"แหลมทองสุวรรณภูมิเมือพระองค์ทรงพุทธพรรษาที่ทรงผนวชได้ 25 พรรษา"

<CENTER>ผลการพัฒนา</CENTER>
ebay.com ปัจจุบันทาง ชมรมพ่อขุนทะเลพระเครื่อง ได้มีการนำ วัตถุมงคล ของสายกระเบื้องจาร นำออกส่ง ต่างประเทศ ครั้งแรกได้แล้ว โดยส่วนตัว ภาษาเป็นอุปสรรค ในการดำเนินงานของ เราเป็นอย่างมาก ปัจจุบัน สมาชิกghia ผู้ช่วยทาง ฝ่ายต่างประเทศ ได้สามารถนำส่งขึ้นให้ประมูลทั่วโลกได้แล้วครับ "คลิ๊กดูผลงานครับ "
ขอแสดงความนับถือ
ต่อพ่อขุนทะเล

 

อภิบายเพิ่มไปอีกครับกลัวว่า ความเข้าใจ ในภาษาอาจไม่ชัดเจน

ebay.com ปัจจุบันทาง ชมรมพ่อขุนทะเลพระเครื่อง ได้มีการนำ วัตถุมงคล ของสายกระเบื้องจาร นำออกส่ง ต่างประเทศ ครั้งแรกได้แล้ว โดยส่วนตัว ภาษาเป็นอุปสรรค ในการดำเนินงานของ เราเป็นอย่างมาก ปัจจุบัน สมาชิกghia ผู้ช่วยทาง ฝ่ายต่างประเทศ ได้สามารถนำส่งขึ้นให้ประมูลทั่วโลกได้แล้วครับ "คลิ๊กดูผลงานครับ " ท่านที่หาช่องทางดำเนินการก็พยายามศึกษาเข้าไปทดลองดูครับเป็นอีกหนทางในการ "ส่งออก" สู่โลกกว้างครับ ผมเองครั้งนี้ครั้งแรก โดยให้พี่ สมาชิกghia เป็นผู้ดำเนินการให้ต้องขอขอบคุณ พี่ที่ได้สร้างโอกาสให้ กับวงการองค์พ่อ-พระเครื่องได้ ขยายกว้างขึ้นครับ อีกหลาย ๆ ช่องทาง เพราะส่วนใหญ่จะดำเนินการภายในประเทศ แต่หากได้ออกต่างประเทศได้แค่เห็นรูปว่าขึ้นได้แล้ว ก็ดีใจแล้วครับ ไม่จำเป็นต้องมีคนบูชา เพราะถือว่าได้มีการเริ่มต้นแล้วครับ (จะเป็นผลดีต่อผู้ประกอบการส่งออก) "คลิ๊กดูผลงานครับ "

 

วันนี้มีการกินเหนี่ยว - กินมัน ครับ




<CENTER>ลูกศิษย์สายเขาอ้อร่วมพิธีกรรมกินเหนียว-กินมัน ณ วัดดอนศาลา 14 พค.2551</CENTER>
***-อาจารย์เปลี่ยน หัถยานนท์ (ผู้ดำเนินการพิธีกรรม) ปัจจุบันอายุ 72 ปี ศิษย์เอกสายอาจารย์ปาน ,ร่ำเรียนและเป็นศิษย์อาจารย์นำ และศิษย์อาจารย์ท่านขุนพันธ์ และต่อมาท่านอาจารย์ขุนพันธราชเดชได้เปิดมอบหมายให้อาจารย์เปลี่ยน หัถยานนท์ เมื่อปี 2540 สามารถดำเนินการเป็นเจ้าพิธีกรรมอย่างเป็นทางการ) และจัดพิธีกินเหนียว - กินมัน ณ วัดดอนศาลา - วัดเขาอ้อ สืบต่อมา ได้นำคณะกรรมการวัดดอนศาลา และ คณะลูกศิษย์สายเขาอ้อ จัดพิธีประจำปี กินเหนียวดำ - กินมันงา
***อาจารย์ฉันท์ทิพย ์พันธรักษ์ราชเดช(เจ้าพิธีกรรมสืบต่อจากท่านขุนพันธรักษ์ราชเดช)ศิษย์เอกสายอาจารย์นำ ซึ่งเป็นสายสำนักเขาอ้อทั้งหมด ร่วมประเพณีประจำปีโดยนำคณะลูกศิษย์เข้าร่วม ณ วันที่ 14 พค.2551 ตามประเพณีโบราณวัดเขาอ้อ ที่สืบต่อกันมา)
ต่อครับ เวลากินเหนียว - กินมัน ต้อง ท่อง เสียงดัง มะ อะ อุ - มะ อะ อุ- มะ อะ อุ(good)
แสดงความนับถือ
ต่อพ่อขุนทะเล
คลิ๊กครับ

