เจ้าอาวาสวัดสามแยกพร้อมยืนยันจะอยู่วัดต่อไป

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย slamb, 4 สิงหาคม 2008.

  1. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    จะแยกตัวออกจากคณะสงฆ์อีกกลุ่มหนึ่งเหมือนสันติอโศกกระมัง
     
  2. paranyu

    paranyu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +122
    .........................
     
  3. paranyu

    paranyu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +122
    ..........................
     
  4. paranyu

    paranyu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +122
    ..........................

    (คนรู้ไม่พูด คนพูดไม่รู้ อืมม์.......น่าคิด เดี๋ยวจะลองดูสักพักถ้าไม่เวิร์คค่อยกับมาพูดต่อ
    ผมไม่ชอบคัดค้านแบบไม่ได้ลองหรือไม่ได้ศึกษา สงสัยตรงลองดูสักระยะ)
     
  5. paranyu

    paranyu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +122
    .....................
     
  6. PrasertN

    PrasertN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +195
    ขันติคุณเยี่ยมมากครับ
    ยุไม่ขึ้น
    ขอแสดงความนับถือจากใจจริง
     
  7. GHOSTPIG

    GHOSTPIG สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +1
    ขอถามคุณparanyuหน่อยนะครับ(เพื่อเป็นความรู้)ถ้าไม่ไห้กราบพระพุธทรูป แล้วเรากราบไหว้บูชารูปเหมือนของหลวงพ่อต่างๆได้ไหมครับ(เราเคารพท่านเป็นอาจารย์)
     
  8. YUT_KOP

    YUT_KOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,033
    ยกตัวอย่างอะไรเล่นๆให้ คุณ พลังจิต พิจรณานะครับ

    สมมุติว่า ปู่ทวดของทวด ของคุณ คือ พระเถระ ผู้ซึ่งอยู่ในศีล ในธรรม ปฏิบัติดีและชอบ
    นี้คือ คำบอกเล่าจาก ปู่ทวด เล่า ให้ทวดฟัง แล้วทวดเล่าให้พ่อฟัง พ่อเล่าให้ คุณฟัง
    คุณนึกหน้า ปู่ทวดของทวด ของคุณออกไหม

    คำศรัทธาเริ่มจืดจางลง จาก อดีต จนถึงปัจจุบัน

    ปัญหาคือ คุณนึกภาพไม่ออกว่า ปู่ทวดของทวด หน้าตายังไง บุคลลิก เป็นยังไง
    มีเพียงแต่คำบอกเล่า สืบต่อมา 4-5 ช่วงอายุคน

    คุณจะไปเล่าให้ลูก ให้หลานคุณฟังยังไง
    เพราะตัวเราเองยังติด ยังไม่ชัด
    จนกลายเป็นตำนาน กลายเป็นนิทาน หลอกเด็ก แทนที่จะเป็นเรื่องจริง
    เพราะไม่มีหลักฐาน ไม่มีอะไรให้ ดูให้รู้ว่า ใครเป็นใคร


    แต่มันหน้า เศร้ากว่านั้น คือ แท้จริงแล้ว หลักฐาน การมีอยู่จริง
    คุณพ่อของเราเป็นคน ทำลายมันไปเอง เพียงเพราะ ไม่ยึดติด
    เพียงเพราะบอกว่า รูปถ่ายนั้น ไม่ใช้ปู่ทวดของทวดเราจริงๆ
    เป็นเพียงรูปถ่าย อย่าไปดู อย่าไปสนใจ

    นี้คือ อนาคตของ พระพุทธศาสนา ที่จะหายไป
    เพราะหาหลักฐาน มาสืบต่อไม่ได้นั้นเอง
     
  9. slamb

    slamb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,021
    ค่าพลัง:
    +538
    <table class="normal" style="table-layout: fixed;" width="280" border="0" cellpadding="1" cellspacing="1"><tbody><tr> <td class="normal_blue" valign="top" align="left">ยังไม่กล้าจับ "พระเกษม" ยังนุ่งห่มผ้าเหลือง </td></tr> <tr> <td class="normal" valign="top" align="left">

