หลวงปู่พิศดู วัดเทพธารทอง และพระคณาจารย์สายต่างๆ (ข้อมูลวัตถุมงคล หน้า 1-8)....

รูปหล่อพระมหาอุปคุตปางปราบมารเนื้อนวโลหะ และพระมหาอุปคุตหลังพระแม่ธรณีปราบมารเนื้อมหาว่าน สำหรับแจกทหาร-ตำรวจ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าพิธีสุดท้ายในช่วงเช้าวันนี้เรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวผมจะมาลงรูปและรายละเอียดให้ดูตอนดึกๆนะครับ

 

(deejai)

 

ภาพพิธีบวงสรวง อัญเชิญบารมีพระมหาอุปคุต ณ อ่าวคุ้งกระเบน

​

 

รายละเอียดในการประกอบพิธีบวงสรวงอัญเชิญบารมีองค์พระมหาอุปคุต

วันนี้เป็นวันเพ็ญพุธ ท่านพระอาจารย์จึงจัดพิธีบวงสรวงอัญเชิญบารมีของพระมหาอุปคุต แบบเรียบง่ายครับ แต่ว่าได้กระทำตามพิธีการแบบบูรพาจารย์ตั้งแต่ครั้งโบราณมา เพื่อความเป็นศิริมงคลต่อของทั้งหมดที่นำมาเข้าพิธี และแก่ผู้ร่วมพิธีทุกคน พิธีกรรมนี้จัดเพื่อเป็นการสมโภชน์วัตถุมงคลที่ได้จัดสร้าง และถือได้ว่าเป็นพิธีที่สำคัญยิ่งทีเดียว อันมีขั้นตอนโดยสังเขปดังนี้..
เดิมทีตั้งใจว่าไปไปบวงสรวงกันที่เกาะกูด เพราะว่าเป็นสถานที่ที่องค์หลวงปู่พิศดูเคยบอกว่า ท่านได้เคยพบองค์พระมหาอุปคุตอยู่ที่นั่น แต่ด้วยความไม่สะดวกหลายๆประการ เนื่องจากสถานที่จัดพิธีที่เกาะกูดนั้นอยู่ห่างไกลมาก และการขนนำสัมภาระและวัตถุมงคลต่างๆไปนั้นทำได้ยากลำบาก และต้องมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง จึงได้ปรึกษากับพระอริยะครูบาอาจารย์รูปหนึ่ง ท่านได้ให้คำแนะนำว่าไม่จำเป็นต้องไปบวงสรวงถึงที่เกาะกูดก็ได้ ถ้าเราจะบวงสรวงจริงๆขอเพียงมีความตั้งใจ และเลือกสถานที่ๆอยู่ใกล้กับทะเลก็เพียงพอแล้ว ข่ายญาณขององค์พระมหาอุปคุตท่านก็สามารถรับทราบได้เช่นกัน



ทางคณะของเราได้บังเอิญพบสถานที่ๆเหมาะสมมากอยู่สถานที่หนึ่ง ตั้งอยู่ที่บริเวณพื้นที่อ่าวคุ้งกระเบน ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่าวคุ้งกระเบน กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช สถานที่แห่งนี้มีลักษณะเป็นลานดินพื้นที่ราบเรียบ อยู่บนเชิงผาติดชายฝั่งทะเลทางด้านทิศตะวันออก ซึ่งเป็นทิศที่หันหน้าออกไปทางเกาะกูดพอดีด้วย จึงได้เข้าไปติดต่อขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ เพื่อขอใช้พื้นนี้แห่งนี้ประกอบพิธีบวงสรวง ซึ่งก็ได้รับความอนุเคาระห์ด้วยดี ทางคณะของเราจึงได้ร่วมกันคิดวางแผน วางรูปแบบ และช่วยกันจัดหาสิ่งของต่างๆที่จำเป็นต้องใช้ในการจัดประกอบพิธี อันมี ดอกไม้ ธูป เทียน บายศรี 2 คู่ ยอดบายศรีคู่หนึ่งปักด้วยดอกบัวสำหรับบูชาพระรัตนตรัย ยอดบายศรีอีกคู่หนึ่งปักด้วยดอกดาวเรืองสำหรับบูชาเทพเทวดาทั้งหลาย ผลไม้ และเครื่องบูชาอื่นๆตามสมควร โต๊ะบวงสรวงบูลาดด้วยผ้าขาว และอัญเชิญรูปหล่อองค์พระมหาอุปคุต รูปหล่อพระเจ้าอโศกมหาราช รูปหล่อหลวงปู่พิศดู ขึ้นประดิษฐานตามลำดับชั้น
ส่วนอีกโต๊ะอีกด้านหนึ่งจัดวางวัตถุมงคลต่างๆ และวัตถุมงคลของผู้ร่วมพิธี จากนั้นคลุมด้วยผ้าขาวพันล้อมด้วยด้ายสายสิญจน์ โยงจากองค์พระมหาอุปคุต ที่ประดิษฐานอยู่ที่โต๊ะบวงสรวงมายังโต๊ะวัตถุมงคล..

