เรื่องเล่าของข้าพเจ้าความศักดิ์สิทธิ์พระคาถาชินบัญชร

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย ชัชวาล เพ่งวรรธนะ, 1 ตุลาคม 2008.

  1. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ไม่ต้องใช้เวลานานพิสูจน์พระธรรมที่เป็นของจริง

    ช่วงนี้อ้องปฎิบัติ์บูชาแทนคุณครูมากยิ่งขึ้น
    มาขอเล่าสภาวะบ้างนิดหน่อย

    สิ่งที่หลวงพ่อสอนเสมอคือมีแต่ทุกข์ล้วนๆเป็นเช่นไร

    การพิจารณาธรรมนั้นถ้าสติ สมาธิมีกำลังย่อมพิจารณาสิ่งที่ปรากฏด้วยความรู้สึกได้ชัดเจน
    มากกว่าการเข้าไปกำหนดเพื่อรู้เพราะมีโมหะแฝงเข้าไปอยู่คือเอาจิตไปเพ่งจิต
    ไม่ใช่จิตไปรู้จิต

    เมื่อทานน้ำมากเข้ากายก็ปรากฏทุข์ เมื่อพิจารณาลงไป กายมันไม่ได้ทุกข์แต่เป็นจิตนี่หล่ะมันทุกข์
    กายมันเป็นสภาวะธาตุที่ปรวนแปลอยู่เสมอ

    ในอิริยาบทมีทุกข์ปรากฏแต่จิตมักจะแสวงหาอารมณ์ใหม่อย่างรวดเร็วเพื่อไปคลายทุกข์
    แต่ก่อนไม่ค่อยทันมากนักแต่พิจารณาสิ่งที่หลวงพ่อสอนมา

    ไม่ว่าอย่างไรอ้องปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันปรากฏคำว่าตื่นรู้จริงในธรรมชาติตามจริง

    เพราะขณะที่จิตมันเปลี่ยนอิริยาบทนั้นมันจะมีสภาวะของเบาสบายปรากฏ จิตมันจะไปเกาะยึดสภาวะชนิดนี้
    อย่างต่อเนื่องและจดจำได้หมายรู้ปรุงแต่งเป็นอารมณ์ มันเป็นวิปลาสจิตชนิดหนึ่ง

    ที่มันโง่นักที่ไม่รู้ว่าความเบา สบายนั้นที่เกิดขึ้นเพราะมาจากทุกข์
    และมันก็ตั้งอยู่ไม่ได้

    เมื่ออ้องเห็นความเบาสบายเกิดและตั้งอยู่มันก็สลายหายไป
    สภาวะธาตุทั้ง๔สมดุลย์กันซักพักหนึ่งมีความเฉยๆตั้งอยู่
    แต่ไม่นานนักทุกข์ก็เริ่มปรากฏสภาวะของมันกระเพื่อมเข้ามา

    นั่นก็คือปวดเบา...
    ในอิริยาบทมีสมาธิ ในสมาธิมีสติรู้ว่ามีสมาธิ จิตพลิกไปมาระหว่าง
    การเข้าไปรู้ความจริงในธรรมชาติของกาย

    สภาวะคือการแข็งตึง หน่วงๆปรากฏให้รู้เพิ่มปริมาณการกระเพื่อมมากขึ้น
    ทุกข์เพิ่มมากขึ้นถ้าไม่ไปถ่ายเบา

    เมื่อไปถ่ายเบาสิ่งที่ปรากฏคือสภาวะของการตึง หน่วงหายไป มีความเบา สบาย
    หย่อน อ่อน ปรากฏ สิ่งนี้จิตเข้าไปรู้สภาวะว่า มันจดจำได้หมายรู้และยึดเอาไว้
    เพื่อคลายอารมณ์

    ธาตุมันแสดงสภาวะปรากฏคือความแปรปรวนเริ่มเข้ามาสู่ความสมดุลย์ในตัวมันเอง
    แต่สิ่งที่เข้าไปรู้คือ มันกำลังเริ่มก่อตัวทุกข์เข้ามาใหม่อีกตลอดเวลา

    มีแต่ทุกข์ที่เกิดขึ้น มีแต่ทุกข์ที่ตั้งอยู่ ธรรมทั้งหลายไม่ใช่กายไม่ใช่จิตเรา
    มีแต่การเกิดดับสลายหายไปอันเป็นธรรมดาของธรรมชาติทั้งสิ้น

    กายนั้นเป็นเพียงที่อยู่อาศัยของจิต มันเป็นเพียงธาตุ๔มาประชุมรวมกัน ย่อมมีการแปรเปลี่ยนอยู่เสมอ
    มีแต่ต้นเหตุคือจิต เมื่อเห็นกายก็เห็นจิต เมื่อเห็นทุกข์ก็เห็นจิต มันปรากฏที่วิญญาณอายตนะทั้ง๖
    เป็นเหมือนความสว่างเข้าไปขับไล่ความมืดบอดในช่องวิญญาณเหล่านั้น
    ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา

    จิตย่อมไม่ส่งออกเข้าไปยึดเกาะกุมอารมณ์

    ไม่ว่าอนาคตก็เป็นเช่นนี้ อดีตก็เป็นเช่นนี้ มีแต่สติที่ทำให้ความเป็นกลางปรากฏ
    คือรู้ ตื่น เบิกบานในธรรม

    พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะ เป็นที่พึ่งอันร่มเย็นแก่ข้าพเจ้าเสมอและตลอดไป
    ธรรมะเป็นของกลาง พิสูจฯ์ได้ด้วยตนเอง
    ผิดพลาดคลาดเคลื่อนย่อมรู้แก่ใจ ไม่ต้องใช้เวลานาน พระธรรมที่เป็นของจริง
     
  2. วันชัย13

    วันชัย13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +176
    ความปรารถนาที่ตั้งไว้และมีฉันทะเป็นที่สุดกับความปรารถนานั้น...

