แคร่ริมคลอง...วันวิสาข์พาไป "พิพิธภัณฑ์สักทอง"

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ณ., 19 สิงหาคม 2008.

  1. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    Forward Mail
    รับรองว่าอ่านแร้วต้องยิ้ม ^_^

    1.เธอกำลังอ่านข้อความของฉัน
    2.เธออ่านข้อ1จบไปแว้ว
    3.เธอกะลังคิดว่ามันฮายังงัย
    4.เหมือนเธอจะโดนหลอก
    5.เธอเริ่มคิดว่าจาด่าฉันยังไง
    6.เธอเครียด
    7.เธอเครียดมากๆ
    9.เธอเครียดสุดๆโคตรๆ
    10.เธอเครียดจนเธอลืมดูว่าไม่มีข้อ8
    11.เธอหันไปดูว่าไม่มีจิงป่าว
    12.เธอเลื่อนกลับมาอีกแล้ว เหอๆ
    13. เธอเริ่มเลื่อนลงแล้ว
    14. เธอเลื่อนลงอย่างเร็ว อย่างเร็ว
    15. และก็ เร็ว เร็ว......
    16. เร็วมาก ๆ
    17. เร็วจนไม่รู้ว่าข้อ 13 นั้นมี 2 ข้อ....
    18. แล้วเธอก็ย้อนกลับไปดูอีกครั้ง
    19. เธอโดนหลอกเต็มๆ ข้อ 13 มีอยู่ข้อเดียว
    20. เธอส่ายหัวไปมา...คิดในใจว่า มันเอาข้อความบ้าไรให้ตูอ่านฟร่ะ.....
    21. ไม่มีสาระอะไรเลย...
    22. แต่ก็ยังทำให้เธออ่านมันมาถึงตรงนี้....
    23.นั่นแน่!!เธอแอบยิ้มๆ , หัวเราะหน่อยๆ
     
  2. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    มีเรื่องเล่าขำขำ

    มีเด็กนักเรียนชายไฮสกูล 2 คนที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง คนนึงเป็นเด็กผูดีอังกฤษ อีกคนเป็นเด็กอเมริกัน สองคนนี้เผอิญเข้าไปฉี่ในห้องน้ำพร้อมกัน เด็กอังกฤษฉี่เสร็จก็ล้างมือ เด็กอเมริกันฉี่เสร็จก็ไม่ล้างมือเดินออกจากห้องน้ำเลย เด็กอังกฤษก็ถามเด็กอเมริกันด้วยความแปลกใจว่า "เฮ้ยยูฉี่แล้วทำไมไม่ล้างมือล่ะมันสกปรกนะ" ส่วนเด็กอเมริกันสวนตอบมาว่า "ก็พ่อแม่ไอไม่ได้สอนให้ฉี่ราดมือ เหมือนยูนี่"
     
  3. Little Duck

    Little Duck เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +1,981
    เรื่องจาก FORWARD MAIL ..

    พบกับเรื่องราวของ ' ผู้เป็นแม่' ที่น่าเศร้าใจเรื่องหนึ่ง
    ในวันที่สามของการไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี

    สมมุติว่าแกชื่อว่า...' ป้าใจ' ก็แล้วกันนะคะ
    ฉันได้รู้จักกับแกก็เพราะว่า...
    เจ้าหน้าที่ให้ฉันย้ายข้าวของออกจากโรงเรือนที่นอนมาแล้วสองคืนไปหาที่นอนใหม่
    เพราะว่าจะมีคณะของทหาร (ไม่รู้มาจากหน่วยไหน) ประมาณ 300 นาย
    ถูกส่งมาฝึกปฏิบัติกรรมฐานในบ่ายวันนั้น
    ฉันหอบของเดินมาที่โรงเรือนใกล้ ๆกัน เปิดประตูเข้าไป มองเห็นที่ว่างอยู่ จึงตรงปรี่ไปที่นั่นทันที
    และตรงนั้น มีป้าใจกำลังนอนเอามือก่ายหน้าผากอยู่
    แรก ๆ ฉันออกจะไม่ไว้ใจป้าแกนัก เพราะแกบอกว่าแกเป็นคนร่อนเร่
    ร่อนเร่ไปตามวัดต่าง ๆไปอาศัยข้าววัดกิน อาศัยที่วัดนอน...
    ออกจากวัดนั้น ไปวัดนี้ ไปเรื่อย ๆไม่มีจุดมุ่งหมาย...
    ใครบอกที่วัดไหนมีคนไปเยอะแกก็จะไปวัดนั้น เพราะนั่นหมายความว่า...
    แกจะมีข้าวกินพออิ่มรอดไปวัน ๆแน่นอน
    ยามฉันนอน ฉันก็จะระวังตัว ทั้ง ๆที่ไม่มีของมีค่าอะไรติดตัวไป
    โทรศัพท์ก็ไม่ได้พกไปจะมีก็แค่สร้อยทองที่คล้องอยู่กับคอ เส้นก็ไม่ใหญ่นัก
    สตางค์ที่พกไปพอทำบุญและใช้หนี้สงฆ์ กับซื้อหนังสือของหลวงพ่อกลับบ้าน
    อีกวันถัดมา แกก็มาบอกลาว่าจะกลับแล้ว จะติดรถไปกับเพื่อนใหม่ ที่แกมารู้จักที่นี่
    แกเปลี่ยนจากชุดขาวเป็นชุดธรรมดาเรียบร้อย รอติดรถเพื่อนแกจะไปลงแถว ๆ ลาดพร้าว
    คืนวันนั้นฉันยังเจอแกใส่ชุดขาวอีกครั้ง นอนเอามือก่ายหน้าผากเหมือนเดิน
    ฉันไม่ได้ถามหรือซักไซร้ไล่เรียงอะไรแก แต่กลับรู้สึกสงสารอย่างบอกไม่ถูก
    พลันคิดต่อตัวเองว่าในใจว่า...
    ทรัพย์สินของฉันเมีเพียงแค่นี้...ฉันก็ยังทำหวงไปได้ทำให้จิตใจตัวเองกังวลไปเปล่า ๆ
    ดูป้าแกไม่ใช่คนมือไว หรือคน 'ขี้ขอ' เลยสักนิด ฉันไม่เคยเห็นแกขอเงินใครสักคนเลย

