เรื่องเล่า ตื่นนอน ตอนสายๆ

หมอสุวิเจ้าคะ ...กะทิเธอยังไม่ทันจะเล่าเรื่องคุณปัทจนจบเลย หมอก็เข้ามาเล่าต่อแล้ว แล้วที่กะทิเขียนเตรียมไว้ซะยาวเนี่ย จะทำไงอะ เขียนเตรียมไว้เนี่ย ทำไงล่ะคะ???? (ขอถอนหายใจ)


เป็นความจริงค่ะ ที่ในตอนที่พบคุณปัทเธอ กะทิไม่ได้คิดว่าเธอเป็นหญิงหรือชายเลย ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่ใช่ประเด็น เพียงตอนที่พบก็ไม่ได้สงสัย และเธอออกจะผ่องใส น่ารัก และซนพอๆ กับกะทิ ที่จะเป็นเพื่อนเล่นและอยู่ด้วยกันได้ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว


เอาเป็นว่ากะทิจะเล่าต่อเฉพาะในส่วนที่คุณปัทอยู่กับกะทินะคะ และก็จะบ้ายบายยาวนะคะ ท่านผู้อ่าน จะกว่ากะทิจะกลับมามีอารมณ์เขียนอีกครั้ง ใครใคร่อ่านก็อ่าน ไม่อยากอ่านแล้วก็ไม่เป็นไรนะคะ



นิทานพลังอธิษฐานของกะทิ ตอน คุณปัทมา(จบล่ะ)



คราวต่อมาที่ได้ไปบ้านหมอ หมอก็ถามว่าเป็นไงบ้าง ไปเที่ยวไหนกันมาบ้าง กะทิก็เล่าแบบที่เล่าให้คุณผู้อ่านฟังนี่แหละค่ะ และก็เล่าถึงฝันที่น่ากลัวในคืนนั้นด้วย ซึ่งหมอก็ได้ชี้แจ้งอย่างที่กะทิเล่าให้ฟังแล้วข้างต้น หมอยังพูดต่อไปอีกว่า “ตอนนี้คุณปัทเขาโตเป็นหนุ่มแล้วนะ”


กะทิ : “อ้าว..เหรอคะ?” กะทิไม่ได้ชวนคุณปัทเธอคุยมาระยะหนึ่งแล้ว

หมอ : “ใช่..ดูสิว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไรบ้าง?”


กะทิก็กำหนดจิตไปมองดูนะคะ ใบหน้าและเนื้อตัวที่เคยขาว ก็ยังขาวเหมือนเก่า ส่วนใบหน้าก็เกลี้ยงเกลา เขาอยู่ในชุดทหารสีดำขลิบทองแบบที่ทหารสมัยอยุธยาใส่หนะค่ะ

หมอ : “เป็นไง...หล่อใช่ไหม?”


หมอบอกว่าช่วงหลังนี้คุณปัทเธอจะยุ่ง เพราะนอกจากจะไปตรวจความสงบเรียบร้อยของเมืองผีตามหน้าที่แล้ว ยังมีการรบทางมิติ ที่คุณปัทมีส่วนเข้าไปดูแลด้วย


กะทิก็ไม่อยากจะเข้าไปยุ่งกับคุณปัทที่มีงานยุ่งอยู่หนะค่ะ ดังนั้นหลังจากห่างหายกับคุณปัทไปนาน กะทิก็มาพบเจอเธออีกครั้งเมื่อมาอยู่กับคุณลูกสาวของพี่หนึ่งนี่เอง ตามที่หมอเล่าคือ คุณปัทเธอจะเป็นผู้ช่วยคอยดูแลน้องคนเล็ก(ลูกสาว)ของพี่หนึ่ง จนกว่าจะถึงเวลาที่น้องคนเล็กนี้ไปเกิดนะคะ


ซึ่งจริงๆ สำหรับกะทิแล้ว มันไม่ใช่หน้าที่ของคุณปัทเลย แต่เขาก็คงมีข้อตกลงทางมิติที่พี่หนึ่งคงจะต้องมีข้อชดใช้แลกเปลี่ยนค่ะ(ใช่รึเปล่า?) เพราะจริงๆ คุณปัทเธอเป็นกายทิพย์ของพี่ดอกแก้ว(นามสมมติ) พี่สาวของกะทิในอดีตชาติ หากใครตามอ่านนิทานพลังอธิษฐานของกะทิมาเรื่อยๆ ก็อาจจะจำได้นะคะ


