เพจ คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

อารมณ์สูงสุด มีความรู้สึกตามนี้
คือมีความรู้สึกว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่เรา
ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย
และร่างกายไม่มีในเรา
มีอาการวางเฉยในร่างกายทุกประเภท
เป็นอารมณ์ของพระอรหันต์

คำสอน หลวงพ่อฤาษีลิงดํา



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

คำว่า “ยันต์เกราะเพชร” เป็นชื่อของทางตำรา
เรียก เพชร ก็หมายถึง ความแข็ง เกราะ หมายถึง
การป้องกัน สิ่งที่ป้องกันแข็งแรงมาก
ซึ่งเนื้อแท้จริงๆ แล้วก็คือพุทธคุณ คือคุณของ
พระพุทธเจ้านั่นเอง

คำสอน หลวงพ่อฤาษีลิงดํา
จาก ธรรมปฏิบัติ ๒๗ หน้า ๙



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

การเจริญพระกรรมฐาน ถ้ามีความรู้ไม่รอบจริงๆ
ก็เป็นเครื่องหนักใจ
เพราะว่าถ้าไม่ศึกษาให้ครบถ้วน
ดีไม่ดีถ้ามีบุคคลใดบุคคลอื่นที่เขาปฏิบัติไม่
เหมือนเรา ถ้าสมมติว่าอยู่ในขอบเขตพระกรรมฐา
นที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนไว้
เราก็อย่าไปค้านว่าเขาปฏิบัติผิด
อย่างนี้ก็จะถือว่าเราเองเป็นผู้ทำลายความดีของ
บุคคลอื่น และเราเองก็ดีไม่ถึง
อย่างนี้ถือว่าเป็นกรรมใหญ่ เป็นการทำลายความดี
ของเขา และเราก็หมดดีไปด้วย

ธรรมโอวาท หลวงพ่อฤาษีลิงดํา



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

เรื่อง ฌานจริงกับฌานหลอก

คำว่าเป็นฌานให้สังเกตตามนี้
ไอ้ฌานเฉพาะเวลานั่งสมาธิน่ะ ไม่จริง ไม่ใช่
ฌานจริง เขาเรียกว่าฌานหลอก
ถ้าฌานจริงๆ ต้องเป็นอย่างนี้ ถึงเวลาที่เราเคย
บูชาพระ ถ้าเวลานั้นไม่ได้บูชาพระ เราไม่สบายใจ
ต้องการบูชาพระ ถ้าไม่มีพระจะบูชาก็นึกในใจ
นึกบูชาเอาเอง ถ้าเป็นอย่างนี้ถือว่าจิตมีฌานใน
การบูชาพระ การบูชาพระมีอะไรบ้าง

๑. พุทธานุสสติใช่ไหม นึกถึงพระพุทธเจ้า
๒. ธรรมมานุสสติ นึกถึงคำสวดมนต์นี่เป็นธรรมะ
๓. สังฆานุสสติ นึกถึงพระสงฆ์ที่เราชอบใจ
ก็รวมความว่า ในเมื่อจิตมันทรงตัวแบบนี้
เป็นอนุสสติแบบนี้ ถ้านึกอยู่เสมอว่า ถ้าถึงเวลา
ถ้าเราไม่ได้ทำ ใจไม่สบาย นี่ละฌานแท้

บางคนบอกฉันทรงฌาน ๔ ฌาน ๕ หรืออะไรก็
ตามเถอะ แต่ว่าต้องนั่งขัดสมาธิแล้วจึงจะนึก
ถึงจะทรงตัว อันนี้ไม่จริง
ยังเป็นการหลอกตัวเองอยู่ ยังเผลออยู่
อย่างคนที่เคยใส่บาตรเป็นปกติ
ถ้าถึงเวลาไม่ได้ใส่บาตร ไม่สบายใจ
จะต้องใส่บาตรให้ได้ อย่างนี้เขาถือว่า
ฌานในจาคานุสสติกรรมฐานและทานบารมีด้วย

