หลวงปู่ศุข เกสโร วัดปากคลองมะขามเฒ่า ศึกษา สะสม ตรวจสอบพระ บ้านๆไม่ใช่เซียน

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย โอ๋สะพาน, 19 มกราคม 2013.

  1. hitec-art

    hitec-art เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    379
    ค่าพลัง:
    +953
    ไปกราบท่านมาแล้วครับ

    ที่วัดสงบมาก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. hitec-art

    hitec-art เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    379
    ค่าพลัง:
    +953
    ท่านเหมือนกันมาก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. โอ๋สะพาน

    โอ๋สะพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    2,494
    ค่าพลัง:
    +3,973
    จังหวะไม่ตรงผมกลับบ้าน คราวหน้าถ้าไปเจอกันก็ดีครับ
     
  4. hitec-art

    hitec-art เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    379
    ค่าพลัง:
    +953
    พิมพ์ โลหะ
    ชอบครับ
     
  5. โอ๋สะพาน

    โอ๋สะพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    2,494
    ค่าพลัง:
    +3,973
    สวัสดีตอนเช้ากับผู้ที่สะสมศรัทธาหลวงปู่ทุกท่านนะครับ มีพระมาให้ชม
    พิมพ์ตัดชิด
    <a href="http://img69.imageshack.us/i/6519tile999.jpg/" target="_blank"><img src="http://img69.imageshack.us/img69/8382/6519tile999.jpg" alt="Free Image Hosting at www.ImageShack.us" border="0"/></a>
     
  6. 9S

    9S เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    262
    ค่าพลัง:
    +284
    ต่อยอดจากกระทู้ก่อนหน้านี้ของเหรียญหลักเมือง หลวงปู่ศุข ปี21
    มาดูขอบตัดเก๊ของเนื้อเงินกันบ้างครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    จะเห็นว่ารอยตัดเก๊จะเหมือนกันทั้งเนื้อทองแดงและเนื้อเงินครับ

    เก๊-ซ้าย
    [​IMG]


    สรุปคือ ทุกเนื้อรอยตัดจะเหมือนกันหมดครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • photo 1 (2).JPG
      photo 1 (2).JPG
      ขนาดไฟล์:
      76.7 KB
      เปิดดู:
      1,868
    • photo 2 (2).JPG
      photo 2 (2).JPG
      ขนาดไฟล์:
      76.7 KB
      เปิดดู:
      1,871
  7. 9S

    9S เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    262
    ค่าพลัง:
    +284
    เหรียญเงินลงยา หลวงปู่ศุข รุ่นสิริโลกนาถ พิธีดีน่าสะสมอีกเหรียญครับ
    อภิมหาพุทธาภิเษกโดยเกจิอาจารย์ดังทั่วประเทศ รวม 208 รูป เมื่อ 23 กย. 2536 ณ อุโบสถวัดสระเกศ ( ภูเขาทอง ) กรุงเทพฯ

    [​IMG]

    รายชื่อเกจิหลักๆ ที่เข้าร่วมพิธี และที่ยังไม่ระบุ
    [​IMG]

    ข้อมูลจากในเว็บครับ น่าจะเป็นราคาเช่าหาและรุ่นต่างๆ ที่ออกพิธีเดียวกัน
    [​IMG]

    นำมาลงไว้ให้ชมกันครับ เพื่อเป็นข้อมูลเผื่อใครสนใจครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. hitec-art

    hitec-art เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    379
    ค่าพลัง:
    +953
    ชมพระองค์โชว์
    หน้า อูมใหญ่
    เส้นรัศมี ข้างขวาจะชัดกว่าซ้าย
    เส้นครอบแก้ว ข้างขวาจะมีเนื้อล้นด้านในจะเห็นได้รำไร
    เข่าขวา จะมีเส้นคาด
    ปลายฐาน ชั้นบนข้างขวาแหลมคม
    มองด้านข้างเหรียญ ขอบบนจะงุ้มไปทางข้างหน้า
    ขอบเหรียญ ตะไบเก่า
    ยันต์พุทม้วนโลก ด้านหลังเหรียญเป็นรอยจารเก่า แผ่วเบา
    ผิวเหรียญ เป็นหล่อโบราณต้องขรุขระเป็นธรรมชาติ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2013
  9. โอ๋สะพาน

    โอ๋สะพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    2,494
    ค่าพลัง:
    +3,973
    ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล
     
  10. โอ๋สะพาน

    โอ๋สะพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    2,494
    ค่าพลัง:
    +3,973
    ขอขอบคุณจ้าของภาพครับ นำมาศึกษา
    <a href="http://img94.imageshack.us/i/4512092012112246p1.jpg/" target="_blank"><img src="http://img94.imageshack.us/img94/6301/4512092012112246p1.jpg" alt="Free Image Hosting at www.ImageShack.us" border="0"/></a>
     
