เรื่องเล่า พ่อท่านบ้านเรา อริยสงฆ์เมืองใต้

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย wichu, 5 พฤษภาคม 2015.

  1. wichu

    wichu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    897
    ค่าพลัง:
    +4,694
    ครับผม หากลงใต้ก็ลองแวะไปที่วัดครับ
    ยังมีวัตถุมงคลรุ่นเก่าๆ เหลืออยู่พอสมควร
    ปัจจัยจากการบูชาวัตถุมงคล ก็นำไปสมทบทุนสร้างอุโบสถ วัดควนซางครับ
     
  2. wichu

    wichu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    897
    ค่าพลัง:
    +4,694
    พระครูสังฆรักษ์ หิรัญโญ พ่อท่านเสือเล็ก วัดควนซาง

    พ่อท่านเสือเล็ก ในวัย อายุ ๑๐๐ ปี จนเข้าสู่อายุ ย่าง๑๐๒ ปี ในปี พ.ศ.๒๕๕๘
    ด้วยบารมีของพ่อท่าน ทำให้ในปี พ.ศ.๒๕๕๖ วัดควนซางได้รับการพัฒนาเสนาสนะต่างๆเพิ่มขึ้นอย่างมากกมาย
    การก่อสร้างหอระฆัง ที่สร้างขึ้นจนแล้วเสร็จอย่างรวดเร็ว
    โดยมี คณะศิษย์ผู้ศรัทธาในจังหวัดภูเก็ตของเป็นเจ้าภาพ
    และได้สร้างวัตถุมงคล รุ่นหอระฆัง ถวายท่านด้วย

    [​IMG]

    การก่อสร้างซุ้มประตูวัด ขึ้นใหม่ พร้อมปรับปรุงรั้ววัด จนสวยงาม
    สร้างหอฉันหลังใหม่
    และขณะนี้ กำลังดำเนินการสร้างอุโบสถ วัดควนซาง

    [​IMG]

    งานก่อสร้างทุกอย่างที่สำเร็จ ก็ด้วยปัจจัยจากบูชาวัตถุมงคล ของวัดควนซาง
    ความเชื่อมั่น และศรัทธา ใน พ่อท่านเสือเล็ก

    [​IMG]
    วัตถุมงคลรุ่นสร้างหอระฆัง

    [​IMG]
    วัตถุมงคลรุ่นอายุวัฒนมงคล ๙๙ปี ที่ยังมีเหลือให้บูชาที่วัดเพื่อร่วมสร้างอุโบสถ วัดควนซาง

    [​IMG]
    รูปด้านซ้ายเป็นวัตถุมงคลที่ นำมาให้บูชาเพื่อสร้างอุโบสถวัดควนซาง และชุดด้านขวา ขณะนี้ได้นำมาจัดชุดเพื่อให้ร่วมบุญเจ้าภาพงานทำบุญครบ ๑๐๐ วันของพ่อท่านเสือเล็ก

    ในช่วงแรกๆ ที่ได้ไปกราบพ่อท่านเสือเล็ก
    ผมได้ถามพี่สมชาย ว่า ผมขอนำพระให้พ่อท่านจับพลังพุทธคุณพระเครื่องได้ไม๊
    พี่แกบอกว่าได้ เอาไปให้ท่านดูเลย
    ผมจึงนำพระผง ที่ผมสร้างไว้เพื่อถวายวัด และได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกมาบ้างแล้ว
    ถวายให้ท่านตรวจดู
    ท่านจับแล้วบอก “พลังไม่ค่อยมี มีน้อย เหมือนคนป่วยไม่สบาย”
    ผมเลย ขอนำพระผงทั้ง ๓ กล่อง ฝากไว้ในกุฏิพ่อท่าน ให้ท่านเสกให้
    โดยการโยงสายสิญจน์จาก โครงตาข่ายสายสิญจน์บนฝ้าเพดานลงมาพันรอบกล่องพระ
    เพราะช่วงกลางคืน ท่านจะนั่งสมาธิ และสวดมนต์ อธิษฐานจิตทุกคืนอยู่แล้ว

    [​IMG]
    พ่อท่านเสือเล็ก เสกพระให้ ท่านใช้เวลาไม่นานแต่พลังเข้มขลัง ด้วยจิตของท่านที่สื่อถึงครูบาอาจารย์เจ้าของวิชา บรมครูในสายเขาอ้อ มาร่วมเสก

    เคยถามพี่สมชาย เรื่องการเสกพระของพ่อท่านเสือเล็ก
    หากเป็นเครื่องราง ที่มีรูปร่างต่างๆ
    ท่านจะเสกตามตำราเขาอ้อ โดยการเสกตั้งธาตุ หนุนธาตุ และเรียกรูป เรียกนาม
    เสกให้มีชีวิต เหมือนรูปลักษณ์
    โดยเฉพาะ เครื่องรางด้านเมตตา เสน่ห์
    ที่ มีชื่อเสียง เช่น นางเงือกแกะจากกระดูกปลาพะยูน ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ที่มีแต่วัดควนซางที่เดียว
    หรือพระขุนแผนเนื้องผงผสมกระดูกปลาพะยูน
    ด้านเมตตานี้ พ่อท่านเสือเล็กจะใช้เวลาเสกนานมาก ต้องวางจิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

    [​IMG]
    ตามรูป พระขุนแผนเนื้อผงผสมกระดูกปลาพะยูน และนางเงือกแกะจากกระดูกปลาพะยูน
    ศิษย์ที่บูชานางเงือกไปเล่าว่า พลังด้านเสน่ห์ และเมตตาค้าขายได้ ดีมาก ช่วยได้และเห็นผลจริง

    แต่ถ้าเป็นด้าน คงกะพัน แคล้วคลาด มหาอุด เป็นเรื่องไม่ยาก
    พ่อท่านเสือเล็ก เสกใช้เวลาไม่นาน ก็สำเร็จ
    เช่น ลูกกะตรุด สำเร็จด้วยการตั้งจิตภาวนาคาถาและเขียนอักขระยันต์ตามตำรา
    [​IMG]
    รูป พ่อท่านเขียนยันต์นอโม๒๙ ในใบตาล ก่อนสานเป็นลูกตะกร้อ เป็นวิชาเฉพาะของพ่อท่าน

    [​IMG]
    รูป กระดาษยันต์ ที่พ่อท่านเสือเล็กเขียน แล้วม้วนก่อนจะนำด้ายสายสิญจ์มาพันรอบ ทำเป็นสายมือ แจกเด็กๆ เป็นวิชาเฉพาะของพ่อท่านเช่นกัน

    พี่สมชายเล่า เกี่ยวกับการไปร่วมเสก ในพิธีพุทธาภิเษก ที่ได้รับนิมนต์
    ในตอนพ่อท่านสุขภาพแข็งแรง
    ท่านจะต้องดูก่อน ว่าของที่จะเสก มีรูปลักษณ์เป็นอะไร
    เพื่อที่ท่านจะได้เสกด้วยบทคาถาที่ตรงกับรูปลักษณ์นั้น

    โดยปกติ ในพิธีพุทธาภิเษก วัตถุมงคลของวัดควนซาง
    จะใช้เวลาประมาณ๑ ถึง ๒ ชั่วโมง
    แต่การอธิษฐานจิต วัตถุมงคลจริงๆแล้ว
    วัตถุมงคลทั้งหมด จะได้รับการอธิษฐานจิต โดยพ่อท่านเสือเล็ก ก่อนในทุกคืน
    จนกระทั่งถึงวันที่กำหนดจึงนำวัตถุมงคลทั้งหมดออกมาจากกุฏิท่าน
    ในแต่ละคืน ท่านจะเสกด้วยบทมนต์ที่ไม่ซ้ำกัน
    ด้วยการเริ่มต้นที่เสกตั้งธาตุและหนุนธาตุ เรียกรูป เรียกนาม

    ด้วยจิตที่ทรงฌานในพุทธาคม สายตำราและสายวิชาของพ่อท่าน
    การตั้งจิต รวมจิต เชิญครูอาจารย์ ในสายวิชาที่เรียนมา หรือสายเขาอ้อ
    จึงมีพลังเปี่ยมล้นจากครูอาจารย์เจ้าของวิชา ที่พ่อท่านสื่อถึง และอาราทนามา

    พระผงพิมพ์หลวงพ่อทวด ที่ผมสร้างและนำไปฝากไว้ในกุฏิท่าน
    เพื่อให้รับพลังจากการเสกทำน้ำมนต์ในแต่ละคืน
    ผมฝากเพื่อนบางคนช่วยตรวจพลังพุทธคุณ
    ปรากฏว่ามีพลังสูงและเข้มขลัง จึงแนะนำให้ผมส่งแจกให้ชาวพุทธในสามจังหวัดชายแดนใต้
    เพื่อนที่ได้ฝึกในวิชามโนมยิทธิ ขอพระผงไปเพื่อปิดทองคำเปลวแท้ ก่อนส่งแจก
    เมื่อเค้าได้กราบขอขมา เพื่อปิดแผ่นทองที่พระ
    ในขณะนั้น ได้เห็นรูปพระผู้เฒ่า รูปร่างเล็ก และมีหลวงพ่อทวดรูปร่างใหญ่มากครอบอยู่อีกที
    หลังจากฟังเพื่อนเล่า ผมก็สงสัยว่าพระรูปนั้นเป็นใคร
    จึงส่งรูปหลวงปู่หลวงตาหลายรูปที่ผมนำพระไปขอให้เสก ให้เพื่อนดู
    ได้รับการยืนยันว่า พระที่เห็น คือ “พ่อท่านเสือเล็ก”

    ในบางครั้งผมพาเพื่อนๆ ไปทำบุญกับพ่อท่านเสือเล็ก
    ก่อนจะกลับ ผมจะเข้าไปกราลพ่อท่านใกล้ๆ ก้มลงให้ท่านเป่ากระหม่อม
    โดยท่านจะนำมือทั้งสองวางบนหัวเรา แล้วเสกเป่าให้
    ในกลุ่มเพื่อนๆที่มีตาในดีได้มองเห็น
    ขณะที่ท่านตั้งจิตว่าบทมนต์เสกเป่ากลับมีพระผู้เฒ่าบรมครูสายเขาอ้อมาอยู่เหนือศรีษะด้านหลังพ่อท่าน
    ด้วยจิตที่มั่งคง และตั้งมั่นท่านสื่อถึงครูบาอาจารย์ ท่านจึงสามารถเชิญพลังครูมาเชื่อมกับจิตท่านได้
    การอธิษฐานจิต เสกเป่าบทมนต์ พุทธาคมของท่านทุกครั้ง จึงเข้มขลัง พลังสูงล้น


    ในช่วงปลายปี ๒๕๕๗ ถึงต้นปี ๒๕๕๘
    พ่อท่านเสือเล็ก อายุ ๑๐๑ ย่าง ๑๐๒ ปี
    สุขภาพของพ่อท่านดูไม่ค่อยแข็งแรงมากนัก บางครั้งก็ดูอ่อนเพลีย
    แต่ ท่านก็ยังนั่งเขียนยันต์ในใบตาล หรือเขียยันต์ในแผ่นตะกรุด อยู่เหมือนทุกๆวัน
    ลูกศิษย์ท่านที่เป็นหมอแวะเวียนมาตรวจสูขภาพท่าน
    แนะนำว่า “ช่วงนี้หากพ่อท่านอยากทำอะไร ก็ปล่อยให้ท่านทำ
    เพราะหากไม่ได้ทำนานๆ เดี๋ยวท่านจะลืม เพราะอายุท่านมากแล้ว”
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • s105.jpg
      s105.jpg
      ขนาดไฟล์:
      77.3 KB
      เปิดดู:
      3,795
    • s401.jpg
      s401.jpg
      ขนาดไฟล์:
      111.7 KB
      เปิดดู:
      4,042
    • s222.jpg
      s222.jpg
      ขนาดไฟล์:
      107 KB
      เปิดดู:
      4,196
    • s333.jpg
      s333.jpg
      ขนาดไฟล์:
      85.7 KB
      เปิดดู:
      3,837
    • s402.jpg
      s402.jpg
      ขนาดไฟล์:
      118 KB
      เปิดดู:
      4,569
    • s403.jpg
      s403.jpg
      ขนาดไฟล์:
      116 KB
      เปิดดู:
      4,575
    • s404.jpg
      s404.jpg
      ขนาดไฟล์:
      93.2 KB
      เปิดดู:
      4,682
    • s405.jpg
      s405.jpg
      ขนาดไฟล์:
      74.7 KB
      เปิดดู:
      4,280
    • s406.jpg
      s406.jpg
      ขนาดไฟล์:
      82.1 KB
      เปิดดู:
      4,264
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2015
  3. wichu

    wichu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    897
    ค่าพลัง:
    +4,694
    พ่อท่านเสือเล็ก หิรัญโญ อายุ ๑๐๒ ปี

    ในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ในวันมาฆบูชา
    ผมกับเพื่อนๆ ได้ไปกราบพ่อท่าน
    พี่สมชายบอกเล่าด้วยน้ำเสียงดีใจว่า ตอนนี้พ่อท่านสดชื่นแข็งแรง
    และการสวดบทมนต์ คาถาต่างๆ พ่อท่านสามารถจำได้แม่นยำ ความจำคืนมาดีเหมือนเดิมแล้ว
    ผมเองก็ดีใจ ดูแล้ว หน้าตาของพ่อท่านก็ดูสดชื่นและกลับไปเหมือนตอนท่านยังแข็งแรงอยู่

    [​IMG]
    รูปพ่อท่านเสือเล็ก ที่โรงพยาบาลตรัง

    ในปลายเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ พ่อท่านก็มีอาการอ่อนเพลีย ไม่ยอมฉันอาหารใดๆ
    เมื่อไปตรวจที่โรงพยาบาลอำเภอรัษฎาแล้ว ผลปรากฏว่าท่านอาพาธด้วยโรคติดเชื้อในกระแสเลือด
    ทางแพทย์จึงส่งท่านไปรักษาอยู่โรงพยาบาลตรัง
    ในวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๕๘ ผมเองได้ไปเยี่ยมพ่อท่าน
    ทราบว่า ตอนนี้พ่อท่านอาการดีขึ้นแล้ว และการติดเชื้อในกระแสเลือดก็รักษาหายแล้ว
    แต่เนื่องจากท่านยังไม่ยอมฉันอาหาร จึงต้องสอดท่อยางเข้าหลอดอาหาร เพื่อให้อาหารเหลวทางสายยาง
    ทางศิษย์พ่อท่านบอก หากพ่อท่านฉันอาหารได้ ก็จะพากลับไปดูแลต่อที่วัดแล้ว

    แต่แล้วในวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๘ เวลา ๒๑.๒๓ น.
    พ่อท่านเสือเล็ก ก็ละสังขารลงอย่างสงบ

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • s407.jpg
      s407.jpg
      ขนาดไฟล์:
      115.4 KB
      เปิดดู:
      4,292
    • s408.jpg
      s408.jpg
      ขนาดไฟล์:
      87.6 KB
      เปิดดู:
      3,406
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2015
  4. wichu

    wichu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    897
    ค่าพลัง:
    +4,694
    ขอเชิญร่วม งานบุญบำเพ็ญกุศลศพ ๑๐๐ วัน
    พ่อท่านเสือเล็ก วัดควนซาง
    ในวันที่ ๑๖ ถึง ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๘

    โดยเฉพาะในวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ได้นิมนต์พระสงฆ์จำนวน ๓๑๒ รูปมาร่วมในพิธี

    และระหว่างนี้ ทางคณะศิษย์ และทางวัดควนซาง ได้นำวัตถุมงคลมาให้บูชา
    เพื่อร่วมบุญเป็น เจ้าภาพในงานบำเพ็ญกุศลศพ ครบ ๑๐๐ วันพ่อท่านเสือเล็ก
    ร่วมบุญ ๑,๒๐๐ บาท มีทั้งหมด ๑๙๙ ชุดครับ

    ๑ชุด ประกอบด้วย
    -เหรียญเสมา รุ่น 99 ปีมหามงคล หลังจารมือ(พ่อท่านเสือเล็กจารเอง)
    -เหรียญพินัยกรรม ทองเเดงรมดำ
    -พระปิดตา ยันยุ้ง
    -พระปิดตามหาลาภ เบ้าดินไทย
    -ขุนเเผน เมตตามหาลาภ เนื้อผงผสมกระดูกปลาพยูน
    -เสือมหาอำนาจ เนื้อทองเเดง อุดผงผสมเกศา หนังเสือ
    -และลูกกะตรุด หรือ ลูกตะกร้อ ใบตาล

    [​IMG]

    สามารถไปร่วมบุญบูชาที่วัดได้เลยครับ
    หากใครไม่สะดวก หรือต้องการสอบถามรายละเอียด
    ต้องการข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติม
    สามารถโทรสอบถาม คุณสมชาย พยาบาล ได้ครับที่ 093-749-6889
    ตามเบอร์โทรนี้ จะมีไลด์ด้วย หากโอนเงินสามารถส่งสลิป แจ้งที่อยู่ในไลด์ได้ครับ

    พี่สมชายเป็นศิษย์ที่ดูแลพ่อท่านเสือเล็กมาตั้งแต่เริ่มแรก
    รับผิดชอบในการจัดสร้างและให้บูชาวัตถุมงคลของวัดควนซาง ทุกรุ่น
    และเป็นผู้จัดการดูแลการสร้างอุโบสถ ของวัด ซึ่งไม่มีผู้รับเหมา
    ทางวัดจะซื้อวัสดุก่อสร้างเองทุกอย่าง และจ้างเหมาช่างก่อสร้างเป็นรายวัน
    โดยพี่สมชายจะรับผิดชอบดูแลการซื้อวัสดุ และดูแลช่างเองทุกอย่างครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • s888.jpg
      s888.jpg
      ขนาดไฟล์:
      176.4 KB
      เปิดดู:
      4,037
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2015
  5. wichu

    wichu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    897
    ค่าพลัง:
    +4,694
    พ่อท่านวงศ์ ฐิตวุฑฒิ ในการเผยแพร่ประวัติผ่านนิตยสารศักดิ์สิทธิ์

    ในปี พ.ศ.๒๕๔๙ ภาพพ่อท่านวงศ์ ฐิตวุฑฒิ วัดประชาวงศาราม
    ปรากฏในหน้าปกนิตยสาร ศักดิ์สิทธิ์ พร้อมประวัติ
    ในปีนั้น ท่านอายุ ใกล้ครบ ๗๗ ปี ในวันที่ ๖ มีนาคม๒๕๔๙

    [​IMG]
    ภาพนี้ เป็นรูปพ่อท่านวงศ์ ในเดือน สิงหาคม ๒๕๕๗ ครับ

    รายละเอียดในเล่ม กล่าวถึงท่านว่า ท่านเป็นศิษย์เอก พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์
    ท่านอาคมแก่กล้ามีจิตทิพย์สามารถล่วงรู้จิตใจคน
    ท่านเมตตายิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาตรงไปตรงมา
    ท่าน มีวิชาแพทย์แผนโบราณ รอบรู้หลายแขนง

    ท่านได้สร้างรูปหล่อบรมครูหมอชีวกโกมารภัทร์ ประดิษฐานไว้ในมณฑปหน้าวัด มีผู้มาบนบานศาลกล่าวให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บเนื่องแน่น....