เอาเป็นว่าอย่าไปยุ่งเรื่องเบื้องลึกของเขาเลย เพียงได้ข่าวครั้งล่าสุดไว้ให้ยินดีด้วยว่า ตอนนี้เธอไปมีครอบครัวซะแล้ว



คำว่ากายทิพย์นี้ ผู้ที่สร้างกายทิพย์ของคุณปัทก็คือพี่ดอกแก้วนามสมมติดังกล่าว กายทิพย์นี้ถูกแบ่งออกมาจากกายปฐม โดยมีเป้าประสงค์สองอย่างคือ

1. แบ่งไปเพราะเจ้าตัวต้องการให้ไปช่วยงานบางอย่าง

2. แบ่งไปเพราะมีบางอย่างที่เจ้าตัวไม่ต้องการให้อยู่กับตน


ซึ่งพอกายทิพย์แยกตัวไปแล้วนี้ หมอสุวิบอกว่า กายทิพย์ย่อมรู้ดีว่า ได้แบ่งเอาบางอย่างที่กายปฐมไม่ต้องการออกมาไว้ที่กายทิพย์ เพราะหลังจากนั้น กายทิพย์เธอจะมีความคิด และชีวิตทางกายทิพย์(ไม่มีกายหยาบ) เป็นของตนเอง ซึ่งพอแบ่งไปแล้ว กายทิพย์จะมีอิสระเป็นเอกเทศแก่ตน หากไปทำดี กายทิพย์ก็ได้บุญเอง แต่หากไปทำสิ่งไม่ควรเข้า กายปฐมจะเป็นผู้รับด้วยอะนะคะ เรียกว่าเรียงเบอร์ไปจนถึงต้นตอรับเละ 555


ดังนี้เวลาที่ท่านผู้อ่าน อ่านข้อความของหมอสุวิในกระทู้นี้ หรือกระทู้อื่น จึงอาจได้ยินหมอสุวิเขียนว่า ได้ใช้ให้สุวิ2 สุวิ3 สุวิ4 ฯลฯ ไปทำงาน นั้นโน้นนี่ แล้วกลับมารายงาน มาเล่า นั้นนี่ หรือไม่สุวิเบอร์ใดเบอร์หนึ่งไปพานั่นนี้ไปโน้นนั้นมา แล้วมาเล่าให้หมอสุวิปฐมฟัง แล้วหมอสุวิปฐมก็เอามาเขียนเล่าในกระทู้ไว้ ก็ด้วยเหตุประการนี้นี่แหละค่ะ ซึ่งปัจจุบันท่านหมอก็แบ่งเป็นหลักร้อยแล้วอะนะคะ จะแบ่งอะไรกันเยอะแยะนักหนอ? เพราะแต่ละสุวิก็มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปด้วย แล้วจะจำกันได้หมดไหมเนี่ย???


กะทิขอจบนิทานพลังอธิษฐาน ตอนคุณปัทมาไว้แต่เพียงเท่านี้ค่ะ



ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจาก การเขียนข้อความให้ความรู้ ในการช่วยให้บุคคลผู้อ่านข้อความที่ข้าพเจ้าเขียนไว้นี้ทั้งหลาย ได้มีความรู้เพิ่มเติมเสริมตัว หรือมีพัฒนาการในการฝึกปฏิบัติสมาธิสมถะกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน ในพระพุทธศาสนา ที่ดีขึ้นไม่ว่าด้วยประการใดประการหนึ่ง ข้าพเจ้าขอน้อมถวายบุญนี้สรรเสริญและบูชาแด่องค์พระปฐมในพระพุทธศาสนา แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าในพระพุทธศาสนา พระอริยะเจ้าและพระธรรมในพระพุทธศาสนาทุกๆ พระองค์ในทุกๆ จักรวาล และขอบุญที่ข้าพเจ้าได้น้อมถวายนี้ จงเป็นพลังบุญส่งเสริมให้ข้าพเจ้ามีความสุขความเจริญในชีวิต อันประกอบด้วย กายธาตุ ทั้งกายหยาบและกายละเอียด มโนธาตุ กายทิพย์ และดวงจิต และขอบุญนี้จงคุ้มครองป้องกันข้าพเจ้าให้ปลอดภัยจากการเบียดเบียนจากมนุษย์ และอมนุษย์ทั้งปวง ตลอดสิ้นกาลนานเทอญ ฯลฯ

 

มืด ๆ ไม่ค่อยมีคนชอบ
สว่าง ดีกว่า มองเห็น ชัดเจน
แล้ว มืด กับ สว่าง มันต่างกัน อย่างไรเล่า


...........................................