    ผมอ่านข้อความของผู้ที่ปรารถนาพุทธภูมิ
    ผมอ่านแล้วรู้สึกปีติและยินดีกับท่านเหล่านั้นมากๆครับ
    เพราะสิ่งที่ท่านเหล่านั้นปรารถนาเป็นสิ่งที่น้อยคนนักจะปรารถนา
    เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ + ยาก และต้องบำเพ็ญบารมีนาน

    และสิ่งที่ท่านเหล่านั้นศึกษาล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ยากและลึกซึ้งมากๆครับ
    เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากๆ ถือว่าฉันทะที่ท่านมีต่อพุทธภูมิ เป็นเอกจริงๆครับ
    ต้องขออนุโมทนากับทุกๆท่านที่ปรารถนาพุทธภูมิด้วยนะครับ
    เพราะอิทธิบาท๔ูที่เป็นเหตุเกื้อหนุนจริงๆ

    "ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มกราคม 2010
  3. nut1663

    nut1663 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    702
    ค่าพลัง:
    +2,691
    เพื่อหลงเข้ามาอ่านวันแรก ครับ ไม่ทราบว่า หนังสือ คุณ อ้อง ได้จัดพิมพ์หรือยังครับ
    ผมเห็นว่าเป็นประโยชน์มาก หรือ ถ้า พิมพ์แล้วหมดไปแล้ว พอมีต้นฉบับ ไหมครับ
    อยากพิมพ์ไว้อ่าน หรือ แจกคนรู้จัก ครับ
     
  4. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ภาวนาโดยละเอียด

    เมื่อคืนก็ภาวนาจนละเอียดลงไปแต่แทนจิตจะหดรวมละเอียดกลายเป็นอริยมรรคสมังคี
    มีเอกจิต เอกธรรม เอกมรรคปรากฏ ก็กลายเป็นจิตพุ่งออกกลายเป็นอโลกกสิณไปเสียอีก

    การภาวนาโดยละเอียดนั้นมีหลายสิ่งที่ถ้าไม่มีครูอธิบายนะมันเข้าใจลำบากมากพอชม
    เช่นอะไรคือจิตรวม อะไรคือจิตตกภวังค์แล้วมีสติ อะไรคือการสร้างจุด ตำแหน่ง
    ให้จิตอยู่ อะไรที่จิตละเอียดรวมเข้าสู่ความสะอาดบริสุทธิ์

    อะไรที่จะใส่จิตตะ อะไรจะเพิ่มวิมังสาเพื่อสมาธิ ปัญญา และการเดินมรรคทั้ง๘

    การภาวนาโดยละเอีบดนั้นก็ย่อมมีรายละเอียดอยู่มาก

    คนที่เข้าสมาธิไม่ได้เลยหรือเข้าไม่ถึงความละเอียดของจิตได้นั้น
    ก็ย่อมเป็นเพราะว่าการไม่เข้าใจในการใช้จังหวะช่วงเวลาที่จะ
    ผ่อนคลาย ตั้งมั่น จู่โจม วางจุดตำแหน่ง

    เมื่อจิตละเอียด บริสุทธิ์ปรากฏสติสัมปชัญญะแล้วเราย่อมพิจารณา
    ขันธ์ สัจจะ อายตนะ ธาตุได้อย่างถูกต้องตามจริง

    เมื่อเข้าถึงทำเช่นใดให้โน้มเข้าถึงได้ในคราวต่อไป
    การเข้า การถอยออก ก็มีหลักการใส่ใจอีกด้วย
    คุณธรรมสัมมัปทาน๔ อิทธิบาท๔ ทำไมจึงเกื้อหนุนกำลังได้มาก

    ท้ายสุดคือเราทำสมาธิเพื่ออะไร
    ดังนั้นไม่ว่าเราทำอะไรเราจึงควรพอใจที่จะทำงานจึงราบรื่นและควร
    เข้าใจว่าทำไปเพื่ออะไร ไม่ว่าเดินจงกรม การนั่งควรใส่ใจว่าทำไปเพื่ออะไร
    เราก็จะพบจุดมุ่งหมายได้ในการงานนั้นๆ
     
  5. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ถึงคุณnut1663

    อ้องพิมพ์มาประมาณสองรอบแล้วครับ1,000เล่ม
    หมดไปอย่างรวดเร็วนั่นคือเล่ม1ครับ

    ส่วนเล่มสองว่าจะทำในเรื่องคำภีร์หมื่นโลกธาตุให้จบกับ
    มิติภูต การตื่นในฝันชนิดเต็มตัว
    เน้นบรรเทิงธรรมล้วนๆ

    ทางเพื่อนๆที่ลานธรรมและพลังจิตก็ให้จัดทำใหม่ทั้งเล่ม1และเล่มสอง
    แต่การจัดทำที่ผ่านมาทำให้อ้องไม่สบายใจที่เพื่อนๆบริจาคเงินสมทบเข้ามา
    อยู่เกือบแสนห้าและถ้าทำใหม่เพิ่มเข้าไปอีกทั้งสองภาค

    ก็จะต้องพิมพ์ไม่ต่ำกว่า2,000เล่มทีเดียวและต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่าสามแสนบาท
    สิ่งนี้ทำให้อ้องชั่งใจมานานพอสมควรเพราะเงินทองเป็นสิ่งหาได้ยาก

    จึงเลื่อนตัวเองมาเรื่อยๆว่าถ้าจะจัดพิมพ์จะตั้งงบตัวเองเอาไว้เป็นเสบียงที่
    หนึ่งแสนบาทแล้วค่อยให้เพื่อนๆสมทบกันเข้ามาในส่วนที่ขาดไป

    อ้องคงขอวางเป็นโครงการก่อนนะครับ
    ยินดีในธรรมครับ
    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ(อ้องเขาค้อ)
     
  6. kung_9894

    kung_9894 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +1,584
    ขออนุโมทนากับพี่อ้องด้วยนะคะ
    ถ้าพี่อ้องจะพิมพ์เล่มสอง ขอโมทนาด้วยและจะร่วมทำบุญด้วยค่ะ
    เล่มหนึ่งหนูโชคดีมากๆที่ขอพี่อ้องทัน ( แหะๆ )
    เล่มสองถ้าพี่อ้องจะจัดพิมพ์เมื่อไหร่ กรุณาแจ้งน้องด้วยนะคะ
    ขอบพระคุณและอนุโมทนากับพี่อ้องด้วยทุกประการค่ะ
     
  7. วันชัย13

    วันชัย13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +176
    อิอิ มาขอส่วนบุญกับเขาบ้างครับ

    ผมยังไม่ได้ทั้ง1และ2เลยครับ อยากได้บ้างจังครับ

    รวบรวมเงินกันแล้วจัดพิมพ์ก็ดีนะครับลุงอ้อง

    ผมขอร่วมด้วยครับ
     
  8. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ท่านอยู่กับอะไร

    อ้องขออยู่กับการฝึกอบรมขันธ์สันดานตนเพื่อความเป็นไปแห่งพระโพธิสัตว์เจ้า
    ในอนาคตกาลข้างหน้า แม้เริ่มนับหนึ่งใหม่นับจากภพนี้ก็ขอได้ประกาศเอาไว้ในความ
    ผ่าเผยและองอาจ...

