หลวงพ่อพวง หลวงพ่อกวย หลวงปู่หมุน ธรรมะหลวงปู่เทพโลกอุดร

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย teerapote, 2 เมษายน 2014.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    ผมได้จัดส่งพระให้แล้ววันที่ 16 กรกฎาคม 2557 เวลา 08.48 น. ดังนี้

    คุณเฉลิมเดช EMS เลขที่ EL 3069 3771 7 TH
    คุณสมภพ EMS เลขที่ EL 3069 3770 3 TH

    ขอบคุณครับ
     
  2. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    ธรรมปฏิบัติบท ๑ จากบันทึกบทแรก สัจธรรม


    [​IMG]


    ต่อไปนี้จะพูดถึงเรื่องวิญญาณกันอีก วิญญาณมีรูปร่างอย่างไร วิญญาณมีอยู่กับเราหรือเปล่า ถ้าจิตมีอยู่กับเราและวิญญาณก็มีอยู่กับเรา เมื่อเรายังเป็นคนมีชีวิตอยู่ เรามิเป็นผีหรือ เพราะว่าผู้คนพูดกันว่า จิตวิญญาณก็ได้แก่ผี ผีที่เที่ยวหลอกคน
    คนที่ตายแล้วก็เหลือจิตวิญญาณอยู่ คนเป็นก็มีจิตวิญญาณอยู่ ขอถามว่าผีนั้นมาจากไหน คนตายเป็นผีเพราะจิตวิญญาณ ส่วนคนเป็นก็เป็นผีด้วย จิตวิญญาณมิได้หายไปไหน คนเป็น คนตายมันก็อย่างเดียวกัน เหมือนกัน ถ้าคนตายมีจิตวิญญาณ คนเป็นจะต้องไม่มีจิตวิญญาณ คนเป็นคนตายเหมือนกัน ถ้าคนเป็นมีจิตวิญญาณ คนตายจะต้องไม่มีจิตวิญญาณ คนเป็นคนตาย เหมือนกัน แล้วจะพูดว่าอะไรเป็นอะไรตาย จิตวิญญาณก็คงมีอยู่ ถ้าจะพูดให้ถูกก็จะต้องพูดว่า “คนเป็นก็เป็นผี คนตายก็เป็นผี ถึงจะถูกต้อง”

    จริง ๆ แล้วผีไม่มี ผู้ใหญ่เขาหลอกเด็ก เพราะเด็กร้องไห้ไม่หยุดจึงหลอกผี คนเป็นก็คือคน คนตายได้แค่ซากของคนเป็น ที่ตัวตนเครื่องมันผุพังแตกสลายเน่าเปื่อย เรียกว่าซากเหม็น ต้องเอาไปเผาเอาไปทิ้ง โดยมากผู้คนไม่รู้กัน เพราะไม่ได้ศึกษาและปฏิบัติจึงไม่รู้ ก็เข้าใจกันว่าจิตวิญญาณคือผี

    คนตายแล้ว วิญญาณไม่มี จะมีก็แต่จิตเท่านั้น คนตายแล้ว สิ่งที่ติดไปมี เวทนา สัญญา เป็นตัวที่ไปกับจิต รูป - สังขาร - วิญญาณ สามสิ่งนี้ไม่ได้ไปกับจิตด้วย

    จิตเป็นตัวรับกรรม เวทนา สัญญา จึงติดกับจิตไปด้วย การทำความดี การทำความชั่ว จิตเป็นตัวรับเวทนา อันนั้น เพราะสัญญาเป็นตัวกรรมดับเวทนาอยู่ สัญญาเป็นตัวกำหนดให้ใช้กรรม เวทนามีต่อผู้ที่กำลังจะตาย เวทนานั้นมากน้อยแค่ไหน เป็นแรงผลักดันให้เป็นไปก่อนตาย ต่อไปเมื่อตายไปแล้วอีกด้วย จะต่อเนื่องกันไป เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของชาติและภพ

    ใครทำดีก็ไปดี ใครทำชั่วก็ไปชั่ว จะอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้ จะแลกเปลี่ยนซื้อขายถ่ายเทกันไม่ได้ ผิดกฎแห่งกรรม คนที่อยู่จะช่วยกันทำบุญถ่ายโทษกันก็ไม่ได้ จะสร้างวัดหรือศาลา เอาเงินช่วยในดวงกุศล จะมากเท่าไรก็ไม่ได้ จะทำบุญหักล้างกันไม่ได้เลย

    ถ้าญาติทำไว้ให้ ก็จะต้องเอากองไว้ก่อน รอพ้นโทษแล้วจึงจะได้รับ จิตมีเวทนาติดไปเพื่อลงโทษ สัญญาเป็นตัวกำกับการลงโทษตามที่จะหนักเบา เรียกว่าชำระตามสัญญาที่กระทำไว้แล้วกัน ขอส่วนลดก็ไม่ได้ลด อย่างดีก็มีแต่เพิ่มคดีเก่า ๆ เข้าไปอีก ถ้าพลิกหาเจอะเจอคดีเก่า ๆ

    ขันธ์ ๕ มีรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ รวมกันเป็น ๕ ดวง หรือ ๕ ขันธ์ ก็แล้วแต่เรา เป็นชาวพุทธจะต้องรู้จักขันธ์ ๕ ให้ถ่องแท้ บาปบุญคุณโทษ มันไปจากขันธ์ ๕ นี้เท่านั้น ถ้ารู้แล้วก็ละเว้นได้ หลีกเลี่ยงไม่ประพฤติในทางที่ผิด ๆ ชีวิตก็จะเกิดความสุข พระพุทธเจ้าตรัสบอกว่า ขันธ์ ๕ ในตัวตนคนเราทุกคน ชอบก่อเรื่องกิเลสเข้าเหมือนกัน รูปนั้นเป็นตัวถ่วงกิเลสให้เราในทางตา เพราะว่าเราใช้ตามองอะไร ๆ ตาเห็นรูปก็เกิดความรัก ความชอบในสิ่งนั้น ๆ บางครั้งก็ไม่ชอบในสิ่งนั้น ๆ โลภ โกรธ หลง ในสิ่งนั้นเกิดขึ้น เวรกรรมจึงเกิดขึ้นกับตัวเอง เพราะตัวเวทนามีกับเรา เมื่อเวทนามี สัญญา สังขาร วิญญาณก็เกิดขึ้น วิญญาณเป็นตัวรู้เห็น วิญญาณมิใช่ผีตามที่เข้าใจกัน วิญญาณตัวนี้แหละก่อให้เกิดสัญชาตญาณให้เกิดอีกด้วย

    สัญชาตญาณ หมายถึงความรู้มาก รู้ไกล รู้ได้ตลอด จะเกิดกับคนบางคนไม่เท่ากัน สัญชาตญาณจะเกิดจากการมองเพ่ง ในสิ่งนั้นนาน ๆ จะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม จะรู้เห็นต่อ ๆ กันไป สัญชาตญาณเป็นการรู้เรื่อง อาจเอามาใช้ป้องกันตัวก็ได้ จะเอาใช้ในการต่อสู้ก็ได้ สัตว์ทุกชนิดจะมีขันธ์ ๕ ไม่เท่ากัน สัตว์บางอย่างมี ๔,๓, ๒, ๑ ตามแต่ประเภทของสัตว์ ความรู้สึกจึงแตกต่างกัน สัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนม จะมีอาการเหมือน ๆ กัน

    จิตใจที่รู้อะไร ๆ ก็จะต้องประกอบไปด้วยขันธ์ ๕ จริง ๆ แล้วประกอบไปด้วยขันธ์ ๔ มี เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ๔ อย่าง ประกอบกันให้เกิดความรู้ขึ้น ที่พูดมานี้เป็นธรรมที่ประกอบกับทางโลกเสียเป็นส่วนมาก ส่วนทางธรรมนั้นอีกอย่างหนึ่ง

    ธรรมภาคปฏิบัติ นั้นอีกอย่างหนึ่ง จะไม่เหมือนกันจะตรงกันข้าม เป็นธรรมที่ละเว้นในสิ่งทางโลก ถ้าจะพูดตรง ๆ ก็ได้แก่ การละเว้นขันธ์ ๕ ไม่ให้เกิดขึ้น ด้วยการปฏิบัติธรรม ได้แก่ การปฏิบัติมรรค ปฏิบัติอริยมรรค ให้เกิดขึ้นภายในจิตใจของผู้ปฏิบัติ

    มรรคและอริยมรรค จะตัดจะดับขันธ์ ๕ ทั้งหมด ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดับเวทนา ที่เป็นสุขทุกข์ได้ ให้เหลือแต่อทุขมสุขาเวทนา ถ้ามีเวทนาอย่างนี้ก็พ้นทุกข์อย่างชาวบ้านแล้ว ถ้าเราปฏิบัติอริยมรรค อริยมรรคก็จะตัดขันธ์ ๕ ออกไป เป็นการดับขันธ์ ๕ อย่างชะงัดนัก นอกจากอริยมรรคแล้ว ไม่มีธรรมอะไรจะดับขันธ์ ๕ ได้

    ยังมีต่อ.................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 กรกฎาคม 2014
  3. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    ธรรมปฏิบัติบท ๑ จากบันทึกบทแรก สัจธรรม


    [​IMG]


    ส่วนวิธีที่จะปฏิบัติอริยมรรคนั้น มีอยู่วิธีเดียวจะได้แค่ทางสายเอก เอกายโน มัคโคการปฏิบัติมรรคไม่ได้ใช้วิธีการทำอย่างสมาธิ ใช้วิธีกำหนดที่ลมเข้า - ออก ตามที่เรียกกันว่า อานาปานัสสติ มีการกำหนดลมเข้าออกที่ปลายจมูก ตั้งจิตไว้ที่ปลายจมูกที่เดียว ไม่ย้ายไปที่อื่น ๆ เวลาลมเข้าก็ให้รู้ว่าลมเข้า เพียงรู้อย่างเดียวอย่าเอาจิตตามเข้าไปกับลม เวลาหายใจออกก็ให้รู้ว่าลมออก แต่ไม่ต้องเอาจิตตามลมออกไป

    การรู้ ให้จิตตั้งอยู่ที่เดียว ให้รู้ทั้งลมเข้าลมออก การปฏิบัติใหม่ ๆ มักจะตั้งจิตไม่อยู่ จิตมักจะออกไปในที่อื่น ๆ อยู่ตลอดเวลา จิตมักชอบเที่ยวไปในอดีตและอนาคตอยู่ตลอดเวลา จิตจะมีการนึกคิดในเรื่องเก่า ๆ และเรื่องใหม่ ๆ จิตจะไม่ยอมตั้งอยู่ที่เดียวเพื่อกำหนดรู้ลมเข้าออก

    ถ้าเราตั้งจิตไม่ได้ ก็จะต้องหาวิธีบังคับจิตให้ตั้งให้ได้ วิธีบังคับจิตก็ไม่มีอะไรมาก ขอให้เราทำตามที่พูดบอกก็แล้วกัน

    วิธีบังคับจิต ขอให้เรานั่งตั้งมั่นกำหนดลมเข้าออก เวลา หายใจเข้า เอาจิตตามลมเข้าไปด้วย ลมเข้าถึงไหน จิตก็เข้าถึงนั่น เวลาหายใจออก เอาจิตตามลมออกมาแค่ปลายจมูกพอ ไม่ต้องตามเลยออกไปพ้นปลายจมูก เอาจิตตั้งไว้ที่ปลายจมูก รอลมเข้ามา เมื่อลมเข้าก็เอาจิตตามเข้าไปอีก ลมออกก็ตามออกมา

    ทำดังนี้อยู่ตลอดไปนาน ๆ จนจิตไม่คิดจะไปที่อื่นแล้ว ให้จิตอยู่กับลมเข้าออกสองอย่างพอ จะต้องคอยสังเกตด้วยว่า จิตคิดถึงเรื่องอื่น ๆ หรือเปล่า ถ้าจิตอยู่รู้แต่เพียงลมสองอย่างก็ใช้ได้

    ต่อไปก็ฝึกให้จิตตั้งอยู่ที่ปลายจมูกที่เดียว รู้ทั้งลมเข้าออก การทำอย่างนี้ เป็นการฝึกให้จิตตั้งมั่น เมื่อจิตตั้งมั่นแล้วสัมมาสมาธิ ก็เกิดขึ้นกับจิตของเรา วิธีนี้เป็นวิธีที่เรียกว่า เอกายโน มัคโค เป็นการทำจิตให้เป็นหนึ่ง เป็นหนึ่งเดียว เป็นทางให้จิตเป็นเอก หรือเป็นหนึ่ง เมื่อจิตเป็นหนึ่งเดียวได้ก็จัดว่าจิตเป็นมรรค เข้าถึงทางแห่งมรรคหรือทางของความดับทุกข์ ก็ได้แก่ธัมมจักรกัปรัตนสูตร สูตรที่ปฏิบัติแล้วพ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริง มิใช่ได้สมาธิแล้วพูดว่าพ้นทุกข์ วิธีนี้เป็นวิธีปฏิบัติเบื้องต้นโดยตรง จะไม่ต้องทำวิปัสสนาก่อน เพราะยังไม่ถึงขั้นการทำวิปัสสนาถึงทำก็ทำกันไม่ถูก

    ก่อนอื่นเราจะต้องให้มรรคเกิดขึ้นก่อน จิตจะได้เกิดสัมมาสมาธิ เมื่อจิตมีสัมมาสมาธิแล้ว ปัญญาก็เกิด เราจะต้องสะสมปัญญาให้มากก่อน ก่อนที่จะทำวิปัสสนา การทำวิปัสสนาจะต้องใช้ปัญญามาก ถ้าไม่มีปัญญามาก จะปฏิบัติวิปัสสนาไม่ได้ จะให้อาจารย์สอนบอกให้ ถึงสอนบอกให้ก็ไม่รู้เรื่อง เราจะต้องรู้ของเราเอง การรู้อรรถรู้ธรรมมิใช่จะรู้กันได้ง่าย ๆ เราจะต้องรู้เอง เห็นเอง จึงจะชื่อว่ารู้ ตามที่มีการสอนให้ปฏิบัติวิปัสสนากันนั้น มันไม่ถูกและก็ไม่มีใครได้ด้วย การปฏิบัติจะต้องปฏิบัติสมถะกันไปก่อน ไปต่อวิปัสสนาเอาในภายหลัง มันถึงจะถูกต้อง สมถะกับวิปัสสนามันคู่กัน มันไปด้วยกัน และมันก็ไม่ต้องต่อล้อต่อเถียงกันอีกด้วย การจะรู้ก็จะต้องรู้ด้วยอารมณ์ว่า อารมณ์อะไรเป็นอารมณ์สมถะ อารมณ์อะไรเป็นอารมณ์ของวิปัสสนา คนไหนไม่รู้จักอารมณ์คน ๆ นั้นไม่ได้ปฏิบัติธรรม ชาวพุทธไปเอาสมาธิมาปฏิบัติได้อย่างไร ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ พวกเขาปฏิบัติสมาธิกัน สมาธิเป็นของศาสนาพราหมณ์เขา ถ้าเราปฏิบัติสมาธิ ศาสนาเราก็คงเหมือนศาสนาพวกเขา มันก็เท่านั้นเหมือนกัน แล้วศาสนาพุทธจะพูดออกได้อย่างไรว่า ศาสนาของตัวดี ดีกว่าศาสนาทั้งหลาย เพราะสามารถทำให้พ้นทุกข์ได้

    ก็คนที่ได้สมาธิกัน มันพ้นทุกข์กันหรือเปล่า ไม่ว่าพระหรือชาวบ้าน ล้วนแต่ปฏิบัติสมาธิกัน เหมือนกับศาสนาอื่น ๆ แล้วก็ อวดว่าตัวดี ของตัวดี เข้าใจว่าไม่สนคำคุย คนที่ปฏิบัติได้สมาธิ เดี๋ยวนี้ก็คุยแล้ว และอวดตัวเป็นอาจารย์ดีอีกด้วย จริง ๆ แล้วไม่รู้หรอกว่าศาสนาพุทธเขาปฏิบัติอย่างไร ถึงจะถูกต้อง พระบางองค์ได้สมาธิแล้วอวดว่าสำเร็จ เป็นพระสำเร็จ เลยไปนั่งรับจ้างทำพุทธาภิเษก เสกอะไรต่ออะไรต่าง ๆ ให้แปรสภาพเป็นพระไปทั้งหมด ถ้าใครเอาไปเคารพกราบไหว้ จะอำนวยผลประโยชน์ให้สมความปรารถนา ถ้าจริงคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าก็คงไม่จริง จะเป็นสัจจะได้อย่างไร คำว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ควรจะเอาทิ้งได้แล้ว เลิกกราบไหว้ได้แล้ว หันไปนับถือในสิ่งที่พวกเขาพุทธาภิเษกกันดีกว่า ถึงทำชั่วก็ได้ดี ทำดียิ่งได้ดีเป็นร้อยเท่า

    ใครจะว่าอย่างไรเราเฉย ๆ เราไม่เคยสนใจในพวกพระเหล่านี้ เขาจะเป็นเกจิชั้นไหนเราก็เฉย ๆ ยิ่งอาจารย์ด้วยแล้ว เปล่าเลย เพราะเราไม่รู้ว่าเขาเป็นอาจารย์อะไร ตามที่พูดอย่างนี้ ถ้าใครชังน้ำหน้าเราก็เฉย ๆ เพราะเรานับถือสัจจะของจริง

    ใครก็ตาม ที่จะปฏิบัติวิปัสสนาแต่แรกหรือเริ่มต้น ปฏิบัติวิปัสสนากันเลย ก็จะปฏิบัติได้เหมือนกัน แต่จะลำบากในภายหลัง จะไปหลงอารมณ์ เมื่อเข้าถึงแล้วจะมีอาการอย่างกับได้สมาธิ ก็อย่างเดียวกัน มักจะติดอยู่ที่ตรงนี่กันนาน บางคนก็ไปไม่ได้ติดอยู่ จะต้องได้รับคำแนะนำจากท่านผู้รู้ จึงจะไปได้ การติดธรรมก็เหมือนกับเราเดินหลงป่าใหญ่ หาทางออก ทางไปไม่ได้ ถ้าไม่พบผู้คนบอกทางให้ ก็อย่าหวังเลยว่าจะไปได้แม้แต่มีคนบอกทางให้ ก็จะเกิดความงง ไม่แน่ใจเพราะไม่เคยเดินทางนี้ กว่าจะเดินทางถูก ก็จะต้องพิจารณากันอย่างมากอีกด้วย

    คนที่หลงป่าใหญ่ จะต้องใช้ความเพียรอย่างมาก จะต้องพิจารณาไตร่ตรอง ใคร่ครวญในทางต่าง ๆ ที่มีอยู่ในป่านั้น จะต้องลองเดินดูทุก ๆ ทางให้รู้ว่าทางไหนมีอะไร และทางไหนเดินไปแล้วตัน เดินต่อไปไม่ได้ก็จำไว้ ต่อไปก็ไม่เดินไปอีก เลือกเดินทางที่เดินไปได้ แต่ก็จะต้องดูด้วยว่าทางนั้น ๆ มีทางแยกหรือเปล่า ถึงทางแยกก็จะต้องหยุดพิจารณาว่า จะเดินตรงหรือจะเดินเลี้ยวแยก จะต้องรู้ด้วย พร้อมทั้งจะต้องรู้จักว่าทางหรือมิใช่ทาง ทางเดินนั้นมีแยะ แต่มันเป็นทางรกหรือทางเตียน ทางเกวียนหรือทางคนเดิน เราจะต้องรู้ว่าจะเลือกเดินทางไหน ยังมีต่อ.................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. rt5038

    rt5038 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,123
    ค่าพลัง:
    +2,612
    รบกวนสอบถาม...ไม่ทราบมีพระกริ่งเพชรกลับหนุนดวง เนื้อทองทิพย์ หลวงปู่หนุน สุวิชโย วัดพุทธโมกข์ บ้างไหมครับ ?
    ถ้ามีขอราคาทาง pm ด้วยครับ.
    ขอบคุณครับ.
     
  5. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    พระกริ่งเพชรกลับหนุนดวง เนื้อทองทิพย์ หลวงปู่หนุน สุวิชโย
    องค์สวยเนื้อดังทองคำ หมายเลข ๒๗


    [​IMG]


    ปิดรายการนี้แล้วครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00841.JPG
      DSC00841.JPG
      ขนาดไฟล์:
      968.3 KB
      เปิดดู:
      6,793
    • DSC00842.JPG
      DSC00842.JPG
      ขนาดไฟล์:
      849.9 KB
      เปิดดู:
      271
    • DSC00840.JPG
      DSC00840.JPG
      ขนาดไฟล์:
      816.6 KB
      เปิดดู:
      145
    • DSC00843.JPG
      DSC00843.JPG
      ขนาดไฟล์:
      826.2 KB
      เปิดดู:
      116
    • images (7)a.jpg
      images (7)a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      270.9 KB
      เปิดดู:
      66
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 กรกฎาคม 2014
  6. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    ผมจัดส่งพระให้คุณเสริมศักดิ์แล้ววันที่ 18 กรกฎาคม 2557 เวลา 08.49 น. EMS เลขที่ EL 3069 9721 1 TH

    ขอบคุณครับ
     
  7. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    ธรรมปฏิบัติบท ๑ จากบันทึกบทแรก สัจธรรม


    [​IMG]


    การปฏิบัติธรรมก็เหมือนกัน เราจะต้องศึกษาธรรมให้รู้ไว้มาก ๆ ธรรมกับทางก็เหมือนกัน เราปฏิบัติธรรมอะไรได้ก็ลองเอามาผสมดับกิเลสดู ไม่ว่ากิเลสอะไรทั้งนั้น ถ้าธรรมนั้นกำจัดกิเลสได้ ก็จำไว้และทำต่อไปเรื่อย ๆ ถ้ากิเลสมันหดหายไปทีละอย่างสองอย่าง ทำต่อไปกิเลสก็จะหมด ถึงไม่หมดก็หาวิธีใหม่ ๆ มากำจัดมันอีก สักวันหนึ่งมันก็จะหมดไปเอง

    อย่าลืม ป่าใหญ่มีทางมาก ธรรมก็หมู่ใหญ่มีธรรมมาก ทางก็คือธรรม ธรรมก็คือทาง พูดอย่างนี้เข้าใจหรือเปล่า ก็พูดอยู่แล้ว คนที่ไม่ได้อะไร พูดบอกก็ไม่รู้เรื่อง เพราะไม่เคยรู้ไม่เคยผ่าน อย่างดีก็จะขึ้นเครื่องบินไป อีกอย่างคนไม่รู้แต่ชอบอวดรู้ รู้แล้วก็ไปไม่ได้ และไม่ยอมไป ได้แต่พูดอวดรู้

