โครงการพลังจิตตานุภาพ 2 : ฝึกปฏิบัติสมาธิช่วงเข้าพรรษากับคณะ อ. คณานันท์ ที่โรงพยาบาลหาดใหญ่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ตุ๊กตาแก้ว, 17 มิถุนายน 2009.

  1. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,378
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ขอโมทนาบุญกับทุกท่านครับ
    ผมเองไม่ใด้ลงในพื้นที่หาดใหญ่ เนื่องจาก เด็กๆ มีอาการไข้หวัด เลยต้องดูแล เพราะอยู่ในช่วง หวัดใหญ่ 2009 กำลังดัง ...ต้องขออภัยต่อทุกท่านด้วย

    น่าจะเป็นคืนวันจันทร์ ผมรับกระแส ให้ ตามเรื่อง วาโย...จึงใด้ติดต่อสื่อสารกับคุณ kananun

    หลังจากสื่อสาร ติดตามข่าว การปฏิบัติ กรรมฐาน ทางหาดใหญ่ แล้ว แจ้งทางกลุ่มแวะรับ น้องมุก ที่พื้นที่โคกกลอย ก่อนจะข้ามทะเล มาเกาะภูเก็ต ในสายของวันพฤหัส 9 กค.

    วาระธรรม พร้อมกัน มีโอกาส กราบหลวงปู่สุภา ในกุฏิ ซึ่งท่านพักผ่อนเนื่องจาก ผ่อนคลายจากที่ต้องรับศิษยานุศิษย์หลายท่าน ในช่วงจะเข้าพรรษา จึงใด้ถวายสังฆทานบางส่วน พร้อม ปัจจัย ด้านหน้า ห้องพักหลวงปู่ ในขณะที่ หลายท่าน รับกระแส เมตตา จาก หลวงปู่ ....

    กายทิพย์ หลวงปู่ ทางกลุ่ม จึงแวะเดินดู พิพิธภัณท์ หลวงปู่สุภา เมื่อใด้ วาระธรรม จึง แวะกราบหลวงปู่สุภา อีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้ หลวงปู่ ท่าน เมตตา จึงใด้ถวายปัจจัย อีกครั้ง หลวงปู่ ท่านเมตตา มอบ ชานหมาก ให้จำนวนหนึ่งครับ ....ชานหมาก สารพัดนึก....ตามตำรับ การตั้งธาตุ หนุนธาตุ และรวมธาตุ ปฐวี...

    เมื่อรับกระแส เมตตาธรรมะ จากหลวงปู่ กราบลาหลวงปู่สุภา เพื่อ อัญเชิญเหรียญทำน้ำมนต์ ที่....

    - ท่าเทียบเรือหาดราไวย์ โดยพี่มิ้ง mink3266, และ นากา Nakamura
    ( แวะ ติดต่อ เรือ ที่จะเดินทางกราบรอยพระพุทธบาท นัมทานที เกาะแก้วพิสดาร )
    - ท่าเทียบเรือ อ่าวฉลอง
    - สะพานท้าวเทพกษัตรี (สะพานเข้าเกาะภูเก็ต )

    จากนั้น แวะ ที่ บ้าน นาคา และ เชิญหลายท่านแวะ ห้องพระ ที่บ้านครับ จากนั้น เปลี่ยนรถร่วมทางบุญ สู่ วัดหลักแก่น ในพื้นที่ ของคุณ ถาวโร(ถา-วะ-โร), และ คุณ พี่เทียน ญาติธรม ของ จ่าถาวโร(ถา-วะ-โร),
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2009
  2. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,378
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ไม่ใด้เก็บภาพมาฝากในโพสส์ข้างต้นครับ

    ทางจ่าถาวโร(ถา-วะ-โร), และ คุณ พี่เทียน ญาติธรรม ใด้ต้อนรับ ด้วยไมตรีจิต แวะ พิจารณา อาหาเรปฏิกูล ร้าน มันโภชนา ด้านหน้าวัดหลักแก่น

    คืนวันศุกร์ จึงใด้แนะนำ กรรมฐานพื้นฐานแก่ทุกท่าน ที่คอยรับกระแสธรรม วิทยาทาน จากคุณเล็ก โดยมี ท่านนายทหาร รุ่นพี่ของคุณ ถาวโร(ถา-วะ-โร) คอยต้อนรับ ต่างๆ

    ดึกๆ มีประมาณ 4 ท่านจากทางภาคใต้ (นาคา , นากา, เอก ,พี่....ที่อาสาขับรถตู้ ) ใด้ยินเสียง วี๊ด ......ดังมาจากในความมืด ผมเองใด้ยินเสียงแผ่วมาก นิดหน่อย พอเป็นกระยาสับ ว่าใด้ยิน แผ่เมตตา ให้ ญาติ ที่รอรับกระแสธรรม กระแสบุญ

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->kananun<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2251736", true); </SCRIPT> ...... #83

    ส่วนที่ไปสอนสมาธิที่ทับละมุ และพักที่ วัดหลักแก่น มีหลายท่านได้มี ประสบการณ์ตรงด้านภพภูมิ และได้ใช้วิชชาสมาธิ การเจริญเมตตาฌานให้เกิดผล

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การยืนยันว่า ภพของเปรต อสุรกายมีจริงครับ ไว้ให้มาช่วยกันเล่าครับ

    ************************


    รุ่งเช้า ตื่นพร้อมด้วยเสียง เคาะระฆัง เป็นสัญญาณ ว่า ทำวัตรเช้า ผมเอง จึงขอนุญาติ รับโอกาส ตื่นมาสวดมนต์ทำวัตร์เช้า เพราะ เริ่มนอนไม่หลับ แฮะๆๆๆ

    เช้าๆ อารมณ์แจ่มใส ด้วย เพื่อนสัตว์ ในวัด และนกยูงคู่ บนหลังคาด้านหน้าหลวงพ่อพริ้ง ท่านเจ้าอาวาส (ซึ่ง คุณพ่อผมเอง รู้จักกันดี ในสมัยหนุ่มๆ ครับ )กวางน้อยที่ ผลิ เขาอ่อนหลานรอบ...,กระรอกคู่, จระเข้ และเต่ามากมาย ซึ่งนับ เป็นกระแส เมตตา จาก หลวงพ่อ

    .....รอ การเล่าเรื่อง จาก หลายๆท่านครับ.....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. สุคะตะถะ

    สุคะตะถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +839
    ทราบครับผม ช่วงค่ำๆวันนี้ผมจะพยายามสรุปให้หมดครับ ถ้าเวลาเอื้อ ต้องเก็บเจ้าตัวเล็กเข้านอนก่อนครับ เรื่องรูปในรพ.ผมไม่ค่อยได้ถ่ายไว้ มีแต่ภาพพระที่ร่วมกันปิดทองแล้วจะนำมาให้ชมว่างามขนาด พร้อมทั้งภาพที่ไปกราบรอยพระพุทธบาทที่เกาะแก้วพิศดาร น้ำทะเลใส๊ ใส.. ร่มรื่นเย็นสบายมากๆ
    ช่วงค่ำๆจะมาลงให้ครับ
     
  4. หูกาง

    หูกาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    4,330
    ค่าพลัง:
    +5,449
    โมทนาครับพี่นาคา

    ผมอยากไปกราบหลวงปู่สุภาสักครั้งจัง แต่เสียดายไม่ได้ไปกับอาจารย์เพราะต้องกลับมาเรียนก่อน ไม่งั้นได้กราบหลวงปูแล้ว

