เปิดตำนานหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ภาค 2

กราบฟหลวงปู่ทิม , ลุงสาย แก้วสว่าง

สวัสดียามเช้าอ.แก้วสว่างและทุกท่านครับ

 

ผมเข้าไปอ่านที่เฮียจ. เค้าเขียนแล้วก็มีซึ้ง ตี1หลวงปู่ทิมตื่น เฮียจ.เป็นผู้ช่วยนำหลวงปู่อาบน้ำ ล้างก้นหลวงปู่ด้วย เปลี่ยนผ้า แล้วเรียนวิชา ถ้านี่เป็นเรื่องจริงก็น่าอิจฉาจริงๆที่ได้ปรนนิบัตรับใช้หลวงปู่ทิมใกล้ชิดขนาดนี้ แต่ทำไมถึงมาทำกับหลวงปู่ได้หนอ เฮ้อ ส่วนพระที่หลวงปู่เสกนอกวัดอันนี้ดีแน่ เสกแน่ ผมก็ตามเช่าเก็บอยู่ ทั้งที่ออกวัดโพธิสัมพันธ์และวัดไผ่ล้อม(จ.ระยอง) อันนี้ดีแน่ เสกแน่ ชัวร์

 

กราบหลวงปู่ทิมครับ
การที่เรานับถือคุณครูบาอาจารย์เป็นที่ตั้งไว้เพื่อการเจริญรอยตามนั้นถ้าปฏิบัติได้ถือว่าเป็นพรอันสูงสุด

 

ก่อนหน้านี้ผมก็ไม่ได้คิดอะไรเลยครับ พอมาอ่านแล้วคิดๆตาม มันก็จริงนะ สร้างบ่อยมากละก็ไม่ค่อยจะเห็นประกาศสักเท่าไหร่ว่าเอาไปทำบุญอะไรบ้าง จริงๆผมก็มีสะสมอยู่บางรุ่นครับ เจอแบบนี้จิตตกเหมือนกัน :'(

 

ผมเคยฟังจากอดีตเด็กวัดคนหนึ่งเล่าเรื่องราวต่างๆ ตอนนี้อาศัยอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก แกคุ้นกับเฮีย จ ดี(ครั้งหนึ่งเฮีย จ เคยจ้างกดทำพระผงสมเด็จหลังยันต์หมึก โดยยันต์หมึกเฮีย จ แกเอามาปั๊มทีหลัง ตัวเดียวกับหลังรูปถ่าย)ภายหลังมีคนโดนกันมากมาย ดันไปอุปโลกน์ว่าหลวงตารอดเป็นคนเอาข้าวก้นบาตรหลวงปู่มาทำ ลองหาอ่านได้จากหนังสือพระที่แกเคยเขียนไว้ ซึ่งเรื่องนี้คนไม่รู้เท่านั้นถึงต้องโดนหลอกไป แกบอกว่าสมัยนั้นเฮีย จ นานๆจะมาสักหน ถ้าเฮีย จ แกกล่าวบอกว่าได้อาบน้ำปรนนิบัติให้หลวงปู่ล่ะก็น่าจะเอากระโปรงมานุ่งดีกว่า หรือน่าจะอายปากตัวเองมั่งเพราะมันเป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น ซึ่งเป็นคำกล่าวของอดีตเด็กวัดคนหนึ่ง(ขอสงวนนาม)ที่เคยเฝ้าไข้หลวงปู่มาก่อน และทราบพฤติกรรมของเฮีย จ ดีว่าเคยทำอะไรไว้บ้างโดยเฉพาะของปลอมที่ทำมาขายกันในยุคสมัยโน่น จนปัจจุบันกลับมีราคา แต่ถ้าเอาความจริงก็ของเก๊ๆกันนี่แหละ เด็กวัดคนที่เคยกล่าวยังกล่าวว่าถ้าไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริงก็ลองให้เฮีย จ แกลองสาบานกับฟ้าดินหรือหลวงปู่ทิมดูซิ จะกล้าไหมถ้าคิดว่าใจตนเองบริสุทธิ์จริง

 

