สุดยอดพระเครื่องแห่งยุค พิธีปลุกเสกยิ่งใหญ่ในรอบ 50 ปี ที่หลายท่านยังไม่รู้

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย satutum, 16 เมษายน 2009.

  1. fujiayu

    fujiayu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,001
    เหรียญนาคปรกองค์เล็ก ของ อ.ชุม ราคาประมาณหนึ่งพันบาทครับ
     
  2. nut1663

    nut1663 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    702
    ค่าพลัง:
    +2,691
    ขอบคุณครับ
     
  3. satutum

    satutum เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2008
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +289
    ไปวัดสัมพันธวงศ์ มาหลายครั้งไม่เคยเห็นพระนาคปรก อ.ชุม เลย
    ไม่รู้ทางวัดนำมาให้บูชาตั้งแต่เมื่อไร และวัดได้มายังไง แต่ก็เป็นพระเครื่องที่
    พิธีเยี่ยมอีกรุ่นครับ
     
  4. nudjinnong

    nudjinnong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,161
    ค่าพลัง:
    +3,012
    อ่าวพี่ยังงี้ผมก็ต้องไปวัดสัมพันธวงศ์ อีกแล้วดิครับ5555
     
  5. fujiayu

    fujiayu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,001
    คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->nudjinnong<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3150832", true); </SCRIPT> ถ้าไปที่วัดอีก อย่าลืมบูชาพระนาคปรกองค์เล็ก (20 บาท)
    ของหลวงปู่แหวน ถามคนที่เฝ้าตู้ได้เลยครับ
     
  6. nudjinnong

    nudjinnong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,161
    ค่าพลัง:
    +3,012
    ขอบคุณครับพี่ fujiayu คราวหน้าถ้ามีโอกาสได้ไปอีก ไม่พลาดแน่ครับผม

    ไปเช่าพระตามวัดดีกว่า ได้บุญด้วยได้ของดีด้วย

    เพราะผมยังเด็กอยู่มั้ง ไปเดินตามแผงพระชอบโดนผู้ใหญ่เขาหลอกครับ

    ผมว่าถ้าอยากอยู่ในวงการนี้ต้องศึกษาอีกมากอ่ะครับพี่ บางอย่างก็ได้พี่ๆในเว็บนี้แนะนำนี่แหละครับ

    ^^
     
  7. nut1663

    nut1663 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    702
    ค่าพลัง:
    +2,691
    พระนางพญา เนื่้อดินก็

    น่าบูชานะครับ เป็นพระ ที่ออกพิธีเดียว กัน

    พระนางพญาเนื้อดิน ผสมทรายทองนิโรธสมาบัติ คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม วัดอาวุธฯ สร้างถวาย วัดสัมพันวงศ์ กรุงเทพมหานคร

    ( พุทธคุณสูงมาก ๆ เมตตา มหานิยม ป้องกันภัย แคล้วคลาด ดีเยี่ยมยอด )


    สร้าง ประมาณปี 2499. โดย คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ผู้บรรลุธรรมขั้นสูง. จากนั้น นำเข้าพิธีปลุกเสกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พร้อมกับ พระมงคลมหาลาภ . รายละเอียดดังนี้

    เมื่อสร้างแจ้งให้ทราบแต่การประกอบพิธีบันจุ พุทธมนต์เป็นพิเศษที่ยิ่งใหญ่ โดยสังเขป ซึ่งยังไม่เคยเห็นทำที่ไหน คือจัดที่บูชาพร้อมเครื่องสังเวยต่างๆ มีเทียนธูป ข้าวตอก ดอกไม้ ๗ สี แลอาหารผลไม้ถึงอย่างละ ๓๗๕ ที่มีเบญจา มีเสวตฉัตร ๙ ชั้น สูง ๖ ศอก ๘ ต้น บายศรีเงิน บายศรีทอง ๙ ชั้น สูง ๖ ศอก อย่างละ ๘ ต้น บันจุพระพุทธมนต์ลงไปในน้ำ และผงที่จะสร้างพระนั้น โดยนิมนต์อาจารย์ผู้มีชื่อเสียงหลายวัดทำพิธีประจุมนต์ เข้าพิธีปลุกเศกมี

    พระพรหมมุนี (ผิน สุวโจ) วัดบวรนิเวศวิหาร
    พระวรเวทย์คุณาจารจย์ (เมี้ยน ปภสสโร) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
    พระมหารัชชมังคลาจารย์
    พระครูวินัยธรเฟื่อง (ญาณปปทีโป)
    พระสอาด อภิวฒฒโน วัดสัมพันธวงศ์
    พระครูนอ วัดกลางท่าเรือ อยุธยา
    พระอาจารย์บุ่ง วัดใหม่ทองเสน
    พระชอบ สัมมาจารี วัดอาวุธวิกสิตาราม ธนบุรี
    เป็นต้น

    พร้อมด้วยบันจุ เทพมนต์พรหมมนต์ โดยเชิญเทพแลพรหมผู้มีชื่อเสียงเก่าๆ มาเข้าทรงประกอบพิธีอธิษฐานบันจุมนต์ลงด้วย และบันจุมนต์โยคีโดยโยคีฮาเร็บ (อาจารย์ชื่น จันทรเพ็ชร) ผู้มีชื่อเสียงและ พ.ต.อ.ชะลอ อุทกภาชน์ ผู้เป็นศิษย์เป็นผู้ทำพิธีบรรจุ.

