ใครมีประสบการณ์วัตถุมงคลหลวงพ่อเณร วัดทุ่งเศรษฐีบ้างครับ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ura, 23 พฤศจิกายน 2010.

  1. kiwikung

    kiwikung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    942
    ค่าพลัง:
    +1,197
    สาธุครับ ป๋า
     
  2. kiwikung

    kiwikung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    942
    ค่าพลัง:
    +1,197
    เหลือเหรียญปู่ขาวหลังพระพิฆเนศวร 40 เหรียญครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.1 MB
      เปิดดู:
      55
  3. kiwikung

    kiwikung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    942
    ค่าพลัง:
    +1,197
    ด้านหลัง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1 MB
      เปิดดู:
      57
  4. dropkick

    dropkick เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2011
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +120
    เมื่อวานอิ่มบุญ อิ่มท้อง อิ่มความรู้ และ พระที่พี่ๆแจกให้ครับ ขอบคุณครับ
     
  5. chalakorns

    chalakorns เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +489
    เมื่อวานไปไม่ได้ แงๆๆๆๆ
     
  6. spiderza007

    spiderza007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2012
    โพสต์:
    490
    ค่าพลัง:
    +729
    กราบหลวงพ่อเณร ครับ

    เช้านี้ฝนก็ตก เซงเลย ผมขอบารมีพ่อเณรช่วยให้ผมขายของดีๆ ขายหมด ด้วยเทอด สาธุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2013
  7. ura

