เกาะติดสถานการณ์ ดิน น้ำ ลม ฝน พายุ **เฝ้าระวัง !!!!2556(2013)**

ฝนซ้ำอ.ศรีมหาโพธิปราจีนฯท่วมเกือบ2ม.

By สำนักข่าวไทย TNA News | 27 ก.ย. 2556 08:56 |

ฝนที่ตกลงมาซ้ำอีกตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาในพื้นที่ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนฯ ทำให้ระดับน้ำท่วมเช้าวันนี้ เพิ่มขึ้นอีก 20 ซม. เป็น 1 เมตร 40 ซม. ประชาชนบางส่วนเริ่มอพยพ ขนของหนีน้ำอีกครั้ง เพราะเกรงผลกระทบจากพายุฝน ที่จะกระหน่ำมาอีกระลอก ช่วงวันที่ 28-29 ก.ย.นี้


กบินทร์ปราจีนน้ำเซาะถนนคลองชลประทานทรุด

By สำนักข่าวไทย TNA News | 27 ก.ย. 2556 08:57 |

อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนฯ น้ำได้กัดเซาะถนนเรียบคันคลองชลประทาน เริ่มชำรุด จนท.ต้องเร่งเสริมกระสอบทราย ทำคันดิน เพื่อบรรเทาความแรงของน้ำ เพราะหากคันคลองแตก จะทำให้น้ำทะลักเข้า พื้นที่การเกษตรหลายหมื่นไร่ ของตำบลบ้านหอย อ.ประจันตคาม

 

น้ำท่วม : กรมชลประทาน เตรียมประสานข้อมูลระดับน้ำในแม่น้ำมูล และ ลุ่มน้ำปราจีนบุรี ที่จะเพิ่มสูงสุดช่วง 27-29 กันยายน กับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อการแจ้งเตือนประชาชน รับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้น 27/09/2013 - 07:47 น.

กรมเจ้าท่าควบคุมเดินเรือ : กรมเจ้าท่าประกาศพื้นที่ควบคุมการเดินเรือแถบลุ่มเจ้าพระยา 7 จังหวัด เพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชนที่อยู่อาศัยริมฝั่ง หลังระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงจากการระบายน้ำลงท้ายเขื่อน 27/09/2013 - 08:12 น.

โรงงานอุตสาหกรรม จ.ปราจีนบุรี เสี่ยงน้ำท่วม, ระดับน้ำใน อ.กบินทร์บุรี เพิ่มสูงขึ้น, 27/09/2013 - 08:55 น.


ร้องเปิดประตูระบายน้ำเพิ่ม : ระดับน้ำที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เพิ่มสูงขึ้นเกือบ 1 ม.สร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านเตรียมรวมปิดถนนประท้วงหน้าเทศบาลกบินทร์บุรีเพื่อเรียกร้องให้เปิดประตูระบายน้ำเพิ่มที่ระดับ 1.50 ม. 27/09/2013 - 09:49 น.

Thai PBS

 

หน่วยงานเกี่ยวข้องติดตามการระบายน้ำเจ้าพระยา
Fri, 27/09/2013 - 08:14



กรมเจ้าท่าประกาศพื้นที่ควบคุมการเดินเรือแถบลุ่มเจ้าพระยา 7 จังหวัด เพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชนที่อยู่อาศัยริมฝั่ง หลังระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงจากการระบายน้ำลงท้ายเขื่อน

กรมชลประทานติดตามสถานการณ์น้ำในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา และยืนยันว่ายังสามารถควบคุมปริมาณน้ำที่ระบายจากเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ได้ให้ไม่เกิน 2,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที พร้อมติดตามสถานการณ์ฝนซึ่งเป็นปัจจัยน้ำท่วมขัง เพื่อกำหนดแนวทางการระบายน้ำในพื้นที่ท่วมขัง เพราะหากฝนตกในพื้นที่ตอนล่างมากขึ้น จะทำให้การระยะเวลาการท่วมขังนาน และใช้เวลาการระบายน้ำยาวนานขึ้นจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน ระดับน้ำเจ้าพระยาที่สูงขึ้นจากการระบายน้ำ ทำให้กรมเจ้าท่าออกประกาศกำหนดพื้นที่ควบคุมการเดินเรือช่วงที่ระดับน้ำสูงกว่าปกติ ไม่ให้สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมน้ำ โดยขอให้ระมัดระวังการเดินเรือ ใช้ความเร็วต่ำในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ พระนครศรีอยุธยา สิงห์บุรี และอ่างทอง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ และเรือยนต์ตรวจการณ์ออกปฏิบัติงานประจำจุดเสี่ยง รวมถึงติดตามสถานการณ์ระดับน้ำ และจัดเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ต่างๆ เช่นเดียวกับการประปานครหลวง หรือ กปน.ติดตามการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา โดยหากพบการระบายน้ำเพิ่มเป็น 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาน้ำดิบทันที เพื่อปรับแผนการผลิตน้ำประปา พร้อมระดมเจ้าหน้าที่จัดการแผนป้องกันน้ำไหลทะลักท่วมจนกระทบกับการผลิตน้ำประปา

Thai PBS

 

กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศประจำวันศุกร์ที่้ 27 กันยายน 2556
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนยังคงแผ่ลงมาปกคลุมตอนบนของประเทศไทย ทำให้ ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

จากนั้นในช่วงวันที่ 28-29 กันยายน 2556 ร่องมรสุมนี้จะเลื่อนลงมาผ่านภาคกลาง และภาคตะวันออก ส่งผลให้ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนตกหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก สุโขทัย กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ ชัยภูมิ ร้อยเอ็ด นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ อุบลราชธานี นครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี ปราจีนบุรี สระแก้ว นครนายก จันทบุรี และตราด จึงขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ที่จะเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย

อนึ่ง เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ (27 ก.ย.) พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ ยังคงมีศูนย์กลางอยู่บริเวณ ด้านตะวันตกของประเทศฟิลิปปินส์ คาดว่า พายุนี้จะมีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนในระยะต่อไป และมีแนวโน้มเคลื่อนตัวเข้าสู่ชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลางในช่วงวันที่ 30 กันยายน ถึง 1 ตุลาคม 2556 ซึ่งจะส่งผลกระทบให้ ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของประเทศไทยมีฝนตกหนักได้

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักและลมกระโชกแรงบางแห่ง บริเวณจังหวัดตาก สุโขทัย กำแพงเพชร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนัก และลมกระโชกแรงบางแห่ง บริเวณจังหวัดเลย ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี และสระบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆมาก โอกาสมีฝนตก ร้อยละ 70 อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

 

ศรีสะเกษอ่วมน้ำชีหนุนน้ำมูลเพิ่มขึ้น
วันศุกร์ที่ 27 กันยายน 2556 เวลา 09:23 น.















เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้สถานการณ์น้ำในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ จะเริ่มลดระดับและคลี่คลายลงอย่างช้าๆ แต่ยังคงมีหลายพื้นที่ ที่ถูกน้ำท่วมขังอยู่ โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มริมฝั่งลำน้ำห้วยสำราญ ในเขตเทศบาลเมืองศรีสะเกษ โดยเฉพาะที่วัดโนนสำนัก ต.หญ้าปล้อง อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ น้ำยังคงท่วมสูง 1-2 เมตร พระสงฆ์ต้องพายเรือออกมาบิณฑบาตด้วยตนเอง เนื่องจากญาติโยมไม่มีเรือนำอาหารไปถวายพระที่วัดได้ รวมไปถึงโรงเรียนบ้านโนนสำนักซึ่งอยู่ติดกับวัดถูกน้ำท่วมด้วยเช่นเดียวกัน ทางโรงเรียนจึงต้องสั่งปิดเรียนโดยไม่มีกำหนด

นายประทีป กีรติเรขา ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ว่า ขณะนี้มีพื้นที่ประสบอุทกภัยแล้ว จำนวน 21 อำเภอ จากทั้งหมด 22 อำเภอ โดยปริมาณน้ำจากลำห้วยสำราญ ที่ไหลผ่านเขตเทศบาลเมืองศรีสะเกษลงแม่น้ำมูลในขณะนี้ เริ่มทรงตัวและไหลช้าลง ขณะที่ระดับน้ำในแม่น้ำมูลมีปริมาณสูงขึ้น ประกอบกับมีน้ำชีหนุน จะส่งผลทำให้ ระดับน้ำในลำห้วยสำราญและลำห้วยสาขา ในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ จะค่อยๆ ลดลงอย่างช้าๆ และคาดการณ์ว่าหากไม่มีพายุฝนตกหนักในระยะนี้ ระดับน้ำจะลดลงอยู่ในระดับตลิ่งในวันที่ 29-30 ก.ย. นี้.

ศรีสะเกษอ่วมน้ำชีหนุนน้ำมูลเพิ่มขึ้น | เดลินิวส์

 

ติดตามสถานการณ์น้ำในเขื่อนกันหน่อยครับ

<a href="http://pic.free.in.th/id/fa4cd8f124311eedd5fd039ac3d34f66" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/ip/130927104556.gif" alt="images by free.in.th" /></a>

 

กทม.เปิดเดินเครื่องอุโมงค์ยักษ์เร่งระบายน้ำเต็มสูบ ห่วงปริมาณน้ำเหนือที่ไหลผ่านกรุงเทพฯ



เมื่อเวลา14.00น. วันที่25ก.ย. ที่บริเวณบึงพระราม9 เขตห้วยขวาง นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมอุโมงค์ระบายน้ำคลองแสนแสบ และคลองลาดพร้าว บริเวณบึงพระราม9 ซึ่งเป็นอุโมงค์ที่ใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำจากคลองแสนแสบ และคลองลาดพร้าวไปสู่คลองพระโขนง และระบายออกแม่น้ำเจ้าพระยา อุโมงค์ดังกล่าวมีความยาว 5-6 กิโลเมตร มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 เมตร โดยมีศักยภาพการระบายน้ำได้ 60 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยอุโมงคสามารถช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ได้แก่ บางกะปิ ลาดพร้าว วังทองหลาง บึงกุ่ม หัวยขวาง สะพานสูง และพื้นที่ใกล้เคียงครอบคลุมพื้นที่ 50 ตารางกิโลเมตร นายอมร กล่าวว่า ขณะนี้อุโมงค์ยักษ์เดินเครื่องเต็มกำลังทั้ง4 เครื่อง และตนได้สั่งสำนักระบายน้ำ(สนน.) ร่วมกับสำนักงานเขตและหน่วยเบสท์ ทำหน้าที่เร่งสูบน้ำที่ท่วมขังบนผิวจราจรและจุดอ่อนน้ำท่วมจุดต่างๆ ลงสู่คลองให้เร็วที่สุด มีเพียงบางจุดที่ต้องใช้เวลาในการระบายน้ำนาน เช่น หมู่บ้านกรุงเทพกีฑา ทั้งนี้กทม.ได้เร่งระบายน้ำเหนือเพื่อช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งส่วนสำคัญที่ช่วยในการระบายน้ำคืออุโมงค์ยักษ์ พร้อมกันนี้กทม.ได้มอบหมายให้สนน.ควบคุมการระบายน้ำ ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาโดยเร็วที่สุด นายอมรกล่าวต่อว่า กทม.ยังกังวลในเรื่องของมวลน้ำเหนือขนาดใหญ่ที่จะไหลผ่านมายังพื้นที่กรุงเทพฯ อีก 500 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งอาจจะทำให้ปริมาณน้ำเหนือที่ไหลผ่านแม่น้ำเจ้าพระยามีเกิน 3,000 ลบ.มต่อวินาที ซึ่งจะเกินขีดความสามารถของกทม.ที่จะรับมือได้ อย่างไรก็ตาม กทม.พยายามอย่างเต็มที่ในการระบายน้ำเหนือ แต่ก็ต้องขอความเห็นใจจากรัฐบาลด้วย เนื่องจากกรุงเทพฯเป็นเมืองหลวงหากเกิดน้ำท่วมก็จะเกิดผลกระทบไม่เพียงแต่ความเดือดร้อนของประชาชนเท่านั้น แต่ยังส่งผลไปถึงภาคเศรษฐกิจโดยร่วมของประเทศด้วย ส่วนการคาดการปริมาณฝนตกในช่วงนี้มีแนวโน้มว่าจะมีปริมาณน้ำฝนเพิ่มมากขึ้น เพราะกรุงเทพฯยังอยู่ในร่องความกดอากาศต่ำ ซึ่งจะส่งผลให้พื้นที่กรุงเทพฯเกิดฝนตกไปจนถึงสิ้นเดือนก.ย.นี้ อย่างไรก็ตามกทม.ยังต้องการอุโมงค์ระบายน้ำขนาดใหญ่ให้ครบทั้ง. 6 แห่ง ให้ครอบคลุมพื้นที่ทั้วกรุงเทพฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำให้มากขึ้น

กทม.เปิดเดินเครื่องอุโมงค์ยักษ์เร่งระบายน้ำเต็มสูบ ห่วงปริมาณน้ำเหนือที่ไหลผ่านกรุงเ

 

ถนนริมน้ำน่านทรุดฮวบ ลึกกว่า 7 เมตร เสาไฟ-รั้วบ้านพังเป็นแถบ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กันยายน 2556 09:42 น

พิษณุโลก - ฝนตกหนัก ทำให้ถนนริมน้ำน่านเขตเทศบาลนครพิษณุโลก ทรุดลึกกว่า 7 เมตร ยาว 100 เมตร แถมกระแสน้ำกัดเซาะตลิ่งเพิ่มจนเสาไฟล้ม-รั้วบ้านพัง