    พระเกษมแสดงอาการไม่พอใจหลัง พ.ต.อ.มาโนช อนันฤทธิ์กุล ผู้กำกับการ สภ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ และนายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบูรณ์ นิมนต์พระเกษมและพระลูกวัดไปที่วัดดอนไชย อ.หล่มเก่า เพื่อให้พระครูกันตสีลาภิยุต เจ้าคณะอำเภอหล่มเก่า-น้ำหนาว ทำพิธีสึก พระเกษมและพระลูกวัดไม่ยอมเข้าพบเจ้าคณะอำเภอ ก่อนขึ้นรถกลับวัดทันที
    คณะสงฆ์ ตำรวจ และผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบูรณ์ จึงหารือกัน ได้ข้อสรุปว่าต้องทำหนังสือถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อหาวิธีปฏิบัติต่อไป โดยก่อนหน้านั้นตำรวจออกหมายจับพระเกษมแล้ว แต่ไม่กล้าทำอะไรรุนแรงกับพระเกษม ที่ยังนุ่งห่มผ้าเหลืองอยู่
    ขณะที่วันมะรืนนี้ ครบกำหนดที่คณะสงฆ์จังหวัดเพชรบูรณ์ขีดเส้นตายให้ออกจากวัดสามแยก แต่พระเกษมและพระลูกวัดยังยืนยันที่จะอยู่วัดนี้ต่อไป เพราะเห็นว่าคณะสงฆ์ทำไม่ถูกต้อง ไม่เคยเรียกไปพบหรือสอบสวนกันก่อน
    ..

    </td></tr> <tr> <td class="small_number" valign="top" align="right">http://www.ch7.com/news/sbnews.aspx?NwType=02&SbType=04&SeqNo=23490

    </td></tr></tbody></table>
     
  10. GHOSTPIG

    GHOSTPIG สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +1
    ขอถามคุณparanyuอีกข้อนะครับ คือทำไม ประเทศต่างๆที่นับถือพุทธ ถึงได้มีการกราบไหว้พระพุทธรูป มีการสร้างพระพุทธรูป เหมือนๆกันเลยทั่วทุกประเทศเลยละครับ
     
  11. paranyu

    paranyu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +122
    ......................
     
  12. slamb

    slamb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,021
    ค่าพลัง:
    +538
    ความจริง ผมเคยสนทนาธรรม กับ คุณ paranyu มาหลายครั้ง

    ใจจริง ผมรู้ ผมสัมผัสได้ ว่า คุณ paranyu มีจิตใจที่ดีอยู่

    ในฐานะเพื่อนมนุษย์ ด้วยกัน ผมขอเป็นกําลังใจ ในการสร้างความดีของคุณครับ

    แต่ขอเติมนิดนึงนะครับ ลองศึกษาธรรมะ หลายๆครูบาอาจารย์ดู นะครับ

    คําพูดนี้ ผมขออภัยด้วยนะครับ ถ้ามันทําให้คุณ ขุ่นเคือง แต่ผมไม่มีเจตนาร้ายใดๆทั้งสิ้นครับ

    ด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์ ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลาย โปรดเป็นพยาน สาธุ
     
  13. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    จริงๆ แล้ว ผมสงสาร พระเกษมมากกว่า และที่พูดไปนี้ เพื่อให้คนศรัทธาพระเกษมนั้นได้ตื่นขึ้น ในเมื่อไม่มีใครศรัทธา เจ้าตัวก็อาจจะฉุกคิดได้ แต่พวกศิษย์นี้แหละตัวดี ยังคอยเติมเชื้อไฟ ให้พระหลงผิด นั้นแหละ ทำกรรมร่วมกัน

    เรื่องมันง่ายที่สุด ไม่เห็นต้องคิดอะไร จะเอาพระไตรปิฎกมาอ้างนั้นอ้างนี่ ทำไม ในเมื่อคนทั่วโลกเขาก็กราบไหว้พระพุทธรูป แล้วพวกท่านอุตริทำไม มันไม่ได้มีปัญหาอะไรกับพระพุทธรูป จนถึงต้องเลิกไหว้ หรือต้องทำลาย กิเลสอยู่ในใจคนก็ทำลายที่ใจ สิ

    จริงๆ แล้ว ความผิด ของพระเกษม คือ ความผิดที่มองเผินๆ แล้วไม่ได้ทำลายใคร แต่จริงๆ แล้ว ฉุดคนไปอบายเลยหละครับ เพราะไม่ได้เป็นไปเพื่อสลัดกิเลส ไม่ได้เป็นไปเพื่อการเสริมกุศลละกิเลส และ ชำระจิตเลย ข้ออ้างของพระเกษม ที่เคยค้านกับผมคือ ท่านบอกว่า

    พระอริยะเจ้าสอนแต่ธรรมยากๆ แล้วพวกหอยปู จะไปพ้นนรกได้อย่างไร ท่านจึงรับอาสาสอนธรรมง่ายๆ เพื่อช่วยพวกกุ้งหอยปูปลา ข้อนี้ ฟังไม่ขึ้น เพราะว่า ธรรมของพระพุทธองค์นั้น สามารถกินใจความตั้งแต่ง่ายไปยาก สามารถฟังแล้วรู้เรื่องได้ตามลำดับภูมิจิตของตน ไม่จำเป็นต้องใช้วิชา โอนบุญ อันพระเกษมอ้างว่า หายสาบสูญไป แต่พระเกษมค้นเจอด้วยตนเอง

