อภิญญา พุทธาคม พระเกจิและคณาจารย์แดนใต้ ปาฏิหาริย์ ประสบการณ์

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย kobchaimontra, 6 มกราคม 2014.

  1. ชัยวัฒน์98

    ชัยวัฒน์98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +909
    ดูแล้วผมว่าดีนะครับนางกวักองศ์นี้ รอฟังเพื่อนสมาชิกท่านอื่นด้วยครับ
     
  2. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,049
    ค่าพลัง:
    +5,460
    [​IMG]

    หลวงปู่แก้ว วัดสะพานไม้แก่น เทพเจ้าแห่งป่าช้าควนข้าวแห้ง ดินแดนที่ร่ำลือกันว่าผีดุ

    หลวงปู่แแก้ว พื้นเพเดิมท่านเป็นคน บ้านฉาง ต.บางโกระ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ท่านเป็นศิษย์ของ พระครูวิรัชโสภณ หรือ หลวงปู่แดง วัดศรีมหาโพธิ์
    ท่านออกธุดงควัตรมาตั้งแต่สมัยเป็นพระหนุ่ม บางครั้งก็แวะจำพรรษาตามป่าช้าในวัดต่างๆ จนเวลาล่วงเลยมาหลายปี
    ร่างกายท่านไม่แข็งแรงเหมือนก่อน ท่านจึงตัดสินใจจำพรรษา ที่วัดสะพานไม้แก่น อ.จะนะ จ.สงขลา
    หลังจากที่ท่านมาจำพรรษาที่วัดสะพานไม้แก่น ท่านได้พัฒนาอารามแห่งนี้จากสำนักสงฆ์เล็กๆ ให้กลายเป็นวัดที่ใหญ่โตสวยงามในเวลาเพียงไม่กี่ปี

    ปัจจุบันท่านอายุกว่า 100 ปี ถือได้ว่าท่านเป็นเกจิซึ่งบรรลุญาณวิเศษ แก่กล้ามหาเวทย์พุทธาคมและไสยศาตร์

    วัตถุมงคลของหลวงปู่แก้วมีพุทธคุณเข้มขลังในทางมหาอุดคงกระพัน และแคล้วคลาด
    เกิดประสบการณ์มากมายจากเหตุการณ์สามจังหวัดชายแดนใต้
    ชาวไทย และชาวมาเลเซียต่างเลื่อมใสศรัทธาในตัวท่านมากมายครับ

    เหรียญ รุ่นแรก หลวงปู่แก้ว "เทพเจ้าป่าช้าควนข้าวแห้ง" จ.สงขลา รุ่น สยบมาร ปี 2545 เนื้อทองแดงเถื่อน ผสมทองแดงยอดพระธาตุ ชนวนพระปิดตาพังพะกาฬ และปลอกกระสุนปืนสงคราม โลหะอถรรพเวทโครตขลัง ตอกโค๊ตที่สังฆาฎิ พระเกจิ ซึ่งบรรลุญาณวิเศษ แก่กล้ามหาเวทย์พุทธาคมและไสยศาตร์ พระเครื่องของท่านเกิดประสบการณ์มากมายหยุดปืน หยุดระเบิด สะกดพลังสยบภูต ผีปิศาจจอมมารร้ายกระทั่งสัตว์ป่าอสรพิษ เหรียญดีมีประสบการณ์ จากเหตุการณ์สามจังหวัดชายแดนใต้มาแล้ว


    [​IMG][​IMG]

    [​IMG][​IMG]


    ประสบการณ์จากวัตถุมงคลของหลวงปู่ครับ
    พ่อค้ายางพาราโดนคนร้ายใช้ M16 ยิงถล่มพรุนทั้งรถ แต่รอดตายมาได้ครับผม


    [​IMG][​IMG]
     
  3. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,049
    ค่าพลัง:
    +5,460

    [​IMG]
    สาริกาพ่อท่านน่วม วัดหลวงครู สาริกาอันดับหนึ่งของภาคใต้

    ประวัติการสร้าง

    ในการสร้างสาลิกานั้น ท่านหลวงพ่อน่วม ได้รับตำรามาจากท่านขุนพันธรักษ์ราชเดช ที่ท่านขุนพันธรักษ์ฯ ได้มาเป็นตำราเก่ายุคแรกดั้งเดิมของสำนักวัดเขาอ้อ

    ท่านหลวงพ่อน่วมได้รับตำรา และ ได้ศึกษาพร้อมด้วยฝึกฝน อยู่เป็นเวลานานพอสมควร จนกระทั่งมั่นใจแล้วว่าแตกฉานจริง พอที่จะสร้างวัตถุมงคลเพื่อสืบทอดวิชา เพียงพอที่จะไม่ให้สำนักเขาอ้อ ต้นวิชา เสียหายเสียชื่อ จึงได้สร้างสาลิกาชุดแรกตามวันเวลาดังกล่าว พร้อมด้วยวัตถุมงคลพิมพ์อื่นๆ

    ก่อนการสร้างวัตถุมงคล ในปี พ.ศ.2516 ได้มีการทำถนน รพช. เป็นถนนลูกรัง จากท่าแพ ไป พรหมคีรี คนขับรถตักดินทำถนน ในขณะทำถนน ได้ไปปัสสะวะที่จุดๆหนึ่งในบริเวณทำถนนนั้นเอง แต่ปัสสะวะไม่ออก ยังไงก็ไม่ออก เกิดความสงสัยจึงนำรถขุดดินของตนขุดลงไปดูว่ามีอะไร เมื่อขุดไปได้ความลึกระดับหนึ่งก็ได้พบ กับไหโบราณ 4 ไห ข้างในบรรจุเม็ดดินกลมๆชาวบ้านเรียกว่า เม็ดว่านนางตรา คนขับรถจึงนำมาถวายหลวงพ่อน่วม

    ครั้งเมื่อทำสาลิกาชุดแรก ท่านหลวงพ่อน่วมได้เอา “เม็ดว่านางตรา” ดังกล่าวมาสร้าง สาริกาชุดนี้ รวมถึงวัตถุมงคลอื่นๆ มวลสารที่ใช้สร้างสาลิกา มีดังนี้
    1.เม็ดว่านนางตรา
    2.ชันยาเรือ / เส้นเกสา / หลวงพ่อน่วม
    3.ว่านยาตามตำราเขาอ้อ ฯลฯ ซึ่งลุงสวัสดิ์ได้เป็นผู้จัดหาว่าน

