ห้องอภิญญา-สมาธิ มี 272 คน กำลังดูอยู่ ไม่ทราบว่า พวกท่านทั้งหลาย เข้ามาทำอะไรกันในนี้?

ยังมีท่านสมาชิกอีกหลายท่าน ให้เกียรติเข้ามาในกระทู้ แต่ท่านยังไม่ได้แสดงความเห็นอะไร แต่ผมก็คุ้นเคยดี เพราะได้เคยอ่านการตอบกระทู้ของท่านเสมอๆ ยังไง ขอเรียนเชิญให้ความเห็นในกระทู้นี้นะครับ

เช่น

คุณ nopphakan ท่านเป็นผู้ฝึกญาณในระดับสูงแล้ว ถ้าท่านใช้ญาณของท่าน คงทราบว่าผมมีความรู้สึกนึกคิดยังไง ถึงต้องตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา

คุณอินทรบุตร ผู้ฝึกตนเองอย่างหนักหน่วง ด้วยแนวทางมหาสติ และใช้เวลาฝึกตัวเอง โดยการเดินจงกรมเสมอๆ สลับกับกรรมฐานในแบบอื่นๆ

คุณคุรุวาโร ท่านเป็นอีกคน ที่ฝึกความสามารถจนถึงขั้นรับรู้และสื่อสารได้ในทุกระดับภพภูมิ ตั้งแต่ชั้นต่ำจนถึงสูง

คุณศุภกร ไชยนา ท่านเป็นผู้ฝึกตัวเองมาตลอด พร้อมด้วยศีล สมาธิ

คุณ White Sage ผู้ปฏิบัติในสไตล์พุทธภูมิวัยรุ่น ถือเป็นคนรุ่นใหม่ ที่ใส่ใจพระพุทธศาสนา น่าชื่นชม ผมตามอ่านกระทู้ของท่านในห้องอภิญญา xp เสมอ แซ่บสะใจดีจริงๆ

และคนอื่นๆ อีกมากมาย ที่ผมยังกล่าวถึงได้ไม่หมด ก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้

ขอเรียนเชิญท่านทั้งหลายมาให้ความเห็นกันครับ

 

ประเด็นของกระทู้คือ

1.ท่านเข้ามาทำอะไรบ่อยๆ ในเว็บ แทนที่จะเอาเวลาไปฝึกปฏิบัติเพื่อมรรคผล

2.ท่านเชื่อไหมว่า ในบอร์ดนี้ มีว่าที่พระศรีอาริยเมตไตรย์ พระอริยเจ้า ผ่านเข้ามาตอบกระทู้ เข้ามาดูกระทู้ ร่วมกับปุถุชนทั้งหลาย อย่างที่ท่าน Websnow ได้เคยกล่าวไว้

ขอเชิญร่วมอภิปรายกันครับ

 

จริงๆแล้ว การฝึกจิต ฝึกที่ตนเอง สำเร็จด้วยการเข้าใจจิตตนเองภายใน ไม่จำเป็นต้องมาเข้าบอดตอบถามให้มากความ แต่ว่ามนุษย์เราช่างสงสัย และมีคำถามอยู่มาก และก็ช่างเรียนรู้ ตามแสวงหาความรู้อยู่เสมอ ในบอดนี้ก็มีสาระบ้าง และที่ไม่เป็นสาระบ้าง แต่ก็ยังทำให้ได้แง่คิดหรือได้รู้สิ่งที่เราไม่รู้บ้าง หลายๆคนมีความรู้ความเข้าใจ แต่ไม่สามารถนำไปบอกต่อหรือสอนคนอื่นให้เข้าใจได้ การยึดตามหลักธรรมคำสอนในปิฏก ก็สามารถสอนบุคคลผู้ตั้งใจศึกษาพระธรรมได้ แต่กับบุคคลทั่วไปนั้นทำไม่ได้ เพราะยากเกินกวาาเขาเหล่านั้นจะเข้าใจ การเข้ามาพูดคุยตอบถาม ได้ประโยชน์มาก เป็นการกระตุ้นตนเอง เป็นการฝึกเรียบเรียงคำในการกล่าวให้ผู้อื่นเข้าใจ. บุคคลที่ดี เมื่อตนเข้าใจแล้ว ก็ควรแจกจ่ายธรรมที่เข้าใจนั้นให้แก่ผู้อื่นและต้องให้เขาเข้าใจด้วย หรือแม้แต่เมื่อเกิดข้อโต้แย้งมีปัญหา ก็ชี้แจงถกกันด้วยธรรม ก็จะเป็นการกระตุ้นให้เราตื่นตัวมากขึ้นไปอีก ได้ทบทวนความรู้ที่มี ได้เห็นว่าจริงๆแล้วมันถูกหรือไม่ สุดท้ายยัใช้เป็นด่านทดสอบอารมณ์อีกด้วย ถ้าเรานั่งในป่าหรือที่วิเวก แล้วบอกตัวเองว่าเราหมดโกรธแล้ว มันก็ยังไม่แน่ว่าจะเป๋นจริง เราต้องเข้าหาทุกข์ถึงจะรู้ รู้แล้วถึงจะมาวัดกันว่า วางได้หรือไม่ คนไม่รู้ทุกข์ คนไ่ม่เข้าใจกิเลส คนไม่เคยประสบกับสิ่งที่ไม่พึงพอใจ ย่อมหลุดพ้นได้ยาก

