หลวงปู่อินตอง สุภวโร วัดวีระธรรม อ.พังโคน จ.สกลนคร

วันพฤหัส ที่ 26 กันยายน 2562
.
(องค์ที่71)
.
หลังเลิกงาน...ช่วงหัวค่ำเดินทางมาวัดกัลยาณมิตรเพื่อเข้ากราบพระอาจารย์ญาวิไชย สำนักสงฆ์ห้วยม่วงใหม่ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ พอดีท่านลงมากรุงเทพเลยถือโอกาสเข้ากราบท่าน ท่านเมตตาจารแผ่นทองเหลืองและอธิษฐานจิตกล่องมวลสารให้ พอท่านจับกล่องปุ๊ปก็เอ่ยปากบอกทันทีว่า "เสกมาหลายที่แล้วนิ" และได้มีพูดคุยบอกกล่าวเกี่ยวกับกล่องมวลสาร และมีเอ่ยถึงพ่อแม่ครูอาจารย์บางองค์ที่ปลุกเสกกล่องมวลสารมาก่อนหน้านี้ ได้ฟังๆท่านเอ่ยถึงหลายเรื่อง ต้องยอมรับว่าญาณทรรศนะท่านแจ่มใสจริงๆ ก่อนออกมาเจอพระที่วัดกัลยาบอกว่าได้ยินเราคุยกับครูบาญาวิไชยว่ากำลังจะสร้างพระ เลยอยากร่วมบุญด้วย โดยนำปูนที่พอกองค์หลวงพ่อโต(ซำปอกง) วัดกัลยาณมิตร มามอบให้เพื่อไว้ทำเป็นมวลสาร
.
มวลสารรายการนี้เป็นรายการที่ทุกวันนี้ผมก็ยังมีความสงสัยและแปลกใจจนถึงทุกวันนี้เพราะไม่แน่ใจว่าได้มาด้วยความบังเอิญหรือหลวงพ่อโตท่านเมตตาประทานให้มาร่วมบุญด้วย
.
หลังจากคุยกับครูบาเสร็จ ขณะที่ออกจากห้องมากำลังจะเดินกลับ ก็มีพระสงฆ์องค์นึงยืนรออยู่ ท่านบอกว่าได้ยินเราคุยกับครูบาว่าจะสร้างพระ เลยอยากจะร่วมบุญด้วยและได้ยื่นของออกมา 1 ถุง บอกว่าเป็นปูนที่พอกองค์หลวงพ่อโต ท่านได้มาตอนที่บูรณะองค์หลวงพ่อโต ผมก็รับไว้และสาธุกับท่าน
.
เปิดดูในถุงและมองหน้ารุ่นน้องที่ไปด้วยกัน พอจะหันกลับไปถามท่าน ท่านก็เดินหายไปแล้ว เดินตามไปก็หาไม่เจอ ผมก็ไม่รู้ว่าท่านเดินเร็วหรืออะไรยังไง ก็มีการคุยกับรุ่นน้องว่าห้องที่เราคุยกับครูบาก็ขนาดใหญ่และก็ดึกแล้ว เราก็คุยกันเบาๆ ขนาดครูบาพูดกับผม ผมยังไม่ค่อยจะได้ยินสักเท่าไรเลย แล้วพระรูปนี้ไหงถึงทราบและได้ยิน เพราะผมว่าผมก็ไม่เห็นพระรูปนี้อยู่ในห้องตอนที่ผมคุยกับครูบา ได้แต่ฉงนและสงสัยกับรุ่นน้อง แต่ไม่เป็นไรก็ถือว่าโชคดีได้มวลสารศักดิ์สิทธิ์มาสร้างพระ
.
#หลวงพ่อโต(ซำปอกง)
เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยนับถือกราบไหว้กันมาช้านานแล้ว ผู้ที่ไปกราบไหว้สักการบูชาซำปอกงส่วนใหญ่นอกจากจะกราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลแล้ว ยังนิยมไปกราบไหว้เพื่อให้รุ่งเรืองทางด้านการค้าพาณิชย์ มีโชคลาภ และประสบแต่โชคดีในการเดินทาง

 