    การสอนการปฏิบัติธรรม มิใช่ของง่าย ๆ อย่าได้จำขี้ปาก ของคนอื่นเขาเอามาพูด เอามาสอน เราเอาของเขาเอามาสอน แล้วเราปฏิบัติได้ตามนั้นหรือเปล่า ถึงจะได้เอามาสอน เราจะต้องปฏิบัติได้เสียก่อน จึงจะเอามาสอนได้ มิใช่สอนกันตามลมตามแล้ง หยิบ เอาตำราของใคร ๆ มาสอน เจ้าของตำราปฏิบัติได้หรือเปล่า จะต้องดูด้วย เขียนธรรมเขียนตำรา ใคร ๆ ก็เขียนได้ แม้แต่เด็กอายุ ๔ ขวบ มันก็เขียนได้ คนบ้องตื้นเท่านั้นชอบเชื่อไม่เลือก

    พระพุทธเจ้าบอกอย่าเชื่อ ๆ แม้แต่ตัวท่านพูดบอกก็อย่าเชื่อ จะให้ดีเอาไปลองดูก่อน ถ้าดีแล้วค่อยเชื่อ นี่อะไรเชื่อดะยังกับคน กระหายน้ำ ขอให้เป็นน้ำก็แล้วกัน กินดะ

    เราจะถามธรรมสักข้อหนึ่ง คนที่เป็นเกย์ เป็นกะเทย บวช ได้หรือเปล่า ถึงเรารู้เราก็จะไม่พูด พระที่เป็นกะเทยจะปฏิบัติธรรมไม่ได้ ถึงจะปฏิบัติก็จะไม่สำเร็จ เพราะขาดความรู้สึกทางสัมผัส มโนสัมผัสไม่มีไม่เกิดแล้ว ท่านเป็นเกย์หรือเปล่า เป็นกระเทย หรือเปล่า เราเบื่อจะพูด

    การปฏิบัติวิปัสสนา จะต้องนั่งเพ่งรูป เพื่อให้นามมันดับ เพ่งแล้วนามดับก็ใช้ได้ ถ้านามยังไม่ดับ ก็จะต้องเพ่งต่อไป เพ่งจนกว่านามจะดับ เพ่งอย่างนี้เขาเรียกเพ่งรูปนาม ตามที่พูด ๆ กัน ถ้าเราจะเพ่งไปที่ลมหายใจเข้าออกก็ได้ รูปนามมันอยู่ที่ลมหายใจ

    รูป นาม กาย สังขาร สิ่งเหล่านี้อันเดียวกัน ถ้ารู้ก็จะรู้ว่าอันเดียวกัน ถ้าไม่รู้ก็จะพูดว่าคนละอย่างกัน ผู้ปฏิบัติธรรมได้แล้วจึงจะรู้ได้ในสิ่งเหล่านี้ ไม่ต้องดูอื่นไกล คำว่า มรรค โดยมากจะไม่พูดถึงกัน มรรค นั้นหมายถึงอะไร ได้เข้าถึงมรรคแล้ว มีอาการอย่างไร ทำไมจะต้องเรียกว่ามรรค มรรคเป็นตัวตัดกิเลส ถ้าใครเข้าถึงมรรค ความโลภ โกรธ หลง ก็จะเบาบางลงอย่างมาก ถ้าเราปฏิบัติมรรคอยู่เสมอหรือตลอดเวลา กิเลสก็จะไม่รบกวนเรา

    อีกอย่าง มรรคก็ได้แค่สัมมาสมาธิ เมื่อมีสัมมาสมาธิ สัมมาสติก็มีเกิดด้วย สัมมาสมาธิแก่กล้า สัมมาสติก็แก่กล้าตามกันไป สติกับสมาธิรวมอยู่ด้วยกัน จะไม่ต้องไปหาวิธีทำให้สติเกิดขึ้นด้วยวิธีสร้างสติ ตาม ๆ ที่ทำกัน เราได้สัมมาสมาธิแล้ว คนไหนไม่รู้จักสัมมาสติ ก็แสดงว่าคนนั้นเข้าสมาธิอย่างศาสนาอื่น ๆ ก็ตรงนี้แหละ คนที่ได้มรรคหรือสัมมาสมาธิแล้ว จะต้องรู้ต้องแยกว่า สัมมาสติมีหรือเปล่า บางคนก็ไม่เข้าใจ แยกไม่เป็น มันก็เป็นการเข้าฌาณสมาบัติไป จิตก็จะเฉยอย่างเดียว เฉยและเฉย จะไม่รับรู้อะไร ที่เข้ามากระทบจิต และกระทบกาย ขาดการสัมผัสด้วยมโนวิญญาณ ถ้าจิตใจเฉยจริง ๆ มโนวิญญาณสัมผัสก็จะไม่มี ไม่ว่าจะปฏิบัติอะไร จะมาทั้งถูกและผิด ดีและชั่ว สิ่งเหล่านี้เราจะรู้ด้วยญาณ หรือสัมมาสมาธิฌาณ ใครได้สัมมาสมาธิ ญาณก็จะเกิดกับผู้นั้น สัมมาสมาธิแก่กล้า ฌาณก็จะแก่กล้าตาม มีการรู้เห็นเป็นอะไรได้มาก รู้ผิดรู้ถูก ดีและชั่ว รู้จากสัมมาสมาธิญาณเป็นตัวรู้ เพราะมีสัมมาสติกำกับอยู่ สติคือความระลึกรู้

    สติ สมาธิ ญาณ สามสิ่งนี้จะเดินควบคู่กันไป วิญญาณ หมายถึง ความรู้เรื่องโลก สติ สมาธิ ฌาน หมายถึง ความรู้ใน ธรรม และอภิธรรม สติสมาธิเป็นตัวปราบขันธ์ ๕ มีรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ทำให้สิ่งเหล่านั้นไม่บังเกิดขึ้น

    ใครที่อยากจะพ้นทุกข์ ก็จะต้องเอาสติสมาธิฌาณ อันนี้แหละปฏิบัติ ปฏิบัติให้สติสมาธิฌาณ ถึงขั้นสูงเป็นขั้น ๆ ไป ถ้าปฏิบัติได้ถึงขั้นที่หนึ่ง ก็ใช้ละกิเลสในขั้นโสดาปฏิมรรคไป กิเลสในชั้นโสดาปฏิมรรคก็ได้แก่ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพตปรามาศ ๓ อย่าง ก็จะได้สมความตั้งใจ พร้อมด้วยความรู้ว่าจะละได้หรือไม่ได้

    สิกขาสาม เป็นสิกขาที่จะต้องเอามาปฏิบัติก่อนใคร ๆ อื่น สิกขาอื่น ๆ ทิ้งไว้ก่อน เอาสิกขา ๓ มาปฏิบัติกันก่อน สิกขา ๓ ได้แก่ ศีล สัมมาสมาธิ ๒ อย่างนี้ก่อน ขั้นแรกควรปฏิบัติสัมมาสมาธิเสียก่อน เพื่อให้ศีลเกิดขึ้น ถ้าไม่ปฏิบัติสมาธิก่อน ศีลจะไม่ยอมเกิด ถึงจะพูดกันว่ารักษาศีลกัน ศีลจะไม่ยอมเกิดถึงเกิดก็เกิดอยู่ได้ไม่นาน ศีลขาดกันอีกแล้ว ก็จะต้องขอรับกันใหม่อยู่ตลอดเวลา ศีลนั้นมิใช่จะรักษากันได้ง่าย ๆ ถ้าจิตใจยังออดแอด โครงเครงอยู่ ศีลจะด่างจะขาดอยู่ตลอด

    ใคร ๆ ที่จะรักษาศีลมีความจำเป็นเหลือเกินที่จะต้องทำ มรรคหรือสัมมาสมาธิให้ได้ก่อน จึงจะรักษาศีลได้อย่างครบถ้วน ถ้าไม่ปฏิบัติสัมมาสมาธิให้ได้ ก็อย่าหวังเลยว่าจะรักษาศีลได้ ศีล สมาธิ ปัญญา ๓ อย่างนี้ต่อเนื่องกัน สมาธิเป็นใหญ่ เป็นหัวหน้าในธรรมทั้งหลาย

    สมาธิเป็นหัวหน้าธรรมทั้งหลาย ถ้าใครมีสมาธิ ก็จะเห็นธรรมทั้งหลายว่า หน้าตาเป็นอย่างไร ก็ตรงนี้แหละชื่อว่าเห็นธรรม ใครเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นตถาคต การที่ใครจะเอาอะไร ๆ มาบูชาก็ไม่ขัดข้อง สิ่งของที่ท่านชอบให้บูชาก็ได้แก่ ปฏิบัติบูชา การบูชาด้วยการปฏิบัติธรรม จะทำให้ศาสนาดำรงอยู่ตลอดไป ไม่มีที่สิ้นสุด บูชาด้วยสิ่งอื่น เดี๋ยวก็ทิ้งหมด ศาสนาก็ล้มละลาย จะหาแก่นสารมิได้

    ใครที่ไม่ปฏิบัติธรรม จะไม่ดำรงตนให้เป็นคนดี ถ้าคนไม่ดี จะไม่มีธรรมดำรงอยู่ ศาสนาจึงเสื่อมไม่มีอยู่ในผู้คนนั้น ถ้ามีคนอยู่อย่างนี้มาก ๆ ศาสนาก็จะไม่มีคนนับถือ ศาสนาก็จะต้องเข้าไปอยู่เป็นตัวหนังสือ ถึงแม้มีผู้พบเห็นและอ่าน แต่ไม่ได้เอาไปปฏิบัติธรรม ก็จะเป็นตัวหนังสืออยู่อย่างเก่า หาประโยชน์มิได้

    การนับถือศาสนา ที่เป็นรูปธรรมอย่างเดียวยังไม่พอ คนที่นับถือศาสนาที่เป็นรูปธรรม อาจจะไม่ใช่เป็นคนนับถือศาสนาก็ได้ การนับถือศาลนา จะต้องนับถือพร้อมกันไป ๓ อย่าง สิ่งที่เป็นรูปธรรมเราก็นับถือ สิ่งที่เป็นอรูปธรรม เราก็จะต้องปฏิบัติเป็นการนับถือ ส่วนปรมัตถธรรม เราก็จะต้องให้เกิดขึ้นกับตัวเอง การนับถือจะต้องปฏิบัติทั้ง ๓ อย่างพร้อมกันไป จึงจะชื่อว่านับถือศาสนา

    หมายเหตุ

    บันทึกคำสอนการปฏิบัติธรรม จากปากหลวงปู่พระครูธรรมเทพโลกอุดร โดยภิกษุผาด ซึ่งมรณภาพไปแล้ว และตรวจสอบความถูกต้อง โดยพระอาจารย์พีระ ปั้นมณี เป็นผู้ตรวจทานนี้ ผมอยากขอร้องให้อ่านทบทวนกันหลาย ๆ ครั้ง ให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง เหมือนดารานักแสดงท่องจำบทที่จะแสดง แล้วจึงทำการปฏิบัติ ท่านก็จะได้ตระหนักความจริงว่าหลวงปู่ใหญ่ท่านปฏิรูป ความหลงผิดที่ปฏิบัติกันอยู่ทุกวันนี้ อย่างไม่หวั่นเกรงความโง่งมของผู้ใดในสังคม

    ผู้เคารพรักหลวงปูใหญ่ ซึ่งมีอยู่จำนวนมาก เท่าที่ผมจะทราบได้ ที่อยากพบและอยากนมัสการกราบไหว้ บางท่านก็มีบุญกุศลได้กราบพบด้วยตนเอง บางท่านก็พบเห็นในนิมิต บางท่านก็เคยเป็นศิษย์ใกล้ชิด ทั้งที่น่าเชื่อบ้างและไม่หน้าเชื่อบ้าง