ต่อท้ายอ้างอิง
สำนักวัดเขาอ้อ ตักสิลาทางไสยเวทย์ภาคใต้ ....***
วัดเขาอ้อ เป็นแหล่งวิทยาคมทางไสยศาสตร์ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาแล้ว ตั้งแต่สมัยโบราณ พระเกจิอาจารย์ผู้สืบต่อวิชาทางไสยศาสตร์ ต่างก็เป็นที่พึ่งที่เคารพศรัทธาของประชาชนทั่วไป เช่น พระอาจารย์ทองเฒ่า พระครูสิทธิยาภิรัต (เอียด) พระอาจารย์นำ แก้วจันทร์ พระอาจารย์ศรีเงิน วัดดอนศาลา พระครูพิพัฒน์สิริธร (อาจารย์คง) วัดบ้านสวน พระอาจารย์ปาน วัดเขาอ้อ และ ที่เป็นฆราวาสที่คนทั่วไปรู้จักกันดีได้แก่ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็นต้น


พิธีกรรมทางไสยศาสตร์

ความเชื่อทางไสยศาสตร์ของสำนักวัดเขาอ้อที่สำคัญถือเป็นหลัก นิยมใช้ประกอบพิธีกรรมให้สานุศิษย์และประชาชนที่ศรัทธาโดยทั่วไปมี 4 พิธี คือ พิธีเสกว่านให้กิน พิธีหุงข้าวเหนียวดำ พิธีเสกน้ำมันงานดิบ และพิธีแช่ว่าน
นอกจากนี้ก็ยังมีพิธีอื่นๆ อีกหลายอย่าง เช่น พิธีสอนให้ชักยันต์ด้วยดินสอ และการสร้างพระเครื่องรางของขลัง วิชาดูฤกษ์ยาม ตำรารักษาโรคภัยไข้เจ็บจากสมุนไพร และการรักษาด้วยคาถาอาคม เพื่อประโยชน์ของการศึกษาทางด้านความเชื่อทางไสยศาสตร์ จึงขอนำเอาพิธีกรรมที่กล่าวแล้วข้างต้น มาอธิบายไว้ในที่นี้พอสังเขป

1.พิธีเสกว่านให้กิน หมายถึง การนำเอาว่านที่เชื่อว่ามีสรรพคุณทางด้านอยู่ยงคงกระพันชาตรี หรือทางด้านมหาอุด มาลงอักขระเลขยันต์ทางเวทมนต์คาถา แล้วนำไปให้พระอาจารย์ผู้ชำนาญเวท ปลุกเสกด้วยอาคมกำกับอีกครั้งหนึ่ง ว่านที่นิยมใช้ในพิธี ได้แก่ ว่านขมิ้นอ้อย ว่านสบู่เลือด ว่านสีดา ว่านเพชรตรี ว่านเพชรหน้าทั่ง ต้นว่านเหล่านี้เชื่อกันว่ามีเทพารักษ์คอยคุ้มครองรักษา พันธุ์ว่านบางชนิดต้องไปทำพิธีกินในสถานที่พบ ที่นิยมมาก ได้แก่ การกินว่านเพชรหน้าทั่ง
การทำพิธีกินต้องหาฤกษ์ยามเสียก่อน เมื่อได้ฤกษ์แล้วพระอาจารย์จะนำสายสิญจน์ไปวนไว้รอบต้นว่าน แล้วตั้งหมากพลูบูชาเทพารักษ์ ปลุกเสกอาคมทางหลักไสยศาสตร์ เมื่อเสร็จพิธีแล้วนำมาแจกจ่ายกินกัน เชื่อว่าจะทำให้ผู้นั้นเป็นคนอยู่ยงคงกระพันชาตรี
การเสกว่านให้กิน เมื่อสิ้นพระอาจารย์ทองเฒ่าแล้ว นิยมไปทำกันที่วัดดอนศาลา ต.มะกอกเหนือ โดยมีพระครูสิทธิยาภิรัต (เอียด) เจ้าอาวาสวัดดอนศาลาเป็นผู้ประกอบพิธี เช่น การประกอบพิธีกินว่านหน้าทั่ง เมื่อวันพุธ ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 5 พ.ศ.2473 มีพระอาจารย์นำ แก้วจันทร์ (ยังเป็นฆราวาส) เป็นผู้หาฤกษ์ยาม ผู้ร่วมกินมี พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช และพระเณรในวัดดอนศาลา .

