เหตุการณ์ใน-นอกโลก VS ภัยธรรมชาติ และupdate พายุสุริยะ

มารู้จักสนามแม่เหล็กโลกกัน

สนามแม่เหล็กโลก

​

Image credit: http://liftoff.msfc.nasa.gov/academy/space/Magnetosphere.GIF ​

สนามแม่เหล็กโลก (Magnetosphere) ​

สนาม แม่เหล็กโลกเกิดจากการกระบวนการไดนาโมของโลก กล่าวคือโลหะหนักที่มีสถานะเป็นของเหลวที่อยู่ในแกนโลกมีการหมุนวน ทำให้เกิดสนามแม่เล็กที่เอียงทำมุมประมาณ 10 องศาจากแกนหมุนของโลก ที่ผิวโลกมีความเข้มของสนามแม่เหล็กโลกประมาณ 30,000 - 60,000 นาโนเทสลา และความเข้มจะค่อยๆ ลดลงเมื่ออยู่ห่างจากผิวโลกมากขึ้น ​

​

รูปแสดงสนามแม่เหล็กโลกและแมกนีโตสเฟียร์ ​

Image credit: http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/f/f3/Magnetosphere_rendition.jpg ​

ขั้วแม่เหล็กแบ่งออกได้เป็นสองแบบ คือ ​

1. ขั้วแม่เหล็ก (magnetic poles) ​

2. ขั้วแม่เหล็กโลก (geomagnetic poles) ​

ขั้ว แม่เหล็กคือตำแหน่งบนโลกที่สนามแม่เหล็กโลกมีทิศทางในแนวดิ่ง กล่าวได้อีกอย่างหนึ่งว่า ความเอียงของสนามแม่เหล็กโลกที่ขั้วแม่เหล็กเหนือมีค่าเป็น 90 องศา ในขณะที่ความเอียงของสนามแม่เหล็กโลกที่ขั้วใต้มีค่าเป็น -90 องศา ดังนั้นเมื่อเอาเข็มทิศปกติ (ซึ่งปกติจะหมุนได้เฉาะในแนวขวาง) ไปไว้ที่ขั้วแม่เหล็กเหนือหรือขั้วแม่เหล็กใต้ มันจะหมุนแบบสุ่มแทนที่จะชี้ไปทิศเหนือ ​

สนาม แม่เหล็กโลกอาจประมาณได้ว่าเป็นสนามแบบไดโพล ซึ่งไดโพลนั้นมีตำแหน่งอยู่ที่ใจกลางโลก และไดโพลนั้นก็เป็นแกนของสนามแม่เหล็กโลกด้วย เนื่องจากสนามแม่เหล็กโลกไม่ได้เป็นไดโพลแบบสมบูรณ์ จึงทำให้ขั้วแม่เหล็กกับขั้วแม่เหล็กโลกอยู่คนละตำแหน่งกัน ​

​

​

รูปแสดงสนามแม่เหล็กโลก เปรียบเทียบกับแท่งแม่เหล็ก ​

Image credit: http://hyperphysics.phy-astr.gsu.edu/hbase/magnetic/imgmag/mearthbar.gif ​

ตำแหน่ง ของขั้วแม่เหล็กไม่ได้อยู่นิ่งกับที่ แต่จะเคลื่อนไปประมาณ 15 กิโลเมตรต่อปี เนื่องจากสนามแม่เหล็กโลกมีการเปลี่ยนแปลงขนาดและตำแหน่งอยู่ตลอด ขั้วแม่เหล็กทั้งสองมีการเคลื่อนตัวตลอดเวลา และไม่ขึ้นแก่กัน ปัจจุบันขั้วแม่เหล็กใต้อยู่ห่างจากขั้วโลกมากกว่าที่ขั้วแม่เหล็กเหนืออยู่ ห่างจากขั้วโลก ​

บริเวณที่ล้อมรอบวัตถุท้องฟ้า (astronomical objects) ที่เกิดจากสนามแม่เหล็กของตัวมันเองเรียกว่า แมกนีโตสเฟียร์ (magnetosphere) โลกของเราก็มีแมกนีโตสเฟียร์ และดาวเคราะห์ที่มีสนามแม่เหล็ก (magnetized planets) อื่นๆ เช่น ดาวพฤหัส ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน นอกจากนี้เทหวัตถุท้องฟ้า (celestial objects) เช่น ดาวแม่เหล็กก็มีแมกนีโตสเฟียร์เช่นกัน รูปร่างลักษณะของแมกนีโตสเฟียร์ของโลกนั้น จะเป็นผลมาจากสนามแม่เหล็กโลก ลมสุริยะ และ สนามแม่เหล็กระหว่างดาวเคราะห์ ภายในแมกนีโตสเฟียร์ จะมีไอออนและอิเล็กตรอนจากทั้งลมสุริยะ และชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์ของโลก ซึ่งถูกกักโดยสนามแม่เหล็กและสนามไฟฟ้า ​