  11. โอ๋สะพาน

    โอ๋สะพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    2,494
    ค่าพลัง:
    +3,973
    ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการพิจารณา
     
  12. โอ๋สะพาน

    โอ๋สะพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    2,494
    ค่าพลัง:
    +3,973
    สวัสดีตอนเช้าๆครับ วันนี้ขอนำภาพพระแท้มาให้ศึกษาเนื้อหากันครับ
    <a href="http://img838.imageshack.us/i/280313125903back.jpg/" target="_blank"><img src="http://img838.imageshack.us/img838/289/280313125903back.jpg" alt="Free Image Hosting at www.ImageShack.us" border="0"/></a>
     
  13. โอ๋สะพาน

    โอ๋สะพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    2,494
    ค่าพลัง:
    +3,973
    <a href="http://img585.imageshack.us/i/b140512210524.jpg/" target="_blank"><img src="http://img585.imageshack.us/img585/6991/b140512210524.jpg" alt="Free Image Hosting at www.ImageShack.us" border="0"/></a>

    ศึกษาจากภาพกันต่อครับ
     
  14. โอ๋สะพาน

    โอ๋สะพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    2,494
    ค่าพลัง:
    +3,973
    พิมพ์ทรงอาจจะไม่ค่อยพบนัก แต่เนื้อหาความแห้งเก่าแบบนี้ ไม่พลาดแน่นอนถ้ามีวาสนาได้พบก็เก็บเข้ารังได้เลยครับ
    <a href="http://img853.imageshack.us/i/091212190225back.jpg/" target="_blank"><img src="http://img853.imageshack.us/img853/388/091212190225back.jpg" alt="Free Image Hosting at www.ImageShack.us" border="0"/></a>
     
  15. โอ๋สะพาน

    โอ๋สะพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    2,494
    ค่าพลัง:
    +3,973
    ภาพเค้าดีมากครับเหมากับการศึกษาจากภาพ ตะกรุดหลวงปู่ศุข
    <a href="http://img11.imageshack.us/i/191012193539bottom.jpg/" target="_blank"><img src="http://img11.imageshack.us/img11/4648/191012193539bottom.jpg" alt="Free Image Hosting at www.ImageShack.us" border="0"/></a>
     
  16. โอ๋สะพาน

    โอ๋สะพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    2,494
    ค่าพลัง:
    +3,973
    พิมพ์ทรงแบบนี้หาชมยากครับ ถ้าท่านใดมีวาสนาได้พบ นี่แหละครับหลวงปู่ศุข
    <a href="http://img856.imageshack.us/i/b1003131112161.jpg/" target="_blank"><img src="http://img856.imageshack.us/img856/6060/b1003131112161.jpg" alt="Free Image Hosting at www.ImageShack.us" border="0"/></a>
     
  17. โอ๋สะพาน

    โอ๋สะพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    2,494
    ค่าพลัง:
    +3,973
    อภินิหารหลวงพ่อศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
    หลวงพ่อศุขแสดงอภินิหารให้บรรดาชาวบ้านและศานุศิษย์เห็นประจักษ์ครั้งนั้น
    ทำให้ผู้ที่พบเห็นเกิดมีความพิศวงงงงวยในอภินิหารของท่านไปตามๆกัน
    การแสดงอภินิหารของท่านนั้น ผู้เขียนเคยได้ฟังคำบอกเล่าจากพระคณาจารย์
    ผู้เฒ่าที่เป็นศิษย์ของหลวงพ่อเล่าว่า

    ครั้งหนึ่งเมื่อเดือนยี่ เป็นปีที่หลวงพ่อศุขไม่ได้ออกเดินธุดงค์เหมือนปีก่อนๆ
    ในปีนี้เองหลวงพ่อท่านกำลังบูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอารามของท่านเป็นการใหญ่
    ในครั้งนั้นได้มีผู้ศรัทธาบริจากทรัพย์สินเงินทองช่วย ให้หลวงพ่อทำการทำนุบำรุง
    ก่อสร้างโบสถ์ วิหาร ศษสลาการเปรียญจนเสร็จสิ้น นับว่าวัดปากคองมาขามเฒ่ามี
    ความเจริญขึ้นมาก ได้มีบรรดาลูกศิษย์ลูกหาตามหัวเมืองต่างๆ ที่เป็นพระภิกษุสงฆ์
    และฆราวาส ตลอดจนเจ้านายเชื่อพระวงศ์ได้มาเยี่ยมเยียนท่าน พระครูวิมลคุณากร
    หลวงพ่อศุขเป็นอันมาก ในเวลานั้นชื่อเสียงของหลวงพ่อแผ่กระจายไปทั่วศานุทิศ
    เชื่อมั่นเลื่อมใสในอภินิหารของท่านอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เสด็จในกรม
    หลวงชุมพร ๆ เจ้านายเชื้อพระวงศ์องค์นี้มาเยี่ยมพระอาจารย์อยู่เสมอ บางครั้งมีเวลา
    ว่างก็พักแรมอยู่ที่กุฏิหลวงพ่อ ๒-๓ วัน แล้วก็กลับ บางครั้งหลวงพ่อมีเวลาว่างก็ไปหา
    เสด็จในกรมฯ พักอยู่ในวังหลายๆวันเหมือนกัน