2.พิธีหุงข้างเหนียวดำ นิยมทำพร้อมกับพิธีเสกน้ำมันงาดิบ ชาวบ้านนิยมเรียกว่า "กินเหนียวกินมัน" แต่ละปีจะประกอบพิธีกิน 2 ครั้ง คือ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 และ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10
พิธีหุงข้าวเหนียวดำ หมายถึง การนำเครื่องยาสมุนไพร หรือว่านชนิดต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 108 ชนิด มาผสมกันแล้วต้มเอาน้ำยามาใช้หุงข้าวเหนียวดำ
การประกอบพิธีนิยมทำกันภายในอุโบสถมากกว่าสถานที่อื่นๆ ในสมัยก่อนนิยมทำกันในถ้ำฉัตรทันต์ หม้อและไม้ฟืนทุกอัน จะต้องลงอักขระเลขยันต์กำกับด้วยเสมอ พระอาจารย์ผู้ประกอบพิธีจะเริ่มปลุกเสก ตั้งแต่จุดไฟ จนกระทั่งข้าวเหนียวในหม้อสุก แล้วนำข้าวเหนียวที่สุกแล้วไปประกอบพิธีปลุกเสกอีกครั้งหนึ่งจนเสร็จพิธี
พิธีกินข้าวเหนียวดำ จะทำพิธีกันภายในอุโบสถ ก่อนกินถ้าสานุศิษย์คนใดไม่บริสุทธิ์ต้องทำพิธีสะเดาะ หรือเรียกว่า "พิธีการเกิดใหม่" หรือ "พิธีบริสุทธิ์ตัว" เพื่อให้ตัวเองบริสุทธิ์จากสิ่งไม่ดีชั่วร้ายทั้งปวง
เมื่อถึงเวลาฤกษ์กินข้าวเหนียวดำ สานุศิษย์จะเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นนุ่งด้วยผ้าขาวม้าโจงกระเบนไม่ใส่เสื้อ แล้วเข้าไปกราบพระอาจารย์ผู้ประกอบพิธี 3 ครั้ง เสร็จแล้วพระอาจารย์จะให้นั่งชันเข่าบนหนังเสือ เท่าทั้ง 2 เหยียบบนเหล็กกล้าหรือเหล็กเพชร ปิดศรีษะด้วยหนังหมี มือทั้ง 2 วางบนหลังเท้าของตัวเอง พระอาจารย์ใช้มือซ้ายกดมือทั้ง 2 ไว้ พร้อมกับภาวนาพระคาถา ส่วนมือขวาปั้นข้าวเหนียวดำเป็นก้อนป้อนให้ศิษย์ครั้งละ 1 ก้อน แล้วปล่อยมือศิษย์ที่กดไว้บนเหลังเท้า มือทั้ง 2 ของศิษย์จะลูบขึ้นไปตั้งแต่หลังเท้าจนทั่วตัวจดใบหน้า การลูบขึ้นนี้เรียกว่า "การปลุก" เสร็จแล้วลูบลง เอามือทั้ง 2 ไปวางไว้บนหลังเท้าทั้ง 2 เช่นเดิม โดยกะประมาณว่ากินข้าวเหนียวก้อนแรกหมดพอดี สำหรับผู้ที่ไม่เคยกินอาจกลืนลำบาก เนื่องจากว่าข้าวเหนียวมีรสขมมาก บางคนป้อนก้อนแรกถึงกับอาเจียนออกมาก็มี แต่ถ้ากลืนก้อนแรกจนหมดได้ ก้อนต่อไปจะไม่มีปัญหา พระอาจารย์จะป้อนจนครบ 3 ก้อน ในแต่ละครั้งจะลูบขั้นลูบลง เช่นเดียวกับครั้งแรก แต่ครั้งที่ 3 นั้นเมื่อศิษย์กินข้าวเหนียวหมดแล้ว พระอาจารย์จะใช้มือซ้ายกดมือทั้ง 2 ไว้ที่เดิมหัวแม่มือขวาสะกดสะดือศิษย์ ทำทักษิณาวัตร 3 รอบ พร้อมกับภาวนาพระคาถาไปด้วย เป็นการผูกอาคม
สำหรับคุณค่าของการกินข้าวเหนียวดำ สานุศิษย์ของสำนักเขาอ้อ เชื่อกันว่าใครกินได้ถึง 3 ครั้ง จะทำให้อยู่ยงคงกระพันชาตรี เป็นมหานิยม และยังเป็นยาแก้โรคปวดหลังปวดเอวได้เป็นอย่างดี

