เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 4 พฤษภาคม 2554 15:12ยูเอ็นเผยประชากรโลกเพิ่มถึง 7พันล้านคนต.ค.นี้
    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    ยูเอ็นเผยประชากรโลกเพิ่มถึง 7พันล้านคนในเดือนต.ค.นี้ ก่อนทะลุหมื่นล้านคนในอีก 90 ปีข้างหน้า
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20110427/r20110427/show_ads_impl.js"></SCRIPT>สหประชาชาติ (ยูเอ็น)เปิดเผยเมื่อวันอังคาร (3พ.ค.)ว่า ประชากรโลกจะมีจำนวนถึงระดับ 7 พันล้านคนภายในเดือนตุลาคมนี้ และจะเพิ่มเป็น 10,100 ล้านคนในอีก 90 ปีข้างหน้า
    ในการประเมินครั้งใหม่ของยูเอ็น ระบุว่า อัตราการขยายตัวของประชากรในอีก 9 ทศวรรษข้างหน้า ส่วนมากจะอยู่ในประเทศที่มีอัตราการเจริญพันธุ์สูงในปัจจุบัน ซึ่งประกอบด้วย 39 ประเทศในแอฟริกา 9 ประเทศในเอเชีย 6 ประเทศในแถบโอเชเนีย และ 4 ประเทศในกลุ่มละติน อเมริกา
    อย่างในส่วนของเอเชีย ปัจจุบันก็ครองตำแหน่งประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกทั้งอันดับ1 และ 2 โดยปีนี้ จีนมีประชากร 1,347 ล้านคน และอินเดียมีประชากร 1,241 ล้านคน
    การทบทวนตัวเลขประชากร โดยประเมินประจำปีของยูเอ็นเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะมีข้อมูลด้านประชากรใหม่ๆ ที่รัฐบาลประเทศต่างๆ ส่งมาให้ และรัฐบาลเหล่านี้ ก็อาศัยข้อมูลด้านประชากรของสหประชาชาติในการกำหนดนโยบายด้านต่างๆ
    นายบาบาทุนเด้ โอสติเมฮิน ผู้อำนวยการกองทุนประชากรของยูเอ็น ที่สนับสนุนโครงการวางแผนครอบครัวในประเทศต่างๆ บอกว่า โลกที่มีประชากรมากถึง 7 พันล้านคน เป็นทั้งโอกาสและความท้าทาย
    ตัวเลขการประเมินที่ออกมาชี้ถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการให้บริการด้านการวางแผนครอบครัวที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับผู้หญิง 215 ล้านคนที่ยังไม่ได้รับสิ่งนี้

     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    SIU Economap III: ทฤษฎีโกลาหล กับ การปฏิวัติประชาชน ตอนที่ ๓ (จบ)

    ธานี ชัยวัฒน์
    ตอนที่ ๓ (จบ)
    “การแทรกแซงของประเทศที่สามมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงการปกครอง และเผยแพร่อุดมการณ์ของตนเอง ประเทศตะวันตกจึงมักสนับสนุนให้เกิดความโกลาหลขึ้น”

    ตอนที่ ๑ และตอนที่ ๒ [SIU Economap I: ทฤษฎีโกลาหลกับการปฏิวัติประชาชน ตอนที่ ๑ | Siam Intelligence และ SIU Economap II: ทฤษฎีโกลาหล กับ การปฏิวัติประชาชน ตอนที่ ๒ | Siam Intelligence] ได้อธิบายสถานการณ์การปฏิวัติประชาชนด้วยทฤษฎีโกลาหลว่า เงื่อนไขที่จำเป็นของการเกิดความโกลาหลคือ ต้องมีความอ่อนไหวต่อสภาพตั้งต้น และต้องอยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมหรือระบบที่ซับซ้อน เพื่อให้สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาขยายตัวรุนแรงขึ้นและไม่อาจคาดการณ์ได้

    ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมก็คือ ถ้าเช้าวันหนึ่ง คุณออกจากบ้านสายไป 5 นาที เลยทำให้คุณพลาดรถไฟด่วนขบวนที่จะเดินทางไปสู่สนามบิน ผลก็คือคุณต้องรอขบวนถัดไป จากนั้นคุณก็ไปถึงสนามบินไม่ทันจึงตกเครื่อง และเครื่องถัดไปที่จะบินก็คือวันรุ่งขึ้น นั่นก็เท่ากับว่า การออกจากบ้านสายเพียง 5 นาที ทำให้คุณต้องเสียเวลาไปอีก 1 วันเต็มๆ นี่คือตัวอย่างในชีวิตประจำวันของทฤษฎีโกลาหลซึ่งผลที่ตามมามีความต่อเนื่องจากจุดตั้งต้น และเป็นปรากฎการณ์ไม่เป็นเส้นตรง (Non-linear Phenomenon) ที่สาเหตุเล็กๆ อาจไม่จำเป็นต้องส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยเสมอไป

    อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณออกจากบ้านสายไป 5 นาที สิ่งที่คุณตัดสินใจทำก็คือ คุณจะพยายามไปให้ถึงสนามบินให้เร็วที่สุด โดยอาจจะนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปให้ทันรถไฟด่วน หรือหากพลาดรถไฟด่วน คุณก็อาจรีบนั่งแท็กซี่ไปสนามบิน หรือแม้แต่คุณรีบนั่งแท็กซี่ไปสนามบินตั้งแต่แรกก็ตาม ความหมายของมันก็คือ การสายเพียงเล็กน้อยอาจจะทำให้คุณหลุดไปจากแนวทาง แต่คุณก็จะพยายามกลับเข้ามาสู่แนวทางเดิมให้ได้ นี่คือสิ่งที่นักคณิตศาสตร์เรียกว่า Attractor ซึ่งเท่ากับว่าความโกลาหลจะมีเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่ง จากนั้นมันก็อาจจะกลับเข้าสู่รูปแบบ (Pattern) ที่คาดการณ์ได้

    ก่อนที่จะกล่าวถึงว่า การประยุกต์ใช้ทฤษฎีโกลาหลกับความพยายามเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองได้อย่างไร ขออธิบายสั้นๆ ถึงคำสองคำคือ “ปฏิวัติ” (Revolution) กับ “ปฏิรูป” (Reform) ซึ่งทั้งสองคำมีจุดมุ่งหมายเหมือนกันคือไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง แต่การปฏิวัติจะใช้เวลาสั้น และมองเห็นความแตกต่างของก่อนและหลังได้อย่างชัดเจน ขณะที่การปฏิรูปจะใช้เวลานาน และอาจจะยังมองเห็นความแตกต่างได้ไม่ชัดเจนเท่า

    แม้จะบอกไม่ได้ว่าโอกาสประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงการปกครองนั้น มาจากการปฏิวัติหรือปฏิรูปมากกว่ากัน แต่ประเด็นสำคัญก็คือ เมื่อไรก็ตามที่เกิดความล้มเหลว การปฏิวัติต้องกลับมาเริ่มใหม่ตั้งแต่จุดตั้งต้น แต่การปฏิรูปไม่จำเป็น โดยอาจจะเริ่มจากจุดที่ถอยหลังกลับไปจากเดิมไม่มากนัก

    ประเด็นสำคัญของความพยายามเปลี่ยนแปลงการปกครองกับทฤษฎีโกลาหลก็คือ ในช่วงแรกที่เกิดเหตุการณ์ที่มีความอ่อนไหวต่อสภาพตั้งต้น อย่างเช่น การเผาตัวตายของพ่อค้าผักในตูนิเซียในตอนที่ ๑ ส่งผลให้สังคมหันมาสนใจต่อสถานการณ์นั้น จะก่อให้เกิดความโกลาหลขึ้น จนนำไปสู่การปฏิวัติประชาชนในเวลาอันสั้น แต่หากความโกลาหลในขณะนั้นมีพลังไม่มากพอที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองในช่วงเวลาอันสั้นดังกล่าว หรืออาจถูกแทรกแซงโดยกลไกบางอย่าง เช่น รัฐบาลบิดเบือนข่าวสารเพื่อลดแรงสนับสนุนการชุมนุม จากนั้นก็ออกกฎหมายเพื่อควบคุม ห้ามปรามหรือสร้างความชอบธรรมในการปราบปราม ผลก็คือความโกลาหลก็จะมีพลังอ่อนลงและกลับเข้าสู่ Attractor หรือรูปแบบที่คาดการณ์ได้ นั่นหมายความว่ามันจะกลายเป็นสถานการณ์ปกติ ซึ่งความได้เปรียบจะกลับมาเป็นของรัฐบาล ความพยายามเพื่อเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองก็อาจจะทำได้แค่เดินตามแนวทางปฏิรูป

    ช่วงเวลาของการช่วงชิงความได้เปรียบระหว่างรัฐบาลและผู้ต่อต้านว่า มันจะกลายเป็นสถานการณ์การปฏิวัติหรือปฏิรูปนั้น จึงขึ้นอยู่กับแค่ภายในช่วงโกลาหลเท่านั้น เพราะนั่นคือช่วงเวลาที่มีโอกาสเกิดการปฏิวัติประชาชนสูงที่สุด แต่หากสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ Attractor ที่คาดการณ์ได้ แนวทางการปฏิวัติก็จะลดพลังเหลือแค่การปฏิรูป

    ขณะที่ในกรณีของลิเบียแตกต่างออกไป การแทรกแซงของนานาชาติ ในด้านหนึ่งก็เพื่อเสริมแรงต่อต้านให้ประชาชนชาวลิเบีย แต่ในอีกด้านหนึ่งก็เป็นการลากช่วงเวลาของความโกลาหลให้ยาวออกไปด้วย เพราะหากไม่มีการแทรกแซงดังกล่าวแล้ว รัฐบาลลิเบียอาจใช้ความรุนแรง ทำให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ Attractor ในเวลาอันรวดเร็ว และการปฏิวัติประชาชนก็จะล้มเหลวด้วย

    [​IMG]
    ที่มาของรูป: End of the Revolution! ~ Musulman Thinks


    ภารกิจสำคัญของการเผยแพร่อุดมการณ์ประชาธิปไตยแบบชาติตะวันตก ในอีกด้านหนึ่งก็คือการโค่นล้มอำนาจเผด็จการ ในที่นี้คงไม่ได้กล่าวถึงว่าผู้นำเผด็จการเป็นคนดีหรือไม่ แต่อุดมการณ์ประชาธิปไตยแบบตะวันตกจะเกิดไม่ได้ หากผู้นำเผด็จการยังคงดำรงอยู่ ดังนั้น การแทรกแซงของตะวันตกจึงมักเป็นไปเพื่อให้เกิดความโกลาหล หรือเพื่อยืดเวลาของช่วงโกลาหลให้ยาวนานขึ้นเพื่อให้การปฏิวัติประชาชนมีโอกาสเป็นไปได้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังอาจเป็นโอกาสให้ชาติที่สามมีข้ออ้างในการเข้าแทรกแซงโดยตรงในบทบาทผู้ไกล่เกลี่ยอีกด้วย

    กล่าวโดยสรุปก็คือ ในมุมมมองของทฤษฎีโกลาหลนั้น เงื่อนไขของความโกลาหลประกอบด้วยความอ่อนไหวต่อสภาพตั้งต้น และสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อน ขณะที่สถานการณ์ของความโกลาหลจะพัฒนาเป็นการปฏิวัติประชาชนหรือการปฏิรูปนั้น ขึ้นอยู่กับการช่วงชิงความได้เปรียบระหว่างผู้สนับสนุนกับผู้ต่อต้านเพียงแค่ในช่วงเวลาของความโกลาหลเท่านั้น

    SIU Economap III: ทฤษฎีโกลาหล กับ การปฏิวัติประชาชน ตอนที่ ๓ (จบ) | Siam Intelligence
     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เมื่อถึงเวลาทหารกลับบ้าน-แล้วไปเลือกประธานาธิบดี

