เพื่อการกุศล :::(เปิดจอง)ล็อกเกตพระแก้วมรกต"ภูริทัตตเถรานุสรณ์-สมเด็จองค์ปฐมอมฤตศุภมงคลญาณสังวร":::

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย dekdelta2, 13 พฤศจิกายน 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ตอนที่ 74 ผงวิเศษของปรมาจารย์

    [​IMG]

    ผงรวมบรรจุในไหอายุเป็นร้อยปีของ

    - ผงพระกรุที่ชำรุดแตกหัก ในจ.สุพรรณบุรี รวบรวมจาก หลวงพ่อเนียม วัดน้อย
    - ผงอิทธิเจ หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ วัดบางคลาน 1 กะลามะพร้าว กรมหลวงชุมพร ถวายหลวงปู่ยิ้ม
    - ผงยันต์เกราะเพชร หลวงปู่ศุข เกสโร วัดปากคลองมะขามเฒ่า
    - ผงหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว


    [​IMG]

    มวลสารรวมที่ใช้สร้างพระปิดตา ของหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว

    [​IMG]

    ผงอิทธิเจ พระอุปัชฌาย์กลิ่น วัดหนองบัว(อายุ 117 ปี) อาจารย์ของ
    หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก
    หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย
    หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน
    หลวงพ่อม่วง วัดบ้านทวน
    หลวงปู่ศุข วัดปากคลอง
    หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว
    หลวงป่บุญ วัดกลางบางแก้ว
    ผสมกับผงพุทธคุณทั้งห้าของสมเด็จโต สหธรรมิกของท่าน

    [​IMG]

    ไหบรรจุดินกากยายักษ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 100_0168.JPG
      100_0168.JPG
      ขนาดไฟล์:
      437.7 KB
      เปิดดู:
      2,053
    • 100_0166.JPG
      100_0166.JPG
      ขนาดไฟล์:
      307.7 KB
      เปิดดู:
      2,180
    • 100_0165.JPG
      100_0165.JPG
      ขนาดไฟล์:
      292.4 KB
      เปิดดู:
      2,073
    • 100_0169.JPG
      100_0169.JPG
      ขนาดไฟล์:
      456 KB
      เปิดดู:
      2,147
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มกราคม 2011
  2. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ผงเหล่านี้ตกทอดในตระกูลบัวขม โดยได้จากก๋งพ๋ง บัวขม มรรคทายกวัดหนองบัว ท่านเป็นผู้ผสมมวลสารสร้างพระปิดตา จึงมีมวลสารเหลือตกค้างมาก

    โดยผงเหล่านี้มีที่มาที่ไป ทำให้เข้าใจประวัติศาสตร์ของความผูกพันในพระเกจิว่า ทำไม หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ถึงแนะนำให้กรมหลวงชุมพร มาขอเรียนวิชาที่หลวงปู่ยิ้ม เพิ่มเติม

    ทำไมหลวงพ่อเนียม วัดน้อย นิยมสร้างพระเนื้อตะกั่วแล้วมีสนิมแดงโดยไม่ฝังกรุ ประวัติศาสตร์ที่เล่ากันมาก็คือ หลวงปู่ยิ้มเคยนำตะกั่วท่ากระดานเนื้อตะกั่วสนิมแดงไปถวายหลวงพ่อเนียม 1 เกวียน หลวงพ่อเนียม จึงถวายพระกรุแตกหักของสุพรรณบุรีให้หลวงปู่ยิ้ม ไปสร้างพระปิดตา

    หลวงปู่ศุขดำน้ำไปจารตะกรุดได้ แต่จีวรเปียก หลวงปู่ยิ้มท่านก็ดำไปจารตะกรุดหัวใจโลกธาตุโดยไม่เปียก ท่านบอกว่า "น้องศุขสามารถดำลงไปนับครึ่งชั่วโมงได้ก็ถือว่าดับธาตุได้แล้ว จะสนใจเรื่องจีวรทำไม"

    มวลสารชุดนี้ มีเกจิอาจารย์มาเดินทางมาขอด้วยตัวท่านเองคือ
    หลวงปู่หลิว วัดไร่แตงทอง
    หลวงพ่อลำใย วัดทุ่งลาดหญ้า
    หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม
    ท่านว่าเอาไปไม่มากก็สร้างได้ 84000 องค์

    ความบังเอิญของพระชุดนี้อีกอย่าง คือ ลูกชายของนายพลที่ท่านเก็บมวลสารนั้นซื้อหนังสือวิชาเฉพาะแพทย์ที่ผมเป็นคนแต่ง เพื่อเตรียมสอบ แล้วมีเบอร์ของผมด้านหลัง ทำให้เรามีประเด็นสนทนากันได้ดี น้องเค้าเป็นคนถ่ายรูปให้ครับ
     
  3. ransang

    ransang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    7,391
    ค่าพลัง:
    +19,723
    แบ่งมาให้พี่สร้างพระบ้างดิ 555 ตรุษจีนจะเอาไปให้ท่าน อธิฐานจิตให้นะครับ หรือ จะให้ทิ้งไว้สัก 2-3 วัน ก็บอกนะ คิดค่าแรงเป็ร มวลสาร ละกัน 555
     
  4. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948

    เอาไปเลยค่าแรง ใครจับพลังจากรูปภาพเป็น ช่วยตรวจสอบมวลสารให้หน่อยครับว่าแต่ละรายการมีพลังมั๊ย แล้วตอนนี้พลังล็อกเกตมีบ้างรึยัง
    ฝากเรื่องอธิษฐานจิตกับอาจารย์ด้วยนะครับ เร็วๆน้เลยได้มั๊ย เพราะผมอาจจะส่งพระลงใต้ไปให้พี่ท่านหนึง่ที่จองล็อกเกตเหมือนกัน จะเป็นธุระปลุกเสกให้เพิ่มเติมครับ
     
  5. charoen.b

    charoen.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    5,726
    ค่าพลัง:
    +15,488
    หากพอมีเวลารบกวนเล่าเรื่องหลวงตาเร่ง วัดดงแขวนให้ฟัง(อ่าน)บ้างครับ ทราบมาว่าท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อเคลือบ วัดหนองกระดี่ แต่เรื่องราวเกี่ยวกับหลวงตาเร่งหาในสื่อยากจัง ขอบคุณครับ
     
  6. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948

    เรื่องหลวงตาเร่ง เป็นพระประสบการณ์เยอะมากๆ ท่านทำของตามสูตรโบราณตามฤกษ์ เรื่องอื่นๆต้องไปกราบท่านแล้วจะถามมาถึงจะเล่าเป็นตอนได้ครับ จะได้มีที่มาที่ไปจากปากท่านเอง และจะถามประสบการณ์ตรงจากหมู่ลูกศิษย์เพราะในหนังสือมันต้องเสริมสร้างเป็นแฮร์รี่พอตเตอร์อยู่แล้วครับ
     
  7. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ตอนที่ 74 ลูกแร่บางไผ่


    " หมากดีที่วัดหนัง ถ้าเบี้ยขลังวัดนายโรง

    ไม้ครูอยู่คู่วัดอินทร์ ส่วนมีดบินวัดหนองโพธิ์

    พิสมรวัดพวงมาลัย ครั่งเหลือร้ายวัดโตนดหลวง

    ราหูคู่วัดศรีษะฯ เเหวนอักขระวัดหนองบัว

    ลูกเเร่ที่วัดบางไผ่ ฤทธิ์เหลือร้ายหาใดปาน

    เก้าสิ่งล้วนเป็นมงคล ทั่วทุกคนควรค้นหา

    ติดกายยามญาตตรา ภัยมิกล้ามาเเพ้วพาน"


    โคลงโบราณ สำหรับผู้สะสมสุดยอดเครื่องรางของสยามประเทศครับ
    [​IMG]

