ไม่รู้จักกัน

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย อนัตตา, 4 มกราคม 2019.

  1. bird180531

    bird180531 นาย Bio

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2021
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +324
    55555
    ไม่ได้คุม นายนิรบาล ชุดขาว
     
  2. bird180531

    bird180531 นาย Bio

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2021
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +324
    แค่บอก การทำความดี
    สิ่งที่มองไม่เห็น แต่รับรู้ได้ด้วยใจเรา
    หรือ แค่ลองของ หรือ ประสงค์สิ่งใด
    แค่ตัวเราเอง

    มีชะตาร่วมกัน
    ก็ช่วยกันได้แค่นั้น
    ถ้าไม่มี ก็ยืนมองเฉยๆ
    เหมือนคนเดินผ่านไปมา
     
  3. bird180531

    bird180531 นาย Bio

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2021
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +324
    ถ้าผู้คุมทำผิด จะเกิดไรขึ้นมาบ้าง
    และไมุ่คุมละเบื่อ และไม่ต้องคิดต่อ
    ไม่ใช่ ทางของเรานะห้าม
     
  4. BENATO

    BENATO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,582
    ค่าพลัง:
    +1,917
    เคยมี แต่ไหวตัวทันก่อน 55 :D:D
     
  5. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    แฟนท้องแล้วหรอo_O
     
  6. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    เจอแต่ของแปลกๆ สิ่งที่ได้พบเจอมันบ่งบอกว่าไม่เขาก็เรานี่แหละที่ป่วย:rolleyes:
     
  7. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    LegFHqVQ.jpg
     
  8. BENATO

    BENATO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,582
    ค่าพลัง:
    +1,917
    พบแล้วยังไงต่อ..? หือ :rolleyes:
     
  9. BENATO

    BENATO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,582
    ค่าพลัง:
    +1,917
    แล้วจะ หยุด.. ตรงไหนดี..? หือ :rolleyes:
     
  10. BENATO

    BENATO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,582
    ค่าพลัง:
    +1,917
    ชอบอัตตา นี้มั้ย.. ? :rolleyes:
     
  11. BENATO

    BENATO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,582
    ค่าพลัง:
    +1,917
    ตำแหน่ง หน้าที่.. นี้..

    เรา.. อยากเป็น.. รึ..?

    เค้า.. อยากให้เราเป็น..? :rolleyes:

    ใคร เป็นผู้กำหนด..?

    เค้าเป็นใคร..?

    และเราจะเชื่อเค้าได้มั้ย..?

    ถามตัวเองดูดีๆ ก่อน.. นะ :rolleyes:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2021
  12. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    สากกะเบือพูดไม่ได้เพราะขาดซึ่งจิตวิญญาน
    แต่เราพูดได้ แสดงกิริยาอาการได้เพราะมีจิตวิญญาน
    ตัวตนต้องมี เวลาที่แสดงโลกโวหาร ยังอยู่กับโลกนะ ยังมีสังขารนะ รอให้ตายกายพังก่อนค่อยไม่มีตัวตน

    พูดไปตามเรื่องตามราวตามผัสสะที่ยึดมาเป็นตน ของตนo_O
     
  13. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ใครจะชิง ใครจะชัง มันก็ช่างหัวเขา ก็ตัวเรารู้เรา ปล่อยให้เขาทำไป.....เกิดเป็นมนุษย์สิ้นสุดแค่ตาย ประดุจดังต้นไม้ล้มทับโลกา....:D
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2021
  14. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    โพธิสัตว์คือจิต จิตคือโพธิสัตว์
    .
    .
    ท่านบัสซุย พระอาจารย์เซนชาวญี่ปุ่น ในศตวรรษที่ 14 เป็นอาจารย์เซนที่มีความลึกล้ำในข้อธรรมและการปฏิบัติอย่างคร่ำเคร่ง นับตั้งแต่ท่านอายุได้เจ็ดขวบ ท่านเกิดกังขาขึ้นมาว่า "วิญญาณคืออะไร" และสงสัยว่าใครกันที่ได้ยินเสียง ใครกันที่มองเห็น และใครกันที่เข้าใจ ท่านจึงเริ่มการปฏิบัติด้วยการตั้งคำถามเหล่านี้ แล้วโยนิโสมนสิการเรื่อยมาตั้งแต่เด็กจนเติบใหญ่ จนกระทั่งรู้แจ้งว่า วิญญาณ หรือจิตนั้นจับจ้องมิได้ มิมีตัวตน เพราะเป็นความว่างเปล่า คือศูนยตา (1)
    .
    ท่านบัสซุยกล่าวว่า พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย เป็นอุปมาของจิต หรือจิตเดิมแท้ ท่านกล่าวว่า
    .
    "ดังนั้นเราควรตระหนักว่าชื่อของโพธิสัตว์ทั้งหลาย เป็นเพียงชื่อใช้เรียกจิตลักษณะต่างๆ กัน พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงใช้กุศโลบายในการแสดงพระธรรมเทศนา ทรงนิยามสรรพสิ่งโดยใช้ชื่อบางชื่อ และใช้ชื่อเหล่านั้นแสดงสัจธรรมให้ประจักษ์ แต่คนธรรมดาสามัญที่ไม่ทราบความจริงนี้ ติดอยู่กับชื่อและด้วยความหวังว่าจะบรรลุพุทธะ ด้วยการแสวงหาพระพุทธเจ้าและธรรมะนอกจิตใจของพวกเขา เหมือนกับเอาทรายมาหุงข้าว ฉะนั้น" (2)
    .

