หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

ภาพ 6 มิถุนายน 2561
.
บรรยากาศยามเช้าหมอกปกคลุมอุโบสถวัดสันติวนาราม เงียบสงบ แต่สว่างไสว..
สว่างตาด้วยแสงไฟ
สว่างใจด้วยแสงธรรม
น้อมกราบหลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
(ขอบคุณภาพสวยๆจากช่างภาพพี่ดำเดินดงครับ)วันพระแรม๘ค่ำเดือน๗สาธุครับ

 

โอวาทธรรม...หลวงปู่บุญส่ง
.
#อริยทรัพย์
.
" อริยทรัพย์มันดึงดูดโลกียทรัพย์ตลอดเวลา เหมือนกับว่ามันเป็นพลังแม่เหล็กที่เราจะดึงดูดโลกียทรัพย์เมื่อได้โลกียทรัพย์มาแล้วเราก็สร้างอริยทรัพย์ต่อไป เรามีมากก็ทำไป เหลือเอาไว้ก็เพียงให้ลูกให้หลานมัน ที่เราจะต้องเอาไปก็คือ อริยทรัพย์ เราได้มากเราก็ต้องทำแบ่งเอาไปทำบุญกุศลไป เป็นอริยทรัพย์
.
เดินทางไปข้างหน้า เราก็ต้องมีอริย-ทรัพย์ ไม่ใช่ไปเอาเงินไทยเอาเงินที่เราใช้อยู่นี่ เอาไปไม่ได้ มีสักกี่ร้อยล้านก็เอาไปไม่ได้ สมบัติ รถยนต์ โลก สวน ไร่ นา ไปไม่ได้สักอย่างเดียว พวกนี้มันของสมบัติของโลก เรามาได้ที่โลกนี้แล้วจะขนสมบัติจากโลกนี้ไปสู่เทวโลกเราขนไปไม่ได้ เราจึงต้องเปลี่ยนเป็นอริยทรัพย์ เปลี่ยนไปก็สมบัติในโลกนี้เราก็เปลี่ยนเอาสมบัติในโลกนี้เปลี่ยนไว้ในโลกนี้
.
แต่เราเอาบุญไปเป็นอริยทรัพย์ก็เป็นเอาบุญไปนี้ การเปลี่ยน เปลี่ยนอริยทรัพย์ เอาโลกียทรัพย์เปลี่ยนเป็นอริยทรัพย์นี่เราเดินทางไปข้างหน้าต้องมีอริยทรัพย์ ... "
.
.
#หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
.
.
ภาพ : Pannawat Muangmoon
.
.
สมาชิกทุกท่านสามารถเข้ามาหาข้อมูลของหลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร และอุโบสถวัดสันติวนารามได้ที่เวปของทางวัด http://luangpuboonsong.com/web/
.
.
หรือจะเข้ากลุ่มทางเฟส ชื่อ "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

 

#ถ้ำพ่อใหญ่ "ถ้ำแห่งแรก"
ที่ #หลวงปู่บุญส่ง บำเพ็ญภาวนาขณะมาอยู่วัดสันติวนาราม (เขาน้ำตก) จ.จันทบุรี
.
สมัยเข้าป่าธุดงค์ #หลวงปู่บุญส่ง
ท่านเล่าให้ฟังว่าตรงตึกใหม่สีเขียว ข้างริมเขา
สมัยก่อนบริเวณนี้จะมีพ่อแม่ครูอาจารย์
พระเถระเข้ามานั่งเทศน์ตรงนั้น
หลังพิงกำแพง หลังพิงต้นไม้ใหญ่
.
หลวงปรารภว่า
บริเวณนั้นทั้งแถบตั้งแต่ตรงนั้นเป็นต้นไป
ยอดเขา พ่อใหญ่ จนไปถึงข้างหลัง
ทั้งแถบตรงนั้น คือ สุสานเก่าของมนุษย์โบราณ
.