วันอาทิตย์ ที่ 29 กันยายน 2562
.
(องค์ที่72)
.
กราบและร่วมทำบุญกับพระอาจารย์ช่วง วัดอาวุธ ขอเมตตาท่านจารแผ่นทองเหลืองและอธิษฐานจิตกล่องมวลสาร ท่านเมตตาบอกเรื่องราวในอนาคตบางอย่างให้ฟัง ถ้าเป็นจริงถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆ

 

นั่งเช็คๆรายชื่อพ่อแม่ครูอาจารย์ที่เมตตาอธิษฐานจิตกล่องมวลสารให้ เช็คไปเช็คมาตกไป 2 องค์555+

 

ขออนุญาตย้อนหลังนะครับ
(องค์ที่ 73)
.
วันอาทิตย์ ที่ 11 สิงหาคม 2562
ตื่นแต่เช้าเดินทางมาถวายภัตตาหารเช้าแด่หลวงปู่ผา วัดไตรสามัคคี พร้อมทั้งถวายปัจจัยทำบุญกับท่าน อีกทั้งขอเมตตาอธิษฐานจิตกล่องมวลสาร ท่านเป็นพระที่นิ่งสงบ ดูมีบารมีมากๆแต่สัมผัสได้ถึงเมตตาของท่าน

 

(องค์ที่ 74)
วันอาทิตย์ ที่ 11 สิงหาคม 2562
ช่วงสายๆพาแม่มาถวายปัจจัยและผ้าไตรจีวรแด่หลวงพ่อดำ วัดศรีสินมา พร้อมทั้งขอเมตตาอธิษฐานจิตกล่องมวลสาร ท่านเมตตาอธิษฐานจิตให้ประมาณ 20 นาที สมคำร่ำลือที่ได้ยินมานานหลายปี มักมีแต่คนพูดถึงถึงจิตที่แก่กล้าของท่าน วันนี้ได้เห็น... เป็นบุญตาจริงๆ

 

วันอาทิตย์ ที่ 6 ตุลาคม 2562
ช่วงเช้าไปร่วมงานทำบุญใส่บาตรที่บ้านสันติธรรม ซึ่งหลวงปู่บุญส่งก็มาร่วมงานด้วย หลังจากทำบุญเสร็จ ก็เดินทางมาเข้ากราบและร่วมทำบุญถวายปัจจัย ถวายพระบูชาพระอุปคุตแด่หลวงปู่ทอง วัดดอนไก่ดี ท่านเมตตาพูดคุยถามไถ่และเป่ากระหม่อมรวมทั้งลงน้ำมันให้แบบจัดเต็ม แต่พอดีเดี๋ยวท่านไปงานพุทธาภิเษกที่วัดจุฬามณีเลยไม่สะดวกอธิษฐานจิตให้ เดี๋ยวไว้รอบหน้ามาใหม่
หลังจากนั้นก็รีบเดินทางมาร่วมทำบุญปล่่อยปลาเหยื่อและจุดเทียนสืบชะตากับกลุ่มชมรมสู่ร่มโพธิญาณที่วัดขวัญเมือง ทางอ.วิกรานต์เล่าเรื่องราวของหลวงปู่บุญส่งให้สมาชิกในชมรมได้รับฟัง รวมทั้งบอกบุญและนำมวลสารมาร่วมสร้างพระ

 

(องค์ที่ 75)
เสร็จจากงานปล่อยปลา ก็ขับรถมาเข้ากราบทำบุญกับหลวงพ่อมหาแสวง วัดคลองภูมิ ทั้งนี้ขอเมตตาท่านอธิษฐานจิตกล่องมวลสาร ท่านประพรมน้ำมนต์ให้และอนุโมทนากับบุญใหญที่กำลังจะทำกันและอวยพรให้สร้างพระได้สำเร็จ

 

(องค์ที่ 76)
วันจันทร์ ที่ 7 ตุลาคม 2562
วันนี้เดินทางมากราบหลวงตาบุญมี(ศิษย์เอกหลวงพ่อสังข์ วัดนากันตรม จ.ศรีษะเกษ) ได้ทำบุญซองกฐินกับท่าน และขอเมตตาท่านอธิษฐานจิตกล่องมวลสาร รู้จักท่านมา2ปีน่าจะได้ ดีใจจริงๆ ท่านเมตตามากๆ ยังจำที่ท่านเมตตาเมื่อ2ปีที่แล้ว... ยังจำได้ดีเสมอ ว่างก็จะมาหาท่านตลอด... น้อมกราบหลวงตาบุญมีด้วยเศียรเกล้า