    .

    .
    Cr. คลังพุทธศาสนา
    .
    อ้างอิง :
    1. Kapleau, Philip (1989), The three pillars of Zen
    2. Braverman, Arthur (2002), Mud and Water: The Teachings of Zen Master Bassui, Wisdom Publications, p. 56, ISBN 0-86171-320-6
    .

    .
    ภาพ : พระพักตร์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี ศิลปะเขมรบายน จากปราสาทประธาน ปราสาทพระขรรค์ อายุราวพุทธศตวรรษที่ 18
    .
    Cr.ภาพ :

    Proloeung Nokor Thep Apsara Soul
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    จงทำชีวิตให้มีเพียงวันเดียว รับรองว่าจิตจะเป็นปัจจุบัน ชัวร์ป้าบ...คอนเฟิร์ม:D

    ลองดูนะ...ลองดู
     
  16. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    จะเรียกว่าผัสสะก็ต่อเมื่อมี 3 องค์ธรรมมาบรรจบกัน แล้วเกิดเวทนา

    3 องค์ธรรมที่ว่าคือ...อายตนะ+รูป/นาม+วิญญานธาตุ

    ถ้าไม่ครบ 3 องค์ธรรมก็ไม่เรียกว่า "ผัสสะ"

    เอ...แล้วเค้าเรียกว่าอะไร:oops:
     
  17. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    " ธรรมแต่ละบทละบาทส่งต่อพระนิพพานได้เมิดฮั่นละ มันขึ้นอยู่กับจิตกับใจของเฮาดอก พุทโธคำเดียวกะถึงพระนิพพานมั๊บ พวกอยู่ในโลกีย์ สิท่องพุทโธธัมโมสังโฆ สิท่องจนจบไตรปิฏกกะเป็นโลกีย์อยู่ซำเก่าฮั่นละ เพราะจิตเจตนามันอยู่ฮั่นเด้... มันบ่เห็นภัยในวัฏสงสาร ขั่นเห็นภัยในวัฏสงสารอย่างเต็มที่ ทานน้อยขอให้กายทานหลายขอให้เว้นละ ปฏิบัติน้อยขอให้กายปฏิบัติหลายขอให้เว้นละ."

    หลวงปู่หล้า เขมปัตโต
    เทิดไว้เหนือเศียรเกล้า ด้วยเกล้า สาธุ
    _/|\_ _/|\_ _/|\_
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    เราชอบอ่านคำสอนของพระอริยเจ้า เพื่อเอาไว้เตือนสติ ย้ำๆ ซ้ำๆ เรื่องทุกข์ เรื่องกิเลส ใครไม่ชอบก็ผ่านไปนะ

    วันนี้ขอนำเสนอพระธรรมเทศนาของครูบาอาจารย์

    พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
    วัดอรัญญบรรพต
    อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
    ...............
    มันก็มีทุกคนแหละผู้เกิดมาในโลกนี่ ถ้ายังไม่ได้บรรลุ “อนาคามิผล” ตราบใดแล้ว อันความรักนี้มันก็มีอยู่อย่างนั้น ความชังก็มี นั่นล่ะต่อเมื่อได้บำเพ็ญเจริญสมถวิปัสสนาไปจนได้บรรลุถึงอนาคามีแล้วก็เป็นอันว่าละ “กามสังโยชน์”* ได้ ละปฏิฆะ ความหงุดหงิดใจได้ พระอนาคามีเป็นอย่างนั้น

    พระอนาคามีนี้แม้หงุดหงิดก็ไม่มีนะ ไม่ว่าแต่โกรธแหละ ฉุนเฉียวก็ไม่มี เป็นอย่างนั้น ก็ต้องรู้ไว้ผู้ปฏิบัติธรรม พระอนาคามีละสังโยชน์เบื้องบนไม่ได้ เช่น รูปราคะ อรูปราคะ มานะ ถีนมิทธะ อุทธัจจะ อันนี้ยังละไม่ได้ ห้านี้สังโยชน์ห้าเบื้องบน