​

รูปแสดง magnetosphere ​

Image credit: http://space.rice.edu/IMAGE/livefrom/5_magnetosphere.jpg ​

ขอบ ของแมกนีโตสเฟียร์ของโลกด้านที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์นั้นจะอยู่ห่างจากโลก ประมาณ 70,000 กิโลเมตร (ประมาณ 10 - 12 เท่าของรัศมีโลก) ส่วนด้านที่อยู่ไกลจากดวงอาทิตย์จะมีลักษณะยืดออกไปคล้ายทรงกระบอกและมี ขอบอยู่ห่างจากโลกประมาณ 20 - 25 เท่าของรัศมีโลก ส่วนที่เป็นหาง (magnetic tails) นั้น อยู่ห่างจากโลกไปถึง 200 เท่าของรัศมีโลก ที่บริเวณห่างจากโลกประมาณ 4 - 5 เท่าของรัศมีโลก ยังมีพลาสมาบางๆ ที่ประกอบด้วยอะตอมของไฮโดรเจน และฮีเลียมหุ้มอยู่ เรียกว่า geocorona บางครั้งมันจะเปล่งแสงเมื่อถูกชนโดยอิเล็กตรอนที่มาจากแมกนีโตสเฟียร์ ​

แนวการแผ่รังสีของแวน อัลเลน (Van Allen's Radiation belts) เป็นแนวที่มีอนุภาคถูกกักอยู่จำนวนมาก แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ แนวการแผ่รังสีชั้นใน (Inner radiation belts) และ แนวการแผ่รังสีชั้นนอก (Outer radiation belts) โดย ที่ชั้นนอกนนั้นจะเป็นบริเวณที่อยู่ห่างจากโลกประมาณ 1.5 เท่าของรัศมีโลก และอนุภาคที่มีมากในบริเวณนี้คือโปรตอนที่มีพลังงานประมาณ 10 - 100 ล้านอิเล็กตรอนโวลต์ ส่วนที่ชั้นนอกนั้นเป็นบริเวณที่อยู่ห่างจากโลกประมาณ 2.5 - 8 เท่าของรัศมีโลก และอนุภาคที่พบมาเป็นอิเล็กตรอนและโปรตอนที่มีพลังงานต่ำกว่า โดยจะมีพลังงานตั้งแต่ 65 กิโลอิเล็กตรอนโวลต์ และไม่เกิน 1 ล้านอิเล็กตรอนโวลต์ ​

​

รูปแสดงอนุภาคที่ถูกกักอยู่ในแนวการแผ่รังสีแวน อัลเลน (Van Allen radiation belts) ​

Image credit: http://www.physics.sjsu.edu/becker/physics51/images/28_16A_Van_Allen_belts.jpg ​

Magnetic tails เป็นบริเวณที่เส้นสนามแม่เหล็กที่มีขั้วตรงข้ามกันขนานกัน magnetic tail ของโลกจะอยู่ไกลไปถึงวงโคจรของดวงจันทร์ และ magnetic tail ของดาวพฤหัสก็จะอยู่ไกลไปถึงดาวเสาร์ ​

 

สภาวะแม่เหล็กโลก​

The Earth' s magnetism​

​

โลกมีสนามแม่เหล็ก ซึ่งแสดงสมบัติเหมือนมีแท่งแม่เหล็กขนาดใหญ่ที่ใจกลางของโลก วางตัวประมาณแนวเหนือใต้ทางภูมิศาสตร์ แม้ว่ามุมจะเปลี่ยนไปอย่างคงที่ ขั้วเหนือของเข็มทิศชี้ไปยังทิศเหนือแม่เหล็ก และขั้วใต้ชี้ไปยังทิศใต้แม่เหล็ก​

​

Magnetic meridian : เส้นเมริเดียนแม่เหล็ก​

เป็นระนาบในแนวดิ่งประกอบด้วยแกนแม่เหล็ก ของแท่งแม่เหล็กที่แขวนในสนามแม่เหล็กโลก (ขั้วเหนือชี้ไปทางทิศเหนือแม่เหล็ก)​

​

Declination : มุมบ่ายเบน​

เป็นมุมระหว่างเส้นตรงที่ลากไปยังทิศแหนือจริง (ทิศเหนือภูมิศาสตร์) ผ่านเมริเดียนแม่เหล็ก ( ไปสู่ทิศเหนือแม่เหล็ก ) เนื่องจากตำแหน่งของทิศเหนือแม่เหล็กเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดังนั้นมุมบ่ายเบนจึงเปลี่ยนไปตามเวลาด้วย​

​

Isogonal lines : เส้นไอโซโกนัล​

เป็นเส้นที่ผ่านบริเวณต่างๆ ที่มุมบ่ายเบนแม่เหล็กเท่ากัน เส้นเหล่านี้ต้องลากขึ้นใหม่เมื่อเวลาผ่านไปเพราะทิศของสนามแม่เหล็กโลกเปลี่ยนไป​