ส่วนเวลาในการประกอบพิธีนั้น ได้เลือกเอาช่วงเช้าอรุณรุ่ง โดยตั้งโต๊ะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก เพื่อรับแสงเงินแสงทองของวันใหม่ และเป็นทิศที่ลมทะเลพัดพาเอาความชุ่มชื่น เย็นสบายเข้ามา เปรียบประดุจเปิดประตูรับทรัพย์และสิ่งที่เป็นมงคล และเพื่อต้อนรับมหาบารมีธรรมขององค์พระมหาอุปคุต ครูบาอาจารย์ และเทพเทวดาทั้งหลาย ตามคำกล่าวอัญเชิญบวงสรวง..



เมื่อจัดตั้งปรัมพิธีเรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนสำคัญอีกขั้นตอนหนึ่งนั่นก็คือ พิธีอัญเชิญบารมีองค์พระมหาอุปคุต ขึ้นมาจากสะดือทะเล พิธีกรรมนี้เป็นพิธีกรรมของชาวล้านนา กล่าวคือ ผู้ทำการอัญเชิญพระมหาอุปคุตนั้น จะต้องตั้งขบวนเดินทางไปอธิษฐานอยู่ริมฝั่งทะเล หรือแม่น้ำ โปรยดอกไม้ ของหอม ลงบนผิวน้ำนั้น จากนั้นให้ผู้เป็นตัวแทนดำน้ำลงไปงมก้อนหินขึ้นมา 1 ก้อน ให้สมมุติว่าก้อนหินนี้คือองค์พระมหาอุปคุต เมื่ออัญเชิญพระมหาอุปคุตขึ้นมาแล้ว ให้เอาพานทองที่ปูรองด้วยผ้าเนื้อดี (ซึ่งท่านพระอาจารย์ได้กำหนดให้นำผ้ายันต์พระมหาอุปคุตสีเขียวเป็นผ้ารองแทน) จากนั้นนำพระมหาอุปคุตที่งมขึ้นมาได้วางบนผ้านั้น แล้วตั้งขบวนอัญเชิญพระมหาอุปคุต(ก้อนหิน)นั้นกลับมา นำขึ้นวางยังโต๊ะบวงสรวง โดยนำผ้ายันต์พระมหาอุปคุตนั้นพับห่อก้อนหินดังกล่าวนั้นเอาไว้ โดยมีผ้าแพร 7 สีมาวางรองไว้อีกทำทับหนึ่ง จากนั้นนำรูปหล่อองค์พระมหาอุปคุตวางครอบก้อนหินและผ้าทั้งหมดเอาไว้เป็นอันสมบูรณ์แบบ..



เมื่อเตรียมการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงพิธีกรรมขั้นต่อไป ผู้ที่ทำการบวงสรวงสวดบูชาพระรัตนตรัย และบทชุมนุมเทวดา และอ่านโองการมหาเถรอุปคุต และสวดบทบูชาพระมหาอุปคุต บทบูชาองค์หลวงปู่พิศดู เพื่ออัญเชิญบารมีแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย คุณบิดา มารดา ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย อันมีองค์พระมหาอุปคุต พระเจ้าอโศกมหาราช และองค์หลวงปู่พิศดูเป็นที่สุด ตลอดถึงเทพพยาดาทั้งหลาย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ให้ท่านได้รับรู้และขอจงมาร่วมพิธีนี้ เพื่อสถิตพลังแห่งมหาบารมีธรรมสู่วัตถุมงคล และผู้เข้าพิธี เพื่อความเป็นสิริมงคลทั้งปวง ฯลฯ
ต่อจากนั้นผู้บวงสรวง ได้สวดบทอาราธนาพระปริตร จากนั้นจึงเป็นพิธีของสงฆ์ต่อไป..