 

แล้วผลการฝึกของคุณ ที่ได้รับจากการเข้ามาในบอร์ดนี้บ่อยๆ ทั้งในด้านของการกระตุ้นเตือนตัวเอง และด้านการเป็นด่านทดสอบอารมณ์ ผลการฝึกเป็นยังไงบ้าง ขอความอนุเคราะห์เล่าให้เป็นวิทยาทานแก่สาธุชนทั่วไปด้วย

 

1. ผมพึ่งเข้ามาในเวปนี้ไม่นานนี้คับ รู้จักเวปนี้มานานแล้ว เมื่อก่อนเข้ามาอ่านเล่นเหมือนกัน
แต่พักหลังๆ จะเข้าบ่อยขึ้น เหตุผลที่เข้ามาเล่น คืออยากรู้จักบัณฑิต ท่านอื่นๆ อยากเห็นว่าคนอื่นคิดยังไง สาเหตุที่เลือกห้องอภิญญา เพราะมีคนเล่นเยอะสุดคับ
2. ไม่ขออกความเห็นคับ ยังไม่เคยได้ยิน เพราะพึ่งมาใหม่ เท่าที่ทราบมา ตอนนี้พระศรีอารย ไม่ได้อยู่ชั้นดุสิตเหรอคับ?

 

สติปัฎฐาน ธรรมะแก่นแท้ของพุทธศาสนา ตามที่พระพุทธองค์สอน พระองค์ไม่ได้สอนให้นั่งสมาธินิ่งๆ เป็นหัวหลักหัวตอ กระดุกกระดิกตัวไม่ได้นะครับ

พระองค์สอนให้ใช้ชีวิตไปตามปกติ ไม่ประมาท ไม่เบียดเบียนผู้อื่น และให้มีสติคอยระลึกรู้อยู่ตลอดเวลา

 

1.มีปัญหาเยอะ สอบถามคนรอบข้างไม่ได้ รอบๆตัวหาคนรู้จริงไม่ได้สักคน และไม่มีครูบาอาจารย์ เลยต้องอาศัยเวปพลังจิตนี่แหล่ะค่ะมีผู้รู้มากมาย สงสัยเรื่องอะไรก็มีคำตอบในนี้ เกิดการพัฒนาทางด้านความคิดและจิตวิญญาณก็ในนี้อีกนั่นแหล่ะ จากที่สวดมนต์นั่งสมาธิแบบสะเปะสะปะไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็ได้ความรู้จากในนี้ค่ะ ส่วนมากเข้ามาหาประโยชน์มากกว่า อะไรที่ไม่ใช่หรือไม่ตรงก็ไม่ค่อยให้ความสำคัญ ดีเอา ไม่ดีไม่เอา
2. เชื่อในทุกคำสอนของพระพุทธองค์ นอกเหนือจากนั้นไม่เชื่อค่ะ

 