ความเจ็บปวด จาก บาดแผล มัน จื้ด.. ถึง นิ้วหัวแม่เท้า ผ่าเท้า ลามเข้ามา จน ครอบคลุม เท้าไป หมด
จนเกือบ จะ ลืมไป ว่า ที่แท้ ความเจ็บปวด มัน เกิดจาก รู ตะปู ที่ ปักเข้า ไป ที่ ปลายนิ้วหัวแม่เท้า

โอ้ .. เจ็บ ปวด รวดร้าว ไม่น้อย เลย

นายหนึ่ง ก็ ยังคง นั่ง อยู่กับพื้น เพราะ ความเจ็บปวด จากบาดแผล มัน มากเกินกว่า ที่ จะ คิดทำอะไร ต่อไป




ก็ แค่ เห็น กับ ไม่เห็น เท่านั้น

ถ้าเช่นนั้น สำหรับ คนที่ ไม่ใส่ใจ กับ การเห็น มืด กับสว่าง ก็คง ไม่ต่างกัน

........................................

ความสุข
ความทุกข์

เรื่องนี้ คงไม่ต้องถาม ใครๆ ก็ ต้องชอบ ความสุข และไม่ชอบความทุกข์ กันทั้ง นั้น

แล้ว เจ้า ความทุกข์ และ ความสุข มันมี ตัวตน มันมีจริง หรือ เปล่า

หรือ เป็น เรื่อง ปลอมๆ สมมุติ กันขึ้นมา
ถ้าพูดอย่างนี้ คงมี คน คัดค้าน มิใช่น้อย

มาลอง วิจัย วิจาร เรื่องความทุกข์ กับ ความสุข กัน ดู ครับ

นายคนหนึ่ง เดินไป เตะ เอา ตะปู ที่ โผล่ ออกมา จาก ท่อนไม้ ข้างทาง
แรง มิใช่น้อย ทะลุ รองเท้า เข้าไป
เลือดไหล เป็นทาง

ความเจ็บปวด ที่ นายคนหนึ่ง ได้รับ มั้นก็ เจ็บ จริงๆ ถึง ทรุดตัว ลงนั่ง กับพื้น

............................

ลองใส่ใจ ลงไป กับ เหตุการนี้

แล้ว เดี๋ยว ค่อยมา คุยกันต่อ ว่า เรา เห็นอะไร กันบ้าง

 

ลืมเล่าไปค่ะ ว่าเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ที่ผ่านมา พวกเราได้ไปรวมตัวกันที่บ้านของหมอสุวิเช่นกัน เรียกว่ากลายเป็นประเพณีไปแล้วก็น่าจะได้ ที่ในช่วงปลายปีจะไปรวมตัวกัน

งานนี้กะทิเธอได้พก "แผ่นนพเก้า" ที่คุณแฟนคลับท่านหนึ่ง ส่งมาให้กะทินั้น เธอก็ได้พาไปด้วย

และที่เขียนมาก็เพื่อจะขอบพระคุณแทนทุกคนในวันที่มารวมตัวกันในวันนั้น เพราะต่างก็ได้สัมผัสพลัง และรวมถึงฟื้นกำลังวังชา และพลังบุญฤทธิ์ ชนิดที่เรียกว่า สามารถเรียกกลับมาได้แบบเพียงแค่คิดกันเลย


เอาเป็นว่าเล่าสักหน่อยละกันนะคะ งานนี้ก็มีผู้ที่ได้มีส่วนรวมสัมผัส และใช้พลังจาก"แผ่นนพเก้า" กันหลายท่าน อันได้แก่ พี่หนึ่ง และพี่พลังไฟ และก็เห็นมีคุณกรรมนิยามที่หยิบๆ จับๆ อยู่หลายรอบ แต่ไม่ได้ถามว่าได้อะไรไปบ้างไหมนะคะ