ทางพระภิกษุสงฆ์ นำโดยท่านพระอาจารย์หนึ่ง ได้สวดเจริญพระพุทธมนต์ในบท 7 ตำนาน 12 ตำนาน พระคาถาชินบัญชร และบทสวดสำคัญต่างๆ ขณะเริ่มพิธีสวดเมื่อดูเวลาได้ 9 นาฬิกา พอดี นับว่าเป็นนิมิตรหมายอันดี ถึงความเจริญก้าวหน้า โดยการโยงสายสิญจน์จากรูปหล่อองค์พระมหาอุปคุต พระเจ้าอโศกมหาราช หลวงปู่พิศดู จากโต๊ะบวงสรวงมายังกองวัตถุมงคล ขันน้ำพระพุทธมนต์พระมหาเถรอุปคุต โดยท่านพระอาจารย์หนึ่งได้นำพระกริ่ง และพระชัยวัฒน์ธัมมะจารี แช่ในขันน้ำมนต์นั้นเพื่อความศักดิ์สิทธิ์เป็นมหามงคลอย่างสำคัญยิ่งด้วย..



เมื่อพระภิกษุสงฆ์สวดเจริญพระพุทธมนต์จบลง ท่านพระอาจารย์ได้ประพรมน้ำพระพุทธมนต์สู่วัตถุมงคลทั้งหลาย และผู้ร่วมพิธีทุกคนด้วย พิธีต่อไปผู้ที่ร่วมพิธีจึงได้ทำการตักบาตรพระภิกษุสงฆ์ทั้ง 3 รูป เพื่อน้อมถวายบุญกุศลนี้เพื่อเป็นการบูชาแด่องค์พระมหาอุปคุต.. ผู้ร่วมพิธีรับพรจากพระภิกษุสงฆ์ และทำการกรวดน้ำ แผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศลให้แด่ผู้มีพระคุณ และสรรพสัตว์ทั้งหลาย เป็นอันเสร็จพิธี...



จากนั้นจึงอัญเชิญพระมหาอุปคุตกลับ โดยตั้งขบวนอัญเชิญพระมหาอุปคุต(ก้อนหิน) ใส่พานแล้วจึงนำไปไว้ที่ท้องทะเลตามเดิม เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีกรรมโดยสมบูรณ์แบบ...
จากนั้นจึงนิมนต์ท่านพระอาจารย์ทั้ง 3 รูป ไปฉันภัตตาหารต่อไป...



ซึ่งตลอดพิธี ท้องฟ้าที่อยู่เหนือขึ้นไปจากปรับพิธีนั้น เปิดโล่งตลอดเวลา ไม่มีเมฆหมอกใดบดบังเลยครับ นับว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดี ในทางแหวกอุปสรรค เปิดบารมีแก่ผู้บูชา.. แต่ว่าบริเวณอื่นโดยรอบนั้นกลับปรากฏมีเมฆหมอกตามปกติ นับว่าเป็นความอัศจรรย์อย่างยิ่งเลยครับ

 

รูปหล่อพระมหาอุปคุตปราบมาร ที่เข้าพิธีสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว



แต่ขอบอกก่อนว่า เนื้อพระอาจไม่ได้กลับดำแบบนี้ทุกองค์นะครับ เนื่องจากชนวนศักดิ์สิทธิ์ที่นำมาใส่นั้นเยอะมากๆ และผ่านการหล่อหลอมมาเพียงรอบเดียว สีของเนื้อโลหะอาจจะไม่กลมกลืนกันดีนัก ครงส่วนไหนแก่เงินผิวอาจจะกลับดำเร็วกว่า.. พระองค์นี้ผ่านการสัมผัสกับไอเหงื่อ และอากาศมาพอสมควรผิวจึงกลับดำอย่างที่เห็นครับ

มีผู้สอบถามมาครับ ว่าวัตถุมงคลที่เข้าพิธีเมื่อวานนั้น ประกอบด้วยอะไรบ้าง.. ขอตอบดังนี้ครับ

1. รูปหล่อพระมหาอุปคุตปางปราบมาร เนื้อนวะโลหะ
2. พระมหาอุปคุต หลังพระแม่ธรณีปราบมาร เนื้อมหาว่าน สำหรับแจกทหาร-ตำรวจ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

3. วัตถุมงคล ชุดโลกุตรธรรม ได้แก่..
- พระกริ่งโลกุตรธรรม เพชรกลับ
- รูปหล่อองค์หลวงปู่พิศดูเนื้อนวโลหะ และเนื้อทองชนวน
- แหวนนาคบาศก์ นวหรคุณ
- หัวไม้ครู
- ...ฯลฯ

 

มีผู้สอบถามมาอีกครับว่า อักขระภาษาขอมที่จารึกไว้ที่ฐานด้านหลังพระชุดนี้ มีความหมายว่าอย่างไร..?