    ในปี พ.ศ.๒๕๔๙ หลวงพ่อวงศ์ดำริที่จะสร้างมงคลวัตถุเป็นรุ่นสุดท้าย
    ให้ชื่อว่า "รุ่นทิ้งทวน" กำหนดพิธีมหาพุทธาภิเษก ๗ วัน ๗ คืน
    ตั้งแต่วันที่ ๒๘ ก.พ. ถึง ๖ มี.ค.๒๕๔๙ โดยมีวัตถุประสงค์นำรายได้ไปสร้างเจดีย์พระธาตุวัดประชาวงศาราม
    และโรงพยาบาลท่าโรงช้าง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • w101.jpg
      w101.jpg
      ขนาดไฟล์:
      102.6 KB
      เปิดดู:
      3,593
  6. wichu

    wichu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    897
    ค่าพลัง:
    +4,694
    พ่อท่านวงศ์ ฐิตวุฑฒิ ในปี ๒๕๔๙ ถอนคุณไสยเขมรให้ท่านเจ้าคุณของวัดดัง



    ผมเองได้อ่านประวัติพ่อท่านวงศ์ และข่าวการออกวัตถุมงคลรุ่นทิ้งทวน
    จึงตั้งใจไปกราบท่าน เพื่อบูชาวัตถุมงคล

    [​IMG]
    ภาพนี้ ในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๗ ท่านกำลังอธิษฐานจิตพระผงจักรพรรดิ์ให้

    ๖ มีนาคม ๒๕๔๙ เมื่อไปถึงวัด เกือบเที่ยงแล้ว ในงานทำบุญครบรอบอายุ ๗๗ปีของท่าน
    ในกุฏิยกสูง ๒ ชั้น ด้านหน้าเป็นระเบียบสูง มีคนยืนมุงอยู่หน้าประตูอยู่มาก
    ผมก็เข้าไปยืนอยู่ด้านล่าง รอว่าคนทยอยกลับ ก็จะได้เข้าไปกราบท่าน

    ในช่วงนั้น ผมได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังมากๆ และเสียงกรีดร้องเป็นภาษาแปลกๆ
    แต่ให้เดาดู น่าจะเป็นภาษาเขมร สลับกันระหว่างเสียงร้องและตะโกนในภาษาแปลกๆนั้น
    ผ่านไปครู่ใหญ่ เสียงด้านบนกุฏิสงบลง ...

    มีผู้ชายสวมชุดขาว ในสองมือถือห่อผ้าสีขาวลงมาจากด้านบนกุฏิ
    แล้วเร่งรีบเดินไปยังสนามหญ้า ด้านหน้ากุฏิ นำห่อผ้าวางบนสนามแล้วจุดไปเผา
    หลังจากนั้น บรรดาศิษย์ที่มาก็ทยอยเข้าไปกราบพ่อท่านวงศ์ เพื่อลากลับ

    ผมเองก็ได้โอกาสขึ้นไปนั่งบนกุฏิ เห็นนบนเก้าอี้ยาว นั่งไว้ด้วยพ่อท่านวงศ์
    อีกที่เป็นพระชรา อายุประมาณ ๗๐ กว่าแล้ว ผิวพรรณขาว หน้าตาผ่องใส
    แต่ดูท่าทางท่านเหนื่อยและอ่อนเพลียมาก
    ฟังจากการสนทนา จึงรู้ว่า พระชรารูปนั้นเป็นท่านเจ้าคุณ

    ท่านเจ้าคุณมีตำแหน่งรองเจ้าอาวาส วัดที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของประเทศไทย
    เป็นวัดที่ผู้คนจากทั่วสารทิศ หลั่งไหลไปกราบพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ และทำบุญไม่ขาดสาย มีผลประโยชน์ที่จะสามารถกอบโกยได้มาก
    ดังนั้นจึงมีผู้ที่ต้องการตำแหน่งของท่าน ใช้คุณไสยเขมรฆ่าท่านเจ้าคุณ

    ท่านไปรักษาหลายที่แล้วก็ไม่หาย มีคนแนะนำมาหาพ่อท่านวงศ์ จึงได้ถอนของออกหมด
    พ่อท่านวงศ์ ยังพูดขำๆว่า ตอนนี้ดูเป็นพระแก่
    แต่ตอนที่ทำพิธีถอนของออกนั้น
    ผู้ชายตัวโตๆถึงสามคนช่วยกันจับตัวท่านเจ้าคุณที่ดิ้นร้องโหยหวน เกือบจับกันไม่อยู่

    จากประวัติที่เผยแพร่ ในบางส่วนทราบว่า
    หลวงพ่อวงศ์ออกธุดงค์ไปทางภาคเหนือ ประมาณ 7-8 ปี
    พบอาจารย์ทั้งที่เป็นพระเกจิอาจารย์และฆราวาสจอมขมังเวทหลายท่าน
    ในจำนวนนั้นก็มีอยู่ท่านหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าเป็นฆราวาสจอมขมังเวทแห่งปากน้ำโพ คือ “ปู่โทน หลำแพร” ซึ่งมีชื่อเสียงในการเสกกระดาษเป็นธนบัตร
    โดยท่านได้ขอให้ปู่โทนเสกกระดาษให้ดู เพื่อให้เห็นด้วยตาจริงๆ
    จากนั้นท่านก็ฝากตัวเป็นศิษย์ เรียนวิชากับปู่โทน

    นอกจากนี้ยังเรียนวิชากับจากพระอาจารย์ชาวเขมรอีกหลายรูป
    นี่เองที่ท่านมีวิชาในการถอนคุณไสยมนต์ดำ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • w102.jpg
      w102.jpg
      ขนาดไฟล์:
      114.1 KB
      เปิดดู:
      3,344
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2015
  7. wichu

    wichu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    897
    ค่าพลัง:
    +4,694
    พ่อท่านวงศ์ ฐิตวุฑฒิ ในปี ๒๕๔๙ ใช้ญาณตรวจคนโดนคู่แข่งฝังของอาถรรพ์แย่งลูกค้า


    [​IMG]
    รูปหลวงปู่โลกอุดร ติดที่ในกุฏิพ่อท่านวงศ์ ทำให้ผมสะดุดตามาก และได้กลับมาหาท่านอีกในเวลาต่อมา

    ๖ มีนาคม ๒๕๕๙ หลังจากบรรดาศิษย์ที่มาจากต่างจังหวัดทยอยกันกลับแล้ว
    คนที่มาเพื่อขอพึ่งบารมีพ่อท่านวงศ์ ให้ช่วยเหลือก็ทยอยกันเข้าไปหา

    มีคู่สามีภรรยา มากราบท่าน
    เล่าว่าเปิดร้านอาหารอยู่ที่เกาะสมุย
    ในช่วงแรก อาหารขายดีมาก กิจการก็ไปได้ดี ทุกอย่างราบรื่น

    แต่แล้วอยู่ๆ ลูกค้าก็ไม่เข้าร้าน กิจการซบเซา แถมลูกน้องในร้านก็ชอบทะเลาะให้ร้อนใจ
    และทั้งสองคนเองก็มีอาการเจ็บป่วยปวดตามร่างกายรักษาไม่หาย

    พ่อท่านวงศ์ นิ่งไปครู่หนึ่ง คงใช้จิตตรวจดู
    แล้วบอกว่า มีคู่แข่งนำของอาถรรพ์มาฝังในบริเวณหน้าร้าน พร้อมทั้งทำของส่งมา

    จากนั้นท่านได้ประพรมน้ำมนต์ให้ มอบน้ำมนต์ไปประพรมที่ในบ้าน และดื่มกิน
    และได้สั่งว่า วันหลังให้มารับท่านไป จะไปทำพิธีแก้ไขให้อีกที...

    ผมเองได้กราบทำบุญกับท่านแล้ว ก็ออกมาบูชาวัตถุมงคลด้านนอกก่อนกลับ
    หลังจากนั้น อีกหลายปีจึงได้พบกันท่านอีกครั้ง
    เนื่องจาก แวะไปทีไร กุฏิท่านก็ปิด อยู่ตลอด ทราบว่าท่านไปอยู่ที่กรุงเทพ...

    ได้พบท่านอีกครั้ง ก็เป็นช่วงก่อนวันเข้าพรรษา ปี ๒๕๕๖ แล้ว...
    ในช่วงนี้เองที่ ได้พูดคุย สอบถามท่านเรื่องต่างๆ ที่อยากรู้
    ทั้งเรื่องพ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน
    พ่อท่านชาญณรงค์ ศิริสมบัติ กับ พระผงรุ่นสุดท้าย ปี๒๕๒๙
    หลวงปู่โลกอุดร หลวงปู่สด วัดปากน้ำ(มีรูปในกุฏิพ่อท่าน) ปู่โทน หลำแพร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • w103.jpg
      w103.jpg
      ขนาดไฟล์:
      108.8 KB
      เปิดดู:
      3,779
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2015
  8. wichu

    wichu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    897
    ค่าพลัง:
    +4,694
    พ่อท่านวงศ์ ฐิตวุฑฒิ อายุ ๘๔ ปี ที่โรงพยาบาลท่าโรงช้าง
    กับพระผงรุ่นสุดท้ายปี๒๙ หลวงพ่อชาญณรงค์

    ในต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖
    ผมตั้งใจไปกราบพ่อท่านวงศ์ ที่วัด ปรากฏว่า หน้าประตูกุฏิปิดอยู่
    ผมลองแวะไปถามพระที่อยู่ใกล้ๆดู ท่านบอกว่า “อาจารย์อยู่ที่โรงพยาบาลท่าโรงช้าง”
    ที่ ตึกอาคารแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลท่าโรงช้าง
    ซึ่งเป็นตึกที่พ่อท่านวงศ์ ได้จัดสร้างวัตถุมงคลรุ่นทิ้งทวน หาทุนให้โรงพยาบาลได้สร้างในปี๒๕๔๙

    [​IMG]
    รูปด้านขวา เป็นรูปหล่อพ่อท่านคล้าย เนื้อชนวนล้วน และด้านซ้ายเป็นรูปหล่อพ่อท่านวงศ์ พิมพ์ยันต์ยุ่ง รุ่นทิ้งทวน ให้บูชาในปี๒๕๔๙ เพื่อหาทุนก่อสร้างตึกแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลท่าโรงช้าง

    ในห้องพิเศษ ที่โรงพยาบาลท่าโรงช้าง เวลา เที่ยงแล้ว
    พ่อท่านวงศ์ นอนพักผ่อนอยู่
    ผมก็นั่งรอ นำของต่างๆมารอถวายท่าน
    ระหว่างนั้นได้พบกับหลานชายพ่อท่านซึ่งทำงานอยู่ที่นี่
    “เค้าเล่าว่า ตอนนี้ พ่อท่านวงศ์ ได้มีเวลาพักผ่อนอย่างสงบ
    เพราะหลังจากท่านลื่นล้มในห้องน้ำ และเกิดการกระแทก
    ทำให้กระดูกทับเส้นที่สะโพก และเดินไม่ได้ต้องนั่งรถเข็น
    ท่านประกาศเลิกการสร้างวัตถุมงคล และไม่ทำอะไรให้ใครแล้ว
    หากเป็นเมื่อก่อนตอนที่มีนิตยสารพระเครื่องเผยแพร่ประวัติท่าน จนมีชื่อเสียงโด่งดัง
    หากท่านป่วยอยู่แบบนี้ จะมีพวกนายทุนนักสร้างวัตถุมงคลทั้งหลายมาห้อมล้อมเฝ้าอยู่เต็มไปหมด”

    [​IMG]
    รูปพระผงพ่อท่านวงศ์ ด้านหลังพ่อท่านคล้าย รุ่นทิ้งทวน ออกให้บูชาในปี ๒๕๔๙ หาทุนให้โรงพยาบาลท่าโรงช้าง

    ในปี ๒๕๕๕ ถึง ปี ๒๕๕๖ ประวัติของหลวงพ่อชาญณรงค์ได้ถูกเผยแพร่
    โดยเฉพาะประวัติ อิทธิคุณ ความศักดิ์สิทธิ์ของ พระผงรุ่นสุดท้าย ปี๒๕๒๙
    เป็นที่ต้องการกันมาก จนต้องแย่งกันจองเพื่อบูชา ในเวป พลังจิต
    และมีการเปิดเผยแบบ เป็นนัยว่า มีพระเก่งที่เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อชาญณรงค์อยู่ทางใต้
    ในแถวอำเภอพุนพิน สุราษฎร์ธานี
    ผมได้อ่านก็นึกถึง รูปหลวงปู่เทพโลกอุดร ที่อยู่ในกุฏิพ่อท่านวงศ์ ขึ้นมาทันที
    เลยได้ ส่งข้อความถามไป ... เค้าก็ตอนกลับว่า ใช่...พระรูปนั้นคือพ่อท่านวงศ์...


    ...เมื่อพ่อท่านวงศ์ ตื่นมา
    ผมก็ได้ถวายอาหารบำรุง และน้ำปานะ พร้อมของใช้สอยทำความสะอาด
    และแล้วก็ได้เข้าช่วง...เรื่องหลวงพ่อชาญณรงค์
    ผมนำพระผงพิมพ์นางพญา รุ่นสุดท้ายปี ๒๕๒๙ ถวายให้พ่อท่านวงศ์ดู
    พ่อท่านเห็นก็พูดว่า “พระนี้อาตมาทำเอง ช่วยอาจารย์ชาญณรงค์ทำกันที่วัดทอง”
    ท่านว่า ในปี ๒๕๒๙ ท่านพักอยู่ที่กุฏิ ใกล้ๆ กับหลวงพ่อชาณณรงค์
    ผมถาม “พ่อท่านเคยพบกับหลวงพ่อโลกอุดรไม๊ครับ”
    พ่อท่าน “เคยพบ”
    ผมถาม “แล้วตอนนี้ พ่อท่านได้พบกับหลวงปู่เทพโลกอุดรบ้างไม๊”
    พ่อท่าน “ถ้ามีเรื่องอะไรอยากให้ท่านช่วย ก็จุดธูปเชิญท่าน ท่านก็มาหา หน้ารูปท่านในกุฏิอาตมา”

    การพูดคุย ผ่านไประยะนึง ผมสังเกตว่าพ่อท่านหันซ้ายหันขวา เหมือนจะหาใครอยู่
    ถามดู พ่อท่านอยากให้หลานชาย หารถไปส่งท่านที่วัด เพื่อไปเตรียมงานบวชให้หลานชายอีกคน
    ผมจึงรับอาสา ไปส่งท่าน ซึ่งก็ลำบากพอสมควรเพราะท่านเดินไม่ได้
    ต้องอุ้มท่านจากรถเข็น ขึ้นรถ เมื่อถึงวัดก็เข็นรถนั่งของท่านขึ้นทางลาดซึ่งชันมาก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • s107.jpg
      s107.jpg
      ขนาดไฟล์:
      74 KB
      เปิดดู:
      3,828
    • s108.jpg
      s108.jpg
      ขนาดไฟล์:
      83 KB
      เปิดดู:
      3,893
  9. wichu

    wichu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    897
    ค่าพลัง:
    +4,694
    พ่อท่านวงศ์ ฐิตวุฑฒิ อายุ ๘๔ ปี กับการเรียนวิชาธรรมกาย ที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ

    ตอนเข้าไปในกุฏิ ผมเข็นรถนั่งเข้าไปที่เตียงไม้หวาย เพื่ออุ้มท่านขึ้นพักผ่อน
    แต่ท่านบอกว่า “ยังก่อน นั่งก่อน”
    แล้วท่านก็พูดทักขึ้นว่า “อ้อผ้าเช็ดหน้าอยู่นี่เอง นึกว่าลืมไว้ที่โรงพยาบาล”
    ผมมองไป เห็นท่านยื่นมือไปจับ ผ้าผืนเล็กๆขึ้นมาพาดไว้
    จุดนี้ มีข้อสังเกตคือ “ผมมองไปที่เตียง และเมื่อท่านหยิบผ้าขึ้นมาแล้วก็ไม่มีอะไรวางอยู่อีกเลย”

    [​IMG]
    รูป โต๊ะหมู่ ในกุฏิพ่อท่านวงศ์ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และของกายสิทธิ์ของอาถรรพ์หลายอย่าง ท่านต้องบอกกล่าวให้รับรู้ ทั้งการจะไป หรือกลับมา