    อ้องเองก็มีดีมีชั่ว คิดดีคิดชั่วอยู่เสมอจึงเห็นว่าแม้เรายังตกเข้าไปในอกุศล
    สร้างบาปกรรมชั่วได้แล้วคนที่เรารักบูชาเช่นบิดามารดาเป็นต้น
    จะไม่ตกอยู่ในห้วงแห่งสังสารวัฎที่ยาวไกลและเต็มไปด้วยทุกข์เพราะ
    ความไม่่เข้าใจด้วยเช่นนั้นหรือ

    ในภพนี้ชาตินี้ได้รู้และเข้าใจในสัจธรรมย่อมทำให้รู้แจ้งได้ไม่ภพนี้ก็ภพถัดๆไป

    แต่ความรู้ ความเข้าใจที่มีอยู่อ้องปรารถนาจะให้บิดามารดาพี่น้องและเพื่อนๆน้องๆ
    มิตรสหายทั้งหลายได้รู้ธรรมเช่นนั้นบ้าง

    สิ่งใดที่ข้าพเจ้ารู้จึงขอให้ท่านทั้งหลายได้รู้บ้าง
    สิ่งใดที่ข้าพเจ้าพ้นไปจากโลกธรรม
    ข้าพเจ้าก็พึงปรารถนาให้ท่านทั้งหลายได้ค้นพบสัจธรรมเพื่อพ้นไปไม่กลับมาเช่นกัน

    อ้องได้พบครูอาจารย์หลายๆองค์ท่านช่างยิ่งใหญ่และประกาศตนไม่กลับมา
    ภพนี้เป็นภพสุดท้ายเป็นสิ่งที่น่าสรรเสริญในความองอาจและการต่อสู้กับกิเลส
    จนเป็นไท อิสรโบยบิน พบสันติสุขคือความสงบอย่างบริสุทธิ์ที่แท้จริง

    อันความพึงประสงค์ของครูอาจารย์พระอริยเจ้าทั้งหลายก็ล้วนเป็นเพราะความมุ่งมั่น
    การตั้งใจในปธาน๔โดยเฉพาะข้อที่๓ขัดสันดานตนให้เต็มไปด้วยกุศล

    การภาวนาคือการทำให้ กาย วาจา ใจเต็มไปด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา
    ความมุ่งมั่นทั้งหลายสำเร็จผลนั้นๆด้วยตนเป็นที่พึ่งดั่งความจริงแท้แน่นอน

    กาลเวลาเป็นสิ่งที่ยาวไกลและน่ากลัวแต่สิ่งที่ติดข้องและพยายามสร้างและจุดมุ่งหมาย
    แต่ละบุคคลก็ย่อมแตกต่างกันเช่นอ้องที่มุ่งมั่นที่จะสร้างสันดานตนเพื่อความเป็นพระโพธิสัตว์เจ้า
    ในอนาคต

    สิ่งนี้คงเรียกการติดดีเป็นคุณธรรมที่จะปรากฏแก่ทุกๆท่านเช่นกัน

    ดังนั้นหน้าที่ที่จะต้องเพียรพยายามในแต่ละคนจึงแตกต่างกันออกไป
    ไม่ใช่ว่า...
    การประกาศความดีจะหมายถึงต้องการลาภ สักการะ อันใดแต่เพื่อเป็นตัวอย่าง
    เป็นสิ่งที่ดีแก่เพื่อนๆทั้งหลายที่มีใจรัก กตัญญ ูทดแทนคุณและเผื่อแผสิ่งที่รู้แก่่มวลชน

    ในสิ่งที่เราจะรู้ก็ควรให้มวลชนทั้งหลายได้รับรู้เพื่อจับมือกันช่วยเหลือกันและกัน
    ในทะเลทุกข์ต่างหาก

    พวกเราทั้งหลายในเวลานี้ต่างก็ว่ายวนอยู่ในทะเลแห่งทุกข์ทั้งสิ้นยังไม่เข้าถึง
    โลกุตระธรรมอันประเสริฐ์ที่หมายถึงกำลังพ้นไป

    แต่ขณะนี้พวกเรากำลังว่ายน้ำอยู่ในทะเล
    ทุกข์พร้อมๆกัน นี่คือความจริงต่างหาก...

    พวกเราจึงควรเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่กันและกันตามกำลังและความสามารถ

    อ้องไม่ได้หมายถึงทุกๆท่านจะต้องทำเช่นเดียวกับอ้อง
    เพราะการถึงฝั่งเพื่อนๆก็จะสามารถกวาดต้อนคนใกล้ชิดที่ร่วมเส้นทางแห่งการแหวกว่าย
    ให้พ้นไปได้ไม่มากก็น้อย

    เช่นดั่งครูอาจารย์ที่เป็นพระอริยเจ้าทั้งหลายที่สั่งสอนเวไนยสัตว์และพวกเรา
    ให้เข้าถึงธรรมและไม่กี่ภพหรือภายในภพนี้ก็ย่อมพ้นไปได้
    ขึ้นอยู่กับความเบื่อหน่ายในโลกนี้

    คนที่เบื่อหน่ายย่อมหาทางหนีโลก
    คนที่ยังไม่เบื่อหน่ายเพราะปัญญายังน้อยการที่มีประธานในกลุ่ม
    ที่มีจิตใจเข้มแข็งเอาไวว้บ้าง
    ก็คงจะเป็นที่พึ่งแก่เพื่อนๆได้ไม่มากก็น้อย

    การที่จะเข้าสู่พุทธภูมิจึงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนๆหนึ่งที่ต้องมุ่งมั่นมากกว่าคนทั่วไป
    จึงต้องรับภาระแบกเอาไว้เพื่อรองรับทุกข์ทั้งมวลสิ่งนี้ก็เพื่อเป็นการสร้างมวลชนให้พบหนทางแห่งอริยสัจธรรม๔ประการ
    ในอนาคตกาลข้างหน้า