    รุ่งเช้า หลังจากทำวัตรเช้าและทานอาหารเช้าเสร็จ
    ฉันจึงนั่งคุยกับป้าใจอย่างเป็นทางการครั้งแรก
    ' ป้าเป็นคนที่ไหนเหรอคะ'
    ' ป้าเป็นคนเพชรบูรณ์จ้ะ'
    ' ป้าไม่มีลูกบ้างเหรอคะ'
    ' ป้ามีลูกสามคน สองคนน่ะเป็นผู้ชายโตกันหมดแล้ว คนเล็กเป็นลูกสาว ป้ายกให้คนขับรถตู้ที่รู้จักกันตั้งแต่แปดขวบ'
    ' แล้วทำไมป้าไม่ไปอยู่กับลูกชายล่ะคะ ทำไมป้าต้องมาร่อนเร่อย่างนี้ด้วย'
    ป้าเงียบไปพักหนึ่งนั่งชันเข่า แล้วกอดเข่าเอาไว้ เหมือนจะหาหลักยึดร่างกายแกเอาไว้
    กันมันสั่นไหวโยกไปตามแรงสะอื้นที่แกพยายามปกปิดฉัน ด้วยการหันหน้าไปทางอื่น
    ' ป้าไปหามันแล้วมันไม่ให้ป้าอยู่ด้วย มันบอกว่าเพิ่งโดนไล่ออกจากยามมาลูกป้าตนนี้มันทำงานไม่ทนร้อก'
    ' แปลว่าเค้ากำลังตกงานเหรอคะป้า'
    ' มันได้งานใหม่แล้วเป็นยามอยู่แถวรังสิต แต่มันไม่ให้ป้าอยู่ด้วย เพราะมันเพิ่งทำงานมันบอกมันไม่มีปัญญาเลี้ยงป้าน่ะ'
    ' ดูป้าก็ไม่ใช่คนกินจุซักหน่อยเนาะแล้วลูกชายป้าอีกคนล่ะ'
    ' คนนั้นน่ะมันทำให้ป้าต้องมาร่อนเร่อยู่อย่างนี้ไงล่ะหนู'
    ' อ้าว...ทำไมเหรอคะ'
    ' ก็มันน่ะไปหุ้นกะผู้หญิงแล้วผู้หญิงเค้าโกงไปหมดเลย มันก็เลยกลับมาอยู่บ้าน กลับมาก็ไม่ทำอะไรหรอกหาเรื่องทะเลาะกับญาติคนโน้นคนนี้เค้าไปทั่ว ทะเลาะกันจนเค้าตัดไฟบ้านป้าเลยป้าขอต่อพ่วงไฟจากบ้านเค้ามาน่ะ'
    ' ทะเลาะกันรุนแรงเลยสิคะ'
    ' ฮื่อ พอเค้าตัดไฟไอ้ลูกป้าก็หนีหายไปอยู่ที่อื่น พอมันไปแล้ว ญาติ ๆ ก็มายืนด่าป้าปาว ๆที่หน้าบ้านทุกวัน ว่าเลี้ยงลูกไม่ดี ป้าก็อับอายเค้า แถมมืดลงก็มองอะไรไม่เห็นเพราะเค้าตัดไฟ ป้าก็เลยต้องออกมาร่อนเร่อย่างนี้แหละหนู มันคงเป็นกรรมเวรของป้าเองป้าเลี้ยงพวกมันมาตั้งแต่เกิด ไปทำงานก่อสร้างที่ไหน ๆ ก็ต้องหอบกระเตงมันไปป้ากินอย่างอด ๆ อยาก ๆ เพราะต้องหาให้มันกินจนอิ่มก่อนหาเงินส่งเสียให้พวกมันเรียนจนจบม. 3 พอมันโตทำงานกันได้ ป้าก็ยังต้องอด ๆ อยาก ๆเหมือนเดิม ไม่รู้นะ ว่าป้าทำกรรมทำเวรอะไรมา'

    ฟังถึงตรงนี้กลับเป็นฉันเองที่ต้องแอบเบือนหน้าหนีแก เช็ดน้ำตาที่ไหลเป็นทางป้อย ๆด้วยความสงสาร
    เออหนอ...โลกนี้ช่างขาดความยุติธรรมเสียจริง ๆทีกับฉันที่อยากจะเลี้ยงดูพ่อใจแทบขาด
    สวรรค์ก็แกล้งเอาลมหายใจพ่อของฉันไปดื้อ ๆ ซะอย่างนั้น
    แต่กับป้าคนนี้สวรรค์กลับปล่อยให้แกมีลมหายใจอยู่อย่างทุกข์ทน
    ทำไมลูก ๆของป้าจึงกลับไม่เหลียวแลเลยสักนิด...
    ทำไมพวกเค้าไม่ยินดีกับโอกาสที่ได้...โอกาสที่ฉัน หรือใครอีกหลาย ๆ คนต้องการที่จะได้รับ
    ทำไมพวกเค้าปฏิเสธโชคดีที่พวกเค้ากำลังได้รับ...โชคดี ที่ฉัน หรือใครอีกหลาย ๆ คนก็วาดหวัง
    ' แล้วป้าจะไปไหนต่อจ๊ะ'
    ' จริง ๆ ป้าก็อยากทำงานแต่ไปที่ไหน ๆ เค้าก็ไม่รับ บอกว่าป้าแก่แล้ว
    พอดีเพื่อนคนเมื่อวานที่ป้าจะกลับด้วยน่ะ เค้าให้ที่อยู่ไว้ให้ป้าไปสมัครเป็นแม่บ้านที่ปั๊มน้ำมันเพื่อนเค้าน่ะ'
    ' ดีจัง แล้วป้าจะไปยังไงล่ะคะ'
    ' พอดีเมื่อวาน รถเค้าเต็มวันนี้สาย ๆ ป้าว่าจะออกไปนั่งรถเมล์ไปกรุงเทพน่ะ'
    ' แล้วป้าไปถูกเหรอคะ'
    ' ป้าไปมาหมดทั่วประเทศแล้วไปไม่ยากร้อก แค่ลาดพร้าว 85 เอง'
    ' ฮ่ะ ๆ ป้าเก่งกว่าหนูอีกนะเนี่ยหนูยังไปกรุงเทพไม่ค่อยถูกเลย'
    ป้าแกส่งเสียงหัวเราะตามฉันพร้อมพูดว่า...
    ' ถ้าหนูอยากไปไหนบอกป้านะเดี๋ยวป้าจะพาไป'
    ฉันเหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือจะแปดโมงแล้ว ถึงเวลาปฏิบัติกรรมฐานอีกแล้ว
    ฉันจึงขอตัว ก่อนจากกันฉันหยุดคิดนิดหนึ่ง ก่อนรูดซิบกระเป๋าใบเล็กที่คล้องคออยู่ที่แสนจะหวงนักหวงหนาเมื่อคืนก่อน ฉันควักเงินออกมาแล้วยัดใส่มือแก พร้อมพูดว่า
    ' หนูช่วยป้าพอค่าเดินทางกับค่าอาหารได้แค่สองวันนะจ๊ะ'
    ป้าใจแกยกมือท่วมหัวปากก็พร่ำคำขอบคุณคำอวยพรต่าง ๆ นา
    ฉันมองเห็นใบหน้าป้าที่เปี่ยมสุข...ก่อนฉันหันหลังเดินจากป้าใจมาพร้อมน้ำตาที่เอ่อท่วมท้น...
    เงินเพียงน้อยนิดสร้างสุขให้ป้าได้ขนาดนี้เชียวหรือ
    แล้วป้าเค้าจะได้งานทำหรือเปล่านะหากไม่ได้งานทำเพราะเหตุผลเดิม ๆ
    ป้าใจแกก็ต้องเดินทางร่อนเร่ไปเรื่อย ๆ เหมือนเดิม...
    ชีวิตแกจะต้องเดินทางต่อไปอีกยาวไกลแค่ไหนนะ...
    ฉันขอภาวนา ให้ลูก ๆ ของป้าสักคนหยุดการเดินทางของ 'แม่' ของเขาด้วยการเลี้ยงดูด้วยเถอะ
    แกต้องการแค่ที่นอนและอาหารเพียงสามมื้อที่ไม่ต้องซื้อหามาด้วยราคาแพง ๆ ...แค่นั้นเอง