    ura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    4,438
    ค่าพลัง:
    +4,818
    สวัสดีพี่น้องในเช้าวันพระและสารทไทย
    ความหมาย
    สารทเป็นการทำบุญกลางปีของไทย ตรงกับวันสิ้นเดือน ๑๐ หรือวันแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ซึ่งเป็นฤดูที่พืชพันธุ์ธัญชาติและผลไม้สุก ข้าวและต้นผลไม้ที่ปลูกไว้กำลังให้ผลเป็นครั้งแรกในฤดูนี้
    ความเป็นมา
    สารทเป็นนักขัตฤกษ์ ถือเป็นประเพณีนิยมมาแต่โบราณว่า เทศกาลทำบุญสิ้นเดือน ๑๐ คือวัน เวลา เดือนและปีที่ผ่านพ้นไปกึ่งปี และโดยที่มนุษยชาติดำรงอยู่ได้ด้วยเกษตรกรรมเป็นหลักสำคัญ เมื่อถึงกึ่งปี เป็นฤดูกาลที่ข้าวออกรวงเป็นน้ำนม จึงได้มีกรรมวิธีปรุงแต่งที่เรียกว่ากวนข้าวทิพย์ หรือ ข้าวปายาส ข้าวยาคูและขนมชนิดหนึ่งเรียกว่า กระยาสารท แล้วประกอบการบำเพ็ญกุศลถวายพระสงฆ์ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ข้าวในนา ทั้งอุทิศส่วนกุศลให้บรรพชนผู้มีพระคุณและแจกสมนาคุณญาติมิตรตามคติที่ชาวไทยเป็นพุทธศาสนิกชน แม้จะเป็นประเพณีที่มีส่วนมาจากลัทธิพราหมณ์ ชาวไทย ก็นิยมรับ เพราะเป็นประเพณีในส่วนที่มีคุณธรรมอันดีพึงยึดถือปฏิบัติ
    พิธีสารท นอกจากเป็นประเพณีของชนชาวไทยทั่วไปแล้ว ในส่วนของพระมหากษัตริย์ที่เรียกว่าพิธีของหลวงนั้นในสมัยสุโขทัย มีในตำนานนางนพมาศว่า
    " ...ราชบุรุษชาวพนักงานตกแต่งโรงพิธีในพระราชนิเวศน์ ตั้งก้อนเส้าเตาเพลิงแลสัมภาระเครื่องใช้เบ็ดเสร็จ นายนักการระหารหลวง ก็เก็บเกี่ยวครรภสาลีและรวงข้าวมาตากตำเป็นข้าวเม่า ข้าวตอก ส่งต่อมณเฑียรวังเวรเครื่อง นายพระโคก็รีดน้ำขีรารสมาส่งดุจเดียวกัน
    ครั้งได้ฤกษ์ รับสั่งให้จ่าชาวเวรเครื่องทั้งมวลตกแต่งปรุงมธุปายาส ปรุงปนระดมเจือล้วนแต่โอชารส มีขัณฑสกร น้ำผึ้ง น้ำอ้อย น้ำตาล นมสด เป็นต้น ใส่ลงในภาชนะซึ่งตั้งบนเตาเพลิงจึงให้สาวสำอาง กวนมธุปายาสโดยสังเขป ชาวดุริยางค์ดนตรีก็ประโคมพิณพาทย์ ฆ้อง กลอง เล่นการมหรสพ ระเบงระบำล้วนแต่นารี แล้วพระเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วยราชบริพารนำข้าวปายาส ไปถวายพระมหาเถรานุเถระ"
    ถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ก็ได้สืบประเพณีพระราชพิธีสารท มาจัดทำ เช่น ในรัชกาลที่ ๑ มีพระราชพิธีสารทกวนข้าวทิพย์ รัชกาลต่อมา ได้ทำบ้างงดบ้างจนถึงปีพุทธศักราช ๒๔๗๐ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๗ โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีสารท มีกำหนดการดังนี้
    เจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์(ม.ร.ว.เย็น อิศรเสนา)เสนาบดี กระทรวงวัง รับพระบรมราชโองการเหนือเกล้าฯ สั่งว่า ราชประเพณีแต่ก่อนมาถึงเวลากลางปีเคยมีการพระราชพิธีสารทกวนข้าวทิพย์ปายาส ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายยาคู แด่พระสงฆ์ ด้วยว่าประจวบฤดูข้าวในนาแรกออกรวงเป็นกษีรรส พอจะเริ่มบริจาคเป็นทานถวายแด่ภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ได้เรียกว่า สาลีคัพภทาน แต่เว้นว่างมิได้กระทำมาเสียนาน มีพระราชประสงค์ที่จะทรงกระทำในปีนี้ จึงโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งพระราชพิธีสารทในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย แต่งสาวพรหมจารีราชอนุวงศ์ให้กวนข้าวทิพย์ปายาส แลแผ่พระราชกุศลแก่พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าทูลละอองธุลีพระบาทฝ่ายหน้าฝ่ายใน ให้รับรวงข้าวอ่อนไปแต่งเป็นยาคูบรรจุโถทำด้วยฟักเหลืองประดับประดาอย่างวิจิตรพึงชม ถวายโดยเสด็จในการพระราชกุศลพิธีสารท มีกำหนดการดังนี้