จาก : โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๔ หน้า ๗๙-๘๐



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

การโทษพระ การใช้คำว่าพระคำเดียว
ญาติโยมพุทธบริษัท ออกชื่อเสียดีกว่าว่า
พระองค์นั้นองค์นี้ ทำไมจึงไม่ช่วย
อันนี้มันบาปน้อย บาปเฉพาะส่วนบุคคล
ถ้าใช้คำว่า พระ เฉยๆ ยันพระพุทธเจ้าเลยนะ
นั่นหมายความว่าตั้งแต่พระสงฆ์ขึ้นไปทุกองค์ยัน
พระพุทธเจ้าทั้งหมด แม้แต่พระอรหันต์ที่นิพพาน
ไปแล้วก็โทษท่านด้วย มันบาปหนัก

โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๔ หน้า ๑๖๔



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

อะไรเป็นเหตุให้จิตสงบ

ไอ้ตัวสงบนี่ต้องระวังให้ดีนะ มันไม่ใช่ว่าง
คำว่าสงบนี่ไม่ใช่ว่าง จิตของคนนี่มันไม่ว่าง
คือว่ามันต้องเกาะส่วนใดส่วนหนึ่ง
ถ้ามันละอกุศล มันก็ไปเกาะกุศล
ไอ้จิตตัวที่เรียกว่าสงบก็เพราะว่า สงบจากกรรมที่
เป็นอกุศล คืออารมณ์ที่เป็นอกุศล อารมณ์ชั่ว
สงบความปรารถนาในการเกิด
อารมณ์สงบคือไม่คิดว่าเราต้องการความเกิดอีก
และจิตก็มีความสงบ
เห็นว่าสภาพร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา
เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา
ไอ้ตัวคิดว่าเรา ว่าของเรานี่สงบไป
สงบตัวยึดถือวัตถุก็ตาม สิ่งมีชีวิตก็ตาม ว่าเป็นเรา
เป็นของเรา นี่สงบตัวนี้นะ มีอารมณ์เป็นปกติอยู่เสมอ คิดว่าอัตภาพร่างกายนี้ไม่มีเรา ไม่มีของเรา และมันก็ไม่มีอะไรเป็นเราอีก หาตัวเราในนั้นไม่ได้

จาก : โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๑ หน้า ๖๓



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

ถ้าหากว่า ท่านไม่สามารถจะทรง อานาปานุสสติก
รรมฐาน ได้ถึงปฐมฌาน
ผลแห่งการเจริญวิปัสสนาญาณของท่านทั้งหลาย
จะไม่มีผลตามต้องการ
เพราะจิตมีกำลังไม่พอที่จะทำลายกิเลสให้เป็นสมุจ
เฉทปทานได้

หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

หลวงพ่อไปนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล คนไข้
ที่ตายที่เตียงหลวงพ่อนอนมาขอบุญ:

อาตมาเข้าไปพักรักษาตัวในตึกแห่งหนึ่งใน
โรงพยาบาล นอนพักตอนกลางวัน
พอเคลิ้มหลับก็เหมือนมีคนมานอนด้วย
มีความสัมผัสว่าเป็นเนื้อคน ปรากฏว่าเป็นผู้ชาย
ต่อมาวันรุ่งขึ้นก็มานั่งคุยด้วย

ก็เลยถามว่า “เมื่อวานนี้มาใช่ไหม”
ตอบว่า “ใช่ครับ”
ถามว่า “ทำไมมาทำแบบนี้ ถ้าคนอื่นเขาอยู่ไม่ได้นะ นี่ฉันไม่เป็นไร”
เขาบอกว่า “ผมตายที่เตียงนี้ครับ”
ก็ถามว่า “ทำไมมายุ่งที่นี่ ฉันจะนอน”
เขาบอกว่า “เขามาเพื่อให้ทราบและมีความ
ประสงค์อยากขอความช่วยเหลือ”