    "อุทธัจจะ คือ ความรำคาญใจบางสิ่งบางอย่าง" ที่ความคิดมันเกิดขึ้น มันรำคาญใจอย่างนี้มันก็มีพระอนาคามี แต่ว่าไม่รุนแรง "อุทธัจจะ ความง่วงเหงา" ก็ยังมี นั่นแหละความง่วงเหงานี่ไม่ใช่ย่อยๆนะกิเลสตัวนี้ต้อง “อรหัตตมรรค” นู่นน่ะถึงจะตัดขาด นั่นล่ะ

    "มานะ ความถือตัว" หมู่นี้แต่ว่ามันละเอียด ไปถึงขั้นนั้นน่ะ ไอ้ขั้นหยาบ ความถือตัวในขั้นหยาบนี่ ไม่ยอมกราบไม่ยอมไหว้ผู้ทรงคุณวุฒิ แล้วก็ทำบาปได้ โดยไม่ต้องกลัวบาปกลัวกรรมจะตามสนองให้เป็นทุกข์ มานะอย่างนี้เรียกว่า อย่างหยาบ อย่างละเอียดนี่ไปถือมั่นใน "ความเห็น" ตนได้เห็นอย่างนี้แล้วก็ว่าเป็นความวิเศษของตน ไม่ยอมละความเห็นอันนั้น อันนี้เรียกว่า "มานะอย่างละเอียด"

    พระพุทธเจ้าทรงสอนให้ละความยึดมั่นถือมั่นในความเห็น ทั้งหมดเลย ไม่ได้สำคัญว่าตนเป็นผู้วิเศษวิโสอะไร ไม่สำคัญว่าตนรู้วิเศษอะไรต่ออะไร ความสำคัญอย่างนี้ไม่มีแก่ “พระอรหันต์เจ้า” ทั้งหลายเลย ทุกสิ่งทุกอย่างเรียกว่า รวมลงแล้วมันไม่ใช่ตัวตนเราเขาอะไร ความรู้ก็สักแต่ว่าความรู้ ความเห็นก็สักแต่ว่าความเห็น มันก็เป็นธรรมชาติของมันอย่างนั้น มันไม่มีตัวมีตนอยู่ในนั้นเลย เรามันต้องเรียนรู้ถึงแม้จะยังไม่ได้บรรลุถึง ก็ต้องเรียนรู้ไว้

    นั่นแหล่ะเผื่อว่าบำเพ็ญไปมันก็จะพยายามละความเห็นว่า "มีตัวมีตน" นี่นะไปเรื่อยๆ เพื่อให้บรรลุถึงจุดหมายปลายทาง “ความเป็นหนึ่ง” ถ้าความสำคัญเป็นมีตัวมีตนอยู่มันก็ “เป็นสอง” คือว่า ความเห็นหนึ่ง แล้วก็จิตหนึ่ง อย่างนี้นะ มันเป็นสองแล้ว มันไม่ได้เป็นหนึ่ง

    ถ้าละความเห็นอันนั้นเสียแล้วเช่นนี้ มันก็เหลือแต่ “ความรู้” อย่างเดียว มันก็เป็นหนึ่งเป็นอย่างนั้น เมื่อเป็นหนึ่งแล้วก็ไม่ได้สำคัญว่าตัวดีหรือตัวไม่ดี ตัววิเศษอย่างนั้นๆไม่สำคัญเลย นี่ล่ะ “สังโยชน์เบื้องบน” น่ะ ให้พากันเข้าใจไว้ แล้วบำเพ็ญไป

    * ( เพิ่มเติม ) "สังโยชน์ ๑๐" คือ กิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์, ธรรมหรือสิ่งที่มัดสัตว์ไว้กับทุกข์, สิ่งที่ผูกมัดร้อยรัดสรรพสัตว์ทั้งหลายให้ผูกติดอยู่กับความทุกข์ทําให้ไม่สามารถสลัดหลุดออกมาได้ อันมี ๑๐ ประการ คือ ๑. สักกายทิฏฐิ ๒. วิจิกิจฉา ๓. สีลัพพตปรามาส ๔. กามราคะ ๕.ปฏิฆะ ๖. รูปราคะ ๗. อรูปราคะ ๘. มานะ ๙. อุทธัจจะ ๑๐. อวิชชา

    ...

    ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ "แนวทางอริยะ"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    #คำสอนที่พระอาจารย์มั่นเน้นที่สุด

    "ในครั้งนั้นคือเรื่อง สักขีภูโต คือ การเอาตัวเป็นพยานของตัว และอีกเรื่องหนึ่งที่ประทับใจท่านมาก คือ ความแตกต่างระหว่างตัวจิตและอาการต่างๆ ของจิต

    .. พูดถึงอาการทั้งหลายเหล่านี้ ท่านพระอาจารย์มั่นท่านบอกว่าเป็นอาการ เราไม่รู้อาการทั้งหลายก็นึกว่าเป็นความจริงทั้งหมด นึกว่าจิตเราทั้งหมด แต่มันเป็นอาการทั้งนั้น พอท่านบอกว่าเป็นอาการ เราสว่างเลยทีเดียว

    อย่างความดีใจอย่างนี้มันก็มีอยู่ในใจ แต่ว่ามันเป็นอาการ มันคนละอย่างคนละชั้นกัน อยู่กับตัวจิต ถ้าความเป็นจริงรู้แล้ว มันก็เลิก มันก็วาง เป็นสมมุติแล้วมันก็เป็นวิมุตติ มันเป็นอยู่อย่างนี้

    คนบางคนก็เอามารวมกันทั้งหมดเป็นตัวจิตเสีย ความเป็นจริงมันเป็นอาการกับผู้รู้ติดต่อกันอยู่ ถ้าเรารู้จักอันนี้แล้วก็เรียกว่ามันไม่มีอะไรมาก.. “

    #หลวงปู่ชา_สุภัทโท
    #จากหนังสือบูรพาจารย์
    ***********************
    _/|\_ _/|\_ _/|\_
     
  20. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    กิเลสอะไรยังมีอยู่ก็ลดละเสีย อ่านตัวเองให้ออก อย่าเข้าข้างตัวเอง กุศลอะไรยังไม่ทำก็ทำเสีย แล้วก็ฝึกเรียนรู้ความจริงของโลก คือรูป นาม กาย ใจนี้ เรียนรู้มันเข้าไปให้มากจนมันวางได้ มันก็จะเห็นพระนิพพาน

    อย่างเรื่องความไม่ดีทั้งหลาย พวกเรามีความไม่ดีมาแล้วทุกคน กระทั่งพระอรหันต์ กระทั่งพระพุทธเจ้า ก่อนที่ท่านจะเข้าถึงธรรมะท่านก็เคยทำความไม่ดีมาแล้ว เพราะฉะนั้นเวลาพวกเราทำบาปอกุศลอะไรนี่ ไม่ต้องเสียใจมาก มันก็เป็นกันทุกคน ก่อนที่จะดีมันก็ชั่วมาแล้วทั้งนั้น ไม่มีใครวิเศษมาจากไหนหรอก ถ้ามันไม่มีกิเลส มันก็ไม่เกิดสิ ที่เกิดมาได้ก็เพราะมันมีกิเลส แต่มันมีกิเลสแล้ว อย่าสงวนรักษา คนในโลกนี้มันจะถนอมกิเลสไว้ มันจะสร้างเปลือกที่ดูดีมาห่อหุ้ม ซ่อนเร้นกิเลสของตัวเองไว้ สร้างเปลือกสวยๆ เอาไว้ให้คนอื่นเห็น เรานักปฏิบัติต้องรู้เท่าทันกิเลสของเราเอง มีกี่ตัวๆ ดูมันเข้าไป อย่าปกป้อง

    วิธีปกป้องที่ชาวโลกเขาใช้กันเยอะเลย คือหาคำอธิบายว่า อันนี้ที่ทำชั่วอย่างนี้ มันจำเป็นอะไรอย่างนี้ มันไม่ชั่วหรอก มันพลิ้วไปพลิ้วมาอะไรอย่างนี้ ถ้าอย่างนั้นเรียกว่า ไม่รู้จักใช้ประโยชน์จากกิเลสที่มี การที่เรามีกิเลส มันก็มีกันทุกคน ยังไม่ถึงที่สุดแห่งทุกข์ มันก็มีกิเลส แต่มีกิเลสแล้วอย่าปกป้องกิเลส

    โดยเฉพาะพระ พระเวลาทำอะไรผิด เรามีระบบปลงอาบัติ แต่ปลงอาบัติหลัง ๆ มันกลายเป็นพิธีกรรมพิธีการเท่านั้นเอง ถ้าปลงอาบัติที่แท้จริงก็คือไปสารภาพว่าเราได้ทำความผิดอย่างนี้ ขอให้ท่านเป็นพยานรับรู้ไว้ว่า ต่อไปนี้ เราจะสำรวมระวังไม่ให้ทำผิดอีก จะเปิดเผย เปิดเผยกระทั่งสิ่งที่น่ารังเกียจของตัวเองที่ซ่อนอยู่ในใจ เพราะฉะนั้นอย่างพวกเรามีกิเลสไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เราอย่าปกป้องมัน เราใช้ประโยชน์ที่จะลดละมานะอัตตาของเรา ลดละกิเลสของเรา

    คัดลอกมาจาเพจธรรมดอทคอม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...