    ปล.ถ้าพี่ไม่มีที่เก็บชานหมาก ผมยินดีช่วยเก็บครับ......อิอิ
     
  5. mink3266

    mink3266 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +549
    มีงานบุญสำหรับผู้ใดใก้ล วัดถ้ำเสือ จ. กระบี่ หลวงพ่อจำเนียร กำลังสร้างพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ กำลังอยู่ในช่วงตกแต่ง ซึ่งคณะ อ. คณานันท์ ได้ร่วมสร้างพระบรรจุกรุ มีรูปมาดูกันครับ
    [​IMG]
    พระธาตุเจดีย์ที่รอการตกแต่ง
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    พระที่กดพิมพ์แล้วรอบรรจุ

    [​IMG]
    อ. คณานันท์ กดพิมพ์สร้างพระ

    [​IMG]
    นายแบบประจำทริป อิอิ

    [​IMG]
    อธิฐานจิตกันแล้ว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1030990.JPG
      P1030990.JPG
      ขนาดไฟล์:
      134.3 KB
      เปิดดู:
      454
    • P1030991.JPG
      P1030991.JPG
      ขนาดไฟล์:
      163.3 KB
      เปิดดู:
      235
    • P1030992.JPG
      P1030992.JPG
      ขนาดไฟล์:
      186.1 KB
      เปิดดู:
      220
    • P1030993.JPG
      P1030993.JPG
      ขนาดไฟล์:
      140.3 KB
      เปิดดู:
      234
    • P1030997.JPG
      P1030997.JPG
      ขนาดไฟล์:
      165.6 KB
      เปิดดู:
      228
    • P1040003.JPG
      P1040003.JPG
      ขนาดไฟล์:
      158.7 KB
      เปิดดู:
      227
    • P1040004.JPG
      P1040004.JPG
      ขนาดไฟล์:
      181.2 KB
      เปิดดู:
      226
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2009
  6. สุคะตะถะ

    สุคะตะถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +839
    วันนี้ได้บริจาคเลือดอีกครั้งเป็นครั้งที่ 18 แล้วครับ รู้สึกดีจัง แถมมีการนำเอาวิชาที่อ.คณานันท์สอนมาประยุกต์ใช้ด้วยครับ ก็วิธีการทำน้ำมนตืนั้นแหละครับ วิธีการก็ตั้งจิตกราบพระและถวายดอกบัวแก้วก่อนเลย หลังจากนั้นก็อธิฐานจิตขอบริจาคเลือดนี้เพื่อเป็นสาธารณะประโยชน์กับผู้ที่ต้องการ ที่เดือดร้อนอยู่ เมื่อได้รับเลือดนี้ไปแล้วก็ขอให้ผู้นั้นมีสุขภาพที่แข็งแรง สมบูรณ์ หายจากโรคภัยที่เป็นอยู่ หากว่าเป็นผู้ที่เป็นมิจฉาทิฐิ ก็ขอให้กลับมาเป็นสัมมาทิฐิ จิตน้อมนำพระรัตนตรัยเป็นสรณะ เข้าถึงธรรมและมีพระนิพพานเป็นที่สุด ต่อจากนั้นก็ขออารธนาพระท่านเมตตาสงเคราะห์แผ่เมตตา ฉัพรังสีลงมาที่ตัวผมและให้เลือดนี้เป็นดั่งน้ำมนต์เลือดใสเป็นแก้วประกายพรึก อยู่ตลอดเวลาจนเต็มถุง
    ทั้งหมดที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อหวังว่าจะมีผู้ที่เข้าถึงธรมเพิ่มได้อีกคน เพื่อสังคม เพื่อส่วนรวมจะได้น่าอยู่เพิ่มมากขึ้นอีก ไม่ทราบว่าทำถูกต้องหรือเปล่า แต่ทำแล้วสบายใจดี มีความสุขครับ หากว่าวิธีถูกต้องก็ไม่สงวนลิขสิทธิ์ครับ นำไปใช้ได้เลย

    แต่ตอนนี้ขอเอาเจ้าตัวเล็กนอนก่อนครับแล้วจะมาเล่าทริปใต้ต่อยาวพอควร
     
  7. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    มาเล่าได้เลยครับ อำนาจ ขอแรง มิงค์กับนาคามูระช่วยลงรูปด้วย
     
  8. สุคะตะถะ

    สุคะตะถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +839
    วันนี้ได้พิมพ์ไว้ตั้งเยอะแล้ว แต่เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยเลยหายหมดเลย 2 รอบแล้วนะเนี่ย เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ผมจะพยายามไหม่นะครับ ขอโทษด้วยครับ
     
  9. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,378
    ค่าพลัง:
    +12,917
    อัตตประวัติ หลวงปู่สุภา กันตสีโล

    หวัดดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2009
  10. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,378
    ค่าพลัง:
    +12,917
    เข้าสู่การเป็นพระภิกษุ
    ในปีพุทธศักราช ๒๔๕๙ สามเณรสุภามีอายุครบอุปสมบท พระอาจารย์สีทัตต์ขึงได้จัดเตรียมหารเครื่องบริขารจนครบ และนำสามเณรสุภาข้ามไปยังฝั่งลาว รอนแรมไปจนถึงภูความ ซึ่งพระอาจารย์สีทัตต์ได้อธิษฐานเป็นวิสุงคามสีมา พร้อมด้วยพระวิปัสสนาจารย์ ทำการอุปสมบทสามเณรสุภาในถ้ำนั้น โดยมีพระอาจารย์สีทัตต์เป็นพระอุปัชฌาย์ และมีพระวิปัสสนาจารย์ร่วมเป็นพระกรรมวาจาจารย์และพระอนุสาวนาจารย์ ศิษย์ในพระวิปัสสนาจารย์ติดตามมาเป็นพระอันดับ ได้รับฉายาว่า “กันตสีโล” นับแต่นั้นมา
    พระอาจารย์สีทัตต์ได้ขอให้พระวิปัสสนาจารย์ที่มาร่วมปฏิบัติสั่งสอนข้อวัตรปฏิบัติทั้งในทางธุดงค์ ไปจนถึงคาถาอาคมป้องกันตัวจากสัตว์ร้าย อสรพิษ ภูตไพรทั้งปวง และเดินทางกลับท่าอุเทนเพื่อเข้าพรรษากาลเป็นปีแรกแห่งการเป็นสมมติสงฆ์ การออกเดินธุดงค์ภายใต้การดูแลของพระอาจารย์สีทัตต์ จึงทำให้หลวงปู่สุภามีความก้าวหน้าในการกำหนดอารมณ์และสติในการเผชิญภัยต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
    ในการเดินธุดงค์ผจญความยากลำบาก หลวงปู่สุภาทำได้เป็นอย่างดี พระอาจารย์สีทัตต์ผู้เป็นอาจารย์รู้สึกนิยมในความก้าวหน้าของศิษย์เอกผู้นี้เป็นอย่างมาก สี่พรรษาเต็มแห่งการออกธุดงค์ เมื่อจำพรรษา พระอาจารย์สีทัตต์ให้เล่าเรียนพระปริยัติธรรมด้วยคัมภีร์ปริยัติห้าหมวด ปละเร่งทดสอบอารมณ์กรรมฐานอย่างละเอียด พอขึ้นพรรษาที่ห้า พระอาจารย์สีทัตต์จึงบอกกับหลวงปู่สุภาว่า
    “สมควรแก่เวลาที่เณรน้อยจะต้องออกธุดงค์ด้วยตนเองแล้ว แต่สำหรับก้าวแรกในการธุดงค์ลำพังนี้ เราจะให้พระสองรูป เณรหนึ่งรูป ธุดงค์ไปกับเณรน้อย เณรน้อยจงคุ้มครองป้องกันภัยให้เขา คอยอบรมให้อยู่ในธุดงควัตร เหมือนที่เราเคยได้ทำกับเณรน้อยเมื่อสี่ปีมาแล้ว”
    หลวงปู่สุภาได้ทำหน้าที่ควบคุมพระและเณร ธุดงค์ไปจนถึงภูควายและกลับมาท่าอุเทนอย่างปลอดภัย เป็นการสอบผ่านธุดงควัตรอย่างแท้จริง หลวงปู่สุภาเล่าต่อไปว่า
    “พระอาจารย์สีทัตต์มิได้เป็นพระวิปัสสนาจารย์อย่างเดียว แต่ท่านมีวิชาอาคมหลายแขนง สามารถถอดกายทิพย์ท่องไปในภูมิต่าง ๆ ได้ ซึ่งภาษานกและภาษาสัตว์ในป่า ท่านก็ฟังออก และเคยแสดงให้หลวงปู่สุภาดู และยังได้สอนให้ทำจนถึงแก่นอีกด้วย เรียกว่าสอนแบบไม่ปิดบัง แต่สำหรับภาษาสัตว์ ท่านไม่ขอเรียน”
    คำสั่งพระอาจารย์สีทัตต์
    พุทธศักราช ๒๔๖๓ หลวงปู่สุภาได้ตัดสินใจธุดงค์เดี่ยว จึงมากราบลาพระอาจารย์สีทัตต์เพื่อออกธุดงค์ พระอาจารย์สีทัตต์ได้สั่งสอนว่า
    ไปให้ดีเถอะเณรน้อย เดินให้สม่ำเสมอ จิตรู้อารมณ์ อย่าเร็วนัก อย่าช้านัก ให้อยู่ในกลาง ๆ โบราณาจารย์ได้สั่งสอนศิษย์เป็นคติสอนใจว่า อยากถึงเร็วให้คลาน อยากถึงนานให้วิ่ง รู้ไหม หมายความว่าอย่างไร อยากถึงเร็วให้คลาน คือไปแบบไม่รีบร้อนด่วนได้ จะถึงจุดหมายแบบปลอดภัย ให้ลุกลี้ลุกลนเกินไป ก็จะเหมือนคนวิ่งไปด้วยความคะนอง สะดุดล้ม แข้งขาหัก เดินไปไหนมาไหนไม่ได้ ต้องช้าไปอีกนานทีเดียว”
    เมื่อหลวงปู่สุภาพร้อมที่จะเดินทาง พระอาจารย์สีทัตต์ได้กล่าวคล้ายคำสั่งเสียด้วยความห่วงใยว่า
    “เณรน้อยจงไปภูเขาควาย ออกจากภูควายแล้ว ให้ไปท่าเดื่อ จากท่าเดื่อไปหนองคาย ที่นั่นเธอจงสละธุดงควัตร แล้วเร่งเดินทางไปทางเหนือ ที่นั่นเธอจะได้พบพระอาจารย์องค์หนึ่ง มีความเชี่ยวชาญด้านกสิณและวิชชาแปดประการ มีอภิญญาสูงมาก เธอจะได้รับความรู้จากท่านเป็นอันมาก ที่ต้องให้สละธุดงควัตร เพราะท่านเหลือเวลาไม่มากแล้วในการสั่งสอนเณรน้อย หากเดินธุดงค์แบบธรรมดาน่าจะสายเกินไป”
    จากภูควาย หลวงปู่สุภาข้ามมาท่าเดื่อ แล้วอธิษฐานจิตออกจากธุดงควัตรที่ตัวจังหวัดหนองคาย ฝากบริขารธุดงค์ไว้กับพระที่คุ้นเคยในระหว่างธุดงค์ภูควาย และจับรถไฟเข้ามากรุงเทพฯ อันเป็นจุดเริ่มต้นของการไปสู่ภาคเหนือเพื่อแสวงหาพระอาจารย์ตามคำสั่งของพระอาจารย์สีทัตต์ เหมือนโชคชะตาเป็นใจให้หลวงปู่สุภา เพราะในขณะที่อยู่ที่กรุงเทพฯ ท่านก็ได้ข่าวพระอาจารย์รูปหนึ่งที่แถววังนางเลิ้ง เขาบอกกันว่า
    “ท่านพระครูวิมลคุณากร หรือหลวงปู่ศุข เกสโร แห่งวัดอู่ทอง ปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท ซึ่งเสด็จในกรมฯ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงเลื่อมใส ถวายตัวเป็นศิษย์ถึงที่วัดทีเดียว”
    หลวงปู่สุภา จึงเดินทางไปวัดอู่ทอง ปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท ด้วยการเดินทางสมัยนั้นยังลำบากและเหน็ดเหนื่อย แต่พอเดินทางมาถึงวัดอู่ทอง เมื่อพอเข้าเขตวัด หลวงปู่รู้สึกว่าเยือกเย็นและมีอะไรบางอย่างที่บอกว่า ที่นี่แหละคือที่ ๆ พระอาจารย์สีทัตต์กำหนดให้มา
     