    การประกาศตนของอ้องจึงเห็นว่า...
    ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อกิเลสแต่ออกมาจากจิตที่สะอาดเมื่อพิจารณาจิตตนเอง
    ว่าสมควรที่จะใช้การคิดมาเป็นการเขียนและเหมือนดั่งเปล่งออกมาจากวาจาตน

    เพื่อเป็นมงคลแก่ตนเพื่อเป็นอธิษฐานในขณะที่วาระจิตถึงพร้อม
    เพื่อจิตที่สะอาดยิ่งใหญ่ใสกระจ่างเพื่อสัมมาสัมโพธิญาณในกาลเวลาแห่งอนาคต
    จึงต้องตั้งสัจจะบารมีเพื่อย้ำตนเองให้ก้าวต่อไป

    เพื่อทดแทนคุณ เพื่อนำสิ่งที่รู้ให้ท่านได้รู้ เพื่อวิมุตติ เพื่อความพ้นไปถ้วนทั่วกัน
    ขออนุโมทนาธรรมทั้งหลาย
    ข้าพเจ้าจะแบกรับทุกข์ทั้งหลายเพื่อบิดามารดาทั้งหลาย ญาติมิตรทั้งหลาย
    เพื่อนสหายธรรมทั้งหลายและเพื่อมวลชนทั้งหลาย
    ข้าพเจ้าพึงปรารถนาพระวิริยะพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล ณ บัดนี้

    ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นพยาน
    ข้าพเจ้าขอยึดพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะที่พึ่ง
    เพื่อหนทางแห่งความเจริญในขันธสันดานแห่งพระโพธิสัตว์เจ้าที่แท้จริง
    เทอญ...

    สาธุขอความสำเร็จจงมีแก่ข้าพเจ้า
    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ(อ้องเขาค้อ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2010
  9. meentra

    meentra Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +30
    ขอจอง ด้วยนะค่ะ ทั้ง เล่ม 1 และ เล่ม2 ติดตามอ่านแล้ว ชอบมากค่ะ

    ถ้าจะให้ ร่วมบุญ เรื่อง หนังสือ บอกด้วยนะค่ะ สนใจมากค่ะ
     
  10. taw_wan

    taw_wan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +124
    ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นพยาน
    ข้าพเจ้าขอยึดพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะที่พึ่ง
    เพื่อหนทางแห่งความเจริญในขันธสันดานแห่งพระโพธิสัตว์เจ้าที่แท้จริง
    เทอญ...

    สาธุขอความสำเร็จจงมีแก่ข้าพเจ้า
    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ(อ้องเขาค้อ)[/QUOTE]


    ขออนุโมทนากับคุณอ้องด้วยค่ะ สาธุๆๆ
     
  11. kung_9894

    kung_9894 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +1,584
    ขออนุโมทนากับพี่อ้องด้วยทุกประการนะคะ
    ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัย จงดลบันดาลให้คำอธิษฐานของพี่อ้อง จงเป็นผลสำเร็จ จงเป็นผลสำเร็จ จงเป็นผลสำเร็จทุกประการด้วยเทอญ สาธุ
     
  12. kkookk

    kkookk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    345
    ค่าพลัง:
    +1,326
    ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นพยาน
    ข้าพเจ้าขอยึดพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะที่พึ่ง
    เพื่อหนทางแห่งความเจริญในขันธสันดานแห่งพระโพธิสัตว์เจ้าที่แท้จริง
    เทอญ...

    สาธุขอความสำเร็จจงมีแก่ข้าพเจ้า
    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ(อ้องเขาค้อ)<!-- google_ad_section_end -->


    ขออนุโมทนาในการเสียสละอันยิ่งใหญ่นี้ด้วยครับพี่อ้อง...

    ไม่ได้เข้ามาตามนานแล้วครับ..แต่ติดตามอ่านอยู่เรื่อยๆ ครับ...
    พี่อ้องสบายดีนะครับ..^ ^"...
    ส่วนทางผมยังคงเพียรพยายามตามทางขององค์พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า...
    เพื่อพ้นจากวัฏสงสารอันยาวนานนี้อยู่ครับ..T T"...
     
  13. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    สิ่งที่เชื่อมต่อระหว่างจิตและกายที่ทำให้อยู่ได้จนสิ้นอายุขัย

    ตามที่อ่านแบบสั้นๆคือตัวเชื่อมที่ทำให้ภพไม่ขาดไปจากการยึดอารมณ์
    ในภพที่สืบต่อ
    เช่นมนุษย์ทำไมมีอายุขัย สิ่งใดเป็นตัวยึดระหว่างภพ การสืบต่อภพ ในขณะที่จิตเกิดและดับตลอดเวลาแถมจิตบางครั้ง
    ก็ไม่ต่างจากจิตอสูรกาย เปรต สัตว์เดรฉาน เทพ พรหม
    สิ่งใดเป็นตัวเชื่อมทำให้การไปยึดภพครั้งแรกส่งกำลังสืบเนื่อง
    จนกว่าจะสิ้นอำนาจในการยึดอารมณ์ของมนุษย์


    จุดกำเนิดจึงเป็นตัวบ่งบอกในช่วงปฎิสนธิวิญญาณ
    พระอาจารย์สิงห์ท่านเรียกว่า...
    จิตดวงเดิมเมื่อแรกเริ่มปฏิสนธิวิญญาณที่ก้าวลงสู่ครรภ์หรือการผุดขึ้น
    เมื่อปรากฏจะเกิดภวังค์ปรากฏและตั้งเอาภวังค์เป็นตัวเริ่มภพ
    องค์รักษาภพก็คือภวังค์จิตนั่นเองครับ

    กุศลกรรมวิบากจะสร้างเหตุปัจจัยไปตามอำนาจที่จิตสะสมอารมณ์
    เมื่อจิตยังยึดเอาจุด ตำแหน่ง ช่องว่าง กาลเวลา ขันธ์
    จึงย่อมท่องเที่ยวโลดแล่นในกามาพจรเสมอ


    ว่าโดยหลักอภิธรรม...
    ภวังคกิจ หน้าที่ รักษาองค์แห่งภพ คือรักษากรรมวิบากของรูปนามสืบต่อจากปฏิสนธิวิบากจิต และปฏิสนธิกรรมชรูปให้ดำรงอยู่ในภพนั้น ๆ
    ตราบเท่าอำนาจของชนกกรรมจะส่งผลให้เป็นไป
    เท่าอายุสังขารที่จะดำรงอยู่ได้ จิต ๑๙ ดวงที่เรียกว่า ภวังคจิต
    ต้องทำภวังคกิจอยู่เสมอ รักษาการเกิดเป็นบุคคลหรือสัตว์นั้น ๆ เอาไว้ เช่น ปฏิสนธิส่งมาเกิดเป็นนก (ภวังค์)

    ก็รักษาความเป็นนกเอาไว้
    เกิดเป็นมนุษย์และเทวดา ก็รักษาสภาพความเป็นมนุษย์หรือเทวดาเอาไว้ต่อกันตั้งแต่เกิดจนตายไป

    ภวังคจิตจะหยุดกิจนี้ก็ต่อเมื่อมีอารมณ์ใหม่ในปัจจุบันมาคั่นตอน
    ให้จิตนี้ขึ้นรับอารมณ์ใหม่ ในปัจจุบันเสียเท่านั้น
    เมื่อพ้นจากการขึ้นสู่วิถีแล้ว ภวังคจิตทำหน้าที่รักษาองค์แห่งภพต่อไปตลอดเวลา
    จิตที่ทำหน้าที่มี ๑๙ ดวง เหมือนปฏิสนธิกิจ

    จริงๆมีอธิบายรายละเอียดอื่นๆอีกพอควร
    แต่ขอย่อมแบบสั้นๆว่าองค์รักษาภพคือตัวเชื่อมสืบต่อให้ดำรงอยู่ในภพนั้นๆ
    จึงต้องทำภวังค์กิจอยู่เสมอแต่เพราะความส่งต่อสืบเนื่องมันเร็วมาก
    ในแต่ละขณะจิตจึงยากที่จะค้นหาความจริง
    ของการยึดภพเพื่อทำลายภพ

    มีน้องคนหนึ่งของอ้องฝึกสภาวะการดูจิต หลวงพ่อเอ่ยปากชมว่าภาวนาดี
    น้องเค้าเล่าว่าสิ่งที่เค้าเคยทำเหมือนเคยทำมาก่อนมันมีทางให้สืบต่อค้นหาได้
    เหมือนเคยชินในการนึกเอาอารมณ์นั้นๆ
    จนแทบจะเห็นว่ากายและจิตไม่ใช่เรา ...
     
  14. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    ถ้ายังยึดอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งอยู่ ก็จะรักษาภพนั้นไว้จนสิ้นอายุขัย แล้วทีนี้เวลาจะตาย ถ้าจิตไม่ยึดอารมณ์อะไรเลยหล่ะคะ พี่อ้อง แต่จำได้ตรงกลางระหว่างการเกิด-ดับของจิต ก็คือใจน่ะค่ะ ที่เป็นธรรมชาตินั้น แล้วแบบนี้ มันเป็นการวางอารมณ์ก็คือ ไม่มีการเกิดอีกแล้วใช่มั้ย ถ้าอย่างนั้นภวังค์ทั้ง 3 ที่ฝึก ๆ กันก็คือ การผ่านระหว่าง 3 ภพนั้น
     
  15. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ถ้าไม่ยึดอารมณ์ภพก็ไม่ปรากฏเหลือเพียงมหากริยาจิต
    มีสติ ศีล สมาธิ ปัญญา เดินกำลังต่อเนื่อง
    ไม่เอารูปนาม รู้แจ้งวิญญาณอายตนะทั้งปวงว่าเป็นเหตุปรากฏ
    รู้แจ้งสัจธรรมว่ามีแต่ภาพมายาและการให้ค่า(ปรุงแต่ง)
    เมื่อรู้แจ้งว่าเพราะธาตุรู้มีสภาพไหลไปหาเหตุตามธรรมชาติ
    บังคับไม่ได้ ไหลไปมาเองตามธรรมชาติอันเป็นเพียงแค่เรื่องธรรมดา
    ส่วนที่ไม่ธรรมดาเพราะไปยึดเอาเป็นกายเราเป็นจิตเรามันทิ้งวางลง
    หมดสิ้นอุปทานเพราะปัญญาวิปัสสนารู้แจ้ง

    เหมือนดั่งไฟร้อนแล้วเลิกจับ มีแต่เจ็บแสบและทุกข์ร้อน
    ใจก็ไม่ส่งจิตออกไปหาเรื่อง อยู่แต่มหากริยาจิต
    สักแต่รู้ในกริยาต่างๆไม่ใส่ใจ ไม่เกาะกุม ไม่หวั่นไหว
    สิ่งนี้เรียกว่าจบกิจพรหมจรรย์

    พี่อ้องกำลังไปหาครูบาโมดองค์นี้เก่งจ๊ะผึ้งเป็นพระลาว
    และจะไปกราบหลวงพ่อปราโมทย์27 กพ มีเพื่อนๆทางธรรมวันนั้นเก่งๆหลายคนทีเดียว
    คิดว่าการพบเจอคงจะเป็นวาสนาในการพบเจอสหายธรรมที่ไม่ได้พบเจอกันบน
    เส้นทางมาหลายภพ บางองค์ก็คงจะจบกิจในภพนี้
    มีก็เพียงแต่พี่อ้องที่ยังห่วงในหน้าที่ ดูเหมือนไร้สาระแต่ใจมันยิ่งใหญ่
    รู้เพียงแต่ทำเต็มกำลัง ไม่เอาแต่พูดก็พอ

    พระอรหันต์ ภพไม่ปรากฏแล้วจ๊ะ มีเพียงคำรู้ ตื่น เบิกบาน สักแต่รู้
    เพราะอารมณ์มีนะแต่ไม่ยึด ยังรู้ร้อนหนาวหิวอร่อยเพราะมีขันธ์ปรากฏอยู่
    แต่ไม่ยึดเอามาเป็นของๆเราสักแต่รู้

    เมื่อจิตไม่ออกจากใจท่านจะประหารใจตรงที่ใจมันดิ้นๆ
    จะกระเพื่อมส่งจิตมาที่วิญญาณอายตนะ
    ปัญญาพวกท่านเดินเต็มกำลังปรากฏมหาสติและคุณธรรมอันเป็นเครื่องตรัสรู้
    ท้ายสุดเมื่อรู้แจ้งก็อยู่กับความเป็นกลาง

    ผึ้งจ๊ะดีเลวทั้งหลายเป็นของภายนอกทั้งสิ้น ผู้รู้ดีเลวคือจิตที่ส่งออก
    เหตุเกิดที่จิตโจมตีทำลายที่จิต
    สิ่งที่อยู่ภายยนอกอันคือโลกธรรมที่มีเป็นคู่ๆนั้น
    เพราะจิตมันให้ค่า(ปรุงแต่งดีเลว)

    บางทีคนๆหนึ่งเราเคยคิดว่าดี อีกวันเราอาจจะคิดว่าเลว
    รูปธรรมเหล่านี้เราให้ค่า แม้ระหว่างวันเราก็จะตกอยู่ในอำนาจของกิเลส
    ตัณหาเพราะหลงเผลอทั้งสิ้น

    ดังนั้นเราจึงควรแล้วที่จะอบรมกายและจิต
    เพื่อให้รู้ตื่นทั้งดีเลวเป็นธรรมะล้วนๆ

    ธรรมะก็คือธรรมชาติตามจริง(ง่ายแสนง่าย)
    รู้ตามจริง จนจิต จนใจมันยอมรับว่ามีเพียงทุกข์ที่เกิดขึ้น
    มีเพียงทุกขที่ตั้งอยู่และธรรมชาติทั้งหลายมีแต่สลายหายไป

    สิ่งที่เป็นเรื่องราว ข้อความ หนังชีวิตที่เป็นฉาก เป็นตอน
    จะหดมาเหลือเพียงเฟรมหนังทีละท่อนมันส่งต่อเป็นทอดๆเพราะมันมีอดีตอารมณ์
    เมื่อจิตหลุดพ้นก็จะรู้ว่าหลุดพ้น
    เมื่อจิตรู้แจ้งตรัสรู้ความจริงแท้ทั้งปวงก็จะรู้ว่าพ้นไปไม่กลับมา

    แม้ขณะที่ทรงขันธ์อยู่ก็รู้แล้วว่าพ้นแล้วเมื่อสิ้นไปจากขันธ์
    ชาติึจึงไม่ปรากฏ โลกจึงไม่มี

    ภวังค์นั้นจริงๆปรากฏแม้ในขณะที่ผึ้งอ่านหนังสือทีละตัวแค่เพียงเหลือบแต่ละตัว
    มันจะมีการให้ค่า พิจารณา ใคร่ครวญยกเอา ไหวออก
    ยึดเอาส่งไปวิญญาณทั้ง๕เสร็จก็ตกภวังค์บาทต่อและขึ้นใหม่สลับไปตลอดเวลา

    ภวังค์ทั้งสามจึงปรากฏทุกขณะ17ขณะจิต มันเร็วแต่มันจะแพ้สมาธิที่จิตตั้งมั่นมีกำลัง
    กำลังที่ตั้งมั่นจะเข้าไปเห็นฉากๆ ตอนๆ ที่ส่งต่อจนเห็นว่าเอ๊ะนี่กายไม่ใช่เรา จิตก็ไม่ใช่เรา
    เหมือนเงาไหวๆ เหมือนแดดระยิบๆ เพราะไม่มีการให้ค่าจึงเหมือนพยับแดด
    เหมือนดั่งเงาที่แสดงตัวมันไหลไปไหลมา
    (แต่เมื่อให้ค่ามันจะหยิบเอารูปนามไหลเป็นรูป
    รวมเข้ามาเป็นกายเป็นจิต หนังทีละท่อน)

    ยากหน่อยนะวันนี้...
    แต่พี่เชื่อว่าผึ้งเข้าใจ พี่ก็เข้าใจได้เพียงนี้หล่ะ
    อนุโมทนา รู้สึกตัวให้มากขึ้น พยายามรู้ตามจริงแบบง่ายๆ
    สบายๆ อย่าไปกดดัน อย่าไปมองคนอื่นเก่งเดี๋ยวจิตจะห่อเหี่ยว
    ว่าเราไร้วาสนานี่ไม่ดีนะ
    เพราะพวกเราที่อบรมมานี่สร้างเชื้อแห่งอริยสัจกันแล้ว
    พ้นแน่นอน อย่าไปติดเวลา อย่าไปเร่ง
    อย่าไปคาดหวัง อย่าไปกดดัน (เห็นไม๊กิเลสละเอียดทั้งนั้น)

    อยู่กับสบายๆ เหมือนเด็กที่รื่นเริง สนกุสนานกับสิ่งที่ตนทำ(อิทธิบาท๔)
    สิ่งที่สบายๆนี่คคือ(มหากุศลจิต ใจ)

    สำรวจสิ่งที่เราอบรมว่าผิดถูกดูตรงคุณธรรมมันเจริญงอกงาม
    มันก็จะตัดเร็วขึ้นนะ
    อนุโมทนาจ๊ะ
    พี่อ้อง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2010
  16. kung_9894

    kung_9894 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +1,584
    อนุโมทนาด้วยทุกประการค่ะพี่อ้อง
    สิ่งที่พี่อ้องกรุณามาบอกมาเล่าในกระทู้ ทุกตัวอักษรล้วนมีค่ายิ่งนัก
    ได้อ่านแล้วเหมือนกับจิตมันซึมซาบเข้าไป
    ช่วงนี้หนูก็ได้ฝึกตามที่พี่อ้องบอก ตามดูกายและจิต
    เหมือนกับว่าเราไม่ได้แบกไม่ได้ยึดอะไรไว้เลย จิตใจมันสว่างๆ เบาๆสบายๆ
    อารมณ์ต่างๆมันเกิดขึ้นและหายไปได้เร็วขึ้นกว่าเดิมค่ะ
    ขอบพระคุณและอนุโมทนาด้วยค่ะ
     
  17. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ตอบคนที่ถอดจิตมา

    Lucid dreaming ตื่นในฝัน
    อัปนาณาน
    ณานหลับ
    อโลกกสิณ
    ผีอำ
    เส้นทับ
    โรคลมกำเริบ
    ความฝัน
    ถอดจิต(จิตถอดไม่ได้เกิดที่วิญญาณอายตนะที่ใดก็ดับที่นั่น)
    การสร้างรูปภายนอกเพื่อให้มีช่องวิญญาณทั้ง๕เป็นคูหา
    การผุดขึ้นด้วยบุญบาปเพราะคตินิมิตเป็นอารมณ์มั่นหมาย