ก็มาหาความรู้.....บางคนไปหาครูบาอาจารย์ยากครับ
ใครว่าตนเป็นนั่นนี่...ช่างเขาครับ....หลงกันได้ทุกคน
หาข้อยุติในการปฏิบัติของเราเอง.....ปัญญายังน้อยอ่อนหัด...รุ่นพี่...รุ่นน้องบอกกัน
จริตแต่ละคนก็ต่างกัน......ผมเป็นคนนึงที่ให้มาปรึกษาหลายท่านแล้วก็หายสงสัยในบางเรื่อง
ถึงจะสู้หาครูไม่ได้...ก็ยังดีกว่า.....ไร้ทิศทางครับ
ผิดพลาดประการใด....ขออโหสิกรรมคร้บ

 

อ่าาาาซซ์ คุณอินทรบุตรเข้ามาให้ความเห็นแล้ว ขอขอบคุณครับ

อย่างนี้ก็โป๊ะเช๊ะเลย แน่นอนที่สุดการมีสติคอยระลึกรู้ ทำได้ตลอดเวลา ทุกอิริยาบท ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องไปนั่งหลับตานิ่งๆ เป็นหัวหลักหัวตอ

แม้แต่พวกท่านๆทั้งหลาย ที่เล่นฌานกัน ก็เป็นเช่นนั้น กล่าวคือทุกอิริยาบท ก็สามารถทรงฌานกันได้เป็นปกติ ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน สนทนา ทำได้ทั้งนั้น ไม่มีเกี่ยงงอน ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องไปนั่งหลับตานิ่งๆ เป็นหัวหลักหัวตอ เช่นเดียวกัน

 

จะขออโหสิกรรมกับใครหรือครับ? ถ้าจะขอกับผม บอกเลยว่า ผมไม่รับและไม่ต้องมาขอกับผมนะครับ เพราะว่าคุณไม่ได้ทำอะไรผิด

แต่ถ้าจะขออโหสิกรรมกับท่านผู้ใด ผ่านกระทู้นี้ ก็ขอเชิญกันตามสะดวก ผมในฐานะเจ้าของงกระทู้ ไม่ขัดข้องครับ

 

พระศรีอาริยเมตไตรย์ ท่านจะอยู่ที่ไหน ผมก็ไม่ทราบ ทราบแต่ว่า ในบอร์ดนี้ มีผู้กล่าวว่าตัวท่านเป็นว่าที่พระศรีอาริยเมตไตรย์ ซึ่งบางท่านก็เปิดกระทู้สอนกรรมฐานอยู่ด้วย ผมก็เลยสนใจไต่ถามกันก็เท่านั้นเองครับ

ขอขอบคุณที่เข้ามาร่วมกิจกรรมแสดงความเห็นในกระทู้นี้ครับ คุณlovepyou

 

คุณ yooyut ครับเด่วผมจะเล่าให้ฟังอย่างนี้แล้วกันครับ.น่าจะยาวครับ
ประเด็นแรกนะครับกล่าวแบบทั่วๆไป..ส่วนตัวถือว่าทุกคนก็
ยังเป็นเสขะบุคคลอยู่ครับคือยังต้องศึกษาเพื่อดับกิเลสด้วยกันทั้งนั้น
ส่วนใครจะเหลือมากเหลือน้อยก็ตามแต่เหตุและปัจจัย.
และส่วนใครจะมีแนวทางการปฏิบัติรูปแบบใด ณ ขณะนี้ หรือว่าจะมุ้งเน้นตาม
จริตตนเองทางด้านไหน ณ เวลาปัจจุบันตามที่เหตุที่ตนได้เข้าถึงก็สุดแล้วแต่
.ถือว่าเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลไป.หรือแม้กระทั่งว่าบุคคลใดก็ตาม
จะมีเครื่องรู้พิเศษหรือความสามารถพิเศษอะไรก็ตามแต่
ก็ถือว่าเป็นอานิสงค์หรือวาสนาบารมีเฉพาะตนที่ได้เคยสะสมมา
จากอดีตชาติ.ซึ่งก็แล้วแต่ว่าท่านๆเหล่านั้นจะมาต่อยอดทางด้านไหน
.ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะพบแนวทางที่จะทำให้ตนเองได้เข้าถึง ได้รู้
ได้เข้าใจ สุดท้ายแล้วก็เพื่อที่จะละ และวาง กันต่อไปโดยที่มีปลายทาง
แตกต่างกันไปตามจริตในใจตน.จนสุดท้ายใครจะถึงหรือใกล้เคียงปลายทางได้ก่อน.
โดยรวมแล้วก็ถือว่ายังอยู่ในเส้นทางกันอยู่ส่วนใครจะแวะบ้าง.
เผลอออกนอกเส้นทางบ้างก็ย่อมมีบ้างเป็นเรื่องปกติธรรมดาครับ..