    [​IMG]
    ยามเด็กแม่อุ้มชู...เลี้ยงดูเจ้า
    แม่ต้องเฝ้ายามเจ้าป่วย ร้องไห้จ้า
    ต้องแบกหาม จนบ่าทรุดเลี้ยงเจ้ามา
    ทั้งการศึกษาให้แก่เจ้า...อย่างลำเค็ญ
    แม่เพียงหวังเห็นเจ้าได้เติบใหญ่
    พร้อมกับใจรักแม่ ที่ยากเข็น
    ไม่เคยขอสิ่งใดเกินจำเป็น
    เพียงทำเช่นแม่เคยทำ...กับเจ้ามา
    ลูกหลายคนแม่เลี้ยงเจ้ามาได้
    แม่คนเดียวไฉน...จึงปล่อยลำบากหนา
    ต้องเร่ร่อนนอนวัดพลัดถิ่นมา
    กินน้ำตาต่างข้าวไปวัน...วัน
    แลกข้าวแม่แต่ละมื้อ...กับบุหรี่ได้ใหมเล่า
    ที่เจ้าเฝ้าเผาพ่นเพลินอย่างสุขสันต์
    แลกที่ซุกหัวนอนให้แม่...กับน้ำจันท์
    ขอแลกมันกับค่าน้ำนมแม่...ได้ใหมเอย
    เพียงแค่นี้...ทำไมทำให้แม่ตัวเองไม่ได้นะ( ถึงกับน้ำตาไหลเลย...คิดถึงแม่จังเลย )
    ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ตค่ะ

    ถ้าคุณรักแม่ ....กรุณาส่งต่ออย่างน้อย 10 คนขอให้กุศลจงดลบรรดาลให้คุณมีความเจริญรุ่งเรืองสืบไป
     
  4. Forever In LoVE

    Forever In LoVE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,349
    ค่าพลัง:
    +3,864
    ปู่เย็น สอน

    เจ้าของกระทู้ไปตะลอนบุญ
    ซันขอแอบมานั่งกินขนมรอนะคะ​


    และร่วมไว้อาลัย แด่ ปู่เย็น ค่ะ
    -------------------------------------------------​

    ปู่เย็น สอน
    Fw Mail

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  5. malee123

    malee123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2008
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +2,843
    อ่านกระทู้ของคุณ Little Duck สะเทือนจ๋ายยย....จริง ๆ

    น้ำตาจะไหล
     
  6. ปาฏิหาริย์

    ปาฏิหาริย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +3,516
    คัดมาจากเวบ เอามาฝากให้อ่านกันครับ
    ...
    มีครอบครัวที่น่ารักอยู่ครอบครัวหนึ่ง...ครอบครัวนี้มี พ่อ แม่ และบุตรชายวัย 5 ขวบ กำลังน่ารักเลยทีเดียว เจ้าหนูเป็นเด็กที่ซนอย่างร้ายกาจและขี้สงสัยอย่างมาก

    อยู่มาวันหนึ่งเจ้าหนูก้อนึกครึ้มอกครึ้มใจอย่างไรบอกไม่ถูก ไปคว้าเอาแจกันหยกแกะสลักต้นราชวงศ์หมิง ซึ่งนั่นก็หมายความว่ามันราคาแพงมาก

    เจ้าหนูนำมาเล่นพลิกคว่ำพลิกหงาย สักพักก้อล้วงมือเข้าไปในแจกัน

    ทันใดนั้น! เจ้าหนูก็ทำตาโต ดูเหมือนจะดีใจที่ล้วงเข้าไป
    เจออะไรสักอย่าง แต่ปัญหาหาอยู่ที่ว่า เจ้าหนูจะดึงมือออกมาได้อย่างไร

    เจ้าหนูเริ่มกระสับกระส่าย พยายามดึงมือออกมาแต่ก็ไม่สำเร็จ จนต้องใช้ไม้ตายคือ "ทำไม่ได้ร้องไห้ไว้ก่อน"

    เสียงเอ็ดอึงเป็นผลให้พ่อและแม่ต้องวิ่งมาดู เมื่อมาพบเข้าต่างก็พยายามช่วยกันดึงมือของเจ้าหนูออกจากแจกันด้วย วิธีต่างๆ แต่ไม่ว่าจะน้ำมันหรือน้ำสบู่ต่างก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น

    จนสุดท้าย...

    ผู้เป็นพ่อต้องตัดใจทุบแจกันหยกราชวงศ์หมิงทิ้งเพื่อรักษามือของลูกชายเอาไว้

    เมื่อมือของเจ้าหนูหลุดจากแจกันแล้ว พ่อและแม่ก็พบว่ามือเจ้าหนูกำอะไรบางอย่างจนแน่น

    ผู้เป็นแม่จึงถามลูกชายว่า "หนูกำอะไรอยู่จ๊ะลูก ?"

    เจ้าหนูตอบพร้อมทำสีหน้าขึงขัง "ผมปล่อยมันไม่ได้หรอกครับ"

    "แล้วมันคืออะไรจ๊ะลูก?" ผู้เป็นพ่อเริ่มสงสัย

    "มันเป็นสตางค์ครับ"
    เจ้าหนูตอบพร้อมกับค่อยๆ แบมือออกอย่างทนุถนอม

    จึงปรากฏว่า...ในมือของเจ้าหนูมีเพียงเหรียญสลึงอยู่สองเหรียญ

    เจ้าหนูหารู้ไม่ว่าการที่เขาพยายามกำเหรียญเอาไว้ ทำให้ครอบครัวต้องสูญเสียของที่มีค่ากว่าเป็นพันๆ เท่า

    แล้วเพื่อนๆ ล่ะ...ขณะที่คุณกำลังใช้ชีวิตอยู่นี้ คุณกำลัง
    "กำ"อะไรไว้ในชีวิตบ้าง

    เงิน? บ้าน? งาน? รถ? ทิฐิ? ...