    การถูกดึงดูด ความตึง การเหลื่อม
    ความตื่นเต้น การเพ่งจ้องมุ่งมั่นเกินงามจนเกิดความตึงเครียดเพราะอยากรู้
    การรับร้อนด่วนได้ ความสงสัย การไม่ตั้งมั่น ความไม่หวั่นไหว
    การรักษาสภาวะของกำลังให้มั่นคง
    การปล่อยกายและจิตสบายๆเหมือนเดินชมสวน
    ไม่เร่งรีบ

    ธรรมชาติของจิตเป็นธาตุรู้อารมณ์
    เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติบังคับไม่ได้มีเหตุมีปัจจัยให้เกิด
    ที่ช่องวิญญาณอายตนะทั้ง๕
    เกิดที่ช่องไหนก็ดับที่ช่องนั้น
    ว่าโดยหลักอภิธรรม จิตถอดไม่ได้

    คราวนี้ถ้าจิตถอดไม่ได้ทำไมจึงปรากฏอสูรกาย เปรต
    สัตว์อบายภูมิ เทพ นางฟ้า พรหม

    เรามีสิ่งที่อ้างอิงคือการจุติจิตและการปฏิสนธิจิต
    องค์รักษาภพที่ยึดอารมณ์เอาไว้เมื่อหมดอำนาจลง
    ย่อมปรากฏคตินิมิตเป็นมั่นหมายที่สะสมอารมณ์ต่างๆมาไว้เป็นกรรม
    เพื่อไปเสวยวิบากกรรม

    เหมือนดั่งท่านนึกภาพตัวตนใหม่อีกคนหนึ่ง หรือสถานที่ที่พึงพอใจ
    และจิตก็ไปคลึงเคล้าเอานิมิตภาพนั้นเป็นมั่นหมาย

    คนตายกับคนทำสมาธิเหมือนกันชนิดหนึ่งคือการดับลมหายใจ
    ดับกาย ดับโลกหยาบภายนอก มาอยู่กับโลกภายใน
    อันเป็นรูปละเอียดชนิดหนึ่งเหมือนดั่งความฝันที่ลืมกายหยาบอย่างสิ้นเชิง

    และผู้ที่ไปเกิดใหม่หรือผู้สร้างรูปละเอียดภายนอกได้นั้น
    เราเรียกว่าสร้างรูปเหมือนดั่งกระจกเงาที่ฉายส่อง
    เห็นตัวตนใหม่เหมือนดั่งเงาในกระจก

    ถ้าท่านส่องกระจกและท่านจงทำให้เงาในกระจกเป็นตัวท่านได้
    และถ้าท่านทำสมาธิและสร้างรูปละเอียดภายนอกได้ท่านต้องดับลมหายใจ
    เป็นหนึ่งเหมือนระหว่างวันที่ท่านสูดลมหายใจทั้งวันแต่มองไม่เห็นลม(ไม่มีสติ)

    แต่สมาธิมีสติรักษาอยู่ดับลมคับแคบทางใจ
    ทิ้งลงจนปรากฏเหมือนดั่งฟองอากาศใสๆห่อหุ้ม

    การถอดจิตก็พออนุโลมที่จะเรียกกันเพราะใช้กันติดปากมานาน
    เพราะจิตมันละกายหยาบออกมาได้เพราะสร้างตัวตนอันละเอียดได้นั่นเอง
    เพียงแต่ออกมาด้วยสมาธิที่มีกำลัง

    แต่ถ้าเป็นสมมุติมรณะคือกายมันตายจริงๆ
    จิตมันส่งต่อทันทีเกิดใหม่ทันทีไม่มีล่องลอยไปดั่งวิญญาณ
    ผุดขึ้นทันทีตามคตินิมิตและการเข้าไปยึดเอาอารมณ์ใหม่มาเป็นองค์รักษาภพ(ภวังค์)

    คราวนี้มาอ่านของ จขกท ว่าเห็นกายตนนอนอยู่
    การที่ออกมาจากกายได้นั้นเค้าเรียกว่าสัญญาเดิม
    เพียงแต่ไม่รู้วิธีใช้ วิธีรักษากำลัง
    สิ่งเหล่านี้จึงเกิดความไม่แน่ใจเพราะเหมือนดั่งฝันไปเพียงระยะเวลา
    ช่วงสั้นๆเพราะขาดเจตจำนงค์ในการออกและขาดกำลังของสมาธิ

    นิมิต ความฝัน หรือการขาดสติรักษาจึงเตือนตนไม่ได้
    แตกต่างจากการออกไปด้วยสมาธิที่ตั้งมั่น มีกำลังมีเจตจำนงค์
    ซึ้งถ้าถามคนถอดจิตทุกๆคนจะต้องดูกายหยาบตนเองเสียก่อน

    และรักษากำลังเอาไว้ไม่ให้ตื่นเต้น ไม่หวั่นไหว และย้อนทวนตนเองด้วยสติที่แจ่มใส
    การตื่นในฝันLucid dreamingและการถอดจิตมีสิ่งที่เหมือนกันคือ

    ถามย้อนทวนตนเองได้ว่ากำลังตื่นในฝัน ตื่นขึ้นมาชนิดเต็มตัว รู้สึกถึงโลกใหม่ได้เพียงแต่การตื่นในฝัน
    ต้องถูกอำนาจมิติชนิดนี้ดึงดูดจนหมดกำลังจึงจะตื่นมาในโลกหยาบได้ เรื่องนี้เคยบังคับให้ตื่นในโลกหยาบ
    มันบอกตัวเองว่าก็เราตื่นอยู่จะไปตื่นอีกที่ไหน ถามหากายหยาบมันก็บอกไม่ถูกว่าอยู่ที่ใด
    และย้อนถามใจตนเองว่าอยู่ที่จุด ตำแหน่งที่ใดก็หารู้ไม่ รู้เพียงแต่โลกความฝัน

    มีแต่สิ่งสวยงาม กายเบาไร้แรงดึงดูด และทำอะไรที่เป็นไปตามจินตนาการได้ในทุกๆอย่างด้วยการเพ่งเข้าไปสร้างมัน