กราบหลวงปู่ทิม คุณลุงสาย แก้วสว่าง สวัสดีครับอาจารย์แก้วสว่าง น้าต๋อย พี่โต้ง พี่รัก พี่เดชา พี่ภู พี่คนบนเกาะ พี่เตอร์ พี่ทหารเก่า พี่อาทิ พี่romegat พี่รุ่ง คุณโอ๊ด คุณอภิเชษฐ์ ท่านนายกู๊ด คุณthavornsiripat และพี่ๆเพื่อนๆลูกศิษย์หลวงปู่ทิมทุกท่าน สบายดีกันทุกคนนะครับ

 

สมเด็จหลังยันต์หมึกปั๊มคงแบบนี้มั้งครับเจ้าปัญหาจริงๆ ปั๊มเองเชียร์เองขายเองเวรจริงๆ สงสัยเหลือเกินว่าตัวปั๊มแบบนี้คงเอาไปปั๊มหลังอะไรอีกก็เป็นแน่ เพราะตัวปั๊มมันยังไม่ทำลายยยยยย....!

 

ศึกชิงพื้นที่สื่อของ 2 ค่ายนี้มีมานานแล้วครับ จะเห็นได้ว่าค่ายแรก เฮีย.จ ตอดเบ็ด ศิษย์ปู่ทิม กับ ค่าย อาจารย์ ช.พญาเสือโคร่ง ศิษย์ปู่ทิม สมัยก่อนทั้งสองคนนี้เรียกว่าเป็นคู่หูผ่านรก แห่งวัดละหารไร่เลยที่เดียว ที่เรียกแบบนี้คงไม่ผิด เพราะในอนาคตอีกไม่นานเมื่อสิ้นยุคท่านทั้งสองแล้ว คงได้จูงมือกันไปผ่านรกแน่ๆ นรกจริงๆ
ย้อนไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ท่านทั้งสองนี้ได้ร่วมกันเขียนหนังสือเกี่ยวกับแนวอภินิหารต่างๆของหลวงพ่อต่างๆ รวมทั้งหลวงปู่ทิมด้วย (ผมจำไม่ได้ว่าชื่อหนังสืออะไร จำได้ชัดเจนว่า ภรรยา อาจารย์ ช. เป็นบัญชี การเงิน ระบุอยู่ในทีมงาน) ใครทราบว่าชื่อหนังสืออะไรบอกกันได้นะครับ ภายหลังทั้งสอง ก็แยกกันเขียนลงคอลั่มหนังสือของใครของมันในปัจจุบันตามที่ทราบ
ในยุคแรกหลังจากหลวงปู่ทิมมรณะภาพได้ช่วงหนึ่ง อาจารย์ ช.ได้เปิดมูลนิธิขึ้นจุดประสงค์เพื่อหาปัจจัย ในการบูรณะวัด และสร้างวัตถุมงคลขึ้นใหม่หลายรุ่น โดยใช้สโลแกนว่า (ไม่ว่านี่จะอยู่ไหน ถ้าพ_จะสร้างพระจะลงมาเสกให้) ซึ่งเป็นข้ออ้างในการสร้างปีละหลายรุ่น โดยอ้างชนวนเก่าพระกริ่งผสมด้วยทุกรุ่น จนถึงปัจจุบัน อุปมาว่าคงมีฉนวนอยู่หลายสิบกิโลเพราะไม่หมดซะที่ ส่วนผงพรายกุมารที่ร่วมมือร่วมใจกันเขียนกับ เฮีย จ. ในยุคแรกๆ ก็อดไม่ได้ที่จะต้องมีด้วยเหมือนกันสงสัยคงมีอยู่มากหลายสิบกิโลเช่นกัน มาถึงตอนหลัง ก็ได้สร้างหุ่นขุนแผนอุ้มกุมาร และ หุ่น ผีอีส้ม ไว้ที่วัดซะเลย
ที่บอกเล่าแบบนี้เห็นจะไม่ผิด เพราะผมเคยเข้าไปมูลนิธิหลายครั้งเมื่อก่อน พอพูดถึงพระเครื่องรุ่นเก่าทันยุคหลวงปู่ทิม เป็นอันว่า แนะนำให้บูชาของใหม่เสมอ หรือพวกเจริญพรหลังเรียบ โดยอ้างคำว่าหลวงปู่ทิมลงมาเสกให้เหมือนกัน ไม่ต้องหาของเก่าหรอก ปลอมเยอะ เอาของใหม่ไปใช้ดีกว่า สรุปหมดไปหลายหมื่น