ขอตอบดังนี้ครับ.. อักขระที่ฐานด้านหลังที่เป็นภาษาขอมนั้นอ่านว่า " พระนาคอุปคุต " ซึ่งเป็นพระนามเต็มของพระมหาอุปคุต แปลว่า " พระอุปคุตผู้ประเสริฐ " นั่นเองครับ..

 

สาธุ กราบองค์หลวงปู่ครูบาอาจารย์ในวันครูครับ ขอบารมีหลวงปู่พระมหาอุปคุต หลวงปู่ลี หลวงปู่พิศดู พระอาจารย์หนึ่ง และครูบากฤษดา ช่วยปกป้องคุ้มครองพี่ๆ น้องๆ ทุกท่านนะครับ

 

งดงามที่สุดเลยครับหมอเอ็ก สุดยอดรูปหล่อพระอุปคุตแห่งการรอคอย เข้มขลังเสร็จสมบูรณ์ พร้อมเมตตาต่อลูกศิษย์ทุกท่านแล้วครับ (ขออนุญาตใช้รูปที่ถ่ายเป็นรูปตัวแทนนะครับ) อิอิ สวยเข้มขลังชอบครับ

 

สาธุ สาธุ สาธุ

 

ขออนุโมทนาทั้งหมด ทั้งมวล ด้วยครับ พี่เอ็กส์

 

รูปหล่อพระมหาอุปคุตปางปราบมารนี้ ได้เข้าพิธีมาทั้งหมด 33 พิธีด้วยกันครับ ซึ่งพิธีเหล่านี้ที่ได้เดินสายไปนั้น คณะผู้ดำเนินงานก็ได้คัดสรรเฉพาะครูบาอาจารย์ที่เป็นพระอริยสงฆ์ และครูบาอาจารย์สายพระอุปคุตเท่านั้น ส่วนพระเกจิอาจารย์สายวิชาอาคมทั่วไปจะไม่ได้เดินสายไปขอความเมตตาเลย เนื่องจากรูปองค์พระมหาอุปคุต ท่านเป็นพระอรหันต์ใหญ่ ที่พระพุทธองค์ทรงยกให้เป็นอนุพุทธะ ที่จะทำหน้าที่ปกป้องภัยในพระพุทธศาสนา และเป็นผู้ทำพุทธกิจแทนพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ด้วยพระมหาญาณ และบารมีธรรมอันยิ่งใหญ่ขององค์ท่านนี้เอง จึงจำเป็นต้องเลือกสรรเฉพาะพระอริยะ และครูบาอาจารย์สายพระอุปคุตเป็นผู้ทำการอธิษฐานจิตอัญเชิญบารมีเท่านั้น และซึ่งกว่าคณะผู้ดำเนินงานจะหาข้อมูลของครูบาอาจารย์เหล่านั้น และเดินทางดั้นด้นเสาะหา และนำพระชุดนี้ไปเข้าพิธีนั้นจึงจำเป็นต้องใช้เวลามากพอสมควร ตลอดระยะเวลาการเดินทางเกือบ 1 ปี ได้นำพระชุดนี้ไปเข้าพิธีถึง 33 พิธีด้วยกัน ทั้งภาคตะวันออก ไปจนถึงภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคเหนือ ซึ่งครูบาอาจารย์บางท่านที่เมตตาอธิษฐานจิตให้ก็ละสังขารไปบ้างแล้ว นับเป็นความเสียดายที่นับวันครูบาอาจารย์ดีๆจะมาจากพวกเราไป คงเหลือไว้แต่มรดกแห่งคุณงามความดี และผลงานอันล้ำค่าเหล่านี้ให้เราได้ระลึกถึงเท่านั้นครับ..

 

ท่านที่จองวัตถุมงคลชุดนี้ไว้ คงใกล้วันที่จะรับของได้แล้ว เร็วๆนี้ครับ อดใจรออีกสักนิด ให้เวลาคณะกรรมการได้จัดการแบ่งและกระจายของไปตามผู้รับจองต่อไปก่อนนะครับ ผมเองก็รออยู่อย่างใจจดใจจ่อเช่นกัน อยากเอามาเลี่ยมคล้องบูชาเร็วๆจังเลยครับ..

​

 

หลวงปู่มหาปลอด ติสสเทโว วัดโพธินิตร ตลาดพลู กรุงเทพฯ ได้ละสังขารอย่างสงบแล้ว เมื่อวันที่ 13 มกราคม ที่ผ่านมา..
ขอกราบไว้อาลัย และน้อมส่งหลวงปู่มหาปลอด ท่านสู่แดนพระนิพพาน...