Inclination or dip : มุมเอียงหรือมุมเท​

เป็นมุมระหว่างเส้นแนวระดับบนผิวโลกกับทิศของสนามแม่เหล็กโลกที่จุดหนึ่ง วัดโดยใช้วงกลมมุมเท (ดูรูป)​

​

Isoclinal line : เส้นไอโซไคลนัล​

เส้นที่ลากผ่านบริเวณที่มีมุมเทเท่ากัน​

Permeability : สภาพให้ซึมได้​

เป็นการวัดความสามารถของสารในการนำสนามแม่เหล็ก เหล็กอ่อนมีสภาพให้ซึมได้มากกว่าอากาศ ดังนั้นสนามแม่เหล็กจะมีความเข้มมากขึ้นบริเวณแท่งแม่เหล็กอ่อน​

​

Shielding or screening : การปกป้อง หรือ กำบัง​

เป็นการใช้วัตถุปกป้องสนามแม่เหล็ก ไม่ให้เข้ามายังจุดที่ต้องการ โดยการนำสนามแม่เหล็กให้ไปที่อื่น วิธีการนี้ใช้กับเครื่องวัดที่มีความไวสูง เช่น ออสซิลโลสโคป​

​

​

จากพจนานุกรมฟิสิกส์ ฉบับภาพประกอบ แปลโดยสมาคมครูวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย

 

แม่เหล็กไฟฟ้า​

Electromagnetism​

​

กระแสที่ไหลผ่านเส้นลวดจะทำให้เกิดสนามแม่เหล็กรอบๆเส้นลวด ลักษณะของสนามแม่เหล็กขึ้นอยู่กับรูปร่างของเส้นลวดและกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่าน สนามแม่เหล็กที่เกิดขึ้นนี้เขียนได้โดยวิธีเดียวกับสนามแม่เหล็กจากแม่เหล็กถาวร ผลที่เกิดขึ้นเรียกว่า แม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งใช้สร้างแม่เหล็กกำลังสูง และใช้สำหรับทำให้เกิดการเคลื่อนที่โดยกระแสไฟฟ้า​

Maxwell's screw rule : กฎสกรูของแมกซ์เวลล์​

กล่าวว่าทิศของสนามแม่เหล็กรอบๆเส้นลวดที่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านจะอยู่ในทิศที่สกรูหมุนเมื่อขันสกรูเข้าไปตามทิศของกระแสไฟฟ้า​

​

Right -hand grip rule : กฎกำมือขวา​

กล่าวว่า ทิศของสนามแม่เหล็กรอบเส้นลวดอยู่ในแนวนิ้วมือขวาที่กำรอบเส้นลวด โดยที่นิ้วหัวแม่มือชี้ไปตามทิศของกระแสในเส้นลวด​

​

coil : ขดลวด​

หมายถึง ขดลวดหลายๆขดที่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน ทำได้โดยใช้เส้นลวดพันรอบวัตถุที่เป็นแกน ตัวอย่างเช่น ขดลวดแบน และโซลินอยด์​

Flat coil or plane coil : ขดลวดแบน​

เป็นขดลวดที่มีความยาวน้อยเมื่อเทียบกับเส้นผ่าศูนย์กลาง​

Solenoid : โซลินอยด์​

เป็นขดลวดที่มีความยาวมากเมื่อเทียบกับเส้นผ่าศูนย์กลางสนามแม่เหล็กที่เกิดจากโซลีนอยด์ คล้ายกับแท่งแม่เหล็ก ตำแหน่งของขั้ว ขึ้นอยู่กับทิศของกระแสไฟฟ้า​

​

Core : แกน​

เป็นวัตถุที่ใช้แกนเป็นขดลวด เป็นสิ่งบอกความเข้มของสนามแม่เหล็ก สารแม่เหล็กชั่วคราว หรือเหล็กอ่อนทำให้เกิดสนามแม่เหล็กที่มีความเข้มสูงและนิยมใช้ทำแม่เหล็กไฟฟ้า​

​

​

จากพจนานุกรมฟิสิกส์ ฉบับภาพประกอบ แปลโดยสมาคมครูวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย

 

Magnetic fields​

สนามแม่เหล็ก​

​

สนามแม่เหล็กเป็นบริเวณรอบๆ แท่งแม่เหล็ก ซึ่งมีแรงแม่เหล็กกระทำต่อวัตถุ ความเข้มและทิศทางของสนามแม่เหล็กแสดงโดยเส้นแรงแม่เหล็ก

​

Magnetic field lines or flux lines : ​

เส้นแรงแม่เหล็ก หรือ ฟลักซ์แม่เหล็ก​

เป็นเส้นที่แสดงทิศของสนามแม่เหล็กรอบๆ แท่งแม่เหล็ก นอกจากนั้นยังแสดงความเข้มของสนามแม่เหล็กด้วย ทิศของสนามคือ ทิศของแรงนี้กระทำกับขั้วเหนือ ในสนามแม่เหล็กเส้นแรงแม่เหล็กแสดงให้เห็นได้โดยใช้ผงเหล็กโรยรอบๆ แท่งแม่เหล็ก หรือการระบุตำแหน่งของเข็มทิศ เล็กๆ ณ จุดต่างๆ รอบๆ แท่งแม่เหล็ก​

