อัลบั้มพระ ประวัติ และวัตถุมงคล

ประวัติภาพถ่ายที่สำคัญอีกภาพหนึ่งของหลวงพ่อที่ลูกหลานทุกคนรู้จักกัน "ภาพหลวงพ่อนั่งรับแขก หรือภาพหลวงพ่อนั่งโซฟา"

เนื่องด้วยภาพหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

ขั้นตอนการถ่ายภาพ

•ในช่วงปลายปี พ.ศ. ๒๕๓๔ - ต้นปี พ.ศ. ๒๕๓๕ หลวงพ่อพระราชพรหมยานได้เดินทางไปยังร้านซุปเปอร์วิชั่น ถ.สุรวงศ์ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นร้านถ่ายภาพที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของประเทศในยุคนั้น ท่านได้บอกเจ้าของร้านคือ คุณธีรชัย-คุณยุพิณ คุณารักษ์วงศ์ ให้ไปถ่ายรูปที่วัดท่าซุง ซึ่งเป็นเรื่องแปลกที่ว่า หลวงพ่อฯท่านเข้าไปในร้านเพียงลำพังโดยไม่มีผู้ติดตาม ทั้งที่ระหว่างนั้นสุขภาพท่านไม่ดีนัก หลังจากนั้นระยะหนึ่งหลวงพ่อฯได้โทรศัพท์นัดทางร้านให้มาถ่ายภาพ(พร้อมอธิบายเส้นทางสถานที่) ในวันอาทิตย์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๕ ทีมงานช่างภาพได้เดินทางมาจัดเตรียมสถานที่พร้อมอุปกรณ์ถ่ายภาพชุดใหญ่ โดยใช้กล้องถ่ายภาพที่ทันสมัยที่สุดจำนวน ๒ เครื่อง ตั้งถ่ายภาพต่อเนื่องกันโดยใช้เวลาถ่ายประมาณ ๑ นาที ปรากฏว่าฟิล์มที่ถ่ายทั้ง ๒ ม้วน(ประมาณร้อยกว่าภาพ) ใช้ได้เพียงภาพเดียว หลังจากหลวงพ่อฯมรณภาพ ทางวัดได้ติดต่อร้านให้ทำภาพสีขนาด ๑.๗x๓.๘ เมตร เพื่อประดิษฐานที่วิหารแก้วร้อยเมตร ซึ่งร้านซุปเปอร์วิขั่น เป็น ๑ ใน ๒ ร้านในประเทศที่สามารถขยายภาพใหญ่ขนาดนี้ได้ และทำการติดตั้งได้เสร็จทันกำหนดเวลา

ต่อมาสีภาพซีดจางลง ทางวัดจึงติดต่อทางร้านให้ทำภาพใหม่ แต่ไม่สามารถติดต่ดได้ เนื่องจากร้านซุเปอร์วิชั้น ได้ปิดกิจการลง(เนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพ) ทางวัดได้พยายามหาวิธีการต่างๆ เช่นนำรูปภาพคุณภาพดีที่สุดที่มีอยู่ไปถ่ายบ้าง สแกนบ้าง แต่งบ้างแล้วพิมพ์ออกมา โดยทุกขั้นตอนใช้ผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศ ใช้เทคโนโลยี่สูงที่สุดที่ทำได้ในขณะนั้นแต่ก็ไม่เป็นที่น่าพอใจ และเชื่อว่าแม้เทคโนโลยี่จะก้าวหน้าไปมากกว่านี้ก็คงทำได้ไม่ดีไปมากกว่านี้มากนัก เพราะรายละเอียดที่มีอยู่ในภาพถูกดึงออกมาได้หมดแล้ว แต่คุณภาพไม่เพียงพอ จึงต้องล้มเลิกวิธีการนี้

เวลาผ่านไปนับปี ทางวัดได้พยายามสืบหา จนในที่สุดสามารถติดต่อกับคุณยุพิณ คุณารักษ์วงศ์ ได้และคุณยุพิณตกลงรับทำภาพให้ใหม่ แต่หาฟิล์มไม่พบ ทั้งที่มีการจัดเก็บที่เป็นมาตรฐาน มีรหัสการค้นหาที่เป็นระบบ ค้นหาอยู่ประมาณ ๕ เดือนก็ยังไม่พบ จนคุณยุพิณตั้งใจอธิษฐานว่า หากพบจะขอถวายเป็นสมบัติของสงฆ์ อยู่มาวันหนึ่งได้อ่านหนังสือธรรมะของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน จนถึงตี ๒ คิดถึงกระเป๋าถือใบหนึ่งที่เคยใช้ จึงไปค้นในตู้เซฟและได้พบฟิล์มอยู่ในกระเป๋าใบนั้น เนื่องจากตอนย้ายร้าน มีความรู้สึกว่าฟิล์มหลวงพ่อฯมีความสำคัญ จึงได้แยกเก็บออกมาเป็นพิเศษ

รุ่งเช้าคุณยุพิณได้โทรศัพท์แจ้งให้ทางวัดทราบด้วยความดีใจว่า พบฟิล์มภาพถ่ายหลวงพ่อแล้ว และได้นิมนต์พระสงฆ์วัดท่าซุงให้เดินทางไปรับที่บ้าน พร้อมเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง โดยคุณธีรชัย-คุณยุพิณ และครอบครัว คุณารักษ์วงศ์ ได้ร่วมกันถวายฟิล์มต้นฉบับไว้เป็นสมบัติของพระศาสนา

ขั้นตอนการพิมพ์และติดตั้งภาพ

ภาพเดิมเป็นภาพดูราแทนที่ใช้วิธีการอัดขยายภาพ ซึ่งปัจจุบันเครื่องขยายภาพทั้ง ๒ เครื่องในประเทศรวมทั้งอุปกรณ์ต่างๆไม่สามารถขยายภาพขนาดนี้ได้แล้ว เนื่องจากมีเทคโนโลยี่การพิมพ์โดยใช้ระบบอิงค์เจ็ทเข้ามาแทนที่ระบบเดิม ในขั้นต้นทางวัดได้ตัดสินใจใช้ภาพอิงค์เจ็ทแทนเนื่องจากมีคุณภาพสีที่ดีกว่า แต่ติดขัดที่เครื่องพิมพ์ที่มีในประเทศขณะนั้นมีหน้ากว้างไม่เพียงพอที่จะพิมพ์ภาพหลวงพ่อฯที่มีขนาดกว้าง ๑.๗ เมตร ได้(ภาพที่มีขนาดใหญ่มากๆ ที่พิมพ์บนผืนผ้าใบ โดยหลักการแล้วจะเป็นภาพที่เห็นได้ในระยะไกล จึงไม่จำเป็นต้องมีความละเอียดมากนัก นิยมใช้วิธีการนำภาพหลายๆส่วนมาต่อกัน หรือสั่งพิมพ์จากต่างประเทศ) คุณประเสริฐ อารยะการกุล(บริษัท อีสบอร์น คัลเลอร์กรุ๊พ จำกัด) ซึ่งเป็นเจ้าภาพรับพิมพ์ ได้สั่งนำเข้าเครื่องพิมพ์ที่มีขนาดกว้าง ๒.๐ เมตร มูลค่าหลายล้านบาท เพื่อพิมพ์ภาพหลวงพ่อฯได้จนสำเร็จเรียบร้อย แต่เกิดปัญหาต่อมาคือไม่สามารถหาช่างรับงานติดตั้งได้ เนื่องจากพื้นที่หน้างานมีความเสี่ยวสูงมาก ทางวัดได้พยายามหาอยู่หลายช่าง แต่ไม่มีใครกล้าเสนอราคา จนในที่สุด คุณสมศักดิ์ กาญจนพิภพ วิศวกรประจำวัดท่าซุงซึ่งเป็นแม่งานในการติดตั้ง ได้ติดต่อคุณพัลลภ ทีโส(บริษัท เมกลา จำกัด) ซึ่งเป็นผู้รับเหมาติดตั้งกระจก ก่อนหน้านี้คุณพัลลภเพิ่งได้อ่านประวัติการตายในวัยเด็กของหลวงพ่อพระราชพรหมยานแล้วเกิดศรัทธา จึงตัดสินใจรับงานทันที

จากความล่าช้าในการติดตั้งกลับเป็นผลดี เนื่องจากในช่วงเวลาที่ทางวัดกำลังสั่งพิมพ์ภาพอิงค์เจ็ทนั้น เครื่องพิมพ์ภาพที่ทันสมัยที่สุดในโลกกำลังอยู่ในระหว่างการทดสอบประสิทธิภาพ และเมื่อทางวัดได้ผู้ที่รับติดตั้งแล้ว ก็บังเอิญว่ามีการนำเข้าเครื่องรุ่นนี้เข้ามาในประเทศไทย ๑ เครื่อง และบังเอิญไปอีกขั้นหนึ่งคือเครื่องที่นำเข้ามานี้สามารถพิมพ์ภาพบนแผ่นวัสดุทุกชนิดที่มีขนาดไม่เกิน ๒.๐x๔.๐ เมตร ทางวัดจึงตัดสินใจพิมพ์ภาพหลวงพ่อฯลงบนแผ่นกระจก โดยใช้กระจกเท็มเปอร์ลามิเนตซึ่งเป็นกระจกนิรภัย ๒ แผ่นประกบกัน มีฟิล์มป้องกันรังสียูวีคั่นกลาง มีความหนารวมประมาณ ๑๓.๕ มม. น้ำหนักประมาณ ๒๐๐ กก. และใช้สียูวีประสิทธิภาพสูงที่พัฒนามาเพื่อรองรับเครื่องนี้โดยเฉพาะ และใช้วิธีการพิมพ์ลงบนหน้าแผ่นกระจก เพื่อแก้ปัญหาเงาสะท้อนบนภาพ ซึ่งคุณประเสริฐ อารยะการกุล รับเป็นผู้ดำเนินการและเป็นเจ้าภาพพิมพ์ถวายอีกครั้ง และมีเรื่องแปลกในระหว่างการพิมพ์ภาพคือตอนแรกทดลองพิมพ์จากเท้าหลวงพ่อฯขึ้นมาปรากฏว่าภาพเสีย ต้องพิมพ์ใหม่โดยพิมพ์จากรูปหลวงปู่ปานลงด้านล่าง จึงพิมพ์ได้สำเร็จเรียบร้อยทั้ง ๒ ภาพ จากนั้นจึงจัดส่งไปวัด ในระหว่างขนย้ายภาพขึ้นรถเกิดฝนตก ทำให้ล่าช้จนรถบรรทุก ๖ ล้อติดเวลา แต่คุณพัลลภได้ตัดสินใจให้รถออกเดินทางทันที เนื่องจากนัดกับทางวัดไว้แล้ว ปรากฏว่ารถบรรทุก ๖ ล้อ วิ่งผิดเวลากลางกรุงเทพฯ จนถึงวัดท่าซุงไม่พบเจ้าหน้าที่ตำรวจเลยแม้แต่คนเดียว จากนั้นทีมงานผู้ติดตั้งได้ทำการถอดภาพเดิมออกแล้วติดตั้งภาพใหม่จนแล้วเสร็จทั้ง ๒ ภาพคือ ภายในวิหารแก้ว ๑๐๐ เมตร และในศาลา ๑๒ ไร่ ใช้ระยะเวลา ๒ วัน ๑ คืน โดยการควบคุมดูแลของพระสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ พระมงคลเวทย์ สุธมฺมฐานวโร และช่างวิเชียร แก้วแดง
ทั้งนี้เพื่อให้เป็นอนุสติแก่ผู้ที่ได้เดินทางมากราบสักการะหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ณ วัดท่าซุงแห่งนี้ ๛

ถอดมาจากบทความในธัมมวิโมกข์เพื่อให้ง่ายต่อการอ่าน


​

 

แนะนำคนที่มีร้านค้าอยากให้หาภาพหลวงพ่อฤาษีขนาดใหญ่ไปติดไว้ที่ร้าน ดังประสบการณ์ของผมเองจากภาพนี้ก็คือ เมื่อสมัยที่เปิดร้านขายน้ำปั่นอยู่ตรงหน้าศาลเจ้าพ่อเสือ ผมได้นำภาพนี้ใส่กรอบติดบูชาภายในร้านด้วย(เช่ามาจาดวัดราคาไม่กี่สิบบาท) เป็นภาพขนาดใหญ่หันออกหน้าร้านเลยหากใครมองเข้ามาในร้านหรือเดินเข้ามาในร้านก็จะสดุดตาทันที โดยเฉพาะลูกค้าที่เป็นศิษย์หลวงพ่อ พอเห็นภาพท่านก็จะทักทันทีเลย คุยกันสนุกมาก ช่วงเวลาที่เปิดร้านราวๆ 5 เดือน เจอศิษย์หลวงพ่อสิบกว่าคนได้(นี่เฉพาะที่เขาแสดงตน บางคนอาจเป็นศิษย์แล้วไม่ได้เอ่ยปากทักก็มี)

ที่ประทับใจก็มีอยู่สองเรื่อง เรื่องแรก มีป้าคนนึงกำลังจะเดินผ่านร้านไปแล้วพอมองมาในร้านเห็นภาพหลวงพ่อเลยแวะเข้ามา แกบอกว่าลูกศิษย์หลวงพ่อเหมือนกันเลยต้องอุดหนุนกันหน่อย

อีกเรื่องหนึ่งตอนเช้าผมกำลังจะเปิดร้าน กำลังก้มๆเงยๆจัดของอยู่ รู้สึกว่ามีคนยืนอยู่ด้านหน้าประตู ก็เลยหันกลับไปมอง ก็เห็นคุณยายคนนึงยืนพนมมือไหว้เข้ามาในร้านอยู่ก็ตรงกับรูปหลวงพ่อนั่นแหละ คุณยายไหว้อยู่สักพักก็เดินไป ซึ่งปกติไม่ค่อยเห็นอะไรแบบนี้ ปกติจะเห็นคนยกมือไหว้เวลาเดินผ่านศาลเจ้า
ศาลพระภูมิ หรือวัดมากกว่า​

 

พระปิดตาหลวงพ่อเชย วัดโพธิ์ทองล่าง (อาจารย์หลวงปู่ศุข) เนื้อผงคลุกรัก จุ่มรัก

พระปิดตา เนื้อผงใบลานคลุกรัก สร้างโดยหลวงพ่อเชย หรือที่รู้จักกันในนามอุปัชฌาย์เชย แห่งวัดโพธิ์ทองล่าง คลองบางเขน จังหวัดนนทบุรี (อาจารย์หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า) ไม่ค่อยออกมาให้พบเห็นบ่อยนัก เพราะคนพื้นที่เก็บเข้ารังกันหมด ที่พบเห็นในตลาดพระส่วนใหญ่ พวกเซียนพากันตีว่าเป็นของหลวงปู่ศุขแทบทั้งหมดเพื่ออัพราคา จะมีก็แต่คนพื้นที่และละแวกใกล้เคียงเท่านั้นที่รู้ว่าเป็นพระของหลวงพ่อเชย ผู้เป็นอาจารย์เป็นคนจัดสร้าง และมอบให้กับผู้ที่มารอตักบาตรบริเวณริมคลองตอนเช้า ขณะที่ท่านออกบิณฑบาตรในช่วงเช้าหรือมาทำบุญที่วัดเท่านั้น
**สาเหตุที่องค์พระมีขนาดค่อนข้างที่จะเล็ก เพราะสมัยก่อนมวลสารพุทธคุณที่นำมาใช้ผสมเป็นองค์พระค่อนข้างที่จะหายาก การเดินทางไปหาส่วนผสมค่อนข้างมีความยากลำบาก ประกอบกับญาติโยมที่ศรัทธาหลวงพ่อเชยมีจำนวนมาก เพื่อที่จะได้พระสำหรับไว้บูชากันอย่างทั่วถึงกัน ท่านจึงได้เลือกทำพิมพ์ออกมาเป็นองค์ที่มีขนาดค่อนข้าง

 

พระปิดตาหลวงพ่อเชย วัดโพธิ์ทองล่าง (อาจารย์หลวงปู่ศุข) เนื้อผงคลุกรัก จุ่มรัก

พระปิดตา เนื้อผงใบลานคลุกรัก สร้างโดยหลวงพ่อเชย หรือที่รู้จักกันในนามอุปัชฌาย์เชย แห่งวัดโพธิ์ทองล่าง คลองบางเขน จังหวัดนนทบุรี (อาจารย์หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า) ไม่ค่อยออกมาให้พบเห็นบ่อยนัก เพราะคนพื้นที่เก็บเข้ารังกันหมด ที่พบเห็นในตลาดพระส่วนใหญ่ พวกเซียนพากันตีว่าเป็นของหลวงปู่ศุขแทบทั้งหมดเพื่ออัพราคา จะมีก็แต่คนพื้นที่และละแวกใกล้เคียงเท่านั้นที่รู้ว่าเป็นพระของหลวงพ่อเชย ผู้เป็นอาจารย์เป็นคนจัดสร้าง และมอบให้กับผู้ที่มารอตักบาตรบริเวณริมคลองตอนเช้า ขณะที่ท่านออกบิณฑบาตรในช่วงเช้าหรือมาทำบุญที่วัดเท่านั้น
**สาเหตุที่องค์พระมีขนาดค่อนข้างที่จะเล็ก เพราะสมัยก่อนมวลสารพุทธคุณที่นำมาใช้ผสมเป็นองค์พระค่อนข้างที่จะหายาก การเดินทางไปหาส่วนผสมค่อนข้างมีความยากลำบาก ประกอบกับญาติโยมที่ศรัทธาหลวงพ่อเชยมีจำนวนมาก เพื่อที่จะได้พระสำหรับไว้บูชากันอย่างทั่วถึงกัน ท่านจึงได้เลือกทำพิมพ์ออกมาเป็นองค์ที่มีขนาดค่อนข้าง

 

วิหารหลวงพ่อ ๕ พระองค์

วิหารหลวงพ่อ ๕ พระองค์ จะอยู่ติดกับหอฉัน ใกล้ๆกับแพปลาที่คนนิยมลงไปให้อาหารปลากัน วิหารหลวงพ่อ ๕ พระองค์ น่าจะเป็นสิ่งก่อสร้างยุคแรกๆ ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี ต่อมาได้ชำรุดทรุดโทรมลงมาก หลวงพ่ออนันต์ท่านจึงได้ทำการบูรณะขึ้นใหม่ แต่ยังไม่แล้วเสร็จท่านก็มาละสังขารลงก่อน มาแล้วเสร็จในสมัยพระครูปลัดสมนึกซึ่งท่านก็ได้สนองคุณครูบาอาจารย์สานต่อนโยบาย วิหารหลวงพ่อ ๕ พระองค์ จึงแล้วเสร็จงดงามมากๆ

***************

ประวัติวิหารหลวงพ่อ ๕ พระองค์

เดิมศาลาหลวงพ่อ ๕ พระองค์ คือ ศาลาหลวงพ่อ ๔ พระองค์ ได้เปลี่ยนเป็นศาลาหลวงพ่อ ๕ พระองค์ หลังจากที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้มรณภาพในปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ต่อมาทางวัดท่าซุงได้สร้างรูปเหมือนพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน แล้วนำไปประดิษฐานในศาลาหลวงพ่อ ๔ พระองค์ แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นศาลาหลวงพ่อ ๕ พระองค์ ตั้งแต่นั้นมา

หลวงพ่อ ๕ พระองค์ ประกอบด้วย
๑. องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (ความสำคัญอยู่ที่ "พระพุทธรูปเก่าแก่" ที่บรรจุอยู่ใต้ฐานองค์พระ หลวงพ่อบอกว่าศักดิ์สิทธิ์มาก)
๒. หลวงปู่ใหญ่ อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าซุงองค์แรก
๓. หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งเป็นวัดที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อเคยอยู่กับหลวงปู่ศุข
๔. หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ท่านเป็นอาจารย์ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
๕. หลวงพ่อพระราชพรหมยาน(พระมหาวีระ ถาวโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าซุง มรณภาพเมื่อ วันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๕

ที่มา: http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=606​

 

หลวงพ่อ ๕ พระองค์ วัดท่าซุง นี้มีชื่อเสียงในด้านการบน แล้วสัมฤทธิ์ผลกันมาก

กำลังใจในการทำกิจการงานต่างๆนั้นเป็นสิ่งสำคัญ งานเล็กๆอาจไม่ต้องใช้กำลังใจมาก แต่งานใหญ่ๆยิ่งต้องใช้กำลังใจสูง การบนบานศาลกล่าวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเองนับถือ เป็นการเพิ่มกำลังใจให้แก่เราได้เชื่อว่าท่านจะส่งพลังมาหนุนมาเปิดทางให้แก่เรา เมื่อเรามีความเชื่อมั่นมีกำลังใจดี งานต่างๆแม้จะหนักหนาก็จะสามารถฟันฝ่าไปได้ หากแต่คนที่มีความมั่นใจในตนเองสูงอยู่แล้วการบนก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็นอะไร

***************

เนื่องจากมีผู้สนใจในการกราบไหว้ หลวงพ่อ ๕ พระองค์มาก พระเดชพระคุณหลวงพ่อจึงได้แนะนำวิธีการกราบหลวงพ่อ ๕ พระองค์ ดังนี้

การบน
จะมาบนที่วัดก็ดี หรือจะบนที่บ้านก็ได้ ให้นึกถึงบารมีของ
๑.องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
๒.หลวงปู่ใหญ่ วัดท่าซุง
๓.หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
๔.หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค และ
๕.พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

แล้วตั้งจิตอธิษฐานเอาตามใจชอบ “ถ้าไม่เกินวิสัยที่จะช่วยได้ ขอได้โปรดช่วยให้มีผลโดยเร็ว” ทั้งนี้ก็เพราะว่ากรรมบางอย่าง พระก็แก้ไขให้ไม่ได้นั้นมีอยู่

สำหรับการบนด้วยอามิส มีให้เลือก ๔ อย่าง โดยจะต้องแก้บนตามข้อใดข้อหนึ่ง ตามกำลังที่จะกระทำได้ เมื่อได้ผลเป็นประการใดแล้ว ขอให้รักษาสัจวาจาตามที่ตั้งใจไว้ รายละเอียดการบนมีดังนี้

๑. ถวายทองคำเปลว ๑๐๐ แผ่น และผ้าห่มองค์พระ องค์ละ ๑ ผืน (สำหรับทอง ไม่ต้องปิดองค์พระ ให้นำทองไปวางไว้หน้าหลวงพ่อ ๕ พระองค์)

๒. ถวายสังฆทานชุดใหญ่ ๑ ชุด โดยใช้เพียงชุดเดียว ถวายรวมทั้ง ๕ พระองค์

๓. รักษาศีล ๕ หรือศีล ๘ ตามความสามารถ ๗ วัน หรือ ๑๕ วัน และเจริญพระกรรมฐาน ๗ วัน ในการเจริญพระกรรมฐาน ถ้าปฏิบัติในวัดได้ไม่ครบ ๗ วัน อาจจะทำครั้งละ ๒ หรือ ๓ วันก็ได้ ที่เหลือก็อาจจะไปทำต่อที่บ้านก็ได้ หรือที่วัดใกล้บ้านก็ได้

๔. ถ้าเรื่องที่จะบนเป็นเรื่องใหญ่ ร้ายแรงมาก ให้บนตามนี้ คือ การบวชเณรเอง หรือให้คนอื่นบวชแทนก็ได้ ท่านที่บวชเณรเองก็ดี หรือคนที่บวชแทนก็ดี จะต้องเจริญพระกรรมฐานให้ได้มโนมยิทธิแจ่มใสจะมีผลรวดเร็ว หากบวชเองจะต้องเคร่งครัดให้มาก เจริญพระกรรมฐานให้แจ่มใส ถ้าจ้างให้คนบวชแทน ขอให้บำรุงผู้ที่บวชวันละ ๕๐ บาทเป็นอย่างน้อย เพื่อเป็นค่าภัตตาหารและค่าเครื่องใช้สอยตามสมควร จนครบ ๗ วัน

ที่มา: http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=606​

 

รูปหล่อและโกศบรรจุอัฐิธาตุ ท่านเจ้าคุณพระราชภาวนาโกศล
(อนันต์ พทฺธญาโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าซุง

ประดิษฐานภายในวิหารหลวงพ่อ ๕ พระองค์ ฝั่งตรงข้ามพระประธาน

วัดท่าซุงเป็นวัดขนาดใหญ่เมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี ได้ละสังขารลงเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๕ เหล่าศิษยานุศิษย์ไม่ทันได้ตั้งตัวและเตรียมใจกับเหตุที่เกิดขึ้น เพราะทุกคนเชื่อมั่นกันว่าท่านจะมีอายุยืนยาวเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้แก่ลูกหลานถึง ๑๒๐ ปี แต่การณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น หลวงพ่อได้จากไปพร้อมกับข้อสอบที่สำคัญที่ท่านทิ้งไว้ ว่าทุกคนจะสอบผ่านได้หรือไม่ โจทย์ครั้งนี้ยากหนักหนา ศิษยานุศิษย์แต่ละคนจะได้ข้อสอบแตกต่างกันไปตามหน้าที่ ใครที่สามารถแก้โจทย์ได้ใครที่สอบผ่าน ผลงานและกาลเวลาที่ผ่านมาย่อมแสดงคำตอบที่ชัดเจนว่า ใครคือผู้สอบผ่าน

เมื่อหลวงพ่อฤาษี ท่านได้ละสังขารลง วัดท่าซุงก็เหมือนเรือที่แตก เพราะเหล่าศิษย์ขาดศูนย์รวมจิตใจ พระผู้ใหญ่ในวัดหลายองค์ต่างก็แยกออกไปสร้างสำนักของตัวเอง วัดท่าซุงมาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ!!!!!!
จากที่เราเคยเห็นกันมามากมายหลายวัด เมื่อพระเกจิหรือพระอริยสงฆ์ที่ขึ้นชื่อได้ละสังขารลง วัดนั้นๆก็มักจะร้างผู้คน จากที่มีคนไปกันมากมายก็แทบจะเงียบเหงากันเลย วัดท่าซุงเองก็มาถึงจุดนี้เช่นกัน ท่ามกลางความระส่ำระสาย เหล่าศิษย์แตกกันหลายกลุ่ม เจ้าอาวาสองค์ใหม่จะสามารถรวบรวมกำลังใจลูกหลานพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีเอาไว้ได้หรือไม่ หลวงพ่ออนันต์ท่านได้แสดงศากยภาพให้ปรากฏแล้ว

ตลอดระยะเวลาราวๆ ๒๕ ปีที่ท่านครองวัด ได้รักษาปฏิปทา คำสอน และถาวรวัตถุ ที่หลวงพ่อฤาษีท่านสร้างเอาไว้ได้อย่างดี ในด้านธรรมะท่านก็จัดอบรมทั้งพระและฆราวาสตลอดและงานธุดงค์ก็จัดกันทุกปี อันเป็นสิ่งที่หลวงพ่อฤาษีท่านได้วางแบบเอาไว้
ในด้านถาวรวัตถุ นอกจากจะมีการสร้างใหม่แล้ว เช่น ปราสาททองคำ พิพิธภัณฑ์ สมบัติพ่อให้ เป็นต้น ในส่วนที่หลวงพ่อฤาษีได้สร้างเอาไว้เมื่อชำรุดทรุดโทรมก็ได้บูรณะขึ้นใหม่อย่างงดงาม ที่สำเร็จไปแล้วเช่น ศาลา ๑๒ ไร่ บูรณะใหม่เป็น ศาลาร้อยปีพระราชพรหมยาน ศาลาหลวงพ่อ ๕ พระองค์ บูรณะใหม่เป็น วิหารหลวงพ่อ ๕ พระองค์เป็นต้น

ได้เคยอ่านจากงานเขียนของศิษย์รุ่นเก่าๆของหลวงพ่อฤาษี ท่านบอกว่าหลวงพ่ออนันต์นั้นถอดแบบมาจากหลวงพ่อฤาษี เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ญาติโยมบริจาคมาท่านจะใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด

บัดนี้หลวงพ่ออนันต์ ได้จากพวกเราไปแล้ว ก่อนที่ท่านจะจากไปท่านได้ส่งต่อไม้ ไปยังเจ้าอาวาสองค์ใหม่ ท่านพระครูปลัดสมนึก ท่านก็เป็นกำลังสำคัญช่วยงานหลวงพ่ออนันต์มานานหลายปี ท่านจึงรู้งานอยู่แล้วและท่านก็สืบสานต่องานได้เป็นอย่างดี ใครไปวัดท่าซุงในวันนี้จะได้เห็นความงดงามที่เหล่าลูกหลานในพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีได้รักษาสมบัติของท่านเอาไว้เป็นอย่างดี
​

 

"สุดจักรวาล ไม่มีอะไรเที่ยงสักอย่าง"

ความฝันของหลวงพ่อท่านเจ้าคุณพระราชภาวนาโกศล
(อนันต์ พทฺธญาโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี

คำสอนสุดท้ายที่ทั้งพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี และหลวงพ่ออนันต์ได้สอนและแสดงให้เหล่าศิษยานุศิษย์ได้ดูก็คือความไม่เที่ยงแท้แน่นอนแห่งสังขาร
มีเกิด มีแก่ มีเจ็บ และก็มีตายสลายตัวไปในที่สุด
ซึ่งไม่มีใครหลุดพ้นจากกฏธรรมดาอันนี้

 

วิหารหลวงพ่อ ๕ พระองค์

ได้รับการบูรณะใหม่ตั้งแต่สมัยหลวงพ่ออนันต์ มาแล้วเสร็จในสมัยพระครูปลัดสมนึก มีความงดงมามากภายในที่ว่างดงามแล้วภายนอกก็งดงามไม่แพ้กัน หากใครไปวัดท่าซุงจะเห็นได้ว่าสิ่งก่อสร้างต่างๆภายในวัด จะได้รับการบูรณะให้สวยสดงดงามอยู่เสมอๆ เพราะพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีท่านได้เคยสั่งเอาไว้ว่าอย่าให้วัดเศร้าหมอง ซึ่งเหล่าศิษยานุศิษย์ก็ได้สืบสานเอาไว้อย่างดี ใครไปใครมาได้เห็นความงดงามของวัดก็จะได้ติดตาติดใจ ซึ่งก็เป็นเป้าหมายของหลวงพ่อท่าน หากในยามเจ็บไข้ได้ป่วยใกล้จะสิ้นลมได้นึกถึงภาพวัดภาพพระขึ้นมาได้ย่อมมีสุคติเป็นที่ไป​

 

กาแฟท่าซุง

รายได้สนับสนุนทุนการศึกษานักเรียนโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยา

"ช่วยเด็กนักเรียน ก็คือช่วยฉัน"
(พระราชพรหมยาน)

ใครไปวัดท่าซุงก็อย่าลืมแวะมาทานกาแฟ ที่ร้านกาแฟท่าซุง ปากทางเข้าตึกรับแขก ไปเช่าวัตถุมงคลกันที่ตึกรับแขก แล้วมานั่งจิบกาแฟ ส่องพระ กันเย็นๆในห้องแอร์ ชมความงามของวิหารหลวงพ่อ ๕ พระองค์ และยังได้บุญอีกด้วย ช่วยส่งเสริมการศึกษาเด็ก ให้มีความรู้ความก้าวหน้ากลับมาพัฒนาบ้านเมือง

ในสมัยที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้ปรารภไว้ว่า

"สงเคราะห์นักเรียนด้านการศึกษา จะได้ปัญญาบารมี"
"ขอขอบคุณญาติโยมและลูกหลาน ที่เมตตาสงเคราะห์ช่วยการศึกษาของเด็ก คือช่วยฉันเอง....ช่วยเด็กก็คือช่วยฉัน"

ที่มา: https://www.facebook.com/thammathasung/posts/204646929990471
​

 

นั่งไถเฟสบุ๊คตั้งแต่เมื่อวาน เรื่องโรคระบาด ไวรัสอู่ฮั่นเป็นกระแสที่ร้อนแรงพอๆกับความแดงของวันตรุษจีน เลยทีเดียว

กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ หลีกเลี่ยงที่แออัด หมั่นออกกำลังกาย ทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ ก็พอจะป้องกันได้ในระดับหนึ่ง แต่ในฐานะผู้นิยมขลัง พุทธคุณก็จะช่วยเสริมกำลังใจให้ดีขึ้น

ยันต์ทำน้ำมนต์ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง
เรื่องสงคราม อาวุธชีวภาพ โรคระบาด พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านพูดไว้นานหลายสิบปีแล้ว พร้อมได้แนะนำวิธีป้องกันไว้ให้ลูกหลาน เลือกเอาได้ตามจริตนิสัย ทั้งนี้ทุกอย่างล้วนแล้วไม่เกินกฏแห่งกรรม ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า หมดเวลาก็ต้องไป

หลวงพ่อได้แนะนำให้จำภาพยันต์นี้ไว้ไให้ติดตา แล้วนำไปสถิตไว้ที่กลางกระหม่อม สวดพระคาถา อิติปิโส ทั้ง ๓ ห้อง เป็นจำนวน ๗ จบ ต่อด้วย นะมะพะทะ อีก ๑๕ จบ แล้วอธิษฐานตามความปรารถนาได้ทุกประการ (วิธีนี้ไม่ต้องเสียสตางค์ ไม่ต้องไปเช่าหาพระราคาแพงสามารถทำกันได้ทุกคน)

***************

หากมีคนถามว่าทำอย่างนี้แล้วจะไม่ตายจะหายจากโรค????

ก็ขอนำเอาคำสอนของท่านพระอาจารย์เปลี่ยน วัดอรัญญวิเวกมาเป็นคำตอบ

เรื่องมีอยู่ว่า

พระอาจารย์เปลี่ยนท่านเคยเทศน์สอนว่าหากเกิดภัยพิบัติขึ้นให้หมั่นภาวนา
"พุทโธ" กันเอาไว้

บรรดาศิษย์ได้ฟังก็ถามท่านพระอาจารย์ว่า ภาวนาแล้ว จะป้องกันอันตรายไม่ตายโหงใช่ไหม

ท่านอาจารย์ได้เมตตาตอบว่า เปล่า ไม่ใช่ภาวนาแล้วจะไม่ตาย หากถึงที่หมดบุญกุศลลงทุกคนก็ต้องตาย แต่หากตายไปกับพุทโธ ผู้นั้นย่อมมีสุคติเป็นที่ไป




วัตถุมงคลพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี ทั้งรุ่นที่ทันและไม่ทัน นำมาอาราธนาได้เหมือนกันหมด




เหรียญตานใช้-ตานแทน หรือเหรียญบาตรน้ำทิพย์ หลวงปู่ครูบาวงศ์ ก็ดีเยี่ยม
​

 

พระธาตุข้าวบิณฑ์ หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาเป็นหนึ่งในของดีที่ท่านได้เคยนำมาแจกลูกหลานไว้บูชา มีที่มาเป็นอัศจรรย์ ครูบาท่านคงเห็นภัยในอนาคต สามารถนำมาทำน้ำมนต์รดรักษาโรคภัย ที่ทุกข์กายทุกข์ใจก็จักมลายหายพลัน

ตามประวัติกล่าวว่าสามารถนำมาทำน้ำมนต์ รักษาโรคที่ไม่ธรรมดาได้ มีติดตัวไว้ก็น่าจะใช้ป้องกันโรคระบาดได้เช่นกัน เพราะเชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์เฉกเช่น ปฐวีธาตุและศิลาน้ำ ที่สามารถ กันนิวเคลียร์กันรังสีได้



​

 

ยังคงต้องระวังกันต่อไปสำหรับไวรัสอู่ฮั่น และกระแสความร้อนแรงของพระเครื่องหลวงพ่อฤาษีก็ร้อนแรงไม่แพ้กันในช่วงนี้โดยเฉพาะพระรู่นที่ถูกระบุว่ากันโรคระบาดได้ จะได้รับความนิยมกันมาก ลูกศิษย์ลุกหาหรือผู้ที่ศรัทธาในพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี ส่วนใหญ่ก็จะเริ่มเก็บพระคำข้าว พระหางหมาก ของท่านกันก่อน เพราะเป็นสิ่งที่คู่กับหลวงพ่อท่านเหมือนเป็นsignature ส่วนใหญ่ก็จะมีพระคำข้าว พระหางหมากของท่านกันอยู่แล้ว ก็ขอให้มั่นใจว่าสามารถกันโรคระบาดได้เช่นกัน และไม่ว่า นิวเคลียร์ รังสี อาวุธชีวภาพ ฝนกรด ยาพิษ ยาสั่ง กัน แก้ คุณไสย มหาสะท้อน กระดอนกลับ รวมทั้งโชคลาภเมตตามหานิยมและอีกสารพัดที่หลวงพ่อท่านเคยพูดถึง พระท่านลงไว้ให้หมดแล้วครับ ขอให้มั่นใจในคุณของพระรัตนตรัย หมั่นทำบุญไหว้พระ เชื่อมั่นประพฤติปฏิบัติตามคำสอนของหลวงพ่อท่าน ก็สบายใจได้
แต่ใครที่มีเงินมากจะเช่าหาแบบอื่นเพิ่มเติมก็ไม่ว่ากัน เป็นห่วงแต่คนเบี้ยน้อยเงินน้อยแบบผมนี่แหละในยุคที่เศรษฐกิจฝืดเคืองแบบนี้เงินพันสองพันกว่าหาได้ก็ลำบากอยู่ จะได้มั่นใจว่าของที่มีอยู่ก็พุทธคุณครอบจักรวาลแล้ว



เคยมีตำนานเรื่องเล่าอยู่ว่าในสมัย ร.๕ เคยเกิดอหิวาตกโรค และสมเด็จท่านมาเข้าฝันให้คนเอาพระเครื่องของท่านทำน้ำมนต์รักษาโรคด้วย​

 

30 มกราคม วันมรณะภาพหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค

 

เทวาลัยพระพิฆเนศเมืองเถิน
(วัดแขก นครเถิน)

หัวค่ำวันที่ ๒๘ ธันวาคม ผมได้เดินทางออกจากกรุงเทพ จุดหมายปลายทาง จ. เชียงราย เป็นทริปการเดินทางส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ทำบุญไหว้พระ จุดประสงค์หลักที่วางเอาไว้คือที่เชียงราย ไปกันแบบสบายๆไม่ได้เคร่งเครียดนั่นคือหากระหว่างทางเราเจออะไรที่อยากแวะ และไม่รบกวนเป้าหมายหลักจนเกินไป เราก็สามารถแวะเยี่ยมชมกันได้ทันที

เช้ามืดวันที่ ๒๙ เราถึง จ.ตาก หลังจากที่แวะทำธุระที่นี่เสร็จแล้ว ช่วงสายๆก็ออกเดินทางต่อ ระหว่างทางที่ผ่าน อ.เถินพี่ในขณะบอกว่าแถวนี้มีเทวาลัยพระพิฆเนศอยู่ เราก็มองหาห่างจากทางแยก อ.เถิน-ลี้ ไปไม่ไกล เทวาลัยก็ตั้งเด่นอยู่ริมข้างทาง เราจึงแวะกราบขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคลกันก่อน

ขอนำบทความจากท่านผู้รู้เกี่ยวกับการบูชาพระพิฆเนศในปีนี้มาให้อ่านกันครับ

**************

ปีชวดก็คิอปีหนู เป็นปีแรกของนักษัตรทั้ง ๑๒ หนูในทางคติฮินดูเป็นพาหนะของพระคเณศบุรพเทพแห่งการสักการะบูชา ทั้งเป็นเจ้าแห่งการชนะอุปสรรค และเป็นคุรุเทพแห่งสติปัญญาความอุดมสมบูรณ์ ดังนั้นเพื่อความเป็นขวัญกำลังใจเป็นสิริมงคลในการต้อนรับปีหนู พระพิฆเนศมหาสิทธิธาดาผู้ชนะอุปสรรคประทานความสำเร็จอุดมด้วยโภคทรัพย์จึงเป็นมหาเทวะที่ควรแก่การระลึกถึงบูชาเพื่อความเป็นมงคล

นอกจากนี้ในปีที่มีพระเสาร์ส่งพลังต่อดวงเมือง เทพที่เข้ามาเกี่ยวเนื่องผูกพันกับดวงเมืองและดวงชะตาของบุคคลจึงเป็นพระเสาร์อีกหนึ่งเทวานพเคราะห์ที่อวยพรเข้าข้างใครแล้วท่านว่าคนนั้นดวงแข็ง ใครมีจิตคิดร้ายจะแพ้พ่ายไปสิ้น แม้ลำบากเจออุปสรรคเท่าใดก็ไม่มีล้มหรือย่อท้อมีแต่จะฝ่าฟันจนสำเร็จมีชัยให้เลื่องลือ

ในรามเกียรติ์มีเกร็ดย่อยความว่าหนุมานได้พรจากพระเสาร์ จึงมีฤทธิ์เป็นมหาวิเศษ ใครทำอันตรายไม่ได้ อยู่รอดปลอดภัย มีแต่ชัยชนะเป็นนิจ ก็ด้วยเกร็ดย่อยนี่เองการบูชาพระหนุมานจึงเป็นอีกหนึ่งเทพเจ้าที่จะค้ำหนุนดวงชะตานำพาให้ประสบชัยชนะความสำเร็จสมปรารถนา

สามเทพยดาคือ พระคเณศ พระหนุมานและพระเสาร์ชัยศรี สามพระองค์นี้ถือเป็นมหาวิเศษสำหรับปีหนู

ที่มา:Jaruvat Chanposri

​

 

เทวาลัยพระพิฆเนศเมืองเถิน

นอกจากเทวรูปด้านนอกแล้ว ทางด้านในยังมีของสะสมซึ่งมีมากมายที่ผู้ดูแลคือ อ.ช้าง หิมาลัย ได้เก็บเอาไว้ สามารถเข้าไปชมได้ อ.ช้าง ใจดีมาก เล่าประวัติของแต่ละชิ้นที่ท่านได้หามาให้ฟังอย่างจุใจ บางเรื่องก็แปลกพิสดาร เมื่อได้เวลาสมควรแล้ว คณะเราจึงต้องขอตัวก่อน เพราะมีจุดหมายที่ต้องไปต่อ ก่อนร่ำลากัน อ.ยังมอบของที่ระลึกไว้บูชา ใครศรัทธาในองค์พ่อผ่านมาก็อย่าลืมแวะกราบขอพรได้ครับ​