 

มาชมมวลสารที่ อ.วิกรานต์ แซ่ลี้ ชมรมสู่ร่มโพธิญาณได้มอบให้เพื่อร่วมบุญสร้างวัตถุมงคลถวายแด่หลวงปู่บุญส่ง
.
ได้คัดลอกข้อความจากเพจ ชมรมสู่ร่มโพธิญาณมาลงนะครับ
.
ชมรมสู่ร่มโพธิญาณ
5 ตุลาคม เวลา 08:26 น. ·
วันนี้ได้มอบ เกษาพ่อแม่ครูบาอาจารย์และของสามเณรีผู้สำเร็จวิชากายสายรุ้ง
ข้าวก้นบาตรมหาลาภ พร้อมด้วยว่านยาต่างๆ เช่นยอดทับทิม ใบมะยม เห็ดหลินจือ
คตส้ม และ ต้นธรณีสาร สาหร่ายในบ่อโบราณ ( เป็นเคล็ดให้ชุ่มเย็น) และ กากยาจีนโบราณ 13 องครักษ์เสื้อเกราะทองคำ เป็นต้น

ให้แก่(คุณยศ)ศิษย์ หลวงพ่อบุญส่ง วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี

นำไปบดผสมเพื่อสร้างวัตถุมงคลถวาย หลวงพ่อบุญส่ง เพื่อร่วมบุญสร้าง พระอุโบสถ และ การกุศลต่างๆกับท่านครับ

 

ได้คัดลอกข้อความจากเพจ ชมรมสู่ร่มโพธิญาณมาลงนะครับ
.
ชมรมสู่ร่มโพธิญาณ
6 ตุลาคม เวลา 10:13 น. ·

ว่านยา ใบหนาด ใบไม้แหย่แย้ ส้มป่อย หญ้าแพรก แห้วหมู
ถวายเพื่อร่วมสร้างวัตถุมงคลถวาย หลวงพ่อบุญส่ง จ.จันทบุรี

 

ในวันอาทิตย์ ที่ 6 ตุลาคม 2562 ขณะที่ผมได้ไปร่วมงานปล่อยปลาเหยื่อกับชมรมสู่ร่มโพธิญาณ ได้มีเหตุการณ์ที่น่าสนใจอยู่หลายเหตุการณ์ แต่ผมไม่ขอเขียนนะครับ ขอไปคัดลอกบางส่วนจากเพจชมรมสู่ร่มโพธิญาณมาลงแล้วกันครับ
.
ได้คัดลอกข้อความจากเพจ ชมรมสู่ร่มโพธิญาณมาลงนะครับ

ชมรมสู่ร่มโพธิญาณ
8 ตุลาคม เวลา 19:09 น. ·
ในช่วงบวงสรวงปล่อยปลาเหยื่อ
เพื่อร่วมกันบำเพ็ญเมตตาบารมี
สร้างคุณงามความดี
สร้างบารมีให้เป็นกำไรชีวิตตนเอง

ในช่วงนั้น อ.วิกรานต์ กำหนดจิตภาวนาอัญเชิญเทพเทวามาร่วมโมทนากุศลในครั้งนี้

ในขณะนั้นเอง อ.วิกรานต์ ได้สัมผัสคลื่นพลังงานเหล่าเทวะมากมาย
ในเวลานั้นจิต อ.วิกรานต์ สััมผัสได้ว่า องค์พระแม่กิมบ้อเนี่ยเนี้ย ทรงมีพระประสงค์จะร่วมสร้างมหาทานบารมีร่วมสร้าง พระอุโบสถ กับ หลวงพ่อบุญส่ง วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี

จึงมีพระบัญชาให้กลุ่มคณะสมาชิกชมรมฯ
ไปเลือกเก็บ ใบมะม่วง และ ใบไผ่ แห้งๆมาถวายเบื้องหน้าบนโต๊ะบวงสรวงเพื่อรับพลังเทวะ
แล้วมอบให้ คุณยศ ศิษย์ หลวงพ่อบุญส่ง เพื่ิอนำไปร่วมบดไว้เป็นมวลสารสำหรับสร้างวัตถุมงคลถวาย หลวงพ่อบุญส่ง

คณะเราจึงมำตามพระบัญชาเสร็จแล้วมอบให้ คุณยศ ศิษย์หลวงพ่อบุญส่งเพื่อนำไปใช้ตามเจตนารมณ์สืบต่อไป
ต้นมะม่วง นี้ถือเป็นต้นไม้สำคัญในพระพุทธศาสนามาก
พระพุทธเจ้า ทรงเลือกแสดง ยมกฤทธิ์ คือแสดง อิทธิฤทธิ์สูงสุดที่ไม่มีใครในไตรภพจะกระทำได้ ภายใต้ต้นมะม่วง
จึงถือเป็นต้นไม้สำคัญและมีคุณวิเศษในตัว
คือสามารถซึมซับดูดรับกระพุทธคุณและจิตตานุภาพได้ดี




ส่วน ต้นไผ่ โบราณว่ามีคุณวิเศษ ให้ร่มเย็นเป็นสุข เป็นตัวแทนแห่ง คุณธรรมความดี ความซื่อตรงซื่อสัตย์นำมาซึ่งความสุขความเจริญ
กันสิ่งอัปมงคลทั้งปวงมิให้มาแผ้วพานผู้ครอบครองได้

 

ได้คัดลอกข้อความจากเพจ ชมรมสู่ร่มโพธิญาณมาลงนะครับ
.

ชมรมสู่ร่มโพธิญาณ
4 ตุลาคม เวลา 06:44 น. ·


ตากว่านยาแต่เช้ามืด
เพื่อรับพลังจากฟ้ารับลำแสงแรกแห่งสุริยาทิตย์
รับบารมีแห่ง พระนางอุษาเทวี

เพื่อให้มีฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ขับไล่สิ่งอัปมงคลทั้งปวง
เฉกดังแสงแรกแห่ง ดวงสุริยะ ขับไล่ความมืดมนนนทกาลแลความหนาวเหน็บสู่รุ่งอรุณแห่งความอบอุ่น

เป็นเคล็ดอย่างหนึ่งเพื่อให้ว่านยาทรงอานุภาพอันเป็นมงคล
ต้องจุดธูปบอกกล่าวแก่เทพเทวาผู้รักษาว่านยาและตำรับตำราด้วย

ให้ท่านโมทนากุศลใหญ่
เพื่อนำไปบดสร้างวัตถุมงคลเพื่อสร้างบารมีสืบไป

 

คืนวันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2562
.
อ.วิกรานต์ โทรมาให้ไปรับมวลสารที่อ.จัดหามาให้เพิ่ม ต้องขอบพระคุณอ.วิกรานต์ที่เมตตามอบมวลสารมาร่วมบุญอย่างต่อเนื่องเลยครับผม

 

เรื่องราวการได้มาแบบอัศจรรย์ใจของเส้นเกศาองค์สามเณรีกายสายรุ้ง (ฉบับเต็ม)

———————————————————
#เส้นเกศาสามเณรีผู้สำเร็จวิชากายสายรุ้งสู่อาจารย์วิกรานต์ แซ่ลี้

.
สมัยก่อนตอน อ.วิกรานต์ อายุประมาณ 20 กว่าๆ (ปัจจุบัน อ.วิกรานต์ อายุ 50 ปี) ค้าขายอยู่แถวถนนข้าวสาร จะขายของประเภทของที่ระลึกของฝาก ย่านถนนข้าวสารเป็นย่านที่ชาวต่างชาติชอบเดินเที่ยวเมื่อมาเมืองไทย วันหนึ่งมีหญิงสาวชาวฝรั่งเศส ชื่อลินดา เดินเที่ยวแถวถนนข้าวสารเพื่อหาซื้อของที่ระลึกกลับประเทศฝรั่งเศสในวันรุ่งขึ้น คุณลินดาเดินดูของไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดที่หน้าร้าน อ.วิกรานต์ คุณลินดาได้เลือกซื้อของที่ระลึกในร้าน อ.วิกรานต์ จำนวนพอสมควร ภายในร้านมีพระพุทธรูปตั้งวางบูชาไว้บนหิ้ง คุณลินดายกมือไหว้พระพุทธรูปในร้าน อ.วิกรานต์ เห็นว่าคุณลินดามีความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาและชอบการปฏิบัติภาวนา จึงอยากที่จะมอบพระองค์เล็กให้ เพื่อเป็นที่ระลึก และเพื่อให้คุณลินดาเกิดพลังในการปฏิบัติภาวนา อ.วิกรานต์ ได้มอบพระองค์เล็กๆ ให้คุณลินดา จำนวนหลายองค์ 1 ในนั้นมีหลวงพ่อแนม วัดเขาหน่อ ที่อาจารย์ พอจะจำได้ จากนั้นคุณลินดาก็พูดว่า.. " ฉันเจอแล้ว "
คุณลินดา ได้ยื่นของให้ อ.วิกรานต์ 1 ถุงใหญ่
อาจารย์ : ให้ผมทำไม
ลินดา : ดาไลลามะฝากมาให้
(หมายถึงดาไลลามะที่ 14)
อาจารย์ : ผมไม่รู้จักดาไลลามะ
ลินดา : ดาไลลามะบอกกับฉันว่า ไปเมืองไทยถ้า
เจอชายหนุ่มลักษณะรูปร่างหน้าตาแบบนี้
แล้วเขาส่งของมงคลให้ ให้นำของในถุงนี้
ยื่นให้ชายหนุ่มคนนั้น
อาจารย์ : คุณให้ผิดคนแล้ว
ลินดา : ไม่ผิด ตรงตามที่ดาไลลามะบอกทุกอย่าง
ฉันมาเมืองไทยหลายวันแล้ว ก็ยังไม่เจอ
คนที่ดาไลลามะบอก จนวันรุ่งขึ้นฉันจะ
ต้องเดินทางกลับบ้านที่ฝรั่งเศสแล้ว จนมา
เจอคุณ
อาจารย์ : เอาอย่างนี้นะ ผมจะเก็บของในถุงนี้ไว้ให้
หากไม่ใช่ของผม ก็มาเอาคืนได้ที่นี่
ในถุงมีของอยู่จำนวนมาก หลายอย่าง แต่ที่อาจารย์พอจะจำได้มี 4 อย่าง คือใบโพธิ์ จีวร รูปภาพ ยาเม็ดเล็กๆ ปั้นเป็นลูกกอน
คุณลินดา และ อ.วิกรานต์ ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการรู้จักกันครั้งแรก
ในวันเดียวกันคุณลินดา ได้มอบของส่วนตัวของตัวเอง คือเส้นเกศาของสามเณรีผู้สำเร็จวิชากายสายรุ้ง ให้ อ.วิกรานต์ โดยคุณลินดาหยิบเส้นเกศาขึ้นมา 1 กำมือ (ความยาวของเส้นเกศายาวประมาณ 1 ศอก) คุณลินดา เล่าให้ อ.วิกรานต์ ฟังว่า...
ตัวคุณลินดาเอง เป็นลูกศิษย์ขององค์ดาไลลามะที่ 14 ได้มารู้จักกับสามเณรี ซึ่งท่านก็เป็นลูกศิษย์ขององค์ดาไลลามะที่ 14 เช่นกัน สามเณรีเป็นชาวธิเบตอาศัยอยู่ในวัดในหมู่บ้าน คุณลินดาได้เจอสามเณรี จึงเกิดความศรัทธาเป็นอย่างมาก จากนั้นต่อมาก็ได้อุปัฏฐากสามเณรีท่านนี้มาเรื่อยๆ และได้เรียนกรรมฐานจากท่าน สามเณรีท่านนี้ ในขณะที่ท่านอยู่ในวัด จะมีผู้คนมาให้ท่านรักษาเยอะแยะมากมาย มาวันนึงท่านรู้วาระของตัวเอง ว่าจะอยู่ได้อีกแค่ 3 ปี เท่านั้น ท่านจึงตัดสินใจ ปลีกวิเวกเข้าไปในป่าลึก เพื่อปฏิบัติภาวนาอย่างเต็มที่ และได้มีลูกศิษย์เพียงไม่กี่คนที่ตามไปดูแลอุปัฏฐากท่าน หนึ่งในนั้นมีคุณลินดา เมื่อท่านเข้าป่าไปแล้ว บางวันท่านก็จะออกมาสอนกรรมฐานลูกศิษย์บ้าง แต่จะน้อยลง เพราะท่านเน้นภาวนาเยอะ ต่อมา 3 เดือน ก่อนท่านจะละสังขาร ท่านได้ฉันท์อาหารน้อยลง อย่างข้าวปั้น 1 มื้อ ที่ท่านเคยฉันท์ในทุกๆ วัน ก็เหลือแค่ ก้อนเล็กนิดเดียวเท่าปลายนิ้วก้อย ท่านจะเน้นภาวนาเข้มมาก ร่างกายท่านก็ผอมลงเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึง ก่อนที่ท่านจะละสังขาร 7 วัน ท่านได้บอกกับลูกศิษย์ว่า " เมื่อท่านละสังขารแล้ว ห้ามใครมาแตะตัวท่านเด็ดขาด ท่านจะทิ้งเส้นผม กับเล็บไว้ให้เป็นที่ระลึก จนกว่าจะครบ 7 วัน " วันสุดท้ายก่อนท่านจะละสังขาร ท่านให้ลูกศิษย์อาบน้ำให้ท่าน ชำระล้างร่างกายให้สะอาด และเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นท่านก็ได้ให้โอวาทธรรม และให้พรลูกศิษย์ 1 ในนั้นมีคุณลินดา แล้วท่านก็ได้ละสังขารอย่างสงบ ท่ามกลางหมู่ลูกศิษย์
เมื่อท่านละสังขารไปแล้ว ก่อนจะครบ 7 วัน ที่ท่านได้สั่งไว้ว่าห้ามแตะตัวท่านเด็ดขาด ลูกศิษย์และคุณลินดา ได้เข้ามาดูสรีระสังขารท่านอยู่เรื่อยๆ เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของสรีระสังขาร คือจะหดเล็กลงเรื่อยๆ เท่ากับเด็กทารกแรกเกิด และไม่มีกลิ่นเหม็นเลย แต่แปลกที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ แบบอธิบายไม่ถูก
ในค่ำวันที่ 7 ของการละสังขารของสามเณรี ในป่าเกิดฝนตกกระหน่ำ คุณลินดาและลูกศิษย์ ได้มองไปที่สรีระสังขารสามเณรี ก็เห็นเป็นละอองไอน้ำปกคลุมแต่แปลกละอองนั้นเป็นสีรุ้งสดใส
ในวันรุ่งขึ้นคือวันที่ 8 ของการละสังขาร สรีระท่านหายไปเหลือเพียงไว้แค่เส้นเกศาที่ไม่ได้ปลงมาตั้งแต่วันที่ท่านเข้ามาอยู่ปฏิบัติภาวนาในป่า ยาวประมาณ 1 ศอก และเล็บมือ เล็บเท้า ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์มาก
ผ่านไปประมาณ 1 ปี คุณลินดา ได้เดินทางมาเที่ยวที่เมืองไทยอีกครั้ง และได้มาแวะอุดหนุนซื้อของที่ระลึกร้าน อ.วิกรานต์ คุณลินดาเล่าให้ อ.วิกรานต์ ฟังว่า ฉันได้ถามดาไลลามะแล้วว่าใช่ชายหนุ่มคนนั้นหรือไม่ ท่านก็ยิ้ม ฉันถามต่อว่า จะให้เอาของคืนมาหรือไม่ ดาไลลามะท่านก็ยิ้ม ท่านไม่ตอบอะไรเลย เวลาผ่านไปหลายปี อ.วิกรานต์ ได้ย้ายที่ขายของจึงไม่ได้เจอคุณลินดาอีกเลย
สามเณรีท่านได้ละสังขารตอนอายุ 34 ปี