3.พิธีเสกน้ำมันงาดิบ การเสกน้ำมันงาดิบ ต้องมีเครื่องบูชาครูเช่นเดียวกับการหุงข้าวเหนียวดำ คือ หมาก 9 คำ ดอกไม้ 9 ดอก เทียน 1 เล่ม ธูป 3 ดอก สายสิญจน์ หนังเสือ หนังหมี เอาวางไว้ที่หน้าเครื่องบูชา การเสกน้ำมันส่วนใหญ่นิยมใช้น้ำมันงาดิบ หรือน้ำมันยางแดงประสมว่าน พระอาจารย์ผู้ประกอบพิธีจะนั่งบริกรรมพระคาถาจนน้ำมันแห้งเป็นขี้ผึ้ง เรียกว่า "พิธีตั้งมัน"
เมื่อเสกจนน้ำมันแห้งแล้ว พระอาจารย์จะทำพิธีป้อนน้ำมันให้สานุศิษย์แบบเดียวกับพิธีป้อนข้าวเหนียวดำ คือ ผู้ที่จะกินมันต้องเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่เคยผิดศีลข้อกาเมมาก่อน ถ้าบุคคลใดไม่บริสุทธิ์ ต้องให้พระอาจารย์ทำพิธี "บริสุทธิ์ตัว" คือ "สะเดาะ" เสียก่อน เสร็จแล้วก็ทำเช่นเดียวกับกินข้าวเหนียวดำ โดยพระอาจารย์ ผู้ประกอบพิธีจะป้อนน้ำมันให้กิน 3 ช้อน แต่ละช้อนมีขมิ้นอ้อย 1 ชิ้น เมื่อกินช้อนที่ 3 หมด พระอาจารย์จะตักน้ำมันมาทาบบนฝ่ามือทั้ง 2 ของศิษย์ แล้วเขียนตัวอักขระตัว "นะโม" ข้างละ 1 ตัว จับมือศิษย์ทั้ง 2 ประกบกันละเลงให้น้ำมันทั่วฝ่ามือ แล้วนำไปทาบนหลังเท้าทั้ง 2 ข้าง ข้างละมือ พร้อมกับพระอาจารย์จะปลุกเสกคาถากำกับไปด้วย ต่อจากนั้นใช้มือลูบขึ้นและลูบลงเช่นเดียวกับการกินข้าวเหนียวดำ เสร็จแล้วมือซ้ายของอาจารย์จะกดมือทั้ง 2 ไว้หัวแม่มือขวาสะกดสะดือศิษย์ไว้ เช่นเดียวกับการกินข้างเหนียวดำ เพื่อเป็นการผูกอาคม เป็นอันเสร็จพิธีการกินน้ำมันงาดิบ
คุณค่าการกินน้ำมันงาดิบของสำนักวัดเขาอ้อ เชื่อกันว่ามีคุณค่าทางด้านอยู่ยงคงกะพัน มีเมตตามหานิยม แต่มีข้อห้ามไว้ว่า ถ้าผิดลูกเมียผู้อื่นเมื่อใด น้ำมันที่กินเข้าไปจะไหลออกมาตามขุมขนจนหมดสิ้น และถ้าจะกินน้ำมันใหม่ก็ต้องทำพิธีสะเดาะใหม่อีกครั้ง
4.พิธีแช่ว่านยา เป็นพิธีกรรมชั้นสูงทางไสยศาสตร์ของสำนักวัดเขาอ้อ การแช่ว่านยา หมายถึง การที่บุคคลหนึ่งบุคคลใด ลงไปนอนแช่ในน้ำว่านยาที่ได้ทำพิธีปลุกเสกตามหลักวิชาไสยศาสตร์ จากพระอาจารย์ผู้เรืองอาคม เพื่อประสงค์ให้ตัวเองอยู่ยงคงกระพันชาตรี วัดเขาอ้อจึงได้นามอีกอย่างหนึ่งว่า "วัดพระอาจารย์หลัง" หลายคนเชื่อกันว่าวัดเขาอ้อเป็นต้นตำรับพิธีการแช่ยา ต่อมาเมื่อมีลูกศิษย์มากขึ้น พิธีการนี้ก็แพร่หลายออกไปตามวัดต่างๆ เช่น วัดดอนศาลา วัดบ้านสวน อ.ควนขนุน วัดเขาแดงออก วัดยาง วัดปากสระ อ.เมือง พัทลุง เป็นต้น
พิธีการแช่ยาที่วัดเขาอ้อ นิยมประกอบพิธีบนไหล่เขาหรือภายในถ้ำฉัตรทันต์ ในราวเดือน 5 เดือน 10 ของทุกๆปี โดยก่อเป็นรูปอ่างน้ำสี่เหลี่ยมจัตุรัส หรือใช้เรือขุดจากไม้ก็ได้ให้มีขนาดพอที่จะให้คนลงไปนอนได้ประมาณ 3-4 คน ส่วนมากไม่มีการกำหนดขนาดที่แน่นอน อ่างน้ำนี้เรียกว่า "รางยา"
เนื่องจากพิธีกรรมแช่ว่าว่านยาเป็นพิธีใหญ่มาก และเป็นพิธีชั้นสูงของสำนักวัดเขาอ้อและทำได้ยากลำบาก เครื่องบูชาครูจึงต้องมีมากเป็นธรรมดา คือ หัวหมู บายศรีไหญ่ ยอดบายศรี สวมแหวนทองคำหนัก 1 บาท หมากพลู ธูปเทียน ดอกไม้ และมีหนังสือหนังหมี เหล็กกล้า เป็นเครื่องประกอบ
อ้างอิงจาก
- หนังสือ "วัดดอนศาลา" โดย คุณธีระทัศน์ ยิ่งดำนุ่น และ คุณจำเริญ เขมานุวงศ์
- หนังสือ "ที่ระลึกงานฉลองสัญญาบัตร พัดยศ พระครูอดุลธรรมกิตติ์ เจ้าอาวาสวัดเข้าอ้อ" โดย คุณสมคิด คงขาว และ คุณศิริพงศ์ ยูงทอง 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2536 ..