  11. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,378
    ค่าพลัง:
    +12,917
    เบื้องหน้าผู้สำเร็จวิชชาแปดประการ
    เมื่อหลวงปู่สุภาเดินทางมาถึงวัดอู่ทอง จึงเดินทางไปกุฏิ พอเห็นกุฏิหลวงปู่ศุข ก็จะขึ้นไปนมัสการ ขณะล้างเท้า เสียงของหลวงปู่ศุขก็ดังมาจากชั้นบนของกุฏิ
    “มาถึงแล้วหรือพ่อเณรน้อย กำลังรออยู่พอดี ล้างเท้าแล้วขึ้นมาเห็นหน้าเห็นตากันหน่อย”
    มีแต่เสียงทักทาย แต่ไม่ปรากฏหลวงปู่ศุขที่นอกชาน เมื่อมองขึ้นไปไม่เห็นใคร จึงได้คิดในใจว่า ... นี่คือพลังปราณของผู้ที่สำเร็จ สามารถออกเสียงให้ดัง ค่อย หรือไกล ใกล้แค่ไหนก็ได้ ขึ้นไปชั้นบนของกุฏิแล้ว ก็เห็นพระภิกษุรูปร่างสันทัด ผอมเกร็ง แต่ผิวพรรณวรรณะผุดผ่อง คล้ายกับทาด้วยขมิ้น ทว่า เมื่อคลานเข้าไปกราบต่อหน้าท่านและลุกขึ้นนั่งพนมมือ ได้สังเกตใกล้ ๆ พบว่า ไม่ใช่ขมิ้น แต่เป็นแสงอะไรบางอย่างที่เรื่อเรืองอยู่บนผิวพรรณของหลวงปู่ศุข ที่ทำให้เกิดความสง่าคล้ายทาขมิ้น หลวงปู่ศุขได้มองมาที่หลวงปู่สุภาและเอ่ยขึ้นว่า
    “นี่เอง เณรที่ท่านสีทัตต์ได้บอกไว้ในฌาน เป็นคุณนี่เอง เณรน้อยต้องการอะไร จะเรียนอะไรก็บอกมาได้ไม่ขัดข้อง ท่านสีทัตต์ฝากมาแล้วนี่”
    คำว่า “ฌาน” คำว่า “ฝากมาแล้วนี่” ทำให้หลวงปู่สุภาประจักษ์ว่า อภิญญาจิต การถอดกายทิพย์ การใช้โทรจิต มีจริง ก่อนที่ท่านจะมานมัสการหลวงปู่ศุข ทางพระอาจารย์สีทัตต์ได้ถอดกายทิพย์มาฝากฝังหลวงปู่สุภากับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ไว้เรียบร้อยแล้วนั่นเอง หลวงปู่สุภาจึงไม่กล้าที่จะเอ่ยว่า จะมาเรียนอะไร นอกจากจะกล่าว
    “กระผมขอให้เป็นเรื่องที่ท่านอาจารย์จะเมตตาอบรมสั่งสอนก็แล้วกันขอรับ เห็นว่าอะไรเหมาะ อะไรควร ก็สั่งสอนให้กระผมก็แล้วกัน”
    เมื่อหลวงปู่ศุขได้ยินดังนั้น ก็หัวเราะ หึ หึ ด้วยความพอใจ แล้วกล่าวกับหลวงปู่สุภาว่า
    “สมแล้วที่เป็นศิษย์ท่านสีทัตต์ มีความสงบเสงี่ยมเจียมตัวใช้ได้ หลายรูป มาถึงไม่ดูวาสนาบารมีตนเองว่าจะสามารถรองรับได้หรือไม่ จะเรียนโน่น จะเรียนนี่ สุดท้ายก็กลับไปมือเปล่า เพราะขาดวาสนาบารมี เพราะเมื่อขาดวาสนาบารมีและการเจียมตัวแล้ว อะไรก็ไม่สำเร็จ เอาละ ไปพักผ่อนก่อน ถึงเวลา จะเรียกมาสอบฐานความรู้และประสิทธิประสาทวิชาต่อไป”
    เมื่อถึงเวลา หลวงปู่ศุขก็ได้สอบอารมณ์กรรมฐานและดูพื้นฐานการศึกษาวิชาอาคมของท่าน ที่ร่ำเรียนมาจากพระอาจารย์สีทัตต์ เมื่อทดสอบแล้วเห็นว่าบกพร่องตรงไหน ก็ช่วยแก้ไขให้ถูกต้อง ปรับระดับการเข้าฌาน การทำกสิณและการเพ่งด้วยกสิณเป็นประการต่าง ๆ หลวงปู่ศุขสอนว่า
    “มีวิชาหลายอย่างที่ปู่สำเร็จ แต่บารมีเณรน้อยนั้นเรียนไม่ได้ โดยเฉพาะวิชชาแปดประการที่เณรน้อยต้องการจะเรียน วาสนาบารมีของเณรน้อยไปไม่ได้ จะให้วิชาสำคัญ คือ การลงนะหน้าทอง และการเสกให้ทองเข้าไปแทรกในอณูภายในร่างกาย เขาเรียกว่า เป่าทองเข้าตัว”
    วิชาเป่าทองเข้าตัว / อภิญญจิตตัวสำคัญ
    หลวงปู่ศุขได้เมตตาอธิบายให้เข้าใจถึงหลักของการเป่าทองเข้าตัวอย่างละเอียด ซึ่งหลวงปู่สุภาได้บันทึกไว้ว่า
    “วิชาเป่าทองเข้าตัว มิใช่เพื่อมหานิยม แต่ยังสามารถป้องกันอันตรายต่าง ๆ ทั้งจกคมหอก คมดาบ ปละปืนไฟ ไปจนถึงมีมหาอำนาจแล้วแต่จะประสิทธิ์ประสาทในด้านใด ต้องพิจารณาบุคคลแต่ละบุคคลที่จะลงแผ่นทองหรือเป่าทองให้ ว่าเป็นอย่างไร บารมีพอที่จะรับทองได้กี่แผ่น แต่ละคนล้วนมีข้อปลีกย่อยผิดแผกออกไปแล้วแต่กรณีต้องดูว่าจะลงให้ทางไหน ตามที่กำหนดไว้ในตำรับของครูบาอาจารย์เท่านั้น จะนอกเหนือหรือขาดตกบกพร่องไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว การที่ทองจะแทรกเข้าไปในสู่ทุกอณูไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แต่ต้องมีหัวใจสองอย่างคือ น้ำมันว่าน และเกสร ๑๐๘ ชนิด เคี่ยว ผสมด้วยพระเวทย์อาคมที่ต้องแก่กล้าด้วยพลังอภิญญาเท่านั้น หากทำไม่ถูกต้อง จะไม่สามารถเปิดรูขุมขนของผู้ที่จะเป่าทองเข้าตัวได้ การเป่าก็จะไม่ได้ผลทั้งสิ้น ไม่เกิดพลังใด ๆ เป็นสูญเท่านั้น การจุดเหล็กจาร ที่จุ่มน้ำมันว่านและเกสร ๑๐๘ ชนิด และการเป่าภาวนาเพื่อดันทองเข้าสู่ร่างกายของผู้ที่จะลง และให้กำหนดให้ผู้รับการลง หรือเป่าทอง กำหนดจิตอธิษฐานเอาเอง การเรียนการสอนทำได้เฉพาะตอนกลางคืนที่เป็นเวลาสงัด เพราะตอนกลางวันไม่สามารถจะเรียนได้ ด้วยมีคนมานมัสการหลวงปู่ศุข ขอโน่นขอนี่ จนท่านไม่มีเวลาจำวัด เรียกว่า หัวบันไดไม่แห้ง แต่หลวงปู่ศุขก็ไม่เคยท้อถอย หรือแสดงอาการไม่พอใจแต่อย่างใด
     
  12. หูกาง

    หูกาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    4,330
    ค่าพลัง:
    +5,449
    ขอบคุณครับสำหรับบทความดี ๆ ถ้ามีโอกาสคงได้กราบหลวงป่สุภาสักครั้ง แล้วแต่ธรรมจัดสรรค์ครับ

    โมทนาครับ
     
  13. สุคะตะถะ

    สุคะตะถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +839
    มาว่ากันต่อสำหรับทริป พลังจิตตานุภาพ 2 หลังจากพยายามเมื่อคืนไม่สำเร็จ ลองดูใหม่ครับ แต่ไม่แน่ใจว่าจะเก็บได้ดีอย่างเมื่อคืนหรือไม่

    สำหรับวันนี้เป็นวันที่ 2 ของทริป โดยภาพรวมวันนี้ อ.คณานันท์จะสอนเกี่ยวกับการวางกำลังใจที่ถูกต้อง วิธีการที่จะทำให้มั่นในไตรสรณคมณ์ น้อมนำจิตสู่ทางพระโสดาบัน ยังศรัทธาแด่ผู้ที่ศรัทธาแล้ว และสร้างศรัทธาแด่ผู้ที่ยังไม่ศรัทธาให้เกิดขึ้น