    วันที่ ๒๕ กันยายน ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ เดือน ๑๐ แรม ๑๕ ค่ำ ปีเถาะ เจ้าพนักงานจะได้แต่งการในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เชิญพระพุทธรูปชัยวัฒน์ทั้ง ๗ รัชกาลแลพระสุพรรณบัฏ พระมหาสังข์ พระเต้าน้ำพระพุทธมนต์ ทั้งพระแสงราชาวุธ จัดตั้งไว้บนพระแท่นเศวตฉัตร ตั้งโต๊ะจีนสองข้างประดิษฐานพระพุทธรูปนิรันตรายบนโต๊ะข้างตะวันออก ประดิษฐานรูปพระสยามเทวาธิราชบนโต๊ะข้างตะวันตก ตั้งเครื่องนมัสการสรรพสิ่งทั้งปวง สำหรับพระราชพิธีพร้อมกับทั้งตกแต่งโรงพระราชพิธีที่กวนข้าวทิพย์ปายาส ณ สวนศิวาลัย แลแต่งหอเวทวิทยาคมพราหมณ์เข้าพิธีเสร็จสรรพ
    เวลา ๕.๐๐ ล.ท. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชดำเนินเข้าสู่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงจุดเทียนนมัสการทรงศีล อาลักษณ์ อ่านประกาศพระราชพิธีสารท
    เมื่ออาลักษณ์อ่านประกาศจบ พระสงฆ์ ๓๐ รูป สวดพระพุทธมนต์ สาวพรหมจารีราชอนุวงศ์ซึ่งจะกวนข้าวทิพย์ปายาสฟังพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ในพระสูตร ครั้นสวดจบสมเด็จพระสังฆราชเจ้าถวายอดิเรก ถวายพระพรลา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานน้ำพระมหาสังข์ ทรงเจิมพระราชทานสาวพรหมจารี แล้วท้าวนางนำไปสู่โรง-พระราชพิธี ณ สวนศิวาลัย
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปเข้าโรงพระราชพิธี ทรงหลั่งน้ำพระมหาสังข์ลงในกะทะแลทรงเจิมพายแล้วทรงรินน้ำพระพุทธมนต์ในพระเต้าลงกะทะโดยลำดับ โปรดเกล้าฯให้หม่อมเจ้าน้อยฯ นำเครื่องปรุงอเนกรสหยอดตามเสด็จไป เจ้าพนักงานเทถุงเครื่องกวนลงในกะทะ สาวพรหมจารีกวนข้าวทิพย์ปายาส เจ้าพนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ แตร เครื่องดุริยางค์ พราหมณ์ หลั่งน้ำเทพมนต์ลงทุกกะทะ เพื่อเป็นสวัสดิมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินกลับ ครั้นกวนข้าวทิพย์ปายาสได้ที่แล้ว เจ้าพนักงานบรรจุเตียนนำไปตั้งไว้ในมณฑลพระราชพิธี ณ พระที่นั่งอมรินทร-วินิจฉัย
    วันที่ ๒๖ กันยายน ตรงกับวันจันทร์ เดือน ๑๑ ขึ้น ๑ ค่ำ ปีเถาะ เวลาเช้า เจ้าพนักงานจะได้รับโถยาคู ซึ่งพระบรมวงศานุวงศ์ข้าทูลละอองธุลีพระบาทแต่งมาโดยเสด็จการพระราชกุศล จัดตั้งเรียงไว้ถวายตัว
    เวลา ๑๐ นาฬิกา ๓๐ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงจุดเทียนนมัสการ ทรงศีล พระสงฆ์ถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรโถยาคู ซึ่งพระบรมวงศานุวงศ์ข้าทูลละอองธุลีพระบาทแต่งมาถวาย ทรงเลือกปักธงชื่อพระตามพระราชประสงค์จำนงพระราชทานโถไหนแก่รูปไหนแล้ว เจ้าพนักงานยกไปตั้งตามที่ทางประเคนภัตตาหารแก่พระสงฆ์ ครั้นพระสงฆ์ฉันของคาวแล้ว โปรดเกล้าฯ ให้ประเคนของหวานกับทั้งยาคูแลข้าวทิพย์ปายาส ครั้นฉันแล้วทรงประเคนเครื่องไทยธรรม พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา สมเด็จพระสังฆราชเจ้าถวายอดิเรก ถวายพระพรลาแล้ว เสด็จพระราชดำเนินกลับ เจ้าพนักงานจำแนกข้าวทิพย์ปายาสพระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์ กับข้าทูลละอองธุลีพระบาททั่วกันแล้ว เป็นเสร็จการ
    พิธีของประชาชนในประเพณีเกี่ยวกับการทำบุญเนื่องในวันสารทไทย ซึ่งกำหนดไว้เป็นที่แน่นอนว่า วันแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ดังกล่าวมาแล้วนั้น ปรากฏว่ามีประเพณีทำบุญทำนองเดียวกันในภาคอื่น ๆ ด้วย หากแต่กำหนดวันและวิธีปฏิบัติอาจแตกต่างกันดังนี้