    แล้วสิ่งที่คุณกำอยู่ ทำให้คุณสูญเสียอะไรที่มีค่ามหาศาลไปบ้าง...

    เวลา...ครอบครัว...พ่อแม่...เพื่อน...คนที่คุณรัก....

    คุณ "กำ" อะไรอยู่ ?

    และ...คุณเลือกที่จะกำมันไว้ตลอดไป หรือจะคลายออกแล้ววางมันลงดีล่ะ ?
    <!-- End main-->
     
  7. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    เพิ่งประจักษ์ด้วยตนเองเมื่อสองวันก่อน..ว่า....
    อ้ายปริญญาเอกหนึ่งใบที่ไปร่ำเรียนมา
    ช่วยอะไรเราไม่ได้เลยยามทุกข์

    มีแต่ธรรมะของพระพุทธเจ้า และคำแนะนำ ความช่่วยเหลือ กำลังใจจากกัลยาณมิตรจากสายธรรม.. เท่านั้น ที่เป็นน้ำเลี้ยงให้บรรเทาทุกข์ผ่านพ้นมาได้

    จะปล่อยมือจากเหรียญสลึง
    และจะขายแจกันหมิงไปทำบุญ...
    สร้างบุญ...ลดกรรม...
    เพราะไม่ทราบว่าเส้นทางยังทอดยาวอีกเท่าไรค่ะ
     
  8. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    อยากร่ำ อยากรวย อยากสวยเด่น
    อยากเป็น อยากหา อยากพาฝัน
    อยากเด่น อยากดัง อยากมัน
    อยากผัน ตัวเอง เป็นดารา

    ความอยากคน ไม่มี ที่สิ้นสุด
    ต่างคนจุด ไฟเท่ห์ เสน่หา
    วิ่งไล่ตาม กันไป ในมายา
    อนิจจา พาจิตใจ ไกลความจริง

    หยุดก่อน หยุดก่อน หยุดก่อน
    หยุดผ่อน ดูใจ ไว้น้องหญิง
    หยุดสักนิด ให้ความคิด ได้ชิดพิง
    แล้วความจริง จะปรากฏ หมดมายา

    หากเหนื่อยนัก ก็พักลง ตรงนี้ก่อน
    เอนตัวนอน อ่อนพับ หลับเถิดหนา
    ที่ใจนี้ ดนตรีพร้อม กล่อมนิทรา
    ตื่นขื้นมา พายิ้มรื่น ชุ่มชื่นใจ
     
  9. Forever In LoVE

    Forever In LoVE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,349
    ค่าพลัง:
    +3,864
    หลังพบภัยพิบัติ

    [​IMG]


    หลังพบภัยพิบัติ

    ที่ภูเขาแห่งหนึ่งมีชายตัดฟืนคนหนึ่ง ได้สร้างบ้านด้วยตัวเองอย่างยากลำบาก
    ที่สุดก็ได้บ้านที่พอคุ้มลมและฝนได้หลังหนึ่ง

    วันหนึ่งเขาหาบฟืนไปส่งขายในเมือง ขณะเมื่อเขากลับบ้านในช่วงเย็น
    ก็เห็นไฟกำลังลุกไหม้บ้านของเขาอยู่ ชาวบ้านใกล้เรือนเคียงต่างก็เข้ามา
    ช่วยกันดับไฟ แต่เนื่องจากเป็นช่วงเวลาเย็น ลมจึงโหมแรงกว่าปกติ
    ดังนั้นจึงยากที่จะดับไฟที่ลุกโชนลงได้ จึงได้แต่ยืนมองอยู่ข้างๆ
    ปล่อยให้ไฟลุกไหม้จนหมดทั้งหลังต่อหน้าต่อตา

    เมื่อไฟดับมอดลงแล้ว ก็เห็นชายตัดฟืนนั้น ถือกระบองไม้เข้าไป
    ในซากบ้านนั้นแล้วคุ้ยหาสิ่งของอยู่ บรรดาคนที่มามุงดู นึกว่าเขา
    คงจะคุ้ยหาสิ่งมีค่าที่แอบซ่อนไว้ จึงยืนมองดูการกระทำของเขา
    ด้วยความแปลกใจ

    ผ่านไปเพียงชั่วครู่ ชายตัดฟืนคนนั้นร้องออกมาอย่างดีใจว่า
    “ข้าหาเจอแล้ว ข้าหาเจอแล้ว” เพื่อนบ้านทั้งหลายจึงเข้าไปดู
    ที่แท้สิ่งที่อยู่ในมือนั้นคือขวานนั่นเอง ไม่ได้เป็นของมีค่าแต่อย่างใด
    ชายตัดฟืนนั้นเอาด้ามไม้เสียบลงไปในหัวขวาน แล้วพูดอย่างเชื่อมั่นว่า
    “ขอเพียงมีขวานเล่มนี้ ข้าก็จะสามารถสร้างบ้านที่แข็งแรง
    และทนทานได้มากกว่านี้”

    คนที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยประสบความล้มเหลวมาก่อน
    แต่เมื่อหลังจากผ่านความล้มเหลวแล้ว
    ยังสามารถดิ้นรนขวนขวายเข้าไปหาหนทางทางแห่งความสำเร็จได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2008
  10. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    หลายคนที่มีความเชื่อในเรื่องโชคลาง
    เช่นเรื่องต้นไม้ที่เหมาะกับคนเกิดวันนั้น
    อาหารที่เหมาะกับคนที่เกิดปีนี้
    สีที่ดีสำหรับคนราศีโน้น
    ทุกวันนี้แม้แต่รถที่วิ่งอยู่ตามท้องถนนก็ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับโชคลางให้เห็นๆ

    รถสีทอง ติดป้ายหลังรถว่า รถคันนี้สีแดง
    รถสีดำ ติดป้ายหลังรถว่า รถคันนี้สีน้ำเงิน
    รถสีแดง ติดป้ายหลังรถว่า รถคันนี้สีเขียว
    รถสีน้ำเงิน ติดป้ายหลังรถว่า รถคันนี้สีชมพู

    คงยังไม่มีเงินไปทำสีให้เข้ากับราศีของตนละมั้ง
    เลยติดป้ายไว้ก่อนก็ยังดี เมื่อวานก็ไปเจอเข้าอีกคัน

    รถสีขาว ติดป้ายหลังรถว่า รถคันนี้ศรีทนได้
     
  11. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    อีกสามวันจะถึงวันแต่งงานของน้าสาวของนู๋น้อยวัยเจ็ดขวบ
    นู๋น้อยโทรศัพท์คุยกับคุณแม่ที่อยู่ต่างจังหวัดและกำลังจะเดินทางไปร่วมงานแต่งของน้องสาว
    คุณแม่ : ซีช่วยคุณน้าทำอะไรบ้างจ๊ะ
    น้องซี : ซีช่วยจับดอกไม้ เป็นช่อๆ ค่ะ มีเต็มเลย
    คุณแม่:แล้วทำอะไรอีกจ๊ะ
    น้องซี: ช่วยเลือกชุดให้คุณน้าด้วยค่ะ ชุดสวยมากฝีมือเลือกของซีเอง
    ........ แล้วคุณแม่จะมาถึงเมื่อไหร่ค่ะ
    คุณแม่: พรุ่งนี้ตอนเย็นๆ จ้า
    น้องซี: คุณแม่ค่ะ น้องซีจะเป็นตัวเงินตัวทองให้คุณน้าด้วยค่ะ
    คุณแม่: !?!?!?!?!?!?!?!?!?!?!?!?!?!?!?!?!?
    .........คุณแม่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก
    .........ไม่ใช่ตัวเงินตัวทองลูก เป็นประตูเงินประตูทอง
    น้องซี : ค่ะประตูเงินประตูทอง (แม่นู๋น้อยยิ้มร่า แอบเห็นผ่านโทรศัพท์)
    ........ คุณแม่ค่ะน้องซีเห็นคุณน้าทำกล่องรับบริจาคเป็นรูปหัวใจสีแดงอันเบ่อเร้อเลยค่ะ
    คุณแม่ :!?!?!?(พอนึกได้คุณแม่ก็หัวเราะคิ๊กเลย)
    .........ไม่ใช่กล่องรับบริจาคจ้าน้องซี เป็นกล่องสำหรับผู้มาร่วมงานเอาไว้ใส่เงินช่วยในงานแต่งงานคุณน้าจ๊ะ
    น้องซี : นั่นแหละค่ะคุณแม่ เดี๋ยวน้องซีไปช่วยคุณน๊าเลือกของขวัญก่อนนะคะ
    คุณแม่มาเร็วๆนะ
    ;aa21
     
  12. ปาฏิหาริย์

    ปาฏิหาริย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +3,516
    A son says to his father: 'Dad, would you be willingly to run a marathon with me?'

    วันนึงลูกชายได้พูดกับพ่อของเขาว่า 'พ่อครับ พ่อจะไปวิ่งมาราธอนกับผมได้ไหม'

    The father, despite his age and a heart disease, says
    'YES'.

    ถึงแม้ว่าตัวคุณพ่อเองจะอายุมากแล้ว แถมยังเป็นโรคหัวใจ เขาเลือกที่จะตอบลูกของเขากลับไปว่า
    'ได้ซิลูก'

    And they run that marathon, together.
    หลังจากนั้นทั้งสองก็วิ่งมาราธอนด้วยกัน

    The son asks: 'Dad, can you run another marathon with me?' Again father says
    'YES'.

    อีกวันนึง ลูกชายได้ถามพ่อของเขาอีกครั้งว่า 'พ่อครับ พ่อจะวิ่งมาราธอนกับผมอีกครั้งได้ไหม' แน่นอนว่า พ่อตอบกลับไปว่า
    'ได้ซิลูก'

    They run another marathon, together.
    เขาทั้งสองก็ได้วิ่งมาราธอนรายการอื่นอีกครั้งด้วยกัน

    One day the son asks his father:
    'Dad, would please do the Iron Man with me?'

    และอีกวันนึง ลูกชายก็ถามพ่อของเขาอีกครั้งว่า
    'พ่อครับพ่อจะลงแข่ง Iron Man กับผมได้ไหม'

    Now just in case you wouldn't know, 'The Iron Man' is the toughest triatlon in existance; 4km swimming, then 180 km by bike, and finaly another 42 km running, in one stroke.

    (สำหรับคนที่ไม่รู้ว่า Iron Man คืออะไร มันก็คือไตรกีฬานั่นเองในภาษาไทย รายการนี้จะรวมมนุษย์เหล็กจากทั่วโลกมาแข่งขันกันโดยแบ่งออกเป็น ว่ายน้ำ 4 กิโล ปั่นจักรยาน 180 กิโล และ วิ่ง 42 กิโล โดยไม่มีการหยุดพัก ใครเข้าเส้นชัยก่อนเป็นผู้ชนะ)

    Again father says
    'YES'
    และก็อีกครั้งหนึ่งที่ผู้เป็นพ่อไม่ได้ตอบปฏิเสธ
    'ได้ซิลูก'

    Maybe this doesn't 'touch' you yet by heart ... until you see this movie (put on sound!):

    บางทีบทสนทนานี้คุณอาจจะยังไม่เข้าใจ และยังไม่เกิดความประทับใจกับมัน
    ...จนกระทั่งคุณได้ดูคลิปต่อไปนี้

    http://www.youtube.com/watch?v=VJMbk9dtpdY
     
  13. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ;aa8-love mode-

    LOVE IS THE ONLY ANSWER
    LOVE IS THE BEST POWER
    LOVE IS THE HIGHEST ENERGY
    LOVE IS THE LOVE ONLY
    ..................................NAHH
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2008
  14. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    Forward mail

    Re think...หวนคิดสักนิด เพราะสะกิดแรกมักผิวเผิน

    "ไฟเขียวแล้ว ทำไม่ยังไม่ออกรถวะ ทำบ้าอะไรอยู่อีกล่ะ"
    ข้าพเจ้าต้องกดแตรไล่ อย่างมีอารมณ์ไปสองครั้ง
    กว่ารถคันหน้าจะเคลื่อนออกไปได้เหมือนเพิ่งตื่น

    "บ้านเมืองเรายุ่งก็เพราะไอ้คนพวกนี้แหละ
    ไฟแดงจะผ่า ไฟเขียวดันหยุด ตาบอดสียังมาขับรถ"
    ข้าพเจ้ายังคงสงบไม่ลง บ่นกับเพื่อน(สาว)ข้างๆ
    อย่างกะข้าพเจ้าเป็นคนที่ขับรถดีที่สุดในโลก

    แปร๊น แปร๊น แปร๊น แปร๊น!!!
    "กดทำเห้... อะไรวะ"

    มีเสียงแตรรถไล่เตื่อนจากข้างหลัง ข้าพเจ้าพลันตื่นจากพะวังค์
    มองอีกที่ไฟเขียวแล้วจริงๆ จึงต้องรีบออกรถอย่างเสียไม่ได้

    เมื่อวานแม่ป่วยหนักเข้าห้องไอซียู
    กำลังปรึกษากับพี่ชายว่าจะให้แม่เข้ารับการผ่าตัดดีมั๊ย
    ใจหนึ่งก็กังวลว่าท่านอายุมากแล้วจะมีอันตราย
    แต่หากไม่ผ่าตัดอาการต้องทรุดหนักลงแน่ๆ จะเอายังไงดีนะ

    เมื่อตะกี้ที่ไม่เห็นไฟแดงก็เพราะกังวลในเรื่องนี้หรอก
    รถคันหลังก็ช่างกะไรไม่มีน้ำใจบ้างเลย ทำยังกะจะไปเกิดใหม่
    ตอนนั้นข้าพเจ้าขับอยู่คนเดียว ไม่มีเพื่อน(สาว)เหมือนครั้งก่อน
    แต่ก็ยังอดพึมพำอยู่คนเดียวไม่ได้

    คนเราก็อย่างนี้แหละคิดเพื่อตัวเองเสมอ
    จนกว่าจะรู้แจ้งในธรรม

    เคยอ่านเจอเรื่องหนึ่งในหนังสือผู้เขียนเล่าว่า
    ตอนนั้นเขากำลังอยู่ในรถไฟใต้ดินในนิวยอร์ก
    มีเด็กชายคนหนึ่งทั้งร้องไห้ทั้งแผดเสียงเป็นที่หน้ารำคาญ
    แต่คนข้างๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นพ่อของเด็กกลับนั่งนิ่งอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
    คนอื่นในรถต่างรู้สึกรำคาญ แต่ไม่มีใครกล้าออกมาปราม
    จนผู้เขียนต้องทำตัวเป็นฮีโร่ออกหน้าซะเอง
    "นี่คุณไม่เห็นเหรอว่าเด็กมันทำตัวหนวกหูชาวบ้านเค้า ดูแลซะบ้างสิ"
    ชายผู้นั้นเหมือนเพิ่งได้สติ
    "โอ๊ะ ขอโทษครับ แม่ของเด็กเพิ่งเสียชีวิตที่โรงพยาบาลเมื่อสองชั่วโมงที่ผ่านมานี่เอง
    ผมกำลังนึกไม่ออกว่าจะทำยังไรต่อไปดี ต้องขอโทษด้วยครับ"

    ทันใดนั้น กลายเป็นผู้เขียนที่รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากกับความโหดร้ายของตัวเอง
    พวกเราส่วนใหญ่มักชอบตำหนิคนอื่น มักจะนึกว่าคนอื่นไม่มีเหตุผล ไม่ยอมเข้า
    ใจเรา "เอาใจเขามาใส่ใจเราฟังดูง่าย" แต่แท้จริงแล้วปฏิบัติยากมาก

    แต่พวกเราก็ไม่ควรที่จะเสียกำลังใจ เพราะยังไงๆ พวกเรายังก็เป็นปุถุชนธรรม
    การ "ปรุงแต่ง" ในสะกิดแรกเป็นเรื่องธรรมดา แต่ตอนที่จะโต้ตอบ
    ลองหวนคิดสักนิด บางทีคู่กรณีอาจกำลังเข้าจุดอับหรืออยู่ระหว่างทางหลายแพร่ง
    ที่โหดร้ายที่สุดในชีวิตก็เป็นได้


    หวนคิดอีกนิด เพราะสะกิดแรกมักผิวเผิน
    สะกิดแรกมักเป็นการปรุงแต่งจากสังขารที่มีอยู่เดิม
    จึงมักผิวเผินสร้างความเข้าใจผิดได้ง่าย
    หากหวนคิดอีกนิด เราอาจช่วยคู่กรณีคิดหาเหตุผล
    บางทีพอความคิดผ่อนคลาย ความโกรธก็จางหายไป
    การแกร่งแย่งเอาชนะที่ไม่จำเป็นก็อาจไม่เกิดขึ้น


    อืมคราวหน้าหากติดไฟแดงที่สี่แยกอีก ข้าพเจ้าจะอดทนขึ้นอีกนิด
    เพราะบางทีเจ้าของรถคันหน้าอาจกำลังมีมรสุมชีวิตที่สาหัสสากรรจ์
    อย่างที่เราคาดไม่ถึงก็ได้

    ถอดความจากมองโลกที่ขัดแย้งด้วยอารมณ์ขัน
    ตอนนี้พอข้าพเจ้าเห็นคนขับรถคันหน้าโทรศัพท์ขณะขับรถ
    ข้าพเจ้ามักจะนึกว่าเขาคงกำลังเดือดร้อน คงโทรบอกญาติๆ ให้ช่วย
    จองเมรุที่วัดใดวัดหนึ่ง เพราะมีญาติผู้ใหญ่ที่เพิ่งเสียชีวิตไปก็เป็นได้...
     
  15. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    Forward Mail
    เรื่องเล่าจากในวัง
    อ่านแล้วอ่านอีกก็ยังไม่เบื่อ
    ผมมีเรื่องที่จะเล่าให้ฟังอยู่เหตุการณ์หนึ่งซึ่งเป็นเรื่องจริงเหตุการณ์เกิดทีจังหวัดตาก
    เมื่อพระเทพทรงเสด็จไปเยี่ยมราษฏรตามที่ต่างๆ
    และได้ทรงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนในตลาดสด
    และถามความเป็นอยู่กับบรรดาแม่ค้าในตลาด แต่ก็มาถึงแม่ค้าปลา
    ซึ่งพระองค์ทรงตรัสถามว่า 'ปลาพวกนี้ขายอย่างไงจ๊ะ'
    แม่ค้าตอบว่า 'ที่สวรรคตแล้ว กิโลละ 40 บาท และที่เสด็จไปเสด็จมากิโลละ 80 บาทจ๊ะ'
    เหตุการณ์นี้ ทำให้ข้าราชบริพารที่ตามเสด็จหัวเราะกันทุกคน
    ---------------------------------------
    เช้าวันหนึ่ง เวลาประมาณ 7 โมงเช้า
    นางสนองพระโอษฐ์ของฟ้าหญิงองค์เล็ก ได้รับโทรศัพท์เป็นเสียงผู้ชาย
    ขอพูดสายกับฟ้าหญิง ทางนางสนองพระโอษฐ์ ก็สอบถามว่าใครจะพูดสายด้วย
    ก็มีเสียงตอบกลับมาว่า คนที่แบงค์
    นางสนองพระโอฐก็ งง...งง ว่าคนที่แบงค์ทำไมโทรมาแต่เช้า แบงค์ก็ยังไม่เปิ
    ดนี่หว่า
    แต่พอฟ้าหญิงรับโทรศัพท์แล้วถึงได้รู้ว่า คนที่แบงค์น่ะ
    ก็ที่แบงค์จริงๆนะ ไม่เชื่อเปิดกระเป๋าตังค์
    แล้วหยิบแบงค์มาดูสิ ............ ขนลุกเลย ทรงตรัสกับในหลวงท่านอยู่นั่นเอง
    ------------------------------------
    อีกครั้งหนึ่งที่ภาคอีสาน
    เมื่อเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบนบ้านของราษฎรผู้หนึ่ง
    ที่คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายออกแปลกใจในการกราบบังคมทูล
    ที่คล่องแคล่วและใช้ราชาศัพท์ได้อย่างน่าฉงน
    เมื่อในหลวงมีพระราชปฏิสันถารถึงการใช้ราชาศัพท์ได้ดีนี้ จึงมีคำกราบทูลว่า
    'ข้าพระพุทธเจ้าเ ป็นโต้โผลิเกเก่าบัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำสวนพระ
    พุทธเจ้า..'
    มาถึงตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้ที่ชานเรือน
    ก็ทรงตรัสถามว่า เป็นนกอะไรและมีกี่ตัว..
    พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูลว่า
    มีทั้งหมดสามตัว พระมเหสีมันบินหนีไป
    ทิ้งพระโอรสไว้สองตัว ตัวหนึ่งที่ยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลย
    และทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว'
    เรื่องนี้ ดร.สุเมธเล่าว่าเป็นที่ต้องสะกดกลั้นหัวเราะกันทั้งคณะไม่ยกเว้นแม้