ก็เลยบอกว่า “ทีหลังจะขอความช่วยเหลือใครก็
บอกเขาตรงๆ ประการแรกก่อนที่จะเข้ามา
ทำให้เขาไม่กลัวก่อน อย่างฉันทำอย่างไรก็ไม่
กลัวแน่ มีทางเดียวฉันกลัวตัวฉันเอง”
เขาถามว่า “กลัวแบบไหน”
ตอบว่า “กลัวว่าฉันโมโหจับสองขาแกฟาดน่ะซิ”
บอกว่า “อย่าเพิ่งครับๆ” แล้วก็นั่งยองๆ
เลยบอก “เอาไปๆ อยากได้ก็ให้โมทนา”
เขาโมทนาแล้วก็หายไป
การที่เขาเข้าไปอย่างนั้น คนที่อยู่ในนั้นต้องมีบุญ

ทีนี้เขาจะบอกก็ไม่ได้ยิน มาพูดด้วยก็ไม่ได้ยิน มาให้เห็นก็ไม่เห็น ก็เลยทำให้รู้ ถ้าเราเห็นอย่างนี้ไม่ต้องรอทำบุญทำกุศลแล้วค่อยอุทิศส่วนกุศลไปให้ เพราะบุญที่เราทำมันมีแล้ว ผีนี่เขามีความฉลาด เขารู้ว่าบุญเรามี ให้อุทิศส่วนกุศลตรงให้กับเขาเลย ไม่ต้องเสียเงินอีก

จาก : หนังสือ ตายไม่สูญ…แล้วไปไหน
โดย…หลวงพ่อพระราชพรหมยาน



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

สำหรับพระโสดาบันมีอารมณ์อย่างหนึ่งคือเกาะ
พระนิพพานเป็นอารมณ์
จิตมีความคิดอยู่เสมอว่า ถ้าร่างกายนี้พังเมื่อไร
เราต้องการไปจุดเดียวคือ นิพพาน
ฉะนั้นคนที่มีความเคารพในพระพุทธเจ้า ในพระ
ธรรม ในพระอริยสงฆ์มั่นคง มีศีล ๕ บริสุทธิ์
ถ้าจิตยังไม่ต้องการพระนิพพาน
เขาไม่เรียกพระโสดาบัน
เขาเรียกเป็นผู้เข้าถึงไตรสรณคมน์เท่านั้น

ธรรมโอวาท หลวงพ่อพระราชพรหมยาน



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

เรื่อง สำคัญที่คุณธรรม

พระพุทธเจ้าทรงวางกฎไว้ว่า คนที่เข้าถึง
ความดีได้ต้อง
๑. ไม่เอาจิตไปกังวลกับเรื่องของชาวบ้านชาว
เมืองคนอื่น คนอื่นเขาจะยังไงก็ช่าง
เราควบคุมของเราเท่านั้นเป็นพอ อย่างนี้ชื่อว่า
เข้าถึงสะเก็ดความดีของพระพุทธศาสนา

๒. ทรงศีลห้า เอาศีลห้าก็แล้วกัน สามสี่ไม่ต้อง
พูดกัน สามสี่ก็คือศีลห้า
เราจะไม่ละเมิดศีลห้าด้วยตนเอง
ไม่ยุยงส่งเสริมให้บุคคลอื่นละเมิดศีลห้า
และไม่ยินดีเมื่อเขาละเมิดแล้ว ทำใจได้หรือยัง
แล้วก็

๓. ระงับนิวรณ์ห้าประการ

๔. ทรงพรหมวิหารสี่ มีจิตเยือกเย็น
อารมณ์จิตของบรรดาญาติโยมพุทธบริษัทและ
พระคุณเจ้าที่เคารพ จะทรงฌานอยู่เสมอ

อันนี้จำได้หรือยังขอรับ
แล้วก็ทำด้วยนะขอรับ พระคุณเจ้าที่เคารพ
ผมน่ะเคารพพระไม่มากนะขอรับ
พระที่บวชมาใครจะมียศฐาบรรดาศักดิ์ขนาด
ไหนก็ตาม มีฐานะอันดับไหนก็ตาม
ผมไม่ถือเป็นสำคัญ