    การสร้างสาริกาและพระปิดตา ในครั้งแรกๆนั้น ท่านจะใส่ไว้ในปากครั้งละ 7องค์ ลงดำน้ำในเขื่อนหลังวัด เพื่อปลุกเสกใต้น้ำด้วย แต่มีจำนวนน้อย เพราะลุงสวัสดิ์ได้ขอห้ามท่านไว้เนื่องจากหลวงพ่อน่วมท่านอายุมากแล้ว เกรงจะเป็นอันตราย จึงได้ขออนุญาตห้ามไม่ให้ลงไปเสกในน้ำอีก จึงได้มาเสกในโบสถ์แทน ซึ่งโดยการสร้างพระเครื่องแต่ละคราวนั้น ท่านจะสร้างตามฤกษ์ และ ตามกำลังวัน เมื่อสร้างได้ตามจำนวนที่กำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว ก็จะนำมาเสกในโบสถ์ ซึ่งในสมัยนั้นโบสถ์ยังไม่มีหลังคา เมื่อถึงเวลาตามฤกษ์ยามที่กำหนดไว้แล้ว ก็ตั้งปรมพิธี มีเสา 4 เสา ข้างบนขึงด้วยผ้ายันต์ ขณะปลุกเสกท่านจะนั่งสมาธิและร่างกายท่านจะค่อยๆส่ายไปส่ายมาเหมือนกับท่าน จะลอยได้ บางครั้งชาวบ้านจะได้ยินเสียงนกร้องมาจากในโบสถ์ นับเป็นที่น่าอัศจรรย์ใจแก่ผู้อยู่ในเหตุการณ์การปลุกเสกอย่างยิ่ง

    คาถาบูชาหลวงพ่อน่วม วัดหลวงครู
    กอหนอ ยอตอ เมตตา สัพพะเสน่หา จะปุริถิตัง สัพพะลาพัง วินาถสันติ
    (คาถาบทนี้ได้มาจากภรรยาของลุงสวัสดิ์ โมราศิลป์)

    ยอดแห่งเมตตามหา นิยม ค้าขาย เจรจาต่อรอง ของเมืองใต้บ้านเราครับ ตัวจริงเสียงจริง หายากมาก ของดีจริง ประสบการณ์ส่วนตัวรับรองได้เลยครับ สภาพเดิมๆ ต้องแบบนี้ครับ สำหรับเคล็ดลับการดูนั้น ใครที่มีว่านรูปเหมือนพ่อท่านน่วม วัดหลวงครู ลองใช้เทียบกันได้ครับ

    ตอนนี้ วัตถุมงคลด้านเมตตาค้าขาย เมตตามหาเสน่ห์ บนบานศาลกล่าว เจรจาต่อรอง โชคลาภ และ แคล้วคลาดต้องนี่เลยครับ
    1. สาริกา พ่อท่านน่วม วัดหลวงครู นครศรีธรรมราช
    2. นางกวัก หลวงพ่อปลอด วัดหัวป่า ระโนด สงขลา
    3. เหรียญพี่ไข่ (ไอ้ไข่) เด็กวัดเจดีย์ นครศรีธรรมราช
    4. ปลัดขิก พ่อท่านแปลก วัดหูล่อง
    5. หนุมาน หลวงพ่อวัฒน์ สุราษฎร์ธานี

    ที่กล่าวมาแต่ละอย่างนั้น ราคาไม่ใช่เล่นๆเลยครับ แต่ได้ไปแล้ว คุ้มสุดคุ้มครับ

    ตัวจริงเสียงจริงของพ่อท่านน่วม หายากมากๆครับ แต่ว่า พุทธคุณแรงจริงๆ เมียที่ว่าดุๆ เจอห้อยสาริกาพ่อท่านน่วมไปแหลงแล้วหล่ะก็ หวานเลยครับ
    555
    [​IMG]
    ตัวที่1​



    [​IMG]
    ตัวที่2​

     
  4. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,049
    ค่าพลัง:
    +5,460

    [​IMG]
    ดูโดยรวมก็ดูดีนะครับท่าน ลองดูของผมเทียบก็ได้ครับ นางกวักรุ่นแรก พ่อท่านเขียว วัดหรงบล

    แม่ นางกวักจัดเป็นวัตถุมงคล ที่บูชาแล้ว มีแต่ความ ร่ำรวย อุดมสมบูรณ์และเมตตามหานิยม เป็นอันดับ1 มานานแล้ว และพระเนื้อผงพิมพ์นางกวัก ของพ่อท่านเขียว ก็มีเจตนาสร้างขึ้นมาเพื่อประโยชน์ ดังกล่าวข้างต้น สร้างเมื่อประมาณปี10-11 สภาพสวยเดิมๆ เป็นพระผิวเก็บเก่า ไม่ผ่านการใช้มาก่อน ราคาไม่แพง เหมาะแก่การบูชา พ่อค้าแม่ค้า เหมาะอย่างยิ่ง
    [​IMG][​IMG]

    [​IMG][​IMG]
     
  5. kobchaimontra

    kobchaimontra เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +530


    สุดยอดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ของดีเมืองใต้ๆๆๆๆๆ
     
  6. kobchaimontra

    kobchaimontra เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +530
    ผมอยากชมเหรียญ พ่อท่านนวน วัดแจ้ง จ.ตรัง ....เหรียญมหายันต์อ.หม่อมสร้างถวาย...
    ใครมีถ่ายรูปมาโฟสหน่อยครับ ....หาดูยากมาก......ขอบพระคุณอย่างสูงครับ
     
  7. kobchaimontra

    kobchaimontra เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +530


    สาธุๆๆมีโอกาศผมต้อง ...นมัสการท่านให้ได้เลย ...พ่อแก่เจ้าแสง วัดบ้านตรัง ....เยี่ยมเลย
     
  8. kobchaimontra

    kobchaimontra เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +530
    พ่อท่านหวาน วัดสะบ้าย้อย จ.สงขลา
    (พระผู้สร้างตำนานหลวงพ่อทวด ปี ๙๗ ประสบการณ์สนั่นโลกเครื่องบินตกไม่ตาย ปี ๓๙)​