โดยเฉพาะที่จะกล่าวถึงนี้คือ พี่พลังไฟ เดิมทีพี่คนนี้ใช้พลังในการรักษาผู้อื่นได้ ด้วยการปรับธาตุ และยังสามารถเสกกำกับผู้อื่นได้ และยังสามารถใช้พลังในการสะกดจิตผู้อื่นได้อีกด้วย เช่น เสกน้ำนี้ใครดื่มเข้าไป ขอให้ จุดๆๆ เช่น ขอให้นอนไม่หลับ(สมมตินะคะ สมมติ) คนๆ นั้นคืนนี้ก็จะนอนไม่หลับจริงๆ คะ หรือเสกไว้ว่า เมื่อดื่มน้ำนี้แล้ว ใจจะพะวงว่าต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาล ผู้ดื่มก็จะกังวลอยากไปโรงพยาบาลในทันที เป็นต้นนะคะ


ดังนี้พี่พลังไฟผู้มีวิชานี้ จึงสำรวมตนเป็นอย่างดี เพราะผลนั้น หากเธอทำอะไรกับใครไม่ดี ย่อมีผลลัพธ์ตอบกลับมายังตัวเธอ เช่นเดียวกันกับการที่เราปล่อยลูกบอลไปกระแทกผนัง ลูกบอลย่อมเด้งกลับมาหาผู้ส่งด้วยโดยแรงเช่นกัน


หลังๆ มานี้ พี่พลังไฟเธอพบปัญหาจากการฝึกเดินพลังหนะค่ะ พี่เขาก็เลยหยุดพักหนึ่ง แบบที่เรียกว่า ไม่ได้แตะสมาธิเดินพลังกันเลย


จนกระทั้งเมื่อวันที่เราได้มารวมตัวกัน หลังจากที่พี่เขาหายไปปีกว่าๆ เกือบสองปี และเป็นวันที่กะทิพก"แผ่นนพเก้า" มาด้วยพอดี เพียงแต่พี่เขาแตะ"แผ่นนพเก้า" พลังที่พี่เขาฝึกก็กลับคืนมาโดยพลัน กะทิก็เลยได้นั่งดูพลังของพี่เขาที่ส่งพลังมาให้ดูเล่น เป็นที่ตื่นตาตื่นใจ


สรุป กะทิจึงขอเป็นตัวแทนในการ "สาธุ" ขอบคุณคุณแฟนคลับผู้นี้นะครับ ที่กรุณาส่ง "แผ่นนพเก้า" มาให้พวกเราได้สัมผัสกัน(หลายๆ คนในวันนั้น) นะครับผม สาธุค่ะ ^ ^


By the way หุๆๆ พี่ดาวหาเกมมาให้พวกเราเล่นอีกแล้ว ดีจังเลยค่ะ

 

เรื่องของ "แผ่นนพเก้า" ที่กะทิได้รับมาถือครองนี้ เป็นของที่ได้รับพรพิเศษจากองค์ปฐม จึงมีพลังดังกล่าวตามที่กะทิเล่า

แต่ แผ่นนพเก้า ทั่วๆไป แม้จะมาจากที่เดียวกัน รุ่นเดียวกัน เหมือนกันเปะ ก็ไม่มีอำนาจเช่นเดียวกันกับ อันที่กะทิมี

จึงขอเตือนท่านๆที่มาอ่านเจอ ไม่ต้องไปเสียเวลาเสาะหา พระมันมีเพียงชิ้นเดียว ในโลกนี้

 

ขออภัยครับ อ.
อีกชิ้นสองชิ้น อยู่ กับ ผม ครับ...

 

แผ่นนพเก้า ดังกล่าว
มีพลัง อัดแน่น ด้วย สาเหตปัจจัย รวมล้อม หลายประการ
บวกกับ ระยะเวลา อันยาวนาน ซ้ำๆ กัน นับไม่ถ้วน

จึง มี พลัง มากมาย เพียงนี้


......................

เป็นพลัง ที่ นุ่มนวล มาก สำหรับผม
จนไม่ ค่อย อยากจะนำออกไปใช้ สักเท่าไหร่ ( เกรงใจใน ควาสุภาพ ของท่าน)

 

คุณดาว ถ้าไม่อยากใช้ก็แบ่งให้ผมใช้ก็ได้ครับ ....555

 