 

ผมทดลอง ให้สูตร "นะ" อยู่ในหน้าเดียวในการปฏิบัติ เวลา ขึ้น "นะ" ตามสูตร จะได้เปิดอ่านท่องจำได้ ลองดูนะครับ

 

ส่วนตัวผม เอง ทุกวัด ทุกสำนัก มีการยึดถือ ไม่เหมื่อนกันในบาง ข้อ แต่ สรุปแล้วก็ไม่เกิน ศีล 5 มี่เราถือ กันเป็นส่วนใหญ่ ครับ
ผมก็ทราบได้ว่า การเข้าเป็นศิษย์สายเขาอ้อ นั้นเป็นอุบาย ให้ลูกศิษย์ที่ศรัธาใน อาจารย์ได้สามารถหาที่ยึดถือ ยึดจิตใจ อย่างที่เชื่อมั่นได้ เท่ากับที่ อาจารย์ฉันท์ทิพย์ ฯ และอาจารย์เปลี่ยน นับถือกันสืบมา
เมื่อเป็นแล้ว ต้องยึดมั่นถือมั่นใน ข้อปฏิบัติ หากมีข้อผิดพลาดประการใด เดือน 10 ต้องไปกิน สะเดาะห์อีกครับ ผมถือว่าดีมาก ๆ สำหรับน้อง ๆที่ เป็นวัยรุ่น กำลังคะนอง อยู่ได้ถือ ไว้จะเป็นดี