    ประวัติ
    พ่อท่านหวาน วัดสะบ้าย้อย ซึ่งท่านเองเป็นศิษย์องค์สุดท้ายของหลวงพ่อสีพุฒ วัดมะเดื่อทอง ซึ่งเป็นอาจารย์ของพ่อท่านเเดง วัดศรีมหาโพธิ์ ปัตตานี พ่อท่านหวานยังเป็นพี่ชายที่เป็นที่เคารพนับถืออย่างมากกับพ่อท่าน นอง วัดทรายขาว สหธรรมิกท่านอาจารย์ทิม วัดช้างให้ ผู้สร้างหลวงพ่อทวด ปี2497 อันโด่งดังอีกด้วย พ่อท่านหวาน ท่านไปเรียนพระกรรมฐาน จากเจ้าคุณโชดก เเละท่านรับพระกรรมฐานนี้มาปฏิบัติตลอดชีวิตของท่าน เเละท่านเองสร้างคุณประโยชน์โดยทั่ว เเละ คนพื้นที่ให้ความเคารพนับถือท่านมาก ท่านมีพระยันต์เอกลักษณ์คือตัวหัวด่าน อันเป็นยันต์สำคัญสายเขาอ้อ เรียกได้ว่าท่านเป็นหนึ่งในสายเขาอ้อที่ปิดตัวก็ไม่ผิดเเต่อย่างใด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 20091110153203.jpg
      20091110153203.jpg
      ขนาดไฟล์:
      134.4 KB
      เปิดดู:
      323
    • 1327121896.jpg
      1327121896.jpg
      ขนาดไฟล์:
      304.1 KB
      เปิดดู:
      410
    • 1327121897.jpg
      1327121897.jpg
      ขนาดไฟล์:
      338.2 KB
      เปิดดู:
      329
    • img1775c.jpg
      img1775c.jpg
      ขนาดไฟล์:
      89.2 KB
      เปิดดู:
      614
    • img0121f.jpg
      img0121f.jpg
      ขนาดไฟล์:
      167.5 KB
      เปิดดู:
      582
    • img0122hy.jpg
      img0122hy.jpg
      ขนาดไฟล์:
      167.4 KB
      เปิดดู:
      329
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กุมภาพันธ์ 2014
  9. kobchaimontra

    kobchaimontra เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +530
    มหัสจรรย์ เกศาพ่อท่านหวาน วัดสะบ้าย้อย จ.สงขลา แปรสภาพเป็นพระธาตุครับ....สมาชิกท่านหนึ่งแชร์มาให้ผมชม...ขอบคุณครับคุณjaetechno...

    ..................มีโอกาศเชิญนมัสการท่านที่วัดนะครับ .....อนุโมทนาสาธุๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. kobchaimontra

    kobchaimontra เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +530
    (ประสบการณ์ฮ.ตก)หลวงพ่อทวด วัดสะบ้าย้อย (เสิ่นเจิ้น) ปี2539 ปลุกเสกโดยพ่อท่านหวาน, อาจารย์นอง วัดทราบขาวและพระเกจิสายใต้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 39071.jpg
      39071.jpg
      ขนาดไฟล์:
      107.3 KB
      เปิดดู:
      270
  11. denchai_l

    denchai_l เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,093
    ค่าพลัง:
    +1,548
    ขอบคุณมากครับในความรู้ที่หยิบยื่นให้

    ผมบูชานางกวักมาจากเวป ๆ หนึ่ง รุ่นนี้ 2 องค์ ตามคำบอกกล่าวของเพื่อนที่อยู่ อ.ปากพนัง แต่เห็นว่าพ่อท่านเขียวก็ดังเรื่องพระปิดตาเนื้อน้ำนมควาย หรืออะไรซักอย่างเหมือนกัน ก็ดู ๆ อยู่ครับ เผื่อจะได้เจอวัตถุมงคลที่ราคาไม่ไกลเกินเอื้อม
     
  12. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,049
    ค่าพลัง:
    +5,460

    รุ่นนี้ผมให้แฟนห้อยอยู่ครับ เขาเปนแม่ค้า
     
  13. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,049
    ค่าพลัง:
    +5,460
    ต้องไปให้ได้เลยนะท่าน ท่านอายุมากแล้ว พักนี้ท่านเข้าโรงพยาบาลบ่อยด้วย ถ้าจะไปโทรไปเช็คทางวัดก่อนแล้วกันท่าน
     
  14. ชนคุณ

    ชนคุณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +298
    ชอบมากครับ กระทู้นี้จะเข้ามาติดตามนะครับ
    พระใต้บ้านเรา สุดยอด...ไม่แพ้ใครเหมือนกันครับ
     
  15. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,049
    ค่าพลัง:
    +5,460
    [​IMG]

    ประวัติของ"พ่อท้วง คุณุตฺตโร"สำนักสงฆ์คลองแคว

    พ่อท่านท้วง คุณุตฺตโร มีนามเดิมว่า ท้วง เถาว์ชู เกิดที่บ้านหัวป่าขลู ต.ป่าระกำ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ตรงกับวันจันทร์ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 9 ปีฉลู พุทธศักราช 2468 ซึ่งตรงกับวันที่ 27 กรกฎาคม 2468 บิดาชื่อ นายทอง เถาว์ชู มารดาชื่อ นางซ่าน เถาว์ชู เมื่อวัยเยาว์พ่อท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดป่าระกำเหนือ ตามประเพณีนิยมสมัยนั้น โดยมีพระอุปัชฌาย์เลื่อน วัดบางคุระเป็นพระอุปัชฌาย์ โดยได้อยู่อุปฐากปฏิบัติพ่อท่านมุ่ย วัดป่าระกำเหนือ ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคมสมัยนั้นและเป็นที่เคารพนับถือกับบิดาของท่าน ได้รับการอบรมสั่งสอนอย่างดีจากพ่อท่านมุ่ย ทำให้ท่านได้รู้จักและเป็นสหธรรมิกกับพ่อท่านเนียมเจ้าอาวาส วัดบางไทรในปัจจุบัน และมีความสนิทสนมกัน มาตั้งแต่วัยเด็ก ซึ่งบางท่านอาจไม่เคยทราบมาก่อน มีครั้งหนึ่งมีโยมไปเยี่ยมพ่อท่านเนียม แห่งวัดบางไทร แล้วถามถึงพ่อท่านท้วงว่ามีดียังไงบ้าง พ่อท่านเนียมก็กล่าวว่า “เรานับถือท่านท้วง ท่านท้วงก็นับถือเรา” ต่อมาเมื่อพ่อท่านลาสิกขาจากสามเณรออกจากวัดป่าระกำเหนือ เพื่อประกอบสัมมาอาชีพ มีภรรยาและบุตร 2 คนเป็นผู้ชาย 1 คน ผู้หญิง 1 คน ปัจจุบัน ผู้หญิงยังมีชีวิตอยู่ โดยท่านได้ประกอบอาชีพแจวเรือจ้างข้ามฝั่งระหว่างแม่น้ำปากพนังตะวันตก กับแม่น้ำปากพนังออก ช่วงที่พ่อท่านแจวเรืออยู่นั้นพ่อท่านชอบแต่งชุดสีดำตลอดเวลา กางเกง เสื้อ และหมวกก็มีสีดำ ซึ่งบุคลิกของพ่อท่านเป็นคนเงียบขรึม ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เวลานั่งจะชอบหันหน้าเข้าหาฝาผนัง และชอบสวดมนต์มาตั้งแต่เป็นฆราวาสและมีวาจาสิทธิ์มาตั้งแต่เป็นฆราวาส มีเรื่องเล่าว่า