    เวลานั้นท่านได้ประกอบพิธีปลุกเสกเลขยันต์ตระกรุดโทน พระเครื่อง
    ผ้าประเจียดไว้เป็นจำนวนมาก แล้วแจกจ่ายให้บรรดาศานุศิษย์และญาติโยม ผู้ที่มีความ
    เลื่อมใสศรัทธาโดยทั่วถึงกัน ในเดือนยี่ปีนั้นเองเป็นหน้าแล้ง ได้มีชาวหนือทางอุตรดิตถ์
    เดินทางมาค้าขาย โดยมีช้างเป็นพาหนะราว ๘-๙ เชือก การค้าขายนั้นจะค้าขายอะไร
    ฟังไม่ชัด ในสมัยนั้นทางคมนาคมไม่สะดวก การเดินทางมีแต่ป่าดงพงทึบ เดินทางจาก
    อุตรดิตถ์ ผ่านสุโขทัย กำแพงเพชร์ นครสวรรค์ อุทัยธานี จนถึงจังหวัดชัยนาท ชาวเหนือ
    ที่มานั้นมีประมาณ ๑๕ คน ได้พากันมาพักแรมอยู่ที่ใต้ถุนศาลาวัดปากคลองมะขามเฒ่า
    วัดหลวงพ่อศุขนี้เอง ไปปล่อยช้างกินหญ้ากินใบไผ่อยู่ตามบริเวณวัด ๒-๓ วัน ช้าง ๘-๙
    เชือกของชาวเหนือบางครั้งไปเหยียบย่ำของหลวงพ่อที่ปลูกไว้บ้างเช่น ต้นดอกไม้ ต้นกล้วย
    ผัก พริก มะเขือ เอางวงดึงใบกล้วยกินบ้างจนแหลกลาญหมด หลวงพ่อมิได้พูดว่าแต่ประการใด
    บรรดาชาวบ้านต่างก็พาลูกเล็กเด็กแดงมายืนดูช้างอยู่ในวัดเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีช้างสีดอ
    ช้างพัง ช้างพลาย และลูกช้า ๒-๓ เชือก เวลานั้นเป็นเวลาประมาณ ๑๖.๓๐ น. พวกเลี้ยงช้าง
    ที่มานั้นต่างก็พากันหุงข้าวปลาอาหารอยู่ที่ใต้ถุนศาลา รุ่งขึ้นว่าจะมากันเดินลงไปทางใต้
    คือ ผ่านจังหวัดสิงห์บุรี ในขณะที่กำลังหุงข้าวกันอยู่นั้นได้มีผู้คนในย่านนั้นเองมามุงดู
    ชาวเหนือกำลังนึ่งข้าวเหนียวอยู่นั่งกันเป็นกลุ่มพูดภาษาพื้นเมืองของเขาอย่างเจี๊ยว
    จ๊าว
    พากันบ่นว่ากับข้าวไม่พอกันกิน อีกคนหนึ่งพูดว่าจะไปยากอะไรนกพิราบอยู่บนหลังคา
    โบสถ์ จับเป็นกลุ่มปืนเราก็มีหน้าไม้ก็มีจัดการเลย ชาวบ้านที่ยืนมุงดูนั้นก็พากันห้ามปราม
    ว่าหลวงพ่อท่านห้ามไม่ให้ยิงนกในวัด พวกนั้นไม่เชื่อฟัง อีกคนหนึ่งหยิบเอาปืนแก๊ปขึ้น
    ประทับบ่ายิงไปที่นกพิราบกลุ่มนั้นสับดังเซี๊ยๆ ตั้งหลายครั้งพยายามเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่ออก
    เอาปืนยิงเท่าไหร่ไม่สำเร็จ ก็เลยหันไปหยิบหน้าไม้ยิงไปอีก ยิงทีไรลูกศรตกจากร่องหน้า
    ไม้ทุกที เป็นที่น่าแปลกประหลาดแก่ผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง ชายฉกรรจ์ชาวเหนือ
    วัยกลางคนชักโมโหพูดว่า "ขรัวตาวัดนี้มีอะไรวะ....." เมื่อพูดแล้ว คว้าได้ ขวานสั้น อันคมกริบ
    มาฟันลงหน้าแข้งฉาดๆ กระเด็นออกเป็นฟืนหุงข้าว ทำให้ผู้คนยืนมุงดูเป็นการใหญ่ ชาวบ้าน