    พระเครื่องที่จะทำพิธีปลุกเศกนั้น ห่อด้วยผ้าขาว ๗ ชั้น ผ้าเขียว ๗ ชั้น

    พิธีพุทธาภิเษกครั้งแรก ที่วัดสัมพันธวงศ์ นอกจากจะทำพิธีเสกแบบ"พรหมศาสตร์" เหมือนตอนทำผง"โสฬสมหาพรหม" (เสกก็นิมนต์พรหมชั้นโสฬสลงมาเสกด้วย)แล้ว ก็ยังได้นิมนต์สุดยอดพระคณาจารย์ในยุคนั้นอย่างมหาศาล น้องๆพระ 25 ศตวรรษ ม ีหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี,หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม เป็นต้นฯลฯ

    และยังเสกเบิ้ลที่วัดสารนาถธรรมาราม ระยอง อีก ถึง 18 วัน 18 คืน ด้วยพระสายระยอง (มีหลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง, หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ เป็นอาทิ) พร้อมสายกรรมฐาน ศิษย์พระอาจารย์มั่นอีก 100 กว่าองค์ นำทีมโดยพระอาจารย์สิงห์ ขันตยคโม,หลวงปู่ฝั้น อาจาโร, ท่านพ่อลี ธัมมธโร ฯลฯ ในพิธีสมโภช"พระพุทโธภาสชินราชจอมมุนี" หรือ"พระพุทโธใหญ่" ที่คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นประธานจัดสร้างและคุมงานเอง

    หมายเหตุ ...พูดง่ายๆก็คือ พระพิธีนี้ เป็นการผนึกกำลังของพระสาย"เกจิ"และ"อริยะ" ระดับสุดยอดมากเป็นประวัติการณ์ ยิ่งกว่า"พระ 25 ศตวรรษ"เสียด้วยซ้ำ (พระ 25 ศตวรรษจะมีสายวิทยาคมเสียโดยมาก แต่สายกรรมฐานมีน้อยกว่า และเสกกันเพียง 3 วัน และครั้งเดียวที่วัดสุทัศน์เท่านั้น) อีกทั้งยังเป็นพิธีที่เหมือนจะเป็นการ"ประลองฤทธิ์"กันสุดๆระหว่าง "ท่านพ่อลี วัดอโศการาม" พระอริยเถระผู้ยิ่งด้วยบุญฤทธิ์ เป็น"เจ้าพิธีฝ่ายบรรพชิต" กับ"คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม" ยอดหญิงอริยะผู้ยิ่งด้วยอิทธิฤทธิ์เป็น"เจ้าพิธีฝ่ายฆราวาส" (โอย..แค่คิดก็"มันส์หยด"แล้ว....อยากมีตาทิพย์จัง จะได้ย้อนไปดูเหตุการณ์ในวันนั้น ว่างานนั้นท่านใช้ฌาณฤทธิ์ระดับสุดยอดสู้กันเปรี๊ยะๆเปรี้ยงๆปร้างๆฟ้าถล่ม แผ่นดินทลาย เพื่อสร้างความขลังกันสุดฤทธิ์สุดเดชถึงขนาดไหนนะเนี่ย???)

    เรื่องของประสพการณ์ไม่ต้องพูด คนระยอง,จันทรบุรีรู้ซึ้งถึงเยื่อในกระดูกดี มีคนรอดตายจากพายุ เพราะมีพระนี้ห้อยคออยู่องค์เดียวโดดๆก็มีมาแล้ว

    พระชุดนี้ ขลังขนาดเปล่งรัศมีสีเขียวยาวเป็นวาให้พระในสมัยนั้น เห็นด้วย"ตาเนื้อ"กันจะๆได้

    บูชาแทน "พระผงโสฬส หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่" ที่"แพงจัด"และ"ปลอมระเบิด"ได้อย่างสบายๆ เพราะนี่คือ"ต้นธาตุ"แห่ง"พระผงโสฬส" แถมยังได้นิมนต์หลวงปู่ทิม ตอนอายุ 70 กว่าๆมานั่งปรกด้วย

    อ.ปถม อาจสาคร หลังจากที่"ลุย"มาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ ถึงกับต้องยกนิ้วการันตีแบบสุดตัวว่า พระมงคลมหาลาภนี้ "แคล้วคลาดสุดยอด" ชนิด "ไม่ต้องหาพระรอดมหาวัน"ให้เหนื่อยยากเลยทีเดียว.....!!!!!

    จากการตรวจสอบพระที่เหลือทั้งหมด โดยเฉพาะ"พระนางพญา" ซึ่งครูบาเทืองได้"พิจารณา"โดย"ญาณ"แล้ว รับรองว่า มี"พลังอธิษฐาน"ของ"คุณแม่บุญเรือน"จริงๆ
    ลองเข้าไปดูในลิงค์ครับ (สืบจากลังคุณแม่บุญเรือน)

    ******************************


    บูชา ที่วัด 100 บาทครับ

    ใช้แทนพระพุทธโธน้อย ได้สบาย ๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00921.JPG
      DSC00921.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.5 MB
      เปิดดู:
      301
  8. nudjinnong

    nudjinnong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,161
    ค่าพลัง:
    +3,012
    พี่ nut1663 ขอบคุณนะครับที่ให้ความรู้เพิ่มเติม

    ได้ความรู้เยอะเลยครับเนี่ย ไว้มีข้อมูลพระองค์ไหน มาลงเพิ่มให้อีกนะครับ

    อนุโมทนาครับ ทุกท่านเลย
     
  9. satutum

    satutum เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2008
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +289
    พระมงคลมหาลาภของแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ

    แม้จะบิ่นหักมาแต่เดิม แต่เป็น"หนึ่งเดียว"ที่หาที่เสมอเหมือนมิได้
    เพราะเป็นพระที่คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ แม่ชีอรหันต์ผู้ทรงฤทธิ์ที่สุดแห่งวงกรรมฐาน บูชา,นำมาเพ่งพิศพิจารณาพร้อมกับจบใส่ศีรษะหลายวาระอยู่นานนับปี..!!!!!!