    หลังจากนั้นท่านให้ผมเข็นรถมาอยู่ตรงกลาง หน้าโต๊ะหมู่บูชา ซึ่งอยู่ที่
    ท่านนั่งนิ่งพักนึง แล้วบอกให้ผมไปจุดธูปให้ท่าน เพื่อไหว้เทพเทวา
    ทั้งเทวดาที่รักษากุฏิ เทวดารักษาวัด ครูบาอาจารย์ต่างในกุฏิ
    เพื่อบอกกล่าวให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในวัด ในกุฏิ ได้รับรู้และเป็นการแสดงความเคารพต่อท่านเหล่านั้น

    ดังนั้น การจะปิดกุฏิ เดินทางออกจากวัด ไปพักที่อื่น
    หรือเมื่อไปพักที่อื่นแล้วกลับเข้ามาในกุฏิ ในวัด
    ท่านต้องทำตามตำราที่ครูอาจารย์สอน การว่าคาถา การบอกกล่าวเทวดา และภพภูมิที่รักษาสถานที่จนครบถ้วน

    [​IMG]
    รูปด้านซ้ายเป็นโต๊ะหมู่และรูปหลวงปู่เทพโลกอุดร รูปตรงกลางเป็นรูปหล่อหลวงพ่อชาญณรงค์และถัดไปรูปหล่อสีทองคือพ่อท่านคล้ายประดิษฐานในวิหารพระนอน และรูปด้านขวา มีรูปหลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญซึ่งพ่อท่านวงศ์ได้ไปเรียนวิชาธรรมกายกับท่าน

    ผมเองต้องนั่งเฝ้าท่านอยู่นาน พูดคุยสอบถามเรื่องต่างๆกับท่าน
    เห็นมีรูปหลวงพ่อสด ติดอยู่บนผนัง
    ผมได้สอบถามว่า “มีรูปหลวงพ่อสดอยู่ด้วย พ่อท่านเคยพบหลวงพ่อสด วัดปากน้ำหรือครับ”
    ท่านตอบว่า “เคยไปเรียนวิชาธรรมกายกับหลวงพ่อสด ที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ”
    “ตอนนั้นที่ไปเรียนอยู่ ได้ไปพักอยู่กับ สมเด็จช่วง พักอยู่กุฏิเดียวกัน (สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ )(ช่วง วรปุญฺโญ)
    พ่อท่านวงศ์ บอก "ในช่วงยังหนุ่มๆ หากที่ไหนมีวิชาดี มีอาจารย์เก่งๆ อาตมาก็ไปหา ไปขอเรียนวิชาหมดแหละ"

    อยู่กับท่านราว ๒ ชั่วโมงที่กุฎิ ท่านให้ผมหยิบแผ่นผ้ายันต์ที่วางอยู่ หน้าโต๊ะหมู่ส่งให้ผม
    ผมก็บอกท่าน จะขอลากลับก่อน
    ท่านก็ให้ผมเข็นรถนั่ง ไปข้างเตียงเพื่อ อุ้มท่านขึ้นนั่งบนเตียง
    แต่แล้ว ... เมื่อไปถึงเตียง ท่านและผมมองไปที่เตียง...ก็เห็นเหรียญสีทองแดงวางอยู่
    ทั้งๆ ที่ ตอนเข้ามาในกุฏิครั้งแรก ผมเข็นรถนั่งมาที่เตียง ได้ดูกันแล้วไม่มีเหรียญหรืออะไรวางอยู่
    นอกจากผ้าผืนเล็กๆ ที่ท่านนึกว่าลืมไว้ที่โรงพยาบาล

    [​IMG]
    รูปเหรียญ สีทองแดง มีแต่ยันต์ทั้งด้านหน้าและหลัง อยู่ๆก็วาางอยู่บนเตียงท่าน ทั้งๆที่ ตอนขึ้นมาดูกันแล้ว่าไม่มี...

    พ่อท่านวงศ์ ยื่นมือหยิบขึ้นมาดู แล้วก็กำเสกให้อีกครั้ง
    ก่อนมอบให้ผมพร้อมกำชับว่า... ให้นำติดตัวไว้ รักษาไว้ให้ดี
    หลังจากนั้นได้กราบลา และขอให้เป่าเสกเป่ากระหม่อมให้อีกครั้ง

    หลังจากผมกลับมาแล้ว ต่อมาเมื่อไปหาพ่อท่านวงศ์ที่วัดอีกครั้ง ก็พบว่าท่านไปอยู่ที่กรุงเทพอีกแล้ว
    ได้พบท่านอีกที ก็ เป็นช่วงเวลาเข้าพรรษา ในปี ๒๕๕๗ ครั้งนี้ได้ทำบุญกับท่านหลายวาระ
    และอีกครั้งในเดือนมีนาคม เมษายน พ.ศ.๒๕๕๘ ก่อนพ่อท่านจะมรณภาพ
    เมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 27 พฤษภาคม 2558 รวม สิริอายุ 86 ปี 60 พรรษา

    (ภาพถ่ายของท่านนี้ เป็นรูปที่ผมถ่ายในปี ๒๕๕๗
    เนื่องจากในการพบกันที่โรงพยาบาล ผมขอท่านถ่ายภาพ
    ท่านบอกว่า “อย่าถ่ายเลย ก่อนนี้มีคนมาขอท่านถ่ายรูป แล้วนำไปแอบอ้างชื่อท่านหาผลประโยชน์ ทำให้อาตมาพลอยเสียชื่อไปด้วย”
    ผมเลยไม่กล้าถ่ายภาพท่านในตอนนั้น)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • s109.jpg
      s109.jpg
      ขนาดไฟล์:
      103.4 KB
      เปิดดู:
      4,555
    • w104.jpg
      w104.jpg
      ขนาดไฟล์:
      98.1 KB
      เปิดดู:
      3,838
    • w101.jpg
      w101.jpg
      ขนาดไฟล์:
      102.6 KB
      เปิดดู:
      3,231
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2015
  10. เอกรถไฟ

    เอกรถไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +2,093
    รออ่านต่อนะครับ
     
  11. wichu

    wichu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    897
    ค่าพลัง:
    +4,694
    พ่อท่านวงศ์ ฐิตวุฑฒิ กับการสร้างรูปหล่อโบราณก้นอุ พ่อท่านคล้ายปี ๒๕๐๗

    พ่อท่านวงศ์เกิดเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2472 ที่ ต.บางมะเดื่อ อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี
    ชื่อเดิมของท่านชื่อ วงศ์ ตาลประสิทธิ์
    พ่อท่านวงศ์ อุปสมบทเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2499 เมื่ออายุ 26 ปี
    ที่วัดทองนพคุณ กรุงเทพฯ มีหลวงพ่อพระสังวรวิมล เป็นพระอุปัชฌาย์
    เจ้าคุณหลวงพ่อภัทรมุณี เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    หลวงพ่อพระกิตติสารโสภณ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    ตามประวัติที่เผยแพร่ เขียนไว้ว่า
    หลังจากบวชได้ 2 พรรษา ท่านได้เริ่มออกธุดงค์ เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2501
    ก่อนออกธุดงค์ ท่านได้ไปกราบพระประธานในอุโบสถ พร้อมอธิษฐานต่อหน้าพระในใจว่า
    “ขอมอบกายถวายชีวิตนี้ให้แก่ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะขอยึดเอาเพศบรรพชิตไปตลอดชีวิต จะไม่สิกขาลาเพศออกไปครองเรือนตลอดชีวิต”
    หลวงพ่อวงศ์ออกธุดงค์ไปทางภาคเหนือ ประมาณ 7-8 ปี พบอาจารย์ทั้งที่เป็นพระเกจิอาจารย์และฆราวาสจอมขมังเวทหลายท่าน
    เป็นไปได้ว่า การออกธุดงค์ของท่าน จะเป็นในช่วงที่ออกพรรษา
    เพราะในช่วงเวลา ประมาณปี ๒๕๐๓ พ่อท่านวงศ์ได้มาอยู่สร้างสำนักสงฆ์ที่บ้านกรูด

    เท่าที่สอบถามมา
    พ่อท่านวงศ์เล่าว่า หลังจากท่านบวชแล้ว
    ชาวบ้านญาติๆที่อยู่บ้านกรูดได้ขึ้นไปนิมนต์ท่านมาอยู่บ้านกรูดเพื่อสร้างวัด
    เนื่องจากในพื้นที่นี้ไม่มีวัดให้ทำบุญ ต้องเดินทางไปทำบุญที่อื่น และท่านก็ตอบรับ

    [​IMG]
    ในผนังทั้ง๒ด้าน ของพ่อท่านวงศ์ ติดรูปครูบาอาจารย์ของท่าน

    พ่อท่านวงศ์ ได้เคยเล่าเรื่องที่ ได้นิมนต์พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ มาที่บ้านกรูด
    ซึ่งผมจำรายละเอียดไม่ได้มากนัก แต่เมื่อค้นหาดู มีคณะศิษย์ที่ศรัทธาพ่อท่านคล้าย
    ได้มาสอบถามพ่อท่านวงศ์ และเขียนรายละเอียดไว้คล้ายๆ กับที่ได้ยินพ่อท่านวงศ์เล่า
    เรื่องมีดังนี้ครับ

    เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๐๕ นั้น ลมพายุโซนร้อนแฮเรียตพัดถล่มพื้นที่ต่างๆในหลายจังหวัดทางภาคใต้ พายุได้ขึ้นฝั่งจากทะเลอันดามันของประเทศไทยที่จังหวัดกระบี่
    และเคลื่อนที่พาดผ่านสร้างความหายนะให้แก่หลายจังหวัดที่พายุเคลื่อนที่พัดผ่าน
    จนกระทั่งพายุได้ไปลงทะเลที่แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช
    เรียกกันว่า “วาตภัยแหลมตะลุมพุก”

    วาตภัยนี้ได้สร้างผลกระทบเกิดความเสียหายอย่างหนักให้แก่ที่พักสงฆ์บ้านกรูด ด้วยเช่นกัน

    พ่อท่านวงศ์ จึงได้เดินทางไปขอพึ่งบารมีธรรมแห่งองค์พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์
    ซึ่งขณะนั้นพ่อท่านจำวัดประจำอยู่ที่สถานที่ก่อสร้างพระเจดีย์พระธาตุน้อย จันดี
    โดยติดต่อผ่านทางเพื่อนเกลอของท่าน คือ พระใบฎีกาครื้น โสภโณ (พระอุปัฏฐากของพ่อท่านคล้าย)

    พ่อท่านคล้ายได้เมตตาช่วยจัดหาปัจจัยต่างๆและจัดการทอดกฐินสมโภชขึ้นที่พักสงฆ์บ้านกรูด
    ราวเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๐๕ ซึ่งพ่อท่านคล้ายเดินทางมาเป็นองค์ประธานด้วยตนเอง

    พ่อท่านคล้ายและคณะได้เดินทางโดยสารด้วยเรือยนต์หางยาวตามลำน้ำตาปี
    จากอำเภอฉวาง ผ่านอำเภอทุ่งใหญ่ อำเภอพระแสง อำเภอเคียนซา
    มาขึ้นฝั่งที่ท่าน้ำบ้านแม่แขก แล้วคณะลูกศิษย์ที่ติดตามพ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน
    ได้จัดให้พ่อท่านนั่งมาบนแคร่ไม้ที่ผูกติดกับคานหาม แล้วทำการหามพ่อท่านคล้ายมายังที่พักสงฆ์บ้านกรูด
    โดยพ่อท่านคล้ายได้พักจำวัดที่กุฏิไม้เก่าใต้ถุนยกสูง

    ในตอนกลางวัน ก่อนทำการทอดกฐิน พ่อท่านวงศ์ได้นำพานดอกไม้พร้อมด้วยธูปเทียน
    ไปกราบพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ เป็นการส่วนตัว
    แล้วได้กล่าวถวายที่พักสงฆ์บ้านกรูดแห่งนี้ ให้แก่พ่อท่านคล้าย

    ซึ่งพ่อท่านคล้ายตอบกลับมาว่า
    “เอาต่ะฉานจะรับเป็นวัดของฉัน แต่คุณวงศ์ต้องอยู่ที่นี้อย่าไปไหน เพราะต่อไปข้างหน้าวัดนี้ จะเจริญพัฒนาก้าวหน้ามาก กลายเป็นวัดที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดสุราษฎร์ธานีด้วย”

    พ่อท่านวงศ์ยังได้กล่าวขออนุญาตจากพ่อท่านคล้าย ในการขอสร้างพระรูปหล่อรูปเหมือนพ่อท่านคล้าย
    เพื่อจะหาปัจจัยในการสร้างวัด

    [​IMG]
    พระผงพ่อท่านคล้าย ที่พ่อท่านวงศ์สร้างถวายไว้ที่วัดธาตุน้อย พระผงสร้างปี ๒๕๐๖ และได้เข้าพิธีปี ๒๕๐๗ พร้อมรูปหล่อก้นอุ

    พ่อท่านคล้ายท่านอนุญาตว่า
    “ให้ทำพระรูปหล่อได้” (พ่อท่านวงศ์เล่าว่า อนุญาตให้หล่อเป็นครั้งแรก) และพ่อท่านคล้ายพูดว่า “ทำให้เหมือนฉันนะ”

    แต่พ่อท่านวงศ์ยังไม่ได้สร้างรูปหล่อพ่อท่านคล้ายเนื่องจากช่วงเวลานั้นท่านยังไม่มีทุน
    ในระหว่างนั้นพ่อท่านวงศ์ได้จัดหาแผ่นทองแดงและแผ่นทองเหลืองนำไปให้
    พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน, พ่อท่านแดง วัดภูเขาหลัก , หลวงพ่อพัว (พระครูสถิตสันตคุณ),
    หลวงพ่อแดง วัดวิหาร, พระครูวิรัชพิริยาทร วัดโกศาวาส, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม,
    หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม จังหวัดนครปฐม, หลวงพ่อบุญธรรม วัดพระปฐมเจดีย์,
    หลวงพ่อจง พุทธสโร วัดหน้าต่างนอก (จังหวัดพระนครศรีอยุธยา) รวมทั้งหมด ๙ รูป
    ลงอักขระให้รูปละ ๙ แผ่น
    ส่วนหลวงพ่อวงศ์เองลงอักขระแผ่นยันต์เป็นจำนวนมากมาย(ท่านว่านับไม่ถ้วน)

    จนล่วงเลยถึงปีพ.ศ.๒๕๐๗ มีผู้ใจบุญคือ นายวิรัตน์ เศรษฐภักดี ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของพ่อท่านวงศ์
    รับอาสาออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด จึงได้จัดสร้างพระรูปหล่อรูปเหมือนพ่อท่านคล้ายฐานอุสำเร็จจำนวน ๒,๐๐๐ องค์

    เริ่มจากพ่อท่านวงศ์ได้นำแผ่นชนวนทั้งหมดขึ้นรถไฟเข้ากรุงเทพมหานคร โดยทำการว่าจ้างให้นายช่างพิมพ์ แห่งบ้านช่างหล่อ ทำการหล่อพระทั้งหมดในวัดสีหไกรสร(ช่องลม) บ้านช่องหล่อ อ.บางกอกน้อย กรุงเทพฯในสมัยนั้น (เขตบางกอกน้อยในปัจจุบัน)

    เมื่อช่างหล่อเสร็จ พ่อท่านวงศ์รีบนำพระทั้งหมดที่ยังไม่ได้ตัดกิ่งออกจากองค์พระใส่ลัง
    นำขึ้นรถไฟที่สถานีบางกอกน้อย กลับมายังสถานที่ที่กำลังก่อสร้างพระธาตุเจดีย์น้อยที่จันดี อ.ฉวาง ในสมัยนั้น
    โดยมีพระอริยะสงฆ์ ๔ รูป ทำการปลุกเสกพระในครั้งนั้น ได้แก่
    พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน, พ่อท่านแดง วัดภูเขาหลัก,
    พ่อท่านคลิ้ง วัดถลุงทอง และหลวงพ่อคล้าย วัดละอายใน
    (ท่านย้ำดังๆว่ามีพระ ๒ รูปชื่อว่าคล้ายที่ปลุกเสกพระให้ฉัน)

    ในการนี้ท่านได้นำพระผงรูปเหมือน พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ เนื้อว่าน จำนวน ๒๐,๐๐๐ องค์
    มี ๒ พิมพ์ คือแบบหลังยันต์พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ในภัทรกัป
    และแบบหลังรูปพระเจดีย์ พระเนื้อว่านทั้งหมดนี้ได้กดพิมพ์เป็นองค์พระเสร็จปีพ.ศ.๒๕๐๖
    และได้เข้าพิธีปลุกเสกพร้อมกันกับพระรูปหล่อฐานอุ สถานที่ปลุกเสกคือวัดพระธาตุน้อยในปัจจุบัน

    พระอริยะสงฆ์ชื่อดังทั้ง ๔ รูปได้ร่วมกันปลุกเสกพระเครื่องให้นานกว่า ๒ ชั่วโมง
    จนกระทั่งเมื่อพ่อท่านคล้ายบอกว่า “ใช้ได้แล้วคุณเหอ”
    เป็นอันว่าเสร็จสิ้นพิธีการปลุกเสก

    พระเนื้อว่านทั้งหมดหลวงพ่อวงศ์ได้มอบให้กับ พระใบฎีกาครื้น โสภโณ
    เพื่อช่วยหาทุนในการสร้างพระเจดีย์น้อยของพ่อท่านคล้าย

    พ่อท่านวงศ์บอกว่า “แลกกัน ฉานเอาเฉพาะพระรูปหล่อโบราณตันใต้ฐานยันต์อุจำนวน ๒,๐๐๐ องค์ ส่วนเนื้อว่าน ๒๐,๐๐๐ องค์นั้น ได้มอบให้วัดพระธาตุน้อย พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์” ตามวัตถุประสงค์ที่กล่าวมา

    พ่อท่านวงศ์เองนั้นท่านต้องการสร้างโบสถ์เป็นอันดับแรก
    เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พ่อท่านวงศ์นำพระรูปหล่อทั้งหมดขึ้นรถไฟ กลับมาตัดกิ่งออก ณ ที่พักสงฆ์บ้านกรูด ทั้ง ๒,๐๐๐ องค์

    พ่อท่านวงศ์ยังบอกต่อว่าต้นทุนในการสร้างพระนั้นองค์ละประมาณ ๒๐ บาท ท่านให้ชาวบ้านเช่าไปบูชาองค์ละ ๔๐ บาท (ในสมัย พ.ศ.๒๕๐๗)
    พ่อท่านวงศ์แจกพระในคราวสร้างพระอุโบสถ และคราวสร้างพระพุทธไสยาสน์วัดกรูด

    หลังจากนั้นต่อมา ท่านได้นำพระรูปหล่อจำนวน ๒๐๐ องค์
    กลับไปถวายกลับให้พ่อท่านคล้าย ในระหว่างก่อสร้างเจดีย์ เพื่อแจกจ่ายแก่ผู้บริจาคปัจจัยสร้างพระธาตุน้อย
    โดยมีพระใบฎีกาครื้น โสภโณ เป็นผู้รับมอบ

    เหตุผลว่าทำไมที่ฐานพระรูปหล่อโบราณนี้ จึงต้องมีอักขระยันต์อุกำกับใต้ฐาน พ่อท่านวงศ์บอกว่าท่านต้องการเน้นพุทธคุณให้มีอำนาจทางด้านมหาอุตต์(พ่อท่านวงศ์พูดเสียงดังชัดเจนมาก)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • s201.jpg
      s201.jpg
      ขนาดไฟล์:
      93.9 KB
      เปิดดู:
      4,154
    • s202.jpg
      s202.jpg
      ขนาดไฟล์:
      108.9 KB
      เปิดดู:
      3,235
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2015
  12. wichu

    wichu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    897
    ค่าพลัง:
    +4,694
    “พระครูชัยวงศ์วุฒิคุณ” พ่อท่านวงศ์ กับพิธีลงยันต์ในวันไหว้ครูประจำปี


    การสักยันต์ของพ่อท่านวงศ์ ได้รับการกล่าวขานและยอมรับกันกว้างขวาง
    ในเรื่อง คงกะพัน มหาอุด ความเข้มขลัง และวิธีการสักยันต์ที่ไม่มีใครเหมือน

    ในช่วงที่พ่อท่านแข็งแรง ตั้งแต่ได้รับการเผยแพร่ประวัติในนิตยสารพระเครื่อง ปี๒๕๔๙
    การสักยันต์ของวัดประชาวงศาราม ในแต่ละปี จะได้รับการประชาสัมพันธ์ ผ่านหน้าพระเครื่องในหนังสือพิมพ์อยู่เสมอ

    ในปี ๒๕๕๗ ผมได้สอบถามเรื่องการสักยันต์
    ท่านว่า “อาตมาเลิกสักแล้ว และได้นำเข็มสักยันต์ไปทิ้งไว้ในน้ำแล้ว ให้ผุกร่อนตามเวลา”
    สาเหตุที่ต้องเลิกสักยันต์ ผมไม่ได้ถามท่าน
    แต่อาจเป็นเพราะอาการป่วยของท่านที่ กระดูกทับเส้นที่บริเวณสะโพก
    ทำให้ท่านเดินไม่ได้ ต้องนั่งรถเข็น ขาขวา และแขนขวา ไม่มีแรง
    เหตุการณ์นี้ อาจเกิดขึ้นในปลายปี ๒๕๕๓ หรือปี ๒๕๕๔
    เพราะในปี ๒๕๕๓ ยังมีการลงเรื่องราวประชาสัมพันธ์ พิธีสักยันต์ของวัดอยู่

    พิธีการสักยันต์ ของพ่อท่านวงศ์ ได้รับการเผยแพร่ มีรายละเอียดดังนี้

    [​IMG]

    การลงยันต์จะทำในวันไหว้ครู ซึ่งตรงกับวันพฤหัสบดีแรกของเดือน 6 ไทย
    พิธีกรรมลงยันต์ในวันไหว้ครู นั้น หลวงพ่อวงศ์ เริ่มจุดเทียนธูปบูชาพระรัตนตรัย
    บูชาครูบาอาจารย์ และทวยเทพเทวา
    จากนั้นท่านจะอ่านโองการบวงสรวง และกล่าวนำบูชาครู
    ตามตำราของท่านให้พวกเรากล่าวตามอยู่นานพอสมควร

    เสร็จพิธีบูชาครูแล้ว ท่านจะเตรียมโถแก้วใบหนึ่ง ภายในบรรจุ น้ำมันมนต์
    ที่มีหัวว่านมงคล ด้านคงกระพัน สารพัดชนิด แช่อยู่เต็มโถ ออกมาตั้งพร้อมบริกรรมพระคาถา

    น้ำมันมนต์ โถนี้ ท่านทำไว้หลายปีแล้ว เพื่อนำมาลงยันต์สักน้ำมันบนแผ่นหลังให้กับศิษย์ที่ต้องการ
    เสร็จจากการบริกรรมพระคาถาในโถน้ำมัน ท่านจะหันมาบอกว่า “เอ้า...ใครจะลงก็เข้ามา"

    หลังจากจะใช้น้ำว่านลูบบนแผ่นหลัง ท่านจะใช้เหล็กจารเขียนยันต์ให้ ส่วนจะเป็นยันต์ตัวใดนั้น ท่านดูให้เองว่า คนไหนควรลงยันต์อะไร
    ท่านจะลงยันต์ด้วยเหล็กจารอาจจะเห็นมีรอยแดงและเลือดไหลซิบๆอยู่บ้างในตอนแรกและก็หาย

    เท่าที่ทราบ ท่านจะลงยันต์หัวใจต่างๆ เช่น ๑.พระเจ้า ๕ พระองค์ (นะโมพุทธายะ)
    ๒.ยันต์มหาลาภ ประกอบด้วย ยันต์หัวใจพระสิวลี ยันต์หัวใจมนุษย์ ยันต์หัวใจพระฉิม
    ๓.ยันต์หัวใจอิติปิโส ยันต์หัวใจพระนิพพาน (อะระหัง)
    ๔.หัวใจยอดศีล คือ พุทธะสังมิ ๕.หัวใจสัตตะโพชฌงค์ คือ สะธะวิปิปะสะอุ
    ๖.หัวใจพระรัตนตรัย คือ อิสะวาสุ
    ๗. หัวใจพาหุง คือ พามานาอุกะสะนะทุ
    ๘.หัวใจพระพุทธเจ้า คือ อิกะวิติ
    ๙.หัวใจแม่พระธรณี คือ เมกะมุอุและ
    ๑๐.คาถาแคล้วคลาด ป้องกันอันตรายต่างๆ ปราศจากศัตรู เป็นต้น
    ส่วน ค่าขันบูชาครู นั้นไม่มี และ ไม่ต้องใช้เครื่องบูชาครูเหมือนสำนักอื่นๆ สุดแล้วแต่ใครจะศรัทธาทำบุญ
    สำหรับข้อปฏิบัติ และข้อห้ามของคนลงยันต์ไปแล้วนั้น นอกจากต้องถือศีล ๕ แล้ว ข้อห้ามอย่างหนึ่ง คือ ห้ามกินมะเฟือง เพราะจะไปล้างว่านและคาถา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • s203.jpg
      s203.jpg
      ขนาดไฟล์:
      77.4 KB
      เปิดดู:
      3,971
  13. wichu

    wichu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    897
    ค่าพลัง:
    +4,694
    พระครูชัยวงศ์วุฒิคุณ พ่อท่านวงศ์ วัดประชาวงศาราม พระนักพัฒนา

    ในการสนทนากับพ่อท่านวงศ์ ทั้งในปี ๒๕๕๖ หรือ ประวัติพ่อท่านที่เผยแพร่ในปี๒๕๔๙
    พ่อท่านวงศ์ มักจะเล่าเรื่องการที่ท่านเป็นผู้บุกเบิก สร้างถนนสายหน้าวัด อยู่เสมอ
    ถนนสายนี้ เชื่อมต่อตั้งแต่อำเภอพุนพิน อำเภอเคียนซา อำเภอพระแสง
    ในช่วงบ่าย หรือช่วงเช้าที่แสงแดดไม่กล้ามากนัก
    พ่อท่านวงศ์ ให้ผมช่วยเข็นรถนั่ง พาท่านไปตามถนนคอนกรีต ที่วนเป็นวงรี รอบวัด
    แล้วจะไปที่ ซุ้มประตูวัด ด้านหน้าติดถนนลาดยาง
    พ่อท่านจะนั่งดูรถที่ผ่านไปมา ดูบ้านเรือนของชาวบ้านที่อยู่ตรงข้ามวัด
    ท่านมีความสุขที่ได้ดูโบสถ์ เจดีย์ วิหาร และถนนที่ท่านได้ริเริ่มก่อสร้างจนเสร็จ ให้คนมากมายได้ใช้ประโยชน์

    [​IMG]

    พ่อท่านวงศ์เป็นนักพัฒนาและได้ริเริ่มสร้างทางหลวงหมายเลข ๔๑๑๓
    สถานที่ตั้งของวัดประชาวงศารามในอดีตนั้นตั้งอยู่ในพื้นที่สีแดง
    สมัยนั้นพวกที่นิยมในลัทธิคอมมิวนิสต์ได้พยายามแผ่ขยายอิทธิพลครอบคลุมพื้นที่หลายแห่งในภาคใต้ ซึ่งรวมทั้งเขตอ.บ้านนาสาร อ.บ้านนาเดิม อ.เคียนซา อ.เวียงสระ อ.พระแสง และอ.ชัยบุรี ฯลฯ และอีกหลายอำเภอในเขตจ.นครศรีธรรมราช
    หลวงพ่อวงศ์ได้ดำริที่จะตัดถนนขึ้นสายหนึ่ง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ชาวบ้านระหว่างอำเภอได้ใช้อาศัยเดินทางติดต่อราชการ ขนส่งสินค้าและค้าขายพืชผลได้ง่ายขึ้น

    ท่านจึงชักชวนชาวบ้านโดยได้บอกขอที่จากชาวบ้านให้เสียสละที่ดินจากจุดกลางถนนข้างละ ๖ เมตร รวมสองฝั่งเป็น ๑๒ เมตร

    เมื่อรวบรวมที่ดินได้หมดหลวงพ่อวงศ์ก็เดินทางเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี สมัยนั้น คือ นายพร บุญประสพ เพื่อขอรถแทรกเตอร์ของจังหวัด
    เมื่อได้รับอนุมัติจากทางจังหวัดทำการบุกเบิกได้ ๑๐ วันได้ระยะทางประมาณ ๑๐ กิโลเมตร

    จากนั้นท่านก็ได้ชักชวนชาวบ้านเพื่อตัดเส้นทางต่อไป
    โดยมีโครงการจะตัดถนนไปจนถึงอ.เคียนซา และอ.พระแสง

    หลังจากสำรวจเส้นทางเสร็จแล้ว หลวงพ่อวงศ์ก็ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ มายังวัดทองนพคุณ
    เพื่อขอให้นายคงเดชซึ่งรู้จักกันช่วยเขียนแผนที่ให้และขีดแนวเส้นทางจาก กม.๑๙ ไปจนถึงอ.พระแสง เมื่อเสร็จแล้วก็นำแผนที่แนวทางกลับมาช่วยกันพิจารณา

    หลวงพ่อวงศ์ท่านเห็นว่าทางจังหวัดมีรถแทรกเตอร์เพียงคันเดียวแต่ต้องทำงานทั้งจังหวัด
    การที่จะสร้างถนนสายนี้ตามคิดคงจะสำเร็จได้ยาก จึงมองหาหนทางอื่นที่จะทำให้ได้
    ในที่สุดก็จำยอมเสี่ยงชีวิตทำฎีกาขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    โดยผ่านทางท่านพล.ต.หม่อมทวีวงศ์ ถวัลยศักดิ์ ซึ่งท่านก็ได้นำฎีกาขึ้นทูลเกล้าฯ ตามประสงค์

    ขณะเดียวกัน หลวงพ่อวงศ์ได้เดินเรื่องขึ้นไปทาง กรป.กลาง ด้วยตนเองอีกทางหนึ่ง
    ซึ่งในขณะนั้น พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ มียศเป็น พล.ต. ตำแหน่งรองเสธ.กรป.กลาง
    ท่านก็ลงมาดูข้อเท็จจริง เรื่องแนวเส้นทางถึงที่วัด
    พอท่านกลับไปแล้วก็ได้อนุมัติให้หน่วย นพค.๔๖ ลงมาทำการในจ.สุราษฎร์ธานี
    โดยตั้งที่ทำการอยู่ที่อ.พนม เพื่อทำงานในพื้นที่

    ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จฯ มาพระราชทานพระพุทธวรบพิตให้แก่จ.สุราษฎร์ธานี
    พระองค์ได้ตรัสถามท่านผู้ว่าราชการจังหวัดว่า
    "พระองค์ได้รับฎีกาจากพระภิกษุรูปหนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องการตัดสร้างถนนซึ่งแยกจากเส้นทางสายสุราษฎร์ฯ-ตะกั่วป่า ไปถึงอำเภอพระแสง ทางจังหวัดได้ให้ความร่วมมือหรือไม่"

    ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดได้กราบบังคมทูลว่า
    "ไม่ได้ให้ความร่วมมือเท่าที่ควร เพราะทางจังหวัดมีรถแทรกเตอร์อยู่เพียงคันเดียว ไม่สามารถทำงานได้ทั้งจังหวัด"

    อย่างไรก็ตาม ภายหลังนายอำเภอพุนพินได้ออกสืบว่า พระภิกษุรูปใดที่อาจหาญ สามารถกล้าที่จะถวายฎีกาถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    หลวงพ่อวงศ์จึงได้นำสำเนาหนังสือฎีกาให้นายอำเภอพุนพินได้ดู

    หลังจากนั้นไม่นานนัก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานรถแทรกเตอร์ D๔ มาหนึ่งคัน โดยส่งมากับเครื่องบินบรรทุกของอเมริกาจากสนามบินอู่ตะเภา มาลงที่อ.พระแสง ซึ่งเป็นปลายเส้นทาง

    ส่วนทาง กรป.กลาง ก็ได้ส่งรถแทรกเตอร์ D๗ มาอีก ๒ คัน พร้อมด้วยรถบรรทุก ๔ คัน และส่งหน่วยทหารช่างสำรวจมาอีก ๒ คน ได้เริ่มต้นกรุยเส้นทางบุกเบิกตามแนวเส้นทางที่วางไว้จนตลอดสาย รวมได้ระยะทาง ๕๗.๕ กิโลเมตร

    เมื่อหน่วยสำรวจทำงานเรียบร้อย ก็ได้ส่งหน่วยทหารช่าง ช.๔ มาแบบครบชุด
    ได้ทำการบดอัดจนงานเสร็จเรียบร้อยแล้วได้มอบให้แก่กรมทางหลวงเป็นถนนสาย ๔๑๑๓ ในปัจจุบัน
    ซึ่งได้ทำการลาดยางพื้นผิวถนนอย่างเรียบร้อยดังที่เห็นตลอดสาย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • s204.jpg
      s204.jpg
      ขนาดไฟล์:
      100.3 KB
      เปิดดู:
      3,367
  14. wichu

    wichu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    897
    ค่าพลัง:
    +4,694
    พระครูชัยวงศ์วุฒิคุณ พ่อท่านวงศ์ วัดประชาวงศาราม เข้าพรรษา ปี๒๕๕๗

    ใน เดือนสิงหาคม ๒๕๕๗
    พ่อท่านวงศ์ กลับจากกรุงเทพ มาอยู่วัดประชาวงศารามอีกครั้ง
    เป็นช่วงจังหวะดีที่ เพื่อนๆในกลุ่มที่ได้ทำบุญร่วมกัน
    ได้ฝากผ้าไตรจีวร ของใช้ สังฆทาน มาถวายพ่อท่าน

    [​IMG]

    ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๗ ผมมาถึงกุฏิพ่อท่านก่อนเพลเล็กน้อย
    พบกันท่านก็ยังจำผมไม่ค่อยได้ จึงได้สอบถามว่า มาหาท่านกี่ครั้งแล้ว
    จึงต้องบอกเล่าท่านถึง ปี๒๕๔๙ ที่มาวันไหว้ครูประจำปี และเห็นท่านแก้คุณไสยเขมร
    และในปี ๒๕๕๖ ที่ได้ไปกราบท่านที่โรงพยาบาลท่าโรงช้าง และรับท่านกลับมาส่งที่วัด

    ฟังผมบอกแล้ว ท่านก็จำได้
    ผมนำของต่างๆ ถวายพ่อท่าน นั่งพูดคุยกัน
    ผมขอท่านถ่ายรูป ครั้งนี้ ท่านอนุญาต
    ผมรวบรวมความกล้า ขอให้พ่อท่านอธิษฐานจิตพระผงจักรพรรดิ ที่ผมสร้างเองให้ด้วย
    ท่านพยักหน้า แล้วบอกให้ผมนำพระไปไว้ด้านในกุฏิ หน้าโต๊ะหมู่
    แล้วเข็นรถพ่อท่านเข้าไปหน้าโต๊ะหมู่ ผมวางพระบนเก้าอี้หน้าท่าน แล้วโยงสายสิญจน์มาให้

    [​IMG]

    “พ่อท่านวงศ์ กับ หลวงปู่โลกอุดร”
    หลังจากท่านอธิษฐานเสกพระผงให้แล้ว ได้นั่งคุยกันในกุฏิ
    ผมถามท่านเรื่องที่พ่อท่านไปเรียนวิชา กับหลวงพ่อชาญณรงค์
    ท่านเล่าว่า หลังจากพ่อท่านคล้ายมรณภาพแล้ว ท่านก็ไปอยู่วัดที่กรุงเทพ
    ไปแสวงหาครูอาจารย์ เพื่อเรียนวิชาในที่ต่างๆ