    ก็แสดงว่า พระไตรปิฎกอันพระอรหันต์มาประชุมสังคยนานั้นตกหล่น วิชาโอนบุญของพระเกษม

    การแสดงธรรมอันออกนอกรีตนอกรอยนี้ เป็นภัยใหญ่สำหรับพระศาสนา เหมาะสมแล้วที่จะต้อง ลงโทษ ไม่ใช่เพื่อความสะใจ หรือ เพราะว่าขัดคำสั่งพระเถระผู้ใหญ่ แต่เพื่อตัวพระเกษมเองที่จะไม่ต้องทำกรรมต่อไป อันเป็นอนันตริยกรรม คือ ทำให้หมู่สงฆ์แตกแยก ซึ่งก็คือ การนำเอาสงฆ์ลูกวัดของตน ฝืนมติ ของสงฆ์หมู่ใหญ่

    ข้อนี้จะมาอ้างพระไตรปิฎกไม่ถูกต้อง ก็ใครสนับสนุน ผมขอเถิดครับ เพื่อตัวท่านเอง จะไม่เกี่ยวกับอนันตริยกรรมในครั้งนี้ อย่าไปร่วมหัว หรือ แก้ต่างแทนพระเกษม เพราะเป็นกรรมหนักจริงๆ

    ท่านต้องดูว่า เทวทัต ก็มิได้ กระทำการฆ่าใคร แต่คอยแต่จะสอนไปในทางที่ผิด ยุยงหมู่สงฆ์ ออกเป็นสองฝ่าย สุดท้ายคือ ลงอเวจีนะครับ อย่าประมาทกัน
    ผมเตือนด้วยความหวังดี
     
  14. little_off2

    little_off2 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +27
    อยู่กับพระพุทธศาสนา อ้างพระไตรปิฎกปาวๆ รู้จักคำว่า "โลกวัชชะ" ไหมครับ ....
    ทำอะไร อย่าให้โลกติเตียน
    ถ้ารุปพระพุทธเจ้า เอา ตี น เหยียบได้ ผมก็ว่าน่าเอารูปเกษมใส่กรอบอัดแล้วเอา ตี น เหยียบละเลงๆๆๆๆเล่นตรงหน้าให้สะใจ คุณที่เป็นลูกศิษย์จะพอใจไหม? ลองตอบตัวเองดูเงียบๆ ไม่ต้องโวยวายใส่คนอื่น....
    หรือควรเอารูปโคตรพ่อแม่ปู้ย่าตายาย กระดูก อัฐิ บิดามารดาคุณมาวางแล้วเอาตี น เขี่ย เพราะมันก็แค่ธาตุดิน ?? คงสนุกดี และคุณคงยืนดูด้วยความพึงพอใจที่ผมมองเศษกระดูกพ่อแม่คุณเป็นธาตุขยะของโลกพอกับขี้หมาริมถนนที่เป็นธาตุดินเหมือนกัน
    ผมไม่เถียง หากพูดถึงเจตนา (ถ้าดีจริง) ว่าให้คนยึด "ธรรม" ไม่ใช่ยึด "วัตถุมากกว่าธรรม" .... แต่การจะทำอะไร ก็ต้องหัดทำให้ไม่เป็น "ที่ติเตียนของโลก" พระ คือ ผู้ประเสริฐ สงบ ระงับ สำรวม จะสอน จะทำอะไรก็ควรคำนึงถึงความเหมาะสมบ้าง
    เจตนาไม่ดี แล้วทำไม่ดี นั่นก็เลว
    เจตนาดี ทำออกมาไม่ดี คนยิ่งไม่เข้าใจ และมันอาจเป็นผลดีมากกว่าผลเสีย
    รู้จักใช่ไหมครับ "โลกวัชชะ" อย่าให้โลกติตเยน และ "มัชฌิมา "ปฏิปทา" " ทางสายกลาง..
    เถียงได้ แต่ต้องเปิดใจรับฟังคนอื่นบ้าง เหมือนที่คุณอยากให้คนอื่นรับฟังคุณและพระเกษม
    คนละครึ่งทางก็ยังดีครับ ให้สังคมสงบสุข คุณ สำนักคุณจะเชื่อยังไงก็เรื่องของคุณ แต่อย่าทำให้สังคม และหมู่สงฆ์ต้องแตกแยกเลย มันบาปแล้ว..
    ...ด้วยหวังดี..
     