_________________
แสดงความนับถือ
ต่อพ่อขุนทะเล

 

มีคนถามผมมาหลายท่าน เรื่องหนังสือที่ใช้ ผมอ่านของ ท่านอาจารย์ 7 ท่านครับ
หลวงพ่อกวย จ.ชัยนาท
พลวงพ่อพรหม วัดขนอมเหนือ
พระราชครูวามเทพมุนี
อาจารย์บาง เสมเสริมสุข
อาจารย์เทพย์ สาริกาบุตร์
อาจารย์อุระคินทร์ วิริยะบูรณะ
อาจารย์ฉันท์ทิพย์ พันธรักษ์ราชเดช

แล้วแต่เล่มไหนจะมีเนื้อหา มากน้อย
ส่วนอักษร "ขอม"
มีทุกอาจารย์ครับ ที่ผมชอบที่สุด เกี่ยวกับการ สอบ คือ ของ จ.อุบลราชธานี (ปกเขียวอ่อนบาง)แบบหนังสือทำรายงานอาจารย์ท่าน เรียบเรียง ไว้ดีครับ ศึกษาง่าย แต่ที่ยาก คือการปฏิบัติให้ชำนาญ ต้องปฏิบัติทุกวันครับ
ผมยังได้แต่คัดลายมือ อยู่เลย ท่องได้บางไม่ได้บาง ต้อง เปิด โพย ดูตลอดครับ อาศัยว่า ทำทุกวันเดี่ยวก็จำได้เอง

คืนนี้ก็นำเรื่อง การปัดอุบาทว์ ในการขึ้นพระภูมิ ให้ชมครับ เพราะว่า อาจใช้ได้บางครั้งบางเวลาที่ไม่สบายใจ ไหว้พระภูมิแล้ว ก็ลองปฏิบัติดูนะครับ
และนำยันต์ที่ใช้ในการประกอบพิธีให้ ชมเป็นตัวอย่างครับ (good)

 

ตัวอย่างหนังสือที่ควรหามาศึกษาครับ(y) (good)
สำนักพิมพ์ที่จัดพิมพ์มากที่สุด คือ ส.ธรรมภักดี ครับ จัดพิมพ์มาเป็น 30 ปี
และหนังสือ ของ อ.เทพย์ จัดส่งซื้อได้ที่
สำันักพิมพ์ เสริมวิทย์บรรณาคาร
222 เวิ้งนครเขษม กทม. 10100 โทร.2239772

ที่เห็นผมเขียนขึ้นนั้น เป็นเพราะผมอ่านแล้ว ก็สรุป เนื้อหาให้ตัวผมเอง อ่านแล้วเข้าใจได้เร็วขึ้นเท่านั้นเองครับ ตำรา บางเล่ม อ่าน 10 ปี ยังไม่เข้าใจหมด เลยครับ
โบราณท่านว่า (พี่โอ๋) จ.เพชรบุรี
เรียนอย่างนี้
ต้องอ่านเป็น เดาเป็น
มีบางตำราเป็นส่วนที่ไม่ได้รับอนุญาต เปิดเผยไม่ได้ครับ ขออภัยด้วยนะครับ มีเป็นช่วง ๆ ตอน ๆที่ผมแทรกไปไว้บาง เพราะว่า เป็นรายมือเขียน ให้เฉพาะคน ครับรับปากไว้แล้วด้วยครับ แต่จะใช้เป็นการ บอกเล่าเป็นตอน ๆ ไม่ว่ากันนะครับ เพราะแค่ หนังสือที่ผม ขึ้นให้ชมนั้นก็ศึกษากันไม่หมดแล้วครับ
_________________
แสดงความนับถือ
ต่อพ่อขุนทะเล

 

ร่ำเรียนเขียนอ่านจะมีความชำนาญไปทุกสิ่ง ปฏิบัตสะสมความชำนาญไปแล้วเกิดผลดีไม่นานก็เข้าใจทุกสิ่ง