ผมถือมีความสำคัญอย่างเดียว
คือผู้ทรงธรรมทรงอยู่ในความดี
ถ้าทรงอยู่ในหลักการทั้งสี่ตามที่กล่าวมาแล้วนี้
ผมเคารพทุกองค์ แม้แต่บรรดาญาติโยม
พุทธบริษัทก็เหมือนกัน อาตมาก็รับฟังคำพูด

แต่คนที่ไม่ทรงอยู่ในคุณธรรมเช่นนี้แล้ว จะเป็น
อะไรก็ตาม ไม่ยอมรับนับถือ
จะไปแบกยศฐาบรรดาศักดิ์มาข่มขู่กันน่ะ
ไม่ยอมรับนับถือแน่ เพราะพบมามากแล้ว
คนมียศมากแต่ขาดคุณธรรมจะมีความหมาย
อะไรสำหรับพระพุทธศาสนา

จาก : หนังสือ ราชพรหมยาโนวาท หน้า ๑๗
โดย…หลวงพ่อพระราชพรหมยาน



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

เรื่อง ของสงฆ์ต้องระวัง

การนำของสงฆ์ไปเป็นทรัพย์ส่วนตัวนั้นต้องระวัง
แม้แต่เศษกระเบื้องแตกๆ เล็กๆ ชิ้นเดียวหรือ
ดอกไม้ดอกเล็กๆ ชิ้นเดียว ใบไม้ที่ไร้ค่าจริงๆ แล้ว
ใบเดียว ท่านนำไปโดยที่สงฆ์ไม่ได้อนุญาต
ก็ถือว่าเป็นการขโมยของสงฆ์
ผลที่จะพึงได้รับก็คือ อเวจีมหานรก

ฉะนั้นขอบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททุกคน
ถ้าเป็นลูกเป็นหลานพระ เป็นญาติของพระ
เป็นผู้ที่รับมรดกจากพระ
เมื่อพระตายแล้ว บอกให้พระที่มีส่วนสำคัญของ
ท่านมอบเสียก่อนตาย
ถ้ายังไม่สามารถจะยกให้ไปได้ ให้ทำพินัยกรรม
แล้วก็มีฆราวาสและมีพระเป็นพยาน
ว่าของส่วนนี้เมื่อท่านตายไปแล้วเป็นสมบัติที่บุคคล
นั้นจะพึงได้ บุคคลนี้จะพึงได้
ถ้าไม่ทำอย่างนั้น ถ้าพระตายไปก่อนแล้วท่านนำ
เอาไปบ้านของท่าน อย่าลืมว่าโทษลักของสงฆ์
เป็นของไม่เล็กเลย ความจริงเราได้มาเราก็ตาย
เราไม่ได้มาเราก็ตาย
ทางที่ดีก็ควรจะตายแบบประเภทที่เรียกว่าไปอยู่
ในแดนที่มีความสุขดีกว่า
ถ้านำของสงฆ์ไป อย่างน้อยท่านก็ลงอเวจีแน่นอน
ไม่มีทางพ้น

ทีนี้ของที่จะพึงรับได้ก็ต้องดูว่า
ของที่พระท่านให้ไว้เป็นทรัพย์สินมาจากอะไร
เป็นทรัพย์สินดังเดิมจากฆราวาสหรือว่าเขาถวาย
เมื่อสมัยเป็นพระ
ถ้าเป็นทรัพย์สินที่มีญาติโยมพุทธบริษัทที่มีศรัทธา
ถวายมาในระหว่างเป็นพระ
อย่ารับเลยบรรดาท่านพุทธบริษัท
ถ้าของที่เขาถวายมานั้นระหว่างเป็นพระแล้ว
จะถือว่าเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของพระองค์นั้นไม่ได้ แต่ว่าทรัพย์สินทั้งหลายเหล่านั้นจะโอนให้ญาติ
ไม่ได้แน่นอน