​

​

​

Magnetic flux density :​

ความหนาแน่นฟลักซ์แม่เหล็ก​

เป็นการวัดความเข้มของสนามแม่เหล็กที่จุดๆหนึ่ง แสดงได้โดย เส้นแรงแม่เหล็กที่อยู่ชิดกัน โดยปกติความหนาแน่นฟลักซ์แม่เหล็กมีค่ามากรอบๆขั้ว​

Neutal point : จุดเป็นกลาง
​

เป็นจุดที่ความหนาแน่นฟลักซ์แม่เหล็กเป็นศูนย์ เกิดจากมีสนามแม่เหล็ก 2 สนามหรือมากกว่า มีปฏิกิริยาต่อกันและกันด้วยอำนาจที่เท่ากัน แต่ทิศตรงกันข้าม แท่งแม่เหล็กที่แขวนตามเมริเดียนแม่เหล็ก โดยที่ขัวใต้ ชี้ทิศเหนือจะมีจุดสะเทิน 2 จุด ในแนวแกนแม่เหล็ก​

​

Diamagnetism: ไดอะแมกเนติสซึม​

เป็นสภาวะแม่เหล็กของสารเมื่อวางไว้ในสนามแม่เหล็กความเข้มสูง ชิ้นวัตถุชนิดนี้มีแนวโน้มจะขยายเส้นแม่เหล็กให้ห่างออกไปและตัวมันเองจะวางตั้งฉากกับเส้นแรงแม่เหล็ก ปรากฎการณ์นี้มีสาเหตุมาจากการที่อิเล็กตรอนถูกรบกวน

​

Paramagnetism : พาราแมกเนติสซึม​

เป็นสภาวะแม่เหล็กของสารเมื่อวางไว้ในสนามแม่เหล็กความเข้มสูง ชิ้นวัตถุชนิดนี้จะมีแนวโน้มทำให้เส้นแม่เหล็กเข้าใกล้กัน และตัวมันเองจะวางตัวตามแนวขนานกับเส้นแรงแม่เหล็ก มีสาเหตุมาจากการเคลื่อนที่ของไดโพล​

จากพจนานุกรมฟิสิกส์ ฉบับภาพประกอบ แปลโดยสมาคมครูวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย

 

[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]SOLAR ACTIVITY HEATS UP: [/FONT] Formerly quiet sunspot 1153 is suddenly crackling with C- and M-class solar flares. NASA Solar Dynamics Observatory recorded this eruption during the waning hours of Feb. 8th:

Movie formats: 1.8 MB iPad, 0.4 MB iPhone, 2 MB mpeg. See also the big still image.​

Because sunspot 1153 is rounding the sun's western horizon, these eruptions are not Earth-directed. They are, however, Venus-directed. The second planet from the sun could receive glancing blows from solar plasma clouds in the days ahead. Readers with solar telescopes are encouraged to monitor the action.

 

Coronal Holes: 09 Feb 11 <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td></td> </tr> </tbody></table>

<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td></td> </tr> </tbody></table> Solar wind flowing from the indicated coronal holes should reach Earth on Feb. 13th or 14th. Credit: SDO/AIA.

 

[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]CLOSE ENCOUNTER WITH A VW-BUG: [/FONT]Newly-discovered asteroid 2011 CA7 is flying past Earth today only 63,000 miles away, or 1/4th the distance to the Moon. At closest approach around 1930 UT on Feb. 9th, the VW-Bug-sized space rock will zip through the constellation Orion glowing like a 17th magnitude star.

อุกาบาตวิ่งเฉียวโลก วันที่ 9 กุมภา 11, เวลาที่ใกล้ที่สุด 19.30 UT (ตีหนึ่งครึ่ง 10 กุมภา เวลาไทย) ห่างแค่ 63,000 ไมล์ ประมาณ 1 ใน 4 ของระยะทางไปดวงจันทร์

 

<table style="" cellpadding="0" cellspacing="0" width="98%"> <tbody><tr> <td class="c1" width="4" height="4">
</td> <td style="border-top: 1px solid gray;" width="97%"> <table width="100%"><tbody><tr><td height="1">
</td></tr></tbody></table> </td> <td class="c2" width="4">
</td> </tr> <tr> <td colspan="3" style="border-left: 1px solid gray; border-right: 1px solid gray;" align="center" width="100%"> [SIZE=+1]ประกาศเตือนภัย
"พายุฝนฟ้าคะนอง และอากาศหนาวเย็น " [/SIZE]
ฉบับที่ 2 (30/2011) ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2554
</td> </tr> <tr> <td colspan="3" style="padding: 10px; border-left: 1px solid gray; border-right: 1px solid gray;" align="center" width="100%"> บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีน จะแผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศไทยในวันพรุ่งนี้ (11 ก.พ.) ลักษณะเช่นนี้ทำให้ในช่วงวันที่ 11-15 กุมภาพันธ์ 2554 จะมีพายุฝนฟ้าคะนองและ
ลมกระโชกแรงเกิดขึ้นในระยะแรก จากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศา โดยเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากสภาวะอากาศที่แปรปรวนในระยะนี้ ไว้ด้วย
สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้ และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้
มีฝนเพิ่มขึ้น และอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
</td> </tr> <tr> <td class="c3" width="4" height="4">
</td> <td style="border-bottom: 1px solid gray;" width="97%"> <table width="100%"><tbody><tr><td height="1">
</td></tr></tbody></table> </td> <td class="c4" width="4">
</td> </tr> </tbody></table>

