เปลี่ยนชื่อ นามสกุล แก้กรรมได้จริงหรือ ?

เปลี่ยนชื่อ นามสกุล แก้กรรมไม่ได้ครับ

 

คิด/ทำดีเป็นบุญ คิด/ทำไม่ดีเป็นบาป
ทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้นจาก มโนกรรม กรรมที่เกิดจากความคิด
ถ่ายไปยัง วจีกรรม กรรมที่เกิดจากคำพูด กับ กายกรรม กรรมที่เกิดจากการกระทำ
ทำอย่างไรย่อมได้สิ่งนั้น ทุกคนอยู่ด้วยผลของกรรม

 

โลน่าบาบาโลซ่า ค่ะ แต่ไม่แนใจว่า พ่อฟังมาเพี้ยนรึป่าว
เพราะพ่อท่านฟัง คำฝรั่งว่า Martin เป็น บดินท์
คำว่า telephone เป็นธีระพล

บุตรชายคนเดียวของพ่อชื่อว่า โลน่า

 

ก็พ่อมีบุตรชายคนเดียวคือพี่ชายไง ที่เหลือ เป็นบุตรี 2 คน
ส่วนเราเป็นบุตรี หญิงไง ท่านน้องอย่า งง ซี่
(วู้มีแต่คนนึกว่าเป็น กระเทยกะทอมยันเต)

 

เราก็เปลี่ยนชื่อกันทั้งครอบครัวค่ะ แต่ไม่ได้เปลี่ยนนามสกุล
ที่เปลี่ยนเพราะต้องหวังผลทางหน้าที่การงานค่ะ และหวังให้ครอบครัวมีความสุข เปลี่ยนชื่อทั้งครอบครัวและก็ผูกดวงให้สมพงษ์กันค่ะ แต่ทั้งหมดนี้ก็ต้องบอกพ่อแม่ด้วยนะค่ะ เพราะชื่อนั้นท่านตั้งให้ ถ้าท่านทุกข์ใจ จะเป็นบาปกรรมของเราน่ะ

การเปลี่ยนชื่อ ความเป็นจริงแล้วมันก็เป็นศาสตร์หนึ่งเกี่ยวกับความเชื่อเท่านั้น
บางท่านได้ดีร่ำรวย แต่ชื่อนั้นอาจไม่ถูกหลักทักษา เต็มไปด้วยกาลกิณีก็ได้
เพราะสิ่งท่ี่ชี้วัดว่าคุณจะเลว จะดี จะมี จะจนนั้นไม่ได้มาจากชื่อ-นามสกุล
แต่ทั้งหมดนั้นมาจากบุญ-บาปที่ได้กระทำไว้

เพราะร้อยชาติ พันภพที่คุณเกิดมานั้น ผ่านการเปลี่ยนชื่อนามสกุลมาไม่รู้กี่ร้อยกี่พันชื่อ
สิ่งที่บุญ-บาปจดบันทึกนั้นคือ จิตวิญญาณต่างหากเล่า

แต่การเปลี่ยนชื่อก็ไม่ใช่ว่าดี หรือไม่ดีทีเดียว เพราะชื่อดีก็เหมือนเป็นกุศโลบายที่ทำให้เราอยากหรือต้องการที่จะทำความดีงามให้เหมือนชื่อของเรา เช่น นายคนดี ย่อมต้องการเป็นคนดี คงไม่ต้องการเป็น นายคนเลว จริงมั้ย

อาจารย์บางท่าน ท่านก็แนะว่า ชื่อดีก็สามารถช่วยเสริมส่งดวงชะตาได้ เช่น นายคนดี อาจจะมีวิบากกรรมที่จะต้องชดใช้ ร้ายแรงมากแต่ทว่านายคนดีมีชื่อดี วิบากกรรมที่ได้รับก็อาจจะบรรเทาเบาบางลงได้เล็กน้อย แต่ทั้งหมดนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลน่ะ เพราะชื่อนั้นก็คือคำสมมุติ

ดีชั่วอยู่ที่ตัว ใช่ชื่อเสียงเรียงนาม บุญ-บาปคือสิ่งที่สำคัญที่สุด

 