สำหรับ เฮีย จ. ด้วยความน้อยหน้ามานาน ภายหลังก็ได้พลักดันเฮือกสุดท้าย พอดีนามบัตรหล่นลงพื้นเลยโทรหาเสี่ย จนได้เปิดพิพิธภัณฑ์ เป็นความเชิดหน้าชูตาของตัวเอง หลังโดนด่ามานาน โดยใช้สโลแกน ศิษย์เอกดูแลรับใช้หลวงปู่ทิม โดยเริ่มจากที่เขียนโปรโมทตัวเองในหนังสือพระเครื่องว่าได้เก็บอัทฐบริขาลต่างๆ ของหลวงปู่ (ไม่บอกว่าหลวงปู่ไหน)โดยปราศจาก ครกและ ตำราเก่า ซึ่งได้มาจากบ้านลุงสาย (แอบเนียรบอกว่าของตัวเองเอามาเวลาเผลอ) ภายหลังแอบยัดของแปลกๆหรือพวกของเล่นต่างๆไว้มากมายทีเดียว พยายามสร้างฉากต่างๆขึนมามากมายเช่น กล่องไม่รู้ว่าข้างในมีอะไรลองงัดดูสิไม่รู้กุญแจหายไปไหน พอเปิดออกมามี ปิดตาน้ำท่วมดำๆหลังไม่วนอยู่ หรือ พระบูชา ใต้ฐานฝังของไว้ มีการทำพิธีขอหลวงปู่ทิมเปิดใต้ฐาน(หาดูในยูทูปได้ขำสุดๆ) ทั้งหมดเพื่อสร้างความนิยมในตัวเองโดยไม่สะท้านสายตาคนที่รู้ อ้างได้แต่เพียงว่า หลวงปู่ให้กุญแจไปไขห้องเพื่อนำของไปให้หมดในอนาคตมีปัญหา วันนี้ถึงเวลาเอามาให้คนรุ่นหลังดู คนฟังแทบน้ำตาไหล
และเมื่อทั้งสองคนมาถึงตรงผลประโยชน์ในการสร้างพระแบบแบ่งเงินไม่ลงตัว ก็เลยใช้ความศัทธาของศิษย์ที่มีต่อตนทั้งสองฝ่าย โจมตีกันและกัน เค้าไม่ด่ากันเองหลอก เวลาเจอกันแทบจะจูบปาก เช่นศิษย์ทั่วไปจะรู้ได้ยังไงว่าเสมาแดงๆปั้มเสริมจนแม่พิมพ์พัง ถ้าไม่ออกมาจากปากอาจารย์อีกฝ่าย
อาจารย์ที่อ้างว่าเป็นศิษย์เอกทั้งสองมีแต่แขวนพระที่ตัวเองจะขายเท่านั้นแหละครับ แท้ไม่แท้ไม่สน ทั้งสองท่านนี้ไม่มีความต่างกันเลย จริง ๆขายอย่างเดียว สมกับคำที่บอกตอนต้นว่า (คู่หูผ่านรก)

 

อันนี้มีผู้ศรัทธาหลวงปู่ทิม ให้ข้อคิดเรื่องการเข้าทรงปลุกเสกพระเครื่องไว้น่าสนใจมาก(ขออนุญาตนำมาลงไว้ณ.ที่นี้นะครับ)

คำสอน เทศนา หลวงปู่ทิม อิสริโก
ขออนุญาตคัดลอกข้อความจากหนังสืออนุสรณ์(หน้าปกเขียน "อนสุรณ์) งานพระราชทานเพลิงศพ พระครูภาวนาภิรัติ(หลวงปู่ทิม อิสริโก) ฯ หน้าที่ 15 บรรทัดที่ 8 น่ะครับ "พวกเราเคยถามหลวงปู่ว่า การเข้าทรงมีจริงหรือไม่ ? ท่านหัวเราะและบอกพวกเราว่า ..อย่าไปสนใจเลยจะถูกหลอก ขอให้ทำแต่ความดีเถิด ไม่มีใครในโลกนี้จะหนีกรรมของตัวเองพ้น ..
ผู้นับถือในธรรมของหลวงปู่ทิม อิสริโก