  15. อรมณีจันทร์

    อรมณีจันทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    993
    ค่าพลัง:
    +499

    ขอให้บุญกุศลที่เอาเรื่องนี้มาเล่า ให้คุณทำมาหากิน เจริญรุ่งเรืองนะคะ

    การที่มีคนออกมาทักท้วง พระเกษมความจริงแล้วได้บุญนะคะ

    มีคนเอาพระพุทธรูปไปทิ้งน้ำเพราะเชื่อหลวงพ่อเกษม

    เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงคะ ( ได้ฟังนานแล้วแต่ไม่พูดถึงกลัวเขามาอ่านเจอแล้วโทรมาด่า ) แต่คงไม่เป็นไรมั๊ง เพราะเขาทำจริงๆนี่

    เมื่อ6เดือนก่อน ตอนที่ดิฉันหลงผิดนับถือพระเกษมมากๆ

    ดิฉันเคยโทรไปหาเพื่อนคนหนึ่งตั้งใจว่าจะ ชวนไปกราบหลวงพ่อที่วัด

    ปรากฏมันด่า ดิฉันใหญ่เลย ( เขาหาว่าดิฉันกำลังหลงผิดอยู่)

    เขาเล่ามาว่า เพื่อนของเขาที่เป็นกระเทย ก็ชอบไปหาหลวงพ่อ

    ไปๆมาๆ ก็เพี้ยน เป็นบ้าไปแล้ว
    ขนเอาเทวรูป บูชาในบ้านไป ทิ้งลงคลองข้างบ้านหมดเลย

    ทั้งพระเครื่อง ทั้งรูปปั้นพระพุทธรูป รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม รูปปั้นเทพเจ้าทางฮินดู

    แบบว่า เทลงคลอง หมดห้องพระเลยคะ คุณติ๊ก เพื่อนของดิฉันมันด่า

    เพือนกระเทยของเขาใหญ่เลยว่าบ้า ไปๆมาๆ ทะเลาะกัน

    ล่าสุดเลิกคบกันไปเลยเพราะคุยไม่รู้เรื่องแล้ว

    ติ๊กบอกว่า พระบางองค์แพงมาก อย่างจตุคามเงี๊ยแพงมากเขาซื้อของแท้ให้แต่มันเอาไป ทิ้งคลองหมดเลย

    ถ้าขายก็ได้ราคาดี แต่ อีนังเนื่ย มันเป็นประสาทไปแล้ว มันเอาพระไปเทลงคลองหลังบ้านหมดเลย ทั้งองค์เล็ก องค์ใหญ่ ( แบบนี้เขาเรียกบ้านะ )

    ดิฉันก็นั่งนึก " ใช่คนที่หน้าสวยๆ ที่เสริมหน้าอกเปล่า ที่เคยชวนฉันไปไหว้พระที่วัดแขกอ่ะ"

    ติ๊กบอกว่า "ใช่แล้ว นังนั่นแหล่ะมันบ้ามากเลยแถมมาบอกไม่ให้ฉันสวดมนตร์ด้วยนะ มันบอกให้เอาพระออกมาทิ้งให้หมด แล้วชีวิตจะดีขึ้น"

    ดิฉันตกใจมาก


    เรื่องเอาพระพุทธรูปลอยน้ำดิฉัน รับไมได้นะคะ
    ตอนนั้นดิฉันยังพูดเลยว่า ทำไมไม่เอาไปบริจาควัดหล่ะ ทำไมทำแบบนี้ไปได้ เสียดายของแทน

    ดิฉันก็เลยมานั่งทบทวนตัวเองว่า เราคิดผิดหรือเปล่า

    อีกอย่างดิฉันเป็นคนชอบไหว้ะพระ สวดมนตร์มากๆ

    จะรับแนวคิดใหม่ๆ ได้เหรอ พอมานึกถึงที่หลวงพี่ที่เคยสอนนักธรรม สอนเรื่องพระพุทธองค์ รู้สึกขัดแย้งกับหลวงปู่เกษมหมดเลย เพราะไม่คิดว่า การบูชาพระพุทธรูปเป็นเรื่องเสียหายอะไร

    อย่างที่ ตาลีบัน มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในโลกแต่ก็บ้าระเบิดทิ้งหมด

    คนมันโง่รู้เปล่า ตัวเองไม่นับถือก็ปล่อยไปสิ ถ้าคิดแบบคนฉลาด หาคนมาทำความสะอาด

    คอยซ่อมแซมบำรุงดีๆ โปรโมทดีๆ เงินเข้าประเทศไม่รู้กี่พันล้านต่อปี

    เพราะพระพุทธรูปที่ว่าเนืย ( เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกก็ว่าได้)เพราะ สลักเข้าไปในหน้าผาหิน เป็นอะไรที่ต้องศรัทมากๆถึงจะทำได้
    ดิฉันเสียดายมากๆที่ถูกทำลายไป พอได้มาฟังเรื่อง...ที่เพื่อนเล่าให้ฟัง
    เลยเลิกสนใจหลวงพ่อเกษมนานแล้ว