    ในหลวง
    -------------------------------- -----
    เมื่อครั้งท่านพระชนม์มายุ 72 พรรษา มีการผลิตเหรียญที่ระลึกออกมาหลายรุ่น
    เจ้าของกิจการนาฬิกายี่ห้อหนึ่งได้ยื่นเรื่องขออนุญาตนำพระบรมฉายาลักษณ์
    ของท่านมาประดับที่หน้าปัดนาฬิกาเป็นรุ่นพิเศษ
    ท่านทราบเรื่องแล้วตรัสกับเจ้าหน้าที่ว่า
    'ไปบอกเค้านะเราไม่ใช่มิกกี้เมาส์'
    --------------------------------------
    เรื่องการใช้ราชาศัพท์กับในหลวง ดูจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครต่อใครเกร็งกันทั้งแผ่น
    ดิน และไม่เว้นแม้กระทั่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่
    ที่ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายรายงาน
    ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนมีข้าราชการระดับสูงผู้หนึ่งกราบบังคมทูลรายงาน
    ว่า 'ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม
    ข้าพระพุทธเจ้าพลตรีภูมิพลอดุลยเดช ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต
    กราบบังคมทูลรายงาน ฯลฯ'
    เมื่อสิ้นคำกราบบังคมทูลชื่อในหลวงทรงแย้มพระสรวล อย่างมีพระอารมณ์ดี

    และไม่ถือสาว่า
    'เออ ดี เราชื่อเดียวกัน...'
    ข่าวว่าวันนั้นผู้เข้าเฝ้าต้องซ่อนหัวเราะขำขันกันทั้งศาลาดุสิดาลัย
    เพราะผู้รายงานตื่นเต้นจนจำชื่อตนเองไม่ได้
    -----------------------------------
    มีอยู่ครั้งหนึ่งทรงเสด็จไปพระราชทานปริญญาบัตรให้กับนักศึกษา
    ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในระหว่างที่ทรงเปลี่ยนในครุย
    ทรงโปรดสูบมวนพระโอสถ แต่ว่าทรงหาที่จุดไม่ได้ ทางอธิการบดีซึ่งเฝ้าอยู่ก็จุด
    ไฟให้พร้อมทูลว่า 'ถวายพระเพลิงพระเจ้าข้า'
    ในหลวงทรงชะงัก ก่อนจะแย้มสรวลน้อยๆ กับอธิการบดีว่า
    'เรายังไม่ตายถวายพระเพลิงไม่ได้หรอก'
    ------------------------------------
    เคยมีเรื่องเล่าให้ฟังว่า ในหลวงเสด็จไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อเยี่ยมเยียนราษฎร
    อยู่ครั้งหนึ่งพระองค์ท่านทรงแจกพระเครื่องให้กับราษฎรจนหมดแล้ว
    แต่ราษฎรผู้หนึ่งกราบบังคมทูลขอรับพระราชทานพระเครื่องว่า
    'ขอเดชะ ขอพระหนึ่งองค์'
    ในหลวงทรงตรัสว่า
    'ขอเดชะ พระหมดแล้ว '
    ------------------------------------
    วันหนึ่งพระองค์ท่านเสด็จเยี่ยมเยียนพสกนิกรของท่านตามปกติที่ต่างจังหวัด
    ก็มีชาวบ้านมาต้อนรับในหลวงมากมาย
    พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาตามลาดพระบาท
    ที่แถวหน้าก็มีหญิงชราแก่คนหนึ่งได้ก้มลงกราบแทบพระบาท
    แล้วก็เอามือของแกมาจับพระหัตถ์ของในหลวง แล้วก็พูดว่า
    'ยายดีใจเหลือเกินที่ได้เจอในหลวง'
    แล้วก็พูดว่า ยายอย่างโน้น ยายอย่างนี้ อีกตั้งมากมาย
    แต่ในหลวงก็ทรงเฉยๆ มิได้ตรัสรับสั่งตอบว่ากระไร
    แต่พวกข้าราชบริพารก็มองหน้ากันใหญ่ กลัวว่าพระองค์จะทรงพอพระราชหฤหัย

    หรือไม่
    แต่พอพวกเราได้ยินพระองค์รับสั่งตอบว่ากับหญิงชราคนนั้น
    ทำให้เราถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว เพราะพระองค์ทรงตรัสว่า
    'เรียกว่ายายได้อย่างไร อายุอ่อนกว่าแม่ฉันตั้งเยอะ ต้องเรียกน้าซิถึงจะถูก'
    -------------------
    ครั้งหนึ่งหลายๆ ปีมาแล้ว
    พระเจ้าอยู่หัวทรงประชวรนิดหน่อยเกี่ยวกับพระฉวีมีพระอาการคัน
    มีหมอโรคผิวหนังคณะหนึ่งไปเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายการรักษา
    คุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโรคผิวหนังแต่ไม่ได้เชี่ยวชาญทางราชาศัพท์
    ก็กราบบังคมทูลว่า 'เอ้อ - ทรง... อ้า-ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ
    อ้า-ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ'
    พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระสรวล ตรัสว่า 'ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนี่จะท้องได้ยังไง'
    แล้วคงจะทรงพระกรุณาว่า หมอคงจะไม่รู้ราชาศัพท์ทางด้านอวัยวะร่างกายจริงๆ
    ก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตว่า เอ้า พูดภาษาอังกฤษกันเถอะ
    เป็นอันว่าก็กราบบังคมทูลซักพระอาการกันเป็นภาษาอังกฤษไป
    ------------------------------
    เรื่องนี้รุ่นพี่ที่จุฬาฯเล่าให้ฟังว่า
    มีอยู่ปีนึงที่ในหลวงทรงเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร
    อธิการบดีอ่านรายชื่อบัณฑิตแล้วบังเอิญว่า มีเหตุขัดข้องบางประการ
    ทำให้อ่านขาดตอน ก็ต้องรีบหาว่าอ่านรายชื่อไปถึงไหนแล้ว
    ปรากฏว่าในหลวงท่านทรงจำได้ ท่านเลยตรัสกับอธิการไปว่า
    'เมื่อกี้นี้ (ชื่อ....) เค้ารับไปแล้ว'
    และมีอีกปีนึงขณะที่พระราชทานปริญญาบัตรอยู่ดีๆ ไฟดับไปชั่วขณะ...
    ทำให้บัณฑิตคนหนึ่งพลาดโอกาสครั้งสำคัญในการถ่ายรูป
    พอในหลวงทรงพระราชทานปริญญาบัตรเรียบร้อยแล้ว
    ก่อนที่จะให้พระบรมราโชวาท
    ท่านทรงให้อธิการบดีเรียกบัณฑิตคนนั้นมารับพระราชทานอีกครั้ง
    เพื่อจะได้มีรูปไว้เป็นที่ระลึก ตื้นตันกันถ้วนทั่วทั้งหอประชุม
    ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2008
  16. Forever In LoVE

    Forever In LoVE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,349
    ค่าพลัง:
    +3,864
    ..

    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/VJMbk9dtpdY&hl=en&fs=1 width=425 height=344 type=application/x-shockwave-flash allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always">​


    ขออนุญาตพี่ปาฏิหาริย์ นะคะ ...เอาตัวคลิปมาแปะให้ดูเลย

    ประทับใจมากค่ะ

    ใครยังไม่ได้หลั่งน้ำตากันมั่งคะเนี่ย Y_Y

    I CAN ...

    .
    </EMBED>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2008
  17. ปาฏิหาริย์

    ปาฏิหาริย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +3,516
    เด็กที่ไม่เก่งคณิตศาสตร์ อาจจะมีความสามารถในการใช้ภาษาดี

    เด็กที่ไม่เก่งทั้งคณิตศาสตร์ และภาษา อาจเป็นเลิศทางศิลปะ

    เด็กที่ไอคิวปกติ อาจเป็นอัจฉริยะทางกีฬา

    เด็กที่ไอคิวต่ำกว่าปกติ อาจเป็นอัจฉริยะทางดนตรี

    เด็กที่ไอคิวสูง ก็อาจไม่มีเรื่องใดโดดเด่นเลย

    เด็กที่ไม่เก่งทั้งคณิตศาสตร์ ภาษา ดนตรี กีฬา และศิลปะ

    ก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข มีเพื่อนฝูงมากมาย ได้เช่นกัน
     
  18. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    จริงด้วยค่ะ ทุกวันนี้ใครๆ ก็พูดกันถึงแต่ความเป็นอัจฉริยะ
    บ้านไหนมีอัจฉริยะสักคนก็เป็นที่เชิดหน้าชูตา
    วิถีชีวิตที่แก่งแย่งแข่งขันกันทุกวันนี้ ทำให้ทุกคนต้องดิ้นรน
    ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็กที่เพิ่งลืมตาออกมาดูโลกได้ไม่กี่วัน
    ดิ้นรนเพื่อชัยชนะ ดิ้นรนเพื่อความเป็นเลิศ ดิ้นรนเพื่อความเป็นที่หนึ่ง
    เพราะมันกลายเป็นจุดขายที่สังคมยอมรับ แล้วสังคมยอมรับการขายอะไร?
    ก็ขายความเป็นอัจฉริยะ ที่มาจากการดิ้นรน
    ไม่ใช่อัจฉริยะที่เกิดจากจิตวิญญาณ หรือเกิดจากความรัก
    แล้วความหมายจริงๆ ของคำว่า อัจฉริยะคืออะไร?
    โดยทั่วไปก็จะคิดว่า อัจฉริยะ คือความโดดเด่น
    ความเก่ง ความเป็นเลิศในด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งหลายต่อหลายคน
    พยายามบีบบังคับ อัด กด ดัน สิ่งที่เรียกว่าอัจฉริยะ
    เข้าไปในร่างกาย เข้าไปมันสมองน้อยๆนั้น พวกเขาคงลืมไปแล้วว่า...
    การใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย และมีความสุขกับการมีชีวิตอยู่
    มีความรักให้กับสิ่งที่ทำ นั่นก็คือความเป็นอัจฉริยะ ที่หาได้น้อยคนนักที่จะทำได้
     
  19. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ลำนำส่งใจ

    ดวงใจประสาน ส่งผ่านถึงหัวใจ
    ร้อยจิตรวมใจ ส่งไปให้เธอผู้เป็นที่รัก
    ด้วยพลังรัก ด้วยหวังเสมอแจ้งประจักษ์
    ส่งใจให้เธอ ส่งเธอผู้เป็นที่รัก ส่งเธอถึงจันทร์

    ดนตรีแห่งน้ำ ทำนองแห่งสายลม
    จังหวะอารมณ์ ผสมดินน้ำกับแสงตะวัน
    ขับกล่อมวิญญาณ ส่งเธอสู่สุดฝากแห่งฝัน
    ส่งใจให้กัน ส่งเธอผู้เป็นที่รัก สู่สวรรค์แดนบน


    ส่งเธอผู้สูงศักดิ์ ด้วยความรักอันยิ่งใหญ่
    ส่งเธอสู่ฟากฟ้าแดนไกล ด้วยดวงใจอันศรัทธาเปี่ยมล้น
    ส่งเธอด้วยรัก ด้วยพลังอันแรงแกร่งกล้ากมล
    ส่งเธอด้วยคน ด้วยใจนำพา ส่งเธอสู่ฟ้าใสสวยงาม
    ..................................................ณ.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤศจิกายน 2008
  20. ปาฏิหาริย์

    ปาฏิหาริย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +3,516
    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]

    HUMAN BEINGS ARE SUCH SMALL CREATURES, AREN'T THEY?

    SO DON'T BE TOO WORRIED ABOUT EVERYTHING,
    TREASURE EVERY MOMENT
    , DO WHAT YOU WISH TO DO.....
    BROADEN YOUR VIEW, BROADEN YOUR MIND,

    DON'T WORRY TOO MUCH
    ABOUT THINGS THAT ARE BOTHERING YOU,

    DO
    TREASURE YOUR LOVED ONES, LIVE SAFELY AND PEACEFULLY ,
    ALWAYS BE HAPPY TO WELCOME THE COMING OF THE NEW DAY....... ENJOY THE SUNSHINE ...
    ALWAYS LOOK AT THE BRIGHTER SIDE OF THINGS.....
     

แชร์หน้านี้

Loading...