จาก : หนังสือ ราชพรหมยาโนวาท หน้า ๕
โดย…หลวงพ่อพระราชพรหมยาน



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

ใน อุทุมพริกสูตร องค์สมเด็จพระจอมไตร
บรมศาสดา ตรัสกับ นิโครธปริพาชก ว่า
สาวกของเราจะไม่ทำลายศีลด้วยตนเอง
ไม่แนะนำให้บุคคลอื่นทำลายศีล
และก็ไม่ยินดีเมื่อบุคคลอื่นทำลายศีลแล้ว
อาการอย่างนี้บรรดาท่านพุทธบริษัท
ใจของท่านทรงได้แล้วหรือยัง

จาก : หนังสือ โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง
เล่ม ๒ หน้า ๑๘



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

ทบทวนความดีก่อนหลับ

ก่อนที่จะหลับ ตัดสินใจก่อน เรื่องอื่นวางไว้ก่อน
เวลานี้ขอให้ใจเป็นบุญชั่วคราว เอาบุญนิดเดียว
นั่นคือตั้งใจนึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม
พระอริยสงฆ์ จำไว้นะ
ประการที่สอง นึกถึงศีลที่เคยรักษา
ประการที่สาม นึกถึงทาน การให้
ประการที่สี่ นึกถึงพระธรรมเทศนาคือเทศน์ที่เคย
ฟัง เอาแค่นึกถึงก็พอ จำเนื้อเทศน์ไม่ได้ไม่เป็นไร
นึกว่าพระที่เทศน์รูปร่างแบบไหน
เราเคยจำได้สักองค์หนึ่งก็ใช้ได้
และก็นึกถึงภาวนาที่เคยภาวนา ถ้าอย่างนี้
เรียกว่าเป็นการกันนรก ไม่ลงนรกนะ
ถ้าตั้งใจจะไปนิพพาน
คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างเราทำแล้ว
ที่องค์สมเด็จพระประทีปแก้วคือพระพุทธเจ้าทรง
แนะนำ แต่เราต้องการจุดนั้นคือนิพพาน
ถ้าร่างกายนี้พังเมื่อไร ขอไปนิพพานเมื่อนั้น
อย่างนี้ไปนิพพานแน่นอน

จาก : โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๔ หน้า ๙๔



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

ศีลมันอยู่ที่ตัวเว้น ไม่ใช่อยู่ที่สมาทาน
สมาทานแล้วไม่ตั้งใจปฏิบัติ
สมาทานวันละแสนครั้งมันก็ไม่มีศีล
ถ้าเวลาไหนเราตั้งใจเว้น เวลานั้นเรามีศีล

คำสอน หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

พระพุทธโอวาท

ได้ฟังพระพุทธโอวาท พระองค์ท่านเปล่ง
ฉัพพรรณรังสีต่างๆ สวยมาก ท่านให้โอวาท
เดี๋ยวท่านว่าอย่างไรหนอ ย่อๆ นะ

ท่านบอกว่า ทุกคนให้ถือว่าขันธ์ ๕ เป็นทุกข์
ขันธ์ ๕ เต็มไปด้วยความโสโครก
เห็นว่าขันธ์ ๕ เป็นปีศาจร้ายที่คอยหลอกหลอน
และเห็นขันธ์ ๕ เป็นพยัคฆ์ร้าย ที่คอยขบให้เรา
ได้รับทุกขเวทนา
เห็นว่าขันธ์ ๕ นี้มีสภาพเป็นปีศาจร้ายที่คอย
หลอกหลอนด้วยวิธีต่างๆ