    ความจริงตอนแรกแอบไปดูที่เวบประจำ เพระดิฉันสนใจเรื่อง การโอนบุญให้เจ้ากรรมนายเวร โดยเบิกบุญเก่าออกมา ไม่ต้องวิ่งไปทำบุญที่วัดแล้วค่อยโอนบุญ มันน่าสนใจมากเพราะดิฉันจะได้ไม่ต้องไปวัดบ่อย แต่พอคิดได้เลิกสนใจ

    ตอนนั้นก็ ไม่มีใครลุกขึ้นมาโวยวายดิฉันเลยไม่อยากพูดมาก
    ไม่คิดจะโวยวาย หรือเขียนตำหนิพระหรอกเพราะ กลัวบาปเหมือนกัน ล่าสุดเท่าที่ทราบมา กระเทยคนนี้มีแต่คนนินทาว่าบ้านะคะ คือ ติ๊กเนื่ยไม่เคยรู้จักชื่อหลวงพ่อเกษมเลย

    พอเห็นว่าเพื่อนตัวเอง เอาพระพุทธรูปไปทิ้งลงคลองก็รับไม่ได้อย่างรุนแรง จนคิดว่า เพื่อนตัวเองบ้าแน่ๆ

    ดิฉันก็พยายามอธิบายให้ ติ๊กฟังนะ ว่าเพื่อนเธอไม่ได้บ้า
    อย่าพึ่งไปปรักปรำเขาแบบนั้น มันไม่ดี

    ตั้งแต่เอาพระพุทธรูปทิ้งลงคลอง ชีวิตของเพื่อนติ๊กเขาก็ไมได้ว่าจะเจริญอะไรเลยนะคะ เพื่อนเลิกคบไปเยอะเลยคะเพราะพูดอะไรไม่รู้เรื่อง ทำอะไรเพี้ยนๆ คนรอบข้างรับกันไม่ได้ด้วย

    เมื่อก่อนชอบไปวัดแขก ไปวัดไทย เจออะไรก็ไหว้หมด
    ชอบสะสมพระเครื่องด้วย

    หลังๆเอาแต่ไป พูดให้เพื่อนฝูงฟังว่า อย่าไปไหว้พระนะ อย่าสวดมนตร์ แล้วใครจะไปรับได้กัน


    ดิฉันว่าเขาไมได้บ้า อย่างที่เพื่อนดิฉันพูดหรอก

    เขาหลงผิดมากกว่า ดิฉันยังเคยหลงผิดนับถือเลย แต่บุญเก่ามีมั๊งเลยมีคนออกมาพูดให้ฟังพอดีเลยได้สติทางธรรมเข้ามา
    ดิฉันคิดว่า บางคนที่หลงผิดอาจจะคิดได้แล้วนะคะตอนนี้เพราะ คนคงตำหนิเยอะป่านนี้อาจจะ ไปงมคลองเก็บพระพุทธรูป ขึ้นมาใหม่ก็ได้นะคะ
    ถ้าใครเห็นเพื่อนฝูงตัวเอง มีอาการเพี้ยนๆ ทำอะไรแปลกๆควรจะพยายามพูดตักเตือนให้เขาคิดได้ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเองคะ สังคมจะดีขึ้นด้วยเพราะ คนเราผิดพลาด หลงผิดกันได้คะ ไม่ใช่เรื่องแปลก ขนาด ดร. ยังโดนร่างทรงหลอกเลย
     
  16. slamb

    slamb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,021
    ค่าพลัง:
    +538
    ผมขออนุโมทนา สาธุ ในข้อความคุณขันธ์ครับ

    ธรรมใดที่องค์สมเด็ษพระผู้พิชิตมาร บรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้า ได้บรรลุแล้ว

    ขอให้คุณขันธ์ และสาธุชนทั้งหลาย จงบรรลุธรรมนั้นด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธู
     
  17. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    952
    ค่าพลัง:
    +2,393
    พุทธัง ชีวิตตัง เม ปูเชมิ ข้าพเจ้าขอบูชาพระพุทธด้วยชีวิต
    ธัมมัง ชีวิตตัง เม ปูเชมิ ข้าพเจ้าขอบูชาพระธรรมด้วยชีวิต
    สังฆัง ชีวิจจัง เม ปูเชมิ ข้าพเจ้าขอบูชาพระสงฆ์ด้วยชีวิต


    โดยส่วนตัว เรานับถือองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์เดียวกับพวกท่าน
    นับถือธรรมะของพระพุทธเจ้าเหมือนกันกับท่าน (พระไตรปิฎก)
    และศาสดาของศาสนาพุทธ นั้นคือพระธรรม

    ลองมาดู พระรัตนตรัย ของพระพุทธเจ้าผู้ประกาศพุทธศาสนานี้
    ซึ่งได้ประกาศเอาไว้แล้วกว่า 2551 ปีก่อน ว่าตรงกับของพวกท่านไหม???