    ท่านอาจารย์พีระ ปั้นมณี หรือพระอาจารย์มโนธรรม มนธมฺโม เป็นอีกท่านหนึ่งที่ผู้เขียนอยู่คลุกคลีกับท่าน เป็นเวลาถึง ๗ วัน และได้พบกับอุบาสกอุบาสิกาหลายต่อหลายท่าน ที่ยืนยันว่าได้กราบนมัสการหลวงปู่ใหญ่ด้วยตาเนื้อของเขา ได้เคยใกล้ชิดกับหลวงปู่มาเป็นเวลานาน

    ท่านมีข้อมูลให้เชื่อถือได้มากมาย อย่างสมุดบันทึกคำสอน ที่ท่านมอบให้ เป็นสิ่งเก็บรักษาจนเก่าครํ่า บางส่วนก็สูญหายไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำขึ้นใหม่ อาจกล่าวว่าท่านเก็บจนลืมไปแล้ว

    จบตอน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 กรกฎาคม 2014
  8. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    แมลงปอเรียกทรัพย์ เนื้อกำไลสัมฤทธิ์สนิมเขียวรุ่นแรก หลวงปู่จักร


    [​IMG]


    "หลวงปู่จักร" แห่งวัดถ้ำเขารังไก่ จ.ชัยนาท ท่านเกิดในตระกูลหนังใหญ่ "ศุภนคร" สกุลพระราชทานจากพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 รับครอบครูสาย "ขุนบางมอญศุภนคร"

    ตอนหลวงพ่อธุดงค์มีเรื่องแปลกๆ อยู่เสมอ วันหนึ่งหลวงพ่อนั่งสมาธิในกลดมีนางฟ้าปรากฏในสมาธิบอกว่าหลวงพ่อ ให้ช่วยขุดสมบัติขึ้นมารักษาไว้หน่อย รุ่งเช้าท่านได้ไปขอแรงชาวบ้านขุดได้ไหโบราณ 3 ใบ ภายในบรรจุลูกปัดสีสิ่งอาถรรณ์ เครื่องประดับโลหะเก่าๆ และกำไรสัมฤทธิ์ ขึ้นสนิมเขียวหมดแล้วไปบรรจุในถ้ำพร้อมทั้งอธิษฐานจิตตลอดมาร่วม 20 ปี หลวงพ่อเล่าว่าวันพระใกล้สิ้นปี (จำวันไม่ได้) ไหว้พระทำสมาธิปกติมีผู้หญิงรูปร่างใหญ่โตมาขอให้ท่านนำกำไลที่เก็บไว้มาหล่อเป็นแมงปอเรียกทรัพย์ เธอบอกว่าสมบัติของเธอเมื่อรวมกับวิชาหลวงพ่อแล้ว จะได้ช่วยเหลือผู้คนได้อีกมาก หลวงพ่อมาพิจารณาก็เห็นชอบด้วย เพราะ 2 สิ่งนี้ มีแต่ให้คุณ คือ วิชาแมงปอเรียกทรัพย์ก็ช่วยให้เงินทองทรัพย์สมบัติโชคลาภสมบูรณ์บริบูรณ์ ส่วนกำไลเป็นของวิเศษของโบราณที่เขาลงวิชาทางมหาลาภ เงินทองทำอะไรมีแต่เหลือล้นได้กำไลมาแต่เดิมแล้ว และลงไว้แรงมากด้วยดังนั้น จึงช่วยในเรื่องของการค้าขายดีขึ้นการค้าทำธุรกิจงอกงามแน่นอน

    หลวงพ่อบอกว่า เมื่อเทวดาเจ้าของกำไรเขามาแนะมาบอกแสดงว่าต้องดี สมบัติของเขาจะได้ร่วมกับวิชาแมงปอที่ขลังอยู่เดิม ช่วยให้แมงปอรุ่นนี้เป็นรุ่นพิเศษมีเทวดาคอยรักษา คอยช่วยเหลือ ค้ำจุนให้มีกำไรงอกงามขึ้นเรื่อยๆ แมงปอก็เรียกทรัพย์เงินทองสมบูรณ์บริบูรณ์อยู่แล้ว จึงพิเศษมากเข้าไปอีก

    ขอเท้าความวิชาแมงปอเรียกทรัพย์ : แมงปออยู่เป็นฝูงบินอยู่ที่ไหนบริเวณนั้นจะสมบูรณ์อุดมด้วยอาหาร แมงปอจึงเป็นแหล่งทรัพย์ แหล่งความอุดม ติดอยู่ที่ไหนสมบูรณ์บริบูรณ์โชคลาภเงินทอง การค้าขายเพิ่มพูนที่นั่นและปรากฏชัดว่าแมงปอเรียกทรัพย์ของหลวงพ่ออยู่ที่ไหน ค้าขายดีธุรกิจการค้าบริษัทก็เจริญขึ้น ไว้ในบ้านก็มีโชคลาภถูกหวยทุกบ้านไป

    แมลงปอเรียกทรัพย์ เป็นวิชา สายมหาลาภถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อเชน วัดสิงห์ หลวงพ่อจักร เคยทดลองแล้วขลังมาก ชาวบ้านกิ่งอำเภอหนองมะโมง ไม่มีข้าวจะกินเลย ท่านให้ไปตัวเดียวไม่ถึงชั่วโมง ชาวบ้านแทบทุกหลังในตำบลเอาข้าวให้จนเหลือ ร้านขายปุ๋ยตลาดท่าช้าง ได้แมลงปอไปตัวเดียว รอดจากเจ๊งมีกำไรส่งลูกเรียนต่อจนสำเร็จ วิชานี้เป็นวิชาชั้นสูงที่ ว่าด้วยแมลงปอชอบอยู่เป็นฝูงและอยู่ที่ๆ อาหาร บริบูรณ์สมบูรณ์พูนสุขเท่านั้น แมลงปอหลวงพ่อ เวลาอยู่ที่ไหนจะทำให้ที่นั่นสมบูรณ์ บริบูรณ์ทั้งข้าวของเงินทองอาหารการกินอุดมฟูเฟื่อง จะบังเอิญหรืออย่างไรไม่ทราบหลวงพ่อเคยทวนวิชามหาลาภกับเสือมเหศวรปรากฏว่า มีวิชาแมลงปอเรียกทรัพย์เหมือนกัน เสกเหมือนกันคาถาวิธีใช้เหมือนกันเสือมมเหศวรบอกว่าผมก็เคยทำให้ลูกน้องก็มี ลาภมาจริงๆ แต่สู้ท่านจักรไม่ได้เพราะท่านจิตดีกว่า แมลงปอเรียกทรัพย์ของหลวงพ่อทำด้วยไม้มงคล “ซ้อ” ลงอักขระเลขยันต์ทีละตัวเสกจนหมุนได้จึงใช้ได้ ผู้ใช้เห็นผลทางมหาลาภเสี่ยงโชคค้าขายนายหน้าธุรกิจเยอะมากๆ ปี 2543 หลวงพ่อจักรเคยเดินทางไปพบหลวงพ่อทอง วัดสำเภาเชย ปัตตานี ศิษย์ถวิลหากันมามากท่านบอกว่า ของเค้าทำมาให้เอ็งใช้ไม่ได้ทำบ่อย

    คาถาแมลงปอเรียกทรัพย์ (จุดธูป 9 ดอก สวด 11 จบ)

    นะโมพุทธายะ มะภะทะนะ
    ภะกะสะจะ มะนะนะมะ

    ปิดรายการนี้แล้วครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00978.JPG
      DSC00978.JPG
      ขนาดไฟล์:
      260.2 KB
      เปิดดู:
      5,889
    • DSC00977.JPG
      DSC00977.JPG
      ขนาดไฟล์:
      582.2 KB
      เปิดดู:
      61
    • images (7)a.jpg
      images (7)a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      270.9 KB
      เปิดดู:
      48
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 สิงหาคม 2014
  9. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    หนุมานผ่านศึก หลวงปู่ฤทธิ์ วัดชลประทานฯ บุรีรัมย์ ปี ๒๕๔๕

    เนื้อนวะ ก้นอุดเม็ด นะ ตอกโค้ต พะ หมายเลข ๔๘๑


    [​IMG]


    หลวงปู่ฤทธิ์ท่านเป็นพระเกจิดังเชื้อสายเขมรที่มีความเชี่ยวชาญด้านคาถาอาคมทั้งของไทย ลาว และเขมร อย่างหาผู้เทียบเคียงไม่ได้ ท่านเป็นพระที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาอย่างสูง ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหนฐานะ เป็นอย่างไร หลวงปู่ท่านจะให้การต้อนรับพูดคุยด้วยเป็นอย่างดี ไม่จำเป็นต้องนั่งรถยนต์ราคาแพงๆไปกราบ ท่านแล้วถึงจะได้พบหลวงปู่ นอกจากจะได้รับการต้อนรับขับสู้จากท่านอย่างไม่ถือเนื้อถือตัวแล้ว หลวงปู่ยังจะ ปลุกเสกวัตถุมงคลในมือของท่านอีกอย่างดีก่อนมอบให้ บางครั้งท่านก็จะจารเป็นยันต์ให้ บางครั้งท่านก็จะพรมน้ำมนต์ให้ วัตถุมงคลของท่านถือว่าเป็นสุดยอดไม่ว่าจะได้โดยตรงจากมือหรือที่ศูนย์พระเครื่องต่างๆก็ตาม ยังไม่พบว่าวัตถุมงคลของท่านมีของปลอมหรือเสริมโดยที่หลวงปู่ยังไม่ได้ปลุกเสก บรรดาผู้ที่บูชาวัตถุมงคลของท่าน ต่างก็พบกับอภินิหารแบบพลิกชะตาชีวิตให้อย่างทันตาเห็น ไม่ว่าจะเป็นทางด้าน เมตตา มหานิยม โชคลาภ ค้าขาย เรียกเงินเรียกทอง เป็นต้น แม้ว่าทุกวันนี้จะเป็นยุค ไอเอ็มเอฟ ที่เศรษฐกิจฝืดเคือง ทำมาหากินลำบากกันถ้วนหน้า แต่คนที่บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ฤทธิ์มักจะได้พบกับสิ่งแปลกประหลาด เช่น ค้าขายดีขึ้นอย่างผิดปกติ มีโชคได้ลาภ ลองปืนไม่ออก เป็นต้น

    หลวงปู่ฤทธิ์เกิดวันอาทิตย์ที่ 13 เดือน 6 (พฤษภาคม) แรม 8 ค่ำ ปีมะเส็ง พ.ศ. 2460 ณ ตำบลทุ่งมน อำเภอประสาท จังหวัดสุรินทร์ ท่านบวชเณรเมื่อปี 2482 และบวชเป็นพระที่วัดเพชรบุรี ต.ทุ่งมน จ.สุรินทร์ เมื่อปี 2483 โดยมีหลวงพ่อแปะ วัดปราสาทธนาพร(บ้านพลวง) อำเภอประสาท เป็นพระอุปปัชฌาย์ หลังจากนั้นท่านมาจำพรรษาที่วัดปราสาทธนาพร เพื่อ ศึกษาพระธรรมกับหลวงพ่อแปะอยู่ 3 ปีจึงได้ย้ายไปจำวัดอยู่ที่วัดพลับ ตำบลทุ่งมน อีก 4 ปี หลวงปู่ฤทธิ์ย้ายไปอยู่ วัดบ้านกระนัง ตำบลปรือ อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อปี 2490 ระหว่างที่อยู่วัดนี้ท่านได้ออกธุดงค์ไปเสาะแสวงหา ความรู้ทั้งทางธรรมและทางไสยศาสตร์ทั่วเขตอีสานจนตลอดเข้าไปในประเทศลาวและเขมร ท่านได้พัฒนาวัดบ้านกระนัง จนเจริญ มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย

    ในปี พ.ศ.2535 ท่านจึงได้ย้ายมาสร้างวัดชลประทานราชดำริ ที่บ้านกระทุ่ม ตำบลสูงเนิน อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ตามพระราชดำริและได้จำพรรษาอยู่ที่นี่มาจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากวัดชลประธานราชดำริเพิ่งเริ่มก่อตั้งมาไม่นาน ยังขาดถาวรวัตถุในวัดอยู่เป็นอันมาก ซึ่งในขณะนี้หลวงปู่ได้กำลังก่อสร้างศาลาการเปรียญเพื่อใช้เป็นที่อบรมพระสงฆ์และสามเณร รวมทั้งกุฏิสงฆ์ 2 ชั้น ก็กำลังก่อสร้างอยู่เช่นกัน ซึ่งปัจจัยในการก่อสร้างนั้นได้จากการให้บูชาวัตถุมงคล รวมถึงการที่บรรดา ลูกศิษย์ร่วมทำบุญในการทอดกฐินและการทอดผ้าป่า สำหรับท่านผู้อ่านที่ต้องการทำบุญและรับวัตถุมงคลที่ช่วยเหลือ ท่านได้จริงๆ ในยุคไอเอ็มเอฟ โปรดอย่าลืมนึกถึง หลวงปู่ฤทธิ์ รตนโชโต พระเกจิชื่อดังชาวเขมรแห่งวัดชลประทานราชดำริ จังหวัดบุรีรัมย์ ประสบการณ์ของวัตถุมงคลรุ่นก่อนๆ ของหลวงปู่ฤทธื์ที่มีประสบการณ์เป็นที่กล่าวขานทั้งในหมู่ลูกศิษย์และบุคคลที่ได้ บูชาวัตถุมงคลของหลวงปู่ไปแล้ว

    หนุมานผ่านศึก หลวงปู่ฤทธิ์ วัดชลประทานฯ บุรีรัมย์ ปี ๒๕๔๕ เนื้อนวะ ก้นอุดเม็ด นะ ตอกโค้ต พะ หมายเลข ๔๘๑ ให้บูชา 1,700 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00972.JPG
      DSC00972.JPG
      ขนาดไฟล์:
      456.9 KB
      เปิดดู:
      5,068
    • DSC00973.JPG
      DSC00973.JPG
      ขนาดไฟล์:
      921.8 KB
      เปิดดู:
      60
    • DSC00974.JPG
      DSC00974.JPG
      ขนาดไฟล์:
      892.3 KB
      เปิดดู:
      70
    • DSC00971.JPG
      DSC00971.JPG
      ขนาดไฟล์:
      923 KB
      เปิดดู:
      134
    • DSC00975.JPG
      DSC00975.JPG
      ขนาดไฟล์:
      848.3 KB
      เปิดดู:
      63
    • images (7)a.jpg
      images (7)a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      270.9 KB
      เปิดดู:
      41
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 กรกฎาคม 2014
  10. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    เหรียญโชคมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เนื้อกะไหล่ทอง ปี 2545 ตอกโค้ด ธะ


    [​IMG]


    เหรียญพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โชคมงคล ที่ผ่านพิธีบวงสรวงขอบารมี ณ อนุสาวรีย์พระเจ้ากรุงธนบุรี วงเวียนใหญ่ พร้อมพิธีเทวาภิเษก ณ อนุสาวรีย์ วัดพิชัยสงคราม จ.พระนครศรีอยุธยา และ พระวิหารสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ วัดอินทรารามธนบุรี วันที่ ๑๘-๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๕

    สร้างเพื่อนำรายได้สมทบโครงการอนุเคราะห์ พระภิกษุ-สามเณร-นักเรียนยากจน-ผู้ด้อยโอกาสในชนบท ให้บูชา 600 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00966.JPG
      DSC00966.JPG
      ขนาดไฟล์:
      482.5 KB
      เปิดดู:
      9,935
    • DSC00967.JPG
      DSC00967.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      292
    • DSC00965.JPG
      DSC00965.JPG
      ขนาดไฟล์:
      975.5 KB
      เปิดดู:
      191
    • images (7)a.jpg
      images (7)a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      270.9 KB
      เปิดดู:
      76
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 กรกฎาคม 2014
  11. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    พระเครื่องชุดเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ สก. สภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2547 รุ่นมหาเทพมงคล


    [​IMG]


    “พระชุด 5 เทพ สก. 7 สี” จัดสร้างครั้งยิ่งใหญ่โดยสภาผู้แทนราษฎร พิธีเดียวกับกริ่งจักรตรี และพระนางพญา 7 สี สก. องค์พระชุดเทพมงคลกว้าง 1.9 ซม. สูง 2.5 ซม. หนึ่งชุด ประกอบด้วย 5 องค์ 5 สี บรรจุในกล่องกำมะหยี่ สวยงาม หนึ่งชุด 5 องค์ 5 สี คือ
    1.พระพรหม … บูชาเพื่อขอความสำเร็จ
    2.พระนารายณ์ (พระวิษณุ) … บูชาเพื่อขอความคุ้มครองและช่วยขจัดภันพิบัติ
    3.พระศิวะ (พระอิศวร) … บูชาเพื่อขอความก้าวหน้า สมหวัง
    4.พระพิฆเณศ … บูชาเพื่อขอความสำเร็จ พ้นจากความขัดข้องทั้งปวง
    5.พระฤาษี (พ่อแก่) … บูชาเพื่อแสดงถึงความกตัญญูรู้คุณครูอาจารย์

    พุทธลักษณะดี มีมวลสารเยี่ยม เปี่ยมพิธีกรรม พิธีมหาพุทธาภิเษก 7 เสาร์ 7 อังคาร พระอุโบสถวัดสำคัญ 15 วัดดัง รวม 16 ครั้ง (พิธีเดียวกับพระกริ่งจักรตรีและนางพญา 7 สี) ประกอบไปด้วย
    1.วัดชนะสงคราม กทม. เมื่อวันอังคาร ที่ 6 ม.ค. 2547
    2.วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก กทม. เมื่อวันอังคาร ที่ 27 ม.ค. 2547
    3.วัดใหญ่ชัยมงคล อยุธยา เมื่อวันอังคาร ที่ 3 ก.พ. 2547
    4.วัดโสธรวราราม ฉะเชิงเทรา เมื่อวันเสาร์ ที่ 7 ก.พ. 2547
    5.วัดมังกรกมลาวาส กทม. เมื่อวันเสาร์ ที่ 28 ก.พ. 2547
    6.วัดบวรนิเวศวิหาร กทม. เมื่อวันเสาร์ ที่ 6 มี.ค. 2547
    7.วัดสุทัศนเทพวราราม กทม. เมื่อวันเสาร์ ที่ 27 มี.ค. 2547
    8.วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กทม.เมื่อวันอังคาร ที่ 30 มี.ค. 2547
    9.วัดระฆังโฆสิตาราม กทม. เมื่อวันเสาร์ ที่ 17 เม.ย. 2547
    10.วัดห้วยมงคล ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันอังคาร ที่ 27 เม.ย. 2547
    11.เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ กทม. เมื่อวันเสาร์ ที่ 15 พ.ค. 2547
    12.วัดเทวราชกุญชร กทม. เมื่อวันเสาร์ ที่ 29 พ.ค. 2547
    13.วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม กทม. เมื่อวันอังคาร ที่ 1 มิ.ย. 2547
    14.วัดนางพญา พิษณุโลก เมื่อวันอังคาร ที่ 29 มิ.ย. 2547
    15-16.วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อ 1 ก.ค. และ 19 ส.ค. 2547

    โดยสมเด็จพระราชินีเสด็จพระราชดำเนินเป็นประธานเททองรุ่นนี้ เมื่อ 1 กรกฎาคม 2547 และสมเด็จพระเทพฯ เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์เป็นประธานในพิธีมหาพุทธาภิเษก ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) เมื่อ 19 สิงหาคม 2547 โดยมีพระเกจิอาจารย์ดังๆ ในยุคปัจจุบันเข้าร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสกเพียบ เช่น

    หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม, หลวงปู่ทิม วัดพระขาว, หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง, หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่, หลวงพ่อสวัสดิ์ วัดศาลาปูน, หลวงพ่อเที่ยง วัดระฆัง, หลวงพ่อสืบ วัดอินทรวิหาร, หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว, หลวงปู่แย้ม วัดตะเคียน, หลวงปู่ทอง วัดจักรวรรดิ, หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม, หลวงพ่อรวย วัดตะโก, หลวงพ่อเก๋ วัดปากน้ำ, หลวงพ่อแวว วัดพนัญเชิง, หลวงพ่อพูลทรัพย์ วัดอ่างศิลา, หลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร, หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน, หลวงพ่อสมพงษ์ วัดใหม่ปิ่นเกลียว, หลวงปู่ละมัย วัดป่าสมุนไพร, หลวงปู่คีย์ วัดศรีลำยอง, หลวงปู่นนท์ วัดเหนือวน, หลวงพ่อแย้ม วัดสามง่าม, หลวงพ่อหล่อ วัดคันลัด, หลวงพ่อเอียด วัดพิกุลทอง, หลวงพ่อเฉลิม วัดพระญาติการาม, หลวงพ่อดำรงค์ วัดเขาปฐวี, หลวงพ่อบุญธรรม วัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร, หลวงพ่อเงิน วัดถ้ำน้ำ, หลวงพ่อทองสุข วัดเขาตะเครา, หลวงพ่อไพโรจน์ วัดวังพงศ์, หลวงพ่อสมชาติ วัดหนองยายอ่วม, หลวงพ่อฟ้าลิขิต วัดเขาบัลลังก์, หลวงพ่อสมศักดิ์ วัดโสธรวราราม, หลวงพ่อป่วน วัดบรรหารแจ่มใส, หลวงพ่อขาว วัดสาวชะโงก, หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม, หลวงพ่อพล วัดหนองยายหุ่น, หลวงพ่อสมชาย วัดปริวาส, หลวงพ่อพร วัดดอนยายหอม, หลวงพ่อเพี้ยน วัดตุ๊กตา, หลวงปู่หงษ์ วัดเพชรบุรี, หลวงพ่อบุญช่วย วัดเทพประสิทธิ์, หลวงปู่นะ วัดปทุมธาราม, หลวงพ่อบุญชุบ วัดนางพญา, ครูบาพรหมเณศวร, ฯลฯ เป็นต้น

    ให้บูชา 800 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC01048.JPG
      DSC01048.JPG
      ขนาดไฟล์:
      253.1 KB
      เปิดดู:
      5,775
    • DSC01049.JPG
      DSC01049.JPG
      ขนาดไฟล์:
      524.4 KB
      เปิดดู:
      56
    • DSC01047.JPG
      DSC01047.JPG
      ขนาดไฟล์:
      661 KB
      เปิดดู:
      72
    • DSC01046.JPG
      DSC01046.JPG
      ขนาดไฟล์:
      729.1 KB
      เปิดดู:
      41
    • images (7)a.jpg
      images (7)a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      270.9 KB
      เปิดดู:
      58
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 กรกฎาคม 2014
  12. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    เหรียญพระอินทร์ สุริยุปราคา หลวงปู่พรหมมา เนื้อเงินลงยา ปี 2538


    [​IMG]


    หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร สำนักวิปัสสนาหินผานางคอย จ.อุบลราชธานี พระเกจิอาจารย์แห่งแดนอีสานท่านมีครูบาอาจารย์เป็นฤาษีตาไฟ สายวิชาของท่านจึงเข้มขลังและศักดิ์สิทธิ์ วัตถุมงคลที่ท่านสร้างและทันปลุกเสกนั้นมีไม่กี่รุ่นแต่ละรุ่นล้วนสร้างประสบการณ์เห็นผลให้กับผู้ใช้มากมาย

    พระอินทร์ท่านเป็นเทวดา เป็นอธิบดีปกครองสวรรค์ชั้นตาวติงสาหรือดาวดึงว์(ชั้นที่ 3) ท่านมีบทบาทมากมายที่เกี่ยวกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ในสมัยพุทธกาล เช่นท่านได้เก็บพระเกศาของพระพุทธเจ้าที่ท่านตัดทิ้งตอนออกผนวชไปเก็บไว้บนสวรรค์และสร้างพระสถูปเจดีย์ครอบไว้ให้เหล่าทวยเทพได้สักการะบูชา และท่านยังได้ดีดพิณสามสายให้พุทธเจ้าฟังในขณะที่พระองค์ทรงบำเพ็ญทุกขกิริยาจนมองเห็นทางสายกลางได้บรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่ากันว่าพระอินทร์ท่านเป็นเทวดาที่ใจดีมากท่านปกครองเหล่าทวยเทพให้สุขสราญ ช่วยเหลือเหล่ามวลมนุษย์ทั้งหลายที่ตกทุกข์ได้ยาก ใครที่อยากบูชาเทพ ลองบูชาพระอินทร์ดูครับ

    เหรียญสมเด็จพระอินทร์ สร้างขึ้นปี 24 ตุลาคม 2538 รุ่นสุริยุปราคา เนื้อเงินลงยา ด้านหน้าเป็นรูปพระอินทร์ ด้านหลังเป็นราหู หลวงปู่ปลุกเสกให้วันที่เกิดสุริยุปราคาสุดเข้มขลัง ท่านที่มองหาอยากบูชาเทพเทวาองค์ใดอยู่ไม่ควรพลาดนะครับเพราะได้ทั้งบูชาเทพที่อยู่บนสวรรค์ชั้นสูง และยังได้วัตถุมงคลทีหลวงปู่พรหมมาปลุกเสกให้อีกด้วย

    เนื้อเงินลงยาเลี่ยมพร้อม ให้บูชา 1,600 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC01038.JPG
      DSC01038.JPG
      ขนาดไฟล์:
      403.3 KB
      เปิดดู:
      7,530
    • DSC01039.JPG
      DSC01039.JPG
      ขนาดไฟล์:
      721.2 KB
      เปิดดู:
      125
    • images (7)a.jpg
      images (7)a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      270.9 KB
      เปิดดู:
      62
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 กรกฎาคม 2014
  13. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    เบี้ยแก้มหากัน หลวงพ่อเกิด วัดเขาดิน ปี 2548


    [​IMG]


    พระครูอุดมชัยกิจ หรือหลวงพ่อเกิด ปัณฑิโต วัดเขาดิน ต.หนองมะโมง กิ่ง อ.หนองมะโมง จ.ชัยนาท ปัจจุบันท่านอายุ 72 ปี ท่านเป็นศิษย์รุ่นสุดท้ายของหลวงพ่อกบ สำนักเขาสาริกา และเป็นศิษย์น้องของหลวงพ่อโอภาสี แห่งอาศรมบางมด ปัจจุบันศิษย์กรรมฐานสายหลวงพ่อกบ เหลือเพียงหลวงพ่อเกิดองค์เดียวเท่านั้น ท่านเป็นพระที่อยู่ติดดิน แต่จิตเหนือดิน พระผู้อยู่ใต้ฟ้า แต่มีจิตเหนือฟ้า พระผู้มีจิตแก่กล้า และเป็นบูรพาจารย์ที่ปล่อยวาง ปัจจุบันหลวงพ่อเกิดเป็นที่ศรัทธาของลูกศิษย์ทุกชนชั้นทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศอย่างกว้างขวาง แม้มิได้ดังทะลุฟ้า แต่ศรัทธาที่ศิษยานุศิษย์มีต่อท่านนั้นมิเคยถดถอย มีแต่ทวีคูณขึ้นทุกวัน ท่านมีฤทธิ์เพราะความบารมี มีปาฏิหาริย์เพราะความดีและคุณธรรม

    หลวงพ่อท่านเล่าว่า ความจริงแล้วการทำเบี้ยแก้นี้ ตามตำรามันมีมานมนานมากแล้วตั้งแต่สมัยสุโขทัย จะเห็นได้ว่าตามกรุพระเก่าๆอายุเป็นร้อยเป็นพันปี บางกรุก็มีเบี้ยแก้บรรจุอยู่ เป็นเบี้ยหุ้มตะกั่วปรอทไม่มีเหลือแล้ว ซึ่งก็น่าจะจริง

    เบี้ยแก้นี้หลวงพ่อทำตามตำราเบี้ยมหากัน ซึ่งตกทอดมาแต่ครั้งกรุงสุโขทัย กรรมวิธีการสร้างซับซ้อนยุ่งยากมาก ขอย้ำว่านี่คือปรอทธรรมชาติไม่ใช่ปรอทกระปุกที่มีขายทั่วไปแบบวัดต่างๆใช้กัน ปรอทนี้หลวงพ่อหามาทั้งชีวิตสะสมไว้ได้จำนวนหนึ่งเอาไข่เน่าไปดักตามป่าเลี้ยงด้วยทองคำ จนเดี๋ยวนี้ท่านบอกว่าทองคำราคาแพงมากท่านเลี้ยงไม่ไหว จึงได้นำออกมาสร้างเบี้ยแก้ ซึ่งใช่แต่เท่านั้นวิธีการสร้างยังสลับซับซ้อนยุ่งยากเหลือเกินและหอยที่ใช้ยังเป็นเอกลักษณ์สวยงามอีกด้วย

    เบี้ยนี้หลวงพ่อท่านนำมากรอกปรอทปิดด้วยชันโรง เสร็จแล้วท่านจะนำผงว่านผงลบกระดานมากมายตามสูตรมาพอกไว้ก่อนพอผงแห้งท่านจะลงจารดินสอดำไว้จากนั้นจึงนำแผ่นตะกั่วมารองหุ้มและลงจารอีกทีก่อนทำการถักเชือก เป็นการทำที่พิถีพิถันมาก เคยมีคนฝันเห็นปรอทไหลเป็นตัวเลขถูกหวยสามตัวตรงๆมาแล้ว

    ในต้นปี 48 นี้ หลวงพ่อเกิด ท่านได้จัดสร้างวัตถุมงคล " รุ่นพุทธบำเพ็ญ 2 " รายได้ทั้งหมดจากวัตถุมงคลของท่านนั้น จะนำไปสร้างกุฏิกรรมฐานบนยอดเขา โดยเบี้ยรุ่นแรกของท่านสร้างเป็นจำนวนน้อยมาก จัดสร้าง 372 ลูก และถือเป็นของหายากใครมีใครก็หวงเพราะมีประสบการณ์มากไม่ทำแบบสุกเอาเผากิน จัดสร้างตามหลักวิชามหากันชั้นสูงที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคสุโขทัย

    ให้บูชา 3,500 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC01005.JPG
      DSC01005.JPG
      ขนาดไฟล์:
      338.9 KB
      เปิดดู:
      6,304
    • DSC01006.JPG
      DSC01006.JPG
      ขนาดไฟล์:
      869 KB
      เปิดดู:
      98
    • DSC01007.JPG
      DSC01007.JPG
      ขนาดไฟล์:
      688.1 KB
      เปิดดู:
      100
    • DSC01003.JPG
      DSC01003.JPG
      ขนาดไฟล์:
      708.3 KB
      เปิดดู:
      83
    • DSC01004.JPG
      DSC01004.JPG
      ขนาดไฟล์:
      495.4 KB
      เปิดดู:
      91
    • images (7)a.jpg
      images (7)a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      270.9 KB
      เปิดดู:
      58
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 กรกฎาคม 2014
  14. rt5038

    rt5038 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,123
    ค่าพลัง:
    +2,612
    แจ้งโอนเงินพระกริ่งเพชรกลับหนุนดวง เนื้อทองทิพย์ หลวงปู่หนุน สุวิชโย.
    - เวลาโอน 19:20 น.
    - แจ้งทาง sms และโทรแจ้งเรียบร้อยแล้ว.
    - แจ้งที่อยู่ทาง pm(ศุภราช)
    ขอบคุณครับ.
     
  15. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    พระกริ่งเนื้อผง วัดบวรนิเวศวิหาร ญสส. รุ่นแรก ชินบัญชร 88 เนื้อขาว


    [​IMG]


    พระกริ่งเนื้อผง ญสส. รุ่นแรก ชินบัญชร 88 เนื้อขาว สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ วัดบวรนิเวศวิหาร ให้บูชา 450 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC01016.JPG
      DSC01016.JPG
      ขนาดไฟล์:
      338.8 KB
      เปิดดู:
      7,612
    • DSC01017.JPG
      DSC01017.JPG
      ขนาดไฟล์:
      746.2 KB
      เปิดดู:
      179
    • DSC01018.JPG
      DSC01018.JPG
      ขนาดไฟล์:
      698 KB
      เปิดดู:
      162
    • DSC01015.JPG
      DSC01015.JPG
      ขนาดไฟล์:
      790.7 KB
      เปิดดู:
      116
    • images (7)a.jpg
      images (7)a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      270.9 KB
      เปิดดู:
      77
  16. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    ผมได้จัดส่งพระให้แล้ว EMS เลขที่ EL 2264 1719 6 TH
    ขอบคุณครับ
     
  17. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    พระสมเด็จ หลังอัญเชิญพระคาถาชินบัญชรจารึกพิเศษ เนื้อทองแดง วัดอินทรวิหาร ​


    [​IMG]


    คาถาชินบัญชร โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
    พระคาถานี้เป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ตกทอดมาจากลังกา ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯค้นพบในคัมภีร์โบราณและได้ดัดแปลงแต่งเติมให้ดีขึ้นเป็นเอกลักษณ์พิเศษผู้ใดสวดภาวนาพระคาถานี้เป็นประจำสม่ำเสมอจะทำให้เกิดความสิริมงคลแก่ตนเอง ศัตรูไม่กล้ากล้ำกราย มีเมตตามหานิยม ขจัดภัยตลอดจนคุณไสยต่างๆ ก่อนเจริญภาวนาให้ตั้งนะโม 3 จบ แล้วระลึกถึงหลวงปู่โตและตั้งคำอธิษฐานแล้วเริ่มสวด

    เริ่มสวด นโม 3 จบ
    นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
    นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
    นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

    •ให้น้อมจิตนึกถึงองค์หลวงปู่โตแล้วตั้งจิตอธิษฐาน

    ปุตตะกาโมละเภปุตตัง ธะนะกาโมละเภธะนัง
    อัตถิกาเยกายะญายะ เทวานังปิยะตังสุตตะวา
    อิติปิโสภะคะวา ยะมะราชาโน ท้าวเวสสุวัณโณ
    มรณังสุขัง อะระหังสุคะโต นะโมพุทธายะ

    •เริ่มสวดบทพระคาถาชินบัญชร

    1.ชะยาสะนากะตา พุทธา เชตวา มารัง สะวาหะนัง
    จะตุสัจจาสะภัง ระสัง เย ปิวิงสุ นะราสะภา.
    2.ตัณหังกะราทะโย พุทธา อัฏฐะวีสะติ นายะกา
    สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง มัตถะเกเต มุนิสสะรา.
    3.สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง พุทโธ ธัมโม ทะวิโลจะเน
    สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง อุเร สัพพะคุณากะโร.
    4.หะทะเย เม อะนุรุทโธ สารีปุตโต จะทักขิเณ
    โกณฑัญโญ ปิฏฐิภาคัสมิง โมคคัลลาโน จะ วามะเก.
    5.ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง อาสุง อานันทะ ราหุโล
    กัสสะโป จะ มะหานาโม อุภาสุง วามะโสตะเก.
    6.เกสันเต ปิฏฐิภาคัสมิง สุริโย วะ ปะภังกะโร
    นิสินโน สิริสัมปันโน โสภิโต มุนิปุงคะโว
    7.กุมาระกัสสโป เถโร มะเหสี จิตตะ วาทะโก
    โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง ปะติฏฐาสิคุณากะโร.
    8.ปุณโณ อังคุลิมาโร จะ อุปาลี นันทะ สีวะลี
    เถรา ปัญจะ อิเม ชาตา นะลาเต ติละกา มะมะ.
    9.เสสาสีติ มะหาเถรา วิชิตา ชินะสาวะกา
    เอเตสีติ มะหาเถรา ชิตะวันโต ชิโนระสา
    ชะลันตา สีละเตเชนะ อังคะมังเคสุ สัณฐิตา.
    10.ระตะนัง ปุระโต อาสิ ทักขิเณ เมตตะ สุตตะกัง
    ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ วาเม อังคุลิมาละกัง
    11.ขันธะโมระปะริตตัญจะ อาฏานาฏิยะ สุตตะกัง
    อากาเส ฉะทะนัง อาสิ เสสา ปาการะสัณฐิตา
    12.ชินา นานาวะระสังยุตตา สัตตัปปาการะ ลังกะตา
    วาตะปิตตาทะสัญชาตา พาหิรัช ฌัตตุปัททะวา.
    13.อะเสสา วินะยัง ยันตุ อะนันตะชินะ เตชะสา
    วะสะโต เม สะกิจเจนะ สะทา สัมพุทธะปัญชะเร.
    14.ชินะปัญชะระมัชฌัมหิ วิหะรันตัง มะฮี ตะเล
    สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ เต มะหาปุริสาสะภา.
    15.อิจเจวะมันโต สุคุตโต สุรักโข
    ชินานุภาเวนะ ชิตุปัททะโว
    ธัมมานุภาเวนะ ชิตาริสังโฆ
    สังฆานุภาเวนะ ชิตันตะราโย
    สัทธัมมานุภาวะปาลิโต จะรามิ ชินะ ปัญชะเรติ.

    พระสมเด็จ หลังอัญเชิญพระคาถาชินบัญชรจารึกพิเศษ รุ่นแรก พุทธาภิเษก ณ อุโบสถวัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม กทม. เมื่อวันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ.2546 เนื้อทองแดงนอก ขนาดองค์พระ กว้าง 2.8 ซม. สูง 4.0 ซม.สวยมากผิวเดิมๆ น่าบูชาเก็บไว้มาก หายากจริงๆครับ

    ให้บูชา 700 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC01028.JPG
      DSC01028.JPG
      ขนาดไฟล์:
      382.6 KB
      เปิดดู:
      9,881
    • DSC01029.JPG
      DSC01029.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1 MB
      เปิดดู:
      248
    • DSC01030.JPG
      DSC01030.JPG
      ขนาดไฟล์:
      677.7 KB
      เปิดดู:
      115
    • DSC01031.JPG
      DSC01031.JPG
      ขนาดไฟล์:
      773.1 KB
      เปิดดู:
      72
    • images (7)a.jpg
      images (7)a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      270.9 KB
      เปิดดู:
      76
  18. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    เหรียญรูปเหมือนเต็มองค์หน้าทอง หลวงพ่อเกษม รุ่นนะหน้าทอง ปี 2536


    [​IMG]


    หลวงพ่อเกษม เขมโก สำนักสุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง พระผู้ทรงอภิญญาบารมี ตนบุญแห่งลานนาไทย ท่านได้สละตำแหน่งเจ้าอาวาส เดินทางมุ่งหน้าสู่สุสานป่าช้า สถานที่ที่ท่านใช้ปฏิบัติธรรมตลอดอายุขัยของท่าน หลวงพ่อเป็นพระอริยะสงฆ์ที่มีวัตรปฏิบัติและปฏิปทาที่ควรแก่การกราบไหว้สักการะบูชาเป็นอย่างยิ่ง วัตถุมงคลที่ท่านอธิษฐานจิตล้วนแล้วแต่ทรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์และเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความบริสุทธิ์แห่งมหาพุทธานุภาพ ซึ่งสร้างประสบการณ์มากมายให้กับผู้ที่ใช้บูชา วัตถุมงคลของท่านจึงเป็นของดีที่เป็นที่ต้องการของลูกศิษย์ลูกหาและประชาชนทั่วไป

    เหรียญรูปเหมือนเต็มองค์หน้าทอง รุ่นนะหน้าทอง ปี 2536 ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อเกษมนั่งเต็มองค์ชุบทองบางส่วน ด้านหลังเป็นยันต์นะหน้าทอง เหรียญรุ่นนี้สร้างได้สวยงามมาก หลวงพ่อท่านเมตตาอธิษฐานจิตบรรจุพลังพุทธาคมให้เต็มเปี่ยม พุทธคุณสูงทางด้านโภคทรัพย์โชคลาภ ค้าขาย เจริญรุ่งเรือง พระเก็บเก่าเดิมสภาพสวยมากบูชาพร้อมซองเดิมจากวัด พระดีมีคุณค่าน่าบูชาสะสมมากครับ

    ปิดรายการนี้แล้วครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC01041.JPG
      DSC01041.JPG
      ขนาดไฟล์:
      434.3 KB
      เปิดดู:
      6,185
    • DSC01042.JPG
      DSC01042.JPG
      ขนาดไฟล์:
      949 KB
      เปิดดู:
      66
    • DSC01040.JPG
      DSC01040.JPG
      ขนาดไฟล์:
      746.8 KB
      เปิดดู:
      60
    • images (7)a.jpg
      images (7)a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      270.9 KB
      เปิดดู:
      44
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 ตุลาคม 2015
  19. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    ล็อกเก็ตที่ระลึกแซยิด 5 รอบ หลวงพ่อดำ วัดสันติธรรม

    ครึ่งองค์ฉากซีเปีย ด้านหลังฝังกุมารทอง ตะกรุด 3 กษัตริย์


    [​IMG]


    พระอาจารย์สารินทร์ หรือหลวงพ่อดำ วัดสันติธรรม หรือวัดไทยสามารถ ซึ่งกำลังเป็นพระเกจิอาจารย์ประเภทคลื่นลูกใหม่ ซึ่งเป็นที่โจษขานกล่าวขวัญกันในหมู่นักสะสม วัตถุมงคลหรือผู้สนใจในเครื่องรางของขลัง โดยเฉพาะการลง นะหน้าทอง พระอาจารย์สารินทร์ ท่านเป็นคนเขมรที่มีวิชาอาคมสูงมาก แม้ปู่ย่าจะเป็นชาวจีนที่อยู่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา แต่ในยุคที่ไทยและเขมรยังเป็ดเมืองเสรีไปมาหาสู่กันโดยสะดวกทางครอบครัวได้ย้ายบ้านไปทำการค้าอยู่ที่เขมร ท่านพระอาจารย์ในหมู่ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดหรือพระอาจารย์สารินทร์ ต้องมุ่งมั่นอยู่กับการศึกษาเล่าเรียน และเรียนตามความปรารถนาของปู่และบิดา เพื่อต้องการใกล้เรียนภาษาจีน เนื่องจากปู่เป็นคนจีนนั้นเอง แต่พระอาจารย์สารินทร์ หรือหลวงพ่อดำ ไม่ต้องการเรียนหนังสือจีน พออายุ 13 ปี จึงหนีออกจากบ้านไปอยู่วัด และมีจิตน้อมเอียงไปในทางบรรพชา แต่เมื่อปรึกษาทางบ้านก็ยังไม่ให้บวช ให้เรียนไปก่อนในทางโหราศาสตร์ คือการดูมดดูหมอ จึงได้เรียนวิชาอาคมผสมผสานลงไปด้วย และพระอาจารย์ที่เรียนได้มากที่สุดในขบวนวิชาที่ติดตัวในปัจจุบัน และเห็นจะได้แก่ท่านพระอาจารย์ตุ๊เครียง ออกเสียงภาษาเขมร ถ้าเป็นภาษาไทยตรงกับคำว่าหลวงพ่อเครื่องนั่นเอง และเรียนกับท่านมากที่สุด โดยเฉพาะพระคณาจารย์ของเขมร จะเรียนอาคมกันเป็นรุ่น ๆ เมื่อเรียนจบจาดอาจารย์ตุ๊เครียงแล้ว ท่านได้มีจดหมายฝากศิษย์ไปเรียนจากอาจารย์สำนักต่าง ๆ ที่จบมาด้วยกัน ท่านอาจารย์ตุ๊เครี่ยงนั้น อยู่ในจังหวัดกำพงจาม มีจดหมายฝากศิษย์ไปถึงอาจารย์ที่อยู่ในจังหวัดกลาง และจังหวัดสุดท้าย คือ ปรีเวง และพระอาจารย์ที่พระอาจารย์สารินทร์ได้ใช้เวลาในการไขว่คว้าหาความรู้นั้นมีถึง 8 องค์ล้วน เป็นพระอาจารย์ในเขมรทั้งสิ้น โดยเริ่มต้นจากการเรียนอักษรขอมแม่บท 33 ตัว และแยกออกเป็นตัวพระคาถา ถึง 147 , 842 คำ และเลขการผูกยันต์ 1 – 9 ส่วนเลข 0 นั้น จะไม่ค่อยปรากฏในตัวเลขของยันต์ต่าง ๆ นัก

    การเรียกสูตรยันต์และเลขของยันต์ต่าง ๆ ของพระอาจารย์สารินทร์นั้น เริ่มจากคำบูชาครูโดยสาธยายมนต์ต่าง ๆ ถึงครูบาอาจารย์ที่ได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้ความรู้ โดยมีคุณบุดามารดาอยู่เบื้องหน้า แล้วเริ่มด้วยการเรียกสูตรเลขอักขระยันต์ทั้ง 147 , 842 ตัว โดยมีสมาธิจิตอันแน่วแน่พร้อมทั้งกลั้นลมหายใจเข้าออก เป็นการกำหนดจิตในการปล่อยหรือกลั้นลมปราณ ได้แก่ อาการกำหนดลมหายใจเข้าออกและเรียกสูตรอักษรตามเสียงสูงต่ำทั้ง 33 ตัว แล้วจนกระทั้งถึงการอัญเชิญยันต์ทั้งหมดดังได้กล่าวมาแล้ว ซึ่งพระอาจารย์สารินทร์ได้เปิดเผยโดยตรงว่าใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

    อุปสมบท

    พระอาจารย์สารินทร์เมื่อได้รับการอุปสมบทแล้วก็ยังคงร่ำเรียนวิชาอาคมอยู่อีกนาน โดยท่านได้รับการอุปสมบทจากตุ๊เครียง พระอุปัชฌาย์และได้นามฉายาว่า ธัมฺมปาโล เมื่อร่ำเรียนเวทย์มนต์คาถาต่าง ๆ แล้ว จึงเดินทางออกธุดงค์ตามแนวไพร จนกระทั่งเข้าสู่ประเทศไทย โดยใช้เวลาการเดินธุดงค์ในราวปี 2515 หรือ ค.ศ.1972 รอนแรมไปเรื่อย เพื่อเรียนวิชาเพิ่มเติมกับครูบาอาจารย์ จนกระทั่งปี 2522 จึงได้เข้ามาเขตไทย ที่อำเภอตาพระยา แล้วได้เดินธุดงค์ไปอยู่ที่วัดหนองน้ำขุ่น ต.ขนุนทอง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ สร้างโบสถ์เสร็จหลังหนึ่งแล้ว มาสร้างโบสถ์ที่หนองเสม็ดอีกหลังหนึ่ง จึงกลับไปอยู่ที่บุรีรัมย์อีกครั้งหนึ่งในปีนั้นฝังลูกนิมิต ทางคณะสงฆ์จังหวัดบุรีรัมย์ จะให้ตำแหน่งพระครูแก่พระอาจารย์ แต่ท่านไม่ต้องการตำแหน่งพระครู จึงเดินธุดงค์มาที่อำเภออรัญประเทศ และได้แวะขอจำพรรษาจากเจ้าอาวาสวัดสันติธรรม หรือวัดไทยสามารถ