หมายความว่าเดี๋ยวนี้มันก็เป็นหนุ่มเป็นสาวแล้ว
ก็แก่ นี่มันหลอกเรา
ตอนเป็นหนุ่มเป็นสาวเราไม่นึกว่าเราจะแก่
พอแก่เข้าไปแล้วเราก็ไม่นึกว่าเราจะตาย
และในขณะเดียวกับที่มันทรงตัวอยู่ มันก็คอยขบ
กัดเหมือนพยัคฆ์ร้าย มีเจ็บโน่นปวดนี่
ร้อนโน่นหนาวนี่ เดี่ยวป่วยไข้ไม่สบาย
เมื่อเป็นอย่างนี้ท่านบอกว่าเหมือนกับพยัคฆ์ร้าย
ที่มาคอยหลอกหลอน

ฉะนั้นพวกเราทั้งหมดจงอย่ายึดถือขันธ์ ๕
เราพยายามหนี พยายามหลบ
หากำลังเข้าต่อสู้ข้าศึกอย่างหนัก
แล้วก็คิดพร้อมกันไว้ว่าเราจะไม่ยอมเป็นข้าทาส
ของปีศาจร้ายต่อไป
และเราจะไม่ยอมเป็นเหยื่อพยัคฆ์ร้ายต่อไป
ท่านบอกเท่านี้

จาก : โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๓ หน้า ๑๐๘



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

ก็ขอให้ทุกท่านอย่าประมาท
หมั่นสร้างความดีไว้ให้มาก
ตายแล้วจะได้พบแต่ความสุขตาม
ที่เราปรารถนาเอาไว้
จุดหมายปลายทางคือพระนิพพาน

พระราชพรหมยานเถระ



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

อาการของฌานที่ ๑

ถ้าจิตของเราเข้าถึงฌานที่ ๑ จะมีความรู้สึกตามนี้
คือว่าขณะที่ภาวนาอยู่ก็ดี พิจารณาก็ตาม รู้ลม
หายใจเข้าออกก็ตาม หูได้ยินเสียงชัดทุกอย่าง
เสียงวิทยุ เสียงโทรทัศน์ เสียงคนพูด
เสียงสุนัขกัดกันหรือเห่ากัน อย่างนี้เป็นต้น
ได้ยินทุกอย่างตามที่เขาพูด
แต่ทว่าเราไม่รำคาญในเสียง
จิตสามารถคุมลมหายใจเข้าออกได้ คุมคำภาวนา
ได้ตามปกติ อย่างนี้เป็นอาการของฌานที่ ๑
ถ้าจิตเข้าถึงฌานที่ ๑ ได้ จิตจะมีอารมณ์เรียบ
ต้องพยายามฝึกบ่อยๆ ให้คล่อง
การทรงอารมณ์อย่าใช้เวลานาน
ถ้ายังใช้เวลานานกว่าจะเข้าถึงฌาน
แสดงว่ายังหยาบอยู่มาก ต้องทำบ่อยๆ ทำเรื่อยๆ
จนกระทั่งนึกปั๊บสามารถเข้าฌานได้ทันที

จาก : โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๔ หน้า ๘๖



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

ของธรรมดาในโลก บรรดาท่านพุทธบริษัท
มันเป็นของคู่กัน เมื่อมีความดีแล้ว ก็ต้องมีความชั่ว
มีความชั่วแล้วก็มีความดี มีคนรู้จริง
ก็ต้องมีคนรู้ไม่จริง คนรู้ไม่จริงมี ก็ต้องมีคนรู้จริง
คนรู้อย่างประเภทหยิ่งยโสโง่แกมหยิ่ง ประเภทนี้
ก็ต้องมีประจำโลกเหมือนกัน ก็เป็นของธรรมดา
ถ้าไม่เป็นอย่างนี้ คนในโลกนี้ก็ไม่มี
ไปนิพพานกันหมด

จาก : โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๔ หน้า ๓



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

งานเป่ายันต์

ถ้าหลวงพ่อปานเป่ายันต์ คนตำบลสาลี่ อำเภอ
บางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี
เขาจะนำข้าวสารมา ๑๐ เกวียน และที่อื่นอีก
ต่างหาก พวกผักหญ้า หมูเห็ดเป็ดไก่ มากันเรื่อย
เลี้ยงคนมากมายนับไม่ได้