กรรมใดที่ลูกเคยประมาท พลาดพลั้ง ล่วงเกิน ต่อองค์หลวงปู่ด้วยกาย วาจา ใจก็ดี ขอองค์หลวงปู่ได้โปรดงดซึ่งโทษล่วงเกินนั้นให้แก่ข้าพเจ้าด้วย ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานเทอญ... สาธุ สาธุ สาธุ

 

หลวงปู่มหาปลอด ติสสเทโว วัดโพธินิตร ตลาดพลู กรุงเทพฯ
ท่านเป็นลูกศิษย์องค์สุดท้าย ของท่านเจ้าคุณทักษิณคณิตสร วัดอินทาราม(วัดใต้) ที่เป็นเจ้าตำหรับพระเพชรหลีก พระเพชรกลับ
ปฏิปทาของท่านงดงาม และเปี่ยมไปด้วยความเมตตา ท่านเป็นพระอริยสงฆ์กลางกรุงอีกองค์หนึ่งที่ปลีกตัววิเวก ไม่คลุกคลีกับหมู่ ท่านอยู่แบบหลวงตาแก่ๆธรรมดา แต่ว่าภูมิธรรมของท่านสูงล้ำลึกสุดขั้ว ยิ่งพลังจิตตานุภาพไม่ต้องพูดถึงครับ เรียกได้ว่าไม่แพ่พระคณาจารย์ยุคเก่าเลยก็ว่าได้ เป็นพระที่ผมรัก และเคารพอย่างมากอีกรูปหนึ่งในปัจจุบัน
หลวงปู่มหาปลอด ท่านได้เคยเมตตาอธิษฐานวัตถุมงคลให้กับคณะเราหลายรุ่น อาทิ..
พระขรรแก้ววัชรจักร
หนุมานมหาฤทธิ์
พระมหาอุปคุตปางปราบมาร
พระกริ่งโลกุตรธรรมเพชรกลับ
น้ำมันอนันตคุณ 108

และยังเมตตาจารแผ่นพระยันต์ ซึ่งได้นำมาหล่อหลอมวัตถุมงคลรุ่นต่างๆที่ได้จัดสร้างดังกล่าวชื่อแล้วนี้อีกด้วย
ซึ่งแม้แต่ท่านครูบากฤษดา ก็ยังเคยนำเหรียญพระปัจเจกพุทธเจ้า ที่ออกวัดสันพระเจ้าแดง มาให้ท่านช่วยอธิษฐานจิตให้อีกด้วยครับ..

 

สวัสดีครับคุณทุเรียนทอด พระชุดนี้ใครที่ไดัจองไว้ถือว่าสุดยอดแล้วครับ ไม่ว่าการเสกแล้วข้ามปีเลยทีเดียวพระเกจิอาจารย์มากมายที่ได้เสก ยิ่งประสบการณ์แล้วเป็นที่ประจัก ยางล้อรถหน้าระเบิดแต่ทุกคนไม่เป็นอะไร ทั้งแคล้วคลาดโชคลาภอย่างที่ผมและใครหลายๆคนที่ได้โชคจากพระชุดนี้มาแล้วครับ อยากได้บูชาขึ้นคอวันนี้เลยครับ
ต้องขอขอบคุณ คุณทุเรียนทอดและคณะจัดสร้างทุกๆคนครับ

 

สาธุๆๆ

 

น้อมส่งหลวงปู่สู่แดนพระนิพพาน ครับ

 

น้อมส่งหลวงปู่มหาปลอด ท่านสู่แดนพระนิพพาน

กรรมใดที่ลูกเคยประมาท พลาดพลั้ง ล่วงเกิน ต่อองค์หลวงปู่ด้วยกาย วาจา ใจก็ดี ขอองค์หลวงปู่โปรดงดโทษล่วงเกินนั้นให้แก่ข้าพเจ้าด้วย ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานเทอญ... สาธุ สาธุ สาธุ

 

น้อมกราบ หลวงปู่มหาปลอด
หากข้าพเจ้าได้เคยประมาท พลาดพลั้ง ล่วงเกิน ต่อ หลวงปู่ ด้วยความตั้งใจ ก็ดี ไม่ได้ตั้งใจ ก็ดี โดยเจตนา ก็ดี ด้วยไม่เจตนา ก็ดี ขอหลวงปู่อดโทษให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด