่ว และเป็นกลาง
    ยังต้องสัมพันธ์กับ สิ่งที่มีทั้งคุณ และโทษ และความเป็นกลาง
    หน้าที่ของเรา ก็คือ ต้อง วินิจฉัยว่า
    เราสามารถควบ คุมโทษของมันมิให้กำเริบได้
    หรือไม่ต้องรู้จัก พิจารณาว่า ค่าสาระคุณนั้น
    เป็นสิ่งจำเป็นเอื้อประโยชน์ และเหมาะสม กับภาวะฐานะหรือไม่
    ตลอดจนต้องคำนึงถึงว่า เราจะยังคงความเป็นกลาง
    ในการสัมผัสสิ่งนั้นได้หรือไม่
    ถ้าเราสามารถบริหารการสัมพันธ์ได้ดังนี้
    เราก็จะได้บริโภคคุณ ควบคุมโทษ และ คงความเป็นกลางได้เสมอ
    เหมือนการใช้กระแสไฟฟ้า ซึ่งต้องระมัดระวังควบคุมโทษด้วย
    ฉนวนป้องกันภัย ใช้ด้วยวิธีการที่ถูกต้อง
    จึงจะได้ใช้คุณประโยชน์ของมันอย่างเต็มที่
    และสิ่งสำคัญอยู่ที่ ต้อง อยู่ในความเป็นกลางเสมอ
    คือ ไม่หลงใหลได้ปลื้ม และไม่ยินดียินร้าย ผลักไส
    เมื่ออยู่กับ สารประโยชน์เสมอ เสพสารประโยชน์โดยสมควร
    ในขั้น ต่อไปก็จะเข้าใจคุณค่า และเห็นโครงสร้างของสารประโยชน์
    เมื่อ ตระหนักในสารประโยชน์ ก็จะสามารถสร้างสารประโยชน์แก่ตนเอง
    และ ผู้อื่นได้โดยสมควร


    3. จริยธรรม คือ

    คุณสมบัติที่ทำให้งดงาม ได้แก่ ความละอายต่อบาป
    ความอดกลั้น ความสุภาพ ความอ่อนโยน และ ความสำรวม
    คุณสมบัติประการหนึ่งของผู้ประสบความสำเร็จ
    คือ มีความงดงาม ใน จิตใจ วาจา และ พฤติกรรม
    จึงเป็นที่ยอมรับนับถือ และ เป็นที่รักของคนทั้งหลาย
    จึงได้รับความร่วมมือ ช่วยเหลือเกื้อกูลจากผู้อื่นโดยง่าย
    ด้วยความเต็มใจ เพราะความ สงบเสงี่ยม
    สุภาพ อ่อนโยน นั้นเสมือนแม่เหล็กที่ดึงดูดให้ผู้คนสนใจ
    และ สามารถโน้มน้าวจิตใจผู้อื่นให้อ่อนเข้าหา
    แม้ใจอันกระด้างก็ยังพ่ายใจอันอ่อนโยน และมั่นคง
    เฉกเช่น ภูผาอันแข็งแกร่ง ยังถูกทะลุทะลวงด้วยสายน้ำ
    เป็นธารถ้ำต่างๆ หรือ แม้เหล็กแกร่งยังสามารถตัดได้
    ด้วยสายน้ำที่มีความเร็วสูง อันเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้
    ดังนั้น จริยธรรม จึงเป็นคุณสมบัติจำเป็นอีกประการหนึ่ง
    ของผู้ประสบความสำเร็จ


    4. คุณภาพ คือ

    ความสามารถเป็นยอด และ อดทนเป็นเยี่ยม
    คนที่เหลาะแหละ มักง่าย เอะอะ โวยวาย แสดงถึงคุณภาพที่ต่ำ
    แม้คนเก่งแต่ไม่มีความอดทน เปราะบาง ก็จัดอยู่ในคุณภาพที่ต่ำเช่นกัน
    หรือ คนที่อึด อดทน แต่ไร้ความสามารถ ก็ยังห่างไกลความสำเร็จ
    จำต้องปรับปรุงคุณภาพ ให้ครบก่อน
    การสร้างความสามารถ นั้น สร้างได้ด้วยการเรียนรู้ ฝึกฝน
    พัฒนา มี วินัยในตนเอง และนำมาใช้อย่างต่อเนื่อง
    ซึ่งความรู้และทักษะ จนเป็นความชำนาญพิเศษ
    การสร้างความอดทนนั้น สร้างได้ด้วยการทำความเข้าใจ
    ต่อทุกเหตุการณ์ให้ถ่องแท้ ไม่ให้พลังภายนอกเข้ามาในใจตน
    แผ่พลังใจออกไปรอบตัวอย่างต่อเนื่อง
    อภัยให้ตนเองและคนอื่นในทุกเรื่องโดยสมควร
    และพร้อมปล่อยวางทุกสิ่งตลอดเวลา


    5. ความเหมาะสม คือ

    การวางตัวอย่างเหมาะเจาะกับภาวะและฐานะของตน
    การวางตัวเหมาะสมกับภาวะ เช่น เป็นเด็ก
    ก็ต้องหมั่นเรียนรู้ ซักถาม เชื่อฟัง อ่อนน้อม
    หากอวดรู้ แข็ง กระด้าง ก็จะไม่ได้รับความเมตตาจากผู้ใหญ่
    หากเป็นผู้ใหญ่ ก็ต้องวางตัวให้สมกับการหลักให้ผู้อื่น
    คือ มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
    มีความยินดีสละ รู้จักให้อภัย
    หากเป็นคนแก่ ก็ไม่ทำ ตัวเหมือนเด็ก
    จะถูกค่อนแคะว่า เป็นเฒ่าทารก เป็นต้น
    การวางตัวเหมาะสมกับฐานะ คือ การวางตัวให้เหมาะสมกับหน้าที่
    เพราะในแต่ละฐานะนั่น เกิดมาเพราะหน้าที่
    เช่น ผู้ปกครองมีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองคนในปกครอง
    หากผู้ปกครองปัดความรับผิดชอบและชอบกล่าวโทษ
    โยนความผิดให้ผู้อื่น ก็จะเสียคนในปกครองไป เป็นต้น
    ดังนั้น การวางตัวให้เหมาะสมกับภาวะ และ ฐานะ
    จึงเป็นนิสัยเบื้องต้น แห่งความสำเร็จของชีวิตประการหนึ่ง
    ซึ่งจะขาดเสียไม่ได้
    การวางตัวอยู่ในศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม คุณภาพ
    และ ความเหมาะสม เป็นการวางตัวดี
    เมื่อทำตัวดีมาโดยตลอดแล้ว
    จงอย่าติดดี เชิดชู ความดีของตนจนโดดเด่น
    เพราะ หากหลงตัวเอง ก็เท่ากับมีความชั่วมาพัวพันแล้ว
    เสมือนที่ใด ที่มีโปรตรอนอยู่เดี่ยวๆ ก็จะมีอิเล็กตรอนจากอะตอมอื่น
    มาเกาะ ดังนั้น หากทำตัวเด่นดังด้วยความดี
    ก็จะถูกริษยา นินทา ว่าร้าย กลั่นแกล้ง
    เพราะเป็นธรรมดาของสิ่งชั่วที่จะวิ่งเข้าหาความดี
    และ เป็นธรรมดาที่คนชั่วจะอาศัยคนดี
    ด้วยเหตนี้ เมื่อโจรจะปล้น ก็ปล้นคนดีนั่นเอง
    เมื่อ คนเจ้าเล่ห์จะโกง ก็โกงคนซื่อนั่นเอง
    ดังนั้น การทำความดีให้ปลอดภัย ต้อง ทำในความเป็นกลาง


    6. ความเป็นกลาง คือ

    การวางตัวที่ปลอดภัย และ ได้ประโยชน์สูงสุดเสมอ
    คือ การวางตัวเป็นกลางอย่างแท้จริง
    ซึ่งมิใช่การ ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
    หรือ ทำเป็นไม่ รู้และไม่ชี้ขาดว่า สิ่งใดถูกสิ่งใดผิด
    ความไม่รู้ นั้นเป็น โมหะ ความโง่
    ส่วนความไม่ชี้ นั้นเป็นเพราะ อคติ การทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
    เพราะกลัวชี้ถูกชี้ผิดแล้วจะทำให้มีการผิดใจกัน
    แต่หากรู้ แล้วไม่ชี้ถูกชี้ผิดลงไป
    ก็จะไม่สามารถรักษาสังคม หรือไม่สามารถแก้ปัญหาชี้ขาดได้
    ดังนั้น ความเป็นกลางที่แท้จริง นั้น
    มิได้หมายถึงการไม่เข้าข้างฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง
    หรือ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่ ความเป็นกลางแท้จริงนั้น
    หมายถึง การชี้ขาดอย่างเที่ยงธรรมว่า ผิดคือผิด ถูกคือถูก
    อย่างตรงไปตรงมา โดย ไม่มี ความลำเอียง
    จงอย่าลืมว่า ความเป็นกลางไม่ใช่ความดีความชั่ว
    แต่ความดีจะอยู่ใน ความเป็นกลางเสมอ
    เช่น ในอะตอมของธาตุ จะมีอนุภาคหลัก
    คือ นิวตรอน เป็นกลาง มีโปรตรอน เป็น บวก
    และ อิเล็กตรอน เป็นลบ ซึ่งโปรตรอนนั้น จะอยู่ในนิวตรอนเสมอ
    โดยมีอิเล็กตรอนวิ่งวนอยู่ภายนอกรอบๆ
    ในจิตใจที่เป็นกลาง ก็เช่นกัน จะมีความดีสถิตอยู่เสมอ
    โดยความดี ก็มิ ใช่ความเป็นกลาง
    และ ความเป็นกลางก็มิใช่ความดี
    และมีความชั่ววิ่งวุ่นอยู่ ภายนอก
    ด้วยเหตุนี้ เมื่อจิตใจวุ่นวายเพราะสิ่งชั่วร้าย
    เพียงแค่สงบใจได้ กลับสู่ภายใน
    สำนึกอันดีงาม ก็จะปรากฏอารมณ์ชั่วร้ายก็จะหายไป
    เมื่อเป็นกลางดีแล้ว จึงสามารถ รักษาความดีได้
    โดยไม่ติดดี และ ปลอดภัยจากสิ่งชั่วร้าย
    ดังนั้น คนที่เป็นกลางจะสามารถรักษาตน
    กิจการ องค์กร และ สังคมให้มั่นคงสืบไปได้
    .......>>>><<<<<<..............
     
  19. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ข้อมูลเก่านำมาให้อ่าน หนุมาน ผู้นำสาร

    *** สัจจะ สัญญาใจตนเอง สัจจะธรรม ****

    สิ่งที่จะรักษาความดีให้อยู่กับตนเองได้...คือ สัจจะ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  20. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    THE SUN

    พระอาทิตย์ คือ ศูนย์รวมพลังงานในระบบสุริยะจักรวาล

    รุ้ง หรือ RAINBOW เปรียบได้กับภาพสะท้อนของแสงอาทิตย์ที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าผ่านภาวะทางกายภาพ และแสดงถึงความเป็นจริงทั้งหลายของธรรมชาติที่ทุกสรรพสิ่งทั้งหลาย ล้วนเป็นภาพสะท้อน (REFLECTION) ของพลังงานที่หมุนวนทั้งสิ้น พลังงานเหล่านี้ถูกแสดงออกในรูปลักษณะภาวะทางกายภาพอันแตกต่างกัน และก็มีจุดอ้างอิง และมีหน้าที่ของตนเองตามธรรมชาติในการสนับสนุนส่งเสริมกันและกัน หรือ อาจเรียกได้ว่า ระบบชีวิตหนึ่งมีหน้าที่อันเป็นระเบียบ มีจุดอ้างอิง มีการทำงานในการสนับสนุนส่งเสริมอีกระบบหนึ่งโดยอัตโนมัติ ไม่มีระบบใดที่แยกออกไปเป็นระบบโดดเดี่ยว ทุกระบบและทุกสรรพชีวิตล้วนอยู่ภายใต้ระบบเดียวกัน กฏเดียวกัน และมีความเกี่ยวข้องกันทั้งหมดทั้งสิ้นตั้งแต่ระบบย่อย ไปจนถึง ระบบใหญ่ เช่น ระบบเซลล์ ระบบอวัยวะ ระบบสังคม ระบบโลก รวมถึงระบบสุริยจักรวาลต่าง ๆ ทุกระบบที่ทำงานสนับสนุนกัน และเอื้อคุณประโยชน์ซึ่งกันและกัน

    ทุกระบบ และ ทุกสรรพชีวิต ล้วนมีหน้าที่ในวัฏจักรในการสนับสนุนส่งเสริมกันและกัน และเอื้อคุณประโยชน์ให้แก่กันและกันในการดำรงชีวิต ดังนั้นจึงไม่มีสรรพชีวิตใด หรือ ระบบใดที่ปรากฏขึ้นมาอย่างไร้คุณค่า และ ไร้ความหมาย เพราะทุกสรรพชีวิต และ ทุกระบบล้วนมีหน้าที่ในการมา หรือ ปรากฏในตัวของมันเอง แม้แต่ปรากฏการณ์ทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน ย่อมปรากฏขึ้นมาอย่างมีเหตุ มีผล หรือ สนับสนุนบางอย่างเช่นเดียวกัน เช่นเดียวกับทุกระบบในจักรวาล

    ในระบบโลก ความรู้ในหน้าที่ทั้งหลายตามธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายในโลก ถูกบรรจุไว้ในส่วนที่เรียกว่า "สัญชาติญาณ" ไม่ว่าจะเป็น คน พืช หรือ สัตว์ เพียงแต่ว่ามนุษย์คือ ผู้ที่ถูกเลือกโดยธรรมชาติให้เป้นผู้ที่มีหน้าที่เชื่อมโยงสรรพสิ่งทั้งหลายเข้าด้วยกัน หรือ ผุ้ที่มีหน้าที่ในการใช้ปัญญาในการหาข้อดีของทุกสรรพสิ่ง และ ทำให้เกิดเป็นสิ่งที่มีคุณประโยชน์ต่อโลกให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ระหว่างพืชกับสัตว์ สัตว์กับมนุษย์ และ มนุษย์กับมนุษย์ด้วยกัน

    ดังนั้นจึงไม่มีสรรพสิ่งใดที่ปรากฏขึ้นมาอย่างไร้ค่า ทุกสรรพสิ่ง และทุกชีวิตล้วนปรากฏขึ้นมาอย่างมีคุณค่า และกำลังส่งเสริมสนับสนุนซึ่งกันและกันในทางใดทางหนึ่งอยู่เสมอ เช่นเดียวกับการปรากฏของเหตุการณ์ทั้งหลายในโลก ที่ล้วนปรากฏขึ้นมาเพื่อสนับสนุนให้เกิดความสมดุลย์ในระบบ อุปมาได้กับการปรากฏของเชื้อไวรัสในร่างกายมนุษย์ที่เป็นกระบวนการหนึ่งในการปรับสมดุลย์ในร่างกายมนุษย์นั่นเอง ว่าเป็นไปในแนวทางสนับสนุนให้เกิดสิ่งใด ให้เกิดการกระทำใด หรือ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร เช่นเดียวกับการเกิดของภัยพิบัติทั้งหลาย หรือ ปรากฏการณ์ทั้งหลายในธรรมชาติ

    หน้าที่ตามธรรมชาติของมนุษย์ล้วนถูกสะท้อนออกมาผ่านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของมนุษย์ที่ถูกสืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น ผ่านกาลเวลา ในสิ่งที่เราเรียกว่า ศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม หรือ ระเบียบวินัยในการอยู่ร่วมกันในสังคม ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยพิจารณาจาก ความเหมาะสม และ ความเป็นกลาง จากมุมมองหลากหลายของคนในสังคม เพื่อก่อให้เกิดคุณภาพ หรือ สร้างภาพรวมอันเป็นคุณประโยชน์ให้แก่ทุก ๆคนอย่างเท่าเทียมกันในระบบสังคมนั้น ๆ(ขอขอบคุณคีย์จาก LITTLE MERMAID) สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ล้วนสะท้อนภาพรวมของแก่นแท้ตามธรรมชาติความเป็นจริง ที่การกระทำทั้งหลายล้วนย่อมต้องสนับสนุนกันและกันในการก่อให้เกิดคุณประโยชน์ หรือ ประโยชน์อันมีคุณต่อตนเอง และ ต่อระบบส่วนรวม

    หากแม้มนุษย์ทุกคนมีความเข้าใจอย่างตรงกันแล้วว่า ในทุกระบบไม่ว่าจะเป็นระบบครอบครัว ระบบสังคม ระบบโลก และ ระบบจักรวาล ทุกสรรพชีวิตล้วนต้องพึ่งพาอาศํยกันและกัน และ เราทุกคน และทุกสรรพชีวิต ล้วนอยู่ภายใต้พื้นฐานและกฏเกณฑ์เดียวกัน รวมทั้งมีความเข้าใจถึงธรรมชาติแห่งความเป็นจริงว่า ทุกคนล้วนต้องแตกต่างกันไปตามลักษณะทางกรรมพันธ์ (ลักษณะภาวะทางกายภาพอันได้แก่ บุคลิคลักษณะ สภาพแวดล้อม นิสัยใจคอ ฯลฯ ที่ถูกกำหนดด้วย การกระทำของทุกตัวตนทุกชาติภพ หรือ พุทธศาสนาเรียกว่า "เรามีกรรมเป็นเผ่าพันธ์) รวมถึง ความคิดเห็นย่อมต้องแตกต่างกันไปตามความคิด และ มุมมองที่แตกต่างกัน แต่หากมุมมองทั้งหลายตั้งอยู่บนพื้นฐานเดียวกัน คือ เพื่อประโยชน์ส่วนรวม ไม่ใช่เพื่อส่วนตัว แม้มีความคิดเห็นที่ต่างกัน แต่หากตั้งอยู่บนปณิธาน หรือ อุดมการณ์เดียวกันแล้ว การหันหน้าเข้ามาปรึกษากัน ร่วมมือกัน หาจุดดีของแต่ละฝ่ายมารวมกัน ทุกอย่างย่อมพบกันได้ ณ ทางสายกลางในที่สุด

    ทุกอย่างจึงอยู่ที่ การปูพื้นฐานของมนุษย์ (HUMAN BASIC) ให้ทุกคนได้เข้าถึงความจริงของธรรมชาติ หรือ สัจธรรม อันเป็นธรรมที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทุกฝ่ายอย่างแท้จริง หรือ ธรรมที่เป็นสิ่งที่ดี คือ ดีต่อตนเอง และผู้อื่น หรือ ที่เรียกว่า "ทำดี" หรือ "ธรรมดี" ที่มนุษย์ได้ให้สัญญาใจไว้กับใจตนเอง หรือ สิ่งที่ถูกบันทึกไว้ในสัญชาติญาณ

    ดังนั้นสิ่งที่จะรักษาความดีที่ตรงกับความเป็นจริง หรือ แก่นแท้ของธรรมชาติได้ คือ การให้ความรู้ที่เป็น สัจธรรม หรือ ความเป็นจริงของธรรมชาติ หรือ การให้ปัญญาแก่มนุษย์ ให้เข้าใจถึง หน้าที่ตามระบบในนิเวศน์ และมีระเบียบในการปฏิบัติหน้าที่นั้น ๆ

    สัญชาตญาณอันแท้จริงสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย และของมนุษย์ล้วนเกี่ยวข้องกับการ ช่วยเหลือ สนับสนุน ส่งเสริมซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นหน้าที่ของทุก ๆ ระบบ ที่ต้องปฏิบัติอย่างมีระเบียบวินัย

    ส่วนสิ่งที่เรียกว่าสัญชาตญาณของการเอาตัวรอด เพื่อตัวกู ของกู นั่นคือ สัญชาตญาณของสัตว์ร้ายที่ไม่ใช่แก่นแท้ของธรรมชาติ และสิ่งที่ทำให้สัจจะธรรม หรือความเป็นจริงเกิดขึ้นได้ จำต้องอาศัย "สัจจะ" หรือ การมีระเบียบวินัยในหน้าที่ อันตรงกับความเป็นจริง หรือ แก่นแท้ของธรรมชาติเท่านั้น