    ที่วัดทอง(ผมไม่แน่ใจว่าคือวัด โอรสาราม หรือไม่)
    พ่อท่านวงศ์พักอยู่กุฏิที่ติดกับกุฏิหลวงพ่อชาญณรงค์
    หลังจากเรียนวิชากับหลวงพ่อท่านชาญณรงค์(พ่อท่านเรียกอาจารย์ชาญณรงค์) แล้ว
    ท่านเล่าว่าได้ออกเดินธุดงค์ ๑๐ ปี และช่วงนี้เองที่ได้ไปพบครูบาอาจารย์ต่างๆ ในป่า

    ผมถาม “พ่อท่านได้เคยพบหลวงปู่โลกอุดร ไม๊”
    พ่อท่าน “เคยพบ และท่านได้สอนวิชาให้”
    ผม “พ่อท่านเคยเข้าไปในถ้ำที่หลวงปู่โลกอุดร พักอยู่หรือเปล่า”
    พ่อท่าน “เคยเข้าไปอยู่เรียนวิชาในถ้ำ หลวงปู่โลกอุดรพาเข้าไปเอง”
    ผม “ถ้ำนั้นอยู่ที่ไหนครับ พ่อท่าน”
    พ่อท่าน “บอกไม่ได้ ถ้าไปหาก็ไม่พบ ต้องให้หลวงปู่โลกอุดรพาไปเอง เราจะไปหาเองไม่ได้”
    ภายหลัง พ่อท่านเล่าเพิ่มเติมว่า “การไปเรียนวิชากับหลวงปู่โลกอุดรนั้น ท่านแค่สอนให้แนวทางในการฝึกปฏิบัติ เป็นช่วงเวลาไม่นาน แล้วก็ให้ออกมาฝึกโดยตัวเองข้างนอก”

    สิ่งนึงที่พ่อท่านมักเล่าให้ฟังคือ เรื่องที่พ่อท่านได้ไปพบกับปู่โทน หลำแพร
    และปู่โทนได้มอบกายสิทธิ์อย่างนึงให้ท่าน คือ “ไม้ไผ่ที่ด้านปลายมีรูปร่างเหมือนมือคน”
    ซึ่งเป็นรูปลักษณะที่เป็นตั้งแต่เดิมตามธรรมชาติ

    ในการพูดคุยกับพ่อท่านวงศ์ ผมมักถามคำถามที่เคยอ่านมาจากในเน็ต
    ผมถาม “หลวงพ่อชาญณรงค์ ท่านมรณภาพแล้วจริงหรือไม่ หรือท่านไปอยู่กับหลวงปู่โลกอุดร”
    พ่อท่าน “แล้วเค้าว่ากันว่ายังไงบ้าง”
    เรื่องนี้ พ่อท่านไม่ตอบตรงๆ

    เวลาถามพ่อท่านวงศ์ในเรื่องที่ค่อนข้างจะเหนือธรรมชาติ หรือเรื่องอจินไตย
    พ่อท่านวงศ์ จะจ้องหน้าเขม็ง เหมือนท่านจะตรวจอ่านจิต เจตนาของเรา ว่าเราถามด้วยเจตนาเช่นไร
    จ้องดูซักพัก แล้วพ่อท่านจะดูโดยรอบ ว่ามีใครอยู่บ้างไม๊ ก่อนจะตอบ
    และบางคำถาม พ่อท่านจะตอบว่า “อาตมาขอไม่ตอบคำถามนี้”

    วัตถุมงคลที่เหลืออยู่บ้างในปี ๒๕๕๗
    ก่อนจะกลับ ผมได้ถามพ่อท่านว่า “พ่อท่านมีพระอะไรเหลือมั่ง ผมขอทอนพระมั่ง(ของบูชาพระ)
    พ่อท่านวงศ์ “อาตมาไม่เอาเงิน ให้ไปหาแลในกล่อง ที่อยู่บนโต๊ะหมู่บูชาเอา”
    ผมก็ไปหาดู ได้พระจตุคาม และพระผงรูปเหมือนพ่อท่านวงศ์
    นำมาส่งให้พ่อท่าน ท่านก็นำมากำอธิษฐานจิตให้อีกครั้ง ก่อนส่งให้

    [​IMG]

    [​IMG]

    วันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๗
    ผมไปกราบทำบุญกับพ่อท่านวงศ์อีกครั้ง
    วันนี้ ผมนำพระผงจักรพรรดิ อีกกล่อง ที่พึ่งสร้างเสร็จ และได้นำไปเข้าพิธีวัดดอนศาลาแล้ว
    ในพิธีพุทธาภิเษกเหรียญอาจารย์นำ รุ่น ๑๒๓ ปีชะตะกาล ซึ่งพ่อท่านพุ่มก็มาเสกด้วย
    ท่านบอกให้นำพระไปไว้หน้าโต๊ะหมู่ แต่ครั้งนี้ ท่านไม่ได้เสกให้ในทันที
    ท่านบอก ค่อยเสกให้ในเวลาที่สงัด ช่วงกลางคืน

    นั่งพูดคุยกันนาน ถามพ่อท่านว่าเมื่อยขาหรือเปล่า
    ผมจะบีบนวดขาให้ ท่านพยักหน้า
    เลยบีบนวดถวายท่าน

    ผมถามท่านว่า พ่อท่านจะอยู่ที่นี่ตลอดไม๊
    พ่อท่าน “ออกพรรษาแล้วอาตมาจะไปหา พระใหญ่ ที่วัดในป่าเมืองกาญจน์”
    ผมถามชื่อวัด ถามชื่อพระ พ่อท่านก็ไม่ยอมบอก
    ผมถามว่า วัดนั้นอยู่อำเภออะไร
    พ่อท่านบอก “อำเภอในฝัน”
    ผมนั่งคิดอยู่ตั้งนาน ว่าจังหวัดกาญจนบุรี มีอำเภอชื่ออะไรบ้าง ตั้งใจว่าจะลองไปหาข้อมูลดู
    มารู้ทีหลัง ว่า ท่านอำผมเข้าแล้ว
    วัดและพระที่พ่อท่านบอกว่าจะไป ผมคิดเองว่า
    “คงเป็นพระองค์สำคัญที่พ่อท่านได้ติดต่อทางจิต” พ่อท่านถึงว่า “อำเภอในฝัน”

    ในตอนนั้น ผมเองยังคิดว่า หลังออกพรรษาแล้ว
    พ่อท่านวงศ์คงอยู่รับกฐินก่อน จึงค่อยเดินทาง จึงไม่รีบไปรับพระที่ฝากพ่อท่านเสกไว้
    แต่แล้ว พอถึงวันออกพรรษา พ่อท่านก็เดินทางขึ้นกรุงเทพในทันที
    คงต้องรอว่าเมื่อไหร่พ่อท่านจะกลับวัด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • a101.jpg
      a101.jpg
      ขนาดไฟล์:
      116.2 KB
      เปิดดู:
      3,976
    • a102.jpg
      a102.jpg
      ขนาดไฟล์:
      83 KB
      เปิดดู:
      3,178
    • a103.jpg
      a103.jpg
      ขนาดไฟล์:
      83 KB
      เปิดดู:
      3,546
    • w103.jpg
      w103.jpg
      ขนาดไฟล์:
      108.8 KB
      เปิดดู:
      3,082
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2015
  15. wichu

    wichu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    897
    ค่าพลัง:
    +4,694
    พระครูชัยวงศ์วุฒิคุณ พ่อท่านวงศ์ วัดประชาวงศาราม ในงานบุญอายุวัฒนมงคล ปี๒๕๕๘


    เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ผมได้แวะถามที่วัดประชาวงศาราม
    ทราบว่าทางวัดจะจัดงานทำบุญอายุวัฒนมงคล ครบ ๘๖ ปี วันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๘
    จึงได้ไปกราบทำบุญกับพ่อท่านในวันที่๕ ก่อนวันงานหนึ่งวัน

    [​IMG]

    ในตอนที่ไปถึง ท่านหลับอยู่บนเตียงไม้หวาย
    ผมไปนั่งอยู่หน้าโต๊ะหมู่ กราบพระ นั่งสมาธิ ภาวนาบทจักรพรรดิ กำหนดบุญครอบให้ท่าน
    ผมนั่งดูท่านไม่แสดงอาการว่าจะตื่น มีพลิกตัวบ้าง
    ได้เวลาเพล หลวงพี่ที่อุปฐากท่าน ได้ขึ้นมาปลุกท่านเพื่อฉันเพล

    ท่านตื่นมา ผมก็กราบพ่อท่าน
    พระอุปฐาก บอกท่านถึงเวลาฉันเพล ซึ่งภัตตาหาร ได้ถูกจัดไว้ที่โต๊ะไม้หน้ากุฏิท่านแล้ว
    ท่านพูดว่า “หลวงปู่โลกอุดรท่านฉัน ก็เมื่อเวลาที่หิวเท่านั้น”
    ผมบอก “พ่อท่าน ฉันก่อนดีกว่า เดี๋ยวเลยเวลาเพล”

    หลังจากพ่อท่านฉันเพลเสร็จ ท่านก็จะนั่งอยู่ที่โต๊ะไม้หน้ากุฏิ
    ถึงเวลาได้พูดคุยกัน

    ศิษย์ที่สืบทอดวิชา พ่อท่านวงศ์
    ผมเคยเห็นในบางเวบไซด์ มีฆราเวสที่เป็นอาจารย์มีวิชา
    บอกว่ามีครูอาจารย์หลายรูป และอ้างพ่อท่านเป็นอาจารย์ด้วย
    ผมถาม “พ่อท่านรับใครเป็นศิษย์ ไว้สืบทอดวิชาบ้างแล้วหรือยังครับ”
    พ่อท่าน “อาตมาไม่เคยสอนวิชาให้ใคร ทั้งพระ ทั้งฆราวาส”
    (ตอนนั้น พ่อท่านเข้าใจว่า เป็นวิชาที่พ่อท่านได้รับการสอนจากหลวงปู่โลกอุดร)

    วิชาของหลวงปู่โลกอุดร
    พ่อท่าน “วิชาของหลวงปู่โลกอุดร เป็นวิชาทางจิต
    พ่อท่าน “ถ้าโยมฝึกสมาธิ หายใจเข้าออก กำหนด “พุทโธ” ได้จนจิตรวม จิตสงบ แล้วอาตมาจะสอนให้”
    พ่อท่าน “ถ้าหาก จิต สมาธิยังไม่สูงพอ หากเรียนไป “ของเก่า” จะเสื่อมไปด้วย”

    เหรียญหลวงปู่โลกอุดร ที่พ่อท่านวงศ์สร้าง
    ผมเคยเห็นในเวบไซส์ พระเครื่อง ได้ลงรูปเหรียญหลวงปู่โลกอุดร ระบุว่า ของพ่อท่านวงศ์สร้าง
    เลยถามพ่อท่านเรื่องนี้
    พ่อท่าน “อาตมาเคยสร้างไว้นานแล้ว ตั้งแต่ตอนที่อยู่กรุงเทพ” “ตอนนี้ไม่มีเหลือแล้ว”

    พ่อท่านพุ่ม กตปุญโญ กับพ่อท่านวงศ์
    ผมเคยเห็นรูปถ่ายในตู้ไม้ ด้านหลังเตียงพ่อท่านวงศ์
    เป็นรูป พ่อท่านพุ่ม กตปุญโญ ถ่ายคู่กับ พ่อท่านวงศ์
    ได้เคยถาม พ่อท่านว่า "ถ่ายรูปกันในงานปลุกเสกองค์จตุคาม ของวัดปากด่าน ที่อำเภอสิชล นครศรีธรรมราช"

    พ่อท่านพุ่ม กตปุญโญ วัดดอยเจดีย์ศรีพุทธสถิต อายุ๑๑๓ปี ได้มรณภาพในวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
    โดยในตอนกลางคืนพ่อท่านพุ่มจำวัดตามปกติ
    แต่เมื่อช่วงเช้าวันถัดมาก็มรณภาพอย่างสงบ
    ผมเล่าเรื่องนี้ ให้พ่อท่านวงศ์ ทราบ
    พ่อท่านวงศ์ บอกว่า "พ่อท่านพุ่มท่านตั้งใจละสังขารเอง"


    ผมถาม “ตอนที่พ่อท่านหลับอยู่ ผมเข้าไปนั่งสมาธิหน้าโต๊ะหมู่ พ่อท่านรู้ไม๊ ว่าผมนั่งอยู่”
    พ่อท่าน “อาตมารู้แล้ว”
    ผมนึกในใจ “แหะๆ พ่อท่านรู้ แต่ไม่ยอมตื่นลุกขึ้นมา ปล่อยผมนั่งรอตั้งนาน”

    ในวันนั้น พ่อท่านให้ผมเข็นรถพาท่านไปดูสิ่งต่างๆรอบวัด
    ซึ่งตอนนั้น มีร้านค้ามาตั้งเต็นท์ ขายของกันมากมาย อยู่ในช่วงงานทำบุญวันเกิดพ่อท่าน
    ร้านค้านี้ จะตั้งอยู่นาน จนใกล้วันสงกรานต์ ก็จะย้ายไปขายกันในงาน “สรงน้ำพ่อท่านชื่น วัดในปราบ” ต่อไป
    หลังจากพาพ่อท่านดูรถที่วิ่งผ่านหน้าวัดพักใหญ่ ก็พาท่านกลับที่หน้ากุฏิ
    นั่งบีบนวดขา แขน และหลังให้พ่อท่าน จนท่านหลับ จึงกราบลา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • a106.jpg
      a106.jpg
      ขนาดไฟล์:
      102 KB
      เปิดดู:
      3,235
  16. wichu

    wichu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    897
    ค่าพลัง:
    +4,694
    พ่อท่านวงศ์ วัดประชาวงศาราม อายุย่าง ๘๗ ปี

    ในช่วงวันหยุดสงกรานต์ ได้มีกลุ่มเพื่อนๆ จากกรุงเทพและจังหวัดทางใต้
    เดินทางไปร่วมทำบุญกันในหลายๆที่

    [​IMG]

    ในวันที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๕๘
    ผมได้พากลุ่มเพื่อนๆ มากกราบ ทำบุญกับพ่อท่านวงศ์
    วันนี้ ท่านดูสดชื่นและอารมณ์ดี ท่านให้นำของไปถวายภายในกุฏิ ข้างๆเตียงไม้หวาย
    พอจัดของ จัดดอกไม้ และของต่างๆเสร็จ
    พ่อท่านบอก “เอาเจ้าภาพ ไปจุดธูปหน้าโต๊ะหมู่บูชา”
    ผมเองไม่ได้เป็นเจ้าภาพหรอก แต่คนอื่นๆพึ่งเคยมาครั้งแรก ผมเลยไปที่หน้าโต๊ะหมู่

    [​IMG]

    เหรียญหลวงปู่โลกอุดร
    เมื่อเข้าไปใกล้โต๊ะหมู่ ... ผมก็เห็น ...สิ่งที่ผมเฝ้าถามถึงมานาน...
    หน้าโต๊ะหมู่ มีกล่องพลาสติก เล็กๆ ที่ก้นกล่อง มีเหรียญสีดำๆ
    ดูๆ แล้ว เหมือนกับรูปหลวงปู่โลกอุดร
    เมื่อ ผมจุดธูปเทียนเสร็จ ก็ ไปรวมกับเพื่อนๆ กล่าวบุชาพระ รับศีล และถวายสังฆทาน กรวดน้ำ
    แล้วก็ถึง เวลาสำคัญ ผมเองเมื่อเห็นเหรียญก็ คิดในใจอยู่ว่า "จะขอให้พ่อท่านแจกเพื่อนๆคนละเหรียญ ก็ยังดี"

    ผมจึงถามพ่อท่าน “พ่อท่าน เหรียญในกล่อง ที่อยู่หน้าโต๊ะหมู่ เป็นเหรียญหลวงปู่โลกอุดรใช่ไม๊ครับ”
    พ่อท่าน พยักหน้า แล้วบอก “ไปหยิบมาให้ที”
    หลังจากไปนำมาให้ พ่อท่านก็แจกให้ สมความปรารถนา ดีใจกันทุกคน

    เหรียญนี้ ในปี ๒๕๕๗ ผมก็หามาหลายรอบ ทั้งตู้ไม้ข้างเตียง บนโต๊ะหมู่บูชา ทั้งหลาย
    พบแต่ กล่องพระอื่นๆ เช่น พระผงรูปพ่อท่านวงศ์ รูปพ่อท่านคล้าย พระผงองค์จตุคาม
    แต่เหรียญนี้ ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
    เหรียญนี้ พ่อท่านสร้างไว้ในนาม วัดประชาวงศาราม และ วัดโอรสาราม(วัดทอง) เมื่อปี๒๕๓๗
    ซึ่งเป็นช่วงที่พ่อท่านวงศ์ ยังอยู่ที่กรุงเทพ และสร้างหลังจากหลวงพ่อชาญณรงค์มรณภาพ ๑ ปี

    [​IMG]

    กายสิทธิ์ ที่ปู่โทน ศิษย์หลวงปู่โลกอุดร มอบให้
    หลังจากนั้น พูดคุยกัน
    พ่อท่านวงศ์ เล่าเรื่องที่ได้ไปพบ กับปู่โทน หลำแพร
    ปู่โทนได้มอบกายสิทธิ์ ตามธรรมชาติ คือ “ไม้ไผ่ที่มีรูปเหมือนท่อนแขนและมือ”
    พ่อท่านให้ผมไปยกมาจากโต๊ะหมู่ วางให้เพื่อนๆดู
    แล้วแจก รูปกระดาษยันต์ ที่มีรูปไม้ไผ่นี้ด้วย พร้อมแจกรูปยันต์ธนบัตร ให้ทุกคน