    ภาคใต้
    มีประเพณีทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ปู่ย่าตายายญาติพี่น้องและบุคคลอื่นๆที่ล่วงลับไปแล้ว ในเดือน ๑๐ เป็นสองวาระคือ วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๐ ครั้นหนึ่งและ วันแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ อีกครั้งหนึ่ง โดยถือคติว่า พ่อแม่ปู่ย่าตายายและญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้วโดยเฉพาะผู้ที่ต้องตกนรกหรือเรียกว่าเปรตนั้น จะได้รับอนุญาตให้มาพบกับญาติของตนในเมืองมนุษย์ได้ในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๐ และกลับไปสู่นรกดังเดิม ในวันแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ดังนั้น จึงมีการทำบุญในสองวาระดังกล่าวนี้ แต่ส่วนใหญ่ทำวันแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ เพราะมีความสำคัญมากกว่า (บางท้องถิ่นทำในวันแรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๐)
    การทำบุญของชาวไทยภาคใต้ดังกล่าวนี้มีชื่อเรียกเป็น ๔ อย่างคือ

    ๑.ประเพณีทำบุญเดือนสิบ โดยกำหนดเอาเดือนทำบุญเป็นหลัก

    ๒.ประเพณีทำบุญวันสารท โดยถือหลักของการทำบุญที่มีความสัมพันธ์ กับอินเดีย เหมือนวันสารทไทยของคนไทยในภาคกลางดังกล่าวมาแล้ว บางครั้งก็เรียกว่า ประเพณีทำบุญสารทหรือเดือนสิบ

    ๓.ประเพณีจัดห.ม.รับ (สำรับ) การยกห.ม.รับและการชิงเปรต คำว่า จัดห.ม.รับ ได้แก่ การจัดเสบียงอาหารเป็นสำรับถวายพระภิกษุ โดยให้พระภิกษุจับสลากแล้วให้ศิษย์เก็บไว้ แล้วนำถวายพระภิกษุเป็นมื้อ ๆ การยก ห.ม.รับที่จัดเรียบร้อยแล้วไปวัดพร้อมทั้งภัตตาหารไปถวายพระภิกษุในช่วงเวลาเช้าก่อนเพล จะจัดเป็นขบวนแห่ใหญ่โตก็ได้ บางแห่งแต่งตัวเป็นเปรตเข้าร่วมไปในขบวนด้วย ส่วนชิงเปรตหรือตั้งเปรตนั้น เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทำบุญ กล่าวคือ เมื่อจัดห.ม.รับ ยกห.ม.รับไปถวายพระภิกษุแล้วจะเอาอาหารที่จัดไว้ซึ่งเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหากไปจัดตั้งไว้ให้เปรต โดยมากเป็นอาหารที่ผู้ล่วงลับไปแล้วชอบในสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ที่ขาดไม่ได้ก็คือขนม ๕ อย่าง คือ ขนมพอง ขนมลา ขนมกง ขนมดีซำและขนมบ้า สถานที่ตั้งอาหาร เป็นร้านสูงพอสมควร เรียกว่า ร้านเปรตหรือหลา(ศาลา) เปรต มีสายสิญจน์วงรอบ โดยให้ปลายสายสิญจน์อีกข้างหนึ่งโยงมาสำหรับพระภิกษุชักบังสุกุล ซึ่งชาวบ้านจะกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ พบเก็บสายสิญจน์แล้ว ก็จะมีการแย่งอาหารและขนมที่ตั้งเปรตไว้นั้นอย่างสนุกสนานเรียกว่าชิงเปรต แล้วนำมากิน ถือว่าได้กุศลแรงและเป็นสิริมงคล การทำบุญด้วยวิธีตั้งเปรตและชักบังสุกุลอุทิศส่วนกุศลนี้ บางครั้งเรียกว่า การฉลองห.ม.รับและบังสุกุล ถือว่าสำคัญเพราะถือว่าเป็นวันส่งญาติผู้ล่วงลับไปแล้วด้วย

    ๔.ประเพณีทำบุญตายายหรือประเพณีรับส่งตายาย โดยถือคติว่าญาติที่ล่วงลับไปแล้วกลับมาเยี่ยมลูกหลานในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๐ และกลับนรกตามเดิมในวันแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ แต่มีบางแห่งถือว่า ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว เหล่านี้เป็นตายาย เมื่อท่านมาก็ทำบุญรับ เมื่อท่านกลับก็ส่งกลับ จึงเรียกประเพณีดังกล่าวนี้ว่า ทำบุญตายาย ของทำบุญก็เหมือนกับที่กล่าวไว้ในข้อ ๓

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสาน
    มีประเพณีการทำบุญในเดือน ๑๐ เหมือนกัน คือ ทำในวันขึ้น๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ แต่แบ่งระยะเวลาของประเพณีการทำบุญออกไปเป็น๒ ระยะ ดังนี้
    ระยะแรก ก่อนถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๐ ชาวบ้านจะเตรียมข้าวเม่าพอง และข้าวตอก (บางแห่งเรียกดอกแตก) ขนมและอาหารหวานคาวอื่น ๆ เพื่อจะทำบุญในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ มาถึงโดยเฉพาะ ข้าวเม่าพอง กับข้าวตอกนั้น จะคลุกให้เข้ากันแล้วใส่น้ำอ้อย น้ำตาล ถั่วงา มะพร้าวให้เป็นข้าวสาก ซึ่งตรงกับคนไทยภาคกลางเรียกว่า กระยาสารท เมื่อเตรียมของทำบุญไว้เรียบร้อย ก็จะเอาข้าวปลาอาหารไปส่งญาติพี่น้องเพื่อนฝูง ถ้าหากบุคคลเหล่านั้นอยู่ห่างไกลก็จะไปค้างคืน นอกจากมอบของแล้วจะถือโอกาสเยี่ยมเยียนถามทุกข์สุขเป็นประเพณีที่เรียกว่า ส่งเขาส่งเรา ผลัดกันไปผลัดกันมา เป็นการแลกเปลี่ยนกัน ส่วนข้าวสารหรือกระยาสารทนั้น จะส่งก่อนวันทำบุญหรือในวันทำบุญก็ได้ เรียกว่า ส่งข้าวสาก
    ระยะที่สอง คือวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๐ เวลาเช้าชาวบ้านไปทำบุญตักบาตรที่วัด อุทิศส่วนกุศลให้ญาติผู้ใหญ่ที่ล่วงลับไปแล้ว แต่อาจมีบางคนอยู่วัดรักษาศีลฟังเทศน์ก็ได้ ครั้นถึงเวลาใกล้เพล ก็เตรียมภัตตาหารไปวัดอีกครั้งหนึ่ง มีห่อข้าวน้อย ห่อข้าวใหญ่ ข้าวสากและอาหารอื่น ๆ บางแห่งอาจจัดของที่จะถวายเป็นกัณฑ์เทศน์ไปด้วย
    เมื่อถึงวัดแล้ว ก็จะจัดภัตตาหารและของพี่จะถวายพระภิกษุถวายเสียก่อน บางแห่งนิยมทำเป็นสลาก ชาวบ้านคนไหนจับสลากถูกชื่อพระภิกษุรูปใดก็ถวายรูปนั้น ทำนองเดียวกับการทำบุญสลากภัตจึงเป็นเหตุให้เกิดความเข้าใจว่า การทำบุญข้าวสาก ก็คือ ทำบุญด้วยวิธีถวายตามสลาก
    ส่วนห่อข้าวน้อย ห่อข้าวใหญ่ ชาวบ้านแจกกันเอง ห่อข้าวน้อยนั้น เมื่อแจกแล้วก็แก้ห่อออกกินกันในวัดทีเดียว ถือกันว่าเป็นการกินในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ส่วนห่อข้าวใหญ่เอากลับไปบ้าน เก็บไว้ในเวลาต่อไป เพราะอาหารในห่อนั้นเป็นพวกของแห้ง เช่นปลาแห้ง เนื้อแห้ง ซึ่งสามารถเก็บไว้ได้เป็นเวลานาน ๆ ถือคติว่าเอาไปกินในปรโลก ประเพณีแจกห่อข้าวน้อยและห่อข่าวใหญ่นี้ ปัจจุบันเกือบไม่มีแล้ว จะจัดเพียงภัตตาหารไปถวายพระภิกษุพร้อมด้วยข้าวสากหรือถวายกระยาสารทเท่านั้น
    สำหรับข้าวสากที่จะนำไปแจกกันเหมือนกระยาสารทของคนไทยภาคกลางนั้นวิธีห่อผิดกับทางภาคกลาง เพราะห่อด้วยใบตองกลัดด้วยไม้กลัด หัวท้ายมีรูปลักษณะคล้ายข้าวต้มมัด แต่ตรงปลายทั้งสองข้าง ที่เรียกว่าสันตองไม่ต้องพับเข้ามา ของที่ใส่ในห่อ มีข้าวต้ม(ข้าวเหมือนแบบข้าวต้มผัด) ข้าวสาก แกงเนื้อ แกงปลา หมาก พลู บุหรี่ ห่อแล้วเย็บติดกันเป็นคู่ ๆ เอาไปห้อยไว้ตามต้นไม้ รั้วบ้าน เมื่อห้อยไว้แล้วก็ตีกลองหรือโปง เป็นสัญญาณให้เปรตมาเอาไปและปล่อยทิ้งไว้ชั่วพักหนึ่งกะเวลาที่เปรตได้มารับเอาอาหารที่ห้อยไว้นั้นไปแล้ว ชาวบ้านก็แย่งกันชุลมุน ใครแย่งเก่งก็ได้มากกว่าคนอื่น เรียกว่า แย่งเปรต
    ของที่แย่งเปรตไปได้นี้ ชาวบ้านจะเอาไปไว้ตามไร่นา เพื่อเลี้ยงตาแฮก(ยักษินีหรือเทพารักษ์ รักษาไร่นาซึ่งเคยเลี้ยงมาเมื่อตอนเริ่มทำนาในเดือน ๖ มาครั้งหนึ่งแล้ว) นอกจากเลี้ยงตาแฮกแล้วก็เอาไปให้เด็กรับประทาน เพราะถือว่าเด็กที่รับประทานแล้วจะอ้วนท้วนสมบูรณ์ไม่เจ็๋บไข้ได้ป่วย

    แหล่งข้อมูล : หนังสือวันสำคัญโครงการปีรณรงค์วัฒนธรรมไทยฯ ของ
    สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ
     
  8. bearkery

    bearkery เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,668
    ค่าพลัง:
    +6,383
    2 สิ่งนี้ที่จะกลายเป็นอีกหนึ่งตำนานของวัดทุ่ง ในอนาคตแน่ ๆ เลยครับแบบนี้
     
  9. ura

    ura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    4,438
    ค่าพลัง:
    +4,818
    ภาพประกอบพิธีสารทไทย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • sds4.jpg
      sds4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      44.7 KB
      เปิดดู:
      47
  10. dropkick

    dropkick เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2011
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +120
    วันนี้มาเล่า ปสก สดๆร้อนๆ เกิดขึ้นเมื่อกี๊ มีลูกค้ามาสั่งกาแฟร้อน อเมริโน่ร้อน เป็นกาแฟดำผสมน้ำร้อน ผมกดน้ำร้อนจากเครื่องแล้วตั้งทับผ้าที่ไว้เช็ดหัวชง แล้วลืมไปดึงผ้ามาเช็ดหัวชง แก้วน้ำร้อนหกราดมือซ้ายทั้งมือลงไปที่เท้า แต่ว่าไม่ร้อนไม่แสบไม่พอง น้ำไม่รู้สึกร้อนเลยด้วยซ้ำ เหมือนน้ำอุ่นๆเกือบเย็น หกใส่เฉยๆ แฟนถามไม่ร้อนหรอ งงๆ ลูกค้าก็มองประมาณพี่ไม่ร้อนเลยหรอ งงกันเป็นแถวครับ วันนี้พกแก้วหนุนดวง หลวงพ่อเงินครับผม
     
  11. oOKongkehaOo

    oOKongkehaOo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +576
    อรุนสวัสดิ์พี่ๆวัดทุ่งทุกคนครับ ^^
     
  12. bojakn

    bojakn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    711
    ค่าพลัง:
    +571
    ขอบคุณพี่ตู่ครับ มีข้อมูลดีๆมาให้อ่านกันอีกแล้ว :cool:
     
  13. bojakn

    bojakn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    711
    ค่าพลัง:
    +571
    ใครที่มีโอกาส ต้องบูชาท่านมาให้ได้ครับ แล้วสิ่งดีๆจะตามมาแน่นอนหากบุชาและศรัทธาท่านด้วยใจจริง :cool::cool:
     
  14. meepooh69

    meepooh69 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +95
    กราบสวัสดี พี่ตั๋น พี่หมอแก่น พี่ตู่ พี่พิศนุ และศิษย์พี่ทุกท่าน

    ไม่ได้เข้ามาซะนาน เนื่องจากปีที่แล้วที่ผมได้เล่าเรื่องประสบการณ์ที่ผมสอบตำรวจแล้วดันไปตกวิ่งเพียวเสี้ยววินาที ปีนี้ผมตั้งใจมากในการอ่าหนนังสือและการเตรียมตัวทุกขั้นตอนในการสอบ ไม่ว่าจะเป็นวิ่ง ว่ายน้ำ ก่อนสอบทุกขั้นตอนผมก็ไม่ลืมที่จะขอบารมีของพ่อเณรให้ผมผ่านไปด้วยดีไม่มีอะไรมาติดขัด
    ซึงผลปรากฎว่า สอบข้อเขียนได้ลำดับที่ 22 และตอนนี้ว่ายน้ำ วิ่ง ตรวจร่างกายก็ผ่านหมดแล้วครับ เหลือแค่สอบสัมภาษณ์อย่างเดียว

    สุดท้ายนี้อยากจะขอบพระคุณ พี่พิศณุมากครับ สำหรับคำแนะนำในการฝึกซ้อมวิ่ง ผมใช้วิธีของพี่ได้ผลมากเลยครับ ทำให้ปีนี้สอบวิ่ง ผมเข้าก่อนเวลาประมาณ30วินาที

    คิดถึงพี่ๆ ทุกคนนะครับ :cool:
     
  15. ura

    ura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    4,438
    ค่าพลัง:
    +4,818
    ครับ หมีพู ว่างๆเข้ามาเล่นคุยเล่นกันที่วัดบ้างนะ และขอให้สมหวังในสิ่งที่ปราถนาครับ
     
  16. kroro

    kroro เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2009
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +516
    สวัสดีครับ กราบหลวงพ่อเณร หลวงพี่หนุ่ม ปู่ขาว ปู่ตาไฟ

    และสวัสดีพี่ๆทุกท่าน วันนี้อาราธนาชุด50ปี+พญากาเผือก
    รู้สึกดีมากๆ
     
  17. P'TANN

    P'TANN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +1,646

    สวัสดีครับ มาแล้วหนุ่มเชียงใหม่ หายไปนานเลย คิดถึงอยุ่ครับ พี่เองก้อไม่ได้ขึ้นเหนือ

    ยังคิดถึงทุกๆคนเหมือนเดิม อยากไปๆ เชียงใหม่ ต้องรีบทำตัวให้ว่างจะได้ไปอยุ่นานๆ

    อ้อ....ขอให้น้อง meepooh. ผ่านสัมภาษณ์แบบชลุยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2013
  18. kiwikung

    kiwikung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    942
    ค่าพลัง:
    +1,197
    ยินดีด้วยครับ
     
  19. Artorius

    Artorius เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +313


    เอ...พญากาเผือกยังมีอีกหรอครับ ??
     
  20. ura

    ura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    4,438
    ค่าพลัง:
    +4,818
    บ้านหลังนี้เกิดขึ้นเพื่อเผยเเผ่บารมีของหลวงพ่อเณร วัดทุ่งเศรษฐี ผู้เป็นพระผุ้ควรกราบไหว้อย่างยิ่งเพราะน้อยชาตินักจะมีพระผู้บริสุทธิ์มาโปรดและยิ่งในยุคนี้ด้วยยิ่งยากมหาศาล และการก่อตั้งกระทู้ก็ขึ้นตรงกับทางวัดทุ่งเศรษฐีโดยตรง ซึ่งมีประธานของบ้านคือ
    พี่ลูกกรอก พี่ชายใหญ่ที่เป็นผู้นำของบ้านแห่งนี้ พี่ชายที่เป็นผู้ปิดทองหลังพระและคอยให้ข้อมูลคำแนะนำดีๆกับพี่น้องทุกคนครับ โดยไม่เห็นกับความเหนื่อยยากครับ บ้านหลังนี้เกิดได้เพราะการอนุเคราะห์ของพี่ชายใหญ่ท่านนี้ครับ คอยเป็นที่ปรึกษาและให้กำลังใจกับพี่น้องและคอยดูแลความสุขทุกข์
    ป๋าตั๋นพี่ชายอีกท่านผู้เป็นที่รักยิ่งของพี่น้องทุกคน พี่ที่คอยเเบ่งปันทั้งวัตถุมงคลดีๆๆคำสอนคำแนะนำ และการดูแลเอาใจใส่ด้วยความรักและเมตตายิ่งครับ
    เล็กเพื่อนรัก เพื่อนที่ยืนหยัดอยู่คู่กระทู้นี้ตั้งแต่เริ่มจนถึงบัดนี้ เป็นพี่น้องวัดทุ่งที่ไม่เคยทิ้งกันไปไหน และเราพี่น้องจะอยู่กันไปนานๆ
    พี่เอ็ก ยอดนินจา พี่ที่อยู่มาตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงหน้านี้และไม่มีวีนทิ้งกัน ร่วมสุกข์ทุกข์มาหลายเวลาจนไม่ต้องพูดอะไรกันก็เข้าใจ น้ำใจพี่เขา ใครไม่สนิทไม่รู้หรอกว่า เป็นพี่ที่มีแต่ให้จริงๆ
    ภูมิ กับโอม สองศรี มาแต่ต้นและยังคงเหมือนเดิม เห้นพวกนายแล้วซึ้ง ศิษย์บ้านนี้ยุคต้นไม่เคยไปไหน อุทิศตัวเพื่อวัดเพื่อพ่อท่านเชื่อขนมกินได้เลย
    แบงค์คนนึงที่อยู่คู่วัดและเข้ามาช่วงต้นๆ และยังอุทิสเพื่อวัดเพื่อพ่อไม่เปลียนใจนายมันหล่อมาก
    พี่น้องที่มาใหม่และอุทิศเพื่อวัด ไม่น้อยหน้าใคร เสี่ยวี คนนี้เหนียวแน่นซุ่มเงียบ ตรงไปตรงมา น้องตั้ม น้องเฟรน น้องนี น้องโน๊ตซี่ โน๊ตเก้านิ้ว อาร์ทจัง โก้ โชว์ โอ๋โซนี่ หนุ่มบ้านโป่ง กำลังใหม่ของวัด และพี่น้ออีกหลายท่านที่ไม่ได้กล่าว ขอขอบคุณที่เป็นเเรงร่วมมือร่วมใจกันทำเพื่อวัดเพื่อพ่อท่าน เพื่อการเผยแผ่สงเคราะห์คนและสืบทอดอายุพระศาสนา ผมขอให้พี่น้องมีเเต่ความเจริญรุ่งเรื่อง ร่ำรวยโดยทั่วกันด้วยบารมีพระศรีรันตรัย บารมีพ่อทุ่งเศรษฐี บารมีพ่อเณร ผุ้เป็นบิดาและอาจารย์ขอปกเกล้าพี่น้องให้มีแต่ความสุขทั่วทุกคนครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...