อินเดียแดนพุทธภูมิ : ดินแดนแห่งศรัทธา

ขอนุโมทนาบุญด้วยนะครับ สาธุๆๆ

ใส่ไฟล์แสยงแล้วให้เล่นอัตโนมัติ ทำอย่างไรหรือครับ
รบกวนพี่ตุ่มพีเอ็มบอกด้วยนะครับ อยากทำเป็นบ้างครับ
ขอบพระคุณครับ

 

ขออนุโมทนาบุญ....ให้กระหึ่ม...ดัง....สาธุ สาธุ สาธุ

 

อนุโมทนา..สาธุ อย่างสูงค่ะ คุณบุญญสิกขาที่ส่งบุญมาถึงที่เลย

 

กราบอนุโมทนากับพี่ตุ่มนะคะ



❖ ขอกราบนมัสการเหนือเศียรเกล้า
น้อมเคารพบูชาพระศาสดาผู้เป็นที่พึ่งแห่ง ๓ ภพ โปรดหมู่สัตว์โลกให้พ้นจากความทุกข์ทน ❖ ​

 

ขออนุโมทนากับบุญบารมีของทุกท่านอย่างสูง


ภาพคนมีบุญ มี ณ ที่หน้าผากด้วย

 

​

เช้าวันรุ่งขึ้น..พอดูระยะเวลาในการเดินทางไปเมืองต่อไปใช้เวลาไม่มากนัก...คณะจาริกได้ไปกราบสถูปที่ถวายพระเพลิงพุทธสรีระ..อยู่ใกล้กับสถูปพระพุทธปรินิพพาน..




​

 

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.918379/[/MUSIC]​

 

กราบอนุโมทนาบุญกับคุณตุ่มและทุกท่านด้วยเป็นอย่างสูง...จะมีโอกาสแบบนี้ไหมหนอขอขอบคุณน้องบุญญ์ที่ส่งลิงค์นี้มาให้พี่แก้วจ้ะ

 

​

จากอากาศเย็นเปลี่ยนเป็นเริ่มร้อน..คณะจาริกกลับไปรับประทานอาหารเช้าที่วัดไทยกุสาวดีอีกครั้ง..กราบลาหลวงพ่อเจ้าอาวาสแล้ว..เดินทางต่อ..ไปประเทศเนปาล..​

หลายคนดีใจที่จะได้ข้ามไปอีกประเทศหนึ่ง...ดินแดนประสูติของพระพุทธองค์..คณะจาริกเดินทางมาได้เกือบถึงชายแดนอินเดีย เนปาล...สังเกตุเห็นทัวร์แลคนขับคุยกันท่าทางแปลก...แล้วทัวร์ก็มาบอกคณะจาริกว่า...ที่ชายแดนเข้าประเทศเนปาล..รถทัวร์ของบริษัทที่ใช้บริการอยู่นี้ถูกทุบกระจกและมีการค้นข้าวของของผู้จาริกบนรถคันนั้น..​

...ท่านอาจารย์มหาภีรญาณ..หารือคณะจาริกทุกคน..ผล..เราไม่ได้ไปเนปาลค่ะ..เพราะถ้าเข้าไปไม่แน่ใจว่าอะไรจะเกิดขึ้น..ในรถคันที่สองท่านพระมหาสมเจตน์ท่านเริ่มปลอบใจญาติโยมทั้งหลาย...​

"ด้วยใจที่มา..ก็ถึงแล้วซึ่งที่จะไป..."​

...ทางที่เราหยุดตกลงกัน..ระยะทางอีกไม่ไกล..ถ้าเปลี่ยนเส้นทางไม่ไปเนปาล..คณะจาริกจะได้ไป..กรุงกบิลพัสดุ์...ไม่มีใครเคยไปเลย.....คณะจาริกตกลง..ไป..​

กรุงกบิลพัสดุ์...เมืองของพระเจ้าสุทโธทนะ..บ้านของพระพุทธองค์


​

 

​

....เพราะคณะจาริกไม่ได้ไปเนปาล..ระยะทางที่เดินทางเพื่อพักในคืนนี้ที่ใกล้ที่สุด..คือสาวัตถี..ยังโชคดีที่วัดพม่ายังมีที่พักเหลือค่ะ..มีพอให้คณะจาริกของเราเข้าพักได้ไม่แออัดนัก...ถึงวัดพม่าก็มืดมากแล้ว..ในบริเวณใกล้ ๆ กับวัดพม่าก็จะมีวัดจีน ..​