#ถ้ำแรกที่หลวงปู่อยู่
.
บริเวณ "วิหารพ่อใหญ่" ริมเขานั้น
#หินก้อนนี้ คือสถานที่ ๆ หลวงปู่บุญส่ง
นั่งพิงนั่งฉันตอนเช้า และด้านหลังวิหารพ่อใหญ่ในนั้น
ในอดีตคือสถานที่ ๆ หลวงปู่บุญส่งฅ
ท่านเคยเข้าไปบำเพ็ญภาวนา
.
.
เดิมทีขณะที่หลวงปู่ท่านยังอยู่บริเวณด้านนอก
สมัยก่อนยังมีโยมบริเวณนั้นมาใส่บาตร
โดยในภายหลังองค์ท่านประสงค์ที่จะเข้าไปปฏิบัติ
บำเพ็ญภาวนาในถ้ำ(หลังพ่อใหญ่)แห่งนี้
จึงบอกโยมที่มาใส่บาตรเป็นประจำว่า
.
" หลังจากนี้จะเข้าไปบำเพ็ญปฏิบัติภาวนา
ภายในถ้ำด้านใน หลังจากนี้ต่อไป
ถ้าไม่เจอหน้ากัน แสดงว่าเสร็จแล้ว
(อาจจะถูกสัตว์กินหรือทำร้าย)"
.
.
.
เขอบททดสอบ ตั้งแต่ #คืนวันแรก
ของการปฏิบัติภาวนาภายในถ้ำ
.
.
หลังจากหลวงปู่บุญส่งเลือกเข้าไปในถ้ำ
องค์ท่านก็ได้อยู่บำเพ็ญภาวนาทั้งคืน
.
ท่านว่าในถ้ำนั้นมืดแสงสว่างเข้าไม่ถึง
แต่นานไปสามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ภายในได้
ด้วยเพราะคุ้นชินกับสภาวะนั้น ๆ
.
.
.
ท่านปรารภว่าภายในถ้ำไม่ถึงกับมืดมาก
แต่เป็นโพรงสามารถเดินจงกรม
และเดินขึ้นสู่ด้านถ้ำด้านบนได้
.
.
วันแรกที่ไปอยู่
องค์ท่านก็บำเพ็ญภาวนาอยู่ภายในกลดทั้งคืน
นั่งภาวนาไปซักพัก
องค์ท่านรับรู้ได้ว่ามีสิ่งผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น
.
.
นั่นคือ รอบ ๆ กลด ๆ ที่ท่านภาวนาอยู่นั้น
มีเสียงแปลกประหลาดเกิดขึ้น
แต่ตอนนั้นองค์ท่านไม่ได้ลืมตา
ยังเลือกภาวนาต่อไป
.
.
จากนั้นไม่กี่อึดใจ
ก็ได้ยินเป็นเสียง "ซ้วบ ๆ" รอบ ๆ นั้น
.
.
#เจองูใหญ่
.
.
องค์ท่านคิดแล้วว่า
คงจะต้องเป็น "งูใหญ่" อย่างแน่นอน
แต่ไม่ทราบเหมือนกันว่าใหญ่ขนาดไหน
เพราะไม่ได้ลืมตามอง
แต่คะเนว่าน่าจะ "มหึมา" พอสมควร
.
.
ขณะนั้น องค์หลวงปู่บุญส่ง
ท่านคิดว่า "งูใหญ่" ตัวนี้
มาวน ๆ รอบ ๆ แล้ว
หลังจากนั้นมันก็คงจะรัดท่าน
เพื่อจะกลืนกินเป้นอาหารทีเดียวอย่างแน่นอน
.
.
เมื่อคิดได้ดังนั้น
องค์ท่านจึงภาวนาหนักเข้า
คิดที่จะ "กำจัดต้นตอ" ที่ได้ยิน "เสียง" นั้น
ซึ่งเป็นสิ่งที่เข้ามากระทบโสตประสาท
ในองค์ในองค์ท่านให้หลุดพ้นไป นั่นคือ "หู"
.
.
องค์ท่านกำหนดภาวนาหนักเข้า
เพื่อให้ไม่ได้ยิน "เสียง"
โดยขณะที่กำลังกำหนด "จิต" ลงไปอยู่ที่ท้อง
เพื่อให้เสียงซ้วบ ๆ ของงูใหญ่
ที่กำลังคืบคลานอยู่รอบ ๆ ท่านให้หายไป
.
.
เสียงของมันกลับดังขึ้นกว่าเก่า
และดูเหมือนว่าจะยิ่งขยับมาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ
.
.
เมื่อเห็นดังนั้น
องค์ท่านก็ยิ่งภาวนาหนักขึ้น
เอา "จิต" ลงสู่ "ท้อง" มุ่งภาวนาหนักเข้า ๆ
.
.
หลังจากนั้น ...
หลวงปู่บุญส่งก็กำหนดจิตภาวนาว่า
.
.
" ... เรามาบำเพ็ญภาวนา
มาปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น
ไม่ได้มาระรานใคร
หรือมาสร้างความเดือดร้อนให้ใคร
.
หากแต่ว่าท่านที่อยู่รอบนอกขณะนี้
ถ้าเราเคยมีเวรกรรมติดกันมา
และจะต้องชดใช้ ก็จะชดใช้ให้ตายตกกันไป
.
ให้หมดเวรหมดกรรมกันก็ดี
เราไม่ได้เสียใจอะไร
หากมีเวรกรรมกันมา
เรายอมชดใช้ ... "
.
.
และไม่รู้ว่า "เสียง" นั้นหายไปตอนไหน
เพราะขณะที่จิตกำลังลงสู่ท้อง
เพ่งที่ท้องอย่างเดียวนั้น
หลวงปู่ได้ปรารภว่า
"หู" ของท่านก็ไม่ได้ยิน
และไม่สนใจอะไรแล้ว
.
.
จากนั้นพอทุกอย่างสงบ
องค์ท่านนั่งพิจารณาอีกสักพัก
ก็ได้เข้าใจว่า
.
"เสียงงูใหญ่" ที่อยู่รอบ ๆ ก่อนหน้านี้
ได้หายไปแล้ว
..
.
หลวงปู่เลือกที่จะนั่ง
เพื่อพิจารณาภาวนาต่อไป
ก็ได้เข้าใจว่า
.
เสียงที่ได้ยินนั้น
หาใช่งูใหญ่ที่แท้จริง
หากแต่ว่ากลับเป็น "รุกขเทวดา"
ผู้เป็นเจ้าของสถานที่
เป็น "ภูมิเทวาอารักษ์"
ซึ่งทำหน้าที่ปกปักษ์รักษาบริเวณนั้น
.
ที่เข้ามาเพื่อทดสอบ อารมณ์
และจิตใจขององค์ท่านนั่นเอง
ว่าเป็นอย่างไร
มีความเข้มแข็งมากน้อยเพียงใด
.
.
โดยในคืนแรกคืนนั้น
#หลวงปู่บุญส่ง ได้ปรารภว่า
.
.
" ... การต่อสู้กับอารมณ์และจิตใจ
ของสิ่งเร้าที่เข้ามาทดสอบนั้น
ปรากฏว่าใช้เวลาทั้งคืน
และเสียพลังไปพอสมควร
เพราะเขาเข้ามาทดสอบหนักอยู่เหมือนกัน
ถึงขนาดไม่ได้นอนกันเลยทีเดียว ... "
.
.
แต่ท้ายสุดองค์ท่านก็สามารถผ่านพ้นไปได้
ขณะเดียวกันด้วยความที่องค์ท่าน
ใช้กำลังภาวนาอยู่นานพอสมควร
กับการถูกทดสอบเมื่อคืนนี้
.
.
เช้าวันรุ่งขึ้นจึงทำให้องค์ท่าน
ไม่ได้ออกไปรับบาตร
และออกไปฉันบริเวณด้านนอก
จึงทำให้ชาวบ้านแถบนั้นจึงคิดว่า
.
.
" หลวงปู่บุญส่ง ...
ที่พวกเขามาใส่บาตรท่านทุกวัน
ที่บริเวณหน้าถ้ำ ตอนนี้ท่านคงเสร็จ
อยู่ภายในถ้ำนั้นเสียแล้ว "
.
.
.
ห้วงเวลาของการทดสอบผ่านไป
ในภายหลังองค์ท่านได้ปรารภ
ให้กับศิษย์เหล่านี้ได้ฟัง
ถึงที่มาที่ไปจนเข้าใจในกันและกัน
ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
.
.
.
#ผ่านบททดสอบ
.
.
นับแต่คืนวันนั้นที่ถูกทดสอบอารมณ์
และจิตใจขนาดหนักในคืนแรก
ภายในถ้ำ (หลังวิหารพ่อใหญ่)
โดยที่องค์ท่านก็สามารถผ่านพ้นไปได้
.
.
นับแต่นั้นมาหลวงปู่ก็อยู่บำเพ็ญภาวนา
อยู่ภายในถ้ำแห่งนี้เรื่อยมา
สลับกับถ้ำอื่น ๆ อีกหลายสิบถ้ำในบริเวณนั้น
จนในภายหลังเพิ่งจะออกมาโปรดศิษย์ด้านนอก
.
.
หลวงปู่ปรารภให้ฟังเพิ่มเติมว่า
.
.
" ... ถ้ำบริเวณนี้ทั้งหมด เป็นถ้ำศักดิ์สิทธิ์
เป็นถ้ำที่ไม่เคยมีมลทิน
ไม่เคยได้รับการรุกล้ำมาก่อน
จะมีก็แต่ยุคโบราณ ที่มนุษย์หิน
มาขีดเขียนแค่นั้น ที่มีภาพวาดริมฝาผนัง
.
ส่วนมนุษย์ยุคใหม่ ..
ยังไม่เคยมีใครเข้าไปใกล้มัน
ยกเว้นเรานั่นแหละที่ได้เข้าไปเจอมัน
.
แต่ก็พบกับบททดสอบที่หนักหน่วงเอาการ
อยู่สมควรกว่าที่จะอยู่ตรงนั้นได้
.
บริเวณนั้น(วัดสันติวนาราม)
คือสถานที่ ๆ มีขุมทรัพย์มหาศาล
อยู่เบื้องล่างภายในบริเวณบริเวณนั้น
แต่ยังไงก็ไม่มีใครที่สามารถเอาไปได้ ... "
.
.
.
" ... กิเลสมันกลัวคนจริง
คนไม่จริงมันไม่กลัวหรอก
ถ้าเราไปเล่นกับมัน
มันก็จะล้อเล่นกับเรานั่นแหละ
.
เหมือนกับที่เราล้อเล่นกับเด็กอย่างไร
เด็กมันก็จะเล่นกับเราน่ะแหละ ...
กิเลสก็ไม่ต่างกัน
.
.
ทำให้จริงสิ ... ทำให้ได้
กิเลสมันก็กลัวเองแหละ
แต่ถ้าทำไม่จริง
เธอเสร็จกิเลสแน่นอน ... "
.
.
....................................
.
.
**ปล.1
"ถ้ำแห่งนี้" (หลังวิหารพ่อใหญ่)
เดิมที #หลวงปู่บุญส่ง
ท่านจะไม่อนุญาติให้ลงไป
ด้วยเกรงว่าศิษยานุศิษย์จะเกิดอันตราย
.
อีกทั้งท่านได้เคยปรารภว่า บริเวณแห่งนั้น
มีสิ่งที่ "มองไม่เห็น"อยู่มากมาย
ถือเป็น "ดินแดนสนธยา"
ที่ก้าวผ่าน "ต่างมิติ" กันได้
และยากเกินกว่าจะสัมผัสด้วย "ตาเนื้อ"
สำหรับบุคคลธรรมดา
.
หากว่ามีกำลังใจไม่เข้มแข็งพอ
จะเกิดอันตรายขึ้นได้ ถ้าลงไป
องค์ท่านจึงได้สั่งห้าม
ไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไป
.
หากแต่ในปัจจุบัน
ภายในถ้ำแห่งนี้ (หลังวิหารพ่อใหญ่)
มี "พระครูบา" รูปหนึ่ง
ซึ่งเป็นศิษย์ในองค์หลวงปู่บุญส่ง
.
ที่ได้รับอนุญาติ
เพื่อลงไปบำเพ็ญปฏิบัติภาวนาด้วยความเข้มข้น
อยู่ภายในถ้ำแห่งนี้
.
.
โดยองค์ท่านได้อนุญาติ
ให้ลงไปเยี่ยมชมพื้นที่บริเวณภายในถ้ำแห่งนี้ได้
แต่ต้องปฏิบัติตน
ให้อยู่ในอาการสงบ สำรวม ระมัดระวัง
ด้วยว่าสถานที่แห่งนี้
ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง
.
.
.
#น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ด้วยเศียรเกล้า
.
.
.
**ปล.2
ภาพถ่ายเหล่านี้
ก่อนถ่ายจะขออนุญาติ
จากผู้เป็น "เจ้าของสถานที่" ทุกครั้ง
.
.
บันทึก : จ๊อด

 

โอวาทธรรม...หลวงปู่บุญส่ง
.
" ... คนเรามันจะต้องมีความพยายามทำตัวให้มีค่า ให้มันมีค่าทุกอย่า งทำเป็นมงคลทุกอย่าง ถ้าเราเป็นความมงคลตั้งแต่การทำมาหากินอาหาร ได้มาด้วยสุตจริต กินเข้าไปในร่างกาย ร่างกายก็พลอยบริสุทธ์หมดจด เนื้อหนังมังสา ไอเลือดโพโลหิตก็เป็นเลือดของคนใจบุญ โรคภัยไข้เจ็บก็ไม่สามารถเบียดเบียนได้ เบียดยาก คนมีบุญเนื้อหนังมังสาเป็นบุญไปหมด เป็นมงคลไปหมด ตั้งแต่เริ่มแสวงหาทรัพย์สินมาใส่
หาอาหารมาใส่ร่างกาย จิตใจก็มีความบริสุทธิ์ผ่องใส เลือดลมได้เข้ามาใหม่ก็เป็นเลือดที่บริสุทธิ์หมดจดร่างกายก็กลายเป็นมงคลทุกอริยาบท ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหนังมังสา ไม่ว่าจะผม ขน เล็บ ฟันที่ไม่เป็นประโยชน์ แต่ก็ยังเป็นที่เคารพบูชาของบุคคลที่เขาเคารพ สิ่งเป็นมงคล เนียผู้ใดทำตัวเป็นมงคลอย่างนี้ ทุกอย่างในตัวก็เป็นมงคลหมด ... "
.
.
#หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
.
.
สมาชิกทุกท่านสามารถเข้ามาหาข้อมูลของหลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร และอุโบสถวัดสันติวนารามได้ที่เวปของทางวัด http://luangpuboonsong.com/web/
.
.
หรือจะเข้ากลุ่มทางเฟส ชื่อ "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

 

#ทันตธาตุหลวงปู่บุญส่ง
.
หลวงปู่บุญส่ง ท่านเคยปรารภไว้ว่า
.
" ... คนเรามันจะต้องมีความพยายามทำตัวให้มีค่า ให้มันมีค่าทุกอย่า งทำเป็นมงคลทุกอย่าง ถ้าเราเป็นความมงคลตั้งแต่การทำมาหากินอาหาร ได้มาด้วยสุตจริต กินเข้าไปในร่างกาย ร่างกายก็พลอยบริสุทธิ์หมดจด เนื้อหนังมังสา ไอเลือดโพโลหิตก็เป็นเลือดของคนใจบุญ โรคภัยไข้เจ็บก็ไม่สามารถเบียดเบียนได้ เบียดยาก
.
คนมีบุญเนื้อหนังมังสาเป็นบุญไปหมด เป็นมงคลไปหมด ตั้งแต่เริ่มแสวงหาทรัพย์สินมาใส่ หาอาหารมาใส่ร่างกาย จิตใจก็มีความบริสุทธิ์ผ่องใส เลือดลมได้เข้ามาใหม่ก็เป็นเลือดที่บริสุทธิ์หมดจดร่างกายก็กลายเป็นมงคลทุกอริยาบท
.
ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหนังมังสา ไม่ว่าจะผม ขน เล็บ ฟันที่ไม่เป็นประโยชน์ แต่ก็ยังเป็นที่เคารพบูชาของบุคคลที่เขาเคารพ สิ่งเป็นมงคล เนียผู้ใดทำตัวเป็นมงคลอย่างนี้ ทุกอย่างในตัวก็เป็นมงคลหมด ... "
.
.
กล่าวคือ.." คนมีบุญเนื้อหนังมังสาเป็นบุญไปหมด เป็นมงคลไปหมด " ฉะนั้นแล้วการปฏิบัติตนให้เป็นมงคล จึงควรประพฤติปฏิบัติตนเป็นอย่างยิ่ง
.
.
ในภาพคือ "ทันตธาตุ" ของหลวงปู่บุญส่ง หลังจากเข้ารับการรักษาจากแพทย์ทันตกรรม ซึ่งองค์ท่านได้เมตตามอบให้กับศิษย์คนหนึ่ง สำหรับเป็นกำลังใจในการปฏิบัติ
.
.
#น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ด้วยเศียรเกล้า

 

โอวาทธรรม...หลวงปู่บุญส่ง
.
" หนทางเตียนเวียนสู่นรก
หนทางรกวกขึ้นสู่สวรรค์...
ทางขึ้นสวรรค์ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
แต่ทางลงนรกนั้นมันง่ายเหลือเกิน
เลือกกันให้ดีว่าจะไปทางไหน "
.
#หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
.
.
สมาชิกทุกท่านสามารถเข้ามาหาข้อมูลของหลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร และอุโบสถวัดสันติวนารามได้ที่เวปของทางวัด http://luangpuboonsong.com/web/
.
.
หรือจะเข้ากลุ่มทางเฟส ชื่อ "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

 

โอวาทธรรม...หลวงปู่บุญส่ง
.
" ... วิทยฐานะย่อมเปลี่ยนแปลงไปเมื่อดำเนินชีวิตถูกต้องตามทำนองคลองธรรมแล้ว "สีเลนะ สุคะติง ยันติ" ก็ย่อมยังให้อยู่เย็นเป็นสุข อยู่ร่วมกันในโลก อยู่อย่างความรวมตัว เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ถ้าสังคมเราไม่มีความเมตตาสามัคคีซึ่งกันและกันการอยู่ร่วมกันก็จะเกิดเรื่องราวร้าวฉาน อิจฉาคนนู้น ริษยาคนนี้ไปตามเรื่อง อันนั้นไม่ใช่ทางที่ดีเพราะว่าจิตที่เราอิจฉาเขา จิตเรามันตกต่ำ ... "
.
.
#หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
.
.
สมาชิกทุกท่านสามารถเข้ามาหาข้อมูลของหลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร และอุโบสถวัดสันติวนารามได้ที่เวปของทางวัด http://luangpuboonsong.com/web/
.
.
หรือจะเข้ากลุ่มทางเฟส ชื่อ "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