    “แร่บางไผ่” เป็นธาตุกายสิทธิ์ที่มีแหล่งแร่เฉพาะที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เท่านั้น ส่วนพุทธของแร่บางไผ่ เป็นโลหะธาตุที่นักนิยมพระเครื่องทราบดีว่าเป็นธาตุกายสิทธิ์

    เมื่อนำมาสร้างเป็นวัตถุมงคลจะทรงพลานุภาพความศักด์สิทธิ์เข้มขลัง ดังที่พระเกจิโบราณาจารย์คือหลวงปู่จัน เมื่อครั้งอดีตได้สร้าง”พระปิดตาแร่บางไผ่” เป็นสุดยอดวัตถุมงคลที่คงความยอดนิยมแถวหน้าตลอดมา

    ปัจจุบันนี้การสร้างวัตถุมงคลโดยใช้แร่บางไผ่เป็นมวลสารนั้นไม่ค่อยพบเห็น ด้วยเหตุผลที่ว่าพระผู้ที่เก็บแร่บางไผ่นั้นมีน้อยองค์ ขณะเดียวกันพื้นที่เก็บแร่นั้นก็ลดลงตามการขยายตัวของเมือง ที่สำคัญคือการสร้างวัตถุมงคลที่ใช้แร่บางไผ่เป็นมวลสารนั้นทำได้ยาก รวมทั้งวัตถุมงคลไม่สวยสมบูรณ์เหมือนการใช้มวลสารอื่นๆ


    พุทธคุณของแร่บางไผ่

    นายนิพนธ์ เฮงเส็ง หรือ นุ เพชรัตน์ เซียนพระเครื่องของสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย บอกว่า ตามคติความเชื่อเรื่องพุทธคุณของแร่บางไผ่ มีความเชื่อกันว่าความอัศจรรย์ดังกล่าวในการทำพระของหลวงปู่จันนั้น ผู้นำไปใช้นำมาเล่าขานกันต่อมาว่า คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดปลอดภัย มั่งมีศรีสุข

    ในตำนานหลวงปู่จัน ผู้สร้างพระปิดตาแร่บางไผ่ ท่านมีความรู้ในการเล่นแร่แปรธาตุ และรู้จักแร่ธาตุต่างๆ เป็นอย่างดี ท่านจึงนำแร่ดังกล่าวนี้มาเพื่อจะแปรธาตุให้เป็นทองคำ และท่านกล่าวไว้อีกว่า แร่นี้มีความศักดิ์สิทธิ์ เมตตา คงกระพันอยู่ในตัวแล้ว จึงไม่สามารถเป็นทองคำได้ ท่านจึงหันเหจากการแปรธาตุกลับมาทำเป็นพระปิดตายันต์ยุ่งที่ขึ้นชื่อลือชานักหนา ปัจจุบันมีการเช่าบูชากันในราคาเกือบล้าน

    นอกจากนี้แล้วแร่นั้นเสมือนมีชีวิตถ้าอยู่ตามธรรมชาติ จะต้องอยู่ในน้ำเท่านั้นจึงจะนำมาหล่อหลอมแล้วมีธาตุเหล็กเหลืออยู่ ถ้าอยู่ที่แห้งนานๆ ถึงแม้นำมาหล่อหลอมก็จะกลายเป็นเถ้า ไม่มีธาตุเหล็กหลงเหลืออยู่เลย และก่อนที่จะนำมาหลอม เมื่อนำมาจากธรรมชาติแล้ว ต้องเลี้ยงด้วยน้ำคาวปลา แร่นั้นจึงจะมีน้ำหนักสมบูรณ์ เมื่อมาหล่อหลอมก็จะไล่ขี้ออกได้ง่ายอย่างน่าอัศจรรย์

    "นักเดินไพรสมัยก่อนอมพระปิดตาแร่บางไผ่ไว้ในปาก เดินได้เป็นวันๆ ไม่ต้องกินน้ำ มีกำลังวังชา คนโบราณเอาพระแช่น้ำมันงาไว้ เอาสำลีจุ่มน้ำมางาทัดหูไป เพียงแค่นั้นก็อยู่คงแล้ว อุปเท่ห์การใช้พระแร่บางไผ่ ที่ให้คุณวิเศษอีกอย่างหนึ่งคือท่านให้เอาพระแช่น้ำผึ้งไว้ แล้วเอาน้ำผึ้งมากินทุกวัน ท่านว่าทำให้มีกำลัง ไม่เหนื่อยง่าย อายุยืน ไปไหนมาไหนก็คล่องแคล่วไม่เจ็บป่วย ที่ดินของชาวบ้านที่มีแร่บางไผ่ ไม่มีครอบครัวไหนที่ยากจนเลย มีแต่ครอบครัวมั่งคั่ง แร่บางไผ่นั้นเมื่อนำมาทำพระโดยสมบูรณ์แล้ว ต้องแช่น้ำมันงาจึงจะเกิดความสวยงาม ชุ่มฉ่ำ และดูลึกซึ้งยิ่งนัก" นุ เพชรัตน์ กล่าว




    มวลสารโรยด้านหลังเฉพาะฉากสีดำครับ Concept เป็น"ของกายสิทธิ์"

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC02284.JPG
      DSC02284.JPG
      ขนาดไฟล์:
      147.9 KB
      เปิดดู:
      78
    • DSC02286.JPG
      DSC02286.JPG
      ขนาดไฟล์:
      198.8 KB
      เปิดดู:
      96
  8. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ผงก้นกรุวัดราชบูรณะ

    กรุวัดราชบูรณะสร้างสมัย เจ้าสามพระยา วัตถุประสงค์การสร้างคือ เพื่อรักษาดวงชะตาเมือง และเชื่อว่าจะป้องกันสงครามกลางเมืองในสมัยทีเจ้าอ้ายพระยาและเจ้ายี่พระยาทำสงครามกลางเมืองแย่งบัลลังก์

    กรุที่สร้างโดยพระมหากษัตริย์ ยิ่งใหญ่ พิธีกรรมแบบโบราณแท้ พุทธคุณของพระสูงกว่าพระเกจิองค์ใดๆจะสามารถทำได้ เพราะเป็นการปลุกเสกหมู่โดยวิชาไสยเวทอย่างยาวนาน 7 วัน 7 คืน

    ผงนี้ขุดพบก้นกรุวัดราชบูรณะ น่าจะเป็นผงสำคัญที่ใช้เกี่ยวกับพิธีกรรม

    ใครเป็นศิษย์สายหลวงปู่ดู่ที่สามารถอาราธนาชมพลังจากรูปให้ ลองพิจารณาดูให้หน่อยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC02281.JPG
      DSC02281.JPG
      ขนาดไฟล์:
      103.6 KB
      เปิดดู:
      67
    • DSC02282.JPG
      DSC02282.JPG
      ขนาดไฟล์:
      147.1 KB
      เปิดดู:
      76
  9. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ตอนที่ 75 พบนักสร้างพระกริ่งในตำนาน

    ความจริงตอนนี้อยากตั้งชื่อว่า "นักสร้างพระกริ่งชื่อดังกับคนทำล็อกเกตรูปหล่อ" เดี่ยวตั้งไปจะโดนโห่ป่าวๆ

    คนที่สร้างพระกริ่งที่ลือชื่อตอนนี้ที่ยังมีชีวิตมีอยู่ไม่กี่คน แต่ถ้าถามในบรรดาพระกริ่งยุคใหม่ของใครแพงสุด คงนึกถึงแต่ พระกริ่งชินบัญชร ของหลวงปู่ทิม อิสิรโก วัดละหารไร่ เป็นแน่

    พอดีเมื่อวานมีสมาชิกในเว็บคนหนึ่งโทรมาถามเรื่อง หลวงปู่บัว ตอน 6 โมงเย็น ถามผมหลายเรื่อง ผมว่าไม่รู้ดีเท่าคนๆหนึ่งหรอก อยากรู้ไปถามเค้ากันมั๊ยครับ พูดไปเกือบทุ่มครึ่งเรามาเจอกันจนได้ที่แถวเซ็นทรัลลาดพร้าว และอีกไม่กี่นาทีต่อไป ก็ไปถึงหน้าบ้านของคุณชินพร สุขสถิตย์

    ผมโทรเข้าไปหาอาจารย์ที่บ้าน อาจารย์บอกว่าพรุ่งนี้มาใหม่ ดึกแล้ว ผมบอกว่า อาจารย์ครับ ผมอยู่หน้าบ้านอาจารย์แล้วครับ ตอนนี้
    อาจารย์ชินพรออกมาต้อนรับ ผมก็เลยพาเพื่อนสอบถามเรื่องที่สงสัยหลายเรื่อง อาจารย์ชินพรเล่าเรื่องให้ฟังเยอะมากๆ ทั้งเรื่อง การไปเจอหลวงปู่บัว หลวงปู่ทิมเป็นลูกศิษย์ติดตามหลวงพ่อปานไปได้วิชาจาก หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว
    เรื่องหลวงปู่สิม ดูอาจารย์ชินพรจะยกย่องที่สุดเลย บอกว่า หลวงปู่สิมท่านเป็นพระอรหันต์ตัวจริงเสียงจริงเลยนะ
    เรื่องของให้ดูดวงของอาจารย์ทองเจือ (ผู้ให้ฤกษ์กริ่งชินบัญชร) เรื่องหัวหน้าผีที่โค้ง 1000 ศพ เรื่องมัจฉานุ หลวงปู่พรหมา เรื่องหลวงปู่ทองฤทธิ์ วัดป่าฉันทนิมิต เรื่องพระกริ่งแผ่นดินไหวของหลวงปู่แว่น ธนปาโล

    ฯลฯ

    ผมเพิ่งทราบว่าอาจารย์ชินพรท่านได้รับการครอบครูจากทั้งหลวงปู่ทิม และได้วิชามาเพิ่มเติมจากหลวงปู่ธรรมรังสี อาจารย์สามารถสัมผัสพลังในวัตถุมงคลได้หมือนกัน

    ผมลืมไปผมได้บอกวัตถุประสงค์หลักที่มาคือ จะมาขอบารมีหลวงปู่ทิม ในวัตถุมงคล โดยจะขออาจารย์บัญเชิญบารมีให้ เพราะหลวงปูทิม เลยกล่าวว่า
    "ไม่ว่าพรจะทำอะไร เราจะมาช่วย"

    อาจารย์ก็ขอดูล็อกเกตก่อน โดยผมไม่ได้เล่าถึงมวลสารหรือการปลุกเสกอะไรเลย อาจารย์ชินพรอุทานว่า

    "โหยยยย กระแสแรงขนาดนี้ไม่ต้องขอบารมีอะไรแล้ว"

    ผมว่ามาถึงที่แล้วขออาจารย์ซัดทีนึง อาจารย์ท่านให้รอเดี๋ยว ขึ้นไปข้างบน ไปเปลี่ยนเป็นชุดขาว อาจารย์และผมกับเพื่อนจุดธูปบูชาพระรัตนตรัยก่อน จากนั้นอาจารย์นำกล่องพระไปวางบนสีผึ้งหัวเชื้อของหลวงปู่ทิม และร่ายโองการอธิษฐานเชิญบารมีคุณครูบาอาจารย์

    ระหว่างทำผมได้ยินเสียง แช่ะ แช่ะ แช่ะ ฯลฯ

    ไม่ทราบว่าเสียงอะไร ภายหลังเพื่อนที่ไปกับผมบอกว่าเป็นเสียงจิ้งจก นับได้ 9 ครั้งพอดี

    [​IMG]
    รูปอาจารย์ตอนเชิญบารมีถ่ายจากด้านหลัง

    พอเสร็จแล้วอาจารย์ยกขึ้นทูลเหนือหัวบอกว่า ครูบาอาจารย์และเทวดาท่านมารับรู้กันหมดแล้ว

    ผมก็ได้ขอผงอาจารย์ อาจารย์ตักผงชนิดหนึ่งมาให้ อาจารย์บอกว่า นี่คือผงพรายกุมารหัวเชื้อเข้มข้นของหลวงปู่ทิม ผสมกับผงว่าน ถ้าไม่เชื่อให้ผู้ที่มีทางในตรวจสอบได้เลย

    เอากลับมาดูก็มีผงเศษขาวๆปนในว่านจริงๆ ในรูปผมนำมาให้เทียบระหว่างผงพรายกุมารของอาจารย์ชินพร กับผงพรายกุมารหัวเชื้อที่ยังไม่ผสมอะไรของเดิมของคุณเพียรวิทย์ จารุสถิตย์
    [​IMG]
    [​IMG]

    อาจารย์ชินพรตอนนี้ท่านมีอายุมากแล้ว เป็นคนพูดจริงทำจริง พื้นฐานจิตใจดีครับ

    ผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิมมีพุทธานุภาพสูง จำได้ว่าตอนไปหาพระอาจารย์พรสิทธิ์ วัดสว่างอารมณ์ ท่านก็ว่าผงนีลงได้แต่เมตตานะ ในนี้มีผงพราย
    ผมอยากจะสงสัยว่าไม่เคยใส่ผงพรายกุมารลงไปเลย มีแต่ผงพรายปนๆกับมวลสารอย่างอื่นที่ผสมกันแล้ว กับลูกอมผงพรายกุมารหลวงปู่ปัน วัดแม่ยะ 5 ลูกแค่นี้จริงๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0681.JPG
      IMG_0681.JPG
      ขนาดไฟล์:
      220 KB
      เปิดดู:
      1,952
    • IMG_0684.JPG
      IMG_0684.JPG
      ขนาดไฟล์:
      120.6 KB
      เปิดดู:
      1,487
    • ภาพ0061.jpg
      ภาพ0061.jpg
      ขนาดไฟล์:
      158.4 KB
      เปิดดู:
      1,531
  10. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ตอนที่ 76 หลวงปู่ตื้อ พระอรหันต์ผู้ที่มีฤทธิ์ผาดโผน

    [​IMG]
    หลวงปู่ตื้อ อลจธมโม
    วัดอรัญญวิเวก บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม

    1.
    หลวงปู่ตื้อเป็นพระสุปฏิปันโน ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ
    ปฏิบัติตรงต่อองค์มรรคคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นิสัย ,
    จิตใจของท่านเป็นคนจริง คนตรง คิดอย่างไรก็จะพูดเช่นนั้น
    ไม่นิยมปรุงแต่งถ้อยคำวาจาให้ไพเราะรื่นหู
    ดังนั้นการแสดงธรรมคำสอนของท่านจึงเผ็ดร้อนไม่มีอ้อมค้อมเยิ่นเย้อ
    ว่ากันว่าคนหน้าบางหรือมีกิเลสครอบงำอย่างหนา เจอถ้อยคำวาจาของ
    หลวงปู่ตื้อเข้าถึงกับหูร้อนฉ่า ผิวหน้าผะผ่าวไปเลยทีเดียว
    อุบาสิกาท่านหนึ่ง มีความซาบซึ้งดื่มด่ำในธรรมที่หลวงปู่ตื้อแสดงอย่างยิ่ง
    เมื่อท่านเทศน์จบลง
    อุบาสิกาท่านนี้ก็คลานคล้อยเข้าไปเบื้องหน้าธรรมาสน์ที่ท่านนั่งแสดงธรรม
    พนมมือนมัสการกราบเรียนหลวงปู่ว่า

    “หลวงปู่เจ้าคะ อีฉันได้ฟังหลวงปู่เทศนาแล้ว เบากายเบาใจเหลือเกิน
    อีฉันปล่อยวางได้หมดแล้วเจ้าค่ะ”

    “อนุโมทนาด้วยคุณโยม ที่เกิดดวงตาเห็นธรรม”

    “อีฉันไม่ยึดมั่นถือมั่นอีกต่อไปแล้วเจ้าค่ะหลวงปู่”

    หลวงปู่ตื้อนิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะพูดเสียงดังฟังชัดว่า

    “อีตอแหล!”

    สิ้นคำหลวงปู่ อุบาสิกาท่านนั้นถึงกับหน้าแดงก่ำทั้งโกรธทั้งอาย ต่อว่า
    หลวงปู่ตื้อเสียงสั่นว่าทำไมท่านจึงมาด่าว่าตนท่ามกลางสาธารณชนเช่นนี้
    หลวงปู่ตื้อได้แต่หัวเราะหึๆไม่อธิบายโต้ตอบอะไร
    ขณะที่คนทั้งศาลาหัวเราะกันครืน

    เพราะเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า อุบาสิกาปล่อยวางอะไรไม่ได้เลย
    และยังยึดมั่นตัวตนของตนอย่างเหนียวแน่นครบถ้วน

    นี่ละ...คือปฏิปทาโลดโผนโผงผางของหลวงปู่ตื้อ

    2.
    วันนั้นเป็นวันโกน หลวงปู่ตื้อ ท่านกำลังปลงผมอยู่ ญาติโยมทางเชียงใหม่
    กลุ่มหนึ่งมากราบท่านในเวลานั้นพอดี คุณนายท่านหนึ่งอยากได้เส้นผมของ หลวงปู่
    จึงบอกกับศิษย์ของหลวงปู่ว่า

    “ตุ๊เจ้าๆ ช่วยเก็บเกศาของหลวงปู่ไว้ให้ด้วยน่ะ”

    หลวงปู่ตื้อท่านได้ยิน จึงบอกคุณนายท่านนั้นไปว่า

    “อย่าเลยนะคุณนาย เดี๋ยวอาตมาจะให้อะไรดีๆ ”

    คุณนายท่านนั้นแสนจะยินดี เมื่อได้ยินหลวงปู่บอกจะให้อะไรดีๆ จึง
    ไม่ติดใจที่จะเอาเส้นเกศาของท่าน

    พอปลงผมเสร็จ หลวงปู่ท่านก็เอาน้ำราดให้เส้นเกศาที่โกนแล้วนั้น
    ไหลไปกับน้ำจนหมดสิ้น แล้วท่านก็ไปสรงน้ำ เรียบร้อยแล้ว จึงออกมา
    สนทนากับญาติโยม

    คณะชาวเชียงใหม่สนทนาธรรมอยู่กับหลวงปู่เป็นเวลานานพอสมควร เมื่อจะถึงเวลากลับ
    คุณนายท่านนั้นจึงได้ทวงถาม “ อะไรดีๆ ” จาก หลวงปู่

    “ หลวงปู่เจ้าคะ ไหนหลวงปู่บอกว่าจะให้อะไรดีๆ แก่ดิฉันล่ะเจ้าคะ “

    หลวงปู่ตื้อ ท่านยิ้มน้อยๆ แล้วพูดว่า

    “ พุทโธ ธัมโม สังโฆ ”

    แล้วท่านก็พูดต่อไปว่า

    “ พุทโธ ธัมโม สังโฆ นี่แหละเลิศประเสริฐแล้ว พระในประเทศทุกรูป จะต้องถือ
    พุทโธ ธัมโม สังโฆ

    ถ้าพระรูปไหนไม่มี พุทโธ ธัมโม สังโฆ แล้ว รู้ได้เลยว่าพระรูปนั้น เป็นพระปลอม
    ขนาดขึ้นบ้านใหม่ยังต้องว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ, ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ,
    สังฆัง สรณัง คัจฉามิเลย ”

    นี่แหละ อะไรดีๆ ที่หลวงปู่ตื้อ ท่านมอบให้คุณนายท่านนั้น

    [​IMG]

    3.
    มีบางคนคิดพิเรนเล่นแปลกๆ ยิ่งไปกว่านั้นอีก ถึงกับเอาเส้นเกศา ของหลวงปู่ตื้อ
    ที่ท่านโกนทิ้งแล้ว เอาไปลองยิงดู

    ปรากฏว่า ยิงไม่ออก !

    พอลงมือยิง ปืนไม่ลั่น ก็รีบมาบอกหลวงปู่ตื้อ อีกเช่นกัน เพื่อหวังว่า
    จะให้หลวงปู่ชม ที่ตนเองค้นพบความมหัศจรรย์ ถือว่าเป็นคุณความดี เกิดขึ้นกับตัว

    " หลวงปู่...หลวงปู่ครับ ผมลองเอาปืนยิงเส้นเกศาของหลวงปู่ดู
    มันยิงไม่ออกนะครับหลวงปู่ "

    หลวงปู่ตื้อ ย้อนถามเสียงดังว่า

    " ผมกูไปลักควายพ่อมึงหรือ ผมของกูไปนอนกับแม่มึงหรือ มึงเอาผมกูไปยิงทำไม
    ทำอย่างนี้แสดงว่าไม่เชื่อกันนะสิ "

    แม้หลวงปู่ท่านจนจะกล่าวด้วยคำพูดที่ดุดัน แต่สีหน้าอาการสงบเงียบ แสดงชัดว่า การดุด่าของท่านมิได้เป็นไปด้วยอารมณ์ปุถุชน แต่เป็น การเตือนสติ
    ให้พิจารณาถึงสิ่งอันควรไม่ควร

    4.
    เส้นทางเชียงใหม่ - แม่แตง ในสมัยนั้นยังไม่เจริญเอามากๆ แต่ก็มี
    รถยนต์โดยสารวิ่งรับส่งผู้คนบนเส้นทางสายนี้แล้ว

    ในปีที่หลวงปู่ตื้อ กำลังบุกเบิกสร้างวัดป่า ท่านจะต้องเดินทางไปๆ มาๆ
    ระหว่างอำเภอแม่แตงกับตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อทำธุระในการก่อสร้าง
    จึงจำเป็นต้องขึ้นรถโดยสารประจำทางไปมาอยู่บ่อยๆ

    พวกรถโดยสารจะชินตากับ "หลวงตา พระป่าแก่ๆ กับศิษย์ชาวเขา ผู้เฒ่าที่โกนหัว
    นุ่งขาวห่มขาว สะพายย่าม เดินตามต้อยๆ "

    พวกรถโดยสารคงรำคาญ และหมั่นไส้หลวงตา พระป่ารูปนั้น เอาการอยู่ เพราะว่า
    "พอขึ้นไปนั่งบนรถปุ๊บ พระหลวงตาก็เอาเท้า ขึ้นไปนั่งขัดสมาธิบนเบาะปั๊บ
    แล้วก็นั่งหลับตาปี๋ หลับเฉยโดยไม่สนใจใคร"

    ช่างน่าเบื่อหน่าย และน่ารำคาญจริง ผู้โดยสางคนอื่นๆ นั่งห้อยขา
    เบาะเดียวนั่งได้ ๓-๔ คน แต่หลวงตาแก่รูปนั้นนั่งเอ้เต้อยู่คนเดียว

    เด็กหนุ่มกระเป๋ารถจึงพูดกึ่งขอร้อง กึ่งไม่พอใจ

    " ป้อหลวง ตุ๊เจ้า ตื่น...ตื่นเอาตีนลงจากเบาะเน่อ "

    " ลงบ่ได้ " หลวงปู่ตอบทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่

    กระเป๋ารถเริ่มโมโห เลือดขึ้นหน้า ขณะนั้นรถกำลังตระเวนรับส่ง
    ผู้โดยสารตามรายทาง

    กระเป๋าหนุ่มกล่าวสบถเสียงดัง

    " มันเป็นอะหยังหือ...จึงเอาตีนลงบ่ได้ "

    พร้อมกันนั้นก็เอามือกระชากขาของหลวงปู่ เพื่อเอาลงจากเบาะ

    ทันใด ครืด...ครืด...ครืด...ฉึก !