ประเด็นต่อมานะครับ..เป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเครื่องรู้หรือความสามารถ
ทางจิต..หากแม้ว่าคุณ yooyut เคยได้ยินมาอย่างนั้นอย่างนี้ก็ตามถึงระดับ
บุคคลรวมกระทั้งพระสงฆ์หรือพระพุทธฯท่านต่างๆก็ตาม.ว่าเป็นระดับโน้นระดับนี้
รวมทั้งท่านที่ละกายสังขารไปแล้วหรือว่าท่านที่ยังมีสังขารอยู่นั้น..
แน่นอนครับเราถูกอบรมสั่งสอนให้ยึดหมั่นในพระรัตน์ตรัยมาด้วยกันทั้งนั้น.มีความ
เคารพในพระพุทธฯหรือผู้เป็นเลิศทั้ง ๓ ภพท่านต่างๆด้วยกันทั้งนั้นครับ.
.แต่ก็เป็นความรู้สึกที่มันยึดหมั่นในใจของเราอยู่
..หากวันหนึ่งเกิดมีคนบอกคุณว่า.
พระท่านนั้นเป็นระดับ ปฏิสัมภิทาญาน.ท่านนั้นเป็นระดับพระอรหันต์.ท่านนั้นเป็น
พระโพธิสัตว์.หรือบุคคลนี้มีอภิญาจิตภายใน..คนนั้นเป็นพวกอภิญญาจิตภายนอก
คนนี้้มีกำลังจิต.หรือแม้การที่จะทราบถึงบุคคลต่างที่ยังมีจิตไปในทางอกุศล.เราต้อง
ตอบตัวเองให้ได้ว่า..คุณต้องการทราบด้วยตัวคุณเองจริงๆหรือไม่ครับ..
..หรือคุณจะใช้สัมผัสพิเศษที่คุณมีพวกอภิญญาจิตภายในต่างๆ
เกี่ยวกับเรื่องความรู้สึก..ที่ทำให้คุณมีความละเอียดอ่อน
ทางด้านจิตของตนเอง.หรือว่ากำลัง
จิตภายในที่คุณก็พอมีที่เป็นเหตุให้ตัวคุณประสบความสำเร็จ
ยืนได้ด้วยลำแข็งตัวเองหรือแม้กระทั้งความที่ชอบเห็นอกเห็นใจผู้อื่นที่คุณมี
ณ เวลานี้เพื่อ
.มาวิเคราะห์ว่า พระสงฆ์หรือบุคคลท่านโน้นท่านนี้.เป็นระดับไหนครับ..
ซึ่งประเด็นนี้แม้ว่าตัวคุณจะมีทางด้านนี้.และก็พอรู้ว่าคุณก็ยังเป็นคนถ่อมตัวอยู่.
แต่ถ้าจะสัมผัสให้ได้จริงๆว่าท่านใดเป็นอย่างไร.ประเด็นตรงจุดนี้
ที่ตัวคุณพอมีจะยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เราทราบได้ชัดครับ.
สมมุติว่าอยากทราบ.อยากรู้มากกว่านี้.งั้นก็จะถือว่าเพียงแต่
เล่าให้ฟังนะครับ..กลุ่มลูกศิษย์สายตรงหลวงพ่อมีชื่อท่านหนึ่งที่ ณ ปัจจุบันนี้ยัง
หาผู้ใดที่จะมีแนวการสอนพิศดารรวมทั้งเรื่องลึกลับต่างๆแล้วถ่ายทอดออกมาได้เป็น
กลางและเสมอเหมือนได้..หากปฏิบัติตาม.จะพบว่าจะเป็นบุคคลที่เปี่ยมไปด้วยอภิญญา
จิตภายใน(คือเครื่องรู้พิเศษอะไรก็ตามที่ออกจากจิตแล้วรู้ภายในจิตตน)และก็จะตาม
ด้วยเป็นบุคคลที่จะมีกำลังจิตพอสมควรในระดับหนึ่งได้กันทุกๆคน..และมักจะมีดีตรง
สายตาในเรื่องทิพย์จักขุมักจะดีกว่าทั่วๆไปร่วมด้วย..แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการรับรู้ก็ยังอยู่ภายใต้
ของการเห็นเป็นสีหรือว่าเป็นภาพอยู่.ซึ่งถ้าตาไม่ดีหรือว่าเผลอไปใช้กำลังตนเองก็อาจ
เป็นเหตุให้ตนเองพลาดได้.และก็หาบุคคลได้น้อยที่จะเต็มเปี่ยมด้วยพันธมิตรทางภพภูมิ
เพราะเน้นไปที่การสร้างบารมีเพื่อตนเอง เพื่อบุคคลอื่นๆ แต่หากลืมในส่วนภพภูมิที่จะเป็น
กำลังหลัก.ของความสามารถภายนอกต่างๆที่จะทำให้คนสัมผัสได้อย่างน่าเสียดายครับ.
.และน้อยคนที่จะขยับออกมาถึงระดับขั้นอภิญญาจิตภายนอกครับ
ปล.เด่วลองอ่าน #Rep ต่อไปนะครับ..