เช้าวันนี้ (27 ก.ย.56) นายบุญทรง แทนธานี นายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก ได้เดินทางไปตรวจสอบเหตุถนนริมตลิ่งแม่น้ำน่าน หรือถนนวังจันทน์ บริเวณหน้าโรงเรียนพลตำรวจ (เดิม) ในเขตเทศบาลนครพิษณุโลก ที่เกิดการทรุดตัวลึกกว่า 7 เมตร เป็นระยะทางยาวกว่า 100 เมตร เมื่อเวลาเกือบ 22.00 น.คืนที่ผ่านมา (26 ก.ย.) เนื่องจากฝนตกหนักช่วงเย็นและต่อเนื่องถึงยามค่ำคืน ทำให้หน้าดินริมถนนไม่สามารถอุ้มน้ำได้ เกิดทรุดตัวลงประกอบกับแม่น้ำน่านกัดเซาะมานาน

ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวยังทำให้ต้นไม้ และเสาไฟฟ้าหักโค่นล้มครืนลงจากตลิ่งลงไปแม่น้ำด้วย ขณะเดียวกันกระแสน้ำ ยังกัดเซาะดินริมตลิ่งเข้าไปในรั้วบ้านของนายถาวร สิทธิสาร เลขที่ 98/5 ถนนวังจันทน์ อ.เมืองพิษณุโลก ทรุดตัวไปพร้อมกับตลิ่งด้วย คงเหลือแต่ท่อประปาที่หักเป็นท่อนโผล่มาให้เห็นเท่านั้น

นายถาวร กล่าวว่า ตนเองสังเกตเห็นถนนหน้าบ้านเริ่มทรุดมานานแล้ว เพราะถูกน้ำกัดเซาะริมตลิ่ง ทำให้ถนนค่อยๆยุบ กระทั่งคืนที่ผ่านมา ฝนตกหนัก ทำให้ตลิ่งเริ่มยุบตัวเพิ่ม กระทั่งเวลา 3 ทุ่มเศษๆ ตนกำลังกินข้าวอยู่ในบ้าน ได้ยินดินถล่มเสียงดัง จึงลุกมาดูหน้าบ้านก็พบว่า น้ำได้กัดเซาะถนน และกำแพงบ้านของตนเองพังไปแล้ว จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่เทศบาลมาตรวจสอบทันที

“เท่าที่เห็นมีบ้านข้างเคียง ถูกแม่น้ำกัดเซาะหน้าบ้านพังเสียหายจำนวน 3 หลังคาเรือน เสาไฟฟ้า 2 ต้นล้มตามไปด้วย”

 

ผู้ว่าฯ ชัยภูมิเร่งช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กันยายน 2556 09:17 น

นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ขณะนี้ ว่า มีพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมทั้งหมด 8 อำเภอ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ลุ่ม และพื้นที่ทางการเกษตร โดยเฉพาะพื้นที่นา ล่าสุดถูกน้ำท่วมไปแล้วกว่า 200,000 ไร่ ส่วนอำเภอที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ขณะนี้ คือ อำเภอจตุรัส เนื่องจากล่าสุดระดับน้ำสูงถึง 50 เซนติเมตร มีหมู่บ้านถูกตัดขาด 5 หมู่บ้าน ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทั้ง 5 หมู่บ้านแล้ว
ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ กล่าวอีกว่า ในส่วนของพนังกั้นน้ำ ล่าสุดพังเสียหายทั้งหมด 3 จุด คือ ที่อำเภอบ้านเขว้า 2 จุด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำกระสอบทรายไปกั้นชะลอความเร็วของน้ำแล้ว ส่วนพนังกั้นน้ำลำน้ำชี ในอำเภอหนองบัวแดง ที่แตกเป็นทางยาว 10 เมตร เช้าวันนี้ (26 ก.ย.) ได้นำอุปกรณ์เข้าไปในพื้นที่เพื่อซ่อมแซมและกั้นไม่ให้น้ำไหลเข้ามาเติม ส่วนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดชัยภูมิ มีทั้งหมด 2 ราย คือ ผู้สูงอายุที่ออกไปหาปลา และเด็กที่ออกไปเล่นน้ำจนถูกน้ำพัดเสียชีวิต

 

กรมชลฯห่วงน้ำท่วมหลายพื้นที่-ชี้สถานการณ์ยังไม่พ้นช่วงวิกฤต

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กันยายน 2556 09:28 น.

นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า เป็นห่วงสถานการณ์ฝนที่จะตกต่อเนื่องในหลายพื้นที่ หลังจากกรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศเตือนถึงร่องความกดอากาศที่จะพาดผ่านหลายพื้นที่ ระหว่างวันที่ 18-29 กันยายนนี้ โดยเฉพาะในภาคอีสาน ซึ่งมีน้ำท่วมอยู่หลายจังหวัดแล้ว การที่ปริมาณน้ำฝนตกเพิ่มจะทำให้สถานการณ์น่าเป็นห่วงมากขึ้น
ทั้งนี้ ยอมรับว่า ระบบชลประทานที่มีอยู่ในบางพื้นที่อาจต้องมีการตัดสินใจของทางจังหวัดที่จะเปิดประตูระบายน้ำ เพื่อการบริหารจัดการน้ำในช่วงนี้ก่อน และเชื่อว่าสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่ผ่านจุดวิกฤตที่สุดไป
นอกจากนี้ นายเลิศวิโรจน์ ยอมรับอีกว่า ระบบชลประทานที่มีการทำประตูระบายน้ำ เพื่อคอยเปิด-ปิด และบริหารน้ำขณะนี้มีอยู่ 20 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมด ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารจัดการน้ำในช่วงที่ประเทศไทยยังไม่มีระบบป้องกันอุทกภัย



ชาวปราจีนฯเร่งอพยพหนีน้ำ หวั่นพายุกระหน่ำซ้ำ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กันยายน 2556 09:32 น.

เช้าวันนี้ (27 ก.ย.) ระดับน้ำท่วมในพื้นที่ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี เพิ่มขึ้นอีก 20 เซนติเมตร เป็น 1 เมตร 40 เซนติเมตร หลังฝนตกลงมาซ้ำอีกตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ประชาชนบางส่วนเริ่มอพยพขนของหนีน้ำอีกครั้ง เพราะเกรงผลกระทบจากพายุฝนที่จะกระหน่ำลงมาอีกระลอกในช่วงวันที่ 28-29 กันยายนนี้
ขณะที่ อ.กบินทร์บุรี หมู่ 5 และหมู่ 7 น้ำได้กัดเซาะถนนเลียบคันคลองชลประทานจนชำรุด เจ้าหน้าที่ต้องเร่งเสริมกระสอบทรายทำคันดิน เพื่อบรรเทาความแรงของน้ำ เพราะหากคันคลองแตกจะทำให้น้ำทะลักเข้าพื้นที่การเกษตรหลายหมื่นไร่ ของ ต.บ้านหอย อ.ประจันตคาม

 

ปราจีนฯ วิกฤต! น้ำท่วมศรีมโหสถแล้ว-รถไฟหยุดให้บริการ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กันยายน 2556 10:19 น

สถานการณ์น้ำที่ จ.ปราจีนบุรี เริ่มวิกฤตมากขึ้น โดยที่ประตูระบายน้ำหาดยาง อ.ศรีมหาโพธิ ขณะนี้ ระดับน้ำได้ล้นประตูทะลักเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรของ อ.ศรีมโหสถ แล้ว นอกจากนี้ สถานีรถไฟสายปราจีนบุรี-อรัญประเทศ ต้องประกาศหยุดเดินรถชั่วคราว เนื่องจากน้ำท่วมรางรถไฟ ไม่สามารถใช้บริการได้



รมช.คมนาคมสั่งเจ้าท่าเตรียมพร้อมช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กันยายน 2556 10:25 น.

นายพ้อง ชีวานันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมเจ้าท่าเตรียมมาตรการและแผนรองรับระดับน้ำที่คาดว่าจะสูงขึ้น หลังจากได้รับอิทธิพลจากความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีน แผ่ลงมาปกคลุมตอนบนของประเทศไทย ทำให้มรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีกำลังแรง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงเหนือพัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางแห่ง จึงเป็นเหตุให้เกิดอุทกภัยอย่างหนักในช่วงวันที่ 27 กันยายนนี้ เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย โดยให้ทุกหน่วยงานเตรียมบุคลากร เครื่องมือ และยานพาหนะ ให้พร้อมปฏิบัติงาน พร้อมกำชับให้รายงานสถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำและลำคลอง หากพบว่าระดับมีปริมาณที่สูง ไม่ปลอดภัยในการเดินเรือ หรืออาจมีผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำ ลำคลอง เกิดความเสียหายจากการเดินเรือ ให้กรมเจ้าท่าออกประกาศแจ้งเตือน และกำหนดพื้นที่ควบคุมการเดินเรือ

 

กรุงเก่าน้ำยังท่วมหนักสูงขึ้นอีก 10 ซม. วัด เมรุ โบสถ์จม

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กันยายน 2556 10:19 น


พระนครศรีอยุธยา - ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา หน้าวัดไชยวัฒนารามในกรุงเก่าสูงขึ้นอีก 10 เซนติเมตร วัดหลายวัด เมรุ โบสถ์ ถูกน้ำเข้าท่วม

วันนี้ (27 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบว่า ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้นอีก 10 เซนติเมตร หน้าวัดไชยวัฒนาราม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา น้ำขึ้นมาถึงแนวบังเกอร์กันน้ำแล้ว 30 เซนติเมตร แต่ยังคงสามารถป้องกันตัวโบราณสถานได้

ขณะที่แม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหล่ผ่านในพื้นที่ตำบลไทรน้อย อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำก็ยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้วัดหลายวัดในพื้นที่ เมรุ โบสถ์ ถูกน้ำเข้าท่วม ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ได้รับผลกระทบ อย่างที่บ้านของ นางบังอร จำนงศร อายุ 64 ปี ชาวบ้านหมู่ 7 ตำบลไทรน้อย อำเภอบางบาล ตอนนี้เหลือไม่มากนักน้ำก็จะท่วมถึงพื้นบ้าน ถ้าปริมาณน้ำยังขึ้นสูงกว่านี้อีก 10-20 เซนติเมตร ก็จำเป็นต้องย้ายออกจากบ้านไปอาศัยเขาอยู่ด้านนอกชั่วคราวเนื่องจากบ้านของตนเองมีลูกหลานเด็กเล็กอยู่กลัวจะไม่ปลอดภัย ในส่วนทรัพย์สินจำเป็นต้องเอาออกไปบางส่วนเท่าที่นำไปได้ ถ้าของชิ้นใหญ่ก็จะใช้อิฐมารองหนุนไว้

สำหรับพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อช่วงเช้ามีฝนตกโปรยปรายลงมาบ้าง ซึ่งจากการสำรวจระดับน้ำในคลองบางบาล และแม่น้ำเจ้าพระยา พบว่า วันนี้กระแสน้ำไหลแรงขึ้น

ส่วนบริเวณริมถนนด้านนอกของชุมชนวัดยม ทางเทศบาลตำบลมหาพราหมณ์ ได้นำเต็นท์มาติดตั้งไว้ให้ชาวบ้านได้มาพักอาศัย แต่ชาวบ้านส่วนมากยังเลือกที่จะพักอาศัยอยู่ในบ้านของตนเอง และนำรถยนต์ รถจักรยานยนต์มาจอดไว้ภายในเต็นท์เพื่อหนีน้ำท่วม

ด้านเขื่อนพระราม 6 พบว่า เช้าวันนี้มีการระบายน้ำอยู่ที่ 320 ลบ.ม./วินาที อาจส่งผลให้ปริมาณน้ำในเขตพื้นที่อำเภอท่าเรือ อำเภอนครหลวง มีปริมาณน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น 15-20 เซนติเมตร จึงอยากให้ชาวบ้านที่อยู่ริมแม่น้ำเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด ทรัพย์สินใดที่สามารถเตรียมเก็บได้ให้ยกย้ายขึ้นไว้ในที่สูงเพื่อความปลอดภัย

อุตุฯ เตือน23 จังหวัดฝนตกหนัก

ด้านกรมอุตุนิยมวิทยา ได้ประกาศเรื่อง "ฝนตกหนักบริเวณประเทศไทย" ฉบับที่ 12 ลงวันที่ 27 ก.ย.2556 ระบุว่าบริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีน ยังคงแผ่ลงมาปกคลุมตอนบนของประเทศไทย ทำให้ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และในช่วงวันที่ 28-29 ก.ย.นี้ ร่องมรสุมนี้จะเลื่อนลงมาผ่านภาคกลาง และภาคตะวันออก ส่งผลให้ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนตกหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณ จ.ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ ชัยภูมิ ร้อยเอ็ด นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ อุบลราชธานี นครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี ปราจีนบุรี สระแก้ว นครนายก จันทบุรี และ จ.ตราด จึงขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่จะเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย

อนึ่ง เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ (27 ก.ย.) พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ ยังคงมีศูนย์กลางอยู่บริเวณ ด้านตะวันตกของประเทศฟิลิปปินส์ คาดว่า พายุนี้จะมีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนในระยะต่อไป และมีแนวโน้มเคลื่อนตัวเข้าสู่ชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลางในช่วงวันที่ 30 ก.ย.-1 ต.ค.นี้ ถึง 1 ซึ่งจะส่งผลกระทบให้ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของประเทศไทยมีฝนตกหนักได้ ส่วน กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆมาก โอกาสมีฝนตก ร้อยละ 70

 

น้ำท่วมอุบลฯ ทำ ปชช.เครียด-จนท.เร่งลงพื้นที่ช่วยเหลือ

27 กันยายน 2556 10:29 น.

น.ส.สมปรารถนา วิกรัยเจิดเจริญ นายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี พร้อมคณะ ได้นำถุงยังชีพ ข้าวสารอาหารแห้ง และเครื่องเวชภัณฑ์ จำนวนกว่า 500 ชุด ไปมอบให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบถูกน้ำจากลำน้ำมูลไหลเข้าท่วมที่ชุมชนโรงเรียนเทศบาลบูรพาและชุมชนหาดวัดใต้ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประสบภัยในเบื้องต้น
พร้อมกันนี้ ทางเทศบาลยังได้จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกตรวจสุขภาพให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ในเต้นท์ที่เทศบาลจัดเตรียมไว้ ซึ่งพบว่า ผู้ประสบภัยส่วนใหญ่เกิดป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ น้ำกัดเท้า และภาวะโรคเครียดเพิ่มสูงขึ้น
สำหรับเทศบาลนครอุบลราชธานี มีน้ำท่วมทั้งสิ้น 19 ชุมชน ประชาชนเดือดร้อนกว่า 1,100 ครอบครัว




กฟผ.พร้อมรับมือดีเปรสชั่นลูกใหม่ ติดตามน้ำเขื่อนอีสานใกล้ชิด

27 กันยายน 2556 10:35 น.

นายกิตติ ตันเจริญ ผู้ช่วยผู้ว่าการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า จากที่มีฝนตกชุกในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อน กฟผ.หลายแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขื่อนสิรินธร ได้รับผลกระทบโดยตรง
สำหรับเขื่อนอื่นๆ ที่ได้รับอิทธิพล และมีปริมาณน้ำในอ่างเพิ่มขึ้นเกินร้อยละ 80 ของความจุ คือ เขื่อนศรีนครินทร์ มีปริมาณน้ำในอ่างร้อยละ 83 ของความจุ แต่ยังมีความจุรองรับน้ำได้อีก 3,000 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงไม่อยู่ในเกณฑ์ที่น่าเป็นห่วง ด้านเขื่อนอุบลรัตน์ มีปริมาณน้ำในอ่างเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 95 ของความจุ และมีระดับน้ำในอ่างสูงกว่าระดับน้ำควบคุม กำลังปรับเพิ่มการระบายน้ำจากวันละ 3 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นวันละ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อเตรียมรับสถานการณ์พายุดีเปรสชันที่อาจส่งผลกระทบต่อเขื่อนอุบลรัตน์ได้ ส่วนเขื่อนอื่นๆ สถานการณ์ยังไม่น่าเป็นห่วง


เหนือ-อีสานน้ำยังท่วมสูง ทีมแพทย์เร่งเยียวยาผู้ประสบภัย

27 กันยายน 2556 11:27 น.

สถานการณ์น้ำทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังมีน้ำท่วมสูง โดยน้ำจากลำน้ำร่องช้าง อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา ได้ไหลเข้าท่วมเขตเทศบาลเมืองดอกคำใต้ บ้านเรือนหลายร้อยหลังใน 10 หมู่บ้าน ถูกน้ำท่วมสูง 30-50 เซนติเมตร โรงเรียนหลายแห่งต้องปิดชั่วคราว เจ้าหน้าที่คาดว่า ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้น และขยายวงกว้างไปอีก เนื่องจากยังมีฝนตกลงมา และน้ำจากทางด้านบนยังไหลเข้าสมทบอย่างต่อเนื่อง
ส่วนที่ จ.ยโสธร แพทย์จากโรงพยาบาลป่าติ้ว เร่งออกหน่วยบริการตรวจรักษาโรคที่บ้านกลาง-สระเกษ ต.โพธิ์ไทร อ.ป่าติ้ว หลังหมู่บ้านแห่งนี้ถูกน้ำท่วมสูงนานกว่า 1 สัปดาห์ พบผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นโรคน้ำกัดเท้า โรคซึมเศร้า และท้องร่วง เช่นเดียวกับที่ จ.บุรีรัมย์ คณะแพทย์จากโรงพยาบาลค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ออกหน่วยเคลื่อนที่ตรวจรักษาโรค และฟื้นฟูสภาพจิตใจชาวบ้านสวายสอ และบ้านสวรรค์น้อย ต.ชุมแสง อ.กระสัง ที่ถูกน้ำชีเอ่อท่วมบ้านเรือนและถนนรอบหมู่บ้านสูง 2-3 เมตร จนไม่สามารถพาผู้ป่วยออกมารักษาได้ เช่นเดียวกับในหลายจังหวัดภาคอีสานตอนล่าง ที่สถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย
ขณะที่ชาวบ้านใน ต.ป่าโมก อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ซึ่งอยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา กังวลกับระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไหลเชี่ยวจนทำให้คันดินป้องกันน้ำท่วมพังทลาย และอาจส่งผลน้ำไหลทะลักท่วมหมู่บ้านได้


กรอ.สั่งเสริมขอบบิ๊กแบ็กสวนอุตสาหกรรม 304 เชื่อไม่ท่วมแน่

นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือ กรอ. เดินทางไปตรวจแนวการวางบิ๊กแบ็กในสวนอุตสาหกรรม 304 ปราจีนบุรี หลังพบว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นชิดขอบบิ๊กแบ็ก จึงสั่งการให้เสริมแนวกระสอบทรายอีก 3 ชั้น ระยะทางยาวกว่า 300 เมตร เพื่อให้ความสูงเกิน 1 เมตร 50 เซนติเมตร และมั่นใจว่า น้ำจะไม่เข้าท่วมสวนนิคมอุตสาหกรรม 304 แน่นอน พร้อมนำขบวนรถบิ๊กแบ็กเคลื่อนที่สำรองไว้อีก 1 ชุด โดยขบวนนี้สามารถเสริมแนวได้ทันท่วงทีหากน้ำท่วมฉับพลัน

*********แสดงว่าเริ่มไม่มันใจสถานการณ์และหน่วยเหนือแล้ว******

 

น้ำท่วมบ้านเรือนอ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา เกือบครึ่งเมตร



ฝนที่ตกอย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นที่ภาคเหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือ มีน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะอ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา น้ำท่วมบ้านเรือนใน 10 หมู่บ้าน สูงเกือบครึ่งเมตร

ฝนที่ตกหนักในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ทำให้น้ำจากลำน้ำร่องช้าง ในอ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา ท่วมเขตเทศบาลเมืองดอกคำใต้ บ้านเรือนหลายร้อยหลัง ใน 10 หมู่บ้าน ถูกน้ำท่วมสูง 30-50 เซนติเมตร โรงเรียนหลายแห่งต้องปิดชั่วคราว เจ้าหน้าที่คาดว่าระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้น และขยายวงกว้างไปอีก เนื่องจากยังมีฝนตกลงมา และน้ำจากทางด้านบนยังไหลเข้าสมทบอย่างต่อเนื่อง

ส่วนที่จ.ยโสธร แพทย์จากโรงพยาบาลป่าติ้ว เร่งออกหน่วยบริการตรวจรักษาโรคที่บ้านกลาง-สระเกษ ต.โพธิ์ไทร อ.ป่าติ้ว หลังหมู่บ้านแห่งนี้ถูกน้ำท่วมสูงนานกว่า 1 สัปดาห์ โดยพบผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นโรคน้ำกัดเท้า, โรคซึมเศร้า และท้องร่วง เช่นเดียวกับที่จ.บุรีรัมย์ คณะแพทย์จากโรงพยาบาลค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ออกหน่วยเคลื่อนที่ตรวจรักษาโรค และ ฟื้นฟูสภาพจิตใจชาวบ้านสวายสอ และบ้านสวรรค์น้อย ต.ชุมแสง อ.กระสัง ที่ถูกน้ำชีเอ่อท่วมบ้านเรือนและถนนรอบหมู่บ้านสูง 2 - 3 เมตร จนไม่สามารถพาผู้ป่วยออกมารักษาได้ เช่นเดียวกับพื้นที่หลายจ.อีสานตอนล่างที่สถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย ขณะที่ชาวบ้านในต.ป่าโมก อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ซึ่งอยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา กังวลกับระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและไหลเชี่ยวจนทำให้คันดินป้องกันน้ำท่วมพังทลาย และอาจขาด ส่งผลน้ำไหลทะลักท่วมหมู่บ้านได้

Thai PBS

 

เตรียมเพิ่มกำลังช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม อ.นาเยีย จ.อุบลราชธานี
Fri, 27/09/2013 - 10:39



ชาวนาในอำเภอเมืองนครนายก เร่งเกี่ยวข้าว หลังน้ำจาก จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นเขตติดต่อกันไหลเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรสูงเกือบ 1 เมตร ขณะที่ จ.อุบลราชธานี เตรียมเพิ่มเจ้าหน้าที่ เข้าช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ 3 ตำบล ของ อ.นาเยีย หลังกระแสน้ำพัดคอสะพานขาด และท่วมเส้นทางเข้าออกอำเภอทุกสาย

เจ้าหน้าที่ จ.นครนายก ยังคงต้องใช้เรือบรรทุกน้ำและถุงยังชีพ เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยใน อ.นาเยีย 3 ตำบล 35 หมู่บ้าน หลังจากกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวแรง ได้กัดเซาะคอสะพานจนขาด และ ท่วมทางเข้าออกในเขตอำเภอทุกสาย ซึ่งทางจังหวัดเตรียมส่งกำลังพลกว่า 6,000 นาย พร้อมเรือท้องแบนและรถบรรทุกขนาดใหญ่ ไว้คอยช่วยเหลือผู้ประสบภัย เนื่องจากน้ำในลำน้ำมูล ยังล้นตลิ่งอยู่กว่า 1 เมตร และ มีพื้นที่ถูกน้ำท่วมถึง 17 อำเภอ

ส่วนฝนที่ตกติดต่อกันหลายวันใน จ.ชัยภูมิ ทำให้น้ำในลำน้ำชีเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้พนังกั้นน้ำ อ.บ้านเขว้าชำรุด และน้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้านหนองโสมง กว่า 100 หลังคาเรือน รวมทั้งพื้นที่การเกษตร ระดับน้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตร นอกจากนี้ น้ำในแม่น้ำชี ที่เอ่อล้นตลิ่ง ยังทำให้โรงเรียน 4 แห่ง ต้องปิดเรียนอย่างไม่มีกำหนด

ขณะที่ ชาวบ้านจาก 4 ตำบล คือ ต.ทัพทัน, ต.โคกหม้อ, ต.หนองหญ้าปล้อง, ต.ทุ่งนาไทย อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี พื้นที่เหนือเขื่อนวังร่มเกล้า ชุมนุมเรียกร้องให้ชลประทาน เพิ่มการระบายน้ำลงท้ายเขื่อน หลังจากบ้านเรือน และนาข้าวถูกน้ำท่วมสูง เสียหายนับหมื่นไร่ ก่อนที่ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ประธานคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร จะเข้าเจรจา และได้ข้อสรุปร่วมกันให้ชลประทานทดลอง ยกประตูระบายน้ำ เฉพาะบานกลางสูงขึ้นอีก 10 เซนติเมตร เพราะหากระบายน้ำมากเกินไป จะกระทบพื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่, ต.เนินแจง, ต.หนองไผ่แบน และ อ.เมือง ซึ่งอยู่ท้ายเขื่อนเช่นกัน

ที่จังหวัดสระแก้ว มวลน้ำที่ไหลไปสมทบที่จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ระดับน้ำลดลงต่อเนื่อง คงเหลือบ้านเรือนบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมคลอง รวม 223 ครัวเรือน ใน 10 หมู่บ้าน ที่ตำบลศาลาลำดวน และ ตำบลบ้านแก้ง อำเภอเมืองสระแก้ว ที่ยังคงถูกน้ำท่วม

ส่วนชาวนาที่ ต.ศรีจุฬา อ.เมือง จ.นครนายก ต้องเร่งเกี่ยวข้าว ท่ามกลางน้ำที่ท่วมสูง หลังน้ำจาก อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นเขตติดต่อกันไหลลงมาสมทบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดพื้นที่การเกษตร ระดับน้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตรแล้ว

ด้านการรถไฟแห่งประเทศไทย ประกาศงดเดินขบวนรถโดยสารชานเมืองที่ 279 เส้นทางกรุงเทพฯ-อรัญประเทศ ตั้งแต่ช่วงสถานีปราจีนบุรี ถึงอรัญประเทศ ชั่วคราว เนื่องจากระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นอุปสรรคต่อระบบสื่อสารสัญญาณโทรคมนาคมการเดินรถไฟ

Thai PBS

 

กรมชลฯ ยันน้ำท่วม อ่างทอง-อยุธยา ไม่กระทบ กทม.
Fri, 27/09/2013 - 10:42



อธิบดีกรมชลประทานยืนยันสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.อ่างทอง และ จ.พระนครศรีอยุธยาไม่กระทบกับ กทม. อย่างแน่นอน ส่วนสถานการณ์น้ำใน จ.ปราจีนบุรี และ จ.นครนายก คาดว่าจะคงที่ภายใน 1-2 วันหากไม่มีฝนตกเพิ่ม

นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน ระบุถึงการบริหารจัดการน้ำในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาว่า ขณะนี้ยังไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากทางกรมชลประทานเร่งระบายน้ำโดยเร็วที่สุดเพื่อเตรียมพื้นที่ในการรอรับน้ำรอบใหม่ ซึ่งการระบายน้ำในลักษณะเช่นนี้อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ริมตลิ่ง ทางกรมชลประทานจะพยายามคงอัตราการระบายน้ำให้อยู่ที่ 2,195 ลูกบากศ์เมตรต่อวินาที ซึ่งขณะนี้สถานการณ์น้ำเหนือที่ระบายลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเริ่มลดลง ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำสะแกกรังยังมีระดับเท่าเดิม ทั้งนี้ ต้องรอดูสถานการณ์ร่องมรสุมที่จะเกิดขึ้นว่ามีมากน้อยเพียงใด



ส่วนพื้นที่ด้านตะวันออกอย่าง จ.ปราจีนบุรี และ จ.นครนายก ที่ชาวบ้านเรียกร้องให้เปิดประตูระบายน้ำเพิ่มนั้น ทางกรมชลประทานต้องพิจารณาตามสถานการณ์ด้วย เนื่องจากการเปิดประตูระบายน้ำเพิ่มตามที่ชาวบ้านเรียกร้องนั้น อาจทำให้พื้นที่ที่ยังไม่มีการเก็บเกี่ยวเกิดความเสียหายได้ ซึ่งขณะนี้ถ้าน้ำในแม่น้ำปราจีนบุรีไม่มีน้ำเพิ่มมากขึ้น คาดว่าภายใน 1-2 วันนี้สถานการณ์น้ำจะเริ่มคงที่ และจะเริ่มลดระดับลง

ทั้งนี้กรมชลประทานพร้อมให้ความช่วยเหลือแก้ไขปัญหาในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อน ทั้งในพื้นที่ที่มีระบบชลประทาน ส่วนในพื้นที่ที่ไม่มีระบบชลประทาน ทางกรมชลประทานก็จะสนับสนุนในเรื่องข้อมูลให้ได้มากที่สุด

อธิบดีกรมชลประทานยังยืนยันว่า การระบายน้ำจากเขื่อนขุนด่านปราการชล ในอ.เมือง จ.นครนายกนั้น จะไม่ทำให้กระทบพื้นที่น้ำท่วมใน จ.ปราจีนบุรี ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.พระนครศรีอยุธยา และจ.อ่างทอง เป็นลักษณะของน้ำที่ล้นตลิ่ง และการระบายน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาขณะนี้ จะไม่กระทบต่อพื้นที่ใน กรุงเทพมหานครอย่างแน่นอน และคาดว่ากลางเดือนตุลาคมนี้ สถานการณ์น้ำน่าจะคลี่คลายลง ส่วนการบริหารจัดการน้ำแม่น้ำปราจีน คาดว่าประมาณ 1-2 สัปดาห์ จะคลี่คลายหากไม่มีฝนตกเพิ่มเติม

Thai PBS



**********ข่าวนี้ขอแปะหน้าตัวโตๆไว้เตือนใจก็แล้วกันครับ*********

 

กฟผ. เกาะติดน้ำในเขื่อนภาคตะวันออกเฉียงเหนือพร้อมรับมือพายุดีเปรสชั่นลูกใหม่

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กันยายน 2556 13:10 น.


อิทธิพลพายุดีเปรสชั่น ส่งผลให้เขื่อนสิรินธร มีปริมาณน้ำในอ่างเพิ่มขึ้นเกิน 90% ของความจุ กฟผ. เร่งควบคุมระดับน้ำในเขื่อนและการระบายน้ำให้เหมาะสม เตรียมสำรองช่องว่างสำหรับรับน้ำเพิ่มจากพายุดีเปรสชั่นที่กำลังก่อตัว และเคลื่อนสู่ประเทศไทยในอีกไม่ช้า

นายกิตติ ตันเจริญ ผู้ช่วยผู้ว่าการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า จากอิทธิพลของพายุดีเปรสชั่นที่เคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนาม แล้วเคลื่อนผ่านประเทศลาวเข้าสู่ประเทศไทยที่ จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2556 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง มีฝนตกชุกหนาแน่น ทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อน กฟผ. หลายแห่งเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขื่อนสิรินธร ได้รับผลกระทบโดยตรง มีฝนตกหนักในพื้นที่ด้านเหนือเขื่อน ทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนในปริมาณมากติดต่อกันหลายวัน รวมปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชั่นตั้งแต่วันที่ 16-21 กันยายน 2556 รวม 567 ล้าน ลบ.ม.

ระดับน้ำในเขื่อนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนเหลือความจุรองรับน้ำได้อีกไม่มาก จำเป็นต้องระบายน้ำเพิ่มผ่านประตูระบายน้ำล้น (Spillway) ซึ่งการดำเนินการระบายน้ำผ่านประตูระบายน้ำล้น กฟผ. ได้แจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี อำเภอ และผู้นำชุมชนด้านท้ายเขื่อน ตลอดจนส่งเจ้าหน้าที่ออกสำรวจพื้นที่ด้านท้ายเขื่อนและแจ้งเตือนก่อนเริ่มเปิดบานประตูระบายน้ำล้น
ทั้งนี้ เขื่อนสิรินธร เริ่มเปิดบานประตูระบายน้ำล้น เมื่อวันที่ 19กันยายน 2556 เวลา 10.29 น. ซึ่งขณะนั้นมีปริมาณน้ำในเขื่อน 93 % มีช่องว่างในอ่างฯ เพียง 130 ล้าน ลบ.ม. หรือ 46 ซ.ม.

กฟผ. จึงขยับบานประตูขึ้นทีละน้อย ซึ่งจากการติดตามระดับน้ำในอ่างฯ ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงยังคงการเปิดบานประประตูระบายน้ำล้นเพื่อรักษาระดับน้ำในอ่างฯ ให้เป็นไปตามระดับน้ำควบคุม (Upper Rule Curve) ทั้งนี้ กฟผ. จำเป็นต้องสำรองช่องว่างในอ่างฯ สำหรับรับน้ำจากพายุดีเปรสชั่นที่กำลังก่อตัวในทะเล ซึ่งอาจมีทิศทางการเคลื่อนที่เข้าสู่ประเทศไทยเหมือนลูกที่ผ่านมาได้

“ปัจจุบัน (25 กันยายน 2556 เวลา 24.00 น.) เขื่อนสิรินธร มีปริมาตรน้ำ1,723 ล้าน ลบ.ม. หรือ 88% มีช่องว่างสามารถรองรับน้ำได้อีก 244ล้าน ลบ.ม. สำหรับเขื่อนอื่นๆ ที่ได้รับอิทธิพล และมีปริมาณน้ำในอ่างฯ เพิ่มขึ้นเกิน 80% ของความจุ คือ เขื่อนศรีนครินทร์ มีปริมาณน้ำในอ่างฯ ร้อยละ 83 ของความจุ แต่ยังมีความจุรองรับน้ำได้อีกเกือบ 3,000 ล้าน ลบ.ม. จึงไม่อยู่ในเกณฑ์ที่น่าเป็นห่วง ด้านเขื่อนอุบลรัตน์ มีปริมาณน้ำในอ่างฯ เพิ่มขึ้นเป็น 55%ของความจุ และมีระดับน้ำในอ่างฯ สูงกว่าระดับน้ำควบคุม(Upper Rule Curve) กำลังปรับเพิ่มการระบายน้ำจากวันละ 3 ล้าน ลบ.ม. เป็นวันละ 10 ล้าน ลบ.ม. เพื่อเตรียมรับสถานการณ์พายุดีเปรสชั่นที่อาจจะส่งผลกระทบต่อเขื่อนอุบลรัตน์ได้ ส่วนเขื่อนอื่น ๆ สถานการณ์ยังไม่น่าเป็นห่วงแต่อย่างใด “

 

กรมทางหลวงแนะเลี่ยงเส้นน้ำท่วมอุทัย-ปราจีนฯ

By สำนักข่าวไทย TNA News | 27 ก.ย. 2556 11:08 |

กทม.- 27 ก.ย.- นายชัชวาลย์ บุญเจริญกิจ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่าจากสรุปรายงานการเกิดอุทกภัย กรมทางหลวง ประจำวันที่ 27 กันยายน 2556 (เวลา 09.30 น.) มีสภาวะน้ำท่วมพื้นที่ 8 จังหวัด จำนวน 19 สายทาง (จำนวนรวม 19 แห่ง ผ่านได้ 15 แห่ง, ผ่านไม่ได้ 4 แห่ง) ทั้งนี้ เพื่อให้การเดินทางของผู้ใช้รถใช้ถนนที่จำเป็นต้องสัญจรบนถนนทางหลวงในเขตพื้นที่ประสบอุทกภัยคล่องตัว และปลอดภัยยิ่งขึ้น กรมทางหลวง ขอให้ผู้ใช้รถใช้ถนนหลีกเลี่ยงเส้นทาง 4 สายทางที่ผ่านไม่ได้ ในพื้นที่ 2 จังหวัด เพื่อความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทาง คือ จังหวัดอุทัยธานี

ทางหลวงหมายเลข 3319 บันไดสามขั้น – ทัพทัน ท้องที่อำเภอทัพทัน ช่วง กม.ที่ 17 – 19 ระดับน้ำสูง 55 เซนติเมตร ให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 3013 ลาดยาว – อุทัยธานี – ท่าน้ำอ่อย

จังหวัดปราจีนบุรี ทางหลวงหมายเลข 304 ลาดตะเคียน-สี่แยกกบินทร์บุรี ท้องที่อำเภอกบินทร์บุรี ช่วง กม.ที่ 162 – 164 ระดับน้ำสูง 40 เซนติเมตร ให้ใช้ทางเลี่ยงด้านซ้ายทางแทน , ทางหลวงหมายเลข 3078 ระเบาะไผ่-ประจันตคาม ท้องที่อำเภอศรีมหาโพธิ ช่วง กม.ที่ 16-17 ระดับน้ำสูง 45 เซนติเมตร ให้ใช้ทาง อบต. , ทางหลวงหมายเลข 3079 ปราจีนบุรี-ศรีมหาโพธิ ท้องที่อำเภอศรีมหาโพธิ ช่วง กม.ที่ 12-19 เป็นแห่ง ๆ ระดับสูง 35-60 เซนติเมตร ให้ใช้ทางหลวงชนบท ปจ.4018 หมายเลข 3069-บ้านโคกขวาง

.-สำนักข่าวไทย

 

น้ำจากลำบริบูรณ์ จ.นครราชสีมา เริ่มเอ่อล้นท่วมบ้านเรือน

Fri, 27/09/2013 - 12:44



หลายจังหวัดในภาคกลาง อีสาน และ เหนือ ยังคงได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในระดับสูง ชาวบ้านขนย้ายทรัพย์สินไปไว้ในที่ปลอดภัย เพื่อเตรียมรับมือกับปริมาณน้ำ ที่คาดว่าจะมีฝนตกลงมาอีกในช่วง 1-2 วันนี้

ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำมูล ในเขตเทศบาลเมืองวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ต้องทยอยอพยพมาอาศัยอยู่ในที่พักชั่วคราว หลังระดับน้ำในแม่น้ำน้ำมูลยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่บางส่วนเตรียมรับน้ำระลอกใหม่ หลังกรมอุตุนิยมวิทยาเตือนให้ระวังฝนตกหนักในช่วงปลายสัปดาห์นี้

เช่นเดียวกับน้ำในลำน้ำลำบริบูรณ์ จ.นครราชสีมา ที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนเริ่มเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนใน ต.หมื่นไวย อ.เมือง จ.นครราชสีมา ทำให้ชาวบ้านต้องเร่งทำคันกั้นน้ำและขนย้ายทรัพย์สินไปไว้ที่สูง

ส่วนที่ ภาคเหนือ ชาวบ้าน เขตเทศบาลเมืองดอกคำใต้ อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา ต้องเร่งขนย้ายทรัพย์สินหนีน้ำ และ สูบน้ำออกจากบ้านพักเช่นกัน หลังน้ำจากลำน้ำร่องช้าง เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านหลายร้อยหลังสูง 30-50 เซนติเมตร และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ

ที่ จ.พิจิตร ชาวนาในพื้นที่ ต.ห้วยเขน อ.บางมูลนาก เร่งนำไม้ และ กระสอบทราย เข้าอุดคันกั้นน้ำที่พังลงเป็นแนวยาวกว่า 2 เมตร หลังน้ำป่าไหลหลากจาก อ.ทับคล้อ ไหลเข้าสู่พื้นที่ แต่ไม่สามารถอุดได้เนื่องจากกระแสน้ำไหลแรง ทำให้นาข้าวและชุมชนใกล้เคียงถูกน้ำท่วมเกือบทั้งหมด

ส่วนที่ อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ชาวบ้านต้องขนย้ายทรัพย์สินขึ้นที่สูง และ สร้างเพิงพักชั่วคราวบนถนนแทน หลังแม่น้ำเจ้าพระยาที่เพิ่มระดับสูงขึ้นวันละ 10 เซนติเมตร เริ่มเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนที่อยู่ริมน้ำ

ส่วน จ.ในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้ง จ.สิงห์บุรี,จ.อ่างทอง,จ.พระนครศรีอยุธยา ยังคงได้รับผลกระทบจากแม่เจ้าพระยาที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะพื้นที่จุดเสี่ยง ที่ถูกน้ำกัดเซาะ เช่น ม.5 ต.พระงาม อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี เจ้าหน้าที่นำรถแบคโฮ เร่งตอกเสาเข็มเสริมแนวคันดิน ป้องกันน้ำทะลักเข้าท่วม บ้านเรือนที่มีอยู่กว่า 200 หลัง ที่เคยถูกน้ำท่วมหนักมาแล้วก่อนหน้านี้

ส่วนที่ จ.อุทัยธานี น้ำที่ระบายจากท้ายเขื่อนวังร่มเกล้า สู่แม่น้ำตากแดด เริ่มส่งผลกระทบพื้นที่ใน ต.หนองไผ่แบน และ ต.เนินแจง ทำให้ เกิดน้ำทะลักคันกั้นริมตลิ่งจนเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ นาข้าวกว่า 5,000 ไร่ วัด โรงเรียน และบ้านเรือนประชาชนกว่า 200 หลัง ถูกน้ำท่วม 1-2 เมตร ทหารจากหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 15 ต้องนำกำลังและเรือท้องแบน ไปช่วยเหลือตลอดทั้งคืน เนื่องจากระดับน้ำมีแนวโน้มสูงขึ้นอีก


Thai PBS