    แถวนั้นตลอดจนพระสงฆ์พากันมายืนมุงดูอีกเป็นจำนวนมาก ชาวเหนือคนเลี้ยงช้างได้ใจยิ่ง
    แสดงถากหน้าแข้งอย่างไม่หยุดยั้งออกเป็นฟืนกองใหญ่ ในขณะนั้นได้มีชาวบ้านวิ่งหน้าตา
    ตื่นไปบอกกับหลวงพ่อศุขทันทีว่า "ได้มีคนดีมาจากเหนือ ถากหน้าแข้งเป็นฟืนหุงข้าวได้
    มีคนมุงดูกันเนืองแน่น" หลวงพ่อศุขพูดว่า "ใครวะคนดี คนเก่ง" ชาวบ้านบอกว่า
    "คนเลี้ยงช้างครับหลวงพ่อ" หลวงพ่อศุขดุด่าขึ้นเสียงดัง "ไอ้ห่านี่...มันถากเสาศาสลากู
    เดี๋ยวเถอะกำแหงใหญ่แล้วพวกนี้" ในเวลานั้นเป็นเวลาใกล้พรบค่ำแล้ว หลวงพ่อศุขคิดจะ
    ดัดสันดานพวกนี้ให้เข็ดหลาบเพราะท่านทราบว่า จวนจะได้เวลาพวกเลี้ยงช้างจะต้องต้อน
    ช้างไปผูกแล้วสุมไฟให้ช้างนอน หลวงพ่อเดินลงจากกุฏิคว้ากะลามะพร้าวอันหนึ่งเดินไป
    ลานหญ้าหน้ากุฏิ หยุดบริกรรมพระเวทย์อันศักดิ์สิทธิ์ เรียกฝูงช้างมารวมกัน ด้วยอำนาจ
    เวทย์มนต์หลวงพ่อศุข ช้างถูกลมพัดปลิวเท่าตัวแมลงวันตกอยู่ตรงหน้าแล้วท่านเอากะลา
    ครอบลง แล้วเอาเท้าเหยียบ ตรึงด้วย พระคาถาอันศักดิ์สิทธิ์ เป่าลงบนกะลาครอบนั้น
    เสร็จแล้วท่านก็เดินขึ้นไปบนกุฏิ
    พวกเลี้ยงช้างพากันกินข้าวปลาอาหารอิ่มหนำสำราญแล้ว ก็พากันไปต้อน
    ช้างเข้านอนช่วยกันหาเท่าไหร่ก็ไม่พบจนอ่อนใจจนถึงกับพากันร้องไห้ ขึ้นไปกราบเท้า
    หลวงพ่อปรับทุกให้ท่านฟัง ขอสมาลาโทษต่อหลวงพ่อว่าถ้าช้างถูกขโมยไปแล้วเขา
    จะกลับบ้านไม่ได้ ขอให้หลวงพ่อช่วยสักครั้งเถิด หลวงพ่อศุขก็สั่งสอนว่า "เรามาทำมาหากิน
    ให้อุตส่าห์ขยันหมั่นเพียร อย่าเบียดเบียนคนอื่น จะได้เอาเงินกลับไปเลี้ยงลูกเมีย พวกมึงกำแหง
    ศาลากูสร้างต้องเสียเงิน มึงเอาขวานมาถากเสาศาลาทำให้เสียหาย มึงจะต้องเอาเงินมาเปลี่ยน
    ทำเสาศาลากูให้ดีอย่างเดิม กูจึงจะเอาช้างให้มึง" พวกเลี้ยงช้างเหล่านั้นก็ยอมรับผิด แล้วมอบ
    เงินให้กับหลวงพ่อ ให้พอกับการ เปลี่ยนเสาศาลาให้ดีเท่าเก่า ก้มลงกราบอ้อนวอนขอสมาลาโทษ
    ทุกอย่าง หลวงพ่อศุขบอกว่า "มึงตามมา พรุ่งนี้มึงต้องไปนะ ต้นไม้กูปลุกไว้ฉิบหายหมด
    นี่ --- แน่ะ--- ช้างมึงกูเอากะลาครอบเอาไว้" หลวงพ่อศุขเปิดกะลาที่ครอบนั้นออก ช้างก็กลาย
    ร่างเท่าเดิม พวกชาวเหนือเห็นดังนั้นก็ก้มลงกราบแทบเท้าหลวงพ่อ แล้วนำช้างเข้าพักนอน
    หลวงพ่อแสดงอภินิหารให้เห็นประจักษ์ครั้งนี้ เป็นที่ทราบกันทั่วไปในหมู่พระสงฆ์และชาวบ้าน
    ย่านนั้นจึงเล่ากันต่อๆ มาจนตราบเท่าทุกวันนี้

    คัดมาจากหนังสือของ ประวัติกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ หน้า 457-462
    ขอขอบคุณพี่ MBNY ครับที่นำมาโพสในพลังจิตของพวกเรา
     
  18. โอ๋สะพาน

    โอ๋สะพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    2,494
    ค่าพลัง:
    +3,973
    ถึงแม้ว่าหลวงพ่อศุขท่าจะมรภาพไปแล้วเป็นเวลานานหลายๆปี
    วิชาอาคมที่ท่านได้ประสิทธิ์ประสาทมอบให้ลูกศิษย์ของท่าน คนที่ได้วิชา
    มายาศาสตร์ทุกอย่างได้ครบถ้วยมากที่สุดคือ เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯลูกศิษย์
    คนอื่นๆได้พอคุ้มตัวเท่านั้น แต่เสด็จในกรมมีผู้กล่าวกันว่าทำการปลุกเศกเวทย์มนต์

    มีความขลังศักดิ์สิทธิ์เหมือนพระอาจารย์ จะผูกหุ่นพยนต์ล่องหนหายตัวกำบังกาย
    ลงไปเดินในท้องทะเลก็ได้ ยังมีผู้เล่าลือต่อมาแม่แต่หนังสือพิมพ์บางกกอกไทม์ยังเคย
    ลงข่าวเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๘ว่าเสด็จใรกรมหลวงชุมพรได้ ไปเที่ยวตากอากาศทางเรือ
    ชายทะเลไปถึงสัตหีบ เอาเรือเทียบเข้าจอดเรือลงไปเที่ยวยิงสัตว์ป่าในเกาะบริเวณนั้น
    มีทหารเรือบริวารของเสด็จในกรมติดตามไปด้วย เสด็จในกรมฯ ทรงมีพระนิสัยชอบ
    ล่าสัตว์ถือว่าเป็นกีฬาประเภทหนึ่ง เสด็จในกรมฯ ทดพระเนตรเห็นนกกระยางฝูงหนึ่ง
    บินมาเกาะอยู่บนกิ่งไม้บนเกาะนั้น เสด็จในกรมทรงหยิบปืน ร.ศ. ขึ้นประทับบ่าเหนี่ยว
    ไกยิงนกกระสุนไม่ระเบิดทรงยิงอยู่หลายครั้งยิงไม่ออก เสด็จในดรมฯ ทรงประหลาดพระทัย
    รำพึงว่าชรอยจะต้องมีผู้มีวิชาอาคมอาศัยอยู่ ณเกาะแห่งนี้ พระองค์ทรงเดินไประยะหนึ่ง
    ทรงทอดพระเนตรเห็นกระต๊อบหลังหนึ่งมุงด้วยจากหลังเล็กและมีชายคนหนึ่งวัยย่างสู่วัยช
    ราแล้ว
    นอนเอกเขนกอยู่ในกระต๊อบ เมื่อเห็นเสด็จในกรมฯเดินมา ก็ลุกขึ้นนั่งพูดขึ้นว่า "นี่พวกนี้จะมาล่าสัตว์
    ในป่านี้ไม่ได้นะ" เสด็จใรกรมฯทรงพระสรวลตรัสว่า "นี่...สัตว์ป่านี้แกมาเลี้ยงไว้เมื่อไร?
    แกชื่ออะไร มาจากไหน ทำไมมาอยู่ในป่านี้คนเดียว ไม่กลัวเสือกินหรือ?" ชายผู้นั้นตอบว่า
    "ข้าชื่อว่ากัน ไม่อยากอยู่ใกล้มนุษย์มันเหม็นสาบมาอยู่ที่นี่นานแล้ว ตกเบ็ดหาปลาเก็บผักหญ้าหากิน
    เลี้ยงตัวอยู่คนเดียว สบายใจดี นี่แกเป็นใครบังอาจยิงสัตว์ในป่า ..ที่ข้ารักษาอยู่ ในถิ่นแถวสัตหีบนี้
    ไม่มีใครกล้ามารังแกสัตว์ในเกาะนี้หรอกนะจะบอกให้" เสด็จในกรมทรงกริ้วตรัส
    ตอบด้วยพระสุร--เสียงอันดังขึ้นว่า "แกนี่กำแหงมากนะ แกถือดียังไงมาพูดก้าวร้าวสามหาวอวดดี
    ข้าจะจับตัวเองถ่วงลงในอ่าวนี้ให้ขาดใจตายก็ยังได้" ตากันได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะเยาะ
    อย่างขบขันเป็นเชิงท้าทายพูดว่า "ฮะฮ้า--อย่าว่าแต่อ่าวแค่นี้เลยในท้องทะเลข้ายังเคยลง
    ไปเดินเล่นนั่งเล่นหลายๆ วันเลย ถ้าพวกเองเก่งจริงจับข้ายัดใส่กระสอบมัดเอาเรือ
    ถ่วงลงในอ่าวสักวันหนึ่งก็ยังได้" ตากันพูดแล้วหัวเราะอย่างร่าเริง ทำให้เสด็จในกรมฯ
    ปวดเศียรเวียนเกล้าทรงพระพิโรธยิ่งนัก อยากจะลองดีตาคนนี้ให้สาแก่ใจ จึงสั่งให้ทหารเรือ
    ติดตามนั้นจับตากันมัดใส่กระสอบ ถ่วงลงในอ่าวเอาเชือกโยงผูกติดกับเรือรบที่ทอดสมออยู่นั้น
    รับสั่งให้ถ่วงนานถึง ๒๔ ชั่วโมงถ้าตายก็เอาไปฝังเสียบนเกาะนี้ให้มันเป็นผีเฝ้าเกาอยู่เสียเลย

    ตากันถูกจับมัดถ่วงลงในน้ำนาน ๒๔ ชั่วโมงแล้วเสด็จในกรมฯจึงสั่งให้ทหาร
    ชักเชือกลากขึ้นไปบนเรือรบแล้วให้แก้เชือกเอาตากันออกจากกระสอบทันที ทหารเรือทุกคนยืน
    อยู่พร้อมทั้งเสด็จในกรมฯเห็นตากันนั่งขัดสมาธิหัวเราะว่า เชือกที่มัดมือเท้าหลุดหมดเสื้อผ้า
    ไม่เปียกเลยแม้แต่น้อยพากันแปลกใจเป็นอันมาก เสด็จในกรมฯ จึงตรัสถามว่า
    "ตากันแกมีวิชาอะไร?" ตากันทราบได้ทันทีว่าเป็นเสด็จในกรมฯ พระโอรสพระเจ้าแผ่นดิน
    จึงยกมือขึ้นไหว้ขอประทานโทษพูดว่า "ข้าพระพุทธเจ้าเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดมะขามเฒ่า
    มีวิชาอาคมติดตัวบ้าง หลวงพ่อท่านเคยประสิทธิ์ประสาทให้-------ข้าพระพุทธเจ้า
    ทูลเป็นความจริงว่าจะเดินในท้องมกาสมุทร์ก็ได้" เสด็จในกรมฯได้ทรงฟังแล้วทรง
    มีความปิติยินดีเป็นอย่างยิ่งทรงตรัสว่า "เออ!-- แกก็เป็นลูกศิษย์อาจารย์เดียวกันกับฉันนะซิ
    ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป อ่าวนี้ฉันจะตั้งให้เป็นชื่อของแกว่า "อ่าวตากัน" อ่าวนี้เป็นของแกก็ว่าได้
    แกจะจับสัตว์น้ำหากินตามสบาย " ตากันก้มลงกราบอำลาขึ้นไปบนเกาะทำมาหากินตามเคย

    หนังสือพิมพ์บางกอกไทม์ลงข่าวเวลานั้นตากันอายุได้ ๙๕ ปีแล้วบัดนี้แกได้สิ้น
    อายุด้วยโรควันชราแล้ว อ่าวนี้ยังเรียก "อ่าวตากัน" สืบมาจนกระทั่งทุกวันนี้

    ตากันเมื่อแกยังมีชีวิตอยู่ แต่ยังมีลูกศิษย์ลูกหามาก หลวงพ่ออี๋วัดสัตหีบก็เป็นศิษย์
    ถึงปีแกจะทำการไหว้ครูทุกๆปี ยังมีคนเลื่อมใสขอของป้องกันตัว ขอยารักษาโรคจากตากันเป็นจำนวนมาก
    มีผู้เล่าว่าเสือไทย ซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดมะขามเฒ่า เคยมาอาศัยอยู่กับตากัน เพื่อลี้ภัยทางกฏหมาย

    อยู่ครั้งหนึ่ง มีผู้เล่าว่าเสือไทยเป็นสุภาพบุรุษศีลธรรม ไม่เคยปล้นสดมภ์ลักขโมย ตอนที่เสือไทยกลาย
    เป็นเสือจำเป็นนั้น เขามีเรื่องจำเป็นที่จะต้องฆ่าคน เพราะความเจ็บใจเรื่องส่วนตัวบางอย่าง
    จึงไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่จับกุมเพื่อสู้กรรมทางกฏหมายได้ เขาจึงหนีเอาตัวรอดเรื่อยมาแต่ยังมีพวกโจร
    เสือปลาลักขโมยปล้นทั้งหลายไปทำโจรกรรมที่ไหนก็อ้างชื่อเสือไทยทุกครั้ง เสือไทยจึงมีชื่อไม่ดี
    เรื่อยมา มีผู้เล่าว่าเสือไทยหายตัวได้ ครั้งหนึ่งเสือไทยถูกตำรวจล้อมจับ เสือไทยจวนตัวก็ทิ้งผ้าที่
    ถือติดตัวไปด้วยทิ้งไว้แล้วหนีจากวงล้อมผ้าที่ทิ้งนั้นกลายเป็นรูปเสือไทย เจ้าหน้าที่ยิงกระหน่ำ

    จนหมดกระสุน เสือไทยไปพ้นแล้วจึงได้กลายเป็นผ้าเช็ดหน้าหล่นอยู่ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแปลกใจ
    ไปตามๆกัน ทุกครั้งเมื่อเจ้าหน้าที่ตามติดๆเข้าใกล้เสือไทยมักจะทิ้งของที่ติดตัวไว้เป็นจำลองร
    ูปพลางตา
    ตำรวจเสมอ วิชาอาคมต่างๆที่เสือไทยใช้เอาตัวรอด คือของหลวงพ่อศุขวัดมะขามเฒ่าทั้งสิ้น
    ฉะนั้นเสือไทยจึงได้รอดพ้นจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจตราบเท่าทุกวันนี้ นับว่าเป็นประวัติ

    การครั้งแรกของเมืองไทย ซึ่งเสือไทยรอดชีวิตไปได้อย่างน่าพิศวง จนมีผู้เอานามกระเดื่อง
    ของเขาไปสร้างเป็นภาพยนตร์ขายบัตรให้ผู้เข้าชมเอาเงินมายาไส้ ร่ำรวยไปตามๆกัน
     
  19. โอ๋สะพาน

    โอ๋สะพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    2,494
    ค่าพลัง:
    +3,973
    เหรียญนี้ครับของใหม่น่าบูชาใช้ น่าเก็บครับ
    <a href="http://img521.imageshack.us/i/6350070974671300001tile.jpg/" target="_blank"><img src="http://img521.imageshack.us/img521/7041/6350070974671300001tile.jpg" alt="Free Image Hosting at www.ImageShack.us" border="0"/></a>
     
  20. โอ๋สะพาน

    โอ๋สะพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    2,494
    ค่าพลัง:
    +3,973
    ข้อความที่พี่ MBNY ได้โพสไว้ครับนำมาให้พวกเราอ่านกัน

    พระครูวิมล คุณากร (หลวงพ่อศุข) ท่านเป็นผู้รอบรู้เชี่ยวชาญแตกฉานในพระไตรปิฏก
    และทรงเกียรติคุณทางวิปัสณากรรมฐาน เรืองวิชาในทางไสยศาสตร์เป็นยอดเยี่ยม
    วิชามายาศาสตร์ต่างๆที่ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนมานั้น ท่านได้เคยทดลองในอิทธิปาฏิหาร
    ให้ปรากฏมากต่อมากแล้ว ในเรื่องนี้มีสานุศิษย์ของท่านผู้ที่เคยใกล้ชิดได้เล่าว่า

    หลวงพ่อศุขวัดมะขามเฒ่า ท่านสำเร็จธาตุทั้ง ๔ มีปฐวีธาตุ อาโปธาตุ วาโยธาตุ เตโชธาตุ
    ธาตุทั้ง ๔ นี้เมื่อผู้ใดทำสำเร็จแล้ว สามารถจะทำให้เป็นอะไรได้ทั้งสิ้นจะผูกหุ่นพยนต์
    ล่องหน หายตัว กำบังกาย ระเบิดน้ำลงไปเดินในมหาสมุทร เดินบนผิวน้ำก็ได้ เสดาะโซ่ตรวน
    ขื่อคาออกทั้งสิ้น สะกดทัพ ทำได้ทุกอย่างแล้วแต่จะปรารถนาจะต้องการสิ่งใด นอกจากท่าน
    จะสำเร็จวิทยาคมทั้ง ๔ นี้แล้วท่านยังได้สำเร็จ นะ ต่างๆ ของวิชามายาศาสตร์เป็นจำนวนมาก
    ท่านได้ประกอบกระทำพิธีปลุกเสกด้วยผงดินสอพองแล้วรวบรวมนำมาทำพระพิมพ์แบบ
    พระคะวัมองค์เล็กๆ แจกบรรดาสานุศิษย์เป็นจำนวนมาก ณ ที่ทำผง วิเศษต่างๆนั้น มีผงปถมัง
    ผงนะปัดตลอด ผงตรีนิสิงเห ผงอิทธิเจ ผงนะคงคา ผงมหาราช ผงพุทธคุณ ๑๐๘ ผงนะทรหด
    ผงนะหน้าทอง ฯลฯ ผงต่างๆเหล่านี้มีอภินิหาร ความศักดิ์สิทธิ์มาก มีอานุภาพทางเมตตามหานิยม
    คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดเป็นต้น ท่านพุทธศาสนิกชนผู้ใดได้พระพิมพ์แบบพระคะวัม ของ
    หลวงพ่อวัดมะขามเฒ่าไว้ติดตัวแล้วนั้น จะมีศิริมงคลเจริญด้วยลาภผลมั่งมีทรัพย์สิน เงินทอง
    ป้องกันภัยพิบัติทุกประการ