 

ต่อครับ..
ก็คือ.สามารถทำให้บุคคลรับรู้และสัมผัสถึงสิ่งที่ตนมีอยู่ในจิตตนได้.ในรูปแบบของพลัง
งานภายนอกต่างๆ.เลยเป็นที่มาของคำว่าอภิญญาจิตภายนอกครับ..
และแม้แต่หลายๆท่านก็อาจจะยังไม่ทราบว่า หลวงพ่อมีชื่อท่านนี้ท่านก็มีส่วนในการส่งเสริม
และส่งต่อ.บรรดาลูกศิษย์ของท่านหรือผู้ที่นับถือท่านบางคน
.ในเรื่องของการได้มาซึ่งอภิญญาภายนอกครับ.
ไม่ใช่เฉพาะอภิญญาภายในอย่างที่หลายๆท่านเข้าใจ ณ เวลานี้..
เรื่องนี้ถือว่าฟังหูไว้หูนะครับ..เพราะว่าตัวคุณเองจำเป็นจะต้อง
เข้าใจตรงนี้และรู้ตรงนี้ให้ได้ก่อนครับ..ไม่งั้นคุณจะไม่ทราบได้ด้วยตัวเอง
ครับว่า..พระสงฆ์รูปนี้.ความสามารถทางจิตท่านระดับไหน.ท่านอยู่ระดับไหน
ตอนนี้.บุคคลที่ภูมิจิตไม่ใช่คนเอาว่าเราไม่กล่าวถึงแล้วกันครับ..
และจะทราบได้ว่าตั้งแต่ระดับสุขวิปัสสโกขึ้นไปครับ..หรือแม้กระทั้งว่าจะเชื่อได้ว่าท่านไหน
เป็นผู้ไม่มีกิเลสแล้ว.แต่ว่ายังทรงอยู่ในสังขารอยู่ครับ..
เราต้องสามารถที่จะมาเชื่อมหรือสัมผัสกะแสของระดับต่างๆให้ได้ก่อนครับในอันดับ
แรก.ไม่ว่าจะเป็นเทวดา เทพ พรหม หรือแม้กระทั้งพระสงฆ์ท่านต่างๆที่ยังมีสังขาร
และไม่มีสังขาร หรือแม้กระทั้งพระพุทธต่างๆว่า.ลักษณะพลังงานของท่านเป็นอย่างไร
ยกตัวอย่างพระมีชื่อที่ล่วงลับไปแล้วท่านหนึ่ง.ที่กล่าวกันว่าแขวนวัตถุท่านแล้วมัก
ไม่พบว่ามีผู้ใดเสียขีวิต ณ ที่เกิดเหตุนั้น.ทำไม่ถึงเป็นอย่างนี้ได้.เหตุเพราะกะแสพลัง
ของท่านคลอบคลุมอยู่นั้นเอง.หากเราแค่คิดเป็นไปไม่ได้ที่เราจะไม่อยู่
หรือสัมผัสกระแสท่านไม่ได้ครับ..แต่ถ้าถามกลับว่า.คุณรู้ได้อย่างไร??.
นั่นซิครับ!!..ก็ต้องสัมผัสให้ได้ ทราบให้ได้.ว่ากระแสแต่ละท่านเป็นอย่างไร
ซึ่งจะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน.และรัศมีการคลอบคลุมก็แตกต่างกันไปครับ
เรามีวิธีที่จะทราบตรงจุดนี้.ซึ่งเป็นเรื่องภายนอก.เราก็ต้องสัมผัสกับพลังงาน
ภายนอกต่างๆที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติให้ได้ก่อนครับ..เราจะรับรู้ภายนอกได้
ภายในเราก็ต้องพร้อมที่จะเปิดรับด้วยครับ..และต้องเปิดรับอย่างไรถึงจะมี
กำลังเพียงพอในการป้องกันสิ่งไม่ดีจากภายนอกเข้ามาควบคุมเราด้วยครับ.

วิธีการที่จะเปิดรับได้
ที่ทางภพภูมิท่านจะเน้นเป็นพิเศษก็คือ
ความเมตตาครับ
ไม่ใช่ความสามารถทางจิตอันยิ่งใหญ่ หรือกำลังจิตอันมากมายมหาศาล
ของเราครับ..อย่าลืมครับว่า .เราไม่ได้กำเนิดแล้วมีความเป็นทิพย์เหมือนๆ
กับฝ่ายภพภูมิระดับสูงๆ.ที่แต่ละท่านมีเป็นธรรมดาครับ..ประเด็นนี้หากบังเกิด
ขึ้นกับจิตเรา.ตัวเราต้องพึ่งระมัดระวังเรื่องทำนองนี้ให้ดีครับ..
.มันจะต้องก่อเกิดด้วยเมตตา เป็นเมตตาที่ไม่มีการเลือกข้าง
ไม่การแบ่งชั้นวรรณะ.หรือเลือกที่จะเมตตา..แต่ว่าต้องเป็นเมตตาที่เกิดจาก
การชำระสะสางกิเลสออกจากจิตให้น้อยลงไปเรื่อยๆตามลำดับครับ..
เป็นเมตตาที่เกิดจากภายในจิตของเราที่ออกไปข้างนอก..ไม่ใช่เมตตาที่เราเห็น
จากข้างนอกแล้วน้อมมาในใจครับ..ถ้าเรามีเมตตาแบบนี้เราก็จะเริ่มสัมผัสในรูปแบบ
ของพลังงานภายนอกได้ครับ.ไล่ระดับตั้งแต่เริ่่มต้นจนไปถึงระดับสูงๆได้ครับ.ซึ่งหาก
ว่าเราชำนาญหรือเชื่อมได้แล้ว.ต่อไปก็จะเชื่อมได้แบบอัตโนมัต ไม่ว่าเราจะไปไหน
หรือหากแม้มีการกล่าวถึงเพียงแค่เอ่ยชื่อครับ..แต่ต้องพร้อมด้วยกำลังสติทางธรรม
ที่มากพอและกำลังสมาธิพอสมควร เพื่อป้องกันการควบคุมจากภายนอกตลอดจน
พลังงานภายไม่ดีภายนอกที่พยายามแทรกเข้ามาด้วยครับ..การป้องกันตรงนี้ก็ประกอบ
ด้วย.การสร้างกองทัพพันธมิตรให้กับตนเองในเบื้องต้น.ด้วยการอุทิศส่วนกุศลให้กับ
ภพภูมิภายนอกร่วมด้วย..อย่างที่แนวทางการสอนของหลวงตามีชื่อท่านหนึ่งท่านสอน
ให้กับลูกศิษย์ท่านอยู่ทุกวันนี้นั่นหละครับ...
พวกนี้ความจริงมันไม่ใช่เรื่องที่เกินความสามารถของทุกคนที่จะทำได้ครับ.เพียงแต่
เรานอกจากจะเน้นเพื่อการชำระกิเลสในใจตนแล้ว.แต่หากขาดเมตตาที่ออกจากจิตตัว
นี้ที่จะเป็นตัวเชื่อมกับธรรมชาติภายนอก.ที่มีอยู่แล้วเพียงเท่านั้นเองครับ.ประเด็นนี้
ส่วนตัวให้ความสำคัญมากกว่า..การที่จะมาต้องมาสอนว่า.จะเชื่อมอย่างไร ต้องเปิดจักระ
หรือครับ.ต้องเปิดให้ได้ ๗ จุดไหมครับ.เปิดให้ได้ ทั้งฝ่ามือฝ่าเท้าไหมครับ.การเชื่อม
ทำอย่างไรครับ ต้องเชื่อมได้ทั้งตัวไหมครับ.ต้องเชื่อมตรงไหนครับเป็นระดับโน้นระดับนี้