 

วันอาทิตย์ ที่ 20 ตุลาคม 2562
วันงานกฐินของวัดสันติวนาราม
.
ออกเดินทางกันประมาณตี 3 มุ่งหน้าไประยอง ถึงวัดละหารใหญ๋ประมาณตี5ครึ่ง วัดยังเงียบอยู่เลย เลยขับไปวัดละหารไร่ก่อนเลย ไปถึงวัดขึ้นไปกราบรูปเหมือนองค์ใหญ่หลวงปู่ทิม และนำกล่องมวลสาร ระลึกถึงท่านขอเมตตาท่าน เสร็จแล้วก็มุ่งหน้าไปกุฏิเจ้าอาวาสวัดละหารไร่เพื่อจะขอกราบหลวงพ่อเชย แต่ประตูยังปิดอยู่ เลยตัดสินใจกลับไปวัดละหารใหญ่กันต่อ

 

(องค์ที่ 77)
ถึงวัดละหารใหญ่ พระอุปัฏฐากกำลังตรวจเช็คความดันของหลวงปู่สิน จึงกราบเรียนขอโอกาสถวายปัจจัยทำบุญญและถวายพระบูชาพระอุปคุตแด่ท่าน แต่ท่านบอกว่าไม่ต้องทำบุญหรอกเก็บเงินเอาไว้ ส่วนพระบูชาไปให้วัดที่ยังไม่มีดีกว่า ที่นี่มีเยอะแยะเลย ไม่มีที่เก็บ เราไม่ได้รังเกียจนะ ซึ่งทางเราก็เข้าใจในความเมตตาของท่าน เลยกราบขอเมตตาท่านอธิษฐานจิตกล่องมวลสาร ซึ่งท่านก็เมตตามากๆให้เราจุดธูปจุดเทียนไปปักไว้ในกล่องมวลสาร และจัดที่ทางเพื่อจะอธิษฐานจิตให้ น้อมกราบในความเมตตาของหลวงปู่สิน หลวงปู่สินท่านเป็นพระที่มีเมตตาสูงมากๆเลยครับ

 

(องค์ที่ 78)
หลังจากนั้นก็กลับมาที่วัดละหารไร่อีกที เพื่อเข้ากราบหลวงพ่อเชย วัดละหารไร่ จากนั้นก็ขอโอกาสถวายพระบูชาพระอุปคุตและขอเมตตาท่านอธิษฐานจิตกล่องมวลสารให้ บอกว่าก่อนหน้าก็นำกล่องมวลสารไปขอเมตตาหลวงปู่สิน และนำกล่องมวลสารไปวางไว้หน้ารูปเหมือนหลวงปู่ทิมแต่ไม่รู้หลวงปู่ทิมท่านรับรู้และลงมาเมตตาให้รึเปล่า หลวงพ่อเชยท่านฟังแล้วก็ยิ้มๆแล้วก็เมตตาอธิษฐานจิตกล่องมวลสารให้

 

จากนั้นก็ขับรถไปวัดป่าหวายเพื่อจะขอเมตตาหลวงปู่รัตน์ แต่พอดีทางวัดมีงานกฐิน หลวงปู่คงไม่สะดวกจึงขับออกมา แล้วก็มาวัดหนองฆ้อเพื่อจะกราบหลวงปู่ทองสุข แต่มาถึงวัด จึงทราบว่าท่านออกไปฉันเช้าบ้านโยม จึงขับเดินทางไปวัดสันติวนารามต่อไป

 

นำปัจจัยในซองกฐินมามอบให้แก่วัดสันติวนาราม และทำบุญรถตู้ถวายแด่หลวงปู่บุญส่ง

 

พอถวายเสร็จก็ออกเดินทางจะไปกราบหลวงปู่บุญ วัดทุ่งเหียง พอไปถึงลูกศิษย์แจ้งว่าท่านจำวัดอยู่ กว่าจะออกมาก็คงสักบ่าย3 ผมเลยมุ่งหน้าไปกราบพระอาจารย์ขวัญชัย วัดนามะตูม แต่ไปถึงทางวัดเพิ่งเสร็จงานกฐิน และพระอาจารย์ขวัญชัยก็เหนื่อยจากงานเข้าจำวัดแล้ว ก็เลยเดินทางกลับออกมา