    แต่เดิม พระองค์นี้ ผิวพรรณวรรณะก็"นวลขาว"ปกติเช่นพระมงคลมหาลาภทั่วไป มิได้"มันเงา"อย่างที่เห็นในปัจจุบันนี้
    แต่พอมาอยู่กับคุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำได้รับถวายจากหลานชายของท่านอยู่ปีกว่า เนื้อหาองค์พระก็กลับ"จัดจ้านราวกับพระสมเด็จบางขุนพรหมกรุเก่า"ก็ไม่ปาน..!!!!
    ชะรอยว่า อาจจะเกิดจากการที่คุณแม่ชีแก้วมักหยิบมาพิจารณาภาวนาด้วยความชื่นชมอยู่นับเป็นร้อยๆครั้งก็เป็นไปได้..!!?!!

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. satutum

    satutum เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2008
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +289
    "พระนี้ดีและศักดิ์สิทธิ์มาก พระหนึ่งองค์เท่ากับพระธาตุหนึ่งองค์เหมือนกัน เมื่อนำมาสวดมนต์ภาวนา สามารถที่จะสื่อได้หมดตั้งแต่บาดาลจรดพรหมโลก ต่อให้หักแค่ไหนก็ศักดิ์สิทธิ์ มีจิตของพ่อแม่ครูอาจารย์สายกรรมฐานของฉันอยู่มาก สมควรแก่การกราบไหว้บูชา เอามาทำสมาธิได้ดี ทำให้จิตนิ่ง ทำให้จิตเย็นดีนัก..!!!!"
    คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. satutum

    satutum เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2008
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +289
    "พระองค์ซ้าย พลังพื้นฐานเดิมจะขึ้นถึง 10 เต็ม ส่วนองค์ขวา พลังขึ้นแค่ 9 (เกิดจากความสมบูรณ์ทางกายภาพขององค์พระที่แตกต่างกัน) แต่หากจะว่าโดยความแรงของพลังแล้ว องค์ขวาจะแรง รังสีจิตจะเข้มกว่าองค์ซ้าย และพลังที่เข้มกว่า มิได้เกิดจากการปลุกเสกโดยตรง แต่เป็นการไหว้พระสวดมนต์ภาวนามากกว่านะ..!!!??!!!"

    หน่วยสืบราชการลับทางจิตสาย"โพธิ"

    "พระมงคลมหาลาภองค์คุณแม่ชีแก้วนี้ หักมาแต่เดิมแล้ว เป็นสมบัติของคุณตาและตกทอดมาถึงผมซึ่งเป็นหลานชายของคุณแม่ชีแก้ว ตอนอายุได้ 3-4 ขวบ ผมเอาพระนี้ซึ่งเลี่ยมกรอบแสตนเลสติดแหนบพกไว้ในกระเป๋าเสื้อแล้วไปกราบคุณแม่ชีแก้ว คุณแม่ชีแก้วเห็นแหนบแล้วนึกว่าเป็นปากกา ท่านเลยออกปากขอยืมปากกาหน่อย ผมก็กราบเรียนท่านว่านี้ไม่ใช่ปากกา แต่เป็นแหนบห้อยพระ คุณแม่ชีแก้วเลยเอาพิจารณาดู แล้วกล่าวยกย่องคุณวิเศษของพระองค์นี้เป็นอันมาก ผมเห็นคุณแม่ท่านสนใจ เลยถวายองค์ที่หักมุมไป...."
    "ต่อมา ผมไปกราบคุณแม่ชีแก้วอีกหลายครั้ง ก็ได้เห็นคุณแม่หยิบเอาพระมงคลมหาลาภองค์นี้จากใต้ฐานพระที่ศาลามาลูบๆคลำอยู่บ่อยๆ ดูไปก็ยิ้มไป บางทีก็สวดมนต์ภาวนาก็มี พลางกล่าวว่า เป็นพระที่ดีมากๆ นำมาไหว้พระสวดมนต์สวดพรแล้ว สามารถสื่อได้ทุกสวรรค์ชั้นฟ้าตั้งแต่บาดาลจนจรดพรหมโลก และมีพลังพ่อแม่ครูอาจารย์ในสายของท่านมาก โดยพระมงคลมหาลาภหนึ่งองค์เท่ากับพระธาตุ 1 องค์ฯลฯ เมื่อท่านหยิบมาชื่นชมยินดีเสร็จ ก็จะอัญเชิญไปไว้ใต้ฐานพระประธานในศาลา เป็นอย่างนี้เรื่อยมาจนกระทั่งคุณแม่ท่านละสังขาร"
    "จริงๆแล้ว คุณแม่ท่านมีของ(วิเศษ)หลายอย่าง แม้ของหลวงปู่มั่นท่านก็มีไม่น้อย ของบางอย่างเป็นสิ่งที่หลวงปู่มั่นท่านหยิบให้คุณแม่ชีแก้วปรับเปลี่ยนธาตุ เพื่อเป็นอุบายฝึกจิตให้มีพลานุภาพยิ่งๆขึ้น แต่คุณแม่ชีแก้วท่านเคยบอกผมว่า ท่านทิ้งไปเสียก็เยอะโดยว่า"ของภายนอก เอาไปทำไม???" ก่อนที่ท่านจะดับขันธ์ คุณแม่ท่านก็ให้ของดีแก่ผมไว้หลายสิ่งหลายอย่าง ทั้งๆที่ตอนนั้น ผมยังเป็นเด็กอยู่ ยังไม่ประสีประสาหรือรู้ความอะไรมากนัก โดยคุณแม่แก้วท่านได้สั่งไว้ด้วยว่า "เอาไปเถิด ต่อไปอาจจะได้ใช้ทำประโยชน์อะไรได้"
    "หลังจากที่คุณแม่ชีแก้วมรณภาพ ของ(ดี)หลายๆสิ่งของท่านล้วนกระจัดกระจายพลัดพรายไปเป็นอันมาก ส่วนพระมงคลมหาลาภองค์คุณแม่ชีแก้วนี้ กลับไม่มีใครแตะต้อง คงอยู่ในที่เดิมที่คุณแม่ตั้งไว้นั่นเอง อาจเป็นเพราะคนไม่รู้จักและเห็นเป็นพระแตกหัก ไม่กล้านำกลับเข้าบ้าน พระองค์นี้จึงเหลือรอดมาจนหลังคุณแม่สิ้นไปได้หลายเดือน ผมไปเห็นเข้า จำได้ว่าเป็นพระเก่าที่เคยถวายท่านไว้แต่ครั้งกระนั้น เลยนำกลับมาบูชาเองสืบมา (และได้มอบให้แก่"พุทธวงศ์"เพื่อเผยแพร่สืบต่อไปในที่สุด) ด้วยประการฉะนี้แลฯ"