 

โอวาทธรรม...หลวงปู่บุญส่ง
.
" ถึงแม้ว่าเราไม่รวยแต่เรามีความสงบใจแต่ไม่เดือดร้อนวุ่นวายเพราะปัจจัยสี่ที่เราต้องอาศัย เครื่องนุ่งห่ม อาหาร ที่อยู่ที่อาศัยหรือยารักษาโรคนี้เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับชีวิตที่เราเกิดมาและจะอุดมสมบูรณ์ได้ก็ต้องอาศัยเหตุของการกระทำ พระพุทธเจ้าท่านว่ามันมีเหตุมีเป็นที่มา เช่น เรารู้สึกเราหนีความยากจนเข็นใจไม่ค่อยจะพ้น เราก็ต้องรู้จักให้ทาน แก่สมณะชีพราหมณ์ ผู้ยากไร้ต่างๆ อานิสงส์ของทานก็จะทำให้เราไม่ยากจนเข็นใจไร้ทรัพย์ เราอยากให้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดปราดเปรื่อง อันนี้มันไม่มีสถานที่ให้ศึกษานอกจากพระพุทธศาสนาเท่านั้น
.
เอาจิตใจของเราที่รับรู้อารมต่างๆ มาฝึกหัดปฏิบัติธรรม ให้มีสติ สมาธิ ปัญญา มีเบรคไว้สำหรับใช้ในการคิด มีเบรคสำหรับใช้ในการพูด มีเบรคสำหรับใช้ในการทำ เบรคของคนนั้นก็คือ สติ ถ้ามีสติเราก็สามารถเบรคได้ อันนี้พูดออกไปแล้วจะไม่เป็นที่ชื่นชมของมนุษย์เทวดาทั้งหลายเราก็หยุดซะ นั่นตัวเบรค สติเราจะระลึกได้ จะพูดอะไร ทำอะไร ถ้าจะทำทางกายสิ่งที่เราจะทำลงไปนี้มันเป็นที่ตำหนิติเตียนของบัณฑิตและผู้รู้ทั้งหลายหรือไม่หรือเทวดาจะตำหนิรึเปล่าการทำอะไรที่ไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมเหล่านี้จะเป็นที่ตำหนิติเตียนของบัณฑิตและเทพ เทวดาทั้งหลาย อันนั้นเราก็สร้างความอาภัพให้กับตัวเรา ทำอะไรก็ตามถ้าเราทำแล้วเป็นที่ชื่นชมของมนุษย์บัณฑิตและสัตบุรุษทั้งหลายเทพ เทวดาอนุโมทนาสาธุการ .. "
.
.
#หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
.
.
.
ภาพ : Pannawat Muangmoon
.
.
สมาชิกทุกท่านสามารถเข้ามาหาข้อมูลของหลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร และอุโบสถวัดสันติวนารามได้ที่เวปของทางวัด http://luangpuboonsong.com/web/
.
.
หรือจะเข้ากลุ่มทางเฟส ชื่อ "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

 