จะส่งพลังอย่างไรครับ จะหนุน รับส่ง ถ่ายเข้าถ่ายออกอย่างไร..
หรือว่าจะฝึกกสิณกองนั้นกองโน้นอย่างไร..พลังงานกสิณแต่ละกอง
เป็นอย่างไร.จะฝึกย้อนอดีตดูอนาคตอย่างไร.อยากมีทิพยจักขุทำอย่างไร
อยากมีกำลังจิตสร้างกันตรงไหน..เพราะแม้แต่ให้ตัวเราสามารถมีพลังงาน
ระดับที่พลิกได้แม้กระทั่งจักรวาลก็ตาม.แต่ก็อย่าลืมมันก็ยังเป็นกิเลสครับ.
เพราะวิธีการพวกนี้อย่างที่เล่ามา.แม้สุดท้ายตัวเราต้องการหลุดพ้น
เราก็ยังต้องวางทุกๆอย่างให้หมดครับ..ประเด็นนี้ควรทำความเข้าใจ
ให้ดีๆด้วยครับ.ว่ามันเป็นกิเลสที่ทำให้เรายังวนเวียน
อยู่ใน ๓ ภพอยู่นั่นเองไงครับ
.ก็เพียงแค่มาบอกๆแนะๆได้ว่าทำอย่างไรส่วนใครจะทำได้ไหมก็สุดแล้วแต่.
เพราะหากว่าทำได้อย่างที่กล่าวคือ สร้างตัวเองให้มีเมตตาที่ออกจากจิตอย่าง
ที่เล่าให้ฟัง.สร้างพันธมิตรทางภพภูมิ รักษาความดีของตนให้มั่นคงมากที่สุด
.ไม่ต้องกลัวครับว่าคุณจะไม่ทราบว่าใครเป็นอะไรอย่างไร..คุณไม่ต้องห่วงครับ
ว่าจะไม่มีครูบาร์อาจารย์ทางภพภูมิมาสอนคุณ.ไม่ต้องกลัวว่าเราจะไม่มีพันธมิตร
ที่ดีมาคอยตาม มาคอยสนับสนุนเราเรื่องต่างๆ.และไม่ต้องกลัวว่าท่านที่มีชื่อ
ทั้งหลายที่ละไปแล้วจะไม่รู้จักเรา..และคุณก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่รู้ว่าใครเป็นอะไร
อย่างไร..ส่วนเรื่องวิธีการฝึกเรื่องต่างๆที่เล่าให้คุณฟังมาก่อนหน้านั้น
.จะเป็นอะไรที่ง่ายมากสำหรับเราครับ.
เพราะทุกๆการฝึกรูปแบบต่างๆและความสามารถในการเข้าถึง
รวมทั้งการโน้มจิตใจให้ได้พบได้เจอสิ่งที่เราต้องการฝึกต่างๆนั้นรวมทั้ง
เรื่องการฝึกรูปแบบต่างเราจะได้รับการถ่ายทอดและเทคนิค
ต่างๆตามเหตุและปัจจัยตลอดจนการตั้งเป้าใช้งานในทางธรรม
อะไรที่มันพิเศษก็เรียนกับท่านๆที่มีสิ่งที่พิเศษจะทำให้เราไปได้ง่าย
ทำได้เร็ว.ประเด็นนี้คงพอเข้าใจนะครับ..
.เพราะว่าการที่เราเพียงแต่สร้างเมตตาที่ออกจากจิต
ตรงนี้ให้มันได้....จะทำให้เรามีอะไรที่มันพิเศษๆเกิดขึ้นได้ครับ
..ดังคำกล่าวที่ว่า ''มีก็เหมือนไม่มี บทจะได้ก็เหมือนไม่ได้และให้ก็เหมือนไม่ได้ให้"นั่นหละครับ.
ปล.คงพอเข้าใจอะไรเพิ่มบ้างนะครับ.