    โดย พ.อ. ดร. ธีรนันท์ นันทขว้าง
    ข่าวการเสียชีวิตของ อุซามะห์ บิน ลาเดน (Osama Bin Laden) ผู้เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งและหัวหน้ากลุ่มอัลกออิดะห์ ซึ่งเป็นกลุ่มก่อการร้ายสากลมุสลิมนิกายซุนนี จากการปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐอเมริกา ได้ปรากฏเป็นข่าวที่ตามสื่อทั่วโลก
    นอกจากนี้ได้มีประชาชนสหรัฐฯ จำนวนมากออกมาเฉลิมฉลอง แสดงความยินดีเป็นจำนวนมาก ส่วนหนึ่งที่เป็นเช่นนี้เพราะ มีความรู้สึกสะใจ หรือ ดีใจ ที่ความรู้สึกเจ็บปวดจากเหตุการณ์ก่อวินาศกรรม 11 ก.ย. 44 ได้รับการสะสางหรือแก้แค้น
    อย่างไรก็ตามความดีใจเกิดขึ้นได้ไม่นานก็ปรากฏข่าวสารต่างๆ ที่ทะยอยออกตามมา ภายหลังจากการประกาศอย่างเป็นทางการว่า บิน ลาเดน ได้เสียชีวิต โดย บารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่าให้ระมัดระวังการก่อการร้ายในระดับที่สูงสุด เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการแก้แค้นให้กับ บิน ลาเดน โดยกลุ่มก่อการร้าย
    [​IMG]
    นอกจากนี้การเสียชีวิตของบิน ลาเดน กลับกลายมาเป็นคำถามว่าเขาเสียชีวิตจริงหรือไม่ เพราะมีการส่งภาพที่ตกแต่งโดยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ แพร่กระจายอยู่บนอินเตอร์เน็ต ประกอบกับการปฏิบัติการต่างๆ เป็นไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงการฝังศพ และ การตรวจ DNA ยืนยัน ทำให้หลายๆ ฝ่ายต่างกังขากับข่าวสารที่ออกมา
    ถึงแม้จะมีการแถลงการณ์อย่างเป็นทางการของประธานาธิบดี โอบามา ยืนยันก็ตาม แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ผลกระทบจากการแถลงการณ์ฯ และการเสียชีวิตของ บิน ลาเดน จะนำไปสู่อะไรนั้นเป็นเรื่องที่ต้องรอการพิสูจน์ต่อไป แต่จากนี้ไป กองกำลังของสหรัฐฯ คงจะได้กลับบ้านเพราะภารกิจที่สำคัญได้เสร็จสิ้นลงแล้ว
    สถานะปัจจุบันของทหารสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถาน และอิรัก

    ปัจจุบันกองทัพสหรัฐฯ มีกำลังพลประจำการในอัฟกานิสถาน 90,000 นาย ภายใต้การนำของ องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (North Atlantic Treaty Organization : NATO) หรือที่เรียกว่า นาโต้ โดย สหรัฐฯ ได้สูญเสียกำลังไปในสมรภูมิอัฟกานิสถาน 1,406 นาย บาดเจ็บ 10,944 นาย
    กองกำลังรับจ้างของสหรัฐฯ (Private Military Company or Contractors) เสียชีวิต 1,764 คน และบาดเจ็บ 11,758 คน (ยอดวันที่ 4/5/54 จากเวปไซต์ Wikipedia) นับตั้งแต่สหรัฐฯ เริ่มส่งกำลังเข้าไปในอัฟกานิสถาน เมื่อเกือบ 10 ปีก่อนหน้านี้ ภายหลังจากเหตุการณ์ก่อวินาศกรรม 11 ก.ย. 44 ด้วยข้อกล่าวหาให้ที่พักพิงผู้ก่อการร้าย
    ส่วนในพื้นทีใกล้เคียงอย่างอิรัก ปัจจุบัน สหรัฐฯ มีทหารประจำการอยู่ 47,000 นาย เสียชีวิตทหารไป 4.444 นาย บาดเจ็บ 32,051 นาย เป็นทหารชาย 98% ชั้นประทวน 91% ทหารประจำการ 82% กองกำลังทหารป้องกันชาติ (National Guard) 11% ทหารที่เสียชีวิตที่อายุต่ำกว่า 25 ปี 54% ทหารบกเสียชีวิตมากที่สุด 72% สำหรับผู้บาดเจ็บ ที่สาหัสนั้นมีถึง 20% (ข้อมูลจาก เวบ usliberals.about.com)
    [​IMG]
    สำหรับค่าใช้จ่ายของสหรัฐฯ ในการส่งกองกำลังทหารออกมาประจำการในอัฟกานิสถาน ทางส่วนงานวิจัยของสภาสหรัฐฯ (The Congressional Research Service (CRS)) ประมาณการค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 3.6 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน (ประมาณ 108 พันล้านบาทต่อเดือน) และรวมค่าใช้จ่ายตั้งแต่เริ่มส่งกำลังเข้าไปในอิรัก นั้นปัจจุบัน ใช้งปประมาณไปกว่า 4.01 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 120.3 ล้านล้านบาท)
    ส่วนอิรักนั้นสหรัฐฯ มีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า โดยทางส่วนงานวิจัยของสภาสหรัฐฯ (The Congressional Research Service (CRS)) และ อิโคโนมิสต์ (The Economist) ได้ประมาณการค่าใช้จ่ายของสหรัฐฯ ว่าใช้งบประมาณ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อสัปดาห์ (ประมาณ 6 หมื่นล้านบาทต่อสัปดาห์) ไปจนถึง 12 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน (ประมาณ 36 หมื่นล้านบาทต่อเดือน) และรวมค่าใช้จ่ายตั้งแต่เริ่มส่งกำลังเข้าไปในอิรัก นั้นปัจจุบัน ใช้งปประมาณไปกว่า 7.88 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 236.4 ล้านล้านบาท)
    ค่าใช้จ่ายรวมทั้งในอัฟกานิสถานและอิรักจนถึงปัจจุบันนั้นสหรัฐฯ ใช้งบประมาณรวม 11.89 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 356.7 ล้านล้านบาท) หากอยากทราบว่าเป็นงบประมาณทีมากแค่ไหน ให้ลองเปรียบเทียบดูกับ GDP ของประเทศไทยในปี 53 อยู่ที่ 584.768 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว สหรัฐฯ จะมีค่าใช้จ่ายในสงครามอิรักและอัฟกานิสถาน ต่อปีนั้นประมาณหนึ่งในสามของ GDP ประเทศไทย
    ส่วนสาเหตุที่ค่าใช้จ่ายในอิรักของสหรัฐฯ ใช้งบประมาณที่สูงกว่าค่าใช้จ่ายในอัฟกานิสถาน เพราะสหรัฐฯ รับผิดชอบการปฏิบัติการในอิรักทั้งหมด ส่วนในอัฟกานิสถานนั้น องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ จะเป็นผู้ที่รับผิดชอบหลัก สหรัฐฯ นั้นเพียงแต่ส่งกำลังทหารเข้าร่วม (เข้าร่วมในสัดส่วนมากที่สุด)
    โดยในสหรัฐฯ นั้นมีหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลสหรัฐฯ ในการส่งกำลังทหารเข้าไปใน อิรักและอัฟกานิสถาน ได้พยายามเผยแพร่ข้อมูลงบประมาณ และการสูญเสีย ตัวอย่างเช่น ในเวปไซต์ cost of war ได้แสดงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตลอดเวลาในหลักวินาที
    [​IMG]

    นโยบายพาทหารกลับบ้าน

    หากย้อนไปในช่วงก่อนที่ประธานาธิบดี โอบามา จะขึ้นรับตำแหน่งนั้น สิ่งที่ปรากฏให้เห็นชัดเจนคือ เขามีนโยบายที่สวนทางกับ อดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ในเรื่องการทำสงครามกับอิรัก ประธานาธิบดี โอบามา นั้นมีท่าที่ต่อต้านการทำสงครามกับอิรัก และยังเคยหาเสียงด้วยซ้ำว่า หากเขาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานธิบดีสหรัฐฯ เขาจะถอนกำลังออกจากอิรักภายใน 16 เดือน
    นอกจากนี้ ประธานาธิบดี โอบามา ยังได้แสดงเจตจำนงค์ตอนหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีว่า ถ้าหากเขาได้รับเลือกตั้ง เขาจะออกกฎหมายตัดงบประมาณประมาณ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อยุติการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ไม่สามารถพิสูจน์ที่มาได้ เพื่อนำมาใช้ในระบบการป้องกันประเทศ มีแนวคิดที่จะลดการพัฒนาขีดความสามารถทางการรบและระบบอาวุธลง รวมถึงการกำจัดอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมด
    โดยเริ่มจากการลดการสั่งสมอาวุธนิวเคลียร์ที่มีประจำการในปัจจุบันลง อีกทั้งออกกฎหมายห้ามการผลิตหรือหาวัตถุดิบในการผลิตอาวุธ จากทั้งโลก รวมถึงความพยายามในการหาทางเจรจากับรัสเซีย เพื่อลดขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ เพื่อนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นระหว่าง สหรัฐฯ กับรัสเซีย
    ต่อมาเมื่อโอบามาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี และเข้ารับตำแหน่งเมื่อ 19 ม.ค. 52 และ เมื่อ เม.ย. 52 ประธานาธีบดี โอบามา ได้เดินทางไปที่อิรัก และกล่าวว่า เขาจะลดทหารสหรัฐฯ และถอนกำลังทหารออกจากอิรักลงในห้วงเวลา 18 เดือนข้างหน้า และให้ชาวอิรัก เลือกแนวทางความมั่นคงและรับผิดชอบตนเอง
    หลังจากการตัดสินใจยุติภารกิจในอิรัก โดยการค่อยๆ ลดกำลังทหารสหรัฐฯ ที่ประจำการลง ทำให้สหรัฐฯ สามารถที่จะเพิ่มกำลังทหารเข้าไปในอัฟกานิสถานได้ ต่อมาเมื่อ ธ.ค. 52 ประธานาธิบดี โอบามา ได้ประกาศเพิ่มทหารเข้าไปในอัฟกานิสถานจำนวน 35,000 นาย ตามที่ผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐฯ และองค์การนาโตในอัฟกานิสถาน ร้องขอ
    [​IMG]
    ในภาพที่ 1 แสดงให้เห็นระดับความรุนแรงของสถานการณ์ที่มีทิศทางที่รุนแรงมากในห้วง ปี 50 และสถานการณ์มีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่ง สหรัฐฯ เพิ่มกำลังเข้าไปในอัฟกานิสถาน ในปี 53 โดยการปฏิบัติการทางทหารที่เพิ่มมากขึ้นได้ส่งผลให้ กองกำลัง ISAF เริ่มทำการรุก ทำให้กลุ่มตาลีบาน เสียชีวิตไปกว่า 900 คน และในช่วงดังกล่าวมีการใช้ ระเบิดแสวงเครื่อง (Improvised Explosive Device) จำนวนมาก และส่งผลให้ทหารของ ISAF ที่มีสหรัฐฯ ประจำการเป็นจำนวนมาก และมีผู้เสียชีวิตมากขึ้นตามไปด้วย
    แต่บนการปฏิบัติการทางหหารที่เพิ่มมากขึ้น ในทางกลับกัน ก็เริ่มมีการผลักดันใหเกิดการเจรจา โดยประธานาธิบดี ฮามิด การ์ไซ (Hamid Karzai) ของอัฟกานิสถาน เพื่อให้เกิดสันติภาพมากขึ้นไป โดยความพยายามจะเจรจากับกลุ่มตาลีบาน พร้อมๆ กับการปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ แต่ในช่วงเดือน ก.ค53 สหรัฐฯ ก็เริ่มประสบปัญหาในการปฏิบัติการพอสมควร เนื่องจากชาวบ้านไม่ชอบทหาร ไม่ยอมรับความช่วยเหลือต่างๆ จากกองทัพสหรัฐฯ รวมไปถึงการขว้างปาหินใส่กองกำลังทหารสหรัฐฯ ขณะกำลังลาดตระเวณ
    อย่างไรก็ตามตลอดช่วงปี 53 สหรัฐฯ ได้เพิ่มระดับการปฏิบัติการทางทหารจำนวนมาก เพื่อกดดันกับกลุ่มตาลีบาน และสหรัฐฯ ยังมีแผนที่จะถอนกำลังออกจาก อัฟกานิสถาน โดยส่งมอบการรักษาเสถียรภาพให้กับกองกำลังรักษาความปลอดภัยของอัฟกานิสถาน ในเดือน ก.ค.54 ดังจะเห็นได้จากการเร่งสร้างกองทัพกองทัพบกอัฟกานิสถาน จำนวน 134,000 นาย เมื่อ ต.ค.53 และมีเป้าหมายให้กองทัพอัฟกานิสถานมีกำลังทหารบก 171,000 นาย ภายในปี 54
    [​IMG]
    สำหรับสถานการณ์ในอิรัก ภาพที่ 2 จะแสดงให้เห็นถึงกำลังทหารประจำการในอิรักมีแนวโน้มที่ลดลงตามนโยบายของ ประธานาธิบดี โอบามา ประกาศไว้เมื่อ 1 ก.ย.53 อย่างเป็นทางการว่าจะยุติภารกิจสู้รบของทหารอเมริกันในอิรักที่ดำเนินมานาน 7 ปี และบอกกับชาวอเมริกันว่าภารกิจหลักคือการฟื้นฟูเศรษฐกิจสหรัฐ
    โดยกล่าวชมกองทัพว่าได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างกล้าหาญ เสียสละ รวมถึงกล่าวว่าภารกิจสู้รบของทหารอเมริกันในอิรักได้ยุติลงแล้ว ต่อจากนี้ไปสหรัฐฯ จะเริ่มถอนกำลังออกจากอิรัก และให้ชาวอิรักจัดการและรับผิดชอบดูแลความมั่นคงของประเทศตนเอง และเขายังได้กล่าวยืนยันว่าเขาได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ก่อนการเลือกตั้งว่าเขาจะนำทหารสหรัฐฯ กลับบ้าน
    ผลจากการประกาศยุติการส่งทหารเข้าไปประจำการในอิรัก ของประธานาธิบดี โอบามา ได้มีนักวิเคราะห์หลายคนได้มองว่าการตัดสินใจของประธานาธิบดี โอบามา ครั้งนี้จะส่งผลต่อคะแนนนิยมของเขา 4 ด้านคือ
    1) เป็นการทำตามนโยบายที่ได้ให้ไว้ก่อนการเลือกตั้ง ทำให้ได้คะแนนนิยมในด้านการเป็นผู้นำ
    2) เป็นการประหยัดงบประมาณจำนวนมหาศาลที่สหรัฐฯ ต้องจ่ายเพื่อทำสงคราม ซึ่งจะส่งผลให้ได้คะแนนนิยมในด้านเศรษฐกิจ
    3) เป็นการสงวนทรัพยากรทางทหารเพื่อให้สหรัฐฯ สามารถบริหารจัดการกิจการด้านความมั่นคงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ได้รับคะแนนนิยมในด้านความมั่นคง
    4) เป็นการเพิ่ม บทบาทที่ดีขึ้นกับประเทศมุสลิม หากมีการถอนทหารออกจากพื้นที่ตะวันออกกลางจริง ซึ่งจะส่งผลให้ได้รับคะแนนนิยมในด้านกิจการต่างประเทศและการทูต
    ผลจากการปฏิบัติการสังหารบิน ลาเดน