 

เมื่อวาน 9 Feb 11
มีดาวเรียงตัว พระอาทิตย์-อังคาร-พฤหัส (ข้อมูลจากดร.ก้องภพ)
มีการระเบิดของพระอาทิตย์ เป็น M-Class
มีอุกาบาตเฉียดโลก
และพายุตรงทะเลอันดามันได้เริ่มก่อตัว Bingiza.
มี corona hole เปิด คาดว่าส่งผลถึงโลก ประมาณ 13-14 กพ

ข้อสังเกต
แนวดวงจันทร์วิ่งไปตามเส้น latitude แนวประเทศไทย
เช้านี้มีพยากรณ์ ว่าจะมีลมกันโชกแรง และจะหนาวลง 4-6 องศา เริ่มจากอีสาน
ลองดูกันว่า ข้อมูลมีความเกี่ยวเนื่องกันไหม

หวังว่าเมืองไทยไม่มีอุทกภัยอีกหน







<table cellpadding="0" cellspacing="0" width="98%"><tbody><tr><td style="border-top: 1px solid gray;" width="97%"><table width="100%"><tbody><tr><td height="1">
</td></tr></tbody></table> </td> <td class="c2" width="4">
</td> </tr> <tr> <td colspan="3" style="border-left: 1px solid gray; border-right: 1px solid gray;" align="center" width="100%"> [SIZE=+1]ประกาศเตือนภัย
"พายุฝนฟ้าคะนอง และอากาศหนาวเย็น " [/SIZE]
ฉบับที่ 2 (30/2011) ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2554
</td> </tr> <tr> <td colspan="3" style="padding: 10px; border-left: 1px solid gray; border-right: 1px solid gray;" align="center" width="100%"> บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีน จะแผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศไทยในวันพรุ่งนี้ (11 ก.พ.) ลักษณะเช่นนี้ทำให้ในช่วงวันที่ 11-15 กุมภาพันธ์ 2554 จะมีพายุฝนฟ้าคะนองและ
ลมกระโชกแรงเกิดขึ้นในระยะแรก จากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศา โดยเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากสภาวะอากาศที่แปรปรวนในระยะนี้ ไว้ด้วย
สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้ และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้
มีฝนเพิ่มขึ้น และอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
</td> </tr> <tr> <td class="c3" width="4" height="4">
</td> <td style="border-bottom: 1px solid gray;" width="97%"> <table width="100%"><tbody><tr><td height="1">
</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>Coronal Holes: 10 Feb 11 <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td></td> </tr> </tbody></table> Solar wind flowing from the indicated coronal holes should reach Earth on Feb. 13th or 14th. Credit: SDO/AIA.

 

<center>10/02 จังหวัดเลย-ยังหนาวจัดเกิดแม่คะนิ้งยอดหญ้าต.ปลาบ่า เหลือ 0 องศา

</center>
ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือขณะนี้มีอากาศหนาวและหนาวจัด เกิดแม่คะนิ้งยอดหญ้า โดยที่อ.ภูเรือ จ.เลย อุณหภูมิลดลงเหลือ 8 องศา ที่บ้านหินสอ ต.ปลาบ่า เหลือ 0 องศา อ.เมืองเลยวัดได้ 12.8 องศา อ.ด่าน ซ้าย 8.8 องศา บริเวณยอดดอยอุทยานแห่งชาติภูกระดึง 6.8 องศา อุทยานแห่งชาติภูเรือ 11.0 องศา เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง 10 องศา

 

Solar Update
02/010/2011 by Kevin VE3EN at 04:00
Comment on Message Board Solar Update - Solar activity remains at low to moderate levels with C-Class flares taking place around departing sunspot 1153. Currently sunspots 1156 and 1157 remain visible on the earth facing side of the sun and an older region will soon rotate back into view on the eastern limb.
Departing Sunspot 1153 (Early Wednesday)

Sunspots 1156 and 1157 (Early Wednesday)

More images on Tuesday taken by Ron Cottrell and Jan Timmermans.

<hr>
<table border="1" cellpadding="10" cellspacing="0"><tbody><tr><td background="graphics/solarback2.jpg" width="505">

Prepared jointly by the U.S. Dept. of Commerce, NOAA,
Space Weather Prediction Center and the U.S. Air Force.
Updated 2011 Feb 09 2200 UTC

Joint USAF/NOAA Report of Solar and Geophysical Activity
SDF Number 040 Issued at 2200Z on 09 Feb 2011

IA. Analysis of Solar Active Regions and Activity from 08/2100Z
to 09/2100Z: Solar activity was moderate. Region 1153 (N15W88)
produced a M1/Sf flare at 09/0131Z after rapidly increasing in size
and magnetic complexity while nearing the west limb.

IB. Solar Activity Forecast: Solar activity is expected to be low
on day 1 (10 February) with C-class flares likely and a slight
chance for another M-class flare. After Region 1153 moves around the
limb, solar activity is forecast to be very low to low with a chance
for a C-class flare on days 2 and 3 (11-12 February).

IIA. Geophysical Activity Summary 08/2100Z to 09/2100Z:
The geomagnetic field was quiet. The greater than 2 MeV electron flux
at geosynchronous orbit was at high levels throughout the period.

IIB. Geophysical Activity Forecast: The geomagnetic field is
expected to be predominately quiet for the next 3 days (10-12
February).

III. Event Probabilities 10 Feb-12 Feb
Class M 20/01/01
Class X 01/01/01
Proton 01/01/01
PCAF Green
</pre></td></tr></tbody></table>

 

NASA Spacecraft Closes in on Comet Tempel 1

February 9, 2011: NASA is about to discover how solar heat devours a comet. Stardust-NExT chases a comet, an artist's concept. [more]

"For the first time, we'll see the same comet before and after its closest approach to the sun," explains Joe Veverka, principal investigator for NASA's Stardust-NExT mission.
The comet is Tempel 1, which NASA's Deep Impact probe visited in 2005. Now another NASA spacecraft, Stardust-NExT, is closing in for a second look on Valentine's Day, Feb. 14, 2011. The two visits bracket one complete orbit of the comet around the sun--and a blast of solar heat.
"Close encounters with the sun never go well for a comet," says Veverka. "Fierce solar heat vaporizes the ices in the comet's core, causing it to spit dust and spout gas. The cyclic loss of material eventually leads to its demise."
Researchers suspect the flamboyant decay doesn't happen evenly all over a comet's surface*, but until now they've lacked a way to document where, exactly, it does occur. Stardust NExT will image some of the same surface areas Deep Impact photographed 6 years ago, revealing how these areas have changed and where material has been lost.
"Deep Impact gave us tantalizing glimpses of Temple 1," says Veverka. "And we saw strange and unusual things we'd like a closer look at."
At a January 2011 press conference, Veverka and other Stardust-NExT team members listed the features they're most interested in seeing again:
For starters, parts of the comet's surface are layered like pancakes.
"Earth has layers because water and wind move dirt and debris around here, but layering on a comet was a surprise – and a mystery," says Veverka.
Pancake-layers and a possible powdery flow are among the surface features of interest highlighted in this July 4, 2005, Deep Impact photo of Comet Tempel 1. The bright flash is where Deep Impact dropped an 820 lb copper projectile onto the comet. Stardust-NExT could get a first look at the aftermath of the blast. [more]

"One idea is that two protocometary bodies collided at low speeds and smushed together to form something like a stack of flapjacks," says Pete Shultz, Stardust-NExT co-investigator.
Is that right? Data obtained by Stardust-NExT will provide clues and possibly reveal what made the "comet pancakes."
Another area intrigues the research team even more.
"There's a large plateau that looks like a flow," says Shultz. "If it really is a flow, it means there was recently gas and dust emanating from the [surface]."
Stardust-NExT will reveal how the plateau has changed (Is it flowing?), helping the team determine its origin. Whatever their origin, the plateau and layering show that comets have a much more complicated geologic history than previously thought.
A close-up view of a possible flow on Tempel 1. [more]

"Tempel 1 is not just a fuzzy ball," says Shultz. "It has history."
It's a history NASA has had a hand in. During its 2005 visit, Deep Impact dropped an 820-pound projectile into the comet's core. In a development that surprised mission scientists, the impact excavated so much material that the underlying crater was hidden from view. Deep Impact's cameras were unable to see through the enormous cloud of dust the impactor had stirred up. Stardust NExT could provide a long anticipated look at the impact site.
"The dust has settled there, so if the right part of the comet is facing us, we could see the crater and learn its size," says Veverka. "That would answer some key questions. For instance, is a comet's surface hard or soft?"
In a future mission, a spacecraft may land on a comet and gather samples for analysis. To design a suitable lander, researchers need to know what kind of surface it would land on. They'll also need to know which tools to send – drills for hard surfaces or scoops for something softer.
Like Deep Impact, the Stardust spacecraft has already had a productive career. Launched in 1999, it approached Comet Wild 2 close enough in 2004 to image its feature-rich surface and even gather dust particles from the comet's atmosphere. (A key finding in the sample was the amino acid glycene – a building block of life.)
"We could have just let this old spacecraft rest on those laurels, leaving it to forever orbit the sun," says Veverka. "But instead, we're doing first-class comet science with it -- again."
As for Tempel 1, a hungry sun awaits.