กรรมอยู่ที่ตัว ไม่ได้อยู่ที่ชื่อครับ

 

ผมว่าการเปลี่ยนชื่อตามตำราเป็นเรื่องเหลวไหลมาก เพราะไทยเรามีอักษรไทยเมื่อราว 700ปี ก่อน เมื่อก่อนเราใช่อักษรขอม มนุษย์รู้จักใช้อักษรในการสื่อสารราว 1 หมื่นปี ยุคแรกเป็นอักษรภาพ หรืออักษรสัญลักษณ์ด้วยซ้ำ ไม่ใช่อักษรที่ีมีระบบไวยกรณ์เหมือนปัจจุบันนี้

แล้วตลอดเวลาก่อนหน้านั้น อะไรที่กำหนดชีวิตเรา เพราะเหตุใดตัวอักษรซึ่งเกิดมาที่หลังมนุษย์จึงสามารถกำหนดชีวิตมนุษย์ ทั้งที่มนุษยเป็นคนประดิษฐ์อักษรขึ้นมาเองแท้ๆ


ความจริงการแบ่งตัวอักษร มีพื้นฐานมาจาก วรรคตัวอักษรในภาษาบาลี


1.ก วรรค ก ข ค ฆ ง
2. จ วรรค จ ฉ ช ฌ ญ
3. ฎ วรรค ฎ ฐ ฑ ฒ ณ
4. ต วรรค ต ถ ท ธ น
5. ป วรรค ป ผ พ ภ ม
6. อวรรค ย ร ล ว ส ห ฬ ํ
7. สระในภาษาบาลี อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ


7 กลุ่ม คนคิดก็เลยจัดเข้ากับวันทั้ง 7 พอดี เลยมากำหนดตั้งกฎขึ้นมาว่า อักษรวรรคนั้น สำหรับคนเกิดวันโน้นวันนี้ โดยผนวกแนวคิดโหราศาสตร์เข้ามาผสมด้วย เช่น คนวันจันทร์ อักษร ก วรรคเป็นเดช อักษร ต วรรค เป็นกาลกิณี เพราะโหราศาสตร์เชื่อว่า วันจันทร์ กับวันพฤหัสบดี เป็นที่เป็นศัตรูกัน เพราะมีตำนานว่า พระพฤหัสบดี ปากโป้งเรื่องที่พระจันทร์แอบเป็นชู้กับเมียของเทพองค์อื่น ถามว่าจริงหรือ ตอบว่า ไม่รู้เพราะมันเป็นนิทานหรือตำนานเท่านั้น


ต่อมาคือ ถ้าเป็นประเทศ อื่นละ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น สวาซิแลนด์ ฯลฯ ที่สระ พยัญชนะของเขาไม่ตรงตามตำราเขาคงหมดสิทธิ์ทำชีวิตให้ดีขึ้นด้วยการเปลี่ยนชื่อเลยสิ ถ้าบอกว่า ประเทศอื่นก็ใช้หลักตามภาษาของตัวเองสิ ถ้าเช่นนั้น ก็แสดงว่า การเปลี่ยนชื่อตามตำราแบบไทย มีผลเฉพาะคนไทยเท่านั้น (หรืออาจมีผมถ้า ฝรั่ง หรือคนจีน ญี่ปุ่่น เปลี่ยนมาใช้ชื่อไทย) ไม่ได้เป็นมีผลเป็นสากล หรือเป็นสัจธรรม


ตำราการตั้งชื่อ แนวคิดการตั้ง ผมประมาณว่าน่าจะมีมาไม่เกิน 50 นี้ เอง คนไทยสมัยก่อนไม่ชื่อเรื่องนี้หรอกครับ ชื่อ ดำ แดง เขียว หมา(ชืื่อในความหมายของคนสมัยมีความหมายเชิงเปรียบเทียบว่าน่ารักเหมือนหมาน้อย เหมือนคนสุพรรณเรียกเด็กๆที่น่ารักน่าชังว่า ไอ้หมา อีหมา ไม่ใช่คำพูดดูหมิ่นว่าเป็นสัตว์เดียรฉานเหมือนสมัยปัจจุบัน) คนไทยเพิ่งมีนามสกุล เมื่อสมัยรัชกาลที่ 6 นี้เอง จึงน่าแปลกใจว่า ทำไมคนไทยทุกวันนี้บางคนจึงเชื่อว่า ชื่อ นามสกุล จะทำให้ชีวิตดีขึ้นหรือเลวลงได้