    วัตถุทั้งหลายทั้งปวงพระพุทธเจ้าไม่ให้ท่านทั้งหลายเอาเป็นที่พึ่งหรอก เล่ม 27 หน้า 90

    บทว่า อตฺตทีปา ความว่า ท่านทั้งหลายจงทำตนให้เป็นเกาะ เป็นที่ต้านทาน เป็นที่เร้น
    เป็นคติที่ไปในเบื้องหน้า เป็นที่พึ่งอยู่เถิด.

    อนญฺญสรณา นี้ เป็นคำห้ามพึ่งผู้อื่น ด้วยว่าผู้อื่นเป็นที่พึ่งไม่ได้
    เพราะคนหนึ่งจะพยายามทำอีกคนหนึ่งให้บริสุทธิ์หาได้ไม่

    สมจริงดังที่ตรัสไว้ว่า ตนนั่นแลเป็นที่พึ่งของตน คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้

    เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า อนญฺญสรณา ไม่มีสิ่งอื่นเป็นสรณะ

    ถามว่า ก็ในที่นี้ อะไรชื่อว่าตน ?
    ตอบว่า ธรรมที่เป็นโลกิยะและเป็นโลกุตตระ (ชื่อว่าตน).

    ด้วยเหตุนั้นนั่นแล พระองค์จึงตรัสว่า
    ธมฺมทีปา ธมฺมสรณา อนญฺญสรณา มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นสรณะ ไม่มีสิ่งอื่นเป็นสรณะ


    ยังมีต่อนะ
     
  18. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    952
    ค่าพลัง:
    +2,393
    เรื่องนี้ลึกซึ้ง


    คัดจากพระไตรปิฏกและอรรถกถาแปล ชุด ๙๑ เล่ม
    เล่มที่ 26 พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ ตั้งแต่หน้า ๗๓๗ -๗๔๑

    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้าที่737

    ๗.อาณีตสูตร

    ว่าด้วยการตอกลิ่ม

    [๖๗๒] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
    ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้
    ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้วตะโพนชื่ออานกะของ
    พวกกษัตริย์ผู้มีพระนามว่า ทสารหะได้มีแล้วเมื่อตะโพนแตกพวก
    ทสารหะได้ตอกลิ่มอื่นลงไป สมัยต่อมาโครงเก่าของตะโพนชื่ออานกะก็
    หายไป ยังเหลือแต่โครงลิ่ม แม้ฉันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกภิกษุ

    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้าที่738

    ในอนาคต เมื่อเขากล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้วอันลึก มีอรรถ
    อันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรมอยู่ จักไม่ปรารถนาฟัง
    จักไม่เข้าไปตั้งจิตเพื่อรู้ และจักไม่สําคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเล่าเรียน
    ว่าควรศึกษา แต่ว่าเมื่อเขากล่าวพระสูตรอันนักปราชญ์รจนาไว้ อันนัก
    ปราชญ์ร้อยกรองไว้มีอักษรอันวิจิตรมีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นของ
    ภายนอก เป็นสาวกภาษิตอยู่ จักปรารถนาฟังด้วยดีจักเงี่ยโสตลงสดับ
    จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่งจิตเพื่อรู้ และจักสําคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเรียน
    ควรศึกษา.


    [๖๗๓]ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระสูตรเหล่านั้น ที่ตถาคตกล่าว
    แล้ว อันลึกมีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม จัก
    อันตรธานฉันนั้นเหมือนกัน เพราะเหตุดังนี้นั้นเธอทั้งหลายพึงศึกษา
    อย่างนี้ว่า เมื่อเขากล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึก มีอรรถอันลึก
    เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม อยู่ พวกเราจักฟังด้วยดี จัก
    เงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่งจิตเพื่อรู้ และจักสําคัญธรรมเหล่านั้น
    ว่าควรเรียน ควรศึกษา ดังนี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึง
    ศึกษาอย่างนี้แหละ.


    จบอาณีสูตรที่ ๗

    อรรถกถาอาณีสูตรที่ ๗

    ในอาณีสูตรที่ ๗ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
    บทว่าทสารหานํ ได้แก่เหล่ากษัตริย์ผู้มีชื่ออย่างนี้.ได้ยินว่า
    กษัตริย์เหล่านั้นถือเอาสิบส่วนจากข่าวกล้า ฉะนั้นจึงปรากฏชื่อว่าทสารหา

    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้าที่739

    บทว่าอานโก ได้แก่ กลองมีชื่ออย่างนี้.
    ได้ยินว่า ในป่าหิมวันต์ มีสระปูใหญ่. ปูใหญ่กินข้างที่ลงไป
    ในสระนั้น. ครั้งนั้นพวกข้างถูกปูเบียดเบียนมีความเห็นร่วมกันว่า
    เพราะอาศัยลูกของนางช้างนี้ พวกเราจึงจักมีความสวัสดีได้จึงได้พากัน
    สักการะนางช้างเชือกหนึ่ง. แม้นางช้างนั้นก็ได้ตกลูกเป็นช้างมเหศักดิ์.
    ช้างทั้งหลายพากันสักการะแม่ลูกช้างนั้น. ลูกช้างเจริญวัยแล้วถามแม่ว่า
    เหตุไรช้างเหล่านี้จึงสักการะเรา.นางช้างจึงเล่าเรื่องให้ฟัง.ลูกช้างกล่าวว่า
    ก็ปูเป็นอะไรกะฉัน พวกเราไปที่นั่นกันเถิด แวดล้อมไปด้วยช้างเป็น
    อันมาก ไปที่นั้นแล้วลงสระก่อนทีเดียว. ปูมาหนีบลูกช้างไว้เพราะเสียง
    น้ำนั่นเอง. ปูมีก้ามใหญ่.ลูกช้างไม่อาจทําปูให้เคลื่อนไปข้างโน้นข้างนี้
    ได้ จึงสอดงวงเข้าปากร้องลั่น. ช้างทั้งหลายกล่าวว่าลูกช้างที่พวกเรา
    เข้าใจว่าได้อาศัยแล้วจักมีความสวัสดีนั้น ถูกหนีบเสียก่อนเลยจึงพา
    กันหนีกระจัดกระจายไป.
    ลําดับนั้น แม่ของลูกช้างยืนอยู่ไม่ไกลกล่าวกะปูด้วยคําที่น่ารักว่า
    พวกเราชื่อว่าเป็นผู้ประเสริฐบนบกพวกท่านชื่อว่าเป็นผู้ประเสริฐในน้ำ
    ผู้ประเสริฐไม่ควรเบียดเบียนผู้ประเสริฐ ดังนี้แล้วกล่าวคาถานี้ว่า
    เย กุฬีรา สมุทฺทสฺมึ คงฺคาย ยมุนาย จ
    เตสํ ตฺวํ วาริโช เสฏฺโฐ มุญฺจ โรทนฺติยา ปชํ
    บรรดาปูทั้งหลาย ในทะเลในแม่น้ำคงคา
    และแม่น้ํายมุนาเหล่านั้น ท่านเป็นสัตว์น้ำที่ประเสริฐ
    ที่สุดขอท่านจงปล่อยลูกของเราผู้ร้องไห้อยู่.

    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้าที่740

    ธรรมดาเสียงมาตุคาม.ย่อมทําให้บุรุษปั่นป่วน ฉะนั้น ปูจึงได้
    คลายหนีบ ลูกช้างรีบยกเท้าทั้งสองขึ้นเหยียบหลังปู. พอถูกเหยียบ หลัง
    ปูแตกเหมือนภาชนะดิน. ลําดับนั้นลูกช้างเอางาทั้งสองแทงปู ยกขึ้น
    ทิ้งไปบนบก แล้วส่งเสียงร้องแสดงความยินดี ช้างทั้งหลายมาจากที่ต่างๆ
    เหยียบปูนั้น. ก้ามปูก้ามหนึ่งหักกระเด็น ท้าวสักกเทวราชทรงถือเอา
    ก้ามปูนั้นไป.
    ส่วนก้ามปูอีกก้ามหนึ่งถูกลมและแดดเผาจนสุกมีสีเหมือนน้ำครั่ง
    เคี่ยว. เมื่อฝนตก ก้ามปูนั้นถูกระแสน้ำพัดลมลอยมาติดข่ายของพระราชา
    สิบพี่น้องผู้ขึงข่ายไว้เหนือน้ำเล่นน้ำอยู่ที่แม่น้ำคงคา.เมื่อเล่นน้ำแล้ว
    ยกข่ายขึ้น พระราชาเหล่านั้นทรงเห็นก้ามปูนั้น ตรัสถามว่า นั่นอะไร.
    ก้ามปู พะย่ะค่ะ. พระราชาทั้งหลายตรัสว่า ก้ามปูนี้ ไม่อาจนําไปเป็น
    เครื่องประดับได้ พวกเราจักให้หุ้มก้ามปูนี้ทํากลอง รับสั่งให้หุ้มแล้ว
    ทรงตี. เสียง(กลอง) ดังไปทั่วพระนคร ๑๒ โยชน์. ต่อแต่นั้น
    พระราชาทั้งหลายตรัสว่า ไม่อาจประโคมกลองนี้ประจําวัน จงเป็นมงคล-
    เภรีสําหรับวันมหรสพเถิด จึงให้ทําเป็นมงคลเภรี. เมื่อประโคมกลองนั้น
    ประชาชนไม่ทันอาบน้ำ ไม่ทันแต่งตัว รีบขึ้นยานช้างเป็นต้นไปประชุม.
    กลองนั้นได้ชื่อว่า อานกะ เพราะเหมือนเรียกประชาชนมาด้วย
    ประการฉะนี้.