    เรื่องการธุดงค์ กับงูเหลือม
    พ่อท่านวงศ์ เล่าเรื่องการเดินธุดงค์ของท่าน ไปทั่วภาคเหนือ ไปถึงเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน
    ท่านว่า กลางคืนปักกลด ต้องปิดมุ้งให้สนิท ป้องกันงูเข้ามา
    มีอยู่ครั้ง ระหว่างที่อยู่ในกลด งูเหลือม ตัวใหญ่เท่าต้นมะพร้าว มานอนอยู่ข้างกลด ไม่ยอมไปไหน
    นอนเฝ้าอยู่ทั้งคืน แต่ก็ไม่เข้ามาในมุ้ง

    การเดินธุดงค์นี้ พ่อท่านมีเพื่อนพระไปด้วยอีก ๑ รูป
    คือ พ่อท่านจ่าง วัดเกาะกลาง (เดิมท่านอยู่วัดน้ำรอบ)
    และได้ไปหาปู่โทน หลำแพร ด้วยกัน

    ผมถาม “พ่อท่านจ่าง ได้เป็นศิษย์หลวงพ่อชาญณรงค์ ด้วยหรือไม่ครับ”
    พ่อท่าน “ไม่ได้กราบเป็นศิษย์อาจารย์ชาญณรงค์”
    “แต่เวลาเดินธุดงค์ด้วยกันก็ได้เคยแลกเปลี่ยนวิชากัน”

    ก่อนกราบลาพ่อท่าน
    วันนั้น ผมได้นำ พระผงหลวงปู่ทวด ฝากพ่อท่านไว้เสกให้ด้วย
    ซึ่ง พ่อท่านจะเสกให้ในเวลาที่ท่านพร้อม และเป็นวันที่ดี

    กราบพ่อท่านวงศ์ ครั้้งสุดท้าย
    วันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๘
    ผมมากราบ ทำบุญกับพ่อท่านอีกครั้ง
    น่าเสียดายมาก ผมไม่รู้ว่า ก่อนนี้ ไม่กี่วัน เป็นวันไหว้ครูประจำปี
    พ่อท่านบอกว่า มีศิษย์มากจากจังหวัดต่างๆ มาร่วมกันมาก
    และบอกว่า พระในกล่องของโยม มีคนเอาไปมากพอสมควร
    ผมบอก “พ่อท่านไม่ไร พระของเพื่อนผมก็ตั้งใจสร้างไว้แจก อยู่แล้ว จะได้ทำบุญถวายพ่อท่านแจกด้วย”

    วันนั้นน่า แปลกที่ พ่อท่านเร่งให้ผมนำกล่องพระไปไว้ในรถก่อน
    ถึงแม้จะยังไม่กลับ แต่พ่อท่านให้ผมนำกล่องพระไปไว้ในรถก่อน แล้วค่อยมานั่งคุยกัน

    เรื่องนี้ ผมมาทบทวนคิดดู พ่อท่านคงรู้วันมรณภาพของท่าน
    หากผมลืม กล่องพระไว้ในกุฏิพ่อท่าน และพ่อท่านมรณภาพเสียก่อน
    ทางวัดปิดประตูกุฏิ และคงมาเอาพระกลับคืนไปไม่ได้
    ของในกุฏิ จะต้องเป็นของสงฆ์ เข้าไปเอาไม่ได้

    เวลาที่ผมไปกราบพ่อท่านวงศ์ ปกติ จะมีแต่พระที่อุปฐากพ่อท่านเท่านั้นที่ได้พบกับผม
    เพราะพ่อท่านวงศ์ เป็นพระที่ดุ และหากมีอะไรไม่เหมาะ จะว่ากล่าวตักเตือนตรงๆ
    ดังนั้น ทั้งชาวบ้าน และพระที่วัด หากพ่อท่านไม่เรียก ก็ไม่มีใครมาที่กุฏิ
    ดังนั้นหากผมลืมกล่องพระไว้ จะมาบอกภายหลังใครคงไม่เชื่อผมเท่าไหร่

    ก่อนกลับผมถามพ่อท่านวงศ์ ว่า “แล้วพ่อท่านจะอยู่วัดถึงวันไหน จะไปกรุงเทพฯ อีกเมื่อไหร่”
    พ่อท่านว่า “ต่อไปจะอยู่ที่นี่ ไม่ไปไหนแล้ว”
    ซึ่งคำพูดพ่อท่านก็แสดงความหมายเป็นนัย ว่าจะอยู่ที่วัดนี้ตลอดไปเพราะ
    ช่วงเที่ยงของวันที่ 27 พฤษภาคม 2558
    หลังจากฉันเพลแล้ว พ่อท่านวงศ์ก็มรณภาพอย่างสงบ สิริอายุ 86 ปี 60 พรรษา
    น้อมกราบพ่อท่านวงศ์ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • a105.jpg
      a105.jpg
      ขนาดไฟล์:
      86.9 KB
      เปิดดู:
      3,445
    • a104.jpg
      a104.jpg
      ขนาดไฟล์:
      113.8 KB
      เปิดดู:
      3,521
    • a107.jpg
      a107.jpg
      ขนาดไฟล์:
      118.7 KB
      เปิดดู:
      3,066
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2015
  17. wichu

    wichu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    897
    ค่าพลัง:
    +4,694
    พ่อท่านอิ้น ปภากโร ผู้สืบทอดวิชาแห่งวัดพัทธสีมา และสายวัดเขาอ้อ

    “พ่อท่านอิ้น ที่เคียนซา” เคยได้ยินชื่อนี้ไม๊
    เป็นคำถามของเพื่อนในกลุ่มที่ชอบทำบุญด้วยกัน ถามมา
    ผมเองไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน แต่โชคดีที่หาข้อมูลและตำแหน่งเส้นทางไปวัดได้

    “พ่อท่านเป็นพระที่พบง่าย คนเข้ากราบไหว้ได้ถึงตัก”
    ในวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๖ ผมได้มีโอกาสไปกราบพ่อท่านเป็นครั้งแรก
    พ่อท่านอิ้นรูปร่างใหญ่ ผิวคล้ำ ท่านพูดจาเบาเสียงนุ่ม
    ในวันนั้น มีชาวบ้านแถวนั้น นำหมากมาถวายพ่อท่านพร้อมพาลูกชายที่ยังเด็กมากราบ
    เนื่องจาก วัดทับใหม่พัฒนา ตั้งอยู่ใกล้ๆโรงเรียน ตอนเย็นๆจะมีผู้ปกครองมารอรับลูกอยู่มากพอควร

    [​IMG]
    ด้านบนใต้ฝ้าเพดาน จะมีตาข่ายสายสิญจ์ผูกโยงไว้ทั่วกุฏิ ตำนานความขลังในสายวิชาวัดพัทธสีมาและวัดเขาอ้อ และได้โยงสายสิญจ์ลงมาในการเสกพระทุกเสาร์ ทุกอังคาร


    ผมกราบทำบุญถวายผ้าจีวร และสังฆทานกับท่าน แล้ว
    ได้เล่าเรื่องราวที่กลุ่มเพื่อนๆจะจัดทำแผ่นยันต์ และด้านหลังจะติดผ้าจีวร
    เพื่อส่งแจกให้กับเหล่าทหาร ตำรวจ และกลุ่มชาวพุทธในสามจังหวัดชายแดนใต้ พร้อมเอ่ยขอผ้าจีวรของท่าน
    พ่อท่านอิ้นยิ้ม พยักหน้า บอก “ได้เดี๋ยวให้คนไปเอามาให้”
    หลังจากได้ผ้าจีวรมา พ่อท่านก็อธิษฐานจิตให้อีกรอบ

    [​IMG]

    พ่อท่านอิ้นได้รับการยอมรับว่าพระเกจิอาจารย์รุ่นใหญ่ของสายวิชาไสยศาสตร์ภาคใต้ ๒ สาย คือ สายวัดพันธสีมาและสายวัดเขาอ้อ
    เป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบและเชี่ยวชาญในเรื่องของคาถาอาคม

    พ่อท่านอิ้นเกิดในวันพฤหัสบดี เดือน ๘ ปีระกา พ.ศ. ๒๔๖๔
    ที่หมู่บ้านสระโพธิ์ อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช
    พ่อกับแม่ ของพ่อท่านชื่อ “นายบุตร-นางเขียว ชูเมือง” ชื่อเดิมของท่านคือ “อิ้น ชูเมือง”
    ท่านขุนพันธรักษ์ราชเดช ก็เป็นญาติๆ ในทางฝ่ายแม่ของท่าน

    การศึกษาวิชาพุทธาคม และไสยเวท พ่อท่านได้เรียนตั้งแต่เป็นฆราวาส
    โยมพ่อของพ่อท่านอิ้นเป็นฆราวาสที่มีวิชาอาคม เป็นศิษย์ของพระอาจารย์ชูเฒ่า แห่งวัดพันธสีมาพ่อของท่านสามารถนั่งสมาธิเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ และเป็นผู้สอนวิชาต่างๆ มากมายให้กับท่าน
    ซึ่งเมื่อท่านได้นำมาทำตามตำราแล้วก็ได้ผลตามตำราที่ได้ศึกษา
    ทำให้ท่านมีความเชื่อมั่นในสายวิชาของ “วัดพันธสีมา” อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช อย่างมาก
    ต่อมาท่านได้เรียนเพิ่มเติม ในวิชาสายวัดพันธสีมากับ พ่อท่านหนูจันทร์ พ่อท่านโรย จนสำเร็จ

    ในภาคใต้ วิชาพุทธาคม ไสยเวท แห่งสำนักเขาอ้อ เข้มขลัง และอยู่แถวหน้า
    ดังนั้นพ่อท่านจึงได้เดินเท้าข้ามภูเขาไปเรียนวิชาสายเขาอ้อกับ พ่อท่านเอียด วัดดอนศาลา
    และพระอาจารย์นำ แก้วจันทร์ (สมัยยังเป็นอาจารย์ฆราวาส) จนแตกฉาน

    ในช่วงวัยหนุ่ม ท่านมีเพื่อนมาก และการวิวาท ปะทะ กันระหว่างกลุ่ม
    และการทำสิ่งต่างๆตามที่ถูกชักนำ โดยไม่ได้คิดถึงความผิดถูก
    ทำให้ช่วงหนึ่งท่านก็ถูกทางการออกหมายจับ และถูกเรียกว่า “เสือร้าย”

    เมื่อท่านต้องปะทะกับ “ขุนพันธรักษ์ราชเดช”
    และฝ่ายทางการที่ติดตามจับกุมในตอนนั้นก็คือ “ขุนพันธรักษ์ราชเดช”
    ซึ่งถือว่า นับได้เป็นญาติฝ่ายแม่ของท่านเอง

    [​IMG]
    รูปด้านซ้ายเป็นหลวงพ่อทวดด้านหลังฝังเม็ดแร่(เหล็กไหลตาน้ำ) รูปกลางคือตะกรุดโทนของพ่อท่านอิ้น ตำนานแห่งวิชาสายวัดพัทธสีมา รูปด้านขวาเป็นเหรียญรุ่น๒ ที่ให้บูชาเพื่อหาทุนร่วมสร้างอุโบสถ

    “อิทธิฤทธิ์ แห่งตะกรุดโทน แห่งสายวิชาวัดพัทธสีมา”
    สมัยนั้นท่านเคยหนีการจับกุมไล่ล่าของตำรวจมือปราบท่านขุนพันธ์ฯจอมขมังเวทย์ในระยะประชิดตัว
    แต่ด้วยอำนาจเดชะบุญของตะกรุดโทนที่ท่านทำใช้เองตามตำราที่ได้เล่าเรียนมาทำให้ท่านรอดพ้นจากภัยอันตรายมาได้หวุดหวิด

    เรื่องที่ปะทะกับ ท่านขุนพันธรักษ์ราชเดช นั้น พ่อท่านอิ้นเคยเล่าไว้ให้ศิษย์บางกลุ่มฟังว่า
    “ก็มีการคุยกันบ้าง แต่ถ้าคุยไม่รู้เรื่องก็ต้องยิงกัน เรายิงเขาไม่ออก เขาก็ยิงเราไม่ออก เพราะเรามีตะกรุดที่ทำเองคาดติดตัวอยู่ดอกเดียว”

    และเมื่อท่านโดนจับกุมในข้อหาคดีความต่างๆ ถูกนำตัวสู่การพิจารณาของศาล
    ท่านก็อาศัยบารมีแห่งตะกรุดโทนนี้ ทำให้ศาลยกฟ้องคดีท่านมาจนนับครั้งไม่ถ้วน

    ในด้านการครองเรือนนั้น ท่านเคยมีภรรยาอยู่กินกันถึง ๗ คน
    แต่มีบุตรเพียงคนเดียวและได้เสียชีวิตไปแล้ว

    [​IMG]

    ต่อมาเมื่อท่านได้เข้าร่วมกับกลุ่มสหายแห่งขุนเขาอำเภอเคียนซา
    ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นถึงหัวหน้าและมีมวลชนที่อยู่ในปกครองถึง ๖,๐๐๐ คน
    ซึ่งสมัยนั้นถูกจัดเป็นพื้นที่สีแดง ท่านมีที่ดินในการปกครองมากมาย มีบริวารห้อมล้อมและคนเกรงขามจำนวนมาก แต่ท่านก็หาได้มีความสุขอย่างแท้จริงเลย
    หลังจากที่ท่านคิดทบทวนถึงชีวิตที่ผ่านๆมา จึงทำให้รู้ซึ้งถึงสัจจะธรรมความไม่เที่ยงแท้แน่นอนของชีวิต

    หลังจากที่ใช้ชีวิตฆราวาสอย่างโชกโชนและคุ้มค่า
    ท่านจึงได้มานั่งคิดทบทวนถึงเรื่องราวที่ผ่านมาของชีวิต
    ว่า มีสมบัติเยอะก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความสุข มันเป็นความทุกข์เสียมากกว่าที่ต้องมานั่งเฝ้าของ
    การมาต่อยตีหรือยิงกันมันก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น มีแต่เจ็บกับเจ็บ ตายกับตาย ไม่เป็นเขาก็เป็นเรา

    ท่านจึงได้ปลดระวางตัวเองและยกที่ดินที่มีอยู่ทั้งหมดให้กับชาวบ้านที่อยู่ภายใต้การปกครองของท่าน เพื่อส่งเสริมให้ชาวบ้านในปกครองได้มีอาชีพ และพื้นที่ทำกินโดยสุจริต

    โดยที่ดินเหล่านั้นปัจจุบันอยู่ในเขตพื้นที่หมู่บ้านเขารักษ์ หมู่๘ หมู่๙ ตำบลบ้านเสด็จ อำเภอเคียนซา
    โดยชื่อหมู่บ้านนั้นท่านเป็นผู้ตั้งชื่อโดยมาจากคำว่า “ คุณรักษา “
    ต่อมาเรียกเพี้ยนเป็นเขารักษ์ ( จากประวัติโรงเรียนเขารักษ์ อำเภอเคียนซา )

    และท่านยังได้ยกที่ดิน ๑๐๐ ไร่เพื่อจัดตั้งเป็นโรงเรียนขึ้น
    โดยช่วงแรกได้ชื่อว่า โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๒๒ (ใต้ร่มเย็น) สาขาบ้านเขารักษ์
    ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนบ้านเขารักษ์ จวบจนปัจจุบัน
    และท่านยังได้ตั้งกองทุนเพื่อการศึกษาของเด็กนักเรียนไว้
    โดยใช้ชื่อว่ากองทุนหลวงพ่ออิ้น ปภากโร ( นายอิ้น ชูเมือง ) อีกด้วย

    พร้อมกับหันหลังให้กับทางโลกก้าวเข้าสู่ร่มเงาของพระพุทธศาสนา
    ณ วัดบางสะพาน ตำบลบางจาก อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ในปี ๒๕๓๒
    โดยมี “พระครูวิธานชุลาธรณ์” เป็นพระอุปัชฌาย์

    เมื่อบวชแล้วพ่อท่านได้กลับมาตั้งสำนักสงฆ์บ้านทับใหม่ในเขตพื้นที่สีแดง
    บนเนื้อที่ประมาณ ๑๙ ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินของชาวบ้านที่มีจิตศรัทธาในละแวกนั้นได้ร่วมกันบริจาคเพื่อสร้างวัด

    หลังจากนั้นท่านก็เริ่มออกธุดงค์เพื่อแสวงหาในสิ่งที่ท่านยังสงสัย
    ในการธุดงค์ของท่านนั้นท่านได้ไปทั่วทุกภาคของประเทศไทย
    และเลยออกไปยังประเทศใกล้เคียงจนท่านพอใจและค้นพบสิ่งที่ท่านสงสัยแล้ว

    [​IMG]
    ในช่วงปี ๒๕๕๖ ถึง ๒๕๕๗ ยังมีการก่อสร้างกำแพงแก้วรอบโบสถ์ และซุ้มประตูอยู่ระหว่างการก่อสร้าง

    ท่านจึงกลับมาที่เดิมและเริ่มพัฒนา สำนักสงฆ์บ้านทับใหม่ อย่างจริงจัง
    ซึ่งก็คือวัดทับใหม่พัฒนา โดย มีกุฏิสำหรับพระสงฆ์จำพรรษา ศาลาปฏิบัติธรรม เมรุ
    และปัจจุบันกำลังก่อสร้างพระอุโบสถ เพื่อให้เป็นวัดที่สมบูรณ์รองรับชาวบ้านที่เข้ามาสู่ร่มเงาของพระพุทธศาสนา ซึ่งการก่อสร้างก็เกือบแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างก่อสร้างกำแพงแก้วรอบอุโบสถ
    ในวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ พ่อท่านอิ้น มรณภาพลงด้วยโรคชรา ศิริอายุรวม ๙๓ ปี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • o101.jpg
      o101.jpg
      ขนาดไฟล์:
      129.2 KB
      เปิดดู:
      4,309
    • o103.jpg
      o103.jpg
      ขนาดไฟล์:
      109.1 KB
      เปิดดู:
      3,209
    • s109.jpg
      s109.jpg
      ขนาดไฟล์:
      84.5 KB
      เปิดดู:
      3,952
    • o105.jpg
      o105.jpg
      ขนาดไฟล์:
      105.7 KB
      เปิดดู:
      3,013
    • o104.jpg
      o104.jpg
      ขนาดไฟล์:
      99.2 KB
      เปิดดู:
      2,940
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2015
  18. wichu

    wichu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    897
    ค่าพลัง:
    +4,694
    พ่อท่านอิ้น ปภากโร กับวัตถุมงคลวัดทับใหม่พัฒนา

    ผมเองปกติก็ไปกราบทำบุญถวายสังฆทานกับพ่อท่าน แล้วก็มีขอพรให้ท่านเป่าหัว บูชาวัตถุมงคลบ้าง
    แต่ไม่ค่อยได้พูดคุยกับพ่อท่านมากเท่าไหร่

    ครั้งนึงผมได้รับอาสาในการนำวัตถุมงคลของวัดป่าชุมพลบุรี ที่สร้างเพื่อหาทุนสร้างโบสถ์ไปขอให้ครูบาอาจารย์ทางใต้อธิษฐานจิตให้
    และแน่นอน ที่พลาดไม่ได้ ก็ต้องนำมาขอให้พ่อท่านอิ้น แห่งวัดทับใหม่พัฒนาอธิษฐานจิตให้ด้วย

    [​IMG]

    จริงๆ ก่อนหน้านี้ ผมเองเคยนำพระผงจักพรรดิ์มาให้พ่อท่านเสกให้แล้วครั้งนึง
    แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน เนื่องจาก ครูบาบัวพรรณ เจ้าอาวาสวัดป่าชุมพลบุรี ท่านมาด้วยตัวเอง
    พ่อท่านอิ้นเริ่มอธิษฐานจิต สวดบทคาถาต่างๆ
    ซักพัก ท่านบอกให้ศิษย์ไปหยิบสร้อยประคำมาให้ท่าน แล้วท่านนับประคำเสกไปด้วย

    [​IMG]
    รูปซ้ายพ่อท่านอิ้นเสกด้วยคาถาตามตำรา แล้วนำประคำมานับเพื่อตั้งธาตุหนุนธาตุ

    หลังจากเสกเสร็จ ผมได้ขอให้ท่านเขียนยันต์ในแผ่นทองเหลือง
    บอกท่านว่า “ผมจะเอาไว้เพื่อใช้หล่อพระในภายหลัง เผื่อจะสร้างเหรียญไว้แจกทหารและชาวพุทธในสามจังหวัดชายแดน”
    พ่อท่านเขียนยันต์ให้ครู่ใหญ่ แล้วอธิษฐานจิตให้อีกครั้ง ตอนส่งให้ท่านบอก
    “แผ่นยันต์นี้ พกไปออกสงคราม เข้าในสนามรบได้ทุกที่ ปลอดภัยทุกที่”
    ครับพ่อท่านมั่นใจในวิชาของท่านอย่างเด็มที่ ไม่มีเรื่องให้สงสัยลังเล

    ผมเดินดูเครื่องราง วัตถุมงคลต่างๆ มีความสงสัยจึงถามพ่อท่าน
    “พ่อท่าน เวลาเสกเสือ เสกพระอุปคุต นี่ เสกแบบไหน เหมือนกันหรือเปล่า”
    พ่อท่าน “ก็เสกด้วยคาถาที่ใช้เหมือนกัน ตั้งธาตุ หนุนธาตุ เรียกรูปเรียกนาม ให้มีตัวตนมีวิญญาณตามแบบรูปของที่เสก แล้วก็เพิ่มคาถาเฉพาะสิ่งที่เสก”
    “ถ้าเสือ ก็ เสกผูกด้วยคาถาหัวใจเสือสมิง พระอุปคุต ก็เสกด้วยคาถาพระอุปคุตที่มีอยู่”

    [​IMG]
    ในปี ๒๕๕๕ ทางวัดได้สร้างวัตถุมงคลไว้เพื่อหาทุนสร้างอุโบสถ

    ซึ่งเรื่องนี้ พ่อท่านอิ้นเคยพูดไว้ ก่อนนี้เหมือนกัน ว่า
    “โดยปกติการเสกก็จะว่าคาถาประจำที่ครูบาอาจารย์สอนไปเรื่อยๆ
    จนครบตามกำหนด แล้วจึงค่อยเลือกว่าจะให้ของที่เสกมีพุทธคุณ
    ไปทางไหนก็จะว่าคาถาไปทางนั้น”

    “สุดท้ายคือการนำความสมดุลเข้าสู่ของที่เสก ภาษาพระเขาเรียกว่าการปรับธาตุ
    มันเป็นเรื่องของการกลมกล่อมของที่เสก ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องของจิตที่ต้องได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี”
    “คนเราถึงจะรู้คาถาเดียวกันแต่พลังจิตไม่เท่ากัน

    [​IMG]
    รูปกลางเป็นตะกรุดมหาลาภ สร้างไว้เพื่อหาทุนสร้างอุโบสถ

    สำหรับวัตถุมงคลของพ่อท่าน ที่ได้ฟังมา ก็คือตะกรุดโทน นั้นเป็นของแทนตัวท่าน
    เป็นตะกรุดโทนที่สืบทอดมาจากตำราของโยมพ่อ ที่ถ่ายทอดให้
    ใช้ยันต์และเสกด้วยตำราเดียวกัน กับตะกรุดที่พ่อท่านได้พกติดตัวในช่วงเวลาที่ได้ปะทะกับ ขุนพันธรักษ์ราชเดช เลยทีเดียว

    แต่ ของดีของพ่อท่านอิ้นไม่ใช่จะมีเพียงตะกรุดเท่านั้น แม้วัตถุมงคลอื่นๆ ท่านก็เสกให้อย่างเต็มที
    วัตถุมงคลทั้งหมด พ่อท่านจะเสกเกือบทุกคืน หากพ่อท่านไม่ติดกิจนิมนต์ หรือ ไม่ดึกจนเกินไป

    ในกุฏิของพ่อท่านอิ้น บนฝ้าเพดาน จะมีสายสิญจน์ ผูกโยง เป็นยันต์อยู่ทั่ว คล้ายๆ กับ “กุฏิ พ่อท่านเสือเล็ก วัดควนซาง”
    เหมือนๆ กับที่ พ่อท่านเสือเล็ก วัดควนซาง ก็อธิษฐานจิต ทำน้ำมนต์ และเสกวัตถุมงคลทุกคืนเช่นกัน

    ในวันนั้น ผมได้ถามพ่อท่านเรื่องการเสกพระ ผมจะฝากกล่องพระไว้เสกด้วย
    พ่อท่านบอก “ในทุกๆวันอังคาร และทุกๆวันเสาร์ จะมีพิธีเสกพระกันกลางคืน ลูกศิษย์ลูกหาจะมาร่วมกันมาก เสกเสร็จก็นอนกันในกุฏินี้นี่แหละ”

    วัตถุมงคลของท่านเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง คนเอาไปใช้มีประสบการณ์มากมาย
    อย่างเรื่องเล่าที่ได้อ่านมา คือ
    มีเหตุการณ์ล่าสุดก็มีวัยรุ่นสองคนมีเรื่องกันที่หน้าโรงเรียน
    คนหนึ่งเอามีดแทงแต่ไม่เข้า อีกคนเอาปืนยิงแต่ไม่ออก
    ถามดูก็รู้ว่าทั้งสองคนแขวนเหรียญของท่านอยู่ในคอ”

    [​IMG]
    รูปพระสมเด็จเนื้อผงรุ่นแรกของวัด และผ้าขอด ตำนานผ้าจีวรสุดขลังของวัดทับใหม่พัฒนา

    เรื่องผ้าขอด ของพ่อท่านอิ้น
    ท่านมิใช่จะมีดีเฉพาะตะกรุดอย่างเดียว วัตถุมงคลต่างๆ ที่พ่อท่านอิ้นได้สร้างขึ้นมาล้วนแล้วแต่มีพลังมีความขลังแบบไม่จำกัดอาทิเช่น “ผ้าขอด”
    สมัยก่อน พ่อท่านอิ้นจะนำผ้าจีวรเก่าของท่านมาทำผ้าขอดเพื่อแจกให้กับญาติโยมที่เข้ามานมัสการกราบไหว้

    เคยมีชาวบ้านละแวกวัดเอาผ้าขอดของท่านมาเลี่ยมให้เด็กๆ แขวนคอ
    แล้วมีเด็กอยู่คนหนึ่งที่แขวนผ้าขอดของท่านตกลงไปในน้ำ
    ซึ่งนอกจากจะไม่จมแล้วเด็กน้อยคนนี้ยังสามารถลอยคออยู่จนมีคนมาพบ
    และช่วยนำตัวขึ้นมาจากน้ำได้อย่างปลอดภัย

    ครั้งนึง ผมไปรอพ่อท่านบุญให้ วัดท่าม่วง เพื่อจะทำบุญถวายสังฆทานกับท่าน
    มีนักเลงพระ จากอำเภอเคียนซา ๒ คนมารอบูชาวัตถุมงคลของพ่อท่านบุญให้เช่นกัน
    ตอนนั้นพ่อท่านบุญให้ อยู่ในอุโบสถ เป็นพระอุปัฌชาบวชพระอยู่
    ผมเลยชวนคุยเรื่องวัตถุมงคลของพ่อท่านอิ้น
    เค้าเล่าว่า เด็กวัยรุ่นเอาไปลองกันมากแล้ว เรื่องตะกรุดโทนนี่ เชื่อได้มีพกติดตัวกันเกือบทุกคน
    ตามประสาวัยรุ่นที่ยังคะนอง และชอบทดสอบ การลองของกับวัตถุมงคลจึงมีบ่อยครั้ง
    เมื่อพ่อท่านอิ้นรู้ข่าวการลองพระ ก็จะพูดว่า “ถ้าจะลอง ให้มาลองที่หน้ากุฏิ เราจะได้แลกัน”

    แต่ก็มีประสบการณ์อื่นๆ ที่ได้อ่านมาเรื่องผ้าขอดอีกเรื่องที่คล้ายกันว่า
    มีบรรดาทหารในพื้นที่เอาผ้าขอดของท่านไปทดลองยิงแต่ไม่ออก
    ต่อมาเมื่อเรื่องการทดลองยิงดังแว่วเข้ามาถึงท่าน ท่านก็ไม่ได้ว่ากล่าวอะไรเพียงแต่ยิ้มๆ
    แล้วฝากให้ไปบอกผู้ที่ชอบลองของว่า คราวหน้าถ้าจะลองก็ลองหน้ากุฏินี่แหละ สะดวกดีไม่ต้องไปไกล
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • o102.jpg
      o102.jpg
      ขนาดไฟล์:
      128 KB
      เปิดดู:
      3,924
    • o107.jpg
      o107.jpg
      ขนาดไฟล์:
      85.6 KB
      เปิดดู:
      3,416
    • s108.jpg
      s108.jpg
      ขนาดไฟล์:
      82.3 KB
      เปิดดู:
      3,478
    • o201.jpg
      o201.jpg
      ขนาดไฟล์:
      85.5 KB
      เปิดดู:
      3,137
    • o202.jpg
      o202.jpg
      ขนาดไฟล์:
      65.8 KB
      เปิดดู:
      3,359
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2015
  19. wichu

    wichu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    897
    ค่าพลัง:
    +4,694
    [FONT=&quot]พ่อท่านชื่น อินทปัญโญ พระครูมงคลสมณกิจ กับผาลไถพลิกดวงชะตา[/FONT]

    [FONT=&quot]ในปี ๒๕๕๖ ผมได้รับการบอกเล่าถึง ศิษย์ในพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์[/FONT]
    [FONT=&quot]พระผู้รับสืบทอดวิชาของพ่อท่านคล้าย มีศีลาจารวัตร งดงาม[/FONT]
    [FONT=&quot]เป็นเนื้อนาบุญที่ประเสริฐและควรแก่การทักษิณาทาน ในยุคกึ่งพุทธกาลนี้ [/FONT]
    [FONT=&quot]และพ่อท่านยังมีศักดิ์เป็นหลานตา ของพ่อท่านคล้ายด้วย[/FONT]

    [​IMG]

    ภาพพ่อท่านชื่น ในช่วงที่ัพักอยู่โรงพยาบาลเคียนซา

    [FONT=&quot]ในช่วงปี ๒๕๕๖ นั้น พ่อท่านชื่นสุขภาพไม่ค่อยดีนัก [/FONT]
    [FONT=&quot]ผมแวะเวียนไปที่วัดในปราบ หลายครั้ง พ่อท่านมักไปตรวจสุขภาพ และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ที่กรุงเทพ [/FONT]
    [FONT=&quot]แต่ แล้วโชคดีก็เป็นของผม[/FONT]
    [FONT=&quot]วันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ไปที่วัดในปราบได้ทราบว่าพ่อท่านชื่นพักอยู่โรงพยาบาลเคียนซา[/FONT]
    [FONT=&quot]ที่โรงพยาบาลเคียนซา จะมีตึกสองชั้น ที่สร้างด้วยเงินทุนที่พ่อท่านชื่นมอบให้[/FONT]
    [FONT=&quot]ที่ตึกนี้จะมีห้องพิเศษ สำหรับพ่อท่านชื่น ในเวลาที่พ่อท่านเข้ารักษาตัว[/FONT]
    [FONT=&quot]ซึ่งปกติ พ่อท่านมักเข้ารับการรักษาหรือตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเคียนซานี้[/FONT]
    [FONT=&quot]หากอาการหนักก็จะไปรักษาตัวที่กรุงเทพฯ[/FONT]

    [​IMG]



    [FONT=&quot]แต่หากพ่อท่านอยู่ที่วัด ท่านจะอยู่ตึกทรงไทย มีกระจกกั้นไว้ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ[/FONT]
    [FONT=&quot]เนื่องจากพ่อท่านสุขภาพอ่อนแอ และติดเชื้อได้ง่าย[/FONT]
    [FONT=&quot]ด้านหน้าห้องกระจก จะมีตู้ให้ร่วมบุญค่ารักษาพยาบาล และพานรับของที่ถวายพ่อท่าน[/FONT]
    [FONT=&quot]จะมีด้ายสายสิญจน์ ผูกโยงจากพานที่วางของทำบุญ ไปยังพ่อท่านชื่น[/FONT]
    [FONT=&quot]เมื่อเราวางของในพาน พ่อท่านก็จะจับสายสิญจน์ เป็นการรับประเคน[/FONT]
    [FONT=&quot]เมื่อทุกคนถวายกันเสร็จแล้ว พ่อท่านก็จะให้พร[/FONT]

    [​IMG]

    ภาพพ่อท่านชื่น ที่กุฏิไม้ทรงไทย ซึ่งกั้นด้วยกระจกเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

    [FONT=&quot]ก่อนจะไปกราบท่านพ่อท่านชื่น ผมได้ยินเรื่องราวของท่านมาบ้าง ในเรื่องผานไถ[/FONT]
    [FONT=&quot]น้องในที่ทำงาน เคยไปอยู่ในพื้นที่อำเภอเคียนซา ได้เล่าให้ฟังเรื่อง “ความศักดิ์สิทธิ์ของผานไถพ่อท่านชื่น”[/FONT]
    [FONT=&quot]เค้าเล่าว่า ในช่วงที่ไปอยู่ทำงานตรงกับช่วงเวลาที่ทางวัดในปราบจะจัดพิธีเสกวัตถุมงคลและผานไถพอดี[/FONT]
    [FONT=&quot]ในพิธีนี้ พ่อท่านชื่นได้บอกกล่าวอนุญาต ให้ชาวบ้านที่มีผาลไถเก่า นำมาเข้าเสกในพิธีได้[/FONT]
    [FONT=&quot]โดยทางวัดจะมีถุงใส่ผาลไถ ชื่อเจ้าของแต่ละคนไว้[/FONT]
    [FONT=&quot]หลังพิธีปลุกเสกเสร็จ เจ้าของก็ไปรับคืน[/FONT]

    [​IMG]

    ภาพผานไถ ที่มีให้บูชา และรูปกลางเป็นผานไถขนาดใหญ่ที่มีคนมาทำบุญติดทองกันมากด้วยความศักดิ์สิทธิ์ที่ได้อธิษฐานขอได้ไหวัรับ

    [FONT=&quot]ในพิธีนี้ มีเจ้าของสวนยางที่รู้จักกัน นำผาลไถไปเข้าพิธีเสกด้วย[/FONT]
    [FONT=&quot]แล้วอยากรู้ว่า ผานไถที่เข้าพิธี พุทธคุณจะดีขนาดไหน[/FONT]
    [FONT=&quot]เลยนำผานไถ ไปให้ลูกจ้างคนงานกรีดยางพาราชาวพม่าพกติดตัว[/FONT]
    [FONT=&quot]พอตกดึก คนงานพม่าก็ออกกรีดยางในสวน[/FONT]
    [FONT=&quot]เจ้าของสวน เลยแอบไปซุ่มยิง แซะ..แซะ..แชะ ปืนที่ส่องไปที่คนงานกรีดยางยิงไม่ออก[/FONT]
    [FONT=&quot]หลังเหตุการณ์คืนนั้น จะเป็นด้วยเจ้าของสวนยางไปโม้เรื่องการลองยิงหรืออย่างไรไม่ทราบ[/FONT]
    [FONT=&quot]พอจะไปเอาผานไถคืน เจ้าคนงานพม่าคงเคยได้ยินเรื่องถูกซุ่มยิงก็หนีไปพร้อมกับผานไถซะก่อนแล้ว[/FONT]

    [​IMG]



    [​IMG]

    ภาพวัตถุมงคลทที่ีมีให้บูชาที่วัด

    [FONT=&quot]เรื่องเล่าเกี่ยวกับที่มาของการปลุกเสกผานไถพ่อท่านชื่น [/FONT]
    [FONT=&quot]ที่มาของผานไถนั้นท่านเคยคิดจะสร้างพระเครื่องแต่ด้วยทุนทรัพย์ที่มีไม่มาก [/FONT]
    [FONT=&quot]ชาวบ้านจึงช่วยกันหาโลหะเก่าๆ มามอบให้ท่าน ส่วนใหญ่เป็นเหล็กและทองเหลือง [/FONT]
    [FONT=&quot]แต่เมื่อท่านแลเห็นผานที่ถูกกองเศษเหล็กทับอยู่ท่านจึงดำริว่า[/FONT]
    [FONT=&quot] "รู้แล้วของดีไม่ต้องไปหาไกล อยู่นี่ๆ เอง" [/FONT]
    [FONT=&quot]ว่าแล้วท่านจึงหยิบผานไถออกมาแล้วให้ชาวบ้านช่วยกันหามาอีก[/FONT]
    [FONT=&quot] ก็ได้มาจำนวนหนึ่ง ท่านนำมาปลุกเสกแล้วก็จาร แจกให้กับผู้ที่มาทำบุญ[/FONT]
    [FONT=&quot]เมื่อผานไถหมดลง ท่านจึงนำผานที่เหลือนำมาตัดเป็นชิ้นเล็กๆ [/FONT]
    [FONT=&quot]ต่อมาผานชิ้นเล็กๆก็หมดลงอีกเพราะประสบการณ์ที่ได้รับการบอกเล่าอยู่เสมอ[/FONT]

    [FONT=&quot] ท่านจึงหล่อขึ้นมาใหม่ แต่ท่านก็บ่นว่าสู้ผานไถที่ผ่านแม่พระธรณีมาไม่ได้[/FONT]
    [FONT=&quot] แต่ถึงอย่างไรก็มีผู้นิยมอยู่ตลอดไม่ว่าจะใหม่หรือจะเก่าถ้าเป็นของพ่อท่านชื่น [/FONT]

    [FONT=&quot]มีอยู่หลายกลุ่มพยายามหามาให้ท่านจารแล้วก็นำกลับไปไม่ได้ให้ไว้ที่วัด[/FONT]
    [FONT=&quot] ต่อมาท่านจึงทำเหรียญทำพระเครื่องออกมาเพราะผานไถหายากและใครมีใครก็หวง[/FONT]
    [FONT=&quot]..ธรรมดาลายมือท่านสวยและจารทั้งมือทั้งปากกา ทั้งภู่กันแล้วแต่ [/FONT]
    [FONT=&quot]เนื่องจากผานไถมีผิวที่ขรุขระทำให้ลายมือของท่านแปลกๆ ไปในลักษณะที่ผานมีสนิมและถูกกัดกร่อนไปตามสภาพ [/FONT]
    [FONT=&quot]ผานของท่านใช้ดีทางกันคุณไสย์ กันสิ่งชั่วร้าย คงกระพันชาตรี[/FONT]
    [FONT=&quot] พลิกชะตาชีวิตดังที่ผานไถพลิกหน้าดินสร้างต้นกล้าให้ออกผลผลิต แคล้วคลาดปลอดภัย[/FONT]
    [FONT=&quot] ผู้ที่ไปจับทหารเกณฑ์จะชอบเป็นพิเศษเพราะพกผานไถของท่านจับได้แต่ใบดำเพียงอย่างเดียว[/FONT]
    [FONT=&quot] และอีกความเชื่อหนึ่งที่พ่อท่านชื่นกล่าวว่า ไปไหนมาไหนพกผาลติดตัว ผาล(คำนี้ในภาษาปักษ์ใต้อ่านออกเสียเหมือนกันกับคำว่า "ผ่าน")ตลอดๆ เรื่องร้ายๆผาล("ผ่าน")ได้ตลอด และเรื่องดีๆผาล("ผ่าน")เข้ามาในชีวิตตลอด.

    กับอีกเรื่องราวเกี่ยวกับผานไถ ที่มีการบอกเล่ามาตามนี้ครับ
    [/FONT]
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:TrackMoves/> <w:TrackFormatting/> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:DoNotPromoteQF/> <w:LidThemeOther>EN-US</w:LidThemeOther> <w:LidThemeAsian>X-NONE</w:LidThemeAsian> <w:LidThemeComplexScript>TH</w:LidThemeComplexScript> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> <w:SplitPgBreakAndParaMark/> <w:DontVertAlignCellWithSp/> <w:DontBreakConstrainedForcedTables/> <w:DontVertAlignInTxbx/> <w:Word11KerningPairs/> <w:CachedColBalance/> </w:Compatibility> <m:mathPr> <m:mathFont m:val="Cambria Math"/> <m:brkBin m:val="before"/> <m:brkBinSub m:val="--"/> <m:smallFrac m:val="off"/> <m:dispDef/> <m:lMargin m:val="0"/> <m:rMargin m:val="0"/> <m:defJc m:val="centerGroup"/> <m:wrapIndent m:val="1440"/> <m:intLim m:val="subSup"/> <m:naryLim m:val="undOvr"/> </m:mathPr></w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" DefUnhideWhenUsed="true" DefSemiHidden="true" DefQFormat="false" DefPriority="99" LatentStyleCount="267"> <w:LsdException Locked="false" Priority="0" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Normal"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="heading 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 7"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 8"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 9"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 7"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 8"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 9"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="35" QFormat="true" Name="caption"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="10" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Title"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="1" Name="Default Paragraph Font"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="11" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtitle"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="22" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Strong"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="20" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Emphasis"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="59" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Table Grid"/> <w:LsdException Locked="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Placeholder Text"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="1" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="No Spacing"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Revision"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="34" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="List Paragraph"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="29" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Quote"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="30" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Quote"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="19" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtle Emphasis"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="21" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Emphasis"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="31" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtle Reference"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="32" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Reference"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="33" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Book Title"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="37" Name="Bibliography"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" QFormat="true" Name="TOC Heading"/> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-priority:99; mso-style-qformat:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin-top:0cm; mso-para-margin-right:0cm; mso-para-margin-bottom:10.0pt; mso-para-margin-left:0cm; line-height:115%; mso-pagination:widow-orphan; font-size:11.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Calibri","sans-serif"; mso-ascii-font-family:Calibri; mso-ascii-theme-font:minor-latin; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-fareast-theme-font:minor-fareast; mso-hansi-font-family:Calibri; mso-hansi-theme-font:minor-latin;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot] ผานไถนา วัตถุอาถรรพณ์ ชนิดหนึ่งที่ มีคติความเชื่อมาแต่โบราณและปัจจุบันนี้ก็ยังเชื่อกันอยู่
    [/FONT]
    [FONT=&quot]คือ ผานไถนี้ผีกลัวมาก แค่เอาน้ำล้างหัวไถไปพรมคนผีเข้าก็ออกแล้ว
    [/FONT]
    [FONT=&quot]ยังเชื่อว่าผานไถทำอะไรก็ผ่านโดยสะดวกตามต้องการ พลิกร้ายกลายเป็นดีด้วย
    [/FONT]
    [FONT=&quot]แช่โอ่งน้ำไว้กินอาบใครทำคุณมาผ่านพ้นไม่ต้องตัว
    [/FONT]
    [FONT=&quot] และที่เชื่อกันมากที่สุด คือ จะกลับร้ายกลายเป็นดี ดั่งเหมือนกับผานไถ ที่กลับหน้าดิน ในการทำนา[/FONT]

    [FONT=&quot] คนสมัยก่อน เมื่อทำนา ผานไถนาหมดอายุการใช้งาน ก็จะอามาเป็นเครื่องราง[/FONT]
    [FONT=&quot] ยิ่งถ้าได้เอาไปให้อาจารย์ที่เรืองเวทเสก แล้วจะยิ่งมีคุณมากยิ่งขึ้น
    [/FONT]
    [FONT=&quot]โดยมักจะตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ให้ลูกหลาน และญาติมิตรไว้ใช้เพื่อเป็นสิริมงคล และเตือนสติ
    [/FONT]
    [FONT=&quot]ในคุณค่าของเครื่องมือสำคัญ อีกชิ้นหนึ่ง ที่ช่วยให้คนมีข้าวกิน[/FONT]

    [FONT=&quot] คติการใช้ผานเป็นวัตถุอาถรรพณ์นั้นส่วนใหญ่เป็นคนในภาคใต้[/FONT]
    [FONT=&quot] โดยจะใช้ผานในการประกอบพิธีต่างๆ เมื่อหมดอายุใช้งาน หรือมีผานเก่าๆ ก็จะเอาขึ้นหิ้งบูชา
    [/FONT]
    [FONT=&quot]บางรายถึงกับใส่ไว้ในโอ่งน้ำเพื่อป้องกันอาถรรพณ์ ขณะเดียวกันการทำพิธีถอนอาถรรพณ์พื้นดิน[/FONT]
    [FONT=&quot] เมื่อเสร็จจะพิธีสวดถอนก็จะเอาผาลพลิกธรณีทั้ง ๘ ทิศ
    [/FONT]
    [FONT=&quot]นอกจากนี้แล้วในการถอนหรือย้ายตำหนิบนร่างกาย (ไฝ-ปาน) จะใช้ผานในการประกอบพิธีถึงจะได้ผลดีที่สุด[/FONT]

    [FONT=&quot] "เครื่องรางที่สร้างจากผานไถนา" พ่อท่านชื่น อินทปัญโญ พระอริยะสงฆ์แห่งวัดในปราบ อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี[/FONT]
    [FONT=&quot] ผู้สร้างเครื่องรางผานไถอันโด่งดัง ท่านให้คติว่า วัตถุจากธรรมชาติและเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ ที่เราใช้ในชีวิตปกติประจำวันหลายชนิดมีอาถรรพณ์อยู่ในตัวอยู่แล้ว ไม่ต้องปลุกเสกสามารถนำไปใช้ได้เลย
    [/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]อย่างกรณีผานไถนา ซึ่งใช้ประโยชน์สำหรับไถพลิกพื้นดิน และเป็นของใช้ชนิดเดียวในโลกที่สามารถพลิกแผ่นดินได้ เมื่อไถลงไปในดินแล้วก็สามารถผ่านตลอดโดยไม่มีอะไรติดขัด คนจึงเกิดความเชื่อที่ว่า[/FONT]

    [​IMG]

    ภาพด้านบน รูปผานชิ้นใหญ่ เป็นรูปที่จารยันต์ทั้งหน้าและหลัง เป็นส่วนยอดหรือปลายของผานไถ ส่วนชิ้นเล็กๆ จะเป็นผานไถที่ตัดจากผานชิ้นใหญ่เพื่อสะดวกกับการพกพา และการจารยันต์ จะลงทั้งด้านหน้าและหลังของชิ้นผานไถ


    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] ผานเป็นวัตถุอาถรรพณ์ที่สามารถพลิกสิ่งร้ายๆ ให้กลายเป็นดี ทำอะไรก็ผ่านตลอดเช่นเดียวกันผ่านไถ
    [/FONT]
    [FONT=&quot]ทั้งนี้ พ่อท่านชื่นใช้ผานไถนาส่วนที่เป็นเหล็กอายุกว่า ๑๐๐ ปี นำมาตัดเป็นชิ้นๆ ขนาดและรูปร่างต่างๆ กันไป[/FONT]
    [FONT=&quot]แล้วแต่พ่อท่านจะจารมือลงไปว่าเป็นยันต์อะไร บางครั้งก็ยันต์นะ บางครั้งก็ยันต์อุ[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • c101.jpg
      c101.jpg
      ขนาดไฟล์:
      110.5 KB
      เปิดดู:
      3,455
    • c108.jpg
      c108.jpg
      ขนาดไฟล์:
      78.2 KB
      เปิดดู:
      2,977
    • c103.jpg
      c103.jpg
      ขนาดไฟล์:
      100.3 KB
      เปิดดู:
      3,158
    • c102.jpg
      c102.jpg
      ขนาดไฟล์:
      117.5 KB
      เปิดดู:
      2,855
    • c104.jpg
      c104.jpg
      ขนาดไฟล์:
      93.3 KB
      เปิดดู:
      3,253
    • c105.jpg
      c105.jpg
      ขนาดไฟล์:
      85.9 KB
      เปิดดู:
      3,014
    • c109.jpg
      c109.jpg
      ขนาดไฟล์:
      73.4 KB
      เปิดดู:
      2,908
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2015
  20. wichu

    wichu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    897
    ค่าพลัง:
    +4,694
    [FONT=&quot]พ่อท่านชื่น อินทปัญโญ พระครูมงคลสมณกิจ[/FONT]

    [FONT=&quot] หลวงพ่อชื่น อินทปัญโญ เดิมชื่อ นายชื่น แก้วศรีมล [/FONT]
    [FONT=&quot]เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๖๗ บิดาชื่อ นายล่อง มารดาชื่อ นางพร้อย [/FONT]
    [FONT=&quot]บิดาของท่านเป็นที่รู้จักกันในนาม อาจารย์ล่อง ผู้รักษาคนไข้ทางด้านอาคม หรือ ไสยศาสตร์[/FONT]
    [FONT=&quot] เมื่ออายุครบ ๗ ขวบ ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนวัดศิลา จ.นครศรีธรรมราช [/FONT]

    [FONT=&quot]เมื่อเรียนจบชั้น ป.๔ บิดาของท่านได้นำท่านไปฝากเป็นศิษยพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ วัดสวนขัน จ.นครศรีธรรมราช [/FONT]
    [FONT=&quot]ซึ่งพ่อท่านคล้ายมีฐานะเป็นตาของพ่อท่านชื่น [/FONT]

    [​IMG]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]

    [FONT=&quot]ครั้งหนึ่งพ่อท่านคล้ายได้สรงน้ำ ในขณะที่พ่อท่านชื่นซักสบงให้พ่อท่านคล้าย[/FONT]
    [FONT=&quot] ก่อนที่พ่อท่านคล้ายได้ตักน้ำขันที่สามนำมารดศีรษะและนำมือรับน้ำใต้คาง [/FONT]
    [FONT=&quot]แล้วส่งให้นายชื่นดื่ม เมื่อดื่มน้ำนั้นแล้วพ่อท่านคล้ายได้เริ่มถ่ายทอดวิชาต่างๆ [/FONT]
    [FONT=&quot]และท่านได้เล่าเรียนวิชาอาคมจากพ่อท่านคล้าย [/FONT]
    [FONT=&quot]เช่น วิชาทำนายดวงชะตา ขับไล่ภูตผีปีศาจ การขับไล่คุณไสยต่างๆ อีกมากมายจากพ่อท่านคล้าย และเล่าเรียนวิชาอาคมที่ตกทอดจากตระกูลของบิดาท่าน [/FONT]
    [FONT=&quot] เมื่อท่านอายุครบ [/FONT][FONT=&quot]18 ปี บิดาได้เสียชีวิตจึงได้กลับมาบ้านทำงานเลี้ยงดูผู้เป็นมารดา [/FONT]

    [​IMG]

    [FONT=&quot]ภาพงานหล่อพระประธาน และหล่อเหรียญหลวงพ่อทวด วันที่๒ ต.ค. ๒๕๕๗
    [/FONT]

    [FONT=&quot]นายชื่นได้บรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ.๒๕๒๒ ณ วัดไม้เรียง ต.ไม้เรียง อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช [/FONT]
    [FONT=&quot]โดยมีพระครูญาณวรากร เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า ชื่น อินทปัญโญ [/FONT]
    [FONT=&quot]เมื่อ พ.ศ.[/FONT][FONT=&quot]2532 ได้มาจำพรรษาที่พักสงฆ์ ที่ชาวบ้านจัดไว้และได้เริ่มสร้างเป็นวัดมาจนถึงปัจจุบันชื่อว่า วัดในปราบ ตั้งอยู่ที่ หมู่ 5 ต.บ้านเสด็จ อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี [/FONT]
    [FONT=&quot]โดยความร่วมมือจากชาวบ้านและผู้มีจิตศรัทธา[/FONT]

    [FONT=&quot] โดยชาวบ้านให้ความนับถือพ่อท่านชื่นมาก เนื่องจากท่านมีวิชาอาคมรักษาชาวบ้าน[/FONT]
    [FONT=&quot] ต่อมาใน ปี ๒๕๔๘ พ่อท่านชื่นได้จัดสร้างวัตถุมงคล รุ่นแรกขึ้นมา [/FONT]
    [FONT=&quot]หลังจากชาวบ้านได้รูปเหรียญพ่อท่านชื่นห้อยคอ ได้มีประสบการณ์มากมายเป็นที่ร่ำลือในด้านอยู่ยงคงกระพัน แคล้วคลาด เมตตามหานิยม และชื่อเสียงของท่านเป็นที่รู้จักกันทั่วทั้ง[/FONT]
    [​IMG]




    [FONT=&quot]พ่อท่านชื่น อินทปัญโญ พระครูมงคลสมณกิจ ได้มรณภาพ เมื่อเวลา ๑๔.๓๕ น.วันที่ ๒๔ มิ.ย. ๒๕๕๘ อายุ ๙๑ ปี พรรษา ๓๔ มรณภาพด้วยโรคชรา ที่โรงพยาบาลเคียนซาอำเภอเคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานี [/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • c106.jpg
      c106.jpg
      ขนาดไฟล์:
      127.8 KB
      เปิดดู:
      2,608
    • c107.jpg
      c107.jpg
      ขนาดไฟล์:
      120.3 KB
      เปิดดู:
      2,689
    • c101.jpg
      c101.jpg
      ขนาดไฟล์:
      110.5 KB
      เปิดดู:
      2,636
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2015

แชร์หน้านี้

Loading...