 

คุณเชื่อหรือไม่ว่า ตัวเลข 272 เนี่ยะมันหลอก

สังเกตุได้จากกระทู้ บางทีโชว์เป็น 10 พอกดเข้าไปดู มีอยู่จริงไม่กี่คน แค่สองคน สามคน เท่านั้น

บางลักษณะ บางคนเข้าใจอีกว่า บางกระทู้มียอดวิวสูง

เพราะเชื่อว่ามีสมาชิกกดดูเป็นหมื่นเป็นแสนคน ผมล่ะขร้ำ พอเช็คดูอายุ คนๆนั้น ก็รู้ได้ว่าเป็น สว. คุ๊กกี้รัน ไม่ว่ากัน

แท้จริง เช่น เมื่อมีสมาชิกสัก 100 คน

กดมาเข้าดูสักวันละคลิก ยอดมันก็ทวีขึ้นๆ และบางกระทู้อยู่มาหลายปีและมีการอัพเดทเสมอๆ เช่นกระทู้ในบางห้อง

นั่นเรื่องของกระทู้ หากกล่าวถึงในระดับห้อง ความผิดพลาดย่อมสูงกว่า

มีลักษณะอีกอย่าง คือ บางคนในขณะที่อยู่ในกระทู้ใดกระทู้หนึ่ง

จากนั้นได้ปิดบราวเซอร์ โดยไม่ล็อคเอ้าท์ เป็นเหตุทำให้จำนวนคน ที่ดูกระทู้มันจะค้างไปอีก 1 ชม.

เท่าที่สังเกตุ!!

อย่าเป็นเอาม๊ากก... กับเลข 272 หรือเลขอะไรก็แล้วแต่ ที่ไม่ได้ถูกล็อค มักผิดพลาดได้เสมอๆ ในสิ่งที่คิดว่าเข้าใจ

 

ขอบคุณ คุณ nopphakan แต่ดูเหมือนจะยังไม่สุด น่าจะมีต่ออีก งั้น ถ้ามีสิ่งใดประสงค์จะเพิ่มเติมก็ขอเรียนเชิญโดยพลันครับ

 

ง่ะ!!! แท้จริงมันเป็นยังงี้เองหรือนี่? อืมม์ ขอขอบคุณที่ชี้แนะครับ

 

เห็นคุณเข้ามาในบอร์ดอยู่เสมอๆ เป็นระยะๆ ก็ในเมื่อบอร์ดนี้มันมั่วซั่ว บ้าๆบอๆ อย่างนี้ แล้วคุณยังจะมาเกลือกกลั้วอยู่ในที่แบบนี้ทำไมกัน?

สังเวชใจ สมเพชใจ จริงๆหรือป่าวเนี่ยยยย!!!

 

ทุกสิ่งล้วนอุปทานจิต การที่เห็นโน้น เห็นนี่ถ้าไม่เห็นเป็นไตรลักษณ์ก็จะเพลิน ก็จะหลง ก็จะมานะถือตัว อุปมาเหมือนหาเงินทำงานทำหน้าที่แม้สุจริตอันนี้เป็นกุศล เมื่อมีเงินมากก็เพลินอยู่สุขอยู่ ติดอยู่ สะสมอยู่เหนี่ยวแน่นอยู่ ใกล้กิเลสอยู่

 

คุณ teww ครับ ที่ผมให้ความสำคัญ ก็คือผู้ปฏิบัติชั้นต้นหรือชั้นอนุบาลนี่ล่ะ ที่ควรตัองให้เวลากับตัวเองในการปฏิบัติ ถ้า มัวแต่เอาเวลามาเข้าบอร์ด จะเสียเวลาไปเปล่าๆโดยไม่ได้อะไร ยกเว้นว่าในบอร์ดนี้ มีแต่ผู้ปฏิบัติในระดับสูงทั้งนั้นก็ไม่เป็นไร

 

ไมทราบว่าคุณต้องการจะสื่อถึงเรื่องอะไร. ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นของกระทู้นี้ โปรดช่วยขยายความด้วย