#หลวงปู่บุญส่ง #โปรดศิษย์ต่างประเทศครั้งแรก
.
#หลวงปู่บุญส่ง เมตตาเดินทางไปโปรดศิษย์
ณ "นครโฮจิมินจ์" "ประเทศเวียดนาม"
ซึ่งการเดินทางไปโปรดศิษย์ที่เวียดนามในครั้งนี้
เป็นการ "เดินทางไปต่างประเทศครั้งแรก
ของหลวงปู่บุญส่ง" และเดินทางด้วยเครื่องบิน
.
โดยมูลเหตุของการเมตตาเดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจ
ที่ต่างประเทศในครั้งนี้ของหลวงปู่บุญส่งนั้น
ย้อนกลับไปเมื่อคราวงานประชุมเพลิง
สรีระสังขารของพ่อแม่ครูอาจารย์รูปหนึ่งที่ภาคอีสาน
เมื่อช้วงต้นปีที่ผ่านมา
.
ซึ่งหลวงปู่บุญส่ง
ได้เดินทางไปร่วมงานครั้งนั้น
รวมไปถึง "คณะศิษย์ศรัทธากลุ่มหนึ่ง"
ที่มาจาก "ประเทศเวียดนาม"
ซึ่งเป็นชาวเวียดนามที่ศรัทธาในพระป่ากรรมฐาน
.
ได้เข้ามากราบทำบุญกับหลวงปู่บุญส่ง
พร้อมกับ "พระอาจารย์พระภิกษุไทย
สายพระป่ากรรมฐานรูปหนึ่ง"
ที่เดินทางไปจำพรรษาอยู่ ณ ประเทศเวียดนาม
ได้เมตตาช่วยสื่อสารให้
.
ซึ่งพระอาจารย์ท่านนี้
คือพระภิกษุผู้ปฏิบัติดี
ที่ชาวเวียดนามให้ความเคารพ
และท่านก็มักจะให้คำแนะนำกับ
"คณะศรัทธาชาวเวียดนาม"
ให้ได้ทราบว่าปัจจุบันในไทย
มีพ่อแม่ครูอาจารย์รูปไหน
ที่ปฏิบัติดีและควรค่าแก่การบูชา
.
.
โดยหลวงปู่บุญส่งนั้น
พระอาจารย์ท่านนี้ก็เป็นผู้แนะนำ
แก่คณะศรัทธาชาวเวียดนามว่า
ให้ร่วมบุญกับท่านหากมีโอกาส
.
ทำให้ที่ผ่านมาทั้งพระอาจารย์ท่านนี้
และคณะศรัทธาจากเวียดนามก็ได้ร่วมบุญ
สร้างมหาอุโบสถกับหลวงปู่บุญส่ง
และติดตามข่าวสารของหลวงปู่
ท่านอยู่เสมอทางอินเตอร์เน็ต
.
.
ซึ่งครั้งนี้เมื่อคณะศรัทธาเวียดนาม
ได้เดินทางจากเวียดนาม
มาร่วมงานประชุมสรีระสังขาร
ของพ่อแม่ครูอาจารย์ในงานนี้
และได้เจอกับหลวงปู่บุญส่งในงาน
.
ทั้งคณะจึงได้ขอโอกาส
กราบอาราธนานิมนต์พ่อแม่ครูอาจารย์
ให้เมตตาเดินทางไปโปรดศิษย์
ณ "นครโฮจิมินท์" "ประเทศเวียดนาม"
ในช่วงกลางปี คือวันที่ 2-5 กรกฎาคม 2561
.
.
โดยมีพระอาจารย์ชาวไทยคอยสื่อสารให้
ถึงการขอโอกาสนิมนต์หลวงปู่บุญส่งในครั้งนี้
(คณะศิษย์เวียดนามพูดไทยไม่ได้ :
พระอาจารย์ท่านพูดภาษาเวียดนามได้)
.
.
คณะศรัทธาได้ขอโอกาสนิมนต์หลวงปู่บุญส่ง
ให้เมตตาไปโปรดศิษย์ที่นั่น
ระหว่างสนทนาอยู่นั้นทางคณะศิษย์ที่ได้เจอกับหลวงปู่
ก็ได้เกิด "ความปิติจนน้ำตาไหล"
และทุกท่วงท่านกิริยาอาการ
ขณะสนทนาอยู่ ณ เบื้องหน้าหลวงปู่บุญส่ง
ล้วนเต็มไปด้วยความเคารพอ่อนน้อมเป็นอย่างยิ่ง
.
.
ซึ่งในตอนนั้นหลวงปู่บุญส่ง
ท่านก็ได้พิจารณาคณะศรัทธาเวียดนาม
อยู่สักพักใหญ่ (จ้องมอง)
.
.
ก่อนที่จะหันกลับมาบอกกับศิษย์ว่า
.
" เช็คคิวให้เรา ถ้าเราว่างจะไปให้เขา "
.
จากนั้นจึงได้คุยกับท่านพระอาจารย์
ที่เป็นอาจารย์ของคณะศิษย์เวียดนาม
ว่าเมื่อเช็คคิวแล้วจะขอโอกาสแจ้งให้ทราบ
.
.
..............
.
.
เหตุการณ์ผ่านไป หลังจากเสร็จสิ้น
งานประชุมเพลิงพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ภาคอีสาน
ทางศิษย์ได้เช็คคิวศาสนกิจให้กับหลวงปู่
ก็ได้แจ้งให้ท่านทราบว่า
.
" ช่วงที่คณะศิษย์ทางเวียดนามขอเมตตานิมนต์นั้น
ยังว่างอยู่ และสามารถเดินทางไปโปรดได้"
.
.
เมื่อหลวงปู่ได้ทราบเช่นนั้น
ท่านก็ปรารภทันทีว่า
.
.
" ให้ติดต่อเขากลับไป แล้วบอกว่าเรารับนิมนต์
เราจะไปโปรดพวกเขาที่เวียดนาม "
.
.
หลังสิ้นคำหลวงปู่
ศิษย์ก็รับทราบและได้ติดต่อกลับไป
ทางคณะศิษย์ศรัทธาเวียดนามว่า
"
"หลวงปู่บุญส่่งท่านเมตตารับนิมนต์"
.
.
.
แต่ด้วยความสงสัยศิษย์จึงได้ขอโอกาส
สอบถามหลวงปู่บุญส่งว่า
.
.
" เพราะเหตุใดหลวงปู่จึงเมตตาเดินทางไปโปรดศิษย์
ที่ประเทศเวียดนาม
เพราะอะไรหลวงปู่จึงเดินทางไปต่างประเทศ
ทั้งที่ก่อนหน้านี้หลวงปู่ไม่เคยเดินทางออกนอกประเทศเลย
.
อีกทั้งก็ไม่นิยมการนั่งเครื่องบิน
ซึ่งการเดินทางในครั้งนี้ก็จะต้องนั่งเครื่องบินด้วย
นับว่าถือเป็นความพิเศษพอสมควร"
.
.
เมื่อหลวงปู่ได้ฟังแล้ว
องค์ท่านก็ได้เมตตาปรารภกลับมาให้หายสงสัยว่า
.
.
" เหตุที่ไปโปรดเขา เพราะเขาตั้งใจจริง
ปฏิบัติจริง อ่อนน้อมจริง
ทั้งคณะที่มานิมนต์แม้จะเป็นคนเวียดนามและพูดไทยไม่ได้
แต่ทั้งหมดเป็นคนทำบุญและทำจริง และศัรทธาจริง
.
และเมื่อได้พิจารณาแล้ว สองในสามคนที่มานั้น
หวังไกล หวังสูง หวังถึง "นิพพาน" เลยทีเดียว
และพวกเขาทำจริง ๆ ไม่ได้ทำเล่น ๆ
.
ความตั้งใจของเขาสูงมาก
และการปฏิบัติตตนก็อ่อนน้อมเป็นที่สุด
สังเกตุได้จากการที่เขาเจอเรา อ่อนน้อมเป็นที่สุด
แสดงให้เห็นว่าเขาศรัทธาจริง ๆ
ศรัทธาในพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง "
.
.
" และอีกอย่างที่เราไปนั้น เราไปทำงาน
ไปเผยแผ่ศาสนา ไปปฏิบัติศาสนกิจของสงฆ์ที่พึงกระทำ
ซึ่งที่เขานิมนต์เรานั้น ก็เป็นกิจของสงฆ์
ไม่ได้นิมนต์ไปเที่ยวแต่นิมนต์เราไปทำงาน
.
อีกอย่างถึงจะบอกว่านิมนต์เราไปเที่ยว
ไปต่างประเทศ แต่ถ้าไม่มีจุดหมายปลายทาง
ไม่มีจุดประสงค์ที่ชัดเจน เราก็ไม่ไป
.
เพราะพระอย่างเราไม่นิยมเที่ยว
แต่ถ้าไปทำงาน เราจะไป
ซึ่งเขานิมนต์ เราไปทำงาน
นั่นแหละเราเลยรับ "
.
.
" รวมถึงที่เราไม่เคยไปไหนเลย
ไม่เคยไปต่างประเทศเลยในช่วงทั้งชีวิตที่บวชมานั้น
เพราะว่าไม่มีกิจจำเป็นอะไร
.
และหากเราจะไปจริง ๆ นั้น
เพียงแค่เราหลับตาก็สามารถไปได้ทุกที่แล้ว
ไม่ว่าที่แห่งนั้น จะเป็นที่ ๆ สูงที่สุดหรือว่าลึกที่สุดก็ตาม
เราไม่จำเป้นต้องนั่งเครื่องหรืออะไรไป
แต่ครั้งนี้เราไปทำงาน ไปเมตตาเขา ... "
.
.
สิ้นคำปรารภของหลวงปู่บุญส่งนั้น
ศิษย์ก็หายสงสัยในทันที ถึงการเมตตารับนิมนต์
เดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจ
ที่ต่างประเทศครั้งแรกขององค์ท่าน
.
.
.
อนึ่ง ก่อนหน้านี้หลวงปู่บุญส่ง
ท่านก็เคยปรารภให้ฟังว่าที่ผ่านมา
มีศิษย์หลายท่านได้เคยขอโอกาสนิมนต์ท่านไปต่างประเทศ
ทั้ง "อินเดีย" "ยุโรป" หรือ "อเมริกา"
พร้อมทั้งปวารณาออกค่าเดินทางให้ทั้งหมด
.
.
แต่ทุกครั้งหลวงปู่บุญส่งท่านก็ได้ตอบปฏิเสธไปทั้งหมด
เพราะท่านได้พิจารณาแล้วว่าสถานที่ ๆ นิมนต์นั้น
ไม่ได้ทำประโยชน์แก่ส่วนรวมเสียเท่าไหร่
อีกทั้งจุดประสงค์ของการนิมนต์ก็ไม่ชัดเจน
องค์ท่านจึงไม่ได้เดินทางไป
.
.
โดยครั้งหนึ่งองค์ท่านได้ตอบปฏิเสธศิษย์ท่านหนึ่งไป
เมื่อคราวที่ได้ขอโอกาสนิมนต์หลวงปู่ท่านไปยุโรปว่า
ไม่สะดวกที่จะไปหากจะนิมนต์ไปเที่ยว
ถ้านิมนต์ไปทำงาน ไปเผยแพร่ศาสนาจะไปให้
.
.
จนทำให้ศิษย์ท่านนั้นถึงขั้นปรารภกับหลวงปู่ว่า
.
.
" ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครปฏิเสธเลย มีหลวงปู่เป็นรูปแรก "
.
.
หลวงปู่ท่านจึงปรารภกลับไปด้วยความเมตตาว่า
.
.
" ท่านคือพระป่า งานศาสนาคืองานส่วนรวม
ถ้านิมนต์ท่านไปเพื่อส่วนตน
และไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับส่วนรวม
ท่านก็จะขอปฏิเสธ
(ซึ่งจริง ๆ ในทางอ้อมก็ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของศิษย์ด้วย)"
.
.
เมื่อศิษย์ได้ฟังดังนั้นก็รับทราบ
และเข้าใจในปฏิปทาขององค์ท่าน
.
.
อีกครั้งหนึ่งคือ
.
.
หลังจากที่หลวงปู่เมตตารับนิมนต์
ไปโปรดศิษย์ที่เวียดนามแล้ว
ท่านได้เมตตาเดินทางไปร่วมงาน
ของพ่อแม่ครูอาจารย์สายกรรมฐานอีกรูปหนึ่งที่อยู่ทางภาคใต้
.
.
ในวันนั้นก็ได้มีคณะศิษย์กลุ่มหนึ่ง
จากทางประเทศอินโดนีเซียได้เดินทางมาร่วมงานด้วย
และได้ขอโอกาสนิมนต์หลวงปู่ท่าน
ให้เมตตาเดินทางไปโปรดที่ "อินโดนีเซีย" เช่นกัน
.
แต่เมื่อหลวงปู่ท่านพิจารณาอยู่ชั่วครู่แล้ว
ท่านก็ได้ตอบปฏิเสธไป
โดยบอกว่า
.
" .. ครั้งนี้เอาไว้ก่อน เพราะหากจะนิมนต์ไปเที่ยวจะไม่ไป
แต่ถ้านิมนต์ไปปฏิบัติศาสนกิจ ไปทำงานท่านจะไป"
.
.
และเมตตาปรารภว่าถ้าผู้นิมนต์หมั่นปฏิบัติ
และภาวนาด้วยท่านจะเมตตาไปให้
.
.
จากเหตุการณ์ทั้งหมดที่กล่าวมานี้จะเห็นได้ว่า
การที่หลวงปู่บุญส่งท่านจะเมตตารับนิมนต์
เดินทางไปต่างประเทศนั้น
ท่านจะมีการพิจารณาอย่างละเอียด
ทั้งผู้ที่นิมนต์และจุดประสงค์ของการนิมนต์
.
.
ผู้ที่นิมนต์นั้นเป็นผู้ที่ปฏิบัติดี
รวมไปถึงจุดประสงค์ของงานที่นิมนต์นั้น
เป็นงานของศาสนาและเป็นงานสาธารณประโยชน์
องค์ท่าจะเมตตาเดินทางไปให้
.
.
หากแต่ปัจจัยทุกอย่างเกิดตรงกันข้ามกับสิ่งที่กล่าวมานี้
องค์ท่านก็จะตอบปฏิเสธด้วยความเมตตาทันที
ด้วยว่านี่คือข้อวัตรและปฏิปทาขององค์ท่าน
ที่ยึดถือปฏิบัติมาอย่างยาวนาน
.
.
สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนในความจริงที่ว่า
ห้วงเวลาที่ผ่านมาหลวงปู่บุญส่ง
ตั้งแต่ที่ได้เดินทางก้าวเข้าสู่ร่มกาวสาวพัสตร์
.
.
" หลวงปู่บุญส่งไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศเลยแม้แต่ครั้งเดียว
(หากไม่มีกิจจำเป็น) "
.
.
ซึ่งการเดินทางไปโปรดศิษย์ที่
"นครโฮจิมินจ์" "ประเทศเวียดนาม"
ระหว่างวันที่ 2-5 กรกฎาคม 2561 ที่จะถึงนี้
.
.
ถือเป็นการเดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจครั้งแรก
ขององค์ท่าน ... ซึ่งถือว่าเป็นความเมตตา
แก่ศิษย์ที่เวียดนามเป็นอย่างมาก
.
.
.
#น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ด้วยเศียรเกล้า
.
.
สมาชิกทุกท่านสามารถเข้ามาหาข้อมูลของหลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร และอุโบสถวัดสันติวนารามได้ที่เวปของทางวัด http://luangpuboonsong.com/web/
.
.
หรือจะเข้ากลุ่มทางเฟส ชื่อ "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

 

โอวาทธรรม...หลวงปู่บุญส่ง
.
" จิตใจของเราฝึกเอาไว้ดีแล้วมันก็จะสามารถรู้เข้าใจก็ชอบสามารถวางจิตวางใจของเราให้สม่ำเสมอได้ ไม่ฟูๆแฟบๆ ไม่หน้าเขียวหน้าแดง อย่างนี้มันก็จะไม่เป็นหรอก เพราะเรามีสติพอที่จะ ระวังสังวร สำรวมดี อิ่มก็ไม่แสดงอาการออก หิวก็ไม่แสดงอาการออก รักษาดุลยภาพไว้ได้ถ้าจิตใจเราฝึกไว้ดี เราเหมือนกับนักมวย โดนหมัดสองหมัดก็เก็บอาการได้ มันก็ไม่ถูกน็อค โดนหมัดสองหมัดเก็บอาการไม่ได้ เสียหลักหลงทาง มันก็ถูกน็อคได้ง่าย
.
ชีวิตของเราก็เหมือนกัน ถ้าหากว่ามีความบีบคั้น ทางภัยธรรมชาติหรือเวรกรรมแต่อดีตตามมาทัน มันก็จะทำให้เราได้รับความอึดอัดหงุดหงิด เมื่อถึงตอนนี้แล้ว จิตของเราไม่ได้ถูกฝึกเอาไว้ มันก็จะทำให้เตลิดสิตอนนี้ หลงทางแล้ว มืดมน แล้วหันเข้าหาสิ่งแก้ในสิ่งที่ผิด หันไปหา อบายมุขบ้าง ไปหาของดื่มของกินที่ไม่เป็นประโยชน์บ้าง ทำให้เคลิบเคลิ้ม ทำให้หมดความรู้สึกเป็นระยะๆ แต่พอมันสร่างแล้วก็ทุกข์อีก ทุกข์มากเข้าไปอีก จนหนักเข้าไปอีก
.
แต่ผู้ใดที่โดนกรรมมาทันบ้างเล็กๆน้อยๆ รายได้เคยได้มาก แต่ว่ากลับทรงๆทรุดๆหยุดชะงัก จิตใจก็เริ่มผันผวน รวนเร แล้วเอ๋! ทำบุญมา โทษบุญแล้ว ... จริง ๆ แล้วบุญไม่ได้ผิดหรอกนะ หากแต่ว่ามันมีอะไรบางสิ่งบางอย่างของเราที่ผิดพลาดกันอยู่รึเปล่า ต้องลองพิจารณาให้ดี ... "
.
.
#หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
.
.
สมาชิกทุกท่านสามารถเข้ามาหาข้อมูลของหลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร และอุโบสถวัดสันติวนารามได้ที่เวปของทางวัด http://luangpuboonsong.com/web/
.
.
หรือจะเข้ากลุ่มทางเฟส ชื่อ "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

 

โอวาทธรรม...หลวงปู่บุญส่ง
.
" พระไม่ได้มีหน้าที่ทำนายทายทักญาติโยม ตายปีเท่านั้น เดือนนั้น มานั่งดูหมอดูดวง พระไม่ใช่ ดูกิเลสในหัวใจของเจ้าของ ให้มันหมดไปวันหนึ่งๆก็พอแล้ว ถ้ากิเลสมันหมดเมื่อไหร่เราก็สามารถมองทะลุสิ่งบดบังได้เท่านั้นแหละ เมื่อมองทะลุแล้วเราก็ไม่ใช่โอ้อวดมดเท็จอะไร แสดงความยะโสโอหัง เป็นผู้รู้ผู้อะไรนี้ไม่ใช่พระ
.
ยิ่งรู้เท่าไหร่ยิ่งศักดิ์สิทธิ์เท่าไหร่ ยิ่งต้องหุบปากมากเท่านั้น พูดอะไรออกไปแล้วมันจะทำให้คนอื่นวิตกทุกข์ร้อน พูดไปทำไม มีประโยชน์อะไร แต่เว้นไว้แต่เค้าให้มาดูเราก็เออดูๆไปยังงั้นเองแหละ ไม่ใช่ดูแบบชนิดว่าต้องไปบวกเลขผานาทีแบบคนนู้น ดูแบบหมอดูแบบนั้น เค้าเอาตำรามาดู
.
แต่ไอเราดู ปี วัน เดือนนิดๆหน่อยๆ เราก็พอรู้แล้วว่าคนๆนี้มันอยู่ในภาวะการเช่นใด อยู่ในภาวะจะมีลาภมีโชคหรือว่าอยู่ในภาวะของการขับขัน ทั้งสีสันวรรณะตลอดจนกระทั่งกิริยาเคลื่อนไหวมันก็เป็นเครื่องบ่งบอกหมดนั้นแหละ คนเรา ตกปีที่มันทำให้วิตกทุกข์ร้อนหงุดหงิดหรือเงื่องหง่อยเราก็ต้องรู้ว่ามาจากสาเหตุอะไร
.
มันไม่ต้องไปดูหรอกคนเราน่ะ ดูใจของเจ้าของน่ะ ดูทุกวันทุกวันทุกวันเนี่ย ว่าวันนึงเนี่ยเราทำจิตใจเราสูงเท่าไหร่ ต่ำเท่าไหร่ เป็นมนุษย์เท่าไหร่ เป็นเทพเป็นพรหมเท่าไหร่ เป็นผีเป็นเปรตเท่าไหร่ เวลามันอยากนู่นอยากนี่โดยไม่มีเหตุผลเนีย ก็เป็นผีเป็นเปรตไป
.
.
ยามใดนี่เรามีจิตใจเห็น ทำบุญทำกุศล มีจิตใจที่จะสร้างบุญสร้างกุศล จิตใจของเราดีขึ้น อันนั้นก็เป็นจิตเทพจิตเทวดา ดูซิเรามีศีลเพียงพอไหมต่อการที่เราดำรงความเป็นมนุษย์ของเรา อยู่ต่ำกว่าศีลห้าหรือเปล่า ถ้ามันต่ำกว่าศีลห้าให้รีบระวัง รีบเพิ่มเติมให้มันเต็มซะ เพราะมันเต็ม มันเติมได้ศีลห้านี่ พร่องไปก็เติมได้ ... "
.
.
.
#หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
.
.
สมาชิกทุกท่านสามารถเข้ามาหาข้อมูลของหลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร และอุโบสถวัดสันติวนารามได้ที่เวปของทางวัด http://luangpuboonsong.com/web/
.
.
หรือจะเข้ากลุ่มทางเฟส ชื่อ "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

 

โอวาทธรรม...หลวงปู่บุญส่ง
.
" ... อรรถธรรมเนี่ยมันเป็นหน้าที่ของพุทธศาสนิกชน ทุกๆคนที่จะนำเอาธรรมะเหล่านี้มาเป็นสมบัติใส่ใจของเราไว้ให้ได้ถ้าจิตใจของเรามีธรรมะสมบัติเป็นที่อาศัยภายใน ภายนอกเรามีโลกียสมบัติ พอมีกินมีใช้ ไม่เดือดร้อนเป็นหนี้เป็นสินจะซื้ออะไรก็ซื้อได้บ้าง อันนั้นพอเพียงละสำหรับชีวิตความเป็นอยู่ความเป็นมนุษย์ของเรา
.
ส่วนมันจะเหลือมากเหลือน้อย รวยมาก รวยน้อย มันอยู่ที่วิบากกรรมของเราแต่ละคน ดำรงชีวิตไปปกติธรรมดานี้แหละบางทีมันก็มีเหลือใช้มั่งอะไรมั่งแต่ที่มันรวยเร็วก็เพราะ หนึ่งเราไม่มีเจ็บปวดป่วยไข้ เราไม่มีโรคโรคาพยาธิเบียดเบียน อันนี้ครอบครัวจะเป็นหลักมั่นคงได้รวดเร็ว ... "
.
.
#หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
.
.
สมาชิกทุกท่านสามารถเข้ามาหาข้อมูลของหลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร และอุโบสถวัดสันติวนารามได้ที่เวปของทางวัด http://luangpuboonsong.com/web/
.
.
หรือจะเข้ากลุ่มทางเฟส ชื่อ "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

 

โอวาทธรรม...หลวงปู่บุญส่ง
.
" ... เราไม่เคยเป็นคนยอมใครง่ายๆ
แต่เราต้องมายอมพระธรรมวินัย
อยู่กับครอบครัวนี้กินข้าวก็สามสี่มื้อ
แต่อยู่กับพระพุทธเจ้ากินข้าวมื้อเดียว
...... แต่กลับมีความสุข "
.
.
#หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
.
.
สมาชิกทุกท่านสามารถเข้ามาหาข้อมูลของหลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร และอุโบสถวัดสันติวนารามได้ที่เวปของทางวัด http://luangpuboonsong.com/web/
.
.
หรือจะเข้ากลุ่มทางเฟส ชื่อ "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

 

โอวาทธรรม...หลวงปู่บุญส่ง
.
" ... สิ่งที่สามอย่าง ที่เราจะต้องทำลายให้หมดไป ก่อนที่เราจะตายนี้ก็คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลงîไอโลภ โกรธ หลง นี่แหละถ้ายังมีในหัวใจเราหนักแน่นมั่นคงแล้วมันจะมีทิฐิ ตัณหา อุปาทาน อีก 4 อย่างยึดมั่นถือมั่นในจิตใจของเราถึงอุปทานความยึดมั่น ตัวนี้แหละพอถึงเวลาวาระสุดท้ายยังเหลือในใจเรามาก สวรรค์ก็ไม่ได้ไปเพราะไม่มีที่ไปสำหรับคนมีกิเลสเหล่านี้ มนุษย์ก็ไม่มีที่มาถ้ามีอย่างนี้ มีอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
.
นั่นน่ะเห็นไหมมีประตูเดียวที่จะไปที่นั่น เส้นทางไปนรกเนี่ย รถจอดปุ๊บเทียบปี๊บ เต็มปั๊บทีเดียวนะ มันไม่ใช่ว่าจะต้องรอนานเที่ยวเมล์จะไปนรกนี้ จอดไม่ได้ เที่ยวเมล์จะไปสวรรค์จอดจนสนิมขึ้น กว่าจะได้ออกแต่ละเที่ยว ไปนิพพานด้วยนี้ก็จอดเหมือนกับรถทิ้งอยู่ในสุสานเลย ประตูเข้ามีแต่สนิมเขรอะ ไม่ค่อยจะมีคนไขคนผ่าน แต่ไปนรกนี่อูหูยย...จอดพั๊บเต็มพรึ๊พ จอดพั๊บเต็มพรึ๊พไปเลยเราลองนั่งนับมองดูก็แล้วกัน คนไม่มีวาสนาไปนรกอย่างเราเข้าไม่ติดหรอก จะไปตั้งหลายเที่ยว เข้าไม่ติดมันเบรคกระเด็นกระดอนออกหมด ... "
.
.
#หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
.
.
สมาชิกทุกท่านสามารถเข้ามาหาข้อมูลของหลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร และอุโบสถวัดสันติวนารามได้ที่เวปของทางวัด http://luangpuboonsong.com/web/
.
.
หรือจะเข้ากลุ่มทางเฟส ชื่อ "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

 

#หลวงพ่ออิติปิโสฯ108
.
น้ำมนต์ที่ #หลวงปู่บุญส่ง เจริญพุทธมนต์เสร็จ
ในแต่ละสถานที่ แต่ละวาระและแต่ละสถานการณ์
จะแตกต่างกันไป ไม่มีเหมือนกัน ....
.
อนึ่ง หลวงปู่บุญส่ง นั้น
ท่านจะสวดมนต์นานเป็นชั่วโมง และมนต์บทต่าง ๆ ที่สวดนั้น
ก็จะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และสถานที่นั้น ๆ อีกเช่นกัน
.
และหลวงปู่ท่านสวดมนต์ได้หลายบท
ทั้งบทที่ยากและบทที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยนิยมสวดกัน
หลวงปู่ท่านก็สามารถสวดได้
.
.
อีกทั้งท่านสวดได้ทุกทำนองทั้งแบบ
"ทำนองมคธ" และ "ทำนองแบบสังโยค"
เพราะในอดีตท่านเคยปฏิบัติ
อยู่ ณ สำนักธรรมที่มีชื่ออยู่ในเมือง
และท่านก็ปฏิบัติฝึกฝน
ด้วยองค์ท่านเองด้วยความเข้มข้น
.
.
ปล.ปัจจุบันหลวงปู่ยังตื่นขึ้นมาทำวัตรเช้าทุกวันไม่เคยขาด
โดยท่านจะสวดมนต์วันละไม่ต่ำกว่า 1 - 2 ชั่วโมง
โดยท่านปฏิบัติเช่นนี้มาตั้งแต่บวชใหม่ ๆ จนถึงปัจจุบัน
.
ท่านว่าเป็นการเจริญสติอีกทางหนึ่ง
ทำให้เกิดสมาธิ และเกิดสติ รู้เท่าทัน
.
.
โดยเมื่อสมัยก่อนนั้น
ญาติโยมและผู้มีจิตศรัทธาจะเรียกหลวงปู่บุญส่งว่า
" หลวงพ่ออิติปิโส 108 " เพราะท่านมักจะนำศิษยานุศิษย์
และผู้มีจิตศรัทธาสวดมนต์บทอิติปิโสฯ 108 จบ
ท่านว่ามนต์บทนี้(และบทพาหุงฯ) อานิสงส์นั้นมีมาก
.
.
#สาธุอนุโมทนาบุญ

 

#องค์หลวงปู่ท่านเมตตาสั่งสอนเราๆเหล่าลูกศิษย์เสมอว่า.....
เป็นพระนั้นจงทำตัวให้เป็นผู้อยู่ง่ายกินง่าย นอนง่าย และอย่าทำตัวให้ชาวบ้านเค้าเดือดร้อน..... เห็นภาพนี้แล้ว ปลื้มปีติอย่างยิ่ง น้ำตาจะไหล
#องค์ท่านนั้นเป็นแบบอย่าง ของพวกเราเหล่าสานุศิษย์ ทำให้ดูอยู่ให้เห็น ทำให้เป็นตัวอย่าง
และท่านยังเมตตาสอนไว้อีกว่า สอนคนแบบไหนเราก้อเป็นแบบนั้นแหละ
.
.
..... น้อมอนุโมทนาในบุญ แม่ชีเอ๋ พี่หรั่ง พี่พุธ.....
.
.
#ภัตตาหารมื้อเช้า.....ลมโชยโภชนา
.
ศาลาริมทาง....
ทุ่งนาข้าวเขียวขจี...
ลมพัดโชย...เย็นสบาย...
หลวงปู่ท่านเมตตาบอก ...หาโอกาสยากแบบนี้
.
.
(อนุโมทนาบุญกับอาหารมื้อเช้า คุณชัพวิชญ์ กอมณี (คุณเขียว)
.
.
เมนูเช้าวันนี้ ...ต้มยำปลาคัง ,ผัดฉ่าปลาคัง,ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม ,ผัดผักบุ้ง,ไข่ดาว
กล้วยหอม และเป๊ปซี่แม้กซ์ จาก(คุณหมอปู).....
.
.
ปล.ภาพ #หลวงปุ่บุญส่ง เมตตาฉันภัตตาหารเช้าแบบเรียบง่าย
ระหว่างการเดินทางกลับ จากการไปโปรดศิษย์ที่ภาคอีสาน
ระหว่างวันที่ 17 - 22 มิถุนายน 2561

.
.
Cr. Thammawong Namthong Puttachat Bunsri เดชา มหาจินดามณี
.
.
น้อมกราบพ่อพ่อครูอาจารย์ด้วยเศียรเกล้า
.
.
สมาชิกทุกท่านสามารถเข้ามาหาข้อมูลของหลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร และอุโบสถวัดสันติวนารามได้ที่เวปของทางวัด http://luangpuboonsong.com/web/
.
.
หรือจะเข้ากลุ่มทางเฟส ชื่อ "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

 

ภาพ...วันเสาร์ ที่ 23 มิถุนายน 2561
.
#หลวงปู่บุญส่ง เมตตาแสดงธรรมโปรดศิษยานุศิษย์และผู้มีจิตศรัทธา ณ สโมสรสนามกอล์ฟกรุงกวี รังสิตครอง 4 จ.ปทุมธานี โดยศิษยานุศิษย์ร่วมบุญถวายปัจจัยสร้างมหาอุโบสถวัดสันติวนารามจำนวนกว่า 117,870 บาท ...
.
.
โดยหลวงปู่ท่านได้ปรารภว่า "ทำบุญกับพระไม่มีหนี้ ทุกคนก็จะไม่มีหนี้เช่นกัน"
.
.
#สาธุอนุโมทนาบุญ
.
.
สมาชิกทุกท่านสามารถเข้ามาหาข้อมูลของหลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร และอุโบสถวัดสันติวนารามได้ที่เวปของทางวัด http://luangpuboonsong.com/web/
.
.
หรือจะเข้ากลุ่มทางเฟส ชื่อ "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

 

วันเสาร์ ที่ 23 มิถุนายน 2561...คลิปการแสดงธรรม คลิปที่ 1
.
หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
เมตตาแสดงธรรม เล่าประวัติ
ความเป็นมา ณ สนามกอลฟ์
กรุงกวี ขอบคุณคณะเจ้าภาพและศิษย์ญานุศิษย์ทุกท่าน
อนุโมทนาบุญ
น้อมกราบหลวงปู่
.
Cr. เอก พันท้ายนรสิงห์

 

วันเสาร์ ที่ 23 มิถุนายน 2561...คลิปการแสดงธรรม คลิปที่ 2
.
หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
เมตตาแสดงธรรม เล่าประวัติ
ความเป็นมา ณ สนามกอลฟ์
กรุงกวี ขอบคุณคณะเจ้าภาพและศิษย์ญานุศิษย์ทุกท่าน
อนุโมทนาบุญ
น้อมกราบหลวงปู่
.
Cr. เอก พันท้ายนรสิงห์

 

วันเสาร์ ที่ 23 มิถุนายน 2561...คลิปการแสดงธรรม คลิปที่ 3
.
หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
เมตตาแสดงธรรม เล่าประวัติ
ความเป็นมา ณ สนามกอลฟ์
กรุงกวี ขอบคุณคณะเจ้าภาพและศิษย์ญานุศิษย์ทุกท่าน
อนุโมทนาบุญ
น้อมกราบหลวงปู่
.
Cr. เอก พันท้ายนรสิงห์