อย่างที่บอกข้างต้นว่า หลักการเปลี่ยนชื่อมีฐานคิดมาจาก ภาษาบาลี(รวมทั้งสันสกฤต) ดังนั้น ชื่อที่ตั้งกันใหม่จึงเป็นชื่อแบบบาลี-สันสกฤต ที่ผู้เชี่ยวชาญบาลีสันสกฤตเองก็ปวดตับเพราะชื่อบางชื่อผิดหลักการเรียงตัวอักษรในไวยากรณ์บาลี-สันสกฤต
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะมีการเปลี่ยนตัวอักษรที่เชื่อว่าเป็นกาลีกิณีออก แต่ยังพ้องเสียงอยู่ คือเปลี่ยนตัวสะกดแต่สามารถออกเสียงเหมือนเดิม เรื่องการเปลี่ยนชื่อนี้ก็ไม่ปรากฏว่าอินเดียซึ่งเป็นมาตุภูมิแห่งภาษาบาลี-สันสกฤตจะเห่อการเปลี่ยนชื่อตามหมวดอักษร 7 กลุ่มเหมือนคนไทย

ดังนั้นจึงฟันธงว่า แนวคิดเรื่องการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล เป็นเพียงกระแสความเชื่อที่เกิดขึ้นในเฉพาะในสังคมไทยในห้วงเวลาไม่เกิน 50 มานี้ เท่านั้น ไม่ใช่ความเชื่อโบราณ และมีผลต่อความรู้สึกส่วนบุคคลเท่านั้น ไม่มีหลักเหตุผลที่อธิบายได้อย่างเป็นรูปธรรมว่า เปลี่ยนชื่อ นามสกุลแล้วชีวิตจะดีขึ้นได้อย่างไร แบบไหน

 

ปัจจัยที่มีผลต่อดวงชะตาหากเชื่อในเรื่องดวง ท่านที่ไม่เชื่อให้ผ่านไป ไม่ต้องไปอ่าน..

หลีกเลี่ยงเรื่อง วันเวลาไปไม่ได้ หากท่านใดที่ไม่ได้ใช้เรื่องวันเดือนปี ก็ให้ผ่านไปเช่นกัน

เฉพาะดวงชะตาที่ผูกพันกับวันเดือนปีเท่านั้น ตรงนี้เปรียบเหมือนถนนหลัก ส่วนชือ-นามสกุลเปรียบเหมือนถนนซอย ปกติหมอที่ทำคลอดจะกำหนดช่วงเวลามาให้ว่าภายใน 10 จากนี้ไปให้เลือกฤกษ์ยามที่ต้องการผ่าตัด ลองคิดดูว่า เด็กจะคลอดในอีก 10 วัน หากเห็นว่า ปีนี้ไม่ดี จะไปเลือกเอาปีหน้าก็ไม่ได้ เช่นปีนี้ปีเสือ เหลืออีก 7 เดือน จะเข้าปีเถาะตามโหราศาสตร์ไทย แบบนี้อั้นไม่อยู่ เป็นไปไม่ได้ แต่หากเด็กกำหนดคลอดเดือน เมษาช่วงครึ่งแรกของเดือน อาจจะเลือกไปเกิดเอาครึงเดือนหลังแบบนี้เข้าปีเถาะก็ไม่อยู่ในเกณฑ์ ทีนี้เลือกเดือน เด็ก 9 เดือนแล้ว เห็นว่าเดือนนี้ไม่ดี จะไปคลอดก่อนกำหนด หรือเกินกำหนด ก็สุดวิสัยของมนุษย์ทั่วไป สรุปแล้ว เลือกปีไม่ได้ เลือกเดือนไม่ได้ เหลือเพียงการเลือกวันเท่านั้น ในช่วงกำหนด 10 วัน จะเป็นวันอะไร