    บทว่า อญฺญํ อาณึ โอทหึสุ ความว่า ตอกลิ่มอื่นที่สำเร็จด้วย
    ทองและเงินเป็นต้น. บทว่า อาณิสงฺฆาโตว อวสิสฺสติ ความว่า
    เพียงการตอกลิ่มที่สําเร็จด้วยทองเป็นต้นเท่านั้นได้เหลืออยู่. ลําดับนั้น
    เสียงของกลองนั้นดังไปประมาณ ๑๒ โยชน์ แม้อยู่ภายในม่านก็ยากที่จะ

    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้าที่741

    ได้ยิน.
    บทว่าคมฺภีรา ความว่า ว่าโดยบาลีพระสูตรทั้งหลายที่ลึกเช่น
    สัลลสูตร. บทว่า คมฺภีรตฺถา ความว่าว่าด้วยอรรถ พระสูตรทั้งหลาย
    ที่ลึก เช่นมหาเวทัลลสูตร. บทว่า โลกุตฺตรา ได้แก่แสดงอรรถอันเป็น
    โลกุตตระ. บทว่า สุญฺญตปฏิสญฺญุตฺตา ความว่า เหมือนประกอบ
    ข้อความที่ประกาศเพียงสุญญตธรรมเท่านั้น. บทว่า อุคฺคเหตพฺพํ
    ปริยาปุณิตพฺพํ ความว่า ที่ควรเล่าเรียนและควรศึกษา. บทว่า กวิกตา
    ความว่า อันกวี คือนักปราชญ์รจนาไว้. นอกนั้นเป็นไวพจน์ของบทว่า
    กวิกตา นั่นเอง. บทว่า จิตฺตกฺขราได้แก่ มีอักษรวิจิตร.นอกนั้นเป็น
    ไวพจน์ของบทว่า จิตฺตกฺขรา นั่นเอง. บทว่า พาหิรกา ได้แก่มีภาย
    นอกพระศาสนา. บทว่า สาวกภาสิตา ความว่า พระสูตรเหล่านั้นเป็น
    สาวกภาษิต. บทว่า สุสฺสุสิสฺสนฺติ ความว่า สามเณรภิกษุหนุ่ม
    มาตุคาม และมหาคหบดีเป็นต้น มีความพอใจ เพราะพระสูตรเหล่านั้นมี
    อักษรวิจิตรและสมบูรณ์ด้วยการฟัง จักเป็นผู้ปรารถนาประชุมฟังด้วยคิด
    ว่า ผู้นี้เป็นธรรมกถึก. บทว่า ตสฺมา ความว่า เพราะเหตุนั้นพระสูตร
    ทั้งหลายที่เป็นตถาคตภาษิต เมื่อพวกเราไม่ศึกษา ย่อมอันตรธานไป.
    จบอรรถกถาอาณีสูตรที่ ๗​
     
  19. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    952
    ค่าพลัง:
    +2,393
    พึงพิจารณาดูว่าจักปราถนาฟังคำใคร
     
  20. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    952
    ค่าพลัง:
    +2,393
    หรือหากท่านไม่มั่นใจในพระไตรปิฎก ก็อยากให้ใช้ญาณช่วยตรวจสอบหน่อยว่ามีที่คลาดเคลื่อนไปมากน้อยแค่ไหน (ดิฉันเป็นมนุษย์ธรรมดา ไร้อภิญญาและอิทธิฤทธิ์) รบกวนผู้มีอภิญญาช่วยตรวจสอบด้วย



    จะได้สบายใจขึ้นมาอีก
     

แชร์หน้านี้

Loading...