ท่านเป่ายันต์หลายรอบ ว่ากันคืนยันรุ่ง
ตั้งแต่บ่ายโมง บางทีก็ถึงตี ๒ เพราะคนไม่หมด
นั่งเบียดกันในศาลาเป็นรุ่นๆ มาหลายจังหวัด
แต่ท่านมีบุญจริงๆ
ทำให้คนไม่กินเหล้าไปหลายจังหวัด

อาหารหลักหลวงพ่อปานนะ หัวตาลต้มปลาร้า
กับผักบุ้งแกงคั่วส้ม เราเกณฑ์ทั้ววัดเมื่อมีงาน
ถ้านอนไม่ลุกก็ตะพดลงหลังลุกเอง อย่างสุภาพนะ
ถ้ารีบๆ หน่อยก็ไม่ต้องตะพด เตะเลย ต้องใช้แบบ
นั้น ไอ้แบบขี้เกียจมีอยู่
ถึงเวลาไม่ลุกเตะปั๊บเข้าก็ลุกเอง งานต้องเป็นงาน
ก็ต้องช่วยท่าน หลวงพ่อองค์เดียวท่านจะไหวหรือ
ท่านนั่งรับแขกถึงเวลาเป่ายันต์ท่านถอนตัวไม่ได้
พวกเรา ๓ คนก็ต้องดู ไม่มีเวลาพัก

แปลกอยู่อย่างหนึ่ง หลวงพ่อปานนี่อ่อนกรรม ถาน
เพราะเวลาเป่ายันต์ไม่เคยขออนุญาตไปขี้เลยนี่
ถาม หลวงพ่อไม่ปวดหรือครับ “จิตมันเป็น
ฌานว่ะ มันกดอยู่”
แต่เสียงเพราะนะ หลวงพ่อปานนี่เสียงเพราะมาก
เสียงกังวานนวลๆ ไม่ใหญ่ไม่เล็ก ฟังเพราะมาก
โอ๊ย เทศน์มหาสติปัฏฐาน ๔ นะ เด็กไม่หนีเลย
อธิบายให้ฟังเข้าใจชัด เทศน์เก่งมาก
ถ้าเวลานี้ต้องถือว่าเป็นจอมนักเทศน์

ท่านเคยแนะนำฉัน บอกว่า เวลาจะขึ้นเทศน์ให้ทำ
กรรมฐานให้เต็มที่ เวลาที่ขึ้นธรรมาสน์แล้วตอที่
เขาถวายดอกไม้ธูปเทียนแล้วหนังสือจะลอยมาเอง ให้อ่านตามนั้น มันจะลอยช้าๆ ว่ากันตามนั้น
แต่เวลาฉันทำบ้างหนังสือไม่ลอยมา
แต่อารมณ์ลอยมา ความรู้สึกจะออกมาเอง
เราดีไม่เท่าท่านนะ
อีตอนนี้ชักลอยแล้วแฮะ พอนึกอะไรขึ้นมา
เดี๋ยวหนังสือลอยขึ้นมา

จาก : หนังสือ พ่อสอนลูก ปกสีทอง หน้า ๑๓๓
โดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

เวลาใดถ้าพ่อมีโอกาสทำเพื่อประโยชน์ของลูก
พ่อจะทำทุกอย่างเพื่อลูก
พ่อจะไม่ห่วงใยอันใดในชีวิตของพ่อ
เพราะพ่อรู้ถ้ายังไม่ถึงเวลาจะตาย จะใช้
อย่างไรมันก็ไม่ตาย
ถ้าถึงเวลามันจะตายจริงๆ ไม่ใช้มันเลยก็ตาย
ในเมื่อสภาพมันเป็นอย่างนี้
โอกาสมีก็ใช้มันเสีย จนกว่าจะใช้มันไม่ได้

พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง