เกร็ดความรู้คู่ครัว

ในห้อง 'เมนูอาหารและวิธีการทำอาหาร' ตั้งกระทู้โดย paang, 31 ธันวาคม 2005.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,328
    วิธีเลือกซื้อกุ้ง

    กุ้งเป็นอาหารอีกชนิดที่รสชาติอร่อย เป็นที่ติดใจของคนทั่วโลก ปัจจุบันมีทั้งกุ้งเลี้ยง และกุ้งที่เติบโตจากธรรมชาติ ทั้งกุ้งน้ำกร่อย และกุ้งทะเล หลากหลายพันธุ์ แต่ที่นิยมกันได้แก่

    กุ้งก้ามกราม เป็นกุ้งขนาดใหญ่ มี 2 ชนิด คือ กุ้งเปลือกสีน้ำเงิน เนื้อจะนุ่ม และกุ้งเปลือกสีเทาปนน้ำเงิน เมื่อนำไปอบหรือย่าง เนื้อจะแข็ง

    กุ้งกุลาดำ เป็นกุ้งเลี้ยง เปลือกสีน้ำเงิน เมื่อสุก เนื้อจะแข็ง มีสีชมพู บางครั้งอาจมีกลิ่นโคลนติดมากับกุ้งบ้าง

    กุ้งชีแฮ้ เปลือกใสสีขาว หาง และขามีสีชมพู เนื้อมีสีชมพูอ่อนๆ

    กุ้งตะเข็บ เปลือกสีดำออกเทาๆ เนื้อสีขาว

    กุ้งมังกร เป็นกุ้งตัวใหญ่ ราคาแพง เปลือกสีเทา แข็งมาก เนื้อสีขาว การเลือกซื้อกุ้ง


    [​IMG]

    การซื้อกุ้งให้ได้กุ้งที่สด ต้องเลือกกุ้งที่ตัวโต หัวแน่นติดกับตัว ไม่หลุดง่าย เนื้อแข็ง ตาใส เปลือกใส เมื่อลองจับตัวกุ้งเหยียดให้ตรง แล้วปล่อย กุ้งจะงอม้วนกลับเข้าที่เดิม

    การเก็บรักษา เมื่อซื้อกุ้งมาแล้วใช้ไม่หมด อาจนึ่งทั้งเปลือก แล้วแช่เย็น หรือถ้าขยันหน่อย แกะเปลือกอบในกระทะ ใส่เกลือนิดหน่อย โดยไม่ต้องใส่น้ำ ฝาปิดไว้ จนสุก แล้วใส่กล่อง แช่เย็น สามารถแบ่งมาทำ อาหารได้หลายอย่าง เช่น ข้าวต้มกุ้ง ข้าวผัดกุ้ง แซนวิช ฯลฯ

    สำหรับเปลือกกุ้งสดที่เหลือจากการปรุงอาหาร อย่าเพิ่งทิ้งนะคะ นำมาต้มเป็นน้ำซุป สำหรับแกงจืด อร่อยอย่าบอกใครเชียวค่ะ
     
  2. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,328
    วิธีเลือกซื้อไก่

    [​IMG]

    ไก่เป็นอาหารสดอีกประเภทที่ผู้คนนิยมซื้อหามารับประทาน เพราะปรุงง่าย และราคาไม่แพงจนเกินไปนัก การซื้อไก่ หากจะซื้อทั้งตัว นอกจากจะต้องพิจารณาความสดแล้ว ยังต้องดูว่า เป็นไก่แก่ หรือไก่อ่อนด้วย เพราะไก่แก่ หนังจะเหนียว ทำให้อาหารไม่อร่อยเท่าที่ควรค่ะ วิธีการเลือกซื้อดูจากสิ่งต่อไปนี้

    ไก่แก่ ปลายเล็บจะมน (ประมาณว่า ใช้เท้าคุ้ยเขี่ยมาเยอะมาก) หนังใต้เท้าจะหนาและแข็ง เดือยยาว

    ไก่อ่อน ก็ตรงข้ามกับไก่แก่ แต่ปัจจุบันนี้ มีไก่แยกเป็นส่วนๆ ขาย ซึ่งคนทั่วไปนิยมซื้อแบบนี้มากกว่า เพราะสะดวกกับการปรุงอาหาร สำหรับการจะเลือกซื้อส่วนไหนมาปรุงอาหาร ขึ้นกับความชอบ และลักษณะการปรุงอาหารเป็นสำคัญ ส่วนวิธีการเลือก มีดังนี้ ค่ะ

    น่องไก่ เหมาะกับการย่าง หรือตุ๋น การเลือกซื้อควรหลีกเลี่ยง น่องที่มีสีซีด และมีน้ำสีแดงคล้ำไหลซึมออกมา เพราะแสดงว่า น่องไม่สดค่ะ


    [​IMG]
    ปีกไก่ เหมาะกับการย่าง ต้ม ตุ๋น ควรเลือกซื้อปีกที่มีหนังบางใส เมื่อจับดูไม่มีเมือก เพราะนั่นแสดงว่า ปีกไม่สดค่ะ

    อกไก่ หรือสันในไก่ เนื้อส่วนนี้จะค่อนข้างนุ่ม และติดมันน้อย เหมาะกับการผัด หรือทอด การเลือกซื้อควรเลือกเนื้อที่มีสีชมพู อ่อนใส

    โครงไก่ ใช้ทำน้ำซุป เป็นน้ำแกงจืด และใส่ผัดผักต่างๆ

    สำหรับการปรุงอาหารที่ต้องการให้ไก่นุ่มเป็นพิเศษ อาจใช้วิธีหมักไก่กับน้ำมะนาวไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วจึงนำไปปรุงอาหาร หรือในกรณีที่หลวมตัวซื้อไก่แก่มา ก็อาจนำเทคนิคนี้มาใช้ เพื่อลดความเหนียวของเนื้อไก่ได้ค่ะ แต่ต้องหมักให้นานประมาณ 2-3 ช.ม.
     
  3. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,328
    วิธีเลือกซื้อหมู

    [​IMG]

    ถ้าไปตลาดเพื่อซื้อหมูในการปรุงอาหาร ไปบอกแม่ค้าว่า "ซื้อหมูหน่อย" แม่ค้าก็คงจะถามว่า "จะเอาหมูส่วนไหน?" ถ้าคุณเป็นแม่บ้านมือใหม่ ก็คงเกิดอาการงงๆ ว่า จะเอาส่วนไหนดี เพราะในตำราส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยบอกว่า ต้องใช้หมูส่วนไหน เรามาดูกันดีกว่าค่ะ ว่าจะปรุงอาหารแบบไหน ควรใช้หมูส่วนไหน ไปจ่ายตลาดคราวหน้า จะได้บอกแม่ค้าได้อย่างมั่นอกมั่นใจ เนื้อหมูแต่ละส่วนมีลักษณะเฉพาะตัว จึงเหมาะกับการปรุงอาหารแต่ละชนิดต่างกันไป การเลือกซื้อหมู จึงควรพิจารณาลักษณะการปรุงอาหารเป็นสำคัญ

    [​IMG]
    • ถ้าคุณจะปรุงอาหารประเภทอบ หรือย่าง ที่ต้องการความนุ่มเป็นพิเศษ เช่น หมูแดง หมูย่างน้ำตก 'เนื้อสันใน' ดูจะเหมาะที่สุด
    • แต่ถ้าต้องการปรุงอาหารอบ ย่าง ที่เป็นชิ้นใหญ่ และมีความนุ่มปานกลาง เช่น สเต๊ก หมูอบ 'เนื้อสันนอก' ดูจะเหมาะสมดี
    • สำหรับการผัด หรือทอด ที่ต้องการเนื้อหมูเป็นส่วนประกอบบ้าง 'เนื้อสะโพก' ที่มีความนุ่มปานกลาง จะทำให้อาหารคุณอร่อยกำลังดี และราคาไม่แพงจนเกินไป
    • แต่ถ้าคุณต้องการทำอาหารจำพวกหมูกรอบ หมูเค็ม หมูสับ 'เนื้อหมูสามชั้น' จะเหมาะสมดีค่ะ
    การเลือกซื้อหมูควรเลือกหมูที่มีสีชมพู มันสีขาว หนังเกลี้ยงและขาว สำหรับหมูสามชั้นควรเลือกที่มีมันบาง มีเนื้อหลายชั้น หนังบาง ไม่ควรซื้อหมูที่มีเนื้อสีแดงเกินไป เพราะอาจใส่ดินประสิว หรือสารแปลกปลอมสารพัด หรือหมูสีซีด เพราะหมายถึงหมูค้างคืน

    เมื่อซื้อหมูมาแล้ว ควรล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นตามขวาง หรือตามลักษณะการปรุงอาหาร แยกใส่กล่องพลาสติค เข้าช่องแช่แข็ง เมื่อจะนำมาปรุงอาหาร จึงนำออกจากช่องแช่แข็ง ทิ้งให้น้ำแข็งละลาย แล้วจึงนำไปปรุงอาหาร

    สำหรับหมูสับ ขอแนะนำให้ซื้อหมูมาบดเองดีกว่า เพราะหมูสับที่ขายทั่วไป มักจะใช้เศษหมูมาบดรวมกัน และยังผสมมันหมูลงไปค่อนข้างมาก เพื่อลดต้นทุน และยังทำให้หมูบดนุ่ม ไม่แข็งจนเกินไป นอกจากนี้ ถ้าไม่แน่ใจความสะอาด ก็ไม่สามารถทำความสะอาดได้ ดังนั้น ถ้าไม่อยากให้หมูสับมันมากเกินไป ควรใช้หมูส่วนสะโพก ล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วจึงนำเข้าเครื่องบด ถ้าจะให้พร้อมใช้ยิ่งขึ้น หลังจากบดเสร็จอาจโรยเกลือนิดหน่อย และใส่ซอสปรุงรสไว้เลย แล้วค่อยนำใส่กล่องพลาสติค เข้าช่องแช่แข็ง เท่านี้ก็มีหมูพร้อมใช้สำหรับแกงจืดอร่อยๆ แล้วละค่ะ


    ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดจาก
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=701 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top noWrap width=212 rowSpan=2>[​IMG]</TD><TD noWrap colSpan=2 height=18>[​IMG]</TD><TR><TD noWrap width=255>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. มะลิ

    มะลิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +596
    ได้เรียนรู้เคล็ดลับดีๆในการทำอาหารเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย ขอบคุณมากนะคะ t*•_•*I~
     
  5. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492
    <TABLE height=10 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=text-head-big>น้ำชามีประโยชน์มากกว่าที่คิด</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE height=10 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE height=130 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=text height=130>เดี๋ยวนี้หันไปทางไหน ก็มีแต่คนดื่มน้ำชาที่บรรจุอยู่ในขวดตามโฆษณานั่นแหละ ที่หลายคนลุกขึ้นมาดื่มน้ำชากันทั่วบ้านทั่วเมือง นั่นก็เพราะมีการศึกษาแล้วค้นพบว่าชานั้นมีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเรื่องการลดไขมันในร่างกาย และป้องกันโรคมะเร็ง

    [​IMG]แล้วมีใครรู้บ้างหรือเปล่าว่า ความจริงแล้ว คุณประโยชน์ของน้ำชามีมากกว่านั้นอีกนะ เพราะน้ำชานอกจากจะเป็นเครื่องดื่มแล้ว ยังสามารถช่วยขจัดกลิ่นคาวเวลาที่ใช้มือแกะกุ้ง, ปู, ปลาได้ด้วย โดยให้ล้างมือในถ้วยน้ำชาอุ่นที่เตรียมไว้ แล้วเช็ดด้วยกระดาษเช็ดมือ แค่นี้มือก็ไม่เหม็นคาวแล้ว

    ส่วนน้ำชาก้นกาที่เหลือในตอนเช้าก็มีประโยชน์เหมือนกัน อย่าเพิ่งเททิ้ง ให้ใช้เศษผ้าชุบแล้วนำมาเช็ดถูบานกระจกหน้าต่างหรือกระจกส่องหน้า จะทำให้กระจกใสสะอาดมองดูใหม่ และยังประหยัดเงินไม่ต้องซื้อน้ำยาล้างกระจกอีกด้วย

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE height=14 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD height=14></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE height=10 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
    ที่มา มติชน หนังสือความรู้คู่บ้าน โดย พรรณิภา ต่วนโสภณ ​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,328
    แก้กับข้าวเค็มเกิน

    คุณแม่บ้านหลายท่านอาจจะเคยมีปัญหาในการทำกับข้าว ประเภทแกงหรือน้ำซุปต่างๆ บางครั้งมือหนักเกินไปใส่เกลือหรือน้ำปลามากไป ทำให้อาหารเค็มจนแทบกินไม่ได้


    วิธีแก้ไม่ยาก "ถ้าเป็นแกงหรือซุปให้ฝานมันฝรั่งดิบลงไป แล้วเคี่ยวจนมันฝรั่งสุก ถ้าเป็นพะโล้หรือตุ๋นที่เค็มไป ให้เติมน้ำส้มสายชูและน้ำตาลลงไปอย่างละ 1 ช้อนชาจะช่วยลดความเค็มได้"
     
  7. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,328
    เคล็ดลับกินปลาให้อร่อย

    เมนูที่ทำจากปลาล้วนแต่ปราบเซียนทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นโจ๊กปลาเก๋า/ข้าวต้มปลาจาระเม็ด/ต้มยำปลาช่อน แม้กระทั่งยำปลาสำลี ถ้าไม่เจ๋งจริงล่ะก็จอดทุกราย

    ดังนั้น จะต้องศึกษาหาเคล็ดลับในการทำอย่างไรให้ทุกเมนูที่ต้องใช้วัตถุดิบที่เป็นปลามาทำต้องมีรสชาติที่อร่อย/เนื้อต้องนิ่ม และต้องไม่มีกลิ่นคาวปลา แต่ต้องเป็นกลิ่นหอมของความสดของปลา อีกทั้งเนื้อต้องหวานธรรมชาติไร้น้ำตาลนะคะ

    เริ่มจากการดูปลาก่อนปรุง คือ

    1.ตาต้องใส

    2.เหงือกต้องแดงหรือชมพูเรื่อๆ

    3.เกล็ดยังแข็งอยู่ ไม่ใช่เอามือจับก็หลุดตามมือออกมา

    4.เอานิ้วจิ้มที่เนื้อปลาแล้วเนื้อต้องเด้งตามมากับมือไม่ใช่บุ๋มอย่างไร กว่าเนื้อปลาจะขึ้นตามมือมาอีกนาน

    5.กลิ่นของเกลือทะเลที่ปลาได้กินอยู่ต้องยังคงมีกลิ่นไอโอดีนจากทะเล จึงเรียกว่าปลาสดค่ะ

    เมื่อเราได้ปลาสดตาม 5 ข้อข้างบนแล้วขอบอกเคล็ดลับ วิธีการปรุงปลาให้อร่อยมากยิ่งขึ้น ขอแนะนำว่าไม่ต้องล้างน้ำมาก มิฉะนั้นปลาจะเหม็นคาวเพราะไปยุ่งกับเขามากเกินไป เคล็ดลับนี้มาจากการแร่เนื้อปลาซาซึมิ ที่เมืองฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่นค่ะ เชฟญี่ปุ่นแร่เนื้อปลาดิบที่เพิ่งนำกลับมาจากทะเลเลยล่ะค่ะ รสชาติเนื้อปลามีความหวาน และเวลาเคี้ยวเนื้อปลาก็จะเด้ง สูตรวิธีการจะทำปลานึ่งเกี้ยมบ้วย และเพื่อนึ่งเต้าเจี้ยว รวมทั้งเพื่อจะเตรียมปลาทำข้าวต้มปลา ก็ต้องมี 3 สิ่งประจำบ้าน คือ ขิง/ต้นหอม และข่าแก่ๆ ไว้ในกรณีที่จะนึ่งใส่ข้างล่างในน้ำที่รังถึง (ซึ้ง) ด้วยนะคะ แต่ถ้าจะทอดปลาให้อร่อยต้องห่มผ้าปลาด้วยแป้งอเนกประสงค์คลุกกับเกลือ และพริกไทย แล้วโปรยบนปลา ทอดในน้ำมันร้อนๆ มีข่าทุบใส่ในน้ำมัน หรีดขอรับประกันเลยว่าทุกเมนูที่ทำจากปลา รับรองไม่ผิดหวังแถมจะติดใจ เนื่องจากประโยชน์ของปลามีมากมายเช่น บำรุงสมอง/เป็นแหล่งไอโอดีน ช่วยป้องกันโรคคอพอก และวิตามินบี 2 ช่วยบำรุงสายตาให้ตาใสและหวานอีกด้วยค่ะ
     
  8. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,328
    หุงข้าวกล้องให้นุ่มน่าทาน

    <TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top></TD><TD vAlign=top>ถ้าพูดถึง “ข้าวกล้อง” ใคร ๆ ก็คงรู้ถึงประโยชน์ต่าง ๆ และก็คงชอบทานข้าวกล้อง แต่เวลาหุงข้าวกล้องทานทีไรมักจะไม่นุ่ม วันนี้เกร็ดความรู้มีวิธีการหุงข้าวกล้องมาบอกกัน...

    ข้าวกล้องนั้น เป็นข้าวที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากที่สุด เพราะเป็นข้าวที่ผ่านการกระเทาะเปลือกออกเพียงครั้งเดียว ทำให้จมูกข้าวและรำข้าว ซึ่งเป็นส่วนที่อุดมไปด้วยวิตามินยังติดอยู่ ข้าวกล้องนั้นจะมีสีน้ำตาล ส่วนความเข้มอ่อนนั้นจะแตกต่างกันไปตามพันธุ์ข้าว

    สาเหตุที่ข้าวกล้องไม่ค่อยได้รับความนิยมมาก เนื่องมาจากเวลาที่ข้าวกล้องสุกแล้วจะมีความแข็งมากกว่าข้าวขาว

    วิธีหุงข้าวกล้อง คือ อัตราส่วนในการหุงนั้นจะต้องใช้ข้าว 1 ส่วน ต่อน้ำ 3 ส่วน แช่น้ำทิ้งไว้อีกประมาณ 30 นาที จึงจะนำไปหุงได้ หรืออาจใช้วิธีใส่ข้าวขาวขัดผสมลงไปในอัตราส่วน 1 ต่อ 4 ทั้ง 2 วิธีนี้จะทำให้ข้าวกล้องนุ่มน่าทานมากขึ้น

    ใครที่ยังทานหุงข้าวกล้องแล้วแข็งอยู่ ลองหันมาใช้วิธีที่แนะนำกันดูได้.
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,328
    ต้มน้ำซุปให้อร่อย

    <TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top></TD><TD vAlign=top>การที่จะทำอาหารประเภทน้ำให้อร่อยนั้น ต้องมีเคล็ดลับสำคัญอยู่ที่ความหอมหวานของน้ำซุป วันนี้เกร็ดรู้มีวิธีต้มน้ำซุปให้อร่อยมาฝากกัน...

    วิธีต้มน้ำซุปให้อร่อย คือ ต้องเริ่มจากความสดของกระดูกซี่โครงไก่ โดยใช้สัดส่วนอยู่ที่ประมาณซี่โครงไก่ 1 กิโลกรัม ต่อน้ำประมาณ 7 - 8 ถ้วยตวง ให้สับซี่โครงเป็นชิ้นใหญ่ ๆ แล้วล้างเศษเลือดและสิ่งสกปรกออกก่อน ต้มน้ำให้เดือด ใส่ซี่โครงลงไป รอจนน้ำเริ่มเดือดอีกครั้ง แล้วให้หรี่ไฟอ่อน ๆ แล้วคอยช้อนฟองออก ถ้าน้ำเริ่มแห้งให้เติมน้ำลงไปบ้าง เคี่ยวประมาณ 40-50 นาที

    ถ้าใครอยากทานน้ำซุปให้อร่อย ก็ลองนำวิธีนี้ไปปฏิบัติตามดูได้.
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,328
    น้ำมันปลา

    <TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top></TD><TD vAlign=top>ขึ้นชื่อว่า
     
  11. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,328
    ล้างกระเพาะปลาไม่ให้มีกลิ่นน้ำมัน

    <TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top></TD><TD vAlign=top>คิดจะทำอาหารเมนูเกี่ยวกับกระเพาะปลาทั้งที ก็ต้องมาเจอกับปัญหากลิ่นคาวน้ำมันของกระเพาะปลาที่ติดแน่นและล้างยาก วันนี้เกร็ดความรู้มีวิธีแก้มาฝาก...

    การล้างกระเพาะปลาให้หมดกลิ่นน้ำมัน คือ เริ่มแรกให้แช่กระเพาะปลาให้นิ่มและล้างน้ำทิ้งสักหนึ่งรอบก่อน บีบกระเพาะปลาให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นต้มน้ำร้อน แล้วนำกระเพาะปลาใส่ลงไป ตามด้วยขิงแก่หั่นเป็นแผ่น ๆ ทุบพอแตก (ให้ใส่เยอะ ๆ) ต้มไปสักพัก พอกระเพาะปลาพองตัวใช้ได้ ค่อยยกลงเทใส่ตะกร้าหรือกระชอนเพื่อเป็นการถ่ายน้ำร้อนออก แล้วล้างตามด้วยน้ำเย็นอีกสัก 2 ครั้ง แล้วบีบกระเพาะปลาให้สะเด็ดน้ำ
    เพียงเท่านี้ก็จะได้กระเพาะปลาที่ปราศจากกลิ่นคาวน้ำมันแล้ว.
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. บุษบากาญจ์

    บุษบากาญจ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    9,476
    ค่าพลัง:
    +20,271
    โห้ถ้าอ่านแล้วจำได้หมดนี่เป็นแม่ศรีเรือนแน่เลย ต้องค่อย ๆ อ่าน ค่อย ๆ จำเผื่อจะได้เป็นแม่ศรีเรือนกะเค้ามั้ง (เป็นแม่ผีเรือนมานาน หุหุหุ)
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  13. อักขรสัญจร

    อักขรสัญจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,513
    ค่าพลัง:
    +27,181
    อยากมีผีเรือนง่ะ
    อิอิ
     
  14. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เคล็ดลับเก็บกระเทียมได้นาน
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->[​IMG]
    ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดีกันถ้วนหน้า มาเรียนรู้วิธีการประหยัดค่าใช้จ่าย กรณีที่ซื้อกระเทียมไว้จำนวนมากๆ สำหรับทำน้ำพริก ผัด หรือทอด กระเทียมที่เราซื้อมาตามห้างสรรพสินค้า มักจะเป็นถุงใหญ่ซึ่งเกินความต้องการ ก็มีหลายครั้งที่เก็บไว้นานจนกระเทียมแห้ง และกินไม่ได้ หรือที่เรียกว่า กระเทียมฝ่อนั่นเอง สำหรับปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ โดยการใช้มีดแกะเปลือกกระเทียมออก จากนั้นนำกระเทียมไปแช่ในน้ำมันมะกอก รับรองว่าเก็บได้นานเป็นปี แถมกลิ่นของกระเทียมจะไม่เสียหรือจางไป เวลาที่จะนำมาประกอบอาหารก็เพียงแค่ล้างน้ำสะอาดเท่านั้นเองครับ
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  15. dumdin

    dumdin สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    บางตำราเขาบอกให้ใช้เหล้าจีนผสมน้ำต้มเอาครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...