    การปลุกเสกทำผงนะต่างๆ ในวิชาไสยศาสตร์นั้นมีหลักสูตรการลงอักขระเลขยันต์
    ตามขั้นเป็นลำดับ จนแตกฉานตั้งปณิธานให้มั่นคงสำรวมจิตใจให้ปรกติเป็นสมาธิ
    มิให้อารมณ์หวั่นไหวได้ง่าย ขจัดเสียความฟุ้งซ่านให้สิ้นไป พยายามสร้างความมั่นคง
    หนักแน่นให้เกิดในดวงจิตแล้วโอมอ่านพระคาถาอันศักดิ์สิทธิ์เป่าลงในแผ่นกระดานดำ
    ที่เขียนลงด้วยดินสอพองจนหมดคราบ แล้วลบผงบรรจุพลังมนต์อันศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งหนึ่ง
    แล้วเทผงวิเศษลงในโถเบญจรงค์เก็บไว้ใช้แล้วแต่จะปรารถณาสิ่งใดได้ทุกประการ
    วิชาต่างๆ ดังที่กล่าวมานี้หลวงพ่อศุขท่านเคยทดลองได้ ผลปรากฏมามากต่อมากแล้ว
    การกระทำของท่านมิได้ทำให้ใครเดือดร้อนผิดศีลธรรม ผงวิเศษนี้ถ้าใครได้กินเข้าไป
    แล้วเป็นต้องลืมพ่อ ลืมแม่หลงรักร้องไห้มาหาหมดสิ้น แต่ท่านก็มิได้ให้ใครไปใช้เลย
    นอกจากผสมทำพระพิมพ์แจกจ่ายบรรดาสานุสิทธิ์ให้เป็นศิริมงคลแก่ผู้ที่เคารพบูชา
    เท่านั้น ท่านก็ได้สาบแช่งไว้แล้วว่า ใครเอาผงในพระพิมพ์ให้เขากินแล้วจะต้องมีอันเป็นไป
    หาความเจริญมิได้เลยตลอดชาติตายไปแล้วให้ตกนรกอเวจี

    ในวิชามายาศาสตร์อันศักดิ์สิทธิ์ในสมัยนี้โบราณเมื่อครั้งกรุงศรีอยุทธยามีความเลื่อ
    มใส
    ศรัทธากันมาก ข้าพเจ้าขอนำเอาเรื่องขุนช้างขุนแผน ซึ่งมีปรากฏอยู่ในวรรณคดีไทย
    ยกยอกในวิชาไสยศาสตร์ไว้ว่า

    เมื่อครั้งหนึ่งขุนแผนต้องโทษติดคุกอยู่ ในเวลานั้นพลายงามเติบโตขึ้นบ้างแล้ว ได้ไปเยี่ยม
    ขุนแผนกับนางทองประศรีผู้เป็นย่า ขุนแผนจึงได้ฝากฝังพรายงามลูกชายกับมารดาของตน
    ขอให้นางทองประศรีช่วยแนะนำสั่งสอนวิชาความรู้ตามตำหรับตำราของตนอันสืบเนื่องมา
    จากบิดาและครุบาอาจารย์ที่ได้สะสมไว้ในตู้ที่บ้านเพื่อพรายงามจะได้รับราชการเป็นทหาร
    สืบไปนางทองประศรีได้รับคำจากขุนแผนแล้วก็เริ่มสั่งสอนให้พรายงามหลานชายเรียน
    วิชาจนมีความรู้แตกฉานดังมีความในเรื่องเสภาว่า

    "อันเรื่องราวกล่าวความพรายงามน้อย
    ค่อยเรียบร้อยรู้ครูทองประศรี
    ทั้งขอมไทยได้สิ้นก็ยินดี
    เรียนคัมภีร์พุทธเพทพระเวทมนต์
    ปถมังตั้งตัวนะปัดตลอด
    แล้วถอดถอนลูกต้องเป็นล่องหน
     

แชร์หน้านี้

Loading...