 

เสียดายทาง วัดขาดการประชาสัมพันธ์ ทำให้ ลูกศิษย์ หรือ ผู้ที่มีความศรัธา ไม่ได้ไปร่วมงาน เสียดายครับ
ท่านอาจารย์ประจวบ คงเหลือ ท่านก็ทำพิธีให้ ประมาณวัน สองวันนี้ครับ วัดบ้านสวน ผมก็นำมาให้ดูว่าอาจราย์ประจวบ คงเหลือ ศิษย์เอก อาจารย์ศรีเงิน วัดดอนศาลา จ.พัทลุง
ก็ได้ทำการสืบสายวัฒนธรรม มาเหมื่อนกัน

ศิษย์สำนักเขาอ้อ ทุกท่าน จะมีกิจกรรม แบ่งเบาภาระกันไปในแต่ละ สายอาจารย์ซึ่งจะมีการจัดร่วมกันบาง หรือแยกกันก็แล้วแต่จะเพื่อความเหมาะสม เพราะบางครั้งการจัดงาน ครั้งเดียว จะเป็นเรื่องใหญ่ที่ การจัดระเบียบและเวลาที่จำกัดทำให้ เป็นเรื่องที่ลำบากในการ รวมงานทั่วทั้งประเทศ จึงมีการจัดแยก แบ่งออกไปเป็นรอบ ๆ



-ท่านอาจารย์ฉันท์ทิพย์ พันธรักษ์ราชเดช ก็เป็น ศิษย์เอกตัวแทนรุ่นแรก ที่รับสืบทอด ก่อนตั้งแต่ได้รับการยอมรับ แช่ว่าน ได้ยาวนาน ที่สุดของลูกศิษย์ สายเขาอ้อ จึงได้รับมอบหมายให้ เป็นเจ้าพิธีกรรม สืบต่อมาและเป็นหัวเรียวหัวแรง ติดตาม อาจารย์นำ และท่านขุนพันธรักษ์ราชเดช เก็บว่าน เข้าป่า หาสมุนไพร่ โดยตลอดมา

-อาจารย์เปลี่ยน หัถยานนท์ ปัจจุบันอายุ 72 ปี ศิษย์เอกสายอาจารย์ปาน ,ร่ำเรียนและเป็นศิษย์อาจารย์นำ และศิษย์อาจารย์ท่านขุนพันธรักษ์ราชเดช ก็ได้เป็นหัวเรียวหัวแรง แต่แรกมาเช่นก้น ตั้งแต่เก็บว่านสมุนไพร่ ช่วยพิธีหุ่งเหนียวเสกมัน มาตั้งแต่แรก ๆ

-อาจารย์ประจวบ คงเหลือ ศิษย์เอก ท่านอาจารย์ศรีเงิน วัดดอนศาลา ก็ได้เป็นหัวเรียวหัวแรง แต่แรกมาเช่นก้น ตั้งแต่เก็บว่านสมุนไพร่ ช่วยพิธีหุ่งเหนียวเสกมัน มาตั้งแต่แรก ๆ
แต่เดิมต้องนุ่งผ้าขาม้า เพื่อจะได้ทำการลูบน้ำมัน ตั้งแต่หน้าแข้ง จนทั่วตัว ท่านใดจะไปกิน ก็ เตรียมกางเกงขาสั้นไปเปลี่ยนได้เลยครับ (||)
_________________
แสดงความนับถือ
ต่อพ่อขุนทะเล

 

ยันต์พระองค์ 3 พระองค์ มี 3 ตอน

 

นำการผสมคำ"ขอม"เป็นแบบศึกษาครับ และให้คำถวายดอกไม้ พระท่านไว้ด้วย

 

วันนี้นำมาฝากเช่นเดิมครับเป็นการแปลง แล้ว จาก 6 ผื่น ติดรอบบ้านให้เหลือ ธง เดียว แขวนหน้าบ้านครับ
แสดงความนับถือ
ต่อพ่อขุนทะเล

 

คืนนี้ตามด้วย 12 ทิศ ครับ


แสดงความนับถือ
ต่อพ่อขุนทะเล

 

"นะ" เพิ่มเติมครับ

 

วันนี้ผมอ่านถึง ตอน การเดิน อักษร แบบตาหมากรุก ผมก็ได้คลายสงสัย ไปได้แล้ว...การเรียน เรื่องนี้ ต้อง อาศัย คนชี้แนะ ครับ เพราะว่า รายละเดียด บางอย่างมาก ผมเอง ก็อ่านหลายเล่ม ก็ได้ข้อ สรุปอีกข้อ คือ การเดิน อักษร คือ เขาให้เดิน แบบหมาก รุกไทย และต้องเป็น แบบ ตาม้า เดินด้วยครับ ก็เข้าใจแล้วอีกเรื่อง ผมช่วงนี้ ต้องอ่านศึกษาเพิ่มเติม และ หัดเขียน กะ ขะ คะ งะ แบบ พื้นฐานไปเรื่อย ๆ ให้สามารถ จำอักษรให้ได้ก่อน ทำใ้ห้ได้ทุกวันครับ ทำให้มีเวลาน้อยลง ในการเลือกหัดวาดยันต์ ที่ผม หัดวาดยันต์ ขึ้นตามแบบ นั้น เพื่อเพิ่มทัศษะ ในการฝึกหัดทำ ครับ เพราะจะทำจริง ๆ ต้องมีขั้นตอน แรกเริ่มมากมายนัก ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มเอาจริง ต้อง ทำแบบขั้นพื้นฐานให้ชำนาญ ก่อน จึงจะเดิน ขั้นตอนต่อไปได้ ไม่งั้น ก็ไม่รู้เรื่อง ซักอย่าง เพราะ ข้ามขั้นเสียแล้วครับ

 

ผมเขียนให้เป็นอีกแบบที่ น่าหาไว้ใช้ครับ เป็นยันต์ฆะเฏสิ (แบบหน้าเดียว) ติดหน้าบ้าน ครับ
ผิดพลาดประการใดขออภัย
แสดงความนับถือ
ต่อพ่อขุนทะเล

 

ยันต์หน้าผากเสือ อ่านแล้วน่าสนใจ ครับ
ผิดพลาดประการใดขออภัย ด้วยความที่เริ่มศึกษาครับ

แสดงความนับถือ
ต่อพ่อขุนทะเล
้http://khuntalebuddha.com

 

<center> ณ วัดในปราบ (หลวงปู่ชื่น) จ.สุราษฎร์ธานี</center>
พิธีพุทธาภิิเษก - พิธีวางศิลาฤกษ์ ณ วัดในปราบ(วัดเจริญราชประชาธรรม) หลวงปู่ชื่น จ.สุราษฎร์ธานี วันที่ 27 พฤษภาคม 2551 พิธีพุทธาภิเษก เวลาฤกษ์ 15.19 นาที และในวันที่ 28 พฤษภาคม 2551 พิธีวางศิลาฤกษ์ โดยอาจารย์ฉันท์ทิพย์ พันธรักษ์ราชเดช เป็นผู้ดำเินินพิธีกรรม ตามขั้นตอนโบราณ พร้อม ทีมงานหมอยาวัดมังคราราม อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช จัดเครื่องบายศรี และได้รับการสนับสนุน มีคณะทางหน่วยงานราชการให้ความสนับสนุน หลายหน่วงงานเช่น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สนับสนุนด้านบุคลากร โรงพยาบาลเคียนซา สถานีตำรวจเคียนซา ,สมาคมกู้ภัย,เตรียมความพร้อม /แสดงควมนับถือ/ต่อพ่อขุนทะเลคลิ๊กชมครับ



แสดงความนับถือ
ต่อพ่อขุนทะเล

 

นำยันต์เกี่ยวกับเรื่อง ค้าขายมาให้ ครับ ห่างหายไปช่วง งานหลวงปู่ชื่น วัดในปราบ ทำให้ ไม่มีเวลา สืบสารวัฒนธรรม ต่อวันนี้ ก็ได้นอนพัก ได้เต็มที่ก็กับ มาเผยแพร่ ให้เพื่อน ๆ ได้ดูรูปแบบและความหมายยันต์ต่อครับ
ยันต์ปลาตะเพียน

แสดงความนับถือ
ต่อพ่อขุนทะเล

 

ยันต์พระนวโลกุตตรกรรม