กะทิเธอได้รับพัสดุ ไปรษณีย์ เมื่อวันที่ ๖ พ.ย.๕๗
และนำมาโพสเล่าสู่กันฟังในกระทู้ถึงเรื่องแผ่นนพเก้า เมื่อวันที่ ๗ พ.ย.๕๗ ในช่วงเช้า
และหมอก็ตอบไปตามข้อความข้างบนเมื่อวันที่ ๗ (ช่วงเช้า)เช่นกัน
และแนะนำให้เธอขอพรจากองค์ปฐม ซึ่งเป็นหนึ่งในพระอาจารย์ระดับสูงของเธอ(ซึ่งมีอยู่ ๓ ท่าน ๑.องค์ปฐม ๒ องค์โลกุตระ และ ๓ องค์สังฆราชาแห่งดวงอาทิตย์)
นี่จึงเป็นเหตุให้นางไม่ว่าจะไปไหนมาไหน มักได้รับพระเมตตาจากพระอริยะเจ้าในอดีตอยูเสมอ หลายพระองค์ด้วย เช่นหลวงปู่อุปคุต ฯลฯ(เส้นก๋วยจั๊บนะเนี่ย)
และในช่วงเกือบเที่ยงวันที่ ๗ พ.ย.๕๗ หมอสุวิก็โพสบอกเธอไป ให้ขอพรเผื่อทุกๆท่านที่ครอบครองแผ่นนพเก้าด้วย ดังข้อความสีน้ำเงิน ที่ปรากฏข้างบน

ไม่ว่ากายหยาบของกะทิจะทำหรือไม่ทำการขอพรดังกล่าว
แต่กายละเอียดและจิตของกะทิ รับรู้ในเรื่องนี้ และขอพรทุกอย่างตามที่หมอสุวิเขียนไว้เรียบร้อยแล้ว
การประทานพรขององค์ปฐมท่านประทานผ่าน แผ่นนพเก้า ชิ้นที่อยู่กับกะทิ เป็นชิ้นแม่และกระกายออกไปยังทุกๆชิ้นที่มีอยู่ในโลกนี้ ทั้งในและนอกประเทศไทย
ดังนั้น แผ่นนพเก้า ทุกแผ่นมีพลังขององค์ปฐมทั้งสิ้น

และด้วยจิตของกระทิ กำลังมีปัญหากับดวงมณีประจำตัว(แก้วสุริยะกาญจน์)ของเธอยู๋
ท่านจึงประทาน ดวงแก้วดวงใหม่ให้เธอชื่อ ดวงแก้ววิเชียรโชติ ซ้อนอยู่ในแผ่นนพเก้า ในดวงจิตเธอ และในกายละเอียด)

และด้วยเหตุที่แผ่นนพเก้า ชิ้นที่อยู่กับกะทิเป็นแผ่นแม่ จึงมีพลังสูงกว่าแผ่นอื่นๆ และยังมีอำนาจของดวงแก้ววิเชียรโชติ อีกด้วย

ดังนั้นหมอสุวิ จึงกล้ากล่าวว่า แผ่นนพเก้า ที่มีคุณสมบัติแบบที่กระทิมี จึงมีเพียงแผ่นเดียว ในโลกนี้

ผู้ที่จับพลังเป็น และย้อนเวลาได้ เช่นคุณดาวทะเลทราย คุณพลังไฟ และอีกหลายๆท่าน
ให้ตามตรวจจับพลัง แผ่นพนพเก้าดู ทั้งแผ่นที่อยู่กับกะทิ และแผ่นที่ท่านเป็นเจ้าของอยู่

พลัง และโครงสร้างของพลัง ก่อนวันที่ ๖ พ.ย.๕๗ เป็นเช่นใด
พลังและโครงสร้างพลังของหลังวันที่ ๑๐ พ.ย. ๕๗ (หลังจากได้รับพรสมบูรณ์แล้ว)จนถึงปัจจุบัน เป็นเช่นใด มีความแตกต่างกันหรือไม่

และให้ตรวจจับ พลังและโครงสร้างของพลัง ในปัจจุบัน ของแผ่นนพเก้า ที่ท่านเป็นเจ้าของอยู่ เทียบกับแผ่นนพเก้า ที่กะทิครอบครองอยู่

 

วันที่ 13/12/2557 เวลา 7:28 ข้าพเจ้าและคณะได้โอนเงินจำนวน 300 บาท
เข้ากองทุนไถ่ชีวิตสัตว์
ธนาคาร ไทยพาณิชย์ สาขาโฮมเวร์ค ราชพฤกษ์
บช.ออมทรัพย์ เลขที่ 405-567090-1
ชื่อบัญชี นาง พัชรินทร์ วงค์เอนกอนันต์

 

มาเมืองไทย งวดหน้า แวะมา รับได้ เลยครับ
แผ่นโมเสด นพเก้า ของ วัดพระพุทธชินราช เป็นของที่สวยงาม ทั้ง ภายนอกและภายใน