    ประสบการณ์ขณะนั่งวิปัสสนายามราตรี

    หลวงพ่อสารินทร์ ท่านเป็นพระอาจารย์หนุ่มที่ชอบนั่งวิปัสสนากรรมฐาน ขณะที่จิตเข้าสู่สภาวะสงบ ปรากฏว่ามีผู้หญิงอันเป็นเจ้าของที่ดินวัด เรียว่าแม่สม มาปรากฏกายให้เห็นและถามหลวงท่านว่า จะมาอยู่ตลอดไปหรือว่ามาชั่วคราว ท่านจึงตอบไปว่ายังไม่แน่นอน วิญญาณแม่สมจึงบอกว่า อยู่เสียที่นี่เถอะ เรามาเป็นเพื่อนกัน ท่านจึงบอกว่า โยมเป็นผู้หญิง อาตมาเป็นพระ จะเป็นเพื่อนกันได้อย่างไร วิญาณแม่สมจึงบอกว่า เราเป็นเพื่อนกันแต่ในนาม คอยช่วยเหลือกัน ท่านจึงรับปากที่จะอยู่ที่นี่ และต่อมาเจ้าอาวาสของวัดได้ย้ายไปอยู่ที่อื่น เพราะทนสภาพความอดอยากไม่ไหว ท่านจึงได้รับความไว้วางใจจากทางคณะสงฆ์และชาวบ้านให้ดูแลวัด นับจากวันที่พระอาจารย์สาริทร์ได้เข้ามาอยู่ที่วัดนี้เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2528 ถึงวันที่ 28 มิถุนายน 2546 เป็นเวลา 18 ปีเมื่อได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลวัด ก็ลงมือบูรณะก่อสร้างสาธารณะประโยชน์ทันที ประสบการณืที่ท่านเริ่มลงมือสร้างพระอุโบสถ และศาลาการเปรียญอยู่นั้น แม่สมอันเป็นวิญญาณที่รักษาวัดมานั้น มานิมิตว่าให้หยุดการก่อสร้างทั้งสองไว้ก่อน และให้ดำเนินการก่อสร้างซุ้มประตูทางหน้าวัดก่อน แล้วจะมีผู้ใจบุญมาออกค่าใช้จ่ายให้ ท่านพระอาจารย์สารินทร์จึงรื้อแบบไปทำซุ้มประตูทางวัดเป็น 18 วัน 18 คืนก็แล้วเสร็จ ก็มีคนมารับเป็นเจ้าภาพออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ คือนายสันติ เกรียงไกรสุข ขณะนั้นเป็นรองผู้ว่าจังหวัดบุรีรัมย์ และซุ้มประตูนั้นก็ลงชื่อเป็นผู้สร้างเพื่อเป็นเกียรติและอนุสรณ์ แก่วงศ์สกุล ของท่านรองผู้ว่าฯ ซึ่งในปัจจุบันเข้าใจว่าน่าจะเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดไปแล้ว

    การสร้างวัตถุมงคลและเครื่องราง

    สำหรับการสร้างวัตถุมงคลนั้น พระอาจารย์สารินทร์ ท่านไม่ได้ปรารถนาที่จะสร้างรูปเหมือนของท่าน แต่อยากสร้างเป็นรูปพระพุทธเจ้า ในมูลเหตุของการสร้างเหรียญของท่าน ครั้งนั้นสืบเนื่องมาจากคณะผ้าป่าที่จัดไปทอดที่วัดสันติธรรม ซึ่งจากการนำทีมของญาติพี่น้องคุณการุณที่มาประกอบอาชีพอยู่ในเมืองหลวง และปริมณทลใกล้เคียง และติดต่อให้คุณการุณ แสงจันทร์ ซึ่งทำอู่รถอยู่ที่นั่นติดต่อวัด แต่เดิมนั้นคุณการุณไม่ได้ติดต่อที่วัดสันติธรรม แต่ได้ติดต่อวัดอีกวัดหนึ่ง บังเอิญมีเหตุขัดข้องบางประการ จึงได้ติดต่อทอดที่วัดพระอาจารย์สารินทร์ ซึ่งในขณะนั้นกำลังดำเนินก่อสร้างถาวรวัตถุอยู่ ทางทีมงานจัดผ้าป่าไปทอดนั้นได้ขอร้องพระอาจารย์ที่จะสร้างเหรียญเพื่อแจกกรรมการผ้าป่าขึ้นเมื่อปี 2538 เป็นเหรียญเนื้อตะกั่วผสมดีบุกในท่านั่งที่เรียกว่า ท่ามหาราชลีลา ซึ่งมีลักษณะการนั่ง คือ แข้งข้างซ้ายวางราบ กับพื้น วางมือไว้ที่เข่าหรือจับหัวเข่านั่นเอง ส่วนข้างขวานั้นยกตั้งขึ้นหรือชันเข่า ปล่อยมือพาดหัวเข่า ขวางข้อศอกตรงกับหัวเข่า และฝ่ามือนั้นพาดลงมาถึงอาสนะ เป็นเหรียญปั้มหูในตัว เหรียญมีความกว้าง 2.5 เซนติเมตรสูง 3.7 เซนติเมตรมีอักขระล้อมรอบตัวพระอาจารย์สารินทร์ ว่า อิติติอิ และล้อมรอบขอบเหรียญว่า นะเมตตา กรุณา กรุสุมิกัง นะเมตตา นะมะมะ โมมะมะ ส่วนด้านหลังเหรียญตรงกลางเป็นยันต์สี่เหลี่ยมบรรจุอาคมว่า อะวิสุนุ ล้อมรอบด้วยพระคากถา ว่า กะโก กะโก เมคุมุอุเมอุ ติโก ปักโข นะโมพุทธายะ พะ ระ ละ ซึ่งการอ่านอักษรทั้งปวงจะออกสำเนียงเพี้ยนสำเนียงไทย เพราะนั่นคือการผูกอาคม ที่เป็นภาษาของขอมหรือเขมรโดยตรง การแปลสื่อพระคาถาโดยตรงเห็นจะต้องไว้ให้

    ล็อกเก็ตที่ระลึกแซยิด 5 รอบ ครึ่งองค์ฉากซีเปีย ด้านหลังฝังกุมารทองกวักมหาลาภและตะกรุด 3 กษัตริย์ จัดสร้างเพียง 160 องค์ สภาพสวย พร้อมกล่องเดิมจากวัด

    ให้บูชา 900 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00969.JPG
      DSC00969.JPG
      ขนาดไฟล์:
      419 KB
      เปิดดู:
      6,131
    • DSC00970.JPG
      DSC00970.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      131
    • DSC00968.JPG
      DSC00968.JPG
      ขนาดไฟล์:
      955.5 KB
      เปิดดู:
      123
    • images (7)a.jpg
      images (7)a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      270.9 KB
      เปิดดู:
      55
  20. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    สมเด็จบางขุนพรหม ย้อนยุค ปี 2547 พิมพ์เส้นด้ายแช่น้ำมนต์


    [​IMG]


    พระสมเด็จบางขุนพรหม ปี 2547 ที่สร้างครั้งนี้มีส่วนผสมของมวลสารศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะก้อนผงพระสมเด็จกรุใหม่ที่ขุดขึ้นมาเมื่อ พ.ศ. 2500 เป็นมวลสารหลักและก้อนผงวิเศษ 5 ประการ ผงอิทธิเจ ด้านเมตตามหานิยม ผงปัถมังด้าน อยู่ยงคงกระพัน ผงมหาราช ด้านมหาเสน่ห์ ผู้ใหญ่เอ็นดู ผงตรีนิสิงเห มีอิทธิคุณทางด้านมหาอำนาจ ผงพุทธคุณ ป้องกันอัปมงคล เสนียด และอาถรรพ์มนต์ดำของวัดระฆังฯที่ท่านเจ้าคุณพระเทพวิสุทธิเมธี เจ้าคณะภาค 11 เก็บรวบรวมไว้ โดยผสมกับผงอิฐฐานรองพระประธานในพระอุโบสถวัดระฆัง ฯ อายุกว่า 200 ปี ซึ่งเชื่อกันว่าพระเถระผู้ใหญ่ของวัดระฆังฯ โดยเฉพาะสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ประกอบพิธีอธิษฐานจิตในโบสถ์ อิฐฐานรองพระประธานย่อมได้รับการลงพลังจิตไปด้วย ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์หาค่ามิได้ นอกจากนี้ยังมี พระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุต่างๆ และวัตถุอาถรรพณ์ ผสมมากมาย ทั้งไม้มงคล ไม้กาฝาก ดินโป่ง และน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์จากวัดทั่วประเทศ

    วัตถุประสงค์ในการจัดสร้างเพื่อนำรายได้ร่วมสร้างองค์จำลองท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ (โต) เพื่อประดิษฐานที่วัดตาลเจ็ดยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้ และเป็นที่พึ่งทางใจ จึงได้ขออนุญาตจัดสร้างพระรุ่นนี้ขึ้น เพื่อจัดหารายได้ร่วมสมทบทุน ซึ่งจัดพิธีมหาพุทธาภิเษก และอาราธนาพระเกจิทั่วประเทศร่วมปลุกเสก ณ อุโบสถวัดใหม่อมตรส(บางขุนพรหม) เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2547 เวลา 18.19 น. โดยมีพระเทพวิสุทธิเมธี (เที่ยง) เจ้าคณะภาค 11 วัดระฆังฯ เมตตาเป็นประธานจุดเทียนชัย พร้อมพระเกจิดังอีก 9 รูป

    1. หลวงปู่ทิม วัดพระขาว จ.พระนครศรีอยุธยา
    2. หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม
    3. หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง จ.เพชรบุรี
    4. หลวงพ่อทอง วัดจักรวรรดิ์ กทม.
    5. หลวงพ่อสง่า วัดบ้านหม้อ จ.ราชบุรี
    6. พระอาจารย์ไพโรจน์ วัดห้วยมงคล จ.ประจวบคีรีขันธ์
    7. หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน จ.อยุธยา
    8. พระ ดร.ปรีดา ธัมญาโณ วัดใหม่อมตรส กทม.
    9. หลวงพ่อเทียม วัดใหม่อมตรส กทม.

    หลังจากนั้นได้นำไปให้หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร จ.นครราชสีมาปลุกเสกเดี่ยวอีกครั้ง

    ให้บูชา 850 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00980.JPG
      DSC00980.JPG
      ขนาดไฟล์:
      566.7 KB
      เปิดดู:
      5,470
    • DSC00981.JPG
      DSC00981.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1 MB
      เปิดดู:
      71
    • DSC00982.JPG
      DSC00982.JPG
      ขนาดไฟล์:
      841.5 KB
      เปิดดู:
      62
    • DSC00983.JPG
      DSC00983.JPG
      ขนาดไฟล์:
      669.7 KB
      เปิดดู:
      40
    • images (7)a.jpg
      images (7)a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      270.9 KB
      เปิดดู:
      48
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...