 

รบกวนขอถามอะไรหน่อยนะคับ สำหรับเหรียญหลวงปู่ทิมวัดแม่น้ำคู้ เห็นบอกไม่ทันหลวงปู่เสก แต่ทำไมราคาถึงขึ้นมาหมื่นนึงได้ ใครดันราคามาเหรอคับ

 

กราบหลวงปู่ทิม , ลุงสาย แก้วสว่าง

สวัสดียามเช้าอ.แก้วสว่างและทุกๆท่านครับ

 

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

เหรียญหลวงปู่ทิมรุ่นที่ออกวัดแม่น้ำคู้นั้นไม่ทันหลวงปู่เสกครับ ปัจจุบันก็เริ่มมีการดันราคากันขึ้นมาเหมือนกับเหรียญบางรุ่นในช่วงก่อนปี18ที่วงการหนังสือพยายามบอกว่าหลวงปู่ท่านเสก ดูอย่างเช่นเหรียญเหรียญกรมหลวงที่ออกปากน้ำประแสร์นั้นวงการพยายามปั่นเรื่องราวว่าหลวงปู่ทิมเสกนั้น ซึ่งแท้จริงหลวงปู่ทิมท่านไม่ได้เข้าร่วมพิธีนี้เลย หรือไม่ก็คราวหลวงปู่ทิมท่านไปเสกในปีนั้นอย่างเช่นวัดยายร้า หรือวัดสุวรรรรังสรรค์ หลวงปู่ท่านได้ไปร่วมเสกเหรียญปี16 และสังกัจจายน์ แต่ในยุคต่อมาทางวัดได้สร้างพระปิดตาองค์ขนาดเล็กหลังนะมะพะทะ มีทั้งสีเหลืองสีดำ ยุคสร้างพระปิดตานี้หลวงปู่ท่านไม่ได้มาปลุกเสกครับ แต่คนขายก็พยายามยัดย้ายว่าท่านเสก ซึ่งจะเห็นว่าหลวงปู่ทิมท่านมาเสกก็จริงแต่มาคนละปีกัน และก็ยังมีอีกหลายๆวัดในเขตระยองที่วงการขายพระเริ่มขยับกันเข้าไปอาจเป็นส่วนหนึ่งกับของในวัดนั้นการเล่นหามันอาจจะสับสนหรือมีราคาแพงตามไม่ไหว ก็ได้เริ่มมาเล่นนอกวัดกันเพราะคงคิดว่าราคายังพอเช่าหาและซื้อขายกันได้ แต่ทุกวันนี้พอพระนอกวัดเริ่มมีราคาก็เริ่มมีการทำปลอมกันขึ้นมา อย่างเช่นเหรียญวัดแม่น้ำคู้ที่ทุกวันนี้ปลอมได้เฉียบขาดมาก หรือไม่ก็เหรียญเสมาโสธรวัดเขาสำเภาทองก็สามารถปลอมกันได้เฉียบขาดพอดู อย่าคิดชะล่าใจหรือละโมบกับของที่มันผิดราคาหรือผิดหูผิดตากันมาก ฉะนั้นคนที่เล่นหาก็ต้องวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆที่มันเจาะจงให้ดี นี่แค่เพียงผมยกตัวอย่างเหรียญที่ออกในบางวัดให้เท่านั้นนะครับ

 