Author: Dauna Coulter | Editor: Dr. Tony Phillips | Credit: Science@NASA ​

 

จับตาดูจุดดับที่อยู่อีกฝั่งของดวงอาทิตย์

[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]FARSIDE SUNSPOT: [/FONT] Active sunspot 1153 rotated over the sun's western horizon yesterday, ending the possibility of an Earth-directed eruption. The sunspot will spend the next two weeks transiting the sun's far side -- out of sight, but not out of view. NASA's twin STEREO spacecraft are monitoring the far side, and they will never lose track of the active region. STEREO-A took this picture just hours ago:

​

Sunspot 1153 is circled. The sunspot's magnetic canopy is filled with hot plasma, which glows brightly in this extreme ultraviolet image. Surges of UV radiation seen in this 24-hour movie show that the active region is still active indeed.

จับตาดูจุดดับที่อยู่อีกฝั่งของดวงอาทิตย์ และจะหันหน้ามาทางโลก อีกสองอาทิตย์ข้างหน้า และคาดว่าดวงอาทิตย์จะระเบิดพุ่งมายังโลกโดยตรง
​

 

[SIZE=+1]ประกาศเตือนภัย[/SIZE]
[SIZE=+1] "พายุฝนฟ้าคะนองและอากาศหนาวเย็น" [/SIZE]
ฉบับที่ 6 ลงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2554

​

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปก คลุมถึงประเทศไทยและทะเลจีนใต้ในวันนี้ (11 ก.พ. 54) ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้น และอุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศา โดยเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคอื่นๆ ได้รับผลกระทบต่อไป จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในระยะนี้ (11-15 ก.พ. 54) ไว้ด้วย
สำหรับในช่วงวันที่ 12-16 กุมภาพันธ์ 2554 มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงพัดเข้ามา ปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-3 เมตร


ประกาศ ณ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
ออกประกาศ เวลา 11.30 น.

 

โซล่าร์ซึนามิ 10 กุมภา 11 (ด้านซ้ายของดวงอาทิตย์)

[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]SOLAR TSUNAMI: [/FONT]Imagine a wave of hot plasma towering higher than Earth itself, rippling out from a central point in a circular pattern millions of kilometers in circumference. Researchers recently realized that such monster waves are real, and they happen routinely on the sun. Just yesterday, one of them surged over the western limb. Click on the image to view the shadowy yet staggering solar tsunami of Feb. 10th:

Movie credit: NASA's Solar Dynamics Observatory​

The source of the wave was active sunspot 1153, currently located on the far side of the sun. An eruption in the sunspot's magnetic canopy propelled a shock wave across the stellar surface--all the way over the horizon where it could be seen from Earth. Sequences like this show how farside sunspots can actually "reach around" to affect the Earth-side of the sun. Suppose that wave ran into a magnetic filament , destabilized it, and triggered an explosion aimed at our planet. It's happened before. Imagine that.
<hr width="85%">

 

<table style="" cellpadding="0" cellspacing="0" width="98%"> <tbody><tr> <td class="c1" width="4" height="4">
</td> <td style="border-top: 1px solid gray;" width="97%"> <table width="100%"><tbody><tr><td height="1">
</td></tr></tbody></table> </td> <td class="c2" width="4">
</td> </tr> <tr> <td colspan="3" style="border-left: 1px solid gray; border-right: 1px solid gray;" align="center" width="100%"> [SIZE=+1]ประกาศเตือนภัย
"พายุฝนฟ้าคะนองและอากาศหนาวเย็น " [/SIZE]
ฉบับที่ 8 ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2554
</td> </tr> <tr> <td colspan="3" style="padding: 10px; border-left: 1px solid gray; border-right: 1px solid gray;" align="center" width="100%"> บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนแผ่ลงมา
ปกคลุมถึงตอนบนภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้แล้ว ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก มีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นและอุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศา ส่วนภาคอื่นๆจะได้รับผลกระทบต่อไป จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในระยะนี้ (12-15 ก.พ. 54) ไว้ด้วย
สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือเริ่มมีกำลังแรงขึ้นและเข้ามาปกคลุมภาค ใต้และอ่าวไทย ในช่วงวันที่ 12-16 กุมภาพันธ์ 2554 ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนอ่าวไทยตอนล่าง
มีคลื่นสูง 2-3 เมตร


ประกาศ ณ วันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
ออกประกาศ เวลา 05.30 น.




สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
</td> </tr> <tr> <td class="c3" width="4" height="4">
</td> <td style="border-bottom: 1px solid gray;" width="97%"> <table width="100%"><tbody><tr><td height="1">
</td></tr></tbody></table> </td> <td class="c4" width="4">
</td> </tr> </tbody></table>

 

ช่วงนี้น่าจับตาดูพระอาทิตย์หน่อย

Solar Update
02/12/2011 by Kevin VE3EN at 01:35
Comment on Message Board Solar Update - The new sunspot (numbered 1158) which formed rapidly on Friday to the east of Sunspot 1156 continues to grow and is capable of producing atleast C-Class flares. The X-Ray Flux indicates numerous upper level B-Class flares. This spot is in good position for any possible earth directed CME's should a larger flare take place.

จุดดับอันใหม๋ (1158) อันที่เกิดอย่างเร็วเมื่อวันศุกร์ (เมื่อวาน) อยู่ทางตะวันออกของจุดดับ 1156 และยังจะโตขึ้นเรื่อยๆ และสามารถทำให้เกิด flare อย่างน้อย Class-C สนามแม่เหล็ก X-Ray บ่งบอกถึงการระเบิดของพระอาทิตย์ Class-B (เกือบๆ M) หลายๆ ลูกมากและจุดดับนี้ ยังมีโอกาสทำให้เกิด CME ลูกใหญ่กว่า ที่อยู่ในตำแหน่งพุ่งตรงมายังโลก*** (หมายถึงแผ่นดินไหวขนาดหใหญ่-Falkman)



Old sunspot region 1149 is starting to rotate back into view on the eastern limb. Multiple CME's took place on the farside of the sun during the transit.
Sunspots (Friday)

Another image on Friday taken by Ron Cottrell.

<hr>
<table border="1" cellpadding="10" cellspacing="0"><tbody><tr><td background="graphics/solarback2.jpg" width="505">

Prepared jointly by the U.S. Dept. of Commerce, NOAA,
Space Weather Prediction Center and the U.S. Air Force.
Updated 2011 Feb 11 2200 UTC

Joint USAF/NOAA Report of Solar and Geophysical Activity
SDF Number 042 Issued at 2200Z on 11 Feb 2011

IA. Analysis of Solar Active Regions and Activity from 10/2100Z
to 11/2100Z: Solar activity was very low. Region 1153 produced a B9
flare despite having rotated off the west limb on 09 February. There
are currently four regions on the disk, but all have been mostly
stable and quiet.

IB. Solar Activity Forecast: Solar activity is expected to be very
low with a chance for a C-class flare for the next 3 days (12-14
February).

IIA. Geophysical Activity Summary 10/2100Z to 11/2100Z:
The geomagnetic field was quiet. The greater than 2 MeV electron flux
at geosynchronous orbit reached high levels during the period.

IIB. Geophysical Activity Forecast: The geomagnetic field is
expected to be mostly quiet for the next 3 days (12-14 February).

III. Event Probabilities 12 Feb-14 Feb
Class M 05/05/05
Class X 01/01/01
Proton 01/01/01
PCAF Green

</td></tr></tbody></table>

 

เมื่อคืนนี้ประมาณที่ยงคืนกว่าๆ เกิดระเบิดครั้งใหญ่ที่ดวงอาทิตย์ โลกรอรับผลกระทบ

[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]EARTH-DIRECTED SOLAR FLARE: [/FONT]On Feb. 13th at 1738 UT, sunspot 1158 unleashed the strongest solar flare of the year so far, an M6.6-category blast. NASA's Solar Dynamics Observatory recorded an intense flash of extreme ultraviolet radiation, circled below:

​

The eruption produced a loud blast of radio waves heard in shortwave receivers around the dayside of our planet. In New Mexico, amateur radio astronomer Thomas Ashcraft recorded these sounds at 19 to 21 MHz. "This was some of the strongest radio bursting of the new solar cycle," he says. "What a great solar day."


Preliminary coronagraph data from STEREO-A and SOHO agree that the explosion produced a fast but not particularly bright coronal mass ejection (CME). The cloud will likely hit Earth's magnetic field on or about Feb. 15th. High-latitude sky watchers should be alert for auroras.


The source of this activity, sunspot 1158 is growing rapidly (48 hour movie). The active region is now more than 100,000 km wide with at least a dozen Earth-sized dark cores scattered beneath its unstable magnetic canopy. More Earth-directed eruptions are likely in the hours ahead.


Space Weather News for Feb. 14, 2011
http://spaceweather.com

EARTH-DIRECTED SOLAR ACTIVITY: Solar activity increased sharply over the weekend with the eruption of an M6.6-class solar flare from behemoth sunspot 1158. The blast produced a strong burst of radio waves heard in the loudspeakers of shortwave receivers around the dayside of our planet, and it appears to have hurled a faint coronal mass ejection toward Earth. Sights and sounds from the event are highlighted on today's edition of http://spaceweather.com.







ปล.แผนที่ๆ เขียนคือข้อสังเกตเฉยๆ นะ

Barely visible when the weekend began, the active region is now more than 100,000 km wide with more than half-a-dozen Earth-sized dark cores scattered beneath its unstable magnetic canopy. More Earth-directed eruptions are likely in the hours ahead.




เดียวมีเวลามาต่อ