    *** สัจจะ สัญญาใจตนเอง สัจจะธรรม ****

    สิ่งที่จะรักษาความดีให้อยู่กับตนเองได้...คือ สัจจะ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "




    สวมมงกุฏให้สัตว์ร้าย

    ข้อความจาก LITTLE DUCK

    จักรวาลขยายตัวไม่สิ้นสุด คือสิ่งที่มนุษย์ได้รู้ ได้เห็นความเป็นจริงในหลายรูปแบบ แตกต่างกันไปตามรูปธรรมที่มองเห็น แต่แท้จริงแล้ว จักรวาลยังคงไว้ซึ่งพลังงานเท่านั้น


    พลังงานที่เกิดจากธรรมชาติ แลพลังงานมากมายที่มนุษย์ได้ขยายขอบเขต ด้วยตัวของมนุษย์เอง เหตุนี้เอง จึงมักเรียกว่า จักรวาลขยายตัวอย่างไม่จำกัด


    พลังงานอันไร้ขอบเขต คือ แสนยานุภาพของของมนุษย์ที่ส่งให้จักรวาลขยายตัว แต่แท้จริงแล้ว มนุษย์คือผู้สร้างทั้งสิ้น
    จักรวาล ทีมีอยู่มากมายต่างมุ่งหวังให้สิ่งมีชีวิตที่อยู่อาศัยในจักรวาลนั้น สร้างสรรค์ลังงานอันบริสุทธิ์ด้วยกันทั้งนั้น ไม่แม้แต่จักรวาลนี้


    สิ่งมีชีวิตทุกสิ่ง คือ ความสมดุลของจักรวาล หาใช่แต่มนุษย์เท่านั้นไม่
    แต่มนุษย์คือผู้ที่ถูกเลือกทำหน้าที่

    หน้าที่ที่ต้องรับผิด และ รับชอบ ต่อการอยู่อาศัยร่วมกัน เพราะมนุษย์คือผู้ใช้ปัญญา


    ปัญญา ที่ถูกบรรจุอยู่ในตัวตนของมนุษย์ ที่จำเป็นต้องถูกเรียกนำมาใช้ในทางสร้างสรรค์ อันก่อให้เกิดประโยชน์แก่สรรรพสิ่งทุก ๆสิ่ง


    ปัญญาบรรจุอยู่ในตัวมนุษย์แล้ว หากมนุษย์นำปัญญาร้ายไปใช้ สิ่งที่เกิดขึ้น คือ อะไร


    หากนำปัญญาร้ายไปใช้สิ่งที่เกิดขึ้น ดับวอดวาย


    หากนำปัญญาดีไปใช้สิ่งที่เกิดขึ้น โชติช่วงชัชวาล


    PROGRAMME = JF = JUSTIFY FUNCTION
    โปรแกรม คือ การประมวลผลที่ออกมาว่า เป็นอย่างไร


    โปรแกรมคือ กรรม หรือตัวกระทำ


    ตัวกระทำมีผลตอบแทนตัวกรทำไม่เคยตาย

    คอมพิวเตอร์ เกิดจากมนุษย์เป็นผู้สร้าง เช่นเดียวกับความเชื่อทั้งหลาย

    มงกุฏ จึงคือ ปัญญา


    ท้ายสุดข้าพเจ้าขออัญเชิญพระบรมราโชวาทขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศมาไว้ ณ ที่นี้


    "จิตใจและความประพฤติที่สะอาด และมีระเบียบเป็นรากฐานสำคัญของชีวิตจิตใจ ทั้งความประพฤติ ดังนั้นใช่จะเกิดมีขึ้นเองได้ หากแต่จำเป็นต้องฝึกหัดอบรม และสนับสนุนส่งเสริมกันอย่างจริงจัง สม่ำเสมอนับตั้งแต่บุคคลเกิด ดังที่มนุษย์ไม่ว่าชาติใด ภาษาใด ได้พยายามกระทำสืบต่อกันมาทุกยุคทุกสมัย ทั้งเพื่อให้สามารถรักษาตัวและมีความสุข ความสำเร็จในการครองชีวิต ทั้งให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่น ได้ด้วยความผาสุกสงบ"

    พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

    LOVE U
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2016
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...