    เครื่องยนต์ดับสนิท รถโดยสารหยุดกึกอย่างฉับพลัน ผู้โดยสารทั้งคัน
    หัวคะมำไปตามๆ กัน

    หลวงปู่พูดขึ้น " หลวงตาบอกแล้ว...ลงบ่ได้...ลงบ่ได้ ! "

    คนขับพยายามติดเครื่องรถอยู่หลายครั้ง แต่เครื่องยนต์ก็ไม่ติด
    ผู้โดยสารก็ส่งใจไปลุ้น แต่เครื่องก็ไม่ติดสักที

    หลวงปู่พูดขึ้นว่า

    " ผู้ใด๋เอาตีนกูลง มาเอาขึ้นคืนเน่อ "

    กระเป๋ารถจำเป็นต้องทำด้วยความจำยอม จากนั้นเครื่องยนต์ ก็ติด
    รถโดยสารวิ่งสะดวกจนถึงตัวเมืองเชียงใหม่

    เหตุการณ์เกิดขึ้นต่อหน้าผู้โดยสารหลายคน จากการเล่าขาน ปากต่อปาก นับจากนั้นมา
    หลวงตาพระป่าแก่ๆ อยู่ในอำเภอแม่แตง จึงดังระเบิด !

    รถโดยสารทุกคันไม่เก็บเงินหลวงปู่ และต่างก็อยากให้หลวงปู่ นั่งรถของตน
    แม้นั่งคนเดียวทั้งคันก็ยินดี

    [​IMG]
    สายสิญจน์ปลุกเสกที่เคยคล้องคอหลวงปู่ตื้อในงานพุทธาภิเษก

    [​IMG]

    ผ้าเช็ดน้ำหมากที่หลวงปู่ใช้เป็นประจำ

    สองอยางนี้เป็นมวลสารเล็กน้อยของล็อกเกตฉากดำครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0682.JPG
      IMG_0682.JPG
      ขนาดไฟล์:
      109.3 KB
      เปิดดู:
      1,491
    • IMG_0683.JPG
      IMG_0683.JPG
      ขนาดไฟล์:
      216.9 KB
      เปิดดู:
      1,498
  11. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ตอนนี้มีผู้ที่จองได้ประสงค์จะช่วยเหลือโดยการนำไปปลุกเสกเพิ่มเติมให้ เช่นคุณบุญยัง Caocao ผมรู้สึกซึ้งใจขอบคุณมากครับ เพราะผมใกล้สอบแล้วคงนานๆมาที ไม่ได้เชิดเงินหนีไปไหนนะครับ
    เพราะพระทีทุกท่านช่วยนำกันไปอธิฐานจิตนั้นก็กลับคืนสู่ตัวท่านเอง และชื่อของท่านจะเป็นประวัติศาสตร์แน่นอน

    กฃในทัศนะของนักลงทุนระดับโลก สิ่งที่มีคุณค่ามากที่สุดของเขาคือ เวลา ซึ่งผมต้องเสียสละเวลามากมาย ในการจัดสร้างพระชุดนี้ แค่ค่าโทรศัพท์ประสานงานด้านต่างๆก็หมดไปเป็นหมื่นแล้ว
    และครั้งหน้าใครจะลงทวงว่าเมื่อไหร่จะได้รับส่งด่วน แบบนี้กรุณาโพสเลขบัญชีท่านมาด้วยนะครับ จะได้โอนเงินคืนให้

    เพราะจำไว้เลยว่า พระชุดนี้ที่ระลึกแก่คนร่วมบุญ ไม่ได้เอามาขาย
    อย่าคิดว่า เงินแค่ 1500 จะซื้อได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มกราคม 2011
  12. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ตอนที่ 77 ปลุกเสกต่อไม่ได้

    มีสมาชิกในเว็บท่านหนึ่งของเรา ไปเสกพระที่วัดเนินสุทธาวาส กับผม

    หลวงปู่เกลี้ยงบอกว่า นี่มันผงวัดไหนกัน เค้าทำมาดีมากๆ เค้าทำมาดีจริงๆ

    สมาชิกท่านนั้นก็ขอผมครับ ผมเลยแบ่งผงให้ 1 ขวดแบรนด์

    เพราะผมไม่ค่อยขัดศรัทธาใครอยู่แล้ว แม้การรวมผงมวลสารนั้นยากแสนยากก็ตามที และเค้าก็เป็นเพื่อนผมด้วยครับ

    ภายหลังได้เล่าให้ผมฟังว่า "ผงที่ได้ไป ได้นำไปให้หลวงพ่อ.....(เก่งด้านเสน่ห์)ปลุกเสกเพิ่มให้ หลวงพ่อเริ่มปลุกเสกได้ไม่กี่นาที ต้องถอนจากสมาธิแล้วให้ยกผงออกไป บอกว่าผงนี้แรงเกินไป ปลุกเสกไม่ไหวแล้ว เหนื่อย"

    ถ้าเจ้าของเรื่องอยากเปิดเผยเดี๋ยวเค้ามาเล่าเองครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มกราคม 2011
  13. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    แจ้งข่าวให้อนุโมทนาบุญกัน

    ผมจะนำปัจจัยของท่านจำนวน 1000 บาท ไปมำบุญงานครบรอบมรณภาพหลวงปู่ครูบาอิน อินโท ยังไงก็ต้องทำครับ เพราะหลวงปู่เมตตากับล็อกเกตรุ่นนี้ขนาดไหน
    ทั้ง เกศา ผงอัฐิ ผงอังคาร ผงดอกไม้แห้ง ว่าน และยา ที่หลวงปู่มนต์ 10 กว่าปี (หัวเชื้อของวัดฟ้าหลั่ง) มากมายถึงครึ่งกิโล

    ไม่ต้องสงสัยอะไรกับพระที่หลวงปู่สิมลงใจกราบ หลวงพ่อกวยให้อาจารย์ตั๊ว วัดซับลำใยมาต่อวิชา
     
  14. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    [​IMG]


    นำรูปมาให้ชมกัน

    ล็อกเกตรุ่นนี้ได้รับเมตตาจากทั้ง สามอาจารย์จะมีที่ไหนมั๊ย(เกศา ไม้เสากุฏิหลวงปู่มั่น เกศา อังสะ สายสิญจน์ ผ้าเช็ดน้ำหมาก หลวงปู่ตื้อ อัฐิหลวงปู่ประยุทธ์)

    สร้างพระโดยใช้เกศาของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต แท้ๆมาสร้าง

    เป็นคนอื่นมีแค่เส้นเดียวก็เก็บเงียบบูชาอย่างดี อันนี้เป็นแพๆ
    โดยเป็นชุดเดียวกับที่โชว์ในนิทรรศการพระธาตุที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เมือสองปีก่อน

    เพื่อนผมเป็นประธานชมรมพุทธศิลป์ เป็นเจ้าภาพ
    ได้นำเกศาที่โชว์ให้คนนมัสการนั้นให้ผมเกือบทั้งหมดเพื่อการกุศลรุ่นนี้
    แค่นี้ก็เป็นบุญบารมีขนาดไหนแล้ว ที่ได้ทั้งเกศาหลวงปู่มั่น และครูบาศรีวิชัยเป็นแพ

    ขนาดผู้หลักผู้ใหญ่มาขอเค้า เค้ายังไม่ให้เลย
    ได้แต่หวังว่าถ้ารวมมวลสารเสร็จแบ่งให้ดิวไปสร้างพระบ้างนะ

    (เออได้เป็นปีแล้วยังรวมไม่เสร็จว่ะ)
     
  15. ทำความดี

    ทำความดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +2,036
    ตอนที่ 78 หลวงพ่อสิน วัดละหารใหญ่ จ.ระยอง

    [​IMG]

    ***หลวงพ่อครับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีอยู่จริงไหมครับ

    *** มีจริง ดูจากคนที่ประสบอุบัติเหตุขึ้นมาแล้วไม่ตาย ไม่เป็นอะไรเลย แม้บางคนจะเถียงว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่มีตัวตน แต่ในความหมายของอาตมาคิดว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นเรื่องของจิตใจ เป็นเรื่องของการสร้างคุณงามความดี กรรมที่เป็นทั้งดีและไม่ดี สร้างบารมีให้กับตัวเอง จึงประกอบเข้าด้วยกันให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือปาฏิหาริย์ตามที่หลายคนเข้าใจ

    *** หลวงพ่อเขียนยันต์อะไรลงในผงครับ

    *** ยันต์ใบพัด ยันต์เดี่ยวกับยันต์ที่อยู่หลังเหรียญหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มกราคม 2011
  16. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ขอบคุณมากต่อ ที่ช่วยลงรูปหลวงพ่อสิน วัดละหารใหญ่ตอนเสกพระชุดนี้
    เสียดายที่วันนั้น หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับติดนิมนต์ หลวงปู่นาค วัดหนองพะวา ป่วยหนักและมรณภาพในเวลาต่อมา
     
  17. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ผมดูฤกษ์แล้วนะครับ วันที่ 7 พค เป็นวันข้างขึ้นเสาร์หน้า ซ้อนกับฤกษ์อมฤตโชค เหมาะอย่างยิ่งในการปลุกเสกวัตถุมงคล

    ผมเองอาจจะจัดพิธีพุทธาภิเกขึ้นวันนี้หรือเอาไปเข้าร่วมพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร วัดท่าขนุนหรือนำไปเข้าพิธีพุทธาภิเษกที่หลายวัดจะจัดตลอดวันแน่นอน เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน แล้วจะแจ้งอีกที
    จากนั้นอาจนำไปใกให้หลวงปู่รูปหนึ่งลงเฉพาะทางด้านเมตตาให้สัก 1 สัปดาห์ และเอาไปปลุกเสกต่ออีก 3-4 องค์

    พี่ๆที่มารับวัตถุมงคลควรจะมารับด้วยตนเองเป็นดีที่สุดนะครับ ผมอาจจะนิมนต์หลวงปู่องค์หนึ่งมาจารวัตถุมงคลให้แก่ผู้ที่มารับเองทุกองค์
     
  18. krit_eng99

    krit_eng99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    791
    ค่าพลัง:
    +2,228
    โอ้ เสกให้ครบปีไปเลยน้องตี๋ แค่นี้ผู้ร่วมบุญก็แซวว่า ล็อกเกตเสกจนบินได้แล้วนะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • original351.JPG
      original351.JPG
      ขนาดไฟล์:
      251.2 KB
      เปิดดู:
      1,396
    • original352.JPG
      original352.JPG
      ขนาดไฟล์:
      238.5 KB
      เปิดดู:
      1,384
  19. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ตอนที่ 79 ครูบาศรีวิชัย สิริวิชโย ตนบุญแห่งล้านนาไทย

    [FONT=Garamond, Times, Serif][​IMG] [/FONT]​
    ครูบาศรีวิชัย เกิดที่บ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน มีนามเดิมว่า อ้ายฟ้าร้อง เพราะในขณะที่ท่านเกิด อากาศวิปริตมีลมฝน ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า จึงถือเอานิมิตนั้นมาตั้งชื่อ ท่านเกิดเมื่อวันอังคาร ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๙ เหนือ (เดือน ๗ ใต้) ตรงกับวันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๒๑ ปีขาล เวลาพลบค่ำ บิดาชื่อ นายควาย มารดา ชื่อ นางอุสา
    การบรรพชา อุปสมบท
    ครูบาศรีวิชัย ได้เริ่มบรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ ๑๘ ปี ณ วัดบ้านปาง อำเภอลี้ ซึ่งเป็นอารามเล็กๆ ประจำหมู่บ้าน มี ครูบาขัติยะ วัดบ้านปาง เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๙ อายุครบ ๒๐ ปี ก็อุปสมบท มี พระครูสุมโณ วัดบ้านโฮ่งหลวงเป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า สิริวิชโย ต่อมาได้เดินทางไปศึกษาวิปัสสนากัมมัฏฐานจาก ครูบาอุปละ วัดดอยแต อำเภอแม่ทา (ปัจจุบันอยู่ในตำบลเหมืองจี้ อำเภอเมืองลำพูน) ด้วยเหตุที่มีอุปนิสัยชอบสงบเสงี่ยม เจียมตัว พูดน้อย กินน้อย และรู้แนวทางปฏิบัติธรรมบ้างแล้ว จึงถือโอกาศขึ้นไปอยู่ปฏิบัติกัมมัฏฐานบนดอยทิศใต้ของหมู่บ้าน (ที่ท่านสร้างเป็นวัดบ้านปางเดี๋ยวนี้)เมื่อท่านได้วิเวกทางกาย จิตใจก็หยั่งรู้เข้าสู่สมาธิหยั่งลงสู่วิปัสสนาญาณ ท่านก็ยิ่งมีความพากเพียรในการปฏิบัติกัมมัฏฐานมากขึ้นเคร่งครัดในวินัย ไม่แตะต้องลาภสักการะปัจจัย ฉันอาหารมังสะวิรัติ ประชาชนจึงเกิดความเลื่อมใส ชื่อเสียงของท่านก็ยิ่งโด่งดังไกลออกไป ชาวบ้านหลั่งไหลเข้ามาเคารพบูชาท่านมากขึ้น ต่อมา ครูบาขัติยะย้ายไปจำพรรษาที่อื่น ท่านจึงรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านปาง และบุกเบิกป่านั้นสร้างเป็นวัดขึ้น ไม่นานก็สร้างเสร็จมีงานฉลอง (ปอยหลวง) ถึง ๗ วัน ๗ คืน และได้ตั้งชื่อวัดใหม่แห่งนี้ว่า วัดศรีดอนชัยทรายมูลบุญเรืองบ้านปาง ชาวบ้านเรียกว่า วัดบ้านปาง ส่วนวัดเดิมที่มีอยู่ในหมู่บ้านก็หมดสภาพไป นับเป็นวัดแรกที่ท่านได้สร้างขึ้นมา (พ.ศ. ๒๔๔๔) ต่อมาระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๕๑-๒๔๖๓ ต้องอธิกรณ์ถูกกล่าวหาในหลายกรณี เช่นเป็นพระอุปัชฌาย์เถื่อน ไม่ประพฤติตนให้ เป็นไปตามคำสั่งของคณะสงฆ์ ไม่อยู่ในบังคับบัญชาของพระครูมหารัตนากรเจ้าคณะแขวงลี้ ที่เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่ตามพ.ร.บ.ปกครองคณะสงฆ์ ฯลฯ ครูบาศรีวิชัยถูกกักบริเวณให้อยู่ในวัดพระธาตุหริภุญชัย ๑ ปี(พ.ศ.๒๔๕๔) ถูกกักบริเวณอยู่ในวัดศรีดอนชัยเชียงใหม่ ๓ เดือน สุดท้ายจึงถูกนิมนต์ให้เข้าไปสอบสวนที่กรุงเทพฯ (พ.ศ.๒๔๖๓) แต่ทุกคดีก็ได้รับการวินิจฉัยจากสมเด็จพระมหาสมณะเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราชในสมัยนั้นว่าไม่มีความผิดครูบาศรีวิชัยจึงเดินทางกลับจังหวัดลำพูน บรรดาสานุศิษย์จัดขบวนต้อนรับ ทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ ประชาชนก็เพิ่มความเคารพเลื่อมใสยิ่งขึ้น (ถูกอธิกรณ์ครั้งที่ ๒ ปี พ.ศ. ๒๔๗๘) จึงทำให้ศรัทธาสาธุชนทั่วสารทิศมาเฝ้าชื่นชมบารมี ร่วมทำบุญกับครูบาศรีวิชัยที่ถือว่าเป็นพระอริยสงฆ์มาโปรดสัตว์โลกในยุคกึ่งพุทธกาล ท่านมักจะรับนิมนต์ไปเป็นประธาน (นั่งหนัก)ในการบูรณะศาสนสถานทั่วภาคเหนือไม่ต่ำกว่า ๑๐๘ แห่ง
    ผลงานการก่อสร้างศาสนาสถาน และสาธารณสมบัติ
    บูรณะซ่อมแซมบริเวณหน้าวิหารหลวงและพระบรมธาตุ วัดพระธาตุหริภุญชัย (พ.ศ.๒๔๖๓) หลังจากกลับจากกรุงเทพฯแล้วไปบูรณะพระเจดีย์ พระธาตุดอยเกิ้ง อำเภอฮอด (พ.ศ.๒๔๖๔) สร้างวิหาร วัดพระเจ้าตนหลวง จังหวัดพะเยา (พ.ศ.๒๔๖๕) บูรณะพระธาตุช่อแฮ จังหวัดแพร่ (พ.ศ.๒๔๖๖) วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่ (พ.ศ.๒๔๖๗) สร้างธาตุและบันไดนาค วัดบ้านปางพระธาตุเกตุสร้อยแก่งน้ำปิง (พ.ศ. ๒๔๖๘) รวบรวมพระไตรปิฏกฉบับอักษรล้านนาจำนวน ๕,๔๐๘ ผูก (พ.ศ.๒๔๖๙-๒๔๗๑) บูรณะวัดสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่ (พ.ศ.๒๔๗๔) และ
    [​IMG]
    ผลงานชิ้นอมตะคือ การสร้างทางขึ้นดอยสุเทพจังหวัดเชียงใหม่ ที่ศรัทธาสานุชนมาร่วมกันสร้างถนนวันละไม่ต่ำกว่า ๕,๐๐๐ คน แล้วเสร็จภายใน ๖ เดือน ตามสัจจะวาจา (พ.ศ.๒๔๗๘) สร้างวิหารวัดบ้านปาง(พ.ศ.๒๔๗๘ เสร็จปี พ.ศ.๒๔๘๒) วัดจามเทวี (พ.ศ.๒๔๗๙) สุดท้าย คือ สะพานศรีวิชัย เชื่อมระหว่างลำพูน (ริมปิง) - เชียงใหม่(พ.ศ.๒๔๘๑) ที่มาสร้างเสร็จภายหลังจากที่ครูบาศรีวิชัยมรณภาพ (รวมวัดต่างๆที่ท่านครูบาเจ้าศรีวิชัยไปบูรณะปฏิสังขรณ์รวม ๑๐๘ วัด)ต่อมามีผู้เรียกท่านว่า พระศรีวิชัย ชาวบ้านจึงเรียกท่านว่า ครูบาศรีวิชัยบ้าง ครูบาวัดบ้านปางบ้าง ครูบาศีลธรรมบ้างซึ่งเป็นนามที่ชาวบ้านตั้งให้ ด้วยความนับถือ
    ผลงานที่เด่นมากของครูบาศรีวิชัยก็คือ การสร้างถนนขึ้นดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งครูบาศรีวิชัยได้รับคำเรียกร้องจากศรัทธาประชาชน ให้ช่วยดำริและจัดการเรื่องนี้ จึงเริ่มลงมือสร้างเมื่อวันที่ ๙ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๗๗ เวลา ๑๐.๐๐ นาฬิกา ณ เชิงดอยสุเทพด้านห้วยแก้ว โดยมี พลตรี เจ้าแก้วเนาวรัตน์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ เป็นผู้ขุดจอบเป็นปฐมฤกษ์ การสร้างถนนสายนี้ใช้แรงงานเป็นจำนวนมากวันหนึ่งๆ จะมีผู้คนช่วยทำงานประมาณวันละไม่ต่ำกว่า ๕,๐๐๐ คน ถ้าคิดมูลค่าแรงงานเป็นเงินก็คงมากมายมหาศาลทีเดียว การสร้างทางสายนี้ใช้เวลา ๕ เดือน กับ ๒๒ วัน จึงแล้วเสร็จ และเปิดให้รถขึ้นลงได้ เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๘
    วาระสุดท้ายชีวิต
    ผลงานชิ้นสุดท้ายของท่านคือ การสร้างสะพานข้ามลำน้ำปิง ระหว่างบ้านริมปิง จังหวัดลำพูน กับอำเภอหางดงจังหวัดเชียงใหม่เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๐ สะพานยังไม่ทันเสร็จ โรคริดสีดวงทวารของท่านกำเริบ จึงต้องไปพักที่วัดจามเทวี อำเภอเมือง จังหวัดลำพูนเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ ก็รับสั่งให้หาหมอดีๆ มารักษา แต่อาการก็ไม่ทุเลา ท่านจึงกลับวัดบ้านปาง อำเภอลี้ อาการของท่านมีแต่ทรงกับทรุดจนถึงวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๘๑ เวลา ๐๐.๐๕ นาฬิกา กับ ๓๐ วินาที ท่านก็ถึงแก่มรณภาพด้วยอาการสงบ ศพของท่านได้เก็บไว้ที่วัดบ้านปางเป็นเวลา ๑ ปี เมื่อวิหารที่วัดบ้านปางเสร็จเรียบร้อยแล้วก็นำศพของท่านแห่เป็นขบวนใหญ่กลับเข้าสู่วัดจามเทวี จังหวัดลำพูนเป็นเวลา ๗ ปี เพื่อให้ลูกศิษย์ได้พึ่งบารมีของท่าน ทำการสร้างสะพานข้ามแม่น้าปิงให้เสร็จตามคำสั่งของท่าน
    ต่อมาเมื่อเดือน มีนาคม พ.ศ.๒๔๘๙ ทางจังหวัดลำพูนจึงได้บำเพ็ญกุศลฌาปนกิจศพของท่านอย่างใหญ่โตถึง ๑๕ วัน ๑๕ คืนตำรวจ ทหาร เข้ารักษาการณ์อย่างเข้มแข็ง เพื่อมิให้ใครเข้ายื้อแย่งอัฐิของท่าน และได้มีการตกลงแบ่งอัฐิของท่านออกเป็น ๖ ส่วน คือ
    บรรจุไว้ที่วัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ส่วนหนึ่ง
    บรรจุไว้ที่วัดจามเทวี อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ส่วนหนึ่ง
    บรรจุไว้ที่วัดสวนดอก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ส่วนหนึ่ง
    บรรจุไว้ที่วัดพระแก้วดอนเต้า จังหวัดลำปางส่วนหนึ่ง
    บรรจุไว้ที่วัดพระเจ้าตนหลวง จังหวัดเชียงราย (ปัจจุบันจังหวัดพะเยา) ส่วนหนึ่ง
    บรรจุไว้ที่วัดพระธาตุช่อแฮ จังหวัดแพร่ส่วนหนึ่งเพื่อให้ประชาชนผู้มีจิตศรัทธา และเคารพนับถือท่านจะได้กราบไหว้สักการบูชาต่อไป
    ครูบาศรีวิชัย คือนักบุญในกึ่งยุคพุทธกาล ที่ได้สร้างคุณประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ สรรพสัตว์ และพุทธศาสนาด้วยความเมตตากรุณาอันเปี่ยมล้นด้วยความศรัทธาอันแน่วแน่ ท่านจึงได้รับการขนานนามว่า นักบุญแห่งล้านนาไทย (ต๋นบุญ โพธิสัตว์)

    [​IMG]

    [​IMG]



    "พระศรีวิชัยองค์นี้เป็นพระโพธสัตว์ ปรารถนาพระโพธิญาณ ขณะนี้กำลังบำเพ็ญเพียรสร้างสมบารมีอยู่ ซึ่งต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารอีกนาน จนกว่าการสั่งสมบารมีธรรมจะบริบูรณ์"

    พระครูวินัยธร(มั่น ภูริทัตโต) วัดเจดีย์หลวง


    "ถ้าอยากรู้ว่าพระศรีอาริยเมตตรัยมาเกิดเป็นใคร ก็ลองดูใกล้ๆที่ตีนดอยสุเทพ"

    ครูบาชัยวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม


    "ฮูป(รูปถ่าย)ของครูบาศรีวิชัยบ่ต้องเสกอีกแล้ว มีพลังในตัว เพราะท่านเป็นต๋นบุญ(พระนิยตโพธิสัตว์)"

    พระครูวรวุฒิคุณ(อิน) วัดฟ้าหลั่ง




    เมื่อวานเล่าเรื่องเกศาหลวงปู่มั่นเพลินไปเล่าถึงเกศาครูบาเจ้าเข้าให้ วันนี้เลยไปเจอเว็บนึงที่ให้บูชาพระแตกหักของท่าน พอดีผมเข้าไปคุยแจ้งว่าจะนำไปทำมวลสารเพื่อการกุศล เหตุปัจจัยดลบันดาลให้ท่านส่งให้ผมโดยไม่คิดมูลค่า ขออนุโมทนามา ณ โอกาสนี้

    ถ้าคำกล่าวของครูบาอาจารย์เชื่อถือได้จริง พระที่ครูบาศรีวิชัยอธิษฐานจิตจะมีพลังขนาดไหนกัน

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ตอนที่ 80 ครูบาอภิชัยขาวปี วัดพระพุทธบาทผาหนาม

    ครูบาเจ้าอภิชัย (ขาวปี)
    [​IMG]
    ครูบาเจ้าอภิชัย เดิมชื่อ จำปี เกิดเมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2443 เป็นบุตรของพ่อเม่า และแม่จันตา ท่านกำพร้าบิดาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ต่อมาเมื่ออายุได้ 16 ปี มารดาได้นำไปฝากให้เป็นศิษย์ของครูบาเจ้าศรีวิชัย ณ วัดบ้านปาง ท่านจึงได้เริ่มเรียนหนังสือ โดยท่านเป็นผู้มีนิสัยขยัน เล่าเรียนอย่างจริงจัง อ่อนโยน ว่านอนสอนง่าย นอบน้อม ท่านครูบาเจ้าศรีวิชัยจึงมักใช้เวลาที่ท่านรับใช้ใกล้ชิดอบรมกล่อมเกลา ถ่ายทอดความรู้ให้ด้วยความเมตตา จนท่านครูบาอภิชัยมีความรู้เป็นลำดับ สามารถอ่านออกเขียนได้ และสวดมนต์เก่ง
    นอกจากนี้ในงานก่อสร้าง ท่านก็มิได้นิ่งดูดาย ได้หมั่นสังเกตพิจารณาในการช่างและเข้าไปช่วยทำงานนั้นๆ อย่างตั้งอกตั้งใจ จนมีความรู้ ความชำนาญในการช่าง
    เมื่อถึงเวลาอันสมควร ท่านจึงได้บรรพชาเป็นสามเณร และได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่ออายุได้ 22 ปี ได้รับฉายาว่า “อภิชัยขาวปี”
    [​IMG]

    ต้องอธิกรณ์
    เมื่อถึงพรรษาที่ 13 ท่านถูกกลั่นแกล้ง และถูกจับดำเนินคดีในข้อหาหลบเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร จนต้องถูกบังคับให้สึกและครองผ้าขาวเป็นครั้งแรก ในขณะที่ท่านติดคุกท่านได้ริเริ่มสร้างโรงพยาบาลลำพูนจนแล้วเสร็จ เมื่อออกจากคุกแล้ว ครูบาเจ้าศรีวิชัยได้ทำการอุปสมบทให้แก่ท่านเป็นครั้งที่สอง เมื่อบวชแล้วท่านได้กราบลาพระอุปัชฌาย์ไปบูรณะวัดวาอารามต่างๆ ต่อมาท่านได้ถูกกลั่นแกล้งกล่าวหาว่าเรี่ยไรเงินสร้างโบสถ์ จนถูกจับสึกนุ่งผ้าขาวอีกเป็นครั้งที่สอง

    ช่วยครูบาเจ้าศรีวิชัยสร้างถนนขึ้นดอยสุเทพ
    เมื่อครูบาเจ้าศรีวิชัยได้สร้างถนนขึ้นวัดพระบรมธาตุดอยสุเทพ ท่านได้พาชาวกะเหรี่ยง 500 คน ไปช่วยทำถนนจนแล้วเสร็จ และได้กลับมาพำนักกับครูบาเจ้าศรีวิชัย ณ วัดพระสิงห์ ต่อมาได้มีผู้ขอร้องให้ครูบาเจ้าศรีวิชัยทำการอุปสมบทให้แก่ท่านเพื่อเป็นภิกษุอีกครั้งหนึ่ง ครูบาเจ้าศรีวิชัยจึงยินยอมอุปสมบทให้ ณ วัดศรีโสดา ซึ่งในการอุปสมบทครั้งนี้เป็นเหตุให้ครูบาเจ้าศรีวิชัยต้องอธิกรณ์อีกครั้ง ครูบาเจ้าอภิชัยจึงต้องสึกนุ่งผ้าขาวอีกครั้ง และได้กลับไปที่วัดพระพุทธบาทตะเมาะ ถึงแม้ครูบาเจ้าอภิชัยจะนุ่งผ้าขาว แต่ท่านก็มีวัตรปฏิบัติและถือศีลเหมือนพระภิกษุทุกประการ วัตรปฏิบัติอันเคร่งครัดของท่านทำให้มีศรัทธาสาธุชนเลื่อมใส เมื่อครูบาเจ้าศรีวิชัยมรณภาพแล้ว ท่านจึงเปรียบเสมือนทายาทธรรมที่มีผู้มาขอความเมตตาไปเป็นประธานในการบูรณะวัดวาอารามต่างๆ
    ต่อมาครูบาเจ้าอภิชัยได้ไปบูรณะวัดพระพุทธบาทผาหนาม อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน และได้จำพรรษาอยู่ที่นั่นมาโดยตลอด ขณะเดียวกันท่านก็ได้เป็นประธานในการบูรณะวัดวาอารามสร้างโรงเรียน และโรงพยาบาล อีกหลายแห่ง
    มรณภาพ

    ในปี พ.ศ. 2514 คณะศรัทธาวัดสันทุ่งฮ่าม จังหวัดลำปาง ได้มานิมนต์ท่านไปนั่งเป็นประธานในการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ ต่อมาคณะศรัทธาวัดต้นธงชัย จังหวัดสุโขทัย มานิมนต์ท่านเพื่อขอความเมตตาไปเป็นประธานในการสร้างพระวิหาร ท่านเดินทางไปเมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2520 และเมื่อไปถึงวัดท่าต้นธงชัยได้เพียงวันเดียว ท่านก็ได้มรณภาพในวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2520 โดยอาการสงบ

    [​IMG]



    นอกจากจะได้พระผงเกศาที่ชำรุดของครูบาศรีวิชัยแล้ว ยังได้พระผงเกศาที่ชำรุดของครูบาอภิชัยขาวปีมาโดยไม่คิดมูลค่าอีก นับว่าครูบาอาจารย์ท่านเมตตาต่อผมมากจริงๆ


    ครูบาขาวปีเคยเกิดเป็นพญาช้างนาฬาคิรี

    "หลวงปู่สิม พุทธจาโร"


    ใน"พระคัมภีร์อนาคตวงศ์" ได้กล่าวถึงพระพุทธเจ้าในอนาคตอีก 10 พระองค์

    ที่จะมาตรัสรู้เป็นลำดับ ๆ ไป นับตั้งแต่"พระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า" เป็น

    ลำดับแรก ซึ่ง"พญาช้างนาฬาคิรี"จะตรัสรู้อยู่ลำดับที่ 9 และที่นำ "พญาช้าง

    นาฬาคิรี"มากล่าวถึงก็เพราะท่านเป็นสัตว์เดรัจฉาน "อัตตภาพ"ของท่านต่ำกว่า

    มนุษย์อย่างพวกเรายิ่งนัก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2011
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...