...ใกล้วันมาฆบูชา..ที่วัดจีนมีสวดมนต์ทั้งคืนค่ะ..การสวดมนต์ของพระจีนนี้จะมีตีระฆัง หรือมีเครื่องเคาะให้เกิดเสียงดังกังวาลด้วยค่ะ..ลืมถามไปว่าเค้าเรียกว่าอะไร....เหนื่อยกันทุกคนค่ะ.....เพราะเดินทางจากกบิลพัสดุ์....เสียงต่าง ๆ รอบด้านจึงไม่เป็นปัญหา....เสียงบอกต่อกันว่าพรุ่งนี้ไม่ต้องตื่นตีสี่...เป็นเสียงสวรรค์อย่างยิ่ง...หลับสบายตลอดคืนอากาศไม่เย็นมากค่ะ...​

 

สาวัตถี : เชตวันมหาวิหาร

​

วัดพม่าที่พักเมื่อคืนนี้อยู่ไม่ไกลจาก..สถานที่สำคัญ..เชตวันมหาวิหาร...หลังรับประทานอาหารเช้าแล้ว..ยังไม่สายมากนักแดดยังไม่ทันร้อน..คณะจาริกเดินทางไปที่ ..เชตวันมหาวิหาร..เป็นที่แรกของวันนี้ค่ะ...​

...แม้เคยมาถึง 2 ครั้งแล้ว..พอเอ่ยถึงเชตวันมหาวิหารครั้งใด..เหมือนได้เฝ้าพระพุทธองค์นานกว่าที่ใด..อาจด้วยเหตุที่ทราบว่าพระพุทธองค์ทรงจำพรรษาที่เชตวันมหาวิหารนี้นานกว่าที่อื่น ๆ ....​

 

สาธุ อนุโมทามิ

โย ธมฺมํ ปสฺสติ โส มํ ปสฺสติ
โย มํ ปสฺสติ โส ธมฺมํ ปสฺสติ

 

​

...ภายในมหาวิหารเชตวันนี้ พื้นที่ถูกจัดแบ่งไว้เป็นส่วน ๆ ค่ะ ทางด้านหน้าตั้งแต่ประตูทางเข้าก็จะเป็นส่วนกุฎิของหมู่พระอริยสงฆ์ และพระสงฆ์ทั้งหลาย ตรงกลางเป็นบริเวณพระคันธกุฎีของพระพระพุทธองค์ ซึ่งไม่ไกลกันนักจะมีสถานที่ที่พระพุทธองค์จะใช้เป็นที่แสดงธรรม ประชุมสงฆ์ มีบ่อน้ำ และอานันทโพธิ์อยู่ที่กลางพื้นที่ของวิหารนี้...​

 

ขออนุญาติร่วมอนุโมทนากับทุก ๆ ท่าน ที่ได้เดินทางและทุก ๆ ท่านที่ได้ร่วมถวายสิ่งของและปัจจัยต่าง ๆ เห็นแล้วขนลุกขึ้นมาในทันทีทันใดเลยค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

 

​

....ที่เชตวันมหาวิหารนี้..แม้มาเวลาใดก็รู้สึกไม่ร้อน..เพราะมีร่มไม้ใหญ่และพรรณไม้สวยนานาพรรณ..เสน่ห์ของดอกไม้เมืองร้อนคือสีสรรที่จัดจ้าน สดใส ....ขออนุโมทนากับชาวศรีลังกาที่เดินทางมาในช่วงวันสำคัญนี้ทำให้มีทั้งดอกไม้..เทียน..นับพันนับหมื่นมาตกแต่งสถานที่ตามจุดต่าง ๆ ด้วยศรัทธาอย่างยิ่งต่อพระพุทธองค์จึงได้เห็นสีหน้าที่ยิ้มแย้มของชาวศรีลังกาเวลาที่วางดอกไม้ และเทียน เป็นจำนวนมาก เวลากลางวันจึงดารดาษไปด้วยดอกไม้ และเมื่อใกล้ค่ำจนถึงมืดสนิทก็จะมีแสงเทียนที่สวยงาม...


...เพราะมีพุทธศาสนิกชนเดินทางมาในช่วงนี้มาก คณะจาริกจากประเทศต่าง ๆ ต้องหลบหลีกกัน..เพื่อไม่ให้เสียงสวดมนต์แต่ละสำเนียงไม่ตีกัน..บทสวดเป็นบาลีเหมือนกันค่ะ..แต่จังหวะและสำเนียงก็จะเป็นไปตามชาตินั้น ๆ ...สิ้นเสียงสวดมนต์ทุกคนก็ต้องการความสงบในการทำสมาธิภาวนา..และแน่นอนคำอธิษฐานต่าง ๆ พร่างพรูมาในตอนนี้เอง..แต่...อยู่ในใจ...

<O
....คณะจาริกของเราไปเริ่มจุดแรกที่ฐานกุฎีของพระอรหันต์ 8 ทิศ...เมื่อจุดเทียน ปิดทองกันเรียบร้อยแล้วก็หาที่นั่งกันรอบ ๆ ฐานกุฎี..เริ่มสวดบทสวดอรหันต์ 8 ทิศ ทำนองสรภัญญะ..ทุกคนตั้งใจสวดอย่างเต็มที่พร้อมเพรียงด้วยเสียงเหมือนเปล่งออกมาจากใจ..เสียงสวดจึงดังและไพเราะ....ผลหลังจากนั้นเมื่อกลับมาเมืองไทยแล้ว..เวลาสวดมนต์บทนี้ครั้งใด..จิต..ใจ..ก็โลดลิ่วไปถึงฐานกุฎีที่เชตวันนี้ทุกคราไป...

...เดินต่อไปทางด้านซ้ายมือ กุฎีที่สำคัญ..ใครไม่ไปไม่ได้..กุฎีพระสีวลี..ขอโชคลาภค่ะ..สังเกตุเห็นว่าที่กุฎีพระสีวลีนี้มีแผ่นทองปิดมากกว่าที่อื่น...หลายคนเริ่มเก็บดินบริเวณใกล้ ๆ กุฎี...บริเวณใกล้ ๆ กับก็จะมีกุฎีของพระมหากัสสปะ พระสารีบุตร พระองค์คุลีมาล และพระโมคคัลลานะอยู่ใกล้กัน...หมู่กุฏีต่าง ๆ จะอยู่ใกล้ ๆ กันทางแถบซ้ายมือเมื่อเราเดินเข้าไปภายในมหาวิหารค่ะ..พบว่าภายในบริเวณมหาวิหารทั้งหมดมีการจัดผังไว้เป็นอย่างดี โดยบริเวณที่พักของพระสาวกต่าง ๆ จะอยู่ทางด้านซ้ายมือโดยรอบด้านนอก บริเวณถัดมาด้านซ้ายมือเป็นต้นอานันทโพธิ์ และที่ว่างสำหรับพระสาวกใช้ประโยชน์ร่วมกัน อาจเป็นที่เดินจงกรม ...เลยเข้าไปตอนกลางทางด้านซ้ายมือจะเป็นกุฎีพระอานนท์พุทธอนุชา และพระคันธกุฎีของพระพุทธองค์...ตรงข้ามกันทางด้านขวามือเป็นบ่อน้ำซึ่งในสมัยพุทธกาลเป็นบ่อน้ำที่พระสาวกใช้..ปัจจุบันได้ก่อขึ้นมาแล้วมีคันโยกให้โยกน้ำขึ้นมาได้..ชาวพุทธทั้งหลายจะนำน้ำจากบ่อนี้กลับบ้านกันค่ะ..เพราะพระวิทยากรท่านจะบอกเราว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์..น้ำสะอาดมากค่ะ..ใสแจ๋วที่เดียว...ถัดไปเป็นบริเวณที่เรียกว่าธรรมสภา..ที่หน้าธรรมสภานี้เป็นที่ที่นางจิญจมาณวิกา..มาตู่พระพุทธองค์โดยใช้ไม้ทำสัณฐานว่าเป็นท้อง..ภายหลังความจริงปรากฏนางวิ่งออกไปนอกมหาวิหารเชตวัน..ข้ามไปเล็กน้อย..ปัจจุบันยังเป็นบ่อน้ำขนาดย่อมที่เป็นที่ธรณีสูบนางจิญจมาณวิกา...และยังมีบ่อน้ำขนาดใกล้กันอีก 2 บ่อ เป็นที่ที่ธรณีสูบพระเมวทัต และมาฆะมานพ...

<O
.....บริเวณธรรมสภา..เมื่อปีที่แล้วยังจัดแต่งไม่เสร็จค่ะ..มาปีนี้จัดแต่งเสร็จแล้วทำให้ดูเหมือนเรามีที่ฟังธรรมจากพระพุทธองค์...คณะจาริกได้สวดมนต์ทำวัตรเช้ากันค่ะ..อากาศกำลังดีไม่ร้อนค่ะ...บริเวณมหาวิหารเชตวันอันกว้างใหญ่ที่อนาถบิณฑิกเศรษฐีต้องใช้เงินที่มีอยู่วางปูในที่ดินของเจ้าเชตเพื่อซื้อที่ดินบริเวณนี้สร้างวันถวายพระพุทธองค์...และเป็นที่ที่พระพุทธองค์ประทับอยู่นานถึง 19 พรรษา..


....หลังทำวัตรเช้าแล้ว..คณะจาริกจะเดินทางต่อไปที่บ้านอนาถบิณฑิกเศรษฐี บ้านพ่อแม่ขององคุลีมาล..ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก...เราจะกลับมาที่มหาวิหารเชตวันใหม่ในตอนเย็นค่ะ...คณะจาริกไปถึงบ้านอนาถบิณฑิกเศรษฐีเกือบ 11 โมงเช้า..แดดร้อนมากค่ะ..แต่ไม่มีเหงื่อ..เวลาขึ้นไปยืนบนบ้านอนาถบิณฑิกเศรษฐีแล้วแม้แดดจัดแต่ก็มีลมพัดผ่านหน้าเราเกือบตลอดเวลา...ธรรมชาติของสาวชาวไทย..เจอของสวยงามที่ไหนก็...ขอดูก่อน..ลงท้าย..ซื้อค่ะ..และมากด้วย....ตอนนี้แขกจับทางคนไทยได้แล้วค่ะ..เราก็เลยพบว่ามีของที่มาขายแบบ delivery..ในทุกสถานที่ที่เราไป....


....คำอธิษฐาน...ขอให้มีทรัพย์สินเงินทองเหมือนอนาถบิณฑิกเศรษฐี...ต้องเกิดในทุกคนเป็นแน่...เพียงแต่ขอมากน้อยต่างกัน..เหมือนกับที่บ้านเศรษฐีพ่อแม่องคุลีมาลที่อยู่เพียงข้ามฟากถนนค่ะ...ได้มาที่นี่ต่างเวลาก็พบบรราการศต่างกันค่ะ...ปีแรกมาตอนเย็น..อากาศเริ่มเย็น...ถ่ายรูปที่ด้านหลังเป็นพระอาทิตย์ตกสวยงามมากค่ะ..พอพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า..อากาศก็เย็นทันที...เข้าใจเลยว่าเวลาเราดูอุณหภูมิของอินเดีย..ทำไม..กลางวันและกลางคืนต่างกันราว 10-15 องศาเซลเซียส..และบ้านของชาวอินเดียทำไมต้องใช้อิฐก้อนหนา ๆ เป็นช่องแคบ ๆ ไม่ใหญ่โตรโหฐานเหมือนบ้านเรา....ปีที่สองมาเวลาเช้าตรู่..อากาศเย็นมาก..หายใจแข่งกันเป็นไอออกมาเลยค่ะ..รูปที่ออกมาหน้าบวม ๆ เพราะเพิ่งตื่นนอน...ใส่เสื้อ..เครื่องกันหนาวครบครัน..แต่..ปีนี้...หน้ามันเลยค่ะ..ผมกระเจิง..กันแทบทุกคนค่ะ.....

<O

​

</O​

​

 

แดนมหามงคลชัย

​

...ตอนบ่ายคณะจาริกไปที่แดนมหามงคลค่ะ..อยู่ไม่ไกลนักจากมหาวิหารเชตวัน..สถานที่นี้อุบาสิกาบงกช สิทธิพล ..เป็นผู้ดำเนินการจัดสร้าง..ทำสัญญาซื้อที่ดินกันที่พระคันธกุฎีของพระพุทธองค์ในเชตวันมหาวิหาร...ระหว่างนี้ก็ยังมีการก่อสร้างอยู่เรื่อย ๆ ค่ะ...ที่นี่ห้ามถ่ายรูปค่ะ..แต่ถ้าเป็นคณะของคนไทยและถ้าเข้าไปในช่วงเวลาที่ไม่ตรงกับคณะของชาวต่างชาติก็พออนุโลมให้ถ่ายรูปได้ค่ะ..ความเป็นระเบียบเรียบร้อยเริ่มตั้งแต่เข้าประตูแดนมหามงคล..เมื่อสองปีก่อนใส่รองเข้าเข้าในบริเวณได้ค่ะ..แต่ปีนี้ไม่ได้แล้วต้องถอดที่หน้าประตูทางเข้า...ใครที่ไม่ได้ใส่ถุงเท้าไปก็จะลำบากหน่อยค่ะ...ต้องเดินอย่างมีสติ สมาธิ ระมัดระวัง....แต่บริเวณภายในสะอาดมากค่ะ...ได้รับการดูแลอย่างดี...เข้าประตูไปทางด้านซ้ายมือจะมีที่รับรองผู้มาเยือนใต้ร่มไม้ใหญ่...อุบาสิกาที่นี่พูดไพเราะมากทั้งโดยน้ำเสียงและคำพูด ฟังแล้วรู้สึกสบายใจ..อารามณ์ร้อนกลายเป็นเย็นลง...มีน้ำชาร้อน ๆ มาเลี้ยงรับรองค่ะ...พักกันสักครู่..ก็จะได้เดินกันอย่างเป็นแถวเป็นแนวไปที่บริเวณอื่น ๆ ต่อไป..เพราะมีร่มไม้ใหญ่ต่อ ๆ กันเป็นแนวยาวทำให้ไม่ร้อนกับถ้าเราต้องเดินอย่างมีสติเพราะไม่ได้ใส่รองเท้าก็ลดการใช้พลังงานลงค่ะ..เลยช่วยลดความร้อนทั้งกายและใจลง..ได้อย่างไม่น่าเชื่อ...เป็นอุบายอันแยบยลจริง ๆ ค่ะ....

...ความยิ่งใหญ่ของแดนมหามงคลนี้..เป็นสิ่งยืนยันที่ยิ่งใหญ่ชัดเจนถึง....ศรัทธา...ที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยมีต่อพระพุทธองค์..ต่อพระพุทธศาสนา...ที่ยังเผื่อแผ่ไปถึงพุทธศาสนิกชน หรือผู้ที่มีความสนใจทั่วโลก..และอนุโมทนาดังอยู่ตลอดเวลาในจุดต่าง ๆ ที่เดินผ่าน...อนุโมทนาต่อผู้คิดสร้างและผู้ที่ช่วยสร้างทุก ๆ คน ผู้ที่ดูแลสถานที่ทุก ๆ คน..ที่มีความสำคัญในอันที่ทำให้แดนมหามงคลนี้..มีความหมายสมนามที่ตั้งไว้เป็นอย่างดี...

<O

 

​

....ในแดนมหามงคลชัยนี้..สถานที่ที่ใช้รับรองชาวพุทธทุกชาติทุกภาษา..เป็นศาลาขนาดใหญ่..ศาลาสถาปัตยกรรมไทย.สีขาวและสีเขียวทำให้ผู้ที่พบเห็น..เข้าไปภายในรับรู้ถึงความสุข ร่มเย็น..อย่างทันที..องค์พระประธานจำลองจากพระพุทธชินราช..ทุกคน ทุกคณะที่มา ณ ที่นี้จึงใช้เวลาอยู่ภายในศาลาใหญ่นี้นานค่ะ..ทั้งสวดมนต์บทต่าง ๆ นั่งสมาธิภาวนา..เป็นที่สงบมาก...ดังนั้น..ความสุข ..ความสงบ และความเย็นแห่งใจ..จึงเกิดขึ้นในทุกคน..ถ้วนหน้า..แอบเห็นหลายคนปิติจนน้ำตาไหล..จนถึงไหลพราก..จนมีเสียงสะอื้นเบา ๆ ...มากด้วยกำลังบุญ..ใครจะรู้ว่า..ใครรับรู้อะไร..เฉพาะตัวเองเท่านั้นที่สามารถบอกได้.......พุ่งมาในความรู้สึกก็ตอนนี้เอง....