    1.เรื่องทักคนเป็นบ้า วันหนึ่งขณะที่ท่านนั่งรออยู่ที่ท่าเรือ มีคนมาขอให้ท่านแจวเรือ แต่ท่านนั่งนิ่ง ชายคนนั้นเลยพูดว่า “ท้วงแกนี้ท่าจะบ้าแล้ว นั่งไม่พูดไม่จา”ท่านเลยพูดกลับไปว่า “แกนั่นแหละบ้า”หลังจากท่านพูดจบ ชายคนนั้น ถอดเสื้อ ถอดกางเกงแล้ววิ่งร้องเพลงไม่เป็นภาษาเข้าไปในตลาดเลย หลังจากนั้นได้ถูกชาวบ้านจับมาหาท่านท้วงและถามว่าท่านท้วงทำอะไรชายคนนั้น ท่านท้วงเลยให้ไปตักน้ำขันหนึ่งให้ท่าน แล้วท่านท้วงก็ยกน้ำนั้นขึ้นเหนือหัว แล้วนำน้ำนั้นมาตบที่หัวของชายคนนั้นแล้วพูดว่า หาย หาย หาย 3 ครั้ง ปรากฏว่า หายบ้าเลย และถามท่านท้วงว่า เขาเป็นอะไร แต่ท่านก็ไม่ได้พูดอะไร

    2.เรื่องดูเรือหาย มีชาวบ้านคนหนึ่ง เรือได้หายออกไปจากบ้าน และมานั่งบ่นอยู่กับชาวบ้าน ขณะนั้น ท่านท้วงได้นั่งอยู่ด้วย และได้บอกกับชายคนนั้นว่า เรือไม่ได้ถูกคนขโมยไป และไม่ได้หายไปไหน มีคนผูกไว้ให้แล้ว ให้รีบไปเอา เพราะเรือกำลังจะจม เรืออยู่ที่บ้านหลังสีเขียวใต้ถุนบ้าน หลังจากนั้นชายคนนั้นก็ไปตามที่ท่านท้วงบอก ก็เจอบ้านหลังหนึ่งมีสีเขียวตามที่ท่านท้วงบอกก็เลยเข้าไปที่ใต้ถุน ปรากฏกว่าเจอเรือผูกอยู่ใต้ถุนจริง และกำลังจะจมเพราะเรือขัดไว้กับคานบ้านและมีน้ำขึ้นท่วมเรือไปแล้วครึ่งลำจริงๆ แล้วจริงเหมือนที่ท่านท้วงว่า

    3.เรื่องวัวหาย ตอนนั้นที่บ้านท่านเลี้ยงวัวไว้ จำนวนหนึ่ง แต่ ท่านสถิตน้องชายต่างมารดา ซึ่งยังไม่ได้บวช เลี้ยงวัวฝูงนั้นอยู่ ท่านสถิต ท่านเลยพูดเตือนอยู่ 2-3 ครั้ง ว่าคืนนี้ระวังวัวจะหาย เมื่อได้ยินดังนั้น ท่านสถิตก็ได้ออกมาดูวัว 2 ครั้ง พอออกมาดูครั้งที่ 3 ปรากฏว่าวัว ได้หายไปแล้วหนึ่งตัว

    4.ทักพี่น้องจนชัก มีอยู่ครั้งหนึ่งมีญาติท่านมาหาท่านที่บ้าน ซึ่งเป็นน้าและพูดกับท่านท้วงว่า “เห็นเขาว่า แกวาจาสิทธิ์เหอ แต่กูไม่เชื่อ เพราะกูเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆ”หลัง จากน้าพูดจบ น้าคนนั้นก็ชัก ตาตั้ง นอนชักดิ้นชักงอ อยู่ตรงนั้นเลย และบนหลังคาบ้านก็มีเสียงดังโครมคราม เหมือนมีคนเป็นสิบคน มาเดินอยู่บนหลังคาเหมือนหลังคาจะพัง ญาติคนอื่นที่นั่งอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังนั้น ก็เลยไปขอให้ท่านท้วงช่วย ท่านท้วงบอกว่า ไปตักน้ำมาสักขัน แล้วท่านก็ยกน้ำขึ้นเหนือหัว แล้วนำมารดที่น้า แล้วพูดว่า หาย หาย หาย แล้วเป่าไปร่างของน้า ปรากฏว่า น้าคนนั้นหายเหมือนปลิดทิ้ง และเชื่อและเคารพท่านท้วงตั้งแต่นั้นมา เกร็ดเล็กๆน้อยนี้เป็นบางเรื่องที่ได้ฟังมาจากท่านสถิต น้องชายของท่าน
    ระหว่างที่แจวเรือจ้างอยู่นั้นท่านได้พบปะกับท่านโอภาสีแห่งอาศรมบางมดบ่อยครั้ง เหตุเพราะบ้านของท่านโอภาสีอยู่ที่ปากพนัง แต่ท่านก็ไม่ได้เล่ารายละเอียดในช่วงเวลานั้นมากนัก จนต่อมาท่านโดนคดีความโดยท่านไม่ได้กระทำผิด ท่านจึงต้องหลบหนีเจ้าหน้าที่ทางการไปพักหนึ่ง ทั้งๆที่ท่านเตรียมพร้อมที่จะมีคณะหนังตะลุงของท่านเอง จนเมื่อท่านหลบหนี ทุกคนจึงให้ฉายาท่านว่า “ไอ้เสือห้าง”เป็นที่เกรงกลัวและต้องการตัวของทางการ จนท่านต้องหลบหนีไปพักใหญ่ ต่อมาพ่อท่านก็ได้มีภรรยาอีก 1 คนและมีบุตรด้วยอีก 1 คนเป็นผู้หญิง จนตอนหลังพ่อท่านเบื่อเรื่องทางโลก และได้ยินว่าพ่อท่านจะสร้างเจดีย์ที่ วัดธาตุน้อย จนเมื่อปีพ.ศ.2500 พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธ์ได้มีโครงการริเริ่มก่อสร้างเจดีย์ใหญ่ที่วัดธาตุน้อย ด้วยจิตใจที่ท่านต้องการสร้างบุญกุศลเพื่ออุทิศบิดา มารดา จึงเดินทางไปช่วยพ่อท่านคล้ายที่วัดธาตุน้อยเพื่อก่อสร้างเจดีย์ เมื่อไปถึงท่านก็ก้มลงกราบที่ฝ่าเท้าพ่อท่านคล้าย แต่พ่อท่านคล้ายได้เอามือรองรับเอาไว้ไม่ให้ถึงเท้าท่านพร้อมกลับกล่าวประกาศต่อหน้าสาธารณะชนว่า “ท่านผู้นี้มีวาสนาวาจาสิทธิ์ได้เดินทางมาถึงแล้ว” พ่อท่านท้วงจึงจึงถามกลับไปว่าเป็นท่านหรือ พ่อท่านคล้ายตอบกลับมาว่าเป็น “ท่าน”

    จึงทำให้ชื่อเสียงท่านโด่งดังแต่นั้นมา อีกทั้งท่านได้ไปหาท่านพระครูสุนทร วัดดินดอนเพื่อรำเรียนวิชามาด้วยซึ่งหลายท่านอาจยังไม่ทราบ มีหลักฐานที่รอยสักที่ข้อมือของท่านซึ่งเป็นคาถาที่ท่านพระครูสุนทรสั่งสอนท่านมา ถ้าไม่มีใครถามท่านก็คงไม่บอกเพราะท่านค่อนข้างเก็บตัว หลังจากช่วยพ่อท่านคล้ายสร้างเจดีย์ที่วัดธาตุน้อยเสร็จเรียบร้อยแล้ว พ่อท่านคล้ายจึงแนะนำว่าให้ท่านอุปสมบทจึงจะดีและสามารถครองสมณะเพศไปได้ตลอดอายุขัยและจะเจริญรุ่งเรื่องในพระพุทธศาสนา สามารถช่วยเหลือบุคคลทุกข์ยากทั่วไป พ่อท่านท้วงจึงได้อุปสมบทในพระพุทธศาสนาอีกครั้ง เมื่อพุทธศักราช 2509 ที่วัดนาควารี(หูล่อง) โดยมีท่านเจ้าคุณศรีธรรมภาณมุนี(แคล้ว) เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระสมุห์พ่วง อุปติสโส เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดพลอย ติสสโร เป็นพระอนุสาวาจารย์ ได้รับฉายาว่า “คุณุตฺตโร”เมื่ออุปสมบทแล้วพ่อท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดนาควารีเป็นที่แรก และได้เรียนวิชาคาถาอาคมต่างๆจากท่านเจ้าคุณศรีธรรมภาณมุนี(แคล้ว) พระอุปัชฌาย์ของพ่อท่านซึ่งมีความเก่งกล้าไม่น้อย และตำราอาคมต่างๆของพ่อท่านแล้วก็ตกอยู่กับพ่อท่านท้วงหลายเล่ม บางเล่มก็ลอยมาตกตรงหน้าท่านโดยอัศจรรย์รวมถึงพระยันต์นอโม ที่บรรจุไว้ด้านหลังเหรียญรุ่นแรกด้วย และยันต์ที่ลงปลัดด้วยเช่นกัน และอีกหลายพระยันต์ที่ยังไม่ได้นำออกมาใช้ ล้วนแล้วแต่เป็นยันต์โบราณที่สืบทอดมาเฉพาะสายเท่านั้น หลังจากบวชได้ 2 เดือนพ่อท่านท้วงได้เดินทางไปกราบพ่อท่านคล้ายที่วัดธาตุน้อยอีกครั้งหนึ่งโดยไปกับพระภิกษุของวัดหูล่อง เมื่อไปถึง หลังจากราบพ่อท่านคล้ายแล้ว พ่อท่านเลยรดน้ำมนต์ให้ โดยพ่อท่านคล้ายใช้นำมนต์ตบ ที่ศีรษะ ของพระอีกองค์หนึ่ง แต่กับพ่อท่านท้วง พ่อท่านคล้ายกลับ เสกน้ำมนต์ใส่ในฝ่ามือ และ ประพรมให้เท่านั้น พ่อท่านท้วงเลยจับมือ พ่อท่านคล้ายเพื่อ ให้มาตบที่ศีรษะพ่อท่านท้วง แต่พ่อท่านคล้ายบอกว่า “ทำไม่ได้ เพราะมีบุญบารมี เสมอกัน ทำแบบนั้นไม่ได้”หลังจากนั้นก็กลับไปจำพรรษาที่วัดหูล่อง มีอยู่ครั้งหนึ่ง มีญาติโยมจากวัดหูล่อง มากราบพ่อท่านคล้ายที่วัดธาตุน้อยเพื่อขอพร หลังจากการบพ่อท่านแล้ว พ่อท่านเลยถามญาติโยมกลุ่มนั้นว่ามาจากไหน ทางกลุ่มญาติโยมได้แจ้งพ่อท่าน คล้ายว่า “มาจากวัดหูล่อง พ่อท่านคล้ายเลยบอกว่า “ที่วัดหูล่องก็มีพระเก่ง วาจาสิทธิ์อยู่องค์หนึ่ง ไปกราบองค์นั้นก็ได้ เหมือนมากราบพ่อท่านนั่นแหละ”หลังจากญาติโยมกลุ่มนั้นกลับไปวัดหูล่องแล้วก็ได้เข้าไปในวัดหูล่องเพื่อมาตามหาพระองค์นั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นองค์ไหนเลยนั่งอยู่ในวัดตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น และได้เห็นว่ามีอยู่กุฏิหนึ่ง มีคนเข้าออกตลอดเวลาไม่ขาดเลย จึงถามพระลูกวัดว่ากุฏินั้นพระชื่ออะไร พระลูกวัดเลยบอกว่าชื่อท่านท้วง ทางญาติโยมกลุ่มนั้นเลยรู้ว่าพระที่พ่อท่านคล้ายหมายถึงที่วัดหูล่อง ก็คือพ่อท่านท้วงนั่นเอง หลังปรนนิบัติรับใช้พระอุปัชฌาย์ได้ไม่นาน พ่อท่านแคล้ว พระอุปัชฌาย์ของพ่อท่านได้สิ้นบุญลง แต่ก่อนที่พ่อท่านแคล้ว จะสิ้นบุญท่านได้พูดไว้ว่า “ หลังจากเราสิ้นบุญแล้ว ท่านท้วงจะอยู่ลำบากที่วัดนี้”ตอนนั้นที่วัดหูล่องมีพ่อท่านแปลก เป็นเจ้าอาวาสอยู่ หลังจากการที่พ่อท่านแคล้วสิ้นบุญไปแล้ว พ่อท่านท้วงก็อยู่ลำบากจริง เพราะมีญาติโยมต่างทราบถึงความวาจาสิทธิ์ จึงมาหาพ่อท่านท้วงกันมาก ทำให้กุฏิของพ่อท่านท้วงไม่เคยว่างเว้นจากญาติโยมเลย ทั้งมาขอของดี ขอพร และให้พ่อท่านดูของหายให้บ้าง ของขลังส่วนใหญ่ที่พ่อท่านท้วงแจกไปตอนที่อยู่วัดหูล่อง ส่วนใหญ่จะเป็น ปลัดขิก ตะกรุด ผ้ายันต์ โดยเฉพาะปลัดขิกของท่านจะดังมากเมื่อพ่อท่านท้วงแจกตอนอยู่วัดหูล่อง หลังจากนั้นมีพระลูกวัดองค์หนึ่ง ได้ไปฟ้อง พ่อท่านแปลก ว่าพ่อท่านท้วงประพฤติ ปฏิบัติ ผิดวินัยสงฆ์ ชอบอวดอ้าง อวดฤทธิ์ และพูดเรื่องต่ำๆ จะให้อยู่วัดนี้ไม่ได้ พ่อท่านแปลกเลยเรียกพ่อท่านท้วงเข้าไปคุย และจะให้พ่อท่านท้วงออกจากวัด พ่อท่านท้วงได้แก้ข้อกล่าวหาว่า ไม่เป็นความจริง แต่ทางพ่อท่านแปลก ก็ยังยืนยันตามพระลูกวัดเหมือนเดิม และให้พ่อท่านท้วงออกจากวัดหูล่องเสีย พ่อท่านท้วงเลยต้องจำเป็นที่จะต้องออกจากวัดหูล่อง แต่ก่อนออกจากวัด พ่อท่านท้วงได้ลั่นวาจาไว้ อย่างหนึ่ง แล้วรุ่งขึ้นอีกวัน พ่อท่านก็ได้ออกจากวัดหูล่อง แต่ก่อนที่พ่อท่านท้วงจะถูกกล่าวหา มีอยู่วันหนึ่ง มีพระจากวัดหูล่อง 3 องค์จะไปบอกฎีกาญาติโยมที่กรุงเทพ กำลังจะเดินออกจากวัดไปกรุงเทพ พ่อท่านท้วงนั่งอยู่กับญาติโยมบนกุฏิ ญาติโยมถามพ่อท่านท้วงว่า พระทั้ง 3 องค์จะไปไหนกัน พ่อท่านท้วงบอกว่าจะไปกรุงเทพ แต่จะกลับกันมาแค่ 2 องค์ และใส่หีบกลับมาองค์หนึ่ง หลังจากนั้น ปรากฏว่า 1 ใน 3 องค์ นั้น ถูกรถชนที่กรุงเทพสิ้นบุญไป 1 องค์ต้องใส่หีบศพกลับมาจริงๆเหมือนวาจา ที่พ่อท่านท้วงได้พูดไว้ไม่ผิดไปเลย มีเหตุการณ์แปลกประหลาดอย่างหนึ่ง หลังจากพ่อท่านท้วงออกจากวัดหูล่องแล้ว ปรากฏว่าฟ้าได้ผ่าหลังคาโบสถ์ด้านทิศตะวันตก 1 ครั้ง พอซ่อม เกือบจะเสร็จ ฟ้าได้ผ่าหลังคาโบสถ์ทิศตะวันออกจนพังอีก เป็นเรื่องแปลกมากพ่อท่านท้วงได้อยู่ที่วัดหูล่องตั้งแต่ปี 2509- 2514

    พ.ศ.2514 พ่อท่านท้วงได้ออกจากวัดหูล่องมาจำพรรษาอยู่ที่วัดนาวงแถวๆท่าซัก ปากนคร ซึ่งตอนนั้นมีพระใบฎีกาส้วง อุตโม เป็น เจ้าอาวาสอยู่ ช่วงที่อยู่วัดนาวงก็เหมือนที่อยู่วัดหูล่อง มีญาติโยมมากราบพ่อท่านท้วงกันเต็มกุฏิเหมือนเดิม ทั้งขอพร รดน้ำมนต์ ขอของขลัง ดูของหาย ฯลฯ และพ่อท่านท้วงได้ชวนท่านสถิตซึ่งเป็นน้องชายต่างมารดา ซึ่งมาบวชในบวรพระพุทธศาสนาด้วย และได้ตามหาพ่อท่านท้วงอยู่นาน เพราะหลังจากพ่อท่านออกจากวัดหูล่อง ก็ไม่ได้ข่าวอีกเลย ว่าพ่อท่านท้วงจำพรรษาที่วัดไหน เลยได้บวชและออกตามหาและได้มาเจอที่วัดนาวงโดยบังเอิญ โดยพ่อท่านสถิตได้เล่าให้ฟังว่า ตามหาพ่อท่านท้วงมานานแล้วแต่ไม่พบเลยและคืนหนึ่งได้มาตามหาที่วัดเขาปูนที่พรหมคีรีและได้จำวัตรอยู่ในกุฏิ หน้ากุฏิมีญาติโยมมานั่งคุยกันเต็ม คุยกันเรื่องพระในเมืองคอน มีอยู่ตอนหนึ่ง ญาติโยมคนหนึ่งได้คุยขึ้นมาว่า มีพระอยู่องค์หนึ่งเก่งมาก ไม่มีใครเก่งเกินพระองค์นี้แล้วอยู่ วัดนาวง ของญาติโยมคนนี้หาย ไปให้ท่านดูให้ ท่านดูได้ถูกหมด อะไรอยู่ในบ้าน ตั้งอยู่ตรงไหน พ่อท่านองค์นี้ ดูแม่นเหมือนตาเห็น ชื่อท่านห้วง หรือท้วงจำไม่ได้ ได้ยินดังนั้น ท่านสถิตได้ออกมาจากกุฏิและได้ถามญาติโยมคนนั้นว่า ตอนนี้พระองค์นั้น ได้จำพรรษาอยู่วัดนาวงอีกหรือเปล่า ท่านไปดูของหายนานหรือยัง ญาติโยมแจ้งมาว่า เพิ่งไปดูมา และพ่อท่านองค์นั้น ก็ยังอยู่วัดนาวง หลังจากนั้นรุ่งเช้า หลังจากฉันท์ข้าวเสร็จ ท่านสถิต ก็เลยเดินทางไปวัดนาวง และก็ได้เจอกับพ่อท่านท้วงจริงๆ และ ก็ได้จำพรรษากับพ่อท่านท้วงที่วัดนาวงด้วย หลังจากจำพรรษาอยู่วัดนาวงได้ 2 พรรษา ก็ได้มีญาติโยมที่ศรัทธาพ่อท่านท้วงได้มานิมนต์พ่อท่านไปอยู่วัดป่าขอม ซึ่งอยู่ในเมือง พ่อท่านท้วงอยู่วัดนาวง 2 พรรษา คือตั้งแต่ปี 2514-2516

    พ.ศ.2516 ก็ได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดป่าขอม ในเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งตอนนั้น มีพระปลัดแป้น ติสโส เป็นเจ้าอาวาสอยู่ ตามที่ญาติโยมที่ศรัทธาได้นิมนต์มา เมื่อมาอยู่วัดป่าขอม ก็เหมือนเดิม ญาติโยมก็มาหาพ่อท่านกันกุฏิ ก็ไม่เคยว่างเหมือนเดิม หลังจากนั้น มีญาติโยมที่มาจากคลองแคว มาแจ้งกับพ่อท่านท้วงว่า ที่คลองแควมีสำนักสงฆ์อยู่ แต่มีพระน้อย ไม่รู้จะไปทำบุญกันที่ไหน เลยมานิมนต์พ่อท่านท้วงให้ไปจำพรรษาที่สำนักสงฆ์คลองแคว พ่อท่านท้วงจึงรับปาก และได้เดินทางไปจำพรรษาที่สำนักสงฆ์คลอง พ่อท่านท้วงจำพรรษาอยู่วัดป่าขอมตั้งแต่ปี 2516-2528 รวม จำพรรษาที่วัดป่าขอม 12 พรรษา

    พ.ศ.2528 พ่อท่านท้วง ก็ได้มาจำพรรษาอยู่สำนักสงค์คลองแคว โดยมีพ่อท่านสถิตได้ติดตามมาจำพรรษาด้วย ช่วงแรกๆที่มาจำพรรษาที่สำนักสงค์คลองแคว ก็มีปัญหากับพระที่จำพรรษาอยู่ก่อนพอสมควร แต่พ่อท่านก็ได้เอาชนะอุปสรรค ต่างๆมาได้ด้วยดี มีชาวบ้านได้ถวายบ้านให้พ่อท่านท้วงหนึ่งหลัง เพื่อมาเป็นกุฏิที่พักอาศัย จนถึงปัจจุบันนี้พ่อท่านได้อยู่จำพรรษาที่สำนักสงฆ์คลองแควเป็นเวลาเกือบ 26 พรรษาแล้ว ซึ่งมีพ่อท่าสถิต เป็นเจ้าสำนักสงฆ์คลองแคว เพราะพ่อท่านท้วงไม่รับตำแหน่งนี้ เมื่อมาอยู่สำนักสงฆ์คลองแคว พ่อท่านเป็นที่พึ่งพาอาศัยของพุทธบริษัททั่วไปไม่เลือกชั้นวรรณะ บรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้านตลอดมา และเรื่องทายใจคนเป็นเรื่องธรรมดาที่คนเคยสัมผัสรับรู้ได้ทุกคน และวัตรปฏิบัติของท่านที่ทุกคนรู้กันดี คือ ฉันท์อาหารมื้อเดียวโดยนั่งกับพื้น ฉันท์กับมือ หันหน้าไปทิศตะวันออกเท่านั้นและท่านไม่รับกิจนิมนต์นอกวัดเลยและที่สำคัญพ่อท่านไม่เคยสรงน้ำเลย ออกจากวัดก็เฉพาะบิณฑบาตอย่างเดียว และท่านก็ยังถือปฏิบัติมาจนถึงวันนี้

    ปัจจุบันนี้ด้วยสังขารเข้าสู่วัยชรา ประกอบกับมีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียด เบียนบ้างในบางคราว พ่อท่านไม่ออกบิณฑบาตแล้ว โดยมีญาติโยมนำอาหารมาถวาย บางวันก็มีมาก บางวันก็มีน้อย ฉันท์ได้บ้าง ไม่ได้ฉันท์บ้างบางครั้งแต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยขาดคือ พ่อท่านยังโปรดญาติโยมด้วยความเมตตา อยู่ตลอด ไม่เคยแบ่งชั้น วรรณะ ยกเว้นกรณีลุกขึ้นนั่งไม่ไหวจริงๆที่จะไม่ได้โปรดญาติโยมและลูกศิษย์ลูกหา สำหรับวัตถุมงคล ตอนนี้ส่วนใหญ่ลูกศิษย์ลูกหาที่ศรัทธา และใกล้ชิดพ่อท่าน จะสร้างมาถวาย เพื่อนำปัจจัยมาช่วยค่าน้ำ ค่าไฟ ตลอดจนค่าอาหารถวายพ่อท่าน และค่ายาต่างๆที่นำมาถวายครับ


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2014
  16. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,049
    ค่าพลัง:
    +5,460
    แนะนำเกจิดีอีกรูปครับ
    ลูกศิษท์พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์
    หนึ่งในไม่กี่รูปที่ยังดำรงค์สังขารธาตุอยู่ครับ
    พ่อท่านท้วง คุณุตฺตโร
     
  17. kobchaimontra

    kobchaimontra เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +530
    ขอบคุณมากครับ สำหรับข้อมูล "พ่อท้วง คุณุตฺตโร"สำนักสงฆ์คลองแคว
    ผมไม่รู้มาก่อนเลยครับ momotaro67 สายเกจินครตัวจริงเลย เยี่ยมๆๆ ...สาธุๆๆ..สุดยอด
     
  18. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,049
    ค่าพลัง:
    +5,460
    สังคมแห่งการแบ่งปัน ย่อมอบอุ่นและมีความสุขครับ

     
  19. kobchaimontra

    kobchaimontra เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +530
    พระอาจารย์นำ ชินวโร วัดดอนศาลา(นำ แก้วจันทร์) พุทธาคมเขาอ้อ
    วัตถุมงคลของท่านมีประสบการณ์สูง .......


    ประวัติพระอาจารย์นำ ชินวโร
    พระอาจารย์นำ ชินวโร เกิดเมื่อวันศุกร์ เดือนเก้า (สิงหาคม) พ.ศ.2434 ที่บ้านดอนนูด ตำบลปันแต (บ้านดอนนูดมีอาณาเขาติดต่อกับ 3 ตำบล คือ ตำบลปันแต ตำบลควนขนุน ตำบลมะกอกเหนือ) เป็นบุตรของนายเกลี้ยง นางเอียด แก้วจันทร์ มารดาได้เสียชีวิตตั้งแต่ท่านยังเล็กอยู่ (หลังจากคลอดบุตรหญิงคนสุดท้อง) บิดาเป็นอาจารย์ที่เก่งกล้าทางไสยศาสตร์ ดังนั้นพระอาจารย์นำ จึงได้มีโอกาสศึกษาวิชาทางไสยศาสตร์เบื้องต้นแต่เยาว์วัย นอกจากนั้น บิดายังได้นำไปฝากให้ศึกษาวิชาเวทมนตร์คาถากับพระอาจารย์ทองเฒ่า วัดเขาอ้อ ซึ่งเป็นผู้มีชื่อเสียงมากสมัยนั้น ประวัติพระเกจิอาจารย์


    พระอาจารย์นำ อุปสมบทเมื่ออายุ 20 ปี ณ วัดดอนศาลา มีพระครูอินทรโมฬี วัดปรางหมู่นอก เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูดิษฐ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ อยู่ศึกษาวิชาทางธรรมและพระคาถาอาคม ฝึกฝนวิปัสสนากับพระครูสิทธยาภิรัตในระหว่างอุปสมบทได้ 6 พรรษา จึงลาสิกขาแล้วได้สมรสกับนางสาวพุ่ม มีบุตรชาย หญิง ด้วยกัน 4 คนจนกระทั่ง พ.ศ.2506 พระอาจารย์นำ ได้ป่วยหนักจนแทบเอาชีวิตไม่รอด ได้มีลูกศิษย์ของท่านประทับทรงหลวงพ่อที่วัดเขาอ้อ (บ้างก็ว่าท่านฝันเห็นพระอาจารย์ทองเฒ่า) บอกว่าหากจะให้หายป่วยจะต้องบวช ซึ่งท่าน"อาจารย์นำ"ก็รับว่าถ้าหายป่วยแล้วจะบวชทันที ปรากฏว่าอาการป่วยของท่านก็หายเป็นปกติ ดังนั้น"พระอาจารย์นำ"จึงได้อุปสมบทอีกครั้งหนึ่งที่วัดดอนศาลา เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2506 และได้อยู่ในเพศบรรพชิตตลอดมาจนถึงแก่มรณภาพ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ.2519 รวมอายุได้ 85 ปี ต่อมาในปี 2520 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานเพลิงศพ เมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ.2520



     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • lp-num-pattaloong.jpg
      lp-num-pattaloong.jpg
      ขนาดไฟล์:
      6.7 KB
      เปิดดู:
      229
    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      76 KB
      เปิดดู:
      258
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      70 KB
      เปิดดู:
      202
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      72.5 KB
      เปิดดู:
      240
  20. kobchaimontra

    kobchaimontra เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +530
    แนะนำเกจิ จ.ตรัง อีกหนึ่งท่าน มากด้วยประสบการณ์ คือ "พ่อท่านวัน วัดท่าจีน จ.ตรัง"
    ท่าน อ.หม่อม นิรนาม นับถือท่านมากๆๆ

    ประวัติ
    พระบริสุทธิ์ศีลาจารย์ มีนามเดิมว่า วัน มะนะโส
    เกิดที่บ้านโคกแตระ
    ตำบลควนขัน อำเภอเมืองตรัง เมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๒๑
    บิดาชื่อ นายจอก มะนะโส
    มารดาชื่อ นางคล้าย มะนะโส
    มีพี่น้องร่วมบิดามารดา ๑๐ คน ต่างบิดา ๔ คน
    การศึกษา ฝึกอ่านเขียนเบื้องต้นที่บ้าน
    อายุได้ ๑๓ ปี ญาติได้นำไปฝากอธิการเรือง วัดป่าพยอม อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง
    ศึกษาเล่าเรียนจนอ่านออกเขียนได้ทั้งหนังสือไทย ขอม และเลข
    อุปสมบท บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ ๑๗ ปี
    อายุ ๒๐ ปี จึงอุปสมบทที่วัดป่าพยอม
    แล้วไปศึกษาพระธรรมวินัยกับ
    พระอธิการคง อุปัชฌาย์
    ที่สำนักตูล อำเภอชะอวด นครศรีธรรมราช ๓ พรรษา
    จึงไปศึกษากับพระครูกาชาด
    สำนักวัดป่าลิไลยก์ จังหวัดพัทลุง
    และได้ศึกษาไสยเวทย์วิทยาคม จากสำนักเขาอ้อ จาก
    พระครูสังฆวิจารณ์ฉัตรทันต์บรรพต...ปรมาจารย์ทองเฒ่า ผู้จำเริญยิ่งด้วยอภิญญา
    เจ้าอธิการเรือง วัดป่าพยอม... ผู้จำเริญยิ่งด้วยอภิญญา
    พระบริสุทธิ์ศีลาจารย์์ ลบ ทวิสุวรรณ ทิศาปาโมกข์แห่งเมืองตรัง..ผู้จำเริญยิ่งด้วยอภิญญา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      78.4 KB
      เปิดดู:
      242
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      78.6 KB
      เปิดดู:
      248
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มีนาคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...