    แต่การถอดจิตนั้นต่างจากการตื่นในฝันอย่างหนึ่งคือ
    การย้อนให้จิตเข้ากายหยาบต่อได้และลืมตาว่าเมื่อกี้เราฝันหรือเราออกไปจากกายหยาบ
    สามารถจดจำจุด ตำแหน่งอารมณ์ให้จิตเคลื่อนออกในสิ่งทีนึกโน้มอารมณ์นั้นๆ

    เข้าๆออกๆ5-6ครั้งเพื่อย้อนดูตนเองว่ามั่นใจไม่ใช่ฝัน
    และเห็นกายหยาบของตนในทุกๆรอบ เห็นสถานที่ๆอยู่อาศัยอย่างชัดเจน

    และสำรวจกายละเอียดที่ผุดขึ้นมาด้วยกำลังของสมาธิได้ถึงตอนนี้
    คงเรียกว่าเข้าขั้นโม้เกินบรรยายแล้ว
    เพราะกายละเอียดมีสภาพที่มีมิติที่ลุ่มลึก วิญญาณอายตนะที่ละเอียดจะเห็นเฉดสี
    ไปทุกอณู รับรู้ถึงเสียงไประดับมิติที่ไม่เคยสัมผัส
    แม้กายผัสสะก็จะรับรู้สึกแต่ความอ่อนนุ่ม เบา สบาย เย็น สดชื่นเป็นนิจ
    จมูกก็รับรู้ระดับแต่กลิ่นที่หอมฟุ้งซึ้งปรากฏจากกายที่มีศีลของเราละเอียดไปถึง

    ความหอมเกินบรรยาย
    การดื่มน้ำ การเสพสิ่งใด โลกธาตุมิติภพภูมิที่รู้
    มีภูเขา ทะเล ดิน น้ำ ลม มันปรากฏจากใจที่ไปสร้างไปปรุงแต่งเพราะอุปทาน

    นิมิตทั้งหลายที่ปรากฎดูเหมือนจริงแต่แท้จริงแล้วใจเป็นผู้สร้างมันล้วนๆเช่นกรณีของ
    อัปนาณานมันจะผุดไปในมิติที่เราแต่งเองไม่ได้เข้าไปตามกำลัง
    และเป็นโลกส่วนตัวของเราชนิดหนึ่งที่เราท่องเที่ยวชมไปได้อย่างเพลิดเพลิน

    และอีกกรณีคือฌานหลับนอนดูลมหายใจจนกายเบาสบายถ้าจิตไม่ถึงปฐมฌาน
    ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่หลับคนทำสมาธิตอนนอนบางคนบอกว่าจะทำฌานหลับ
    ก็ปรากฏว่ามันแข็งๆและทำให้นอนไม่หลับ แต่ถ้ามันหลับไปเพราะเฝ้าดูลม
    มีสติดำรงค์เฉพาะหน้าแล้วช่วงที่กายเบาลมหายใจออกสุดที่ผ่อนเบาสบายๆ
    ถึงที่สุดจะปรากฏปฐมฌาน

    ถ้าหลับแล้วไหลตายไปช่วงนี้หลวงพ่อฤาษีบอกว่าเป็นพรหมแน่นอน
    ตรงนี้ขอยืนยันว่าจริงเพราะจิตมันจะไปผุดในอีกมิติหนึ่ง
    การทำฌานหลับจะทำให้เกิดLucid dreaming ได้ง่ายมากและเข้าได้ถึง3-4ครั้งต่อหนึ่งคืน

    เป็นสถานที่ๆเราไปพักผ่อนสบายๆแถมมีสติตื่นเต็มร้อยบอกตนเองได้ว่าตื่น
    สำรวจกายละเอียดตนได้และมีระยะเวลาเข้าอยู่นานกว่า

    Lucid dreaming ของฝรั่งแถมยังมีกำลังที่จะสร้างสิ่งต่างๆ
    ในฝันให้ผุดขึ้นมาได้อีกด้วย

    สิ่งที่อ้องเล่ามานี้ไม่ได้ทำให้เรียกว่าเก่งเพราะไม่พ้นทุกข์
    แถมเป็นอุปทานชนิดหนึ่งที่อาจทำให้ลุ่มหลงไปติดยึด
    ฤทธิอำนาจเป็นภัยต่อพระนิพพาน
    แต่ถ้ามันรู้และมีสติและพิจารณาในสิ่งละเอียด
    การที่เราท่องเที่ยวไปในโลกแห่งจินตนาการนั้น

    จึงทำให้เรารู้ว่าละเอียดและหยาบนั้นเป็นแค่การไปเยือนมันชั่วขณะหนึ่ง
    พอมาอยู่ที่กายหยาบแล้วก็ยังไม่พ้นทุกข์ ไม่มีปัญญา
    มีสิ่งเดียวคือพิจารณาในธรรมชาติตามจริง

    ขออนุโมทนานะครับ สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเรื่องเล่า เป็นเพียงนวนิยายสนุกๆแต่เพียงนั้น
    อย่าเชื่อโดยการไม่พิจารณาไตร่ตรองและพิสูจน์ด้วยตนเป็นที่พึ่งนะครับ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ(อ้องเขาค้อ)

    อนุโมทนากุ้งด้วยนะ ทำดีแล้ว รักษาเอาไว้และให้เจริญขึ้นให้มาก...
     
  18. วันชัย13

    วันชัย13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +176
    :VOเข้ามาอนุโมทนาครับ

    สาธุอนุโมทนากับทุกๆท่านด้วยนะขอรับ

    กรรมจัดสรรแต้ๆ ไม่มีอะไรบังเอิญ(ตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น)

    จะตามอ่านเรื่อยๆครับลุงอ้อง
    จะตามอ่านจนกว่าจะถึงวันที่ต้องไปครับ.

    มีประโยชน์มากๆครับ กระจ่าง สว่าง โล่ง เย็น สาธุครับ
     
  19. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 4 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>นิวรณ์*, to2504 </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ขออนุญาติเข้ามาทักเพื่อนครับ
     
  20. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230

    สาธุค่ะพี่อ้อง ขอบพระคุณพี่อ้องมากเลยค่ะ เข้าใจค่ะพี่อ้อง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กุมภาพันธ์ 2010

แชร์หน้านี้

Loading...