กับ อีกสิ่งหนึ่ง ที่ อยากแนะนำ

คือ แท่งอำพัน ที่ได้จาก การบูรณะ พระเจดีย์ พระปฐมเจดีย์
แท่งอำพัน นี้ เกิดจาก ยางไม้ ที่ ใช้ ยึด แผ่นกระเบื้อง บนองค์พระเจดีย์
คนโบราณ ท่าน ฉลาด
ไม่มี กาว ไม่มีปูนตราจรเข้ ไว้ยึดติดแผ่นกระเบื้อง กับ องค์พระเจดีย์
ท่าน เจาะรู ที่ เจดีย์ แล้ว หยด ยางไม้ ลงไป แล้วติดกระเบื้องทับ

แค่นี้ เมื่อยางไม้แท้ จะยึดเกาะแผ่นกระเบื้อง กับพื้นผิวเจดีย์ แถม ยังมี แกนยึดลงไปตามที่ ที่เจาะรุไว้ อีกด้วย ทำให้ ยึดแผ่นกระเบื้องได้แข็งแรง มาก

ยางไม้นี้ แข็งตัว จนเป็นแท่ง สีเหลืองใส (อำพัน)
แม้น อายุ จะผ่านมาร้อยกว่าปี ก็ ยังคงสภาพไว้ได้

แรกๆ ก็ไม่มีคนสนใจ
มีแต่พวกนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซื้อไป เป็นของที่ระลึก
ได้ไป แล้ว ถูกใจ กลับ มาขอรับไป อีก จน เป็นที่ สังเกตได้ ของ ชาวบ้านระแวกนั้น
คนไทย เจ้าของพื้นที่ จึง เริ่มสนใจ บ้าง .......55

 

ขอบคุณครับ แต่ยังไม่มีแพลนที่จะกลับตอนนี้ ถ้ากลับก็จะแวะไปเยี่อมครับ

 

8 ข้อปฏิบัติเพื่อฝึกหาความสุข .....จาก Fb ของคุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย มีขข้อคิดดีๆ มาฝากพวกเราให้ฝึกตนกันอีกแล้วค่ะ(ฝุดยอด)


1. ฝึกมองตัวเองให้เล็กเข้าไว้ หมายความว่า จงเป็นคนตัวเล็ก อย่าเป็นคนตัวใหญ่ จงเป็นคนธรรมดา อย่าเป็นคนสำคัญ เวลามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา อย่าไปให้ความสำคัญกับตัวเองมากไป


2. ฝึกให้ตัวเองเป็นนักไม่สะสม หมายความว่า การสะสมอะไรสักอย่างนั้นเป็นภาระ ไม่มีอะไรที่เราสะสมแล้วไม่เป็นภาระยกเว้นความดี นอกนั้นล้วนเป็นภาระทั้งหมดไม่มากก็น้อย


3. ฝึกให้ตนเองเป็นคนสบายๆ หมายความว่า อย่าไปบ้ากับความสมบูรณ์แบบ เพราะความสมบูรณ์แบบมันไม่มีจริง มีแต่คนโง่เท่านั้นที่มองว่า ความสมบูรณ์แบบมีจริง


4. ฝึกให้ตัวเองเป็นคนนิ่งๆ หรือไม่ก็พูดในสิ่งที่ดีๆ หมายความว่า ถ้าอะไรไม่ดีก็อย่าไปพูดมาก ไม่ว่าสิ่งนั้นจะถูกหรือผิด แต่ถ้ามันไม่ดี เป็นไปได้ก็ไม่ต้องพูด เพราะการพูด หรือวิจารณ์ในทางเสียหายนั้น มีแต่ทำให้จิตใจตนเองตกต่ำ และขุ่นมัว


5. ฝึกให้ตัวเองรู้ธรรมชาติว่า อะไรๆ ก็ผ่านไปเสมอ หมายความว่า เวลามีความสุข ก็ให้รู้ว่า เดี๋ยวความสุขมันก็ผ่านไป เวลามีความทุกข์ ก็ให้รู้ว่า เดี๋ยวความทุกข์ก็ผ่านไป เวลามีสถานการณ์แย่ๆ เกิดขึ้น ก็ให้รู้ทันว่า เรื่องราวเหล่านี้ มันไม่ได้อยู่กับเราจนวันตาย