ปัจจัยที่มีผลต่อดวงชะตาจึงมี ปี-เดือน-วัน-เวลา-ชื่อและนามสกุล ในที่นี้เพียง 5 ปัจจัยหลักๆ แต่ความจริงยังมีอื่นๆอีก เช่น สถานที่เกิด เพราะหลายกรณีชื่อสถานที่เกิดไปพ้องกับเหตุการณ์ต่างๆในชีวิต คิดเป็นปัจจัยละ 20% ก่อนการเกิดเราสามารถเลือกช่วงเวลาที่ดีๆให้กับเด็กน้อยได้เพียง 60% คือเลือกวัน-เวลา-ชือและนามสกุล ส่วนปี เดือน ไม่ไปแตะต้องมัน

แต่เมื่อคนเป็นพ่อแม่ไม่มีความรู้ด้านกำหนดวันเกิดให้ลูก และเวลาเกิดให้ลูก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเช่นนั้นจริงๆ ก็เหลือเพียงการเปลี่ยนชื่อนามสกุลเท่านั้น ซึ่งมีโอกาสพลิกชีวิตเพียง 20% เนื่องจากไม่สามารถจะย้อนอดีตไปเปลี่ยน ปี เดือน วัน เวลา เกิดได้อีกแล้วนั้นเอง รหัสปี เดือน วัน เวลา จึงเป็น code ลับเฉพาะบุคคล เท่ากับถูกกำหนดถนนสายหลักของชีวิตไปแล้วนั้นเอง เปลี่ยนแปลงได้เพียงถนนซอยเท่านั้น การเปลี่ยนชื่อสกุล ส่วนแรกเลือกได้ ส่วนหลังไปผูกพันกับบุคคลที่ 2..3..4..5..6... ผมถือเอาการออกเสียงนำหน้าเท่านั้นที่มีผลต่อการเปลี่ยนดวงชะตา แม้ภายในจะมีตัวกาลีก็ตาม ไม่ได้มีความสำคัญมากเท่ากับการออกเสียงนำหน้า ดังนั้น ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการรวมเลข จะรวมได้ดีอย่างไรก็ตามหากการออกเสียง หรือตัวนำหน้านั้น ไม่ให้คุณประโยชน์ ยิ่งนามสกุลด้วยแล้ว อาจจะดีเพียงช่วงอายุเดียว แต่เด็กรุ่นต่อไป อาจจะไปตรงกับกาลีเขา หรือดาวจรในอีกหลายปีที่มีเรื่องร้ายๆมารออยู่ในโครงสร้างร้ายของดวงแล้ว เพียงแต่รอเวลาเกิดเรื่องเท่านั้น

จากประสบการณ์ที่เคยดูเวลาเกิดให้หลานคนหนึ่ง พ่อแม่เขามีข้อกำหนดว่า ให้ช่วยดูให้หน่อย หมอกำหนดคลอดภายใน 10 วัน แต่น้องสาวผมเขาเป็นคนขยันทำงาน ทำงานจนวันสุดท้ายจะไปคลอด ก็ยังกำหนดว่า เวลาคลอดหากเป็นไปได้ ไม่เอา จันทร์-ศุกร์ เพราะติดทำงาน เอาเฉพาะเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น ดังนั้นเหลือเพียง 4 วัน เท่านั้น ช่วงนั้นฤกษ์บางฤกษ์เป็นทลิทโทฤกษ์ หรือขอทานนั่นเอง ถามว่าจะเอาไม๊? คลอดวันเสาร์ แต่เป็นฤกษ์ขอทาน แม่เด็กบอกไม่เอา!!! ทีนี้ละไม่เอา อยากเอาสะดวกก็ได้แบบนี่ไงละท่าน...

สรุปเหลือ 3 วัน ผมก็เลือกวันเวลาที่ดีที่สุดในเสาร์อาทิตย์ได้ วันหนึ่ง กำหนดเวลาภายใน 16.00 น. ปรากฎว่า พอหมอลงมีดผ่าตัด ปกติภายใน 30 นาที สามารถยกตัวเด็กออกมาได้ แต่ case นี้ คนกำหนดไม่สู้ฟ้าลิขิต ปรากฎว่า พบพังผืดอีกเพียบ ใช้เวลาประมาณ 1 ช.ม. ในการผ่าตัด ยกเอาเด็กออกมา เลยเวลาของฤษ์ยามที่กำหนดไว้ 1 นาที เพราะเสียเวลาในการจัดการเลาะเอาพังผืดออกมา เลยฤกษ์ยามที่กำหนดไป เขาเป็นคาทอลิก

นี่ครับ เด็กคนนี้..

 

การเปลี่ยนชื่อเป็นสิ่งสมมติก็จริงอยู่ แต่มันมีผลกับจิตใจของคน

บางครั้งเปลี่ยนชื่อ อาจเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในทางที่ดีขึ้น
ว่าเราจะเป็นคนใหม่ ที่ดีกว่าเดิม

ต้องอยู่ในหลักของเหตุและผล เชื่อได้ ไม่ใช่งมงาย

 

สาธุ สาธุ อนุโมทนาทั้งหมดทั้งมวลกับท่านเจ้าของกระทู้ด้วย:VO

 

จะดีจะชั่ว อยู่ที่ตัวทำ

จะสูงจะต่ำ อยู่ที่ทำตัว

 

ชื่อของเราเอง ก็รู้ตัวมานานแล้วว่ามีตัวที่ไม่ดีอยู่ แต่ก็ไม่คิดเปลี่ยน
เหตุผลก็คือ คิดว่าไม่มีใครหนีกรรมได้อยู่แล้ว เราอยู่ใต้กฎแห่งกรรมค่ะ
ทำอย่างไร ได้อย่างนั้นค่ะ ^-^

 

เปลี่ยนชื่อแล้วหนีกรรมไม่ได้ดอกครับ ตัวเลขก็เป็นมงคลทุกตัวอยู่แล้ว ผู้กำหนดตำราทั้งทักษาศาสตร์และตัวเลข นั้น ผมก็ไม่ทราบกำหนดได้อย่างไร เอามาจากไหน ผลสุดทุกตัวอักษรทุกตัวเลข ที่ใช้กันอยู่ ก็ไม่พ้นกรรม ละตายทุกคน ผมก็เปลี่ยนชื่อแต่มิได้ลบหลู่ เจ้ากรรมนายเวร เขาจองเวร/กรรมเรามาแต่ภพชาติก่อนแล้วจึงติดตามเรามาตลอดจนกว่าเราจะหนีเขาได้(นิพพาน) ดังนั้น เกิดมาก็อย่าสร้างเวรกรรมต่อเพื่อตัดเขาออกไป และไปถอดเจ้ากรรมนายเวรออกในชาติหนี้ และเร่งหน้าสู่นิพพาน เท่านี้ก็พ้นเวรพ้นกรรม หลักง่าย ๆ ศีล 5 บริสุทธิ์ ผุดผ่องตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปและภาวนาสู่นิพพานอย่างเดียว นะครับ แค่เอื้อมครับ สาธุ สาธุ สาธุ

 

ดิฉันก็เปลี่ยนทั้งนามสกุลและชื่อและก็ยังอยู่ในสภาพเดิมคะคือ

ยังมีกรรมที่คิดว่าเคยทำในอดีตชาติส่งผลมาชาติปัจจุบัน เพราะฉะนั้น

ดิฉันคิดว่าจะถ้าเปลี่ยนแล้วสบายใจก็ขึ้นอยู่กับผู้เปลี่ยนแต่ที่ต้องไม่เว้น

คือจะต้องกระทำกรรมดีเพิ่มขึ้นไปด้วยสรุปคือ เปลี่ยนชื่อยังงัยกรรมก็ยังตามได้

อยู่ดีคะ

 

ดิฉันเป็นคนเกิดคาบลูกคาบดอกระหว่างศุกร์กับเสาร์
ใบเกิดแจ้งว่าวันเสาร์ตัวเองก็เข้าใจว่าเป็นคนวันเสาร์
จนโตมาเริ่มรู้เรียงสาแม่ถึงได้บอกว่าเกิดวันศุกร์ตอนตี4กว่า
ใบเกิดเขาถึงได้ลงว่าเป็นวันเสาร์ ที่นี้คุณตาก็ตั้งชื่อให้โดยใช้
วันเสาร์เป็นเกณฑ์ ที่นี้ไปดูหมอศาสตร์ไทยก็จะบอกว่าดิฉันเป็นคน
วันศุกร์ ดังนั้นชื่อที่ติดตัวมาแต่เล็กแต่น้อยนั้นกาลกิณีต้องเปลี่ยน
แต่ก็ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนเลยเพราะอยากจะระลึกถึงคุณตาท่านที่
เป็นคนตั้งให้ค่ะ ถามว่าทุกวันนี้ชีวิตดีไหมก็แต่เล็กจนโตก็ไม่ลำบาก
อะไร การค้าขายก็เป็นเจ้าบริษัทบางครั้งจะเกิดวิกฤตก็รอดมาได้อย่าง
เฉียดฉิวทุกครั้ง โรคภัยไข้เจ็บก็ไม่ค่อยเบียดเบียนเท่าไร ลองอ่านนี่ดูค่ะ

ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์เป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์ ทำหน้าที่สอนมนต์ให้กับมาณพ ๕๐๐ คน ในเมืองตักสิลา มีลูกศิษย์ คนหนึ่งของท่าน พ่อแม่ตั้งชื่อให้ว่า ปาปกะ เมื่อรู้เดียงสาแล้ว ไม่พอใจชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้ จึงหาโอกาสที่จะเปลี่ยนอยู่หลายครั้ง แต่เพื่อนๆ หรือคนรู้จักมักคุ้นก็เรียกชื่อนี้กันจนคุ้นปากเสียแล้ว พอมามอบตัวเป็นลูกศิษย์ เล่าเรียนมนต์กับท่านอาจารย์ทิศาปาโมกข์ ก็อยากได้ชื่อที่เป็นสิริมงคลบ้าง เลยเข้าไปขอให้อาจารย์ ตั้งชื่อให้ใหม่

อาจารย์เป็นคนฉลาด แทนที่จะกล่าวห้ามลูกศิษย์ไม่ให้เปลี่ยนชื่อตรงๆ ก็เกรงว่าลูกศิษย์จะไม่พอใจ จึงได้แนะนำว่า ให้ลองออกเดินทางไปแสวงหาชื่อที่คิดว่าเป็นมงคลตามชนบทสักอาทิตย์หนึ่งดูก่อน ถ้าคิดว่าชื่อไหนเป็นมงคลแล้ว ก็จดจำเอาไว้ และให้นำมาบอก อาจารย์จะทำพิธีเปลี่ยนชื่อให้ใหม่

มาณพหนุ่มดีใจมากที่จะได้ชื่อใหม่ จึงรีบกลับไปที่พัก ตระเตรียมเสบียง แล้วออกเดินทางท่องเที่ยวไปตามพระนครและชนบททันที ระหว่างทาง มาณพเจอชายคนหนึ่งชื่อว่า ชีวกะ แปลว่าบุญรอด ตายลงเพราะโรคร้าย หมู่ญาติกำลังหามเขาไปที่ป่าช้าพอดี จึงถามว่า ชายผู้นี้ชื่ออะไร

หมู่ญาติตอบว่า "ชื่อว่าชีวกะ พ่อหนุ่ม" ชายหนุ่มสงสัยว่า ในเมื่อเขาชื่อชีวกะหมายถึงนายบุญรอด ทำไมเขาจึงไม่มีชีวิตรอดเหมือนชื่อตัวเองล่ะ

พวกญาติก็ตอบว่า จะชื่อว่าบุญรอดหรือไม่รอด ก็ไม่รอดพ้นจากความตายทั้งนั้น ชื่อเป็นเพียงบัญญัติสำหรับเรียกกันเท่านั้น ซึ่งครั้งแรกที่มาณพหนุ่มได้ฟังชื่อนี้ ก็อยากได้พอดี แต่เมื่อได้เห็นได้ฟังแล้ว รู้สึกว่าลางไม่ดีเสียแล้ว ชักไม่ค่อยเป็นมงคล จึงเดินทางไปหาชื่อใหม่ เมื่อเดินทางต่อไป พร้อมกับความคิดที่จะเปลี่ยนชื่อให้ตัวเองอย่างไรดี ในที่สุดก็สรุปว่าตนอยากรวยเป็นเศรษฐี ถ้างั้นเศรษฐีก็ต้องมีชื่อเกี่ยวกับความมั่งมี จึงจะเป็นสิริมงคล เลยตั้งชื่อให้ตัวเองว่า ธนบาล

ในระหว่างทางเห็นพวกนายทุน กำลังเฆี่ยนตีนางทาสี ชื่อว่า ธนปาลี ด้วยเชือกที่ประตู เพราะว่านางไม่ยอมจ่ายดอกเบี้ย มาณพหนุ่มเกิดความสงสัย ก็เลยถามว่า ในเมื่อนางชื่อธนปาลี แล้วทำไมจึงไม่มีทรัพย์ให้กับพวกท่านล่ะ พวกนายทุนตอบว่า ชื่อธนปาลีเป็นเพียงการสมมติกันขึ้นมา แต่นางยากจน แม้เพียงดอกเบี้ยจะใช้คืนก็ไม่มี จะชื่อธนปาลีหมายถึงคนมั่งมีก็ดี จะชื่อ อธนปาลี หมายถึงคนจนก็ดี ต่างก็เป็นคนเข็ญใจได้ทั้งนั้น

มาณพหนุ่มฟังแล้วเกิดได้คิด ก็เลยล้มเลิกความคิดว่าจะชื่อ ธนบาล แต่ยังไม่ลดละความตั้งใจที่จะหาชื่อที่เป็นมงคล เขาออกเดินทางต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับขบคิดหาชื่อเป็นร้อยๆ ชื่อทีเดียว บังเอิญว่าไปพบคนแปลกหน้า ซึ่งกำลังหลงทาง พอตัวเองบอกหนทางแล้ว จึงอยากตั้งชื่อว่า ปันถกะ แปลว่า ผู้ชำนาญในเส้นทาง แต่ก่อนจากกัน ได้ไต่ถามคนหลงทางว่า ชื่ออะไร เผื่อว่ามีโอกาสพบกันครั้งต่อไป จะได้ทักทายกันได้ถูกต้อง พอทราบว่าชื่อปันถกะเท่านั้นแหละ มาณพหนุ่มก็อึ้งไปชั่วครู่ พร้อมกับสอนตัวเองว่า จะชื่อปันถกะหรืออปันถกะก็หลงทางได้เหมือนกัน จึงรู้สึกปล่อยวางในเรื่องที่จะตั้งชื่อใหม่

จากนั้นก็เดินทางกลับไปหาพระโพธิสัตว์ กราบเรียนท่านอาจารย์ว่า ธรรมดาคนเราถึงจะชื่อว่าชีวกหรืออชีวก คงตายเท่ากัน ถึงจะชื่อ ธนปาลี หรืออธนปาลี ก็เป็นมหาทุคคตะได้เหมือนกัน ถึงจะชื่อปันถกะหรืออปันถกะก็หลงทางได้เหมือนกัน ชื่อเป็นเพียงบัญญัติสำหรับเรียกกันเท่านั้น ความสำเร็จเพราะชื่อ มิได้มีเลย ความสำเร็จมีได้เพราะการกระทำเท่านั้น พอกันทีเรื่องชื่อสำหรับกระผม กระผมขอใช้ชื่อปาปกะตามเดิมดีกว่า

เราจะเห็นว่า ชื่อเป็นเพียงสรรพนามใช้เรียกขานกันเท่านั้นเอง ชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องไปเสียเวลาเปลี่ยนใหม่ การไม่เปลี่ยนชื่อใหม่ นอกจากจะได้ชื่อว่าไม่หลงไปตามกระแสนิยม ไม่งมงายในเรื่องฤกษ์ยาม ไม่เอาชื่อตัวเองมาทำให้ตัวสับสนแล้ว ยังเป็นการแสดงความเคารพต่อพ่อแม่ที่ตั้งชื่ออันทรงเกียรติให้กับเราอีกด้วย ให้พอใจในชื่อที่เรามีอยู่

หากไม่จำเป็นก็ไม่ต้องไปเปลี่ยนชื่อใหม่ให้ยุ่งยากเสียเวลา เอาเวลาไปทำเรื่องที่เป็นประโยชน์ คือ สั่งสมบุญเพิ่มเติมให้กับตัวเองเอาไว้มากๆ จะดีกว่า เพราะการจะประสบความสำเร็จ ในชีวิตหรือไม่นั้น อยู่ที่ได้เคยสั่งสมบุญเก่ามาดีหรือไม่ อีกทั้ง จะชื่ออะไรก็ตาม ถ้าเราหมั่นคิด พูด ทำแต่สิ่งที่ดีๆ ทำความดีจนคุ้น แล้วความเป็นสิริมงคลก็จะบังเกิดขึ้นกับเราเอง


พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)

เศรษฐีเรือทอง.....
เงินไหลกอง ทองไหลมา.....

 

กำลังอยากเปลี่ยนอยู่พอดี ได้อ่านความเห็นเพื่อนๆแล้วชักไม่อยากเปลี่ยน โดยเฉพาะนามสกุล ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมหมอดูเขาถึงว่าบวกกันแล้วไม่ดี ทั้งๆที่บรรพบุรุษสร้างมา คิดดูแล้วก็น่าหัวเราะคนที่ทำไปแล้วโดยหลงผิด... คิดดูว่าถ้าเราเป็นบรรพบุรุษแล้วเห็นลูกหลานทำอย่างนี้เราจะรู้สึกเสียใจขนาดไหน

 

ดิฉันก็เปลี่ยนชื่อมาเช่นเดียวกันค่ะ เพียงแต่ว่า เราตั้งใจว่าภายใต้ชื่อใหม่ของเรานี้เราจะไม่สร้างเวรกรรมหรือสิ่งผิดใดใดอีกเหมือนดังชื่อเก่าของเราที่เคยได้ทำกรรมต่างๆ ไว้ในอดีต
ชื่อใหม่..จะเอาไว้เพื่อสร้างกุศลและคุณงามความดีเพียงอย่างเดียวค่ะ

 

คนที่เปลี่ยนชื่อบ่อย ๆ เวลาเขียนชื่อตนเองเคยสับสนไหมครับว่า เอ ตอนนี้ตูชื่ออะไรหว่า
แล้วเอกสารต่าง ๆ สารพัด บัตรประชาชน ใบขับขี่ บัตรพนักงาน บัตรข้าราชการ วุฒิบัตร ฯลฯ ต้องเปลี่ยนตามด้วยนะสิครับ แค่คิดก็ปวดหัวแทนแล้วครับ
ประสบการณ์จากคนรอบข้าง บางคนเปลี่ยนแล้วก็ดีขึ้น โดยเฉพาะเด็ก ที่พ่อแม่สรรจะตั้งให้สูงส่ง เช่น จักรพรรดิ์ จักรี อย่างนี้ พบว่าเด็กป่วยบ่อย พอเปลี่ยนชื่อเป็นแบบธรรมดาแล้วก็ดีขึ้น
แต่บางคน ชื่อ นามสกุล เดิม บอกว่าใช้แล้ว หนี้เยอะ ทำอะไรก็ซวยตลอด เจ้าเวรนายกรรมตามล้างผลาญ พอไปเปลี่ยนชื่อ นามสกุล ใหม่ เห็นมันแย่กว่าเดิม ทีนี้เจ้าหนี้ ยกพวกตามถึงที่ทำงาน ล่าสุด เจอคดี ไปล่วงเกินลูกสาวชาวบ้าน พ่อเขาไปแจ้งความ ตอนนี้มันหายไปไหนก็ไม่รู้ ชื่อเปลี่ยน สันดาน ไม่เปลี่ยน มันก็เหมือนเดิมครับ อีกอย่าง เจ้าเวรนายกรรมเขาคงไม่โง่ขนาดจำ ลูกเวรลูกกรรมของเขาไม่ได้หรอกครับ