เหรียญเสมาเมื่อก่อนที่ผมเคยเล่นตั้งแต่เหรียญเสมาเหรียญละร้อยกว่าบาทเองส่วนใหญ่มีแต่ผิวมะขามเปียกที่เห็น ปัจจุบันมีผิวกะไหล่ไฟแดงๆออกมา บางเหรียญมีซองถุงขนาดเล็กใส่มาด้วย ผมไม่เคยเห็นเลยในตอนนั้น ภายหลังญาติห่างๆของเฮีย จ ซึ่งเคยเล่นพระอยู่เหมือนกัน เคยบอกว่าเฮีย จ แจกให้มาหลายเหรียญและบอกว่าชุดนี้ไม่ได้เสก ปั๊มเสริมออกมาอีกจำนวนหลายพันเหรียญหรือเป็นหมื่นเหรียญก็คงจะได้ จนแม่พิมพ์พังถึงเลิก หลังจากนั้นก็เอาโค๊ตมาตอกกัน ลองดูแล้วกันโค๊ตที่ตอกกันตอนนั้นมีโค๊ตตัวใดบ้าง อย่าคิดว่าตัวโค๊ตยังไม่ทำลาย ซึ่งเฮีย จ ก็เคยบอกใครหลายคนเหมือนกันว่าของเสริมมันเยอะ สงสัยที่แกบอกเพราะคงได้ส่วนแบ่งน้อยจากอาจารย์ ช ตอนหลังเฮีย จ เลยต้องสร้างสรรค์ของอุปโลกน์ขึ้นมาเองดีกว่าจะได้เล่นคนเดียวอย่างมัน จะได้ไม่ต้องขายแข่งกับของเสริม ยกตัวอย่างเช่นของพระน้ำท่วมหรือพรายขาวพรายดำ ที่ตอนนั้นฮิตกันมากเพราะเฮีย จ เขียนสร้างนิทานกันอย่างเร้าใจ และเขียนประสบการณ์เล่ากันเองน่าดู และบอกว่าใช้ติดคออยู่เป็นประจำ มีหลายขนาด เล็กใหญ่ บางอันมีไรแดงๆติดมาด้วย ขายกันไปมากจนเรื่องมาแดงถึงได้หยุด อย่างว่านะครับของแบบนี้สักวันก็ต้องจบด้วยตัวของมันเอง คงไปได้ไม่ตลอดรอดฝั่งเป็นแท้ แต่ที่แน่ๆกรรมใดกรรมมันครับ หลีกเลี่ยงไม่ได้ !

 

"อ่านข้อความในหนังสือพระราชทางเพลิงศพมีข้อความหนึ่งที่กล่าวว่า” ในชีวิตพวกเราที่คลุกคลีอยู่กับหลวงปู่ ท่านได้ปฏิบัติต่อเราเสมือนพ่อกับลูกและสั่งสอนให้พวกเรายึดมั่นในธรรมะพร้อมทั้งสรรพวิชาต่างๆตามแต่เราจะสนใจ พวกเราเคยถามหลวงปู่ว่า การเข้าทรงมีจริงหรือไม่? ท่านหัวเราะและบอกพวกเราว่า” อย่าไปสนใจเลยจะถูกหลอก ขอให้สนใจแต่ความดี ไม่มีใครในโลกจะหนีกรรมตัวเองพ้น” เป็นคติธรรมเตือนสติมิให้ลุ่มหลงในการเข้าทรง ซึ่งไม่ว่าจะมีจริงหรือไม่ก็มิใช่หนทางแห่งความหลุดพ้น วัตถุมงคลต่างๆที่ท่านปลุกเสกไว้ก็เช่นกัน ท่านพร่ำสอนอยู่เสมอว่า ให้ยึดมั่นเพื่อระลึกถึงคุณพระเพื่อเป็นสรณะให้กระทำแต่กรรมดี"

จะเห็นว่าข้อความที่อ่านตามที่ลูกศิษย์เป็นคนรวบรวมเขียนกันเองกับประเด็นที่ว่า “อย่าไปสนใจการเข้าทรงเลยจะถูกหลอก “ แล้วเหตุไฉนปัจจุบันทุกวันนี้ศิษย์บางคนถึงเอาเรื่องการเข้าทรงมาใช้เป็นกฏเกณฑ์ให้มีผู้คนเกิดความหลงเชื่อกัน อย่างเช่นหลวงปู่ผ่านร่างจนมึนหรือท่องมนต์จนเสือลงกระโชกโฮกฮากหรือตามแต่ที่ผู้คนเห็นกับพฤติกรรมแปลกๆกันไปต่างๆนาๆ ถ้าใครไม่เคยเห็นลองเข้าไปดูคลิปตอนเสกผีแม่ส้ม มันเพราะเหตุอันใด? แล้วคติธรรมที่หลวงปู่ทิมท่านเคยสอนว่ามิให้ลุ่มหลงนั้น มันไปไหน ลืมกันแล้วหรือไฉน! และวัตถุมงคลต่างๆคงจำคำที่หลวงปู่ท่านพร่ำสอนว่า”ให้ยึดมั่นเพื่อระลึกถึงคุณพระเพื่อเป็นสรณะให้กระทำแต่กรรมดี” แต่ปัจจุบันกับมีการกล่าวอ้างสรรพคุณต่างๆนาๆ เขียนปาฏิหาริย์กันไม่ว่าจะจริงหรือจะเท็จ ก็ไม่พ้นผลประโยชน์การขายของอยู่ดี สร้างกันทั้งปี ไม่รู้จะเอาเงินไปไหน ทั้งผงพราย แม่ส้ม ชนวนพระกริ่งชินบัญชรปี17 สร้างกันอีก100ชาติก็คงยังไม่หมดกันแน่[/QUOTE]

ผมว่าถ้าเอาคำสอนที่ลูกศิษย์ต่างก็เคยเขียนหนังสือลงอ่านกันไว้ในครั้งก่อนมาใช้เพื่อถวายแด่เกียรติคุณหลวงปู่ทิม ก็จะมีคุณประโยชน์มหาศาลอย่างมากมายต่อผู้ที่ศรัทธา วันเวลาผ่านล่วงเลยมาถึงทุกวันนี้ทั้งมูลนิธิ พิพิธภัณฑ์ที่เพิ่งกำเนิดแหล่งหากินขึ้นมาใหม่ต่างลืมคำสอนที่เขียนกันไว้เพื่อระลึกถึงคุณเป็นสรณะแล้วกันหรืออออ ! กลับมาทำมาสร้างเพื่อวัตถุประสงค์อะไรกัน ? ถ้าไม่ใช่ผลประโยชน์ที่เข้ามา....

 

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

สวัสดีครับกับสมาชิกทุกท่าน สำหรับวัตถุมงคลพระเครื่องของหลวงปู่ทิมนั้น ปัจจุบันนั้นก็เริ่มมียกกันมาในหลายรูปแบบสร้าง ยกพระเครื่องกันเข้ามาเป็นกรุ ไม่ว่าจะเป็นแบบใดก็ตามที สิ่งหนึ่งที่ผมจะให้ทุกคนมีจิตที่พิจารณาในการมอง อย่าเชื่อเพราะที่ไปที่มายังไม่ชัดแบบหรือชัดเจน อย่าเชื่อเพียงแค่เหตุการณ์ที่เอามาแค่ประกอบฉากแต่จับมาเป็นเรื่องราวไม่ได้ เพราะทุกอย่างนั้นมันจะมีเหตุผลที่ลงตัวของมันเอง จะจบลงที่ใดก็อยู่ที่เหตุผลที่นำมาสร้างกัน สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ก็คือพยานบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์จริงเท่านั้น!ไม่ใช่ยกใครกันเข้ามาแต่ขาดบุคคลแวดล้อมรับรองในแต่ละเหตุการณ์ ซึ่งทุกวันนี้เป็นยุคของโลกสมัยใหม่ที่มีการพัฒนาแบบองค์รวมและบุคคล เริ่มมีการใช้ข้อมูลหลักและเหตุผลให้เพียงพอที่จะนำมาให้เชื่อถือกันได้ และสิ่งสำคัญของการเข้าใจที่ต้องแยกแยะประเด็นกันให้ได้กับของที่สร้างกันในยุคสมัยหลวงปู่ กับ ของที่สร้างเสริมกันมาหลังหลวงปู่มรณภาพไปแล้ว ซึ่งมีอยู่อย่างมากมาย ถึงแม้จะให้วงการรับรองก็ตามเถอะ แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่าจะเอาของจริงหรือของหลอก มีทั้งนั้นในวงการที่จัดสรรค์กันไปนาน จนสู่ยุคปัจจุบันก็นำมาเป็นแบบมาตราฐานเพราะศิษย์คนเก่าๆที่เคยคลุกคลีคงทราบดีว่าเรื่องราวที่แท้จริงนั้นมันมายังไงกัน คนที่ต้องแบกรับความทุกข์ทนก็คือคนศรัทธาที่ศึกษากันไม่ดีพอก็ต้องตกเป็นเหยื่อแบบนี้กันไป หรือบางคนเอามาศึกษาแล้วตั้งตนเป็นเซียนเป็นผู้รู้ แต่ได้ความรู้ที่จริงบ้างเท็จบ้าง หรือความบิดเบือนกันไปอย่างไร้ทิศทาง ผลสุดท้ายก็ได้รับข้อมูลผิดๆหรือที่ไม่ชัดเจนไป แล้วทุกวันนี้ใครบ้างล่ะจะรู้จริงในแต่ละเหตุการณ์บ้าง แม้กระทั่งศิษย์ที่วงการยอมรับ หรือคนในวงการที่มาออกบัตรรับรองแบบไม่เคยสัมผัสกับเหตุการณ์การสร้างจริงมาก่อนเลย สิ่งนี้สำคัญมากในการวิเคราะห์ ดูดังตัวอย่างที่เอาของเก๊หรือที่มันยังดูคลุมเครือแต่กับมาออกบัตรรับรองการันตีได้ แล้วสิ่งนั้นมันจะสำคัญไฉนในเมื่อต่างก็รู้กันดีว่า มันยังหามาตราฐานที่ชี้ชัดไม่ได้เลย อย่างอาทิเช่น ลูกอม ซึ่งเราจะเห็นกันเกลื่อนกลาดตา มีบัตรรับรองเพื่อการขาย แต่ไม่ได้รับรองการใช้

ทุกวันนี้มันจึงเล่นหากันในแบบที่ชี้ชัดเจนกับเรื่องราวการสร้าง หรือจะเอาแบบวงการยอมรับขายได้แต่ไม่ชัดเจนกับการสร้าง ถ้าจะกล่าวกันง่ายๆไม่เก๊ก็เสริม ซึ่งคนที่รู้เรื่องราวจริงก็จะทราบกันว่าวงการนี้สกปรกจริงๆ ไม่ใช่ง่ายๆ พยายามดันเอาของปลอมมากลบเกลื่อนตา โดยเฉพาะลูกศิษย์บางคนที่ไม่ต้องขนานนาม แต่ทราบกันดี คนที่ไม่ทราบเรื่องราวจริงก็ต้องหลงทางหรือหลงป่าเข้าไปแบบหาทางออกไม่ได้

เรื่องราวการสร้างพระเครื่องนั้นยังมีอีกมากมายที่หลายคนยังไม่ทราบข้อเท็จจริง เพราะฟังแค่เรื่องราวต่างๆแล้วเอามาขยายความกัน อย่าเพิ่งตีตนไป ยังมีเนื้อหาข้อเท็จจริงอีกมากหลาย ในทุกประเด็น รับรองงานนี้สนุกแน่ เพราะความจริงยังไม่เปิดเผย!

 

กราบหลวงปู่ทิม คุณลุงสาย แก้วสว่าง สวัสดีครับอาจารย์แก้วสว่าง น้าต๋อย พี่โต้ง พี่รัก พี่เดชา พี่ภู พี่คนบนเกาะ พี่เตอร์ พี่ทหารเก่า พี่อาทิ พี่romegat พี่รุ่ง คุณโอ๊ด คุณอภิเชษฐ์ ท่านนายกู๊ด คุณthavornsiripat และพี่ๆเพื่อนๆลูกศิษย์หลวงปู่ทิมทุกท่าน สบายดีกันทุกคนนะครับ

 

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

จะเห็นว่าตามวงการขายพระหลวงปู่ทิมนั้นบางแห่งเริ่มมีการใช้วิธีโดยอ้างอิงจากบุคคลที่เชื่อถือได้และได้เสียชีวิตไปแล้วกัน อย่างเช่นนายสาย แก้วสว่าง อดีตไวยาวัจกรของวัดละหารไร่ ซึ่งมันเป็นเรื่องธรรมดาของบุคคลที่ถูกอ้างอิงมากที่สุด เพราะเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดหลวงปู่ท่านมากและมีบทบาทในการสร้างพระเครื่องของวัดละหารไร่ในยุคต้นๆ ซึ่งการแอบอ้างนั้นมีกันหลายรูปแบบของผลประโยชน์ที่เข้ามา ข้อคิดส่วนนี้สิ่งสำคัญคือข้อมูลที่เป็นประเด็นหลักฐานสำคัญ ว่าของสิ่งนั้นจะเป็นของจริงหรือไม่ ทุกอย่างมีคำตอบมากมายเพราะอย่างน้อยยังเป็นข้อคิดหลักในการเล่นหาและแนวคิดในการพิจารณาในข้อบทพิสูจน์เรื่องราวนั้นว่า ของดังกล่าวเป็นของจริงที่มาจากโยมสายหรือปล่าวนั้น ซึ่งหลักฐานเบื้องต้นสำคัญนั้นคือ ภาพถ่ายยืนยันหลักฐานตัวตนโดยเฉพาะตระกูลแก้วสว่างนั้นมีใครกันบ้างที่ให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ ? หลักฐานจากบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์การสร้างจริงในตอนนั้นมีใครยอมรับกับวัตถุมงคลสิ่งนี้ไหม? หรืออย่างน้อยหลักฐานข้อมูลต้องเป็นบุคคลที่ลูกศิษย์ลูกหาในยุคเก่ายอมรับได้ ? จะเห็นว่าเรื่องราวต่างๆนั้นมีจุดวิเคราะห์กันได้มากมายกับประเด็นข้อมูลสำคัญ ไม่ว่าจะเรื่องโกหกหรือเรื่องจริงกันนั้นสามารถพิสูจน์กันได้ไม่ยาก เพราะอย่างน้อยคนที่ศรัทธาอ่านคิดแล้ววิเคราะห์ก็สามารถแยกแยะได้และก็ไม่ยากเลยกับการตั้งคำถามและคำตอบเรื่องราวในประโยคของประเด็นแบบนี้..........(ภาพถ่ายวินาทีสุดท้ายแห่งชีวิตของหลวงปู่ทิม อิสริโกในอ้อมแขนของนายสาย แก้วสว่างลูกศิษย์ใกล้ชิดที่ร่วมบุญร่วมสร้างกันมา)

 

ผมเคยเห็นเรื่องราวในเฟสเห็นมีการถ่ายเอาพระเครื่องยกกันเป็นกรุ เป็นปีป อะไรมันจะขนาดนั้นมีการแอบอ้างนายสายและปู่มั่น แก้วสว่างมาด้วย ผมก็ว่าแปลกเรื่องราวอยู่นะครับทำไมไม่มีรูปปู่มั่นลงเหมือนกันตกลงมันมีตัวตนหรือปล่าวครับ เคยอ่านโพสข้อความของอ.แก้วสว่างว่าปู่มั่นไม่มีตัวตนจริง เพราะสอบถามมาแน่ชัด สรุปผมว่าข้อมูลมันคงจบด้วยตัวของมันเองในไม่ช้าแน่ เพราะอ่านข้อมูลแล้วก็ไม่มีทิศทางเลยจริงๆ..:'''(

 

ใครที่รู้จักเฮีย.จ มักจะได้ยิดคำบิดเบือนอยู่บ่อยๆคล้ายกับการสะกดจิตตัวเองและคนรอบข้าง ว่าหลวงปู่ทิมมรณะภาพในอ้อมแขนของตัวเอง ภาพนี้ยืนยันได้ชัดเจนครับว่าเรื่องที่ไม่น่าจะบิดเบือน เฮีย.จ แก่ยังทำได้ ทั้งหมดก็เพื่อสร้างความหน้าเชื่อถือให้กับคำว่า ศิษย์ดูแลรับใช้ เพื่อจะได้ขายของได้ง่ายขึ้น เวรกรรมจริงๆ