6. ฝึกให้ตัวเองเข้าใจเรื่องของการนินทา หมายความว่า เราเกิดมาก็ต้องรู้ตัวว่า เราต้องถูกนินทาแน่นอน ดังนั้น เมื่อถูกนินทาขอให้รู้ว่า "เรามาถูกทางแล้ว" แปลว่า เรายังมีตัวตนอยู่บนโลก คนที่ชอบเต้นแร้งเต้นกากับคำนินทา ก็คือคนไม่รู้เท่าทันโลก แม้แต่คนเป็นพ่อแม่ก็ยังนินทาลูก คนเป็นลูกก็ยังนินทาพ่อแม่ นับประสาอะไรกับคนอื่น ถ้าเราห้ามตัวเองไม่ให้นินทาคนอื่นได้เมื่อไหร่ ค่อยมาคิดว่า เราจะไม่ถูกนินทา


7. ฝึกให้ตัวเองพ้นไปจากความเป็นขี้ข้าของเงิน หมายความว่า เราต้องหัดพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ รถยนต์ใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน นาฬิกาใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน เสื้อผ้าใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน การที่คนเราจะเลิกเป็นขี้ข้าเงินได้ ต้องเริ่มจากการรู้จักเพียงพอก่อน เมื่อรู้จักพอแล้ว ก็ไม่ต้องหาเงินมาก เมื่อไม่ต้องหาเงินมาก ชีวิตก็มีโอกาสทำอะไรที่มากกว่าการหาเงิน


8. ฝึกให้ตัวเองเสียสละ และยอมเสียเปรียบ หมายความว่า การที่คนๆ หนึ่งยอมเสียเปรียบผู้อื่นบ้าง เป็นเรื่องจำเป็น ใครก็ตามที่บ้าความถูกต้อง บ้าเหตุบ้าผล ไม่ยอมเสียเปรียบอะไรเลย ไม่ช้า คนๆ นั้นก็จะเป็นบ้าสติแตก กลายเป็นคนที่ถูกทุกอย่างแต่ไม่มีความสุข เพราะต้องสู้รบกับคนรอบข้างเต็มไปหมดเพื่อความถูกต้องที่ตนเองยึดมั่นถือมั่น

อ่านแล้ว.....อยากอ่านอีกครั้ง(เนอะ)

 

รออ่านเรื่องระลึกชาติของคุณกะทิอยู่นะครับ และอยากทราบความเป็นมาของพี่สาวในอดีตชาติด้วย ทำไมกายทิพย์ที่แยกมาเป็นคุณปัทจึงกลายเป็นนักรบไปได้หรือว่าพี่สาวคุณกะทิในอดีตชาติก็ชอบรบแบบเดียวกันครับ ^_^

ปล.เดือนนี้ผมไปทำบุญและปฏิบัติธรรมที่วัดท่าซุงมาตั้งแต่วันที่ 3-14 เอาบุญมาฝาก อ.suwi พี่ดาวทะเลทราย คุณกะทิ และเพื่อนๆทุกท่านด้วยนะครับ

 

สองวันนี้วุ่นๆอยู่เลยลืมเล่าให้ทุกๆท่านร่วมอนุโมทนาบุญกัน

เมื่อวันอาทิตย์ ช่วงสายๆมีผู้มาร่วมบุญในกองทุนไถ่ชีวิติสัตว์และสร้างพระ มาถึงที่บ้านหมอสุวิเลย
เมื่อรวมเงินในบัญชีกองทุนแล้วไถ่ชีวิตสัตว์ฯ แล้ว เราสามารถปล่อยวัวได้ตัวหนึ่ง
จึงรีบออกจากบ้านไปถอนเงิน รวมกับเงินสดที่มีอยู่ในมือ ได้ ๑๕,๐๐๐.- พอดี
เราไปยังวัดเสมียรนารี ปล่อยวัวได้ตัวหนึ่ง ตามภาพที่แนบมาให้ดูกัน พระท่านทำเป็นแบบสังฆทานเลย

(หาทางเอารูปลงไม่ได้ ติดไว้ก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ ลงรูปใหม่)
20141214_131847.jpg (1.43 MB)

20141214_131925.jpg (1.43 MB)

20141214_132008.jpg (1.43 MB)

 

ยินดีในความมี กุศลจิต ของ กระทิ ด้วยครับ
ไหนๆ จะให้เบอร์สวย ๆดีดี แล้ว นะ
น่าจะบอก ไป ด้วย ว่า เบอร์ นี้ ดี อย่างไง

ผมเอง ก็ เรียนโหราศาสตร์ มาด้านเดียว คือ ยูเรเนียน
จะลอง แปล จากตัวเลขเป็นดาว แล้วให้ความหมาย ดู นะ
อาจจะไม่ตรง กับ คนที่เค้าเรียนมาทางเลขศาสตร์ หรือ ดู แบบโหรไทย สักเท่าไหร่
เอาเป็นว่า แปล แบบ ดาวทะเลทราย ก็ แล้วกัน

เบอร์ 0991922564

0 = คำสั่ง หรือ ต้องเป็นไป
9 = เกต (อิงโหรไทย นิดหน่อย) พระ หรือ เบื้องสุง , ธรรมะ
9 =
1 = อาทิตย์ = ร่างกาย สังขาร ตัวตน
9 =
2 = จันทร์ = ในส่วนของจิตใจ
2 =
5 = พฤหัส = โชคดี , โชคลาภ , ความสำเหร็จ
6 = ศุกร์ = ความสุข , ราบรื่น
4 = พุทธ = เคลื่อนไหว , เดินทางไปมา

เบอร์ 0991922564
โดยสรุป หมายเลขนี้ มีความหมายว่า โดยกฏเกณฑ์ธรรมชาติ (ธรรมะ) กายสังขารของผุ้มี ธรรม ใจของผู้มี ธรรม นั่นเป็นสุข
ราบรื่น สอดคล้องกับ โลกาภิวัตน์

เป็นเบอร์ที่ ผู้ใช้ ธรรมะ หรือ ผู้รักการปฏิบัตรธรรม แต่ยังต้องอยู่ในสังคม หรือยังคงมี ธุรกิจการงาน ในทางโลกอยู่ ก็ตาม
จะได้รับการยอมรับในสังคม , และราบรื่นในการดำเนินชีวิต อย่างเป็นสุข


เบอร์ 0991952264
สำหรับ เบอร์นี้ ความหมาย คล้ายกัน คือ
ผู้ที่มีธรรชาติ รักการปฏิบัตธรรม แสวงหา ธรรมะ ชอบการเดินทาง แสวงบุญ จะได้รับความสุข และ ราบรื่น ใน เส้นทางนี้

ความหมายดังกล่าว เป็นเพียง แนวทาง ความเห็นแบบ ดาวทะเลทราย เท่านั้น
ไม่อาจ นำไปใช้เป็น บรรทัดฐาน ในการ อ่าน ความหมายเบอร์โทรศัพท์ อื่นๆ ได้

( สำนักอื่น เค้าอาจจะไม่ได้ดู แบบผม นะ เดี๋ยว เถียงกัน แย่...55 )

 

ขอบคุณพี่ดาวทะเลทรายมากนะคะ แปลความหมายของเบอร์ได้นุ่มนวล ละมุนละไมมากๆ ค่ะ

แต่ความลึกซึ้งมันยังมีกว่านั้นย่อมมีอยู่ แต่ละเบอร์มีความเป็นเฉพาะของตัวมันแตกต่างกันไปอะนะคะ


งานนี้หมอสุวิจะได้ขาวัวมาอีกสักครึ่งตัวรึเปล่า? อยู่ที่ใจของผู้ที่จะได้รับเบอร์จากกะทิเธอไปค่ะ

 

ผมได้โอนร่วมบุญในกองทุนยาและบูชาครู 330บาทครับผม

 

เมื่อวันอาทิตย์ ช่วงสายๆมีผู้มาร่วมบุญในกองทุนไถ่ชีวิติสัตว์และสร้างพระ มาถึงที่บ้านหมอสุวิเลย

เมื่อรวมเงินในบัญชีกองทุนแล้วไถ่ชีวิตสัตว์ฯ แล้ว เราสามารถปล่อยวัวได้ตัวหนึ่ง

จึงรีบออกจากบ้านไปถอนเงิน รวมกับเงินสดที่มีอยู่ในมือ ได้ ๑๕,๐๐๐.- พอดี

เราไปยังวัดเสมียรนารี ปล่อยวัวได้ตัวหนึ่ง ตามภาพที่แนบมาให้ดูกัน พระท่านทำเป็นแบบสังฆทานเลย

 

สาธุค่ะ

 

อนุโมทนา สาธุด้วยนะคะ

และเมื่อวานตอนประมาณ 2 ทุ่ม ได้โอนเงินร่วมบุญกองทุนไถ่ชีวิตสัตว์ 100 บาทค่ะ