    วันนี้นั้นมีผู้เข้าร่วมเรียนเพิ่มขึ้นหลายสิบคนเนื่องจากมีการบอกต่อๆกันไปว่าเรียนแล้วดีนะ เรียนง่าย แต่สอนสบายหรือเปล่าต้องถามอ.คณานันท์เอาเอง เข้าใจง่าย และเห็นผลทันตา ทั้งนี้เนื่องจากคนทั่วๆไปมักจะติด จะคิดว่าการมาฝึกสมาธิ ปฎิบัติธรรมนั้น ต้องนุ่งขาวห่มขาว นั่งสมาธิทั้งวี่ ทั้งวัน นั่งกันจนหลังขดหลังแข็ง เดินจงกรมไปๆมาๆ ฟังเทศน์อะไรก็ไม่รู้ไม่เห็นเข้าใจเลย ทั้งบาลีเอย ทั้งการปฎิบัติอะไรก็ไม่รู้ ทำให้วันแรกคนมาจึงไม่มากเท่าใด คงมีแต่คนเก่าเสียส่วนมาก แต่หลังจากที่ได้เรียนได้ฝึกกันแล้วจริงๆทำสมาธิและทรงฌาณได้กันเป็น ชั่วโมง 2ชั่วโมง ไม่เห็นมีบ่นว่าเมื่อย ว่าเหนื่อยกันซักคน เป็นเพราะอ.คณานันท์มีรูปแบบการสอนที่สบายๆ ไม่เน้นที่ภายนอก แต่จะปฎิบัติกันที่ภายในเพื่อภายนอกมากกว่า ใครใคร่นั่งเก้าอี้ก็ได้ ใครใคร่ นั่งกับพื้นก็เชิญแล้วแต่ชอบ แล้วแต่สะดวก

    วันนี้จึงต้องเริ่มสอนใหม่อีกครั้งให้สำหรับคนใหม่ที่มาเพื่อยังประโยชน์ให้ได้มากที่สุดถึงแม้จะเหนื่อยบ้าง เพราะอ.เองก็ไม่ค่อยสบายนัก แต่ดีสำหรับคนเก่าที่จะได้ทวนอารมณ์กันอีกครั้ง จะได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ก็ด้วยในการทำสมาธินั้นเมื่อได้ ตัวหยุด ตัวนิ่งแล้ว เราจะอธิฐานวสี หรือปักหมุด อารมณ์นั้นไว้เพื่อที่เมื่อใดก็ตามที่ต้องการใช้จะได้ไม่ต้องเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ เห็นมั้ยครับการสอนที่ลัดและรวดเร็วดี
    อ้อ มีคำถามที่ถามมาว่า เมื่อเราได้ฌาณ 4 ใช้งานแล้วเราจะไปทำอะไรได้บ้างนอกจากความสงบ สบาย แผ่เมตตา
    -ตอบครับ จะถูกจะผิดอย่างไรขออ.คณานันท์ช่วยเสริมด้วยครับ สำหรับอารมณ์นิ่ง อารมณ์หยุดนั้นเป็นพื้นฐานของการรู้ การเห็น การทราบอะไรๆได้หลายอย่างเหมือนกับเราเริ่มเรียน ก-ฮ รู้สระ รู้พยัญชนะ เราก็สามารถนำมาประกอบเป็นคำเป็นประโยคได้ อุปมาดั่ง น้ำในสระที่นิ่ง ที่สงบ ไม่มีสิ่งใดมารบกวน ไม่มีแม้คลื่น ราบเรียบ หากว่าเราโยนก้อนหินลงไปสักก้อนเราจะเห็นได้ทันทีว่ามีคลื่นเป็นระลอกๆ มากน้อย สูง-ต่ำ เพียงใด รู้ชัดละเอียด ที่นี้เราลองดูสระน้ำที่มีลมพายุพัดกระหน่ำตลอดเวลา ทั้งคลื่น ทั้งลมโหมอย่างแรง แล้วเราโดนก้อนหินก้อนเดิมลงไปอีกครั้ง แล้วลองหาคลื่นของก้อนหินก้อนนั้นเจอหรือไม่และรู้หรือไม่ว่าสูง-ต่ำ เพียงใด ลูกคลื่นที่แรงกว่าก็จะกลบคลื่นลูกนั้นยากที่จะรู้ได้ เช่นกันครับสำหรับอารมณ์นั้น เมื่อใดที่จิตเราสงบ หยุดนิ่ง เบาสบายแล้ว เมื่อมีอารมณ์ของคนอื่นมากระทบเราจะทราบได้ทันที หรือบ้างครั้งเราทราบด้วยซ้ำว่าเค้าคิดอะไรอยู่ เค้าจะพูดอะไร กลับกันหากว่าแม้แต่ตัวเราเองยังวุ่นวาย สับสนอยู่เลย แล้วเราจะรู้จักอารมณ์ ความคิดของคนอื่นมั้ย
    ก็ดั่งที่พระท่านบอก "สติมา ปัญญาเกิด" นั่นแหละ

    ย้อนกลับมาที่ทริปเราดีกว่าในเรื่องของการวางกำลังใจ กำลังใจ คือ อะไร อะไร คือกำลังใจ และต้องทำอย่างไรจึงจะถูกต้องตามทางมรรคแปด
    กำลังใจ ก็คือ บารมี บารมี ก็คือกำลังใจ แล้วจะวางอย่างไรล่ะ ก่อนอื่นขอถามก่อนว่าเราทำบุญ ทำความดี สร้างพระกัน ถวายสังฆทาน อื่นๆ เราอธิฐานขออะไรกัน ส่วนมากเราจะขอเพื่อตัวเอง เพื่อคนที่เรารัก คนใกล้ชิดใช่มั้ย ขอให้รวยบ้างล่ะ ขอให้สอบผ่านบ้างล่ะ ขอให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บบ้างล่ะ แล้วเราเคยขออะไรให้กับคนอื่นๆที่เราไม่รู้จักบ้างหรือเปล่า และหรือ ทำอะไรโดยไม่ต้องหวังผลตอบแทนเลย แถมยังมีการดูถูกตราหน้าว่า โง่บ้างล่ะ อย่างนี่เราจะทำกันมั้ย
    ใช่แล้วครับ กำลังใจตรงนี้ คือการทำเพื่อส่วนรวม เพื่อสังคม เพื่อคนอื่น ทั้งที่รูจักและไม่รู้จัก ทั้งที่รักใคร่ ทั้งที่เกลียดนักหนา ไม่หวังแม้คำสรรเสริญเยินยอ ลาภยศ บุญหนักสักใหญ่ ขอเพียงเพื่อให้ผู้อื่นนั้นเข้าถึงความสุขที่แท้จริง (นิพพาน) หรือความสุขชั่วคราว (โลกิยสุข) นั้นคือของขวัญที่ต้องการ ถึงแม้จะแลกกับความยากลำบาก การสูญเสียของตัวเอง เพราะฉะนั้นนี่คือแนวทาง หรือเส้นทางที่เราจะเดินไป มากน้อยแล้วแต่กำลังขอแต่ละคน

    ที่นี้เรามาว่ากันถึงเรื่องอารมณ์พระโสดาบันกัน เมื่อเราตั้งกำลังใจได้แล้วถูกแล้ว เรามาดูสังโยชน์ว่าเราตัดกันได้หรือไม่ ซึ่งพระโสดาบันนั้นจะต้องตัดได้อยู่ 3 ข้อ คือ
    1. สักกายทิฐิ คือการพิจารณากายนี้แล้วปล่อยวางไม่ยึดมั่นถือมั่น ว่าเราว่าของเรา แต่จะตัดอย่างไรล่ะ เราต้องมาดูก่อนว่าเราเกิดอารมณ์อะไรขึ้นมา เช่นเกิด กามราคะ เราก็จะพิจารณาว่ากายนี้เป็นของไม่สวยไม่งาม น่าเกลียด น่าขยะแขยง ไม่เชื่อเราลองบ้วนน้ำลายเราลงที่มือแล้วเรากล้ากินน้ำลายนั้นอีกมั้ยทั้งๆที่เป็นของเราเองนะนี่ ถ้ายังไม่วางอีก คนนี้สวยมากเลย เราลองนึกสภาพดูนะหากว่าคนสวยเราไม่อาบน้ำสักเดือน สักปี ผมเผ้าหยุ่งเหยิง เนื้อตัวมอมแมม สกปรก โรคผิวหนังเกิดขึ้นมา ทั้งกลาก เกลื้อน โรคเรื้อน โรคหูด ปากเหม็น ฟันเหลืองอ๋อย เอาแค่นี้พอก่อน แล้วเรายังอยากจะกอดจะหอมอยู่มั้ย น่าภิรมณ์หรือไม่ คิดเอาเอง
    ที่นี้เราจะตัดเรื่องตัวตนของเรา เอาง่ายๆเลย เช่นคำด่าว่ากล่าว หยาบโคลนต่างๆมีคนมายืนด่าอยู่กลางถนน แต่ไม่ได้เอ่ยชื่อใคร ขอถามหน่อยว่าเราเดือดร้อนมั้ย ก็ไม่ใช่หรือเปล่า แต่เมื่อใดคนนั้นหันมาทางเราแล้วชี้หน้าด่าเรา ที่นี้ล่ะร้อนขึ้นมาทันทีเลยใช่มั้ย นั่นแหละตัวตนล่ะ คิดว่าเรา ว่าของเรา เอ้า แล้วที่นี้จะทำอย่างไรล่ะ ก็ก่อนนอนก็ได้น่ะ เราลองแยกกายนี้ออกซิ เอา ตาออกมาวางนะ (คิดนะครับ ไม่ใช่ควักจริงๆ) เอาจมูก แยกออกมา แล่เอาขา เอาแขน เอาตัว เอาหัว แยกออกเหมือนกับเขียงหมูน่ะ แล้วลองดูซิว่าอันไหนของเรา ถ้าเป็นของเราต้องอยู่กับเราตลอดใช่มั้ย ถ้าเราวางไว้สัก อาทิตย์หนึ่ง เดือนหนึ่ง อวัยวะทั้งหมดน่ะมันเน่า มันย่อยสลายไปมั้ย ก็ย่อยสิ เน่าสิ แล้วใหนล่ะของเรา ก็ไม่มีแล้ว มันเป็นแต่สักว่าธาตุตามธรรมชาติเท่านั้น ดินกลับสู่ดิน น้ำกลับสู่น้ำ
    เห็นหรือยังมันเราตรงไหน มี่แต่ดี แต่ชั่วเท่านั้นที่จะตามเราไปทุกที่ ทุกภพชาติ
    2.วิจิกิจฉา ความลังเลสังสัยในพระรัตนตรัย ว่ามีจริงหรือ พุทธานุภาพเป็นอย่างไร บุญ-บาป ล่ะ เพราะเหตุนี้เราจีงสอนเรื่อง มโนยิทธิ (ฤทธิ์ทางใจ) ให้เราไปรู้ไปเห็นได้ด้วยตัวเราเอง ประจักษ์ชัดเจนในนรก-สวรรค์ นิพพาน ซึ่งจุดนี่อ.คณานันท์ก็ได้สอนและหลายคน ก็สามารถรู้เห็นชัดแล้ว ด้วยเหตุการณ์เป็นที่ยืนยันได้แน่ชัดที่เดียวว่ามีจริง เรื่องมีอยู่ว่า นากามูระได้สอนห้องเด็กซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นเป็นเด็กที่นับถือศาสนา ๆหนึ่งที่ไม่ศาสนาพุทธ และก็ไม่เคยรู้จักอะไรด้วยเกี่ยวกับศาสนาพุทธ แต่หลังจากสอนให้จับลมสบายได้แล้วน้องเค้าสามารถขึ้นไปกราบพระจุฬามณี หลังจากนั้นได้ให้น้องเค้าวาดรูปให้ดู น้องเค้าวาดได้ถูกต้องทุกอย่าง ยังมีอีกยังไปกราบพระวิสุทธิเทพได้อีก เห็นมั้ยล่ะครับว่า นรก-สวรรค์มีจริงๆ ไม่แบ่งศาสนาด้วย หากใครเข้าถึงได้ก็รู้ได้เฉพาะตนจริงๆ แต่สำหรับคนที่ยังไม่ไดมโนยิทธิก็มีอีกวิธี คือการยกพระเสี่ยงทาย เราได้ร่วมกันอธิฐานขอบารมีพระท่านเมตตาสงเคราะห์ ให้น้ำในคูลเลอร์เป็นน้ำมนต์ และพระพุทธรูปบูชา ที่อยู่ที่ห้องประชุมนั้น ซึ่งแน่นอนล่ะไม่ได้มีการผ่านพิธีใดๆมาเลย เมื่ออธิฐานแล้วเสร็จก็ให้ทุกคนมายกพระเสี่ยงทายกันด้วยตัวเองเลย ก็มีบ้างคนที่ไม่แน่ใจกลับมายกอีกครั้งผลก็ประจักษ์เช่นเดิม จึงทำให้คนที่ยังไม่ศรัทธา มีศรัทธาเกิดขึ้น และคนที่ศรัทธาอยู่แล้ว ให้ศรัทธายิ่งๆขึ้น พร้อมที่จะยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง เข้าถึงไตรสรณคมณ์เป็นที่สุด
    3.ศีลพปรามาส คือการเห็นโทษของศีลจากข้างในจริงๆ ทั้งไม่ละเมิดศีลนั้นด้วยตัวเอง และไม่ให้ผู้อื่นละเมิดแทนด้วย

    ขอพักเบรคก่อนนะครับ รู้สึกจะยาวเหลือเกิน เดี๋ยวมาต่อใหม่ครับ
     
  14. mink3266

    mink3266 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +549
    [​IMG]
    เริ่มการอบรมในวันที่2

    [​IMG]
    อธิฐานยกพระ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    อธิฐานขอบารมีพระท่านสงเคราะห์ทำน้ำมนต์รักษาโรค

    [​IMG]

    [​IMG]
    คนละแก้วสองแก้ว อุอุ หมดคูลเลอร์เลย
    [​IMG]
    เขียนคำอธิฐานในแผ่นทองเพื่อหล่อพระเจ้าองค์แสน
    [​IMG]

    [​IMG]

    ห้องเด็ก อีกบรรยากาศ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1030661.JPG
      P1030661.JPG
      ขนาดไฟล์:
      167 KB
      เปิดดู:
      223
    • P1030660.JPG
      P1030660.JPG
      ขนาดไฟล์:
      155.3 KB
      เปิดดู:
      224
    • P1030680.JPG
      P1030680.JPG
      ขนาดไฟล์:
      154.8 KB
      เปิดดู:
      222
    • P1030681.JPG
      P1030681.JPG
      ขนาดไฟล์:
      158.3 KB
      เปิดดู:
      225
    • P1030683.JPG
      P1030683.JPG
      ขนาดไฟล์:
      162.3 KB
      เปิดดู:
      219
    • P1030687.JPG
      P1030687.JPG
      ขนาดไฟล์:
      160.4 KB
      เปิดดู:
      214
    • P1030688.JPG
      P1030688.JPG
      ขนาดไฟล์:
      159.3 KB
      เปิดดู:
      220
    • P1030693.JPG
      P1030693.JPG
      ขนาดไฟล์:
      170.5 KB
      เปิดดู:
      231
    • P1030665.JPG
      P1030665.JPG
      ขนาดไฟล์:
      153 KB
      เปิดดู:
      221
    • P1030673.JPG
      P1030673.JPG
      ขนาดไฟล์:
      142 KB
      เปิดดู:
      225
  15. สุคะตะถะ

    สุคะตะถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +839
    วันนี้เป็นวันที่ 3 แล้ว และเป็นวันสุดท้ายของขั้นพื้นฐาน แหม ผ่านไปเร็วเหลือเกินโดยการเรียนนั้นมีแถมรอบค่ำให้ด้วยเริ่มเรียนกันตั้งแต่ 07.30 น.โดยประมาณ บางวันกว่าจะจบและเข้านอนกันได้ลากยาวเกือบเที่ยงคืนก็มี อย่างคืนวันที่ 2 นั้น น้องชัชได้มาช่วยช่วงบ่ายและช่วงค่ำ เพิ่งเดินทางมาถึงเกือบๆเที่ยงวันได้ น้องขุนนและคุณพ่อไปรับ หลังจากสอนกันเสร็จในคืนวันที่ 2 น้องชัชมีโปรโมชั่นพิเศษ ตรวจโรคให้ด้วย จึงเป็นที่น่าสนใจของหลายๆคน เกือบทุกคนก็ว่าได้ธรรมดาครับ ร่างกายสังขารนี้ใช้มานานย่อมมีเสื่อม มีชำรุดกันบ้าง ซึ่งกว่าจะเลิกก็เที่ยงคืนกว่าแล้ว แต่ยังไม่ครบทุกคนจึงต้องขอยกยอดเป็นค่ำวันพรุ่งนี้แล้วกัน

    แล้วในเช้าวันที่ 3 นี้น้องชัชได้มาช่วยอ.คณานันท์สอนด้วย เพราะอ.ไม่สบาย โดยในวันนี้ก็จะเป็นการสอน มโนมยิทธิ อรูปฌาณ และสอนการปิดทองพระเครื่องด้ว

    แต่เนื่องด้วยวันนี้ผมต้องช่วยพี่มิ้งปิดทองพระแล้วหล่ะ ดังนั้นวันนี้จึงไม่ได้เก็บรายละเอียดอะไรมาฝาก ต้องขออภัยด้วยนะครับ แต่เอาเป็นว่าผมจะมาแนะวิธีการปิดทองแล้วกันเป็นการชดเชย ต้องขออนุญาติพี่มิ้งเปิดเผยวิชานะครับ
    -สำหรับพระที่ปิดทองครั้งนี้เป็น พระสมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องจักรพรรดิ รมดำหน้าตักประมาณ 1 ศอกเห็นจะได้ ดังนั้นขั้นแรกจึงต้องลอกที่รมดำออกก่อนเพราะเคลือบเลคเกอร์ด้วย จากนั้นก็ทาทับด้วยสีน้ำมัน สีแดง รอจนแห้งสนิมฏ้หลายชม.อยู่ครับ เมื่อสีแดงแห้งสนิทแล้ว จึงทาสีเหลืองทับอีกรอบ รอสีเหืองแห้งพอประมาณแต่ไม่ถึงกับแห้งสนิทดี หลังจากนั้นจึงปิดทองได้ขั้นตอนนี้ต้องอย่าให้สีเหลืองแห้งเกินไปเพราะจะทำให้แผ่นทองไม่ติดกับองค์พระและต้องปิดให้เรียงกันไปไล่ตั้งแต่พระเกศลงมา ท้ายที่สุดที่ต้องใช้เวลาและความอดทนก็คือการเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆนี่แหละ คือให้ทองลงไปทุกซอกทุกมุม หากว่าองค์พระมีรายละเอียดมากต้องปราณีตมากด้วย

    สำหรับช่วงการปิดทองนั้นพี่นุ้ยได้ให้ทุกคนมีส่วนร่วมปิดทองด้วย เชิญมาหมดเลยทั้งพยาบาล เจ้าหน้าที่ คุณหมอ ทุกคนแปลกใจมากเลยมีการปิดทองด้วยเหรอ ช่วงนั้นชุลมุนกันพอสมควร คนละไม้คนละมือ ต่างคนก็ต้องการที่จะติดตามที่ตัวเองอยากได้ ปิดที่พระเนตร(ตา)บ้างต้องการอยากได้มีตาทิพย์ ที่พระกรรณ (หู) บ้าง อยากได้มีหูทิพย์ ต่างๆนาๆ ท้ายสุดพระได้มาบอกกับน้องชัชว่าให้ทุกคนตั้งจิต ตั้งกำลังใจใหม่ โดยกำหนดว่าปิดทองแผ่นเดียวนี่แหละแต่ขอให้ปิดหมดทั้งองค์พระเลย เออ เมื่อตั้งกำลังใจแบบนี้อานิสงค์แบไหนจะได้มากกว่ากันล่ะครับ ทำให้ทุกคนมีสติมากยิ่งขึ้น ครับปิดทองเราก็ได้ธรรมะเพิ่มมาอีกข้อด้วย

    สำหรับวันนี้ผมขอจบเท่านี้นะครับรู้สึกไม่ค่อยจะสบายแล้ว

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2009
  16. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ลองตั้งกำลังใจใหม่ดูครับ ขอบารมีพระด้วย ตามที่ได้ฝึกมาดีแล้ว
     
  17. mink3266

    mink3266 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +549
    [​IMG]
    [​IMG]
    วันที่ 3 ของการ อบรม พลังจิตตานุภาพ 2
    [​IMG]
    น้องฟ้า ลูกสาวของผู้เข้าอบรมคลอดในวันที่อบรม
    [​IMG]

    [​IMG]
    วางเหรียยทำน้ำมนต์ที่ทะเลสาบสงขลา
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    พี่นุ้ยนำปิดทองพระ
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1030728.JPG
      P1030728.JPG
      ขนาดไฟล์:
      160.7 KB
      เปิดดู:
      192
    • P1030729.JPG
      P1030729.JPG
      ขนาดไฟล์:
      176.2 KB
      เปิดดู:
      195
    • P1030730.JPG
      P1030730.JPG
      ขนาดไฟล์:
      169.2 KB
      เปิดดู:
      1,864
    • P1030740.JPG
      P1030740.JPG
      ขนาดไฟล์:
      138.5 KB
      เปิดดู:
      193
    • P1030741.JPG
      P1030741.JPG
      ขนาดไฟล์:
      144.6 KB
      เปิดดู:
      207
    • P1030646.JPG
      P1030646.JPG
      ขนาดไฟล์:
      151.7 KB
      เปิดดู:
      211
    • P1030691.JPG
      P1030691.JPG
      ขนาดไฟล์:
      157.5 KB
      เปิดดู:
      201
    • P1030725.JPG
      P1030725.JPG
      ขนาดไฟล์:
      149.6 KB
      เปิดดู:
      209
    • P1030753.JPG
      P1030753.JPG
      ขนาดไฟล์:
      148 KB
      เปิดดู:
      196
    • P1030756.JPG
      P1030756.JPG
      ขนาดไฟล์:
      175.6 KB
      เปิดดู:
      200
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2009
  18. mink3266

    mink3266 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +549
    [​IMG]

    [​IMG]
    เมื่อพี่นุ้ย อ.คณานันท์ ปิดทองนำแล้ว ต่อไปก็ รุมกันปิดทองกัน
    [​IMG]
    คนละมือสองมือ
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG][​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1030758.JPG
      P1030758.JPG
      ขนาดไฟล์:
      159.5 KB
      เปิดดู:
      531
    • P1030761.JPG
      P1030761.JPG
      ขนาดไฟล์:
      163.6 KB
      เปิดดู:
      557
    • P1030766.JPG
      P1030766.JPG
      ขนาดไฟล์:
      184.8 KB
      เปิดดู:
      578
    • P1030774.JPG
      P1030774.JPG
      ขนาดไฟล์:
      177.2 KB
      เปิดดู:
      518
    • P1030785.JPG
      P1030785.JPG
      ขนาดไฟล์:
      172.4 KB
      เปิดดู:
      514
    • P1030821.JPG
      P1030821.JPG
      ขนาดไฟล์:
      164.5 KB
      เปิดดู:
      507
    • P1030828.JPG
      P1030828.JPG
      ขนาดไฟล์:
      197.1 KB
      เปิดดู:
      508
    • P1030829.JPG
      P1030829.JPG
      ขนาดไฟล์:
      168.7 KB
      เปิดดู:
      512
  19. ภูมินที

    ภูมินที เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    201
    ค่าพลัง:
    +289
    ดูภาพแล้วปลื้มใจจังครับ ทุกคนช่วยกันปิดทองพระด้วยใจศรัทธา ในที่สุดก็ได้องค์พระปฏิมาที่มีความสวยงาม ขออนุโมทนากับกำลังใจของพี่มิ้งค์ด้วยครับ ที่ยอมอดหลับอดนอน จิตใจจดจ่ออยู่ที่องค์พระ จนงานเสร็ตลุล่วง พี่มิ้งค์เกิดมาเพื่องานนี้จริงๆเลย (deejai)
     
  20. naraya95

    naraya95 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +14
    [​IMG]
    น้องฟ้า ดญ.เบญจพร พลทองวิจิตร
    ลูกสาวคุณแม่กานดา ( พยาบาล ) คุณพ่อ ( นายแพทย์นพพร พลทองวิจิตร )
    ก่อนจะเข้าร่วมโครงการคุณแม่ตั้งครรภ์ประมาณ 35 สัปดาห์ มีอาการปากเบี้ยว ตาปิดไม่ได้ไปครึ่งซีกหน้า หมอบอกเส้นประสาทคู่ที่ 7 ถูกกดทับ ได้รับยาเพรดนิโซโลน คุณแม่ก็มีอาการซ้ำด้วยโรคเริม น้องกานดาเป็นสมาชิกในทีมโรงพยาบาล ตั้งแต่ตั้งครรภ์ คุณหมอ และน้องได้ร่วมทำบุญใหญ่ทุกครั้ง ร่วมกิจกรรมตลอดมาจนวันคลอด
    เบญจพร หรือน้องฟ้า นามนี้ ไพเราะมาก เหมาะสมที่สุด คุณพ่อและคุณแม่ชอบมากๆค่ะ
    ที่มา ก็คือว่า 2 วันแรกของการฝึกสมาธิ คุณแม่ของน้องฟ้ามาฝึกตลอด ช่วงสุดท้ายคืนที่ 2 ขณะน้องชัช ตรวจโรค อ.คณานันท์ก็ให้พี่นุ้ยเรียกน้องกานดาไปรักษา เขาเรียกว่า
    การรักษาใต้จิตสำนึก พี่นุ้ยจะเรียกว่าการเยียวยา โดยให้น้องกานดานอน พวกพี่ๆ (พยาบาล4-5 คน ) ก็อยู่ร่วมด้วย อาจารย์ก็ให้ผ่อนคลายในระดับลึก ให้ทุกส่วนร่างกายผ่อนคลาย เมื่อผ่อนคลายแล้ว จากนั้นก็ผูกเรื่องให้ตัวคนไข้ ( คุณแม่ ) นึกภาพตัวเองสวมชุดสีขาว (ภาพผู้หญิงที่ผมยาว สลวย สวมชุดขาวโปร่งบางพลิ้ว มีดอกไม้ป่าคาดบนศีรษะ ตรงนี้พี่นุ้ยจินตนาการเองจ้ะ) ยืนหน้าประตูสีทองมีภาพแกะสลัก ( จำไม่ได้ ) ได้ผลักบานประตูนั้นเจอท้องหญ้า เขียขจี มีพรรณไม้ดอก นานา มีสัตว์วิ่งเล่นไปมา ไม่ว่ากระต่าย นกร้องดูช่างมีความสุขจริง กระรอก... ( พี่นุ้ยใส่ไปเอง จำไม่หมด ) ....ได้ของขวัญเป็นทารกน้อยที่น่ารัก
    เป็นเด็กมีบุญ ได้โอบกอดสัมผัส เป็นของขวัญที่มีค่า กอดไว้ อย่างชื่นใจ....การเยียวยาช่วงนี้ผ่านไปไม่นาน รู้แต่ว่าวิชานี้พี่นุ้ยต้องเรียนซะแล้ว ( เสียดายที่อ.พี่เล็กจะเยียวยาพี่นุ้ยด้วย แต่ไม่มีเวลา เอาไว้รอบเหมาโอกาสหน้า ไม่พลาดครับ )
    ภาพประทับใจหลังการเยียวยาน้องกานดาก็ตื่นลุกขึ้น สดชื่นมาก รู้สึกผิด บอกว่าเครียดและเครียดกับเจ้าตัวเล็กบ้าง น้ำตาคุณแม่ได้ปลดปล่อยออกมา เป็นการรักษาที่ดีเยี่ยม
    ไม่น่าเชื่อ มหัศจรรย์ แห่งรัก ความทุกข์ทั้งปวงได้ปลดปล่อย ( เครื่องพันธนาการ )
    คืนนั้นตี2 ถุงน้ำก็แตก และเจ้าหนูน้อยก็ได้ลืมตาดูโลกเมื่อตี 3เศษๆ
    พระท่านก็ประทานชื่อ อ.คณานันท์ แจ้งให้ทราบ เป็นที่พออกพอใจเป็นอย่างมาก
    คุณพ่อน้องฟ้าบอกย้ำมาว่า หากทางคณะฯมีงานบุญใดๆ ให้บอกด้วย ขอโมทนาบุญกับ
    อ.คณานันท์ ด้วยครับ ตอนนี้คุณแม่อาการเกือบปกติ ดีขึ้น 98% น้องฟ้าเลี้ยงง่าย ไม่โยเย .... อาจารย์ลงใต้คราวนี้ได้ลูกสาวอีกคน อย่าลืมพี่นุ้ยและหมู่คณะจะเรียนวิชานี้
    และอีกหลายๆวิชาที่เกี่ยวกับการดูแลรักษา คราวหน้าจะทำตัวให้แข็งแรงขอรับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...