    จากที่กล่าวมาในข้างต้น จะเห็นได้ว่าการที่สหรัฐฯ ส่งกำลังทหารออกมายังตะวันออกกลาง เป็นระยะเวลานาน ด้วยสาเหตุเริ่มแรกคือ ภายหลังจากการก่อวินาศกรรม 11 ก.ย. 44 ด้วยการกล่าวหาว่ากลุ่มอัลกออิดะห์ ที่มี นาย บิน ลาเดน เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง จากวันนั้นถึงวันนี้ผ่านมากว่า 10 ปี สหรัฐฯ ได้สูญเสียงบประมาณจำนวนมหาศาล และชีวิตทหารจำนวมาก และยังไม่มีแนวโน้มที่สถานการณ์ต่างๆ จะดีขึ้น
    ประกอบกับการเข้าการส่งกำลังออกไปยังอัฟกานิสถานและอิรัก นั้นเป็นนโยบายของอดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช สังกัดพรรคริพับลิกัน แต่ปัจจุบัน เก้าอี้ประธานาธิบดี ได้เป็นของ โอบามา สังกัดพรรคเดโมแครต ผู้ซึ่งมีนโยบายที่ชัดเจนว่าจะพาทหาสหรัฐฯ ที่อยู่ในอิรัก และอัฟกานิสถาน กลับบ้าน
    [​IMG]
    ประกอบกับเดือน ก.ค. 54 นี้ สหรัฐฯ มีแผนที่จะถอนกำลังออกจาก อัฟกานิสถาน การเสียชีวิตครั้งนี้ของ บิน ลาเดน จึงเป็นเรื่องที่สามารถตอบคำถามการถอนกำลังกลับได้เป็นอย่างดียิ่ง เพราะสาเหตุของการส่งทหารออกเพื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ได้บรรลุผล เป็นการแสดงให้เห็นว่า สหรัฐฯ ไม่ได้กลับบ้านมือเปล่า สามารถซื้อใจประชาชนชาวอเมริกันไว้ได้
    ความจริงหากเข้าใจการเพิ่มกำลังทหารสหรัฐฯ ในปี 53 และการเพิ่มระดับการปฏิบัติการทางทหารที่ไล่ล่า ผู้นำตาลีบาน จวบจนกระทั่งเจอบิน ลาเดน และสังหารได้ในที่สุดนั้น เป็นเหตุการณ์ที่มีความต่อเนื่องและสมเหตุสมผล สหรัฐฯ สามารถสังหารผู้นำตาลีบานได้ถึง 900 คน นั่นก็หมายถึง การสลายขีดความสามารถของตาลีบาน ซึ่งเป็นกลุ่มที่คอยคุ้มครองให้กลุ่มอัลกออิดะห์ ทำให้ปรากฏการณ์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนและสอดคล้องกับแผนการถอนทหารที่จะเกิดขึ้น ใน ก.ค. 54 นี้
    ถึงแม้การเสียชีวิตของบิน ลาเดนนั้น หลายฝ่ายอาจจะมีข้อสงสัยว่าเขาเสียชีวิตจริงหรือไม่ เขาอาจจะยังไม่เสียชีวิต หรือเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่นั่นก็ไม่สำคัญ เพราะไม่ว่าจะอย่างไรการเสียชีวิตของ บิน ลาเดน โดยการประกาศอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของการสิ้นสุดภารกิจที่ยาวนาน และเสียงบประมาณและชีวิตคนอเมริกัน ไปจำนวนมาก และกองทัพสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ ประธานาธิบดี โอบามา ได้เป็นวีรบุรุษผู้ที่ได้แก้แค้นให้กับอเมริกันชน
    แต่ความจริงแล้วถึงแม้ สหรัฐฯ จะถอนกำลังออกจากอัฟกานิสถานแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสหรัฐฯ จะทิ้งอัฟกานิสถานไปอย่างถาวร แต่ในทางกลับกัน สหรัฐฯ ได้ลงทุนสร้างสิ่งปลูกสร้างสำรับการเป็นฐานทัพถาวรในอัฟกานิสถาน สองถึงสามแห่ง ประกอบกับ ในปี 53 ที่ผ่านมาได้มีการประกาศจาก เพนตากอน ว่ามีการค้นพบสินแร่ที่มีมูลค่า กว่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ จนมีการกล่าวกันว่า อัฟกานิสถาน จะกลายเป็น “Saudi Arabia of lithium” หรือ เป็นประเทศที่อุดมไปด้วยลิเทียม
    ไม่เพียงแต่มีแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์แล้ว อัฟกานิสถานยังเป็นประเทศที่มีภูมิรัฐศาสตร์ดีในแง่ภูมิประเทศสูงข่ม เพราะเป็นประเทศที่มีชายแดนติดกับประเทศอิหร่าน ชายแดนติดประเทศปากีสถานที่มีชายแดนติดกับอินเดีย และประเทศทาจิกิสถานที่มีชายแดนติดกับจีน ซึ่งหากมองผ่านมิติภูมิรัฐศาสตร์แล้ว อัฟกานิสถานเป็นประเทศที่มี ภูมิยุทธศาสตร์ดี ที่เชื่อมโยงกับ 3 ประเทศที่มีความเกี่ยวพันเชิงผลประโยชน์กับ สหรัฐฯ คือ อิหร่าน จีน และ อินเดีย
    [​IMG]
    ดังนั้น การปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ที่เข้าสังหาร บิน ลาเดน จึงกลายมาเป็น จุดเริ่มที่ทหารสหรัฐฯ จะได้กลับบ้านเกิด ไม่ต้องมาเสี่ยงชีวิต ต่อจากนี้ไปจะทำการโอนความเสี่ยงให้กับ กองทัพอัฟกานิสถานให้สู้รบกับตาลีบานต่อไป ส่วนสหรัฐฯ ก็อาจจะคงกำลังไว้ในลักษณะของการเป็นที่ปรึกษาทางทหาร และอาจจะได้ประโยชน์จากการเข้าไปมีสัมปทาน แร่ลิเทียม ในอัฟกานิสถาน
    และหลังจากทหารกลับบ้าน ทหารเหล่านั้นและพ่อแม่ญาติพี่น้องของทหารเหล่านั้น ก็จะพากันไปเลือกตั้งประธานาธิบดี ผู้ที่เป็นวีรบุรุษของชาวอเมริกันชน ที่สามารถแก้แค้นให้กับคนทั้งชาติ เรื่องเหล่านี้เป็นแค่นิทานที่ผมเล่า อย่าเชื่อเรื่องเล่าผมแต่ต้องรอดูกันต่อไป ……………….เอวังครับ
    *หมายเหตุ* เผยแพร่ครั้งแรกใน Website Tortaharn.net เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม 2554

    เมื่อถึงเวลาทหารกลับบ้าน-แล้วไปเลือกประธานาธิบดี | Siam Intelligence
     
  4. pongsiri

    pongsiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +638
    ตอนนี้ค้นพบปฏิสสารแล้ว และมีการเก็บได้อย่างปลอดภัยในสนามแม่เหล็ก ร้ายแรงกว่าระเบิดอะตอมเทียบกันไม่ได้เลย นักวิทย์ได้คำนวนแล้วว่า ปฏิสสารขนาดเท่าหัวไม้ขีดไฟ สามารถทำลายรัฐเมกา 3 รัฐได้อย่างสบาย แต่มีปัญหาอยู่ว่า จะหาที่เก็บได้อย่างไรในปริมาณมาก ๆ เพราะว่ามันกระทบกันสสารอื่นมันจะระเบิดทันที ต้องเก็บไว้ในสนามแม่เหล็กเพื่อที่จะให้มันลอยตัว คงต้องพัฒนาวัสดุชนิดพิเศษขึ้นมาเก็บ ถึงเก็บได้ปัญหาต่อมาก็คือจะเอาพลังงานที่ไหนมาสร้างปฏิสสารเพราะ พลังงานที่ใส่เข้าไป = พลังงานที่ปล่อยออกมา คงต้องใช้ระเบิดอะตอมมาแปลงล่ะครับ
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สหรัฐประกาศ ใครเป็นผู้นำอัล-กออิดะ ถือเป็นศัตรูเบอร์ 1

    มุสลิมไทยดอทคอม : 5 พค. 54 10:00:24


    สำนักข่าวมุสลิมไทย สหรัฐประกาศใครเป็นผู้นำอัล-กออิดะ ถือเป็นศัตรูเบอร์ 1

    สำนักข่าวอัล-อาราบิญา - ในขณะที่ยังไม่มีความแน่นอนว่าใครจะขึ้นมาเป็นผู้นำอัล-กออิดะแทนโอซามา บิน ลาดิน ลีโอน ปาเน็ตต้า ผู้อำนวยการ ซีไอเอ. กล่าวเมื่อวันพุธ (03/05) ว่า ไม่ว่าใครที่ขึ้นมาแทนก็จะกลายเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของสหรัฐไปในทันที

    [​IMG]

     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    โผล่แล้ว! หญิงชาวคริสต์ต้นเหตุการณ์ประท้วงในอียิปต์

    มุสลิมไทยดอทคอม : วันนี้** 11:21:06


    สำนักข่าวมุสลิมไทย โผล่แล้ว! หญิงชาวคริสต์ต้นเหตุการณ์ประท้วงในอียิปต์

    สำนักข่าวอัล-อาราบิญา - หนังสือพิมพ์ อัล-อะฮฺราม ตีพิมพ์ภาพล่าสุดของหญิงชาวคริสต์คอปติค ภรรยาของนักบวชชาวคริสต์ ซึ่งเป็นประเด็นให้เกิดความขัดแย้งระหว่าง 2 ศาสนาในอียิปต์เมื่อเร็วๆ นี้

    [​IMG]


    คามิเลีย ชีฮาต้า วัย 26 ปี ภรรยาของนักบวชคอปติค ทาดรอส ซามาอาน ซึ่งมีข่าวว่าหายตัวไปเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2553 หลังจากเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม เป็นสาเหตุให้กลุ่มอิสลามก่อการประท้วงรุนแรงขึ้นหลายครั้ง และล่าสุดยังได้มีคำขู่ว่าจะชุมนุมประท้วงอีกที่หน้าโบสถ์คริสต์คอปติคในวันศุกร์นี้ (06/05)

    ในภาพดังกล่าว ชีฮาต้าปรากฏตัวคู่กับ Naguib Gebrael ทนายความจากองค์กรสิทธิมนุษยชนอียิปต์ และเด็กคนหนึ่ง ยิบรีลกล่าวว่า เขาจะเป็นตัวแทนของเธอในการว่าความที่ศาล ในกรณีที่เธอยื่นฟ้องว่าถูกบังคับในโบสถ์

    การปรากฏตัวของเธอครั้งนี้จะช่วยลดความรุนแรง กรณีที่กลุ่มอิสลามยังเข้าใจว่าเธอถูกกักขังอยู่ในโบสถ์ และพยายามเรียกร้องให้กลุ่มคอปติคปล่อยตัวเธอ

    รายงานของตำรวจก่อนหน้านี้ระบุว่า ชีฮาต้า ได้หายตัวไปเนื่องจากเหตุขัดแย้งในครอบครัว โดยไม่มีรายละเอียดอย่างอื่น มีบางรายงานกล่าวว่า ความขัดแย้งเกิดขึ้นจากการที่เธอต้องการเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม มีข่าวลือมาจากทางด้านฝ่ายคริสต์คอปติคว่า เธอถูกบังคับให้เปลี่ยนมารับอิสลาม จึงก่อการประท้วงขึ้นในกรุงไคโร และในละแวกบ้านเกิดของเธอที่เมืองมินยา เพื่อเรียกร้องให้เธอกลับมา

    ตำรวจพบตัวเธอเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่บ้านเพื่อนคนหนึ่งในไคโร และยังไม่แน่ชัดในขณะนั้นว่าตำรวจส่งเธอกลับไปอยู่กับครอบครัว หรือส่งให้อยู่ในความควบคุมของโบสถ์ และเธอก็ไม่ได้แถลงแก่สาธารณะ และหลังจากนั้นไม่มีใครทราบว่าเธอไปอยู่ที่ใด

    กลุ่มอิสลามอ้างว่าชีฮาต้า ได้เปลี่ยนมานับถืออิสลาม แต่ถูกทางโบสถ์กักตัวไว้ไม่ให้ปฏิบัติตามศาสนาที่เธอศรัทธา และยังอ้างว่ามีหญิงชาวคอปติคอีกหลายคนที่ถูกทางโบสถ์กักตัวไว้ในกรณีคล้ายๆ กัน

    Emad Gad นักวิจัยจากศูนย์อะฮฺราม กล่าวว่า หากแผนการประท้วงคริสต์คอปติคของกลุ่มซาลาฟีที่กำหนดขึ้นวันศุกร์ นี้ เกิดความรุนแรงขึ้น คงไม่แคล้วเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นในอียิปต์อย่างแน่นอน - www.muslimthai.com

     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ข่าวการตายของบินลาดิน กลุ่ม FPI ในอินโดนีเซียจัดนมาซให้

    มุสลิมไทยดอทคอม : 4 พค. 54 19:04:41


    สำนักข่าวมุสลิมไทย กลุ่ม FPI ในอินโดนีเซียจัดนมาซให้บินลาดิน

    [​IMG]

    จาการ์ต้า – ตำรวจอินโดนีเซียวางแผนรักษาความปลอดภัย ในพิธีนมาซให้แก่อุซามะ บินลาดินในวันพุธ (04/05) เวลาประมาณ 1-2 ทุ่ม
    พิธีดังกล่าวจัดโดยกลุ่ม Islam Defenders Front (FPI) ณ สำนักงานใหญ่ที่ ตานะฮฺ อะบัง จาการ์ต้าตอนกลาง
    โฆษกตำรวจ บุรฮานุดดีน ดจาฟาร์ กล่าวว่า การจัดดังกล่าวไม่จำเป็นต้องขออนุญาตล่วงหน้า เพราะเป็นเพียงการอ่านอายะฮฺในอัล-กุรอาน ซึ่งตำรวจไม่อาจห้ามปรามได้ กลุ่ม FPI เป็นกลุ่มอิสลามเข้มข้น - www.muslimthai.com

     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ปัญหาใหญ่ หากพลโลกเพิ่มถึง 1 หมื่นล้านคนในอีก 89 ปี

    มุสลิมไทยดอทคอม : วันนี้** 11:32:42


    สำนักข่าวมุสลิมไทย ปัญหาใหญ่ หากพลโลกเพิ่มถึง 1 หมื่นล้านคนในอีก 89 ปี

    สำนักข่าวอัลอาราบิญา, เอเจนซี่ - สหประชาชาติเปิดเผยรายงานที่คาดหมายว่า พลโลกจะมีจำนวนแตะ 10.1 พันล้านคน ภายในปี พ.ศ. 2643 หรืออีก 89 ปีข้างหน้า พลเมืองของโลกในช่วงกลางศตวรรษนี้อยู่ที่เกิน 9 พันล้านเล็กน้อย

    การเพิ่มขึ้นของพลเมืองในทวีปแอฟริกาจะสูงขึ้นกว่า 3 เท่า ภายในศตวรรษนี้ โดยจะมีจำนวน 3.6 พันล้านคน จากปัจจุบันที่มีประมาณ 1 พันล้านคน ซึ่งปัจจุบันมีปัญหาความขาดแคลนอาหารและน้ำสะอาดสำหรับดื่มอยู่แล้ว

    รายงานยังระบุว่า อียิปต์จะครองตำแหน่งเดิมในฐานะประเทศอาหรับที่มีประชากรมากที่สุด โดยคาดว่าประชากรจะอยู่ที่ 91.8 ล้านคนในปี พ.ศ. 2558 และ 98.6 ล้านคนในปี พ.ศ. 2563

    ตรงกันข้ามกับประเทศโคโมรอส บาห์เรน ดจิบูติ และกาต้าร์ ซึ่งจะยังคงครองความเป็นประเทศที่มีพลเมืองน้อยที่สุด โดยแต่ละประเทศจะมีประชากรน้อยกว่าประเทศในภูมิภาคอาหรับร้อยละ 0.5

    รายงานดังกล่าวเปิดเผยขึ้นล่วงหน้าก่อนถึงกำหนดสำรวจสำมะโนประชากรโลก ซึ่งคาดหมายว่าหลังเดือนตุลาคมปีนี้ประชากรโลกจะอยู่ที่ 7 พันล้าน โดยเมื่อ 12 ปีก่อนมีจำนวนเกิน 6 พันล้านแล้ว ซึ่งจะเห็นได้ว่าแผนการจำกัดประชากรโลกแทบจะไม่ประสบผลสำเร็จ และนำมาซึ่งปัญหาทางการเมืองต่างๆ

    การเพิ่มขึ้นของพลโลกในประเทศที่ยากจนยังคงมีเปอร์เซ็นต์ที่สูงกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่ร่ำรวยอย่างเช่น สหรัฐ อังกฤษ และเดนมาร์ก ซึ่งเพิ่มขึ้นบ้างเพียงเล็กน้อย ซึ่งทำให้ต้องหันมาทบทวนโครงการวางแผนครอบครัวกันใหม่ เพราะประเทศที่ร่ำรวยเป็นผู้บริจาคช่วยประเทศที่ยากจน ซึ่งหากว่ายังคงมีประชากรเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก็นับว่าเป็นปัญหาหนัก

    การคาดหมายจำนวนประชากรใน 90 ปีข้างหน้า ทำให้ทราบถึงปัญหาต่างๆ ที่โลกต้องเผชิญ โดยเฉพาะการขาดแคลนอาหาร น้ำดื่ม ส่วนภัยพิบัติ และการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ และการเกิดสงคราม ไม่มีส่วนช่วยยุติการเพิ่มของพลเมืองโลกแต่อย่างใด

    รายงานยังระบุว่า การระบาดของโรคเอดส์ จะไม่น่ากลัวอีกต่อไป เพราะจะมีการผลิตยาขึ้นมารักษาที่จะลดอัตราการตายจากโรคดังกล่าว และการคาดคะเนจำนวนผู้ติดเชื้อเอดส์ในแอฟริกาที่มีขึ้นในปี พ.ศ. 2533 ดูค่อนข้างจะเกินจริง แต่โรคเอดส์ก็จะทำให้จำนวนประชากรในแอฟริกาลดลงส่วนหนึ่งได้เช่นกัน - www.muslimthai.com

     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ข่าวอัลจาซีรา บินลาดิน ถูกสังหารขณะไม่มีอาวุธ
    มุสลิมไทยดอทคอม : 4 พค. 54 12:00:50

    สำนักข่าวมุสลิมไทย บินลาดิน ถูกสังหารขณะไม่มีอาวุธ
    สำนักข่าวอัล-จาซีรา, เอเจนซี่ - เจย์ คาร์นี่ โฆษกทำเนียบขาวแถลงว่า ขณะที่หน่วยล่าสังหารสหรัฐบุกเข้าไปในที่พักของบินลาดิน เขาไม่มีอาวุธ และไม่ได้ต่อสู้ป้องกันตัว และว่าสหรัฐกำลังพิจารณาว่าควรจะเผยแพร่ภาพศพของบินลาดินหรือไม่ เนื่องจากเป็นภาพที่ค่อนข้างน่ากลัว และอาจกระตุ้นให้เกิดความเคียดแค้น
    [​IMG]

    ผู้อำนวยการ ซีไอเอ.กล่าวกับสำนักข่าว เอ็นบีซี.เมื่อวันอังคาร (03/05) ว่า ท้ายที่สุดแล้วภาพการสังหารบินลาดินต้องถูกนำออกเผยแพร่อยู่ดี แต่รัฐบาลกำลังปรึกษาหารือกันว่าจะทำอย่างไรให้ออกมาดีที่สุด
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า หญิงคนหนึ่งที่เชื่อว่าเป็นเมียของบินลาดิน พุ่งเข้าไปหาหน่วยทหารเพื่อปกป้องบินลาดินทันทีที่เผชิญหน้ากัน ทำให้ทหารต้องยิงสกัดเธอที่ขา และสาเหตุที่ต้องสังหารบินลาดิน เพราะเขาต่อต้านและไม่ยอมให้จับกุม แต่ไม่ได้อธิบายว่าต่อต้านอย่างไร

    โอบาม่าและคณะรัฐบาลจำนวนหนึ่ง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทหารเฝ้าดูปฏิบัติการณ์จริงที่เกิดขึ้นภายใน 40 นาที อยู่ในห้องหนึ่งในทำเนียบขาว ผ่านทางกล้องที่ติดอยู่เหนือหมวกของหน่วยพิเศษ แต่ไม่ได้มีการบัญชาการจากห้องนั้น

    อย่างไรก็ตาม ตอลิบานที่ปฏิบัติการในอัฟกานิสถาน ตั้งคำถามเมื่อวันอังคาร (03/05) ว่า บินลาดินตายจริงหรือ เนื่องจากทางสหรัฐไม่มีหลักฐานใดๆ นอกจากคำพูดที่สนับสนุนในเรื่องนี้ และยังไม่มีข่าวคราวยืนยันหรือปฏิเสธ จากคนใกล้ชิดบินลาดินในกลุ่มอัล-กออิดะเช่นกัน

    ในขณะเดียวกัน องค์กรสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้เปิดเผยรายละเอียดของการสังหารชีวิตครั้งนี้ และว่าเจ้าหน้าที่ต้องเคารพกฎหมายสากล ถึงแม้จะเป็นการต่อต้านก่อการร้ายก็ตาม แต่สหรัฐเคยกล่าวว่า หากเป็นไปได้จะพยายามจับเป็นบินลาดิน

    นาวี พิลเล่ย์ คณะกรรมาธิการสูงสุดด้านสิทธิของยูเอ็น. กล่าวว่า หากจับเป็นเขาได้และนำมาขึ้นศาล เขาต้องถูกพิจารณาคดีในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นหลายคดี และจะเป็นการโปร่งใสกว่า

    อีริค โฮลเดอร์ อัยการสหรัฐกล่าวเช่นกันว่า ปฏิบัติการณ์ของหน่วยรบพิเศษถูกต้องชอบธรรมแล้ว - www.muslimthai.com

     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    บินลาดินตาย เผยทฤษฏีสมคมคิดของสหรัฐฯ เอเอฟพี อ้างแหล่งข่าวเด็ด
    มุสลิมไทยดอทคอม : 4 พค. 54 7:57:26

    manager.co.th - เอเอฟพี - ความสงสัยต่อปฏิบัติการจู่โจมสังหารอุซามะห์ บินลาดิน ว่าอาจเป็นทฤษฎีสมคบคิดของสหรัฐฯ โหมกระพือดังไฟลามทุ่งทั่วหมู่บ้านเงียบๆแห่งหนึ่งในปากีสถาน หลังสหรัฐฯอ้างว่าแกนนำหมายเลขหนึ่งของอัลกออิดะห์ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของพวก เขาถูกฆ่าตายทั้งที่ไม่เคยพบเห็นตัวมาก่อนเลย

    ชุมชนแถบเชิงเขาย่านบิลัลของเมืองอับบอตตาบัด คงไม่มีใครจินตนาการมาก่อนว่ามันจะกลายเป็นจุดจบของชายผู้เป็นที่ต้องการตัว มากที่สุดในโลก

    ผู้คนแถบนี้ไม่เหมือนกับดินแดนอนุรักษ์นิยมอื่นๆทางตะวันตกเฉียง เหนือของประเทศ เพราะประชาชนสวมใส่ชุดแบบชาวตะวันตก ไม่เหมือนกับซาอุดีอาระเบีย ผู้หญิงของชุมชนแห่งนี้ได้รับอนุญาติให้ขับรถ และที่สำคัญคือพวกเขาต่างยืนยันกับเอเอฟพีว่าไม่เคยพบเห็นชาวอาหรับในย่าน นี้เลย

    เพื่อนบ้านรู้เพียงว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นเมื่อเห็นเฮลิคอปเตอร์ บินอยู่เหนือศีรษะในค่ำคืนของการจู่โจม ตามมาด้วยเสียงระเบิดและปืนดังสนั่น ปลุกให้พวกเขาต้องสะดุ้งตื่นจากหลับใหล และพวกเขาเพิ่งมาทราบเรื่องในภายหลังเมื่อตอนที่เปิดทีวีได้ยินประธานาธิบดี บารัค โอบามา แถลงว่าชายผู้เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดในโลกซึ่งมีค่าหัว 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถูกฆ่าตายในชุมชนของพวกเขา

    ความประหลาดใจแปรเปลี่ยนเป็นความไม่เชื่ออย่างรวดเร็ว
    พร้อมนำมาซึ่งข้อสงสัยต่อทฤษฎีสมคบคิดที่แพร่สะพัด
    โดย บาเชียร์ กูเรชี วัย 61 ปี ผู้ที่พักอาศัยห่างจากจุดที่ บินลาดิน ถูกยิงตายไม่ไกลนักและกระจกบ้านของเขาก็ได้รับความเสียหายจากปฏิบัติการดัง กล่าว แสดงความเคลือบแคลงอย่างมาก

    "ไม่มีใครเชื่อเรื่องนี้ เราไม่เคยเห็นชาวอาหรับคนไหนในชุมชนนี้เลย" เขากล่าวไปหัวเราะไป "พวกเขา(สหรัฐฯ) บอกว่าโยนศพของเขาทิ้งทะเล มันเป็นเรื่องเหลวไหล เขาไม่ได้อยู่ที่นี่"

    แม้แต่ตำรวจรายหนึ่งที่ถูกส่งเข้ามาคุมจุดเกิดเหตุก็แสดงความสงสัย เช่นกัน "ผมไม่เชื่อว่าเขาอยู่ที่นี่ เราถูกเรียกให้มาที่นี่ตอนประมาณตี 3 แต่เราก็ไม่เห็นอะไร ปฏิบัติการยุติลงไปแล้ว"

    ชาคิล อาห์เมด คนงานของบริษัทเวชภัณฑ์แห่หนึ่งแสดงความเห็นว่า
    ความปรารถนาของสหรัฐฯที่จะ ถอนทหาร 130,000 นายออกจากอัฟกานสถานและยุติสงครามดับตอลิบานอันยืดเยื้อยาวนานกว่า 10 ปี คือแรงจูงใจสำหรับการเผยแพร่คำโกหกนี้


    "สหรัฐฯ ต้องการออกจากอัฟกานิสถาน พวกเขาบอกว่าอุซามะห์ตายแล้ว ดังนั้นพวกเขาสามารถหาข้ออ้างได้แล้ว และพยายามทำลายชื่อเสียงของทหารปากีสถานด้วยการแต่งเรื่องนี้ขึ้นมา ถ้าเขาถูกฆ่าตายจริง แล้วทำไมไม่นำศพเขามาแสดงละ" เขากล่าว

    ด้วยที่สหรัฐฯ ขาดหลักฐานนำมาแสดงหลังจากปฏิบัติการจู่โจม นั่นจึงมีข้อสงสัยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เจ้าหน้าที่อเมริกาอ้างว่ากองกำลังของสหรัฐฯได้ประกอบพิธีตามหลัก ศาสนาอิสลามแก่บิน ลาดิน บนเครื่องบิน ก่อนโยนถุงศพลงทะเล

    ในกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ผู้ปกครองระดับสูงของมุสลิมสุหนี่ระบุว่าอิสลามต่อต้านพิธีศพในทะเล ส่วนมะห์มูด อะซาบ ที่ปรึกษาของชีค อาเหม็ด อัล-ตาเย็บ ผู้นำอิหม่ามแห่งมัสยิดอัล-อัซฮาร์ ในซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นหน่วยงานสูงสุดของมุสลิมซุนนี ระบุว่า“หากร่างของเขาถูกโยนลงทะเลจริง ก็ผิดหลักศาสนาอิสลามอย่างร้ายแรง” ขณะที่นักเทศน์รายหนึ่งในเมืองลาฮอร์ ปากีสถาน ก็ตั้งคำถามถึงความรีบร้อนดังกล่าว

    ด้านอิมติอาซ กุล นักวิเคราะห์ด้านกลาโหมคาดหมายว่าในประเทศที่ต่อต้านอเมริกา ทฤษฎีสมคบคิดคงแพร่สะพัด ด้วยที่ไม่มีใครพบเห็นศพและลักษณะของปฏิบัติการลับก็เพิ่มข้อสงสัยต่างๆมาก มาย "จนกว่าสหรัฐฯจะแสดงข้อพิสูจน์ ข่าวลือแบบนี้ก็จะมีอยู่ต่อไป เพราะว่ามันมีหลายอย่างที่ไม่โปร่งใส" เขากล่าว

     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    คริสเตียนของไนจีเรียขอความคุ้มครองทหารหลังบินลาเด็นถูกสังหาร

    มุสลิมไทยดอทคอม : 5 พค. 54 9:46:48


    สำนักข่าวมุสลิมไทย คริสเตียนของไนจีเรียขอความคุ้มครองทหารหลังบินลาเด็นถูกสังหาร

    ข่าวเว็ปไซต์ Nation.co.ke – การเสียชีวิตของโอซามะ บินลาดิน ก่อให้เกิดความตื่นกลัวแก่ประชาชนทางตอนเหนือของไนจีเรีย ซึ่งมักจะเกิดการจลาจลขึ้นเนือง ๆ

    [​IMG]


    ตำรวจกล่าวว่า เมื่อวันอังคาร (02/05) ชาวคริสเตียนจำนวนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในเมืองคาโน่ ทางตอนเหนือของไนจีเรีย เตลิดมาอาศัยอยู่ในค่ายทหาร หรือสถานีตำรวจเพื่อขอความคุ้มครอง เนื่องจากกลัวว่ากลุ่มมุสลิมจะทำการแก้แค้น

    ประชาชนชุมนุมกันอยู่หลายชั่วโมงจนเจ้าหน้าที่ยืนยันความปลอดภัย และบอกให้กลับไปบ้านเรือนได้

    เจ้าหน้าที่กล่าวกับสื่อ เอเอฟพี. ว่า เป็นเพียงประชาชนกลุ่มเล็กๆ ที่มีความหวาดกลัวเกินกว่าเหตุ

    ที่ผ่านมามีการจลาจลเกิดขึ้นทางตอนเหนือของไนจีเรีย รวมทั้งที่เมืองคาโน่ อันเนื่องมาจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 16 เมษายน โดยประธานาธิบดีชาวคริสเตียน กู๊ดลักก์ โจนาธาน ผู้นำไนจีเรียตอนใต้ได้รับชัยชนะ กลุ่มสิทธิ์ท้องถิ่นกล่าวว่า มีผู้เสียชีวิตในการจลาจลดังกล่าวประมาณ 500 คน

    ไนจีเรียมีประชากรประมาณ 150 ล้านคน เป็นคริสเตียน และมุสลิมอย่างละครึ่ง โดยมุสลิมชุมนุมอยู่ทางตอนเหนือ - www.muslimthai.com

     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    การประท้วงปลดผู้นำลามถึงมัลดีฟส์แล้ว

    มุสลิมไทยดอทคอม : 2 พค. 54 11:48:31


    สำนักข่าวมุสลิมไทย การประท้วงปลดผู้นำลามถึงมัลดีฟส์แล้ว

    สำนักข่าวอัลอาราบิญา, เอเจนซี่ - สำนักข่าวเอพี. รายงานว่า มีการชุมนุมขับไล่ประธานาธิบดีมุฮัมมัด นาชีด แห่งมัลดีฟส์ เมื่อวันอาทิตย์ (01/05) จนทำให้ตำรวจต้องใช้แก๊สน้ำน้ำตา และกระบองเพื่อสลายการชุมนุม

    [​IMG]


    ประชาชนชุมนุมประมาณ 5,000 คน เมื่อคืนวันเสาร์ เพื่อประท้วงเศรษฐกิจ และการบริหารงานที่ผิดพลาดและเสียหายของรัฐบาล

    การสลายการชุมนุมที่เมืองหลวง Male ทำให้มีผู้ประท้วงบาดเจ็บหลายสิบคน และหลายคนถูกจับกุม โดยโฆษกตำรวจกล่าวว่า มีความจำเป็นต้องทำตามขั้นตอนหลังจากปรามด้วยวาจาแล้ว แต่ผู้ประท้วงกลับขว้างปาสิ่งของเข้าใส่ทำให้ตำรวจต้องป้องกันตัว

    ประเทศมัลดีฟส์ ประกอบด้วยหมู่เกาะประมาณ 1,200 เกาะ ในมหาสมุทรอินเดีย มีประชากรประมาณ 3 แสนคน และเป็นดุจเกาะสวรรค์ของนักท่องเที่ยวทั้งจากประเทศในยุโรป และตะวันออกกลาง

    ประธานาธิบดีนาชีดได้รับการเลือกตั้งเข้ามาเมื่อปี พ.ศ. 2551 ในการเลือกตั้งครั้งแรกที่มีพรรคการเมืองหลายพรรคส่งผู้สมัครเข้าชิง โดย 30 ปีก่อนหน้านี้เป็นการปกครองแบบพรรคการเมืองเดี่ยว - www.muslimthai.com

     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สมานฉันท์มุสลิม-คริสต์ในบัลแกเรีย

    มุสลิมไทยดอทคอม : 26 เมย. 54 10:46:26


    สำนักข่าวมุสลิมไทย สมานฉันท์มุสลิม-คริสต์ในบัลแกเรีย

    ข่าวเว็ปไซต์ novinite.com – มุสลิมในเมืองคาร์ดซาลี (Kardzhali) ทางตอนใต้ของประเทศบัลแกเรีย ร่วมฉลองวันหยุดตามประเพณีอีสเตอร์ของชาวคริสต์ เช่นที่ชาวคริสต์ร่วมฉลองวันสำคัญของมุสลิมก่อนหน้านี้

    [​IMG]


    มุฟตีเมืองคาร์ดซาลี เบย์ฮาน อะฮฺมัด และกรรมการบริหารมัสยิดท้องถิ่น ปรากฏกายในโบสถ์ขณะบาทหลวงกำลังทำพิธีมิสซาอีสเตอร์ โดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า

    สื่อ BNT เผยแพร่คำสัมภาษณ์มุฟตีเบย์ฮาน ซึ่งกล่าวว่า ชาวมุสลิมได้จัดงานเมาลิดท่านศาสดา (ศอลฯ) เมื่อวันก่อน และหลวงพ่อปิตาร์ เป็นแขกในกลุ่มแรกๆ ที่มาร่วมแสดงความยินดี

    หลวงพ่อปิตาร์ กาเรน่า ซึ่งเป็นนักบวชในนิกายออร์โธดอกซ์ กล่าวยอมรับว่าท่านรู้สึกประหลาดใจ เพราะมุฟตีเป็นคนหน้าใหม่ในเมืองนี้

    ในการแสดงสัมพันธภาพที่แน่นแฟ้น มุฟตีสอนบาทหลวงให้อ่านบทใน The Gospel เป็นภาษาตุรกี ซึ่งตามประเพณีนักบวชในเมืองนี้จะอ่านเป็นภาษาพื้นเมือง

    มุฟตีกล่าวว่า ทั้ง 2 ศาสนามีความศรัทธาในโลกหน้าเหมือนกัน ดังนั้น จึงต้องปฏิบัติตนให้อยู่ในศีลในธรรม และเป็นคนดี

    เมืองคาร์ดซาลี มีชนกลุ่มน้อยเชื้อสายตุรกีอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก - www.muslimthai.com

     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เศรษฐีอาหรับบินตรงเอมิเรตส์หนีความวุ่นวายทางการเมือง

    มุสลิมไทยดอทคอม : 24 เมย. 54 10:43:33


    สำนักข่าวมุสลิมไทย เศรษฐีอาหรับบินตรงเอมิเรตส์หนีความวุ่นวายทางการเมือง

    สำนักข่าวอัล-อาราบิญา,บลูมเบิร์ก - บริษัทการบินอัล-จาเบอร์ เปิดเผยว่า ในช่วง 3 เดือนของปีนี้ ได้มีการเพิ่มเที่ยวบินจากประเทศอาหรับต่างๆ มายังเอมิเรสต์ ถึง 500 เปอร์เซ็นต์ เปรียบเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยส่วนมากเป็นบริการเครื่องบินเจ็ตเช่าเหมาลำของ Royal Jet ซึ่งรัฐบาลอะบูดาบีเป็นเจ้าของ

    ชาวอาหรับที่ร่ำรวยในประเทศเช่น อียิปต์ ตูนีเซีย บาห์เรน และเยเมน หนีความวุ่นวายภายในประเทศมาหาความสงบในเอมิเรตส์ โดยเฉพาะในอะบูดาบี และดูไบ อีกจำนวนหนึ่งบินไปไกลถึงยุโรป ในจำนวนนี้เป็นชาวอียิปต์มากที่สุด

    การประท้วงในอียิปต์ทำให้การท่องเที่ยว อุตสาหกรรม และการก่อสร้างในอียิปต์พังพาบ ซึ่งรายได้จาก 3 ส่วนนี้เสียหายไป 1.7 พันล้านดอลล่าร์ นักท่องเที่ยวในอียิปต์กว่า 2 แสนคนเตลิดหนีหลังจากเกิดการประท้วงเมื่อ 25 มกราคม ทำให้อียิปต์สูญเสียรายได้ 178 ล้านดอลล่าร์ไปภายในสัปดาห์ ยอดการท่องเที่ยวในช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 825 ล้านดอลล่าร์ ลดลงเหลือเพียง 385 ล้านดอลล่าร์

    รายได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาหรับ มากเป็นอันดับ 2 รองจากอุตสาหกรรมน้ำมัน คิดเป็นประมาณ 6 หมื่นล้านดอลล่าร์ต่อปี

    ร้อยละ 60 ของผู้โดยสารรอยัล เจ็ต เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของบริษัทใหญ่ๆ อีก 20 เปอร์เซ็นต์เป็นข้าราชการระดับสูง ส่วนที่เหลือเป็นบรรดาเศรษฐีอาหรับ

    เมื่อวันพฤหัส (21/04) อาระเบียนบิสิเนส รายงานอ้างคำกล่าวของประธาน al-Habtoor Group ซึ่งเป็นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งกล่าวว่า สถานการณ์ราคาอสังหาริมทรัพย์ในดูไบเสถียรขึ้น เนื่องจากนักลงทุนหันมาหาแหล่งที่สงบ และไม่มีเหตุวุ่นวายทางการเมือง - www.muslimthai.com

     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    หนีของแพง-แรงงานเกษตรคืนถิ่น อีสานแชมป์65%-สศช.ชี้ยอดเงินออมปี"52วูบ



    นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยหลัง สศช.รายงานผลการศึกษาข้อเท็จจริงการเคลื่อน ย้ายแรงงานกลับคืนสู่ภาคเกษตรและการออมของภาคเกษตร ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า จากวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้มีการเลิกจ้างงานเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้การเคลื่อนย้ายแรงงานจากภาคการผลิตอื่นเข้าทำงานในภาคเกษตรกรรม มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยปี"52 มีแรงงานย้ายถิ่นกลับภาคเกษตรกรรมสูงกว่า 300,000 ราย ปี"51 ย้ายถิ่นกลับภาคเกษตร 491,774 ราย ซึ่งการย้ายถิ่นคืนภาคเกษตรเกิดจากหลายปัจจัย ได้แก่ภาวะค่าครองชีพในเมืองใหญ่สูงขึ้น การเลิกจ้าง งานจากภาวะวิกฤต การย้ายตามฤดูกาล รวมทั้งการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรและราคาสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เกษตรกรย้ายถิ่น

    ทั้งนี้ สศช.ได้สำรวจการเคลื่อนย้ายแรงงานของประเทศไทยรายภาค ในปี"53 ในภูมิภาคต่างๆ โดยการสุ่มตัวอย่างใน 4 ภาค รวม 65 จังหวัด 127 หมู่บ้าน พบแรงงานกลับคืนถิ่น 91.48% ของแรงงานที่ย้ายกลับคืนถิ่น แบ่งเป็น ภาคกลางมีการย้ายคืนถิ่นสู่ภาคเกษตร 14.36% ภาคเหนือมีจำนวน แรงงานคืนถิ่นเพื่อทำการเกษตร 12.41% ของแรงงานคืนถิ่นทั้งหมด ภาคใต้มีแรงงานคืนถิ่นจำนวน 7.24% ทั้งหมดให้เหตุผลการย้ายคือ ค่าครองชีพเมืองใหม่สูง สินค้าเกษตรมีราคาเพิ่มขึ้น รวมทั้งการดำเนินโครงการประกันรายได้ของรัฐบาลถือเป็นส่วนหนึ่งให้มีการย้ายถิ่นคือภาคเกษตร ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภาคอีสาน มีแรงงานย้ายกลับถิ่นสัดส่วน 65.98% ของแรงงานย้ายคืนถิ่นทั่วประเทศ โดยภาคอีสานระบุว่าย้ายถิ่นตามฤดูกาล โครงการประกันรายได้ของรัฐไม่ได้มีผลต่อการตัดสินใจย้ายแรงงานกลับภาคเกษตร

    ส่วนการออมเงินและการลงทุนทางการเกษตรก็มีเพิ่มขึ้น โดยการปรับตัวของราคาสินค้าเกษตรในปี"51 ส่งผลให้ยอดเงินฝากของเกษตรกรกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพิ่มเป็น 31,240 ล้านบาท เพิ่ม 300% จากปี"50 ที่มีการฝากเงิน 18,046 ล้านบาท ยอดเงินฝากต่อรายเพิ่มขึ้นเป็น 11,736 บาท/ราย/ปี หรือเพิ่มเป็น 384.4% จากปี"50 ที่มีการฝาก 3,053 บาท/ราย/ปี ขณะที่ปี"52 ยอดเงินฝากของเกษตรกรเพิ่มเป็น 56,592 ล้านบาท เงินฝากเฉลี่ยลดลงเหลือ 9,276 บาท/ราย/ปี

    สำหรับการชำระหนี้คืน ระหว่างปี"52 เพิ่มขึ้นเป็น 300,567 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 5.61% ทำให้ยอดเงินชำระหนี้คืนเฉลี่ยต่อรายเพิ่มขึ้นเป็น 49,263 บาท/ราย นอกจากนี้เกษตรกรยังมีการกู้เงินเพิ่มการลงทุนเป็น 332,000 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 7.76% จากปี"51 ที่มีการกู้เงิน 308,087 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดเงินกู้ต่อรายเพิ่มขึ้น 54,415 บาท/ราย ในปี"52 สาเหตุเงินออมเพิ่มขึ้นส่งผลให้เกษตรกรตัดสินใจลงทุนเพิ่มขึ้นในภาคเกษตร และส่วนหนึ่งอาจเกิดจากการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกร มีเกษตรกรจำนวน 3,956,177 รายได้รับเงินชดเชยในปีการผลิต 52/53 รอบแรกจำนวน 36,498 ล้านบาท

    กาฬสินธุ์เตรียมสำรวจปิโตรเลียม เร่งทำประชาพิจารณ์-ปลายปีเริ่มเจาะ



    กาฬสินธุ์ - นายทรงพล จำปาพันธุ์ รองผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์ กล่าวถึงการขุดเจาะสำรวจปิโตรเลียมบนบกใน จ.กาฬสินธุ์ ว่า แปลงสำรวจหมายเลข L27/43 จะมีการเจาะสำรวจ 5 หลุม ประกอบด้วย อ.ท่าคันโท อ.หนองกุงศรี 3 หลุม อ.ยางตลาด 1 หลุม และอ.เมือง 1 หลุม ซึ่งก่อนการขุดเจาะจะต้องศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมก่อน โดยบริษัทผู้รับผิดชอบจะรับฟังความคิดเห็นของประชาชนใน ต.ดงมูล ต.โคกเครือ อ.หนองกุงศรี, ต.กุงเก่า ต.นาตาล ต.กุดจิก อ.ท่าคันโท, ต.นาเชือก ต.บัวบาน อ.ยางตลาด และ ต.ลำคลอง ต.หนองสอ อ.เมือง รวม 4,000 ครัวเรือน ให้แล้วเสร็จในเดือนพ.ค.นี้ และจะเริ่มขุดเจาะได้ปลายปี 2554

    ด้านนายจุมพล เดชดำนิล พลังงานจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า จ.กาฬสินธุ์ มีการขุดสำรวจไปแล้ว 2 แห่ง โดย บ.เทเทค เป็นผู้ได้รับสัมปทาน จุดแรกอยู่ที่ต.นามะเขือ อ.สหัสขันธ์ แต่ไม่พบก๊าซธรรมชาติใดๆ จุดที่ 2 คือ บ้านนาคอกควาย ต.หนองสอ อ.เมือง ขุดสำรวจไปเมื่อเดือนม.ค. อยู่ระหว่างรอผลวิเคราะห์ ปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ไหลเวียนอยู่ในชั้นใต้ดิน หากมีปริมาณเพียงพอก็จะทำให้ชาวกาฬสินธุ์มีก๊าซเอ็นจีวีใช้ได้

    "การขุดสำรวจหลุมที่ 2 มีปัญหาขุดเจอก๊าซไข่เน่า สร้างมลพิษทางอากาศกับชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง แต่ขณะนี้กลิ่นจางหายไปแล้ว ที่ผ่านมาชาวบ้านในพื้นที่เริ่มตื่นตัวมากขึ้น และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่วนพื้นที่ที่กำลังจะขุดสำรวจจะเร่งทำประชาพิจารณ์ให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน เบื้องต้นประชาชนในพื้นที่ให้การตอบรับดี ไม่มีส่วนคัดค้าน คาดว่าจะเป็นข่าวดีของคนกาฬสินธุ์ที่ในอนาคตจะมีแหล่งพลังงานธรรมชาติใต้ดินใช้" นายจุมพล กล่าว


    วิศวกรมะกันเจ๋งสร้างจักรยานไร้โซ่ ใช้ไฟฟ้า-ติดตั้งจอแอลซีดี




    <TABLE border=0 cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=left><TBODY><TR><TD bgColor=#e0e0e0 vAlign=top align=middle>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ทุกวันนี้ มีผู้หันมาใช้จักรยานในการเดินทางกันมากขึ้น ทั้งเพื่อใช้ออกกำลังกาย และยังเป็นพาหนะที่รักษาสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดี

    นอกจากนี้ การพัฒนารูปแบบจักรยานให้ทันสมัย ผนวกใช้พลังงานไฟฟ้าเข้ามาช่วยก็เป็นรูปแบบที่กำลังเป็นที่นิยม มีผู้ผลิตจักรยานชั้นนำหลายเจ้าเริ่มหันมาออกแบบจักรยานลักษณะดังกล่าวกันบ้างแล้ว

    จากรายงานของกิซแม็กล่าสุด ระบุผลงานต้นแบบของทีมวิศวกรแห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย สหรัฐ ในชื่อโครงการ "จักรยานอัลฟ่า" ซึ่งมาพร้อมการปฏิวัติโครงสร้างพื้นฐานของจักรยานทั่วไป นั่นคือการนำโซ่จักรยานออกไปทั้งหมด

    นอกจากไม่มีโซ่แล้ว ยังสามารถเลือกระบบการขับขี่ได้สองระบบ คือแบบฟิกซ์เกียร์ ซึ่งก็คือแบบการปั่นจักรยานตามการเคลื่อนไหวของรถ ไม่มีการปล่อยล้อฟรี เมื่อล้อหลังหมุนที่ปั่นจะหมุนตามในทิศทางเดียวกัน ทำให้นักขี่สามารถหยุดโดยไม่จำเป็นต้องใช้เบรก และยังสามารถขี่ถอยหลังได้

    และแบบที่สองคือ แบบล้อฟรีจากการควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ส่วนระบบการขับเคลื่อนจะใช้เฟืองและคลัตช์ภายในตัวถังทั้งหมด

    เท่านั้นยังไม่พอ ผู้ขี่สามารถจัดการข้อมูลการเดินทางต่างๆ ตลอด จนเลือกระบบของตัวจักรยานอัลฟ่าได้จากหน้าจอแอลซีดีที่ติดตั้งไว้ที่แฮนด์ของจักรยาน แถมมีช่องใส่หน่วยความจำแบบเอสดีการ์ด

    จักรยานอัลฟ่าคันนี้ชาร์จไฟได้ด้วยตัวเอง ด้านระบบเกียร์ปรับความเร็วได้สามระดับ แต่ทางทีมผู้วิจัยยังไม่เปิดเผยข้อมูลประสิทธิภาพการขี่ว่าทำความเร็วสูงสุดได้เท่าใด

    ตอนนี้จักรยานอัลฟ่ายังอยู่ในช่วงต้นแบบ แต่ทางทีมงานระบุว่าจะพัฒนาต่อไปภายใต้หลักการ "ออกแบบพัฒนาจักรยานด้วยระบบผสมผสาน" อย่างไรก็ตาม ทีม วิศกรแห่งม.เพนซิลวาเนีย ก็คว้ารางวัล "เกมมิล 2011" หรือการประกวดผลงานวิศวกรรมระดับมหาวิทยาลัยมาครองแล้ว 1 รางวัลด้วยกัน

    http://palungjit.org/threads/ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-1231
     
  16. Apollo14

    Apollo14 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2011
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +199
    เป็นกำลังใจให้ครับ สำหรับข้อมูลดี ๆ
     
  17. Nat_usp

    Nat_usp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    676
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,394
    [​IMG]
    The ratio of the share of national income going to the richest 20% of households
    in a country to the share of the poorest 20% is a useful measure of inequality.
    Figures from the World Bank show that by this indicator many of the world’s
    most unequal countries are in Latin America.
    In Colombia the incomes of the top fifth are nearly 25 times those of the bottom fifth.
    Most emerging Asian countries are less unequal: the incomes of the richest 20% of Chinese
    are about eight times those of the poorest 20%.
    In Thailand, one of Asia’s most unequal countries, the ratio is 15:1.
    Qatar’s income per person is among the world’s highest.But income is unequally distributed:
    the richest Qataris receive over 13 times as much as the poorest.
    โห.........ชีวิต ไม่อยากจะเชื่อเลย

    ที่มา : Income equality | The Economist
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤษภาคม 2011
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 10 พฤษภาคม 2554 01:00 กาแฟดำ
    จำนวนคนอ่าน 754 คน ไทยต้องสุขุมหนักแน่น ต้านกลยุทธ์ ‘หมาบ้า’ ของฮุนเซน
    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    เห็นภาพนี้จากจาการ์ตาเมื่อวานแล้ว ก็เหมือนเด็กสองคนถูกคุณครูลงโทษด้วยการจับมานั่ง เพราะทะเลาะกันจนทำให้ห้องเรียนปั่นป่วนไปหมด

    ประธานาธิบดี สุสิโล บัมบัง ยูโดโยโน ของอินโดนีเซีย เชิญนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ของไทย และ ฮุนเซน ของกัมพูชามานั่งในห้อง เพื่อเจรจาต้าอ่วยกันนอกรอบของการประชุมสุดยอดอาเซียนที่อินโดฯ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
    แต่จนแล้วจนรอดก็ตกลงอะไรกันไม่ได้

    อย่าได้แปลกใจว่าทำไมนายกฯ ฮุนเซน แห่งกัมพูชาจึงทำตนเป็น "หมาบ้า" ต่อไทย โดยไม่เลือกกาลเทศะ แม้ในที่ประชุมสุดยอดอาเซียนที่จาการ์ตา เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

    เพราะเป้าหมายของเขา คือ การเอาเรื่องไทย-เขมรไปอยู่ที่ ศาลโลก และ สหประชาชาติ

    สำหรับฮุนเซนแล้ว อาเซียนไม่อาจจะสนองตอบต่อความต้องการที่จะเอาชนะไทยได้อย่างเด็ดขาด

    อินโดนีเซีย ในฐานะคนกลางและประธานอาเซียนปีนี้พยายามอย่างยิ่งที่จะให้ผู้นำไทยกับกัมพูชานั่งลงหาทางออกร่วมกันในกรอบของอาเซียน

    แต่ฮุนเซน กลับใช้เวทีประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้เป็น "สมรภูมิแห่งวาทะ" ด้วยการโจมตีไทยอย่างดุเดือดโดยไม่สนใจว่าจะทำให้สถานภาพของอาเซียนถูกมองว่า "ไร้น้ำยา" หนักหน่วงกว่าเดิมอีก

    ไทยถูกดันให้รับบท "ตั้งรับ" ในเวทีระหว่างประเทศอย่างนี้ จะต้องไม่ถูกมองว่า "อ่อนแอ" เป็นอันขาด

    ทุกจังหวะก้าวเดินจะต้องมีข้อมูลและเหตุผล ที่ประชาคมระหว่างประเทศอ่านแล้ว เห็นภาพลักษณ์ว่าไทยเป็น "ผู้ใหญ่" และมีความสุขุมคัมภีรภาพ และพยายามจะทำทุกอย่าง เพื่อรักษาความเป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพของอาเซียน

    เพราะหากอาเซียนถูกความขัดแย้ง ระหว่างสมาชิกสองชาติทำลายความศักดิ์สิทธิ์ในฐานะเป็นองค์กรภูมิภาค ที่สามารถแก้ความขัดแย้งในมวลหมู่สมาชิกแล้วไซร้ อำนาจต่อรองของสิบประเทศสมาชิก ก็จะหมดความหมายไปทันที

    แม้เมื่อรัฐมนตรีต่างประเทศอินโดฯ มาร์ตี นาตาเวกาวา สามารถน้าวโน้มให้นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ ฮุนเซน ปิดประตูคุยกันสามคนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่ก็คงได้แค่ไม่ทำให้เจ้าภาพผิดหวังเกินไป

    เนื้อหาสาระของการพบปะของผู้นำไทยและเขมร โดยมีรัฐมนตรีต่างประเทศอินโดฯ เป็นคนกลางหนึ่งชั่วโมงวันนี้ไม่ได้ทำให้ความตึงเครียดลดน้อยถอยลง เพราะต่างฝ่ายต่างยังคงยืนยันท่าทีของตนเองไม่เปลี่ยนแปลง

    ฮุนเซน ก็คงจะหวังรอผลการเลือกตั้งในไทย จึงไม่ยอมแม้จะนั่งลงเจรจากับไทย ขณะที่รัฐบาลไทยชุดนี้ก็คงทำใจว่าจะต้องต่อสู้กับทั้งตรงชายแดนและที่ศาลโลกกันในลักษณะยืดเยื้อต่อไปอีกอย่างน้อยก็ระยะหนึ่ง

    แต่การเมืองไทยจะเป็นอย่างไรหลังเลือกตั้ง สิ่งที่สำคัญ ก็คือ การต่อสู้ในศาลโลกอย่างจริงจัง ยืนหยัด สุขุม และรอบด้าน

    เพราะการที่ฮุนเซน ยื่นศาลโลก ขอ "ตีความ" คำตัดสินคดีปราสาทพระวิหารปี พ.ศ. 2505 ที่ศาลโลกตัดสินให้ปราสาทพระวิหารเป็นของเขมร และขอให้ศาลออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราว ไม่ได้แปลว่ากัมพูชาจะได้สิ่งที่ตนต้องการ

    เพราะเขมรมีทางแพ้ เช่น ศาลไม่รับตีความหรือตีความแล้วเขมรไม่ได้ตามที่ต้องการก็จะพลิกสถานการณ์ ทำให้กัมพูชากลับไปฝ่ายเสียหายได้

    และแม้ศาลโลกจะ "ตีความ" ตามที่เขมรอยากได้ ก็ไม่ได้แปลว่าสถานการณ์ตรงชายแดนจะเปลี่ยนไปได้ หากไม่ยอมเจรจากับฝ่ายไทยอย่างเป็นกิจจะลักษณะ

    สิ่งแรกที่ไทยสามารถจะทำได้ ก็คือ การต่อสู้ด้วยการยืนยันจุดยืนของไทยมาตลอด ว่าศาลโลกไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษา หรือตีความคำพิพากษาของศาล ในคดีปราสาทพระวิหารตามธรรมนูญศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ

    ดร. สมปอง สุจริตกุล ซึ่งเป็นหนึ่งในนักกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาตลอด ยืนยันว่าไทยต้องคัดค้านอำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งไทยมิได้มีปฏิญญาประกาศรับอำนาจพิจารณามาเป็นเวลากว่า 50 ปี

    เท่ากับว่ากัมพูชาต้องการจะรื้อฟื้นและขยายขอบเขตคำพิพากษาเดิมที่ไทยไม่เคยยอมรับ เพราะไทยได้คัดค้านอำนาจศาลมาโดยตลอด และได้ตั้งข้อสงวนนี้ไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 ด้วยซ้ำไป

    และหากเขมรรื้อฟื้นเรื่องนี้ขึ้นมาใหม่ ไทยก็สามารถจะใช้เวทีนี้ขอให้ศาลยกเลิกคำพิพากษาเดิม

    และมีทางเป็นไปได้เช่นกันที่ศาลฯ อาจพิจารณาไม่รับคำฟ้องของเขมรตั้งแต่ต้น เพราะขาดอายุความหรือขาดอำนาจในการพิจารณา

    "...หรือหากศาลพิจารณาแล้ว ลงข้อยุติว่ามีอำนาจพิจารณาและดำเนินการต่อไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ ไทยก็มีสิทธิเพิกเฉย ไม่ยอมขึ้นศาล ดั่งเช่นหลายประเทศได้ปฏิบัติมาแล้ว..." เป็นคำแนะนำของ ดร. สมปอง ที่น่าสนใจยิ่ง

    สรุปได้ว่าไม่ว่าฮุนเซน จะเล่นเกมระหว่างประเทศ เพื่อสร้างความได้เปรียบต่อไทยอย่างไร หากไม่ยอมนั่งลงพูดจากับไทยฉันเพื่อนบ้านที่ต้องหาทางออกร่วมกันแล้ว ท้ายที่สุด ก็แก้ปัญหาความขัดแย้งไม่ได้อย่างถาวร และความตึงเครียดก็จะยังดำรงอยู่ต่อไป

    ท้ายที่สุด ฮุนเซนต้องรู้ว่าเขาไม่อาจจะใช้วิธีการเกรี้ยวกราด และกลเม็ดการเมืองระหว่างประเทศมากดดันไทย โดยไม่หาทางออกร่วมกับไทยได้เลยเป็นอันขาด

     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 10 พฤษภาคม 2554 01:00 สกล หาญสุทธิวารินทร์
    คอลัมนิสต์ประจำคอลัมน์ "ค้าๆขายๆกับกฎหมายธุรกิจ"
    จำนวนคนอ่าน 211 คน การฟ้องศาลโลก อุทธรณ์ ขอแก้ไขและขอตีความคำพิพากษา
    โดย : สกล หาญสุทธิวารินทร์

    ศาลโลก (International Court of Justice : ICJ) หรือศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ตั้งขึ้นตามมาตรา 92 ของกฎบัตรสหประชาชาติเมื่อ พ.ศ. 2489

    มีอำนาจหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในธรรมนูญศาลโลก (STATUTE OF THE INTERNATIONAL COURT OF JUSTICE) ตามกฎบัตรสหประชาชาติ ถือว่าประเทศสมาชิกทั้งปวงขององค์การสหประชาชาติเป็นภาคี (party to) ของธรรมนูญศาลโลกได้โดยพฤตินัย (มาตรา 93) สมาชิกขององค์การสหประชาชาติยอมรับที่จะปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลโลกในทุกคดีที่สมาชิกนั้นเป็นคู่กรณี (มาตรา 94) คู่กรณีที่ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาอาจถูกคณะมนตรีความมั่นคง ดำเนินมาตรการที่เห็นว่าเหมาะสมตามที่คู่กรณีอีกฝ่ายร้องขอได้ (มาตรา 94)


    อำนาจหน้าที่ของศาลโลกและกระบวนการดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวกับศาลโลก เป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในธรรมนูญศาลโลก กฎของศาลโลก (Rules of Court) และข้อปฏิบัติของศาล (Practice Directions)


    ตามธรรมนูญศาลโลก ศาลโลกมีเขตอำนาจพิจารณาเฉพาะคดีพิพาทระหว่างรัฐต่อรัฐเท่านั้น และจะมีอำนาจพิจารณาคดีต่อเมื่อรัฐคู่กรณีฝ่ายที่ถูกฟ้องยอมเข้ามาสู้คดีและยอมรับเขตอำนาจของศาลโลก คำพิพากษาของศาลโลกผูกพันเฉพาะคู่กรณีและเฉพาะเรื่องที่เป็นคดีนั้นเท่านั้น (มาตรา 59) คำพิพากษาของศาลโลกให้เป็นที่สุดไม่อาจอุทธรณ์ต่อไปอีกได้ เว้นแต่กรณีที่มีข้อพิพาท (Dispute) เกี่ยวกับความหมายและขอบเขตของคำพิพากษา ซึ่งเป็นหน้าที่ของศาลจะเป็นผู้ตีความตามที่คู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งร้องขอ (มาตรา 60)


    แม้จะอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลโลกไม่ได้ แต่คู่กรณีสามารถยื่นคำร้องขอให้แก้ไข (Revision) คำพิพากษา ตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในมาตรา 61 ได้ คือ ต้องเป็นกรณีที่มีการพบข้อเท็จจริงใหม่อันเป็นองค์ประกอบสำคัญของการพิจารณาตัดสิน ซึ่งในขณะพิจารณาตัดสินนั้นศาลไม่ได้รู้ถึงการมีอยู่ของข้อเท็จจริงนั้น รวมทั้งผู้ยื่นคำร้องเองก็ไม่รู้เพราะมิใช่ความเลินเล่อ โดยจะต้องยื่นคำร้องภายในหกเดือน นับแต่วันที่พบข้อเท็จจริงใหม่ แต่ทั้งนี้ ต้องไม่เลยกำหนดสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษา


    ตามข้อมูลของศาลโลก ณ ต้นเดือนพฤษภาคม 2554 มีคำร้องขอแก้ไขและขอตีความคำพิพากษา คือ ขอแก้ไขพร้อมขอตีความ 1 คดี ขอแก้ไขคำพิพากษา 2 คดี ขอตีความคำพิพากษา 4 คดี คือ


    1. เรื่องที่ โคลัมเบีย ยื่นคำขอให้ศาลตีความคำตัดสิน ลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2493 คดีมีผู้ขอลี้ภัยเข้าไปในสถานทูตโคลัมเบีย ศาลโลก มีคำพิพากษาลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2493 ไม่รับคำร้องไว้พิจารณา


    2. เรื่องที่ ตูนิเซีย ยื่นคำขอให้ศาลแก้ไขและตีความคำพิพากษา ลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2525 คดีพิพาทเรื่องไหล่ทวีป ระหว่างตูนิเซีย และลิเบีย ศาลมีคำพิพากษาลงวันที่ 10 ธันวาคม 2528 โดยสรุปคือไม่รับคำร้องขอแก้ไขคำพิพากษา รับพิจารณาคำขอตีความเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับตำแหน่งของไหล่ทวีปเฉพาะจุดที่มีความไม่ชัดเจนจุดเดียว


    3. เรื่องที่ ไนจีเรีย ร้องขอให้ตีความคำพิพากษา ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2541 คดีพิพาทเรื่องเขตแดน ระหว่าง คาเมอรูน และไนจีเรีย ในคำตัดสินคำคัดค้านเบื้องต้น ศาลมีคำพิพากษา เมื่อ วันที่ 25 มีนาคม 2542 ไม่รับคำร้อง


    4. เรื่องที่ ยูโกสลาเวีย ร้องขอให้แก้ไขคำพิพากษาลงวันที่ 11 กรกฎาคม 2539 คดีทำลายล้างเผ่าพันธุ์ ระหว่างประเทศบอสเนียและเฮซีโกวีนา และประเทศยูโกสลาเวีย ในคำตัดสินคำคัดค้านเบื้องต้น ศาลมีคำพิพากษาลงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2547 ไม่รับคำร้อง


    5. เรื่องที่ เอลซัลวาดอร์ ร้องขอให้แก้ไขคำพิพากษา ลงวันที่ 11 กันยายน 2535 คดีข้อพิพาทเกี่ยวกับเขตแดนระหว่าง เอลซัลวาดอร์ และฮอนดูรัส โดยมีนิการากัวร้องสอดเข้ามาในคดี ศาลโดยแชมเบอร์ (Chamber) มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2546 ไม่รับคำร้อง


    6. เรื่องที่ เม็กซิโก ยื่นคำร้อง เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2551 ขอให้ตีความคำพิพากษาลงวันที่ 31 มีนาคม 2547 คดี Avena กับชาวเม็กซิกันอีกหลายคนที่ถูกลงโทษประหาร ระหว่างเม็กซิโกกับสหรัฐอเมริกา และเม็กซิโก ร้องขอความคุ้มครองชั่วคราว ศาลมีคำพิพากษาลงวันที่ 16 กรกฎาคม 2551 ให้ความคุ้มครองชั่วคราว โดยให้สหรัฐดำเนินมาตรการที่แน่ใจได้ว่า นักโทษ 5 คนนั้นจะไม่ถูกประหารชีวิต จนกว่าการพิจารณาคดีนี้จะเสร็จสิ้น


    7. เรื่อง ล่าสุด ตามเอกสารข่าวแจก (Press Release) ของศาลโลกลงวันที่ 2 พฤษภาคม 2554 แจงว่า เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2554 กัมพูชา ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลโลกตีความคำพิพากษา ลงวันที่ 15 มิถุนายน 2505 คดี เขาพระวิหาร ระหว่างไทยและกัมพูชา โดย สรุปคำร้องของกัมพูชา คือ ขอให้ศาลตีความ ที่ตัดสินว่าปราสาทเขาพระวิหารตั้งอยู่ในดินแดนอันเป็นอธิปไตยของกัมพูชา ว่า นอกจากตัวปราสาทและบริเวณ (vicinity) แล้วให้กินความถึงพื้นที่ (area) ด้วย โดยอ้างถึงแผนที่ที่ศาลยกขึ้นเป็นหลักในการตัดสินคดีดังกล่าว ในการยื่นคำร้องนี้กัมพูชาอ้างเหตุตามมาตรา 60 ของธรรมนูญศาลโลก ว่า เกิดข้อพิพาท (Dispute) ขึ้นจากการตีความคำพิพากษา ด้วยการยกกรณีความขัดแย้งในการขอขึ้นทะเบียนมรดกโลก และการสู้รบ ตามชายแดนไทยกัมพูชาที่เกิดขึ้น เมื่อเดือนเมษายน 2554 เป็นข้ออ้าง และได้ขอคุ้มครองชั่วคราวด้วย


    คำร้องขอของกัมพูชา มีข้อสังเกต (ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญแต่ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง) คือ


    1. การสู้รบตามชายแดนไทยที่เกิดขึ้นมาตลอดและที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ เป็นที่ชัดเจนว่า เป็นเรื่องที่กัมพูชาเตรียมการไว้ และจงใจก่อเรื่อง เพื่อใช้เป็นข้ออ้างว่ามีข้อพิพาทจากการตีความคำพิพากษา


    2. คำร้องของกัมพูชาไม่ใช่การขอตีความ แต่เป็นการขอขยายความคำพิพากษา ให้กินความเกินเลยไปจากคำพิพากษาเท่ากับเป็นการเปิดคดีใหม่ แม้แต่ตามข่าวแจกของศาลโลกก็เห็นว่าเป็นการเปิดคดีใหม่


    3. คำพิพากษาเรื่องนี้ล่วงเลยมา 49 ปีแล้ว แม้การขอตีความจะไม่ได้กำหนดอายุความไว้ แต่ก็สามารถเทียบเคียงได้จากคำขอแก้ไขคำพิพากษา ตามาตรา 61 ที่กำหนดอายุความไว้ 10 ปี


    ความจริงยังมีข้อสังเกตอีกหลายประการ อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณา ตามรูปคดีแล้วไทยสู้ได้แน่ ขอเพียงคนไทยร่วมใจผนึกกันช่วยกันสู้คดีกับเขมรไปในทิศทางเดียวกัน เขมรแพ้เราแน่

     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 6 พฤษภาคม 2554 18:03แบงก์ชาติอินโดฯห้ามซิตี้แบงก์เปิดสาขาใหม่
    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    [​IMG]
    แบงก์ชาติอินโดฯห้ามซิตี้แบงก์เปิดสาขาใหม่ ขู่ยกเลิกใบอนุญาตหากทำผิดอาญา

    ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (บีไอ) ออกคำสั่งลงโทษธนาคารซิตี้แบงก์ อินโดนีเซีย กรณียักยอกทรัพย์ และการเสียชีวิตของลูกค้าบัตรเครดิต 1 รายหลังถูกทวงถามหนี้จากบริษัทภายนอกที่ทางธนาคารว่าจ้างมา
    ทั้งนี้ บีไอ สั่งห้ามซิตี้แบงก์ อินโดนีเซีย ไม่ให้หาลูกค้าบัตรเครดิตใหม่เป็นเวลา 2 ปี และห้ามซิตี้แบงก์หาลูกค้าชั้นดีรายใหม่สำหรับบริการซิตี้โกลด์เป็นเวลา 1 ปี รวมทั้งห้ามเปิดสำนักงานใหม่ในอินโดนีเซียเป็นเวลา 1 ปี
    นอกจากนี้ บีไอ ยังสั่งซิตี้แบงก์ ไม่ให้ใช้บริการบริษัทรับจ้างทวงหนี้เป็นเวลา3 ปี ขณะที่บีไอ จะทำการตรวจสอบความเหมาะสมของผู้บริหารของทางธนาคาร
    ก่อนหน้านี้ ซิตี้แบงก์แถลงว่า ทางธนาคารได้ว่าจ้างพนักงานฝ่ายติดตามหนี้จำนวน 1,400 อัตราในอินโดนีเซีย หลังจากที่ได้เอาท์ซอร์สหรือทำการว่าจ้างบริษัทภายนอกในการทำหน้าที่ดังกล่าวในช่วงก่อนหน้านี้จนทำให้ลูกหนี้รายหนึ่งของทางธนาคารเสียชีวิต และทำให้บีไอ ระบุว่า ซิตี้แบงก์ได้ละเมิดข้อบังคับของกระบวนการตามมาตรฐานในการเรียกเก็บหนี้
    เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ บีไอ เพิ่งสั่งห้ามธนาคารซิตี้แบงก์ อินโดนีเซีย หาลูกค้าใหม่ในบริการซิตี้โกลด์ ซึ่งเป็นบริการสำหรับลูกค้าชั้นดี หลังจากตำรวจดำเนินการสอบสวนคดียักยอกเงิน ซึ่งการออกคำสั่งห้ามต่อซิตี้แบงก์มีขึ้น ในขณะที่บีไอ กำลังสอบสวนมาตรการควบคุมภายในของทางธนาคาร
    ซิตี้แบงก์ระบุว่า ทางธนาคารได้ตรวจพบการทำธุรกรรมที่ต้องสงสัยในอินโดนีเซีย แต่ไม่ได้ระบุมูลค่าของความเสียหาย
    ตำรวจอินโดนีเซียระบุว่า คดีนี้เกี่ยวข้องกับเงิน 2 ล้านดอลลาร์ และได้ควบคุมตัวนางเมลินดา ลี ซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ในธุรกิจบริหารความมั่งคั่งส่วนบุคคลของซิตี้แบงก์ โดยนางดีมีอายุ 47 ปี
    บีไอ ยังเปิดเผยในวันนี้ว่า จะยกเลิกใบอนุญาตประกอบธุรกิจของซิตี้แบงก์หากการสอบสวนของตำรวจและเจ้าหน้าที่ตรวจสอบการฟอกเงินพบว่าทางธนาคารได้กระทำความผิดทางอาญาจริง


     

แชร์หน้านี้

Loading...