    "เนาว์สถิตย์" (NAOSATITT)


    “โอ๋...แรงน้อ สูงน้อ ศักดิ์สิทธิ์น้อ เล่นของสูงเลยน้อ พระมีแม่ชีด้วยนะนี่ แม่ชีท่านนี้ บารมีคุณธรรมสูงมาก หากเป็นพระ จะกราบเลย..!!?!”

    หลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป วัดป่าปทีปุญญาราม สกลนคร

    “อุ้ย พระหยังนี่ ทำไมแฮงแท้..?!?!”

    หลวงปู่พรหม วัดพระบาทท่าเรือ เขื่อนอุบลรัตน์ ขอนแก่น

    ที่มาข้อมูลhttp://www.gmwebsite.com/Webboard/Topic.asp?TopicID=Topic-100507100749391
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. Na_mo_

    Na_mo_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2007
    โพสต์:
    2,025
    ค่าพลัง:
    +4,750
    กลับใสอีกครั้งนะครับพี่ พระกำลังดังใหญ่แล้วครับ
     
  13. หนึ่ง1

    หนึ่ง1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,638
    ถามนิดนึงครับ พระมงคลมหาลาภ มีเนื้อแดง และเนื้อดำหรือเปล่าครับ...
     
  14. satutum

    satutum เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2008
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +289
    พระมงคลมหาลาภ ปี 2499 ของวัดสัมพันธวงศ์ ไม่มีเนื้อดำหรือแดง

    แต่อาจเป็นพิมพ์ที่วัดสัมพันธ์วงศ์สร้างโดยมาเอาพิมพ์พระมงคลมหาลาภ
    มาเป็นแม่พิมพ์ ซึ่งจะคล้ายกันแต่ปลุกเสกโดยเจ้าคุณนรฯ เนื้อจะออกสีน้ำตาลแดงครับ
    ลองดูกระทู้ต้นๆ ดูครับ
     
  15. หนึ่ง1

    หนึ่ง1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,638
    แล้ว พระมงคลมหาลาภ ของวัดสารนารท มีเนื้อดำ และเนื้อแดงไหมครับ..แต่ปลุกเสกโดยเจ้าคุณนรฯ ละวิเศษเลย
     
  16. satutum

    satutum เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2008
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +289
    พระเครื่องพิมพ์นี้ของวัดสัมพันธวงศ์ (วัดเกาะ) กรุงเทพฯ จัดสร้างโดย พระครูชินเทพ ปี พ.ศ. 2513 ในคราวแจกงานพระราชทานเพลิงศพพระมหารัชมังคลาจารย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ เมื่อพ.ศ. 2510 มีส่วนผสมของว่านและพระชำรุดกรุวัดใหม่อมตรส ด้านหลังบรรจุเส้นพระเกศาของท่านเจ้าคุณพระมหารัชมังคลาจารย์ ซึ่งเป็นพระอาจารย์สอนพระกรรมฐานแก่คุณแม่บุญเรือน วัดอาวุธ และพระครูชินเทพได้นำเข้าพิธี 5 มค. 2513 วัดเทพศิรินทร์ฯ ปลุกเสกโดยเจ้าคุณนรฯ
    จำนวนพระที่สร้างทั้งหมด 2,000 องค์ องค์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      38.3 KB
      เปิดดู:
      255
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      38.7 KB
      เปิดดู:
      236
  17. อวิโรธนัง

    อวิโรธนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +108
    ตอนนี้ที่วัดสัมพันธวงศ์ ยังมีพระมงคลมหาลาภ ให้บูชาอยู่ไหม
    มีพิมพ์อะไรเหลืออยู่บ้างและให้บูชาองค์ละเท่าไรครับ
    ท่านใดเพิ่งไปวัดมารบกวนด้วย
     
  18. nudjinnong

    nudjinnong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,161
    ค่าพลัง:
    +3,012
    เหลือพิมพ์คะแนนครับ ประมาณร้อยองค์ ผมไม่แน่ใจครับกะๆเอา
    บูชา500บาท ทางวัดออกใบอนุโมทนาบัตรให้ด้วยครับผม

    ^^
     
  19. satutum

    satutum เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2008
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +289
    ย้อนรอยตำนาน"พระมงคลมหาลาภ"

    ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างกันให้อึงคนึงไปหมดว่า อัน"พระมงคลมหาลาภ" สุดยอดพระเครื่องดี(ที่สุด)ที่หลายๆคนเคย"มองข้าม"มาแต่กาลก่อนอย่างไม่ไยดี ด้วยไม่รู้ความนัยที่ซ่อนลึกอยู่ ณ ภายใน ซึ่ง"พุทธวงศ์"บังเอิญได้ไปพานพบแหล่งข้อมูลอย่างไม่คาดฝันและได้นำมา"เจาะลึก"ตีแผ่ถวายอย่างจริงจังและเป็นทางการอย่างละเอียดถี่ยิบที่สุดตามจริตที่ไม่อาจทนให้คนวัตถุสิ่งของที่"ดีจริง"ต้องถูกปิดถูกบังอยู่ในเงามืดใดๆได้ในสื่อต่างๆเมื่อ 3-4 ปีก่อน แต่พอมาถึงกาลบัดเดี๋ยวนี้ พระมงคลมหาลาภก็เริ่มได้รับการยอมรับเป็นที่นิยมเสาะแสวงหาอย่างกว้างขวางอีกทั้งอัตราค่าเช่าหาก็เริ่มที่จะทวีขึ้นกว่าแต่เก่าเป็นนักหนาแล้ว
    เมื่อได้ยลยินความเช่นนั้น ก็อดให้ปีติยินดีไปอีกวาระหนึ่งเสียมิได้ ด้วยว่าวิริยะความเพียรของเรา มิได้สูญเสียไปเปล่าเลย
    กุศลอันใหญ่ ในส่วนแห่ง"วิทยาทาน"อันส่งผลดีต่อการ"พระศาสนา"และ"มหาชน"ในหลายมิติหลายชั้นเชิง เราได้ทำสำเร็จไปอีกเรื่องหนึ่งแล้ว
    และหากจะมองในแง่ของสามัญที่สุด ก็ทำให้ผู้คนได้มีที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวซึ่งเป็นของที่"ดีแท้แน่จริง"ไว้คู่ตัวได้อย่างมั่นใจ ดีกว่าปล่อยให้ไปเสี่ยงชีวิตกับ"ของเก๊ของเสริมของอุปโลกน์"ซึ่งมีอยู่เต็มบ้านเต็มเมืองอยู่ในขณะนี้โดยแท้
    เพียงเท่านี้ ก็นับเป็น"บุญใหญ่"ในจิตในใจแห่ง"พุทธวงศ์"อย่างยากจะหาใดมาเปรียบเป็นนักแล้ว....

    แต่..กว่าจะมาถึงขึ้นตอนนี้ได้ ก็"ยากยิ่ง"มิใช่เบาเหมือนกันเลยทีเดียว
    เพราะนอกจากจะต้องเจาะและย่อยสรุปข้อมูลให้ง่ายต่อการบริโภคของคนทั้งหลายแล้ว ก็ยังต้องปิดจุดโหว่ที่อาจจะส่งผลในแง่ลบ เพราะความสำคัญผิดในข้อเท็จจริงในที่ต่างๆให้เสร็จสรรพอีกด้วย
    นี้จึงเป็นเหตุให้ต้อง"เหนื่อยหนัก"กว่าสามัญปกติในการรวมรวม,เจาะลึกถึงฐานข้อมูลที่กระจัดกระจายในหลายแหล่งแห่งที่ให้มาผสานเป็นหนึ่งเดียว ก่อนที่จะปล่อยให้ตกผลึกและเลือกสรรมาเจียระไนในแง่มุมต่างๆตามควรแก่จริตนิสสัยของสาธารณะอย่างที่ว่า
    แต่ด้วยเหตุแห่งวิริยภาพดังกล่าวมา จึงเป็นเหตุให้ได้"ข้อมูลเชิงลึก"และ"ของพิเศษ"มาอยู่ในเงื้อมมือแห่ง"พุทธวงศ์"อย่างค่อนข้างที่จะครบถ้วน เพื่อที่จะได้ต่อยอดในการสร้างประโยชน์ใหญ่ให้บังเกิดยิ่งๆขึ้นไปในเมื่อหน้า ไม่สงสัย
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ในเมื่อ"พระมงคลมหาลาภ"ตอนนี้ เริ่มเป็นที่นิยมและเสาะแสวงหาในราคาเช่าหาที่ค่อนข้างจะสูงโดยลำดับอย่างที่ว่า ทำให้สามารถเชื่อได้ว่า ในไม่ช้าต่อจากนี้ไป ก็คงจะต้องเกิดปัญหาในแง่มุมต่างๆติดตามมาอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน ซึ่งเท่าที่มองข้ามช็อตไว้ล่วงหน้า ก็พอที่จะประมวลอนุมานได้คือ
    1.พระมงคลมหาลาภมีกี่ขนาดกันแน่.??
    2.พระมงคลมหาลาภในแต่ละขนาด มีกี่พิมพ์กันแน่.???
    3.เนื้อหาพระมงคลมหาลาภ มีกี่แบบกี่เฉดสีกันแน่..????
    4.พระมงคลมหาลาภมีปลอมหรือยัง..?????
    พระยุคเก่าที่สร้างจากผงพระมงคลมหาลาภ แต่ไม่ได้เข้าพิธีพระมงคลมหาลาภ(ทันแต่ผง องค์ไม่ทัน) ซึ่งอีกหน่อย อาจจะมีการผลักดันให้กลายเป็นของทันพิธี มีอะไรบ้าง.??????

    แน่นอนที่สุด ในฐานะที่เป็นผู้"เปิดประเด็น"ของพระมงคลมหาลาภมาตั้งแต่ต้น อีกทั้งยังได้จับต้องพระมงคลมหาลาภพิมพ์ต่างๆมาเป็น"พันๆองค์"จากกรุที่ตกค้าง พร้อมกับได้ส่องและบันทึกภาพไว้อย่างละเอียดที่สุด แม้กระทั่งสถานที่เก็บรักษาและบรรจุภัณฑ์ ย่อมจะต้องมีข้อมูลในตรงจุดนี้ไว้อย่างครบครัน ด้วยคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่า พระพุทธมงคลมหาลาภอันสำคัญยิ่งชุดนี้ แม้แต่ก่อนจะถูกผู้ไม่รู้มองข้ามไปอย่าไม่ไยดีสักเพียงไร แต่เมื่อถึงที่สุดแล้ว จะต้องมีความสำคัญยิ่งใหญ่ในจิตใจแห่งผู้รู้ค่าในกาลอนาคตอย่างแน่นอน

    เมื่อ"ผล"ติดลมบนไปเรียบร้อยแล้ว "เหตุ"จะไม่เป็นไปตามหรือยิ่งกว่าได้ฉันใด..????
    พิจารณาจากกรณีของ"พระชุดบินเดี่ยว หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่"ที่ได้ผงพระมงคลมหาลาภโสฬสมหาพรหมไปสร้างเพียง 1 โหล(คำบอกเล่าก่อนมรณภาพจากเจ้าคุณไฉน วัดสารนาถธรรมาราม)ซึ่งปัจจุบัน มีราคาแพงจนจรดไม่ติดและมีของปลอมของอุปโลกน์นับแทบไม่ถ้วน ในขณะที่พระมงคลมหาลาภคือพระที่สร้างจากผงโสฬสมหาพรหมล้วนๆเพียวๆแถมเมื่อสร้างเป็นองค์พระแล้ว ก็ยังมีการประกอบพิธีโสฬสมหาพรหมซ้ำอีกครั้ง โดยหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ ระยองก็ได้รับอาราธนามานั่งปรกเมื่อปีพ.ศ. 2499 อีกด้วยดูวิเคราะห์เทียบเคียงได้.!!!???!!!
    เพียงเท่านี้ ก็ไม่ยากที่ใครๆจะเล็งเห็นอนาคตโดยไม่จำเป็นที่จะต้องมีอนาคตังสญาณได้อยู่แล้ว
    ซึ่งรายละเอียดทั้งนั้น จะค่อยทยอยนำเสนอโดยลำดับตามกาลอันสมควร เพื่อรักษาระเบียบและเป็นเกียรติประวัติแห่งพระเครื่องมงคลมหาลาภและพระผู้สถาปนาทั้งนั้นมิให้สับสนเป็นเป้าประสงค์หลักที่สำคัญ แต่ให้คงอยู่สืบไปด้วยดีตลอดไปในเมื่อหน้า เพื่อที่อนุชนรุ่นหลังอาจสามารถยึดถือเป็นแนวทางในการเสาะแสวงหาไว้สักการะบูชา เป็นมหามงคลอันยิ่งแห่งตนได้อย่างไม่"หลงทางเสียเวลา หลงผิดเสียอนาคต"โดยแท้ทีเดียว........

    "เนาว์สถิตย์" (NAOSATITT)

    ที่มาข้อมูล ��������ͧ�ط�ǧ�� : #Topic-100606093850257��͹��µӹҹ"�������������" ���������������� ��������
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.gif
      1.gif
      ขนาดไฟล์:
      108.4 KB
      เปิดดู:
      235
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2010
  20. satutum

    satutum เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2008
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +289
    พระพุทโธภาสชินราชจอมมุนี ปฐมกำเนิดพระมงคลมหาลาภ

    พระพุทโธภาสชินราชจอมมุนี เป็นพระประธานประจำมหาอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปขนาดกลาง หน้าตักประมาณ ๓ ศอกคืบ ประดับด้วยซุ้มเรือนแก้ว จำลองแบบมาจากพระพุทธชินราช จังหวัดพิษณุโลก และมีอัครสาวกประกอบซ้าย-ขวา เช่นเดียวกับพระพุทธชินราช
    พระพุทโธภาสชินราชจอมมุนีนี้ ได้ประกอบพิธีหล่อที่วัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ ๗ มกราคม ๒๔๙๕ ปรากฏว่าหล่อไม่ติดถึง ๒ ครั้ง ๒ หน จนปัญญา พระเดชพระคุณ พระมหารัชชมังคลาจารย์ จึงมอบให้คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ซึ่งมีฐานะเป็นศิษย์ มาเรียนธรรมภาคปฏิบัติกับท่านจนบรรลุฌานชั้นสูง มีอิทธิปาฏิหาริย์เป็นที่น่าอัศจรรย์ เป็นผู้รับมอบดำเนินการในเรื่องหล่อสร้างพระประธานองค์นี้ต่อไป โดยมีบรรดาศิษยานุศิษย์ของคุณแม่บุญเรือน ร่วมมือด้วยอย่างแข็งขัน
    ได้มีการประกอบพิธีเททองหล่อสร้างใหม่ พร้อมขยายให้องค์ใหญ่ขึ้น ณ วัดสัมพันธวงศ์ เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๙๕ คราวนี้เนื้อทองแล่นตลอดองค์เป็นอันดี ไม่มีอุปสรรคใด ๆ และได้ขัดแต่งจนสำเร็จเรียบร้อยบริบูรณ์เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๖ ค่าสร้างองค์พระทั้งหล่อและขัดแต่งนั้น รวม ๖๐,๐๐๐ บาท คุณแม่บุญเรือน กับคณะศิษย์ซึ่งมี พลโทยุทธ สมบูรณ์ เจ้ากรมการรักษาดินแดนในขณะนั้น เป็นหัวหน้า รวบรวมถวาย
    ในชั้นแรกได้กำหนดให้พระประธานองค์นี้ เป็นพระพุทธรูปปางนาคปรก ซึ่งเป็นพระประจำวันเสาร์ ด้วยเป็นวันตัวของพระเดชพระคุณ พระมหารัชชมังคลาจารย์ แต่ได้มีญาติโยมผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นผู้มีความเคารพนับถือกัน ได้แนะนำพระเดชพระคุณฯ ว่าพระพุทธชินราชเป็นพระพุทธรูปที่สวยที่สุดในโลก จึงเห็นสมควรเปลี่ยนจากพระพุทธรูปปางนาคปรกมาเป็นพระพุทธชินราชจำลองแทน พร้อมกับถวายเงิน ๔๐,๐๐๐ บาท ค่าสร้างเรือนแก้วจำลองจากพระพุทธชินราช พร้อมอัครสาวกประจำซ้ายขวาด้วย
    อย่างไรก็ดี พระพุทธชินราชองค์จริงที่พิษณุโลกนั้น เป็นพระพุทธรูปนั่งปางมารวิชัย แต่องค์ที่วัดสารนาถธรรมารามนี้ เป็นพระพุทธรูปนั่งปางสมาธิ ทั้งนี้ก็เนื่องด้วยพระพุทธรูปปางนาคปรกนั้นโดยทั่วไปจะเป็นปางสมาธิทั้งสิ้น
    หลักฐานเอกสารเรื่องนี้มีอยู่ใน “คำอธิษฐานธรรม เรื่องทางขาวก้าวหน้า” ของคุณแม่บุญเรือน เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๐๒ ซึ่งเป็นสำนวนเพลงฉ่อย คำอธิษฐานดังกล่าวมีความตอนหนึ่งกล่าวถึงเรื่องการสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ บนยอดมหาอุโบสถและพระประธานของวัดสารนาถธรรมาราม ว่า
    “…เพราะกุศลที่สร้างพระบรมธาตุเจดีย์บนยอดอุโบสถ พร้อมทั้งช่อฟ้าใบระกาเรือนแก้วถวายพระประธานให้พระพุทโธ กลายเป็นพุทธชินราช ผู้สร้างจะได้มีอำนาจยิ่งใหญ่ อยู่ดีกินดี ตั้งแต่นี้ต่อไป...”
    พระพุทธรูปสำคัญองค์นี้ ได้รับการอธิษฐานธรรมบรรจุพลังความศักดิ์สิทธิ์เป็นพิเศษจากคุณแม่ บุญเรือน โตงบุญเติม แล้วได้มีการสมโภชฉลองที่วัดสัมพันธวงศ์ โดยจัดงาน ๔ วัน ๔ คืน ระหว่างวันที่ ๓ – ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๙ วันที่ ๓ มีนาคม เป็นพิธีพุทธาภิเษกพระพุทธมงคลมหาลาภ พระพุทธกวัก และ พระผงพิมพ์แบบพระสมเด็จฯ โดยพระอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคม เป็นจำนวนมาก เช่น หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงพ่อลี วัดอโศการาม พระอาจารย์นอ วัดกลางท่าเรือ อยุธยา หลวงพ่อสด วัดโพธิ์แตงใต้ พระอาจารย์แฉ่ง วัดบางพัง นนทบุรี พระครูวินัยธร เฟื่อง ญาณปฺปทีโป วัดสัมพันธวงศ์ พระอาจารย์สะอาด อภิวฑฺฒโน วัดสัมพันธวงศ์ หลวงพ่อเฮี้ยง วัดอรัญญิกาวาส ชลบุรี พระอาจารย์ชอบ สมฺมาจารี วัดอาวุธวิกสิตาราม พระครูวิเศษสรวุฒิฯลฯ ซึ่งวัตถุมงคลทั้งหมดได้รับการทำพิธีประจุพุทธมนต์ ทิพยมนต์ พรหมมนต์ จากโยคีฮาเร็บ (อาจารย์ชื่น จันทรเพ็ชร) เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๙ เวลา ๑๘.๐๐ น. ที่วัดสัมพันธวงศ์
    วันที่ ๔ - ๖ มีนาคม เป็นงานสมโภชพระประธาน รุ่งขึ้นวันที่ ๗ มีนาคม ๒๔๙๙ เวลา ๖.๐๙ น. ได้อัญเชิญออกจากวัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร โดยรถบรรทุกของกรมการขนส่งทหารเรือ ด้วยความอนุเคราะห์จากจอมพลเรือหลวงยุทธศาสตร์โกศล ผู้บัญชาการทหารเรือในขณะนั้น
    เมื่ออัญเชิญถึงระยองแล้ว ได้หยุดค้าง ณ วัดเก๋ง ซึ่งเป็นวัดร้าง เป็นที่ตั้งโรงพยาบาลระยองอยู่ในปัจจุบัน มีศาลาอยู่หลังหนึ่ง ได้อัญเชิญเข้าไปประดิษฐาน ณ ที่นั้น เพื่อเปิดโอกาสให้ชาวระยองได้บูชาสักการะคืนหนึ่ง รุ่งขึ้นจึงอัญเชิญเดินทางต่อไปยังวัดสารนาถธรรมาราม ประดิษฐานในมหาอุโบสถ และได้จัดให้มีการสมโภชเพื่อเป็นสิริมงคลและเจริญศรัทธาปสาทะของประชาชนอีก ๗ วัน ๗ คืน
    และในระหว่างการสมโภช คือวันที่ ๙ มีนาคม พ.ศ.๒๔๙๙ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ ๗ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงยกนพปฏลเศวตรฉัตรถวายพระประธาน “พระพุทโธภาสชินราชจอมมุนี” ในอุโบสถ
    และในวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๔๙๙ พระเดชพระคุณ พระมหารัชชมังคลาจารย์ ได้ถวายพระนาม พระประธานว่า “พระพุทโธภาสชินราชจอมมุนี ประเสริฐศรีสารสิทธิ์ มเหศักดิ์อัคคฤทธิ์ กรุณามหาศาล ศุภลักษณ์เจริญจิต ศุภมิตรพิชิตมาร อิทธิพลมงคลกาล ประสาธน์สุขทุกข์กษัย สุทธิญานอุดมเดช โลกเชฏฐ์อำนวยชัย เกษมสันติ์นิราศภัย บรมนารถศาสดา”

    ที่มา : หนังสืออนุสรณ์ งานพระราชทานเพลิงศพ พระเทพวิสุทธิญาณ (ไฉน ฐิตาภิญฺโญ) วันเสาร์ที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
    หมายเหตุพิเศษ 1 , จากบันทึกของอาจารย์ประถม อาจสาครเกี่ยวกับพระมงคลมหาลาภ ซึ่งทำพิธีพุทธาภิเษกพร้อมกับพระพุทโธภาสชินราชจอมมุนี พระปฏิมาประธาน วัดสารนาถธรรมาราม ทำให้ได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมแห่งมหาพิธีในคราวนั้นว่า ท่านอาจารย์ชื่น จันทร์เพชรหรือโยคีฮาเล็บ ผู้ทรงพลังจิตแก่กล้าชนิดหาตัวจับยาก สำเร็จปรจิตวิชาจากหิมาลัยบรรพต ยังออกปากสรรเสริญพระฤาษีสันตจิตต่อหน้าบรรดาสานุศิษย์ของท่านว่า นอกจากตัวท่านแล้วในเมืองไทยยังมีโยคีอีกองค์หนึ่งเรียกว่าโยคีสันตจิต มีอำนาจฌานแก่กล้ามาก โยคีรูปนี้เวลาจะทำน้ำมนต์ไม่ต้องใช้บาตรและดอกไม้ธูปเทียน ใช้ศิษย์ไปตักน้ำมากระแป๋งใหญ่ๆ นั่งมองไปคุยไปเล่นๆแผล็บเดียวเท่านั้น ถ้ามองด้วยตาในจะเห็นรังสีจิตเป็นอักษรคูโบ๊สขึ้นแพรวพราวไปหมดทีเดียว นับว่าเป็นผู้สำเร็จทางจิตที่เก่งกล้าผู้หนึ่ง อาจารย์ของผมองค์นี้ท่านชอบสนุกชอบสอดรู้สอดเห็นในสิ่งที่แปลกประหลาด คราวหนึ่งพระเดชพระคุณมหารัชชมังคลาจารย์แห่งวัดสัมพันธวงศ์ ประสงค์จะสร้างพระพิมพ์เนื้อผงขึ้นเป็นที่ระลึกในการหล่อพระประธานพระพุทธมงคลมุนีนารถเพื่อประดิษฐานในพระอุโบสถวัดสารนาถธรรมมาราม อ.แกลง จ.ระยอง ท่านเจ้าประคุณจะทำอะไรจะต้องใหญ่และมีจำนวนมาก จึงมอบภาระนี้ให้ พ.ต.อ.ชลอ อุทกภาชน์ สิทธิงวิหาริกไปดำเนินการ พ.ต.อ.ชลอ อุทกภาชน์ ก็นำความไปหารือโยคีฮาเล็บ ผู้เป็นอาจารย์ทางพรหมศาสตร์ ท่านอาจารย์โยคีฮาเล็บจึงคิดก้วยปัญญาในการสร้างผงวิเศษแบบประยุกต์ คือไปนำว่าน เกสร ดินสอพอง ปูนขาว มาเป็นจำนวนมากขนาดต่อลังไม้ขนาดยาวมาบรรจุมวลสารดังกล่าวลงไป แล้วอัญญเชิญวิญญาณพรหมฤาษีชั้นสูงลงประทับทรงร่ายมนตร์เสกเป่าคุ้ยกันจนผงฟุ้งไปหมด ส่งภาษาคูโบ๊สกันลั่นบ้านหกคะเมนตีลังกา ในบริเวณปริมณฑลพิธีมีฝ่ายสงฆ์ประกอบพิธีทางไสยเพิ่มอีกแรงหนึ่ง จนน้ำเทพมนต์ซึ่งบรรจุใส่โอ่งเกิดหมุนติ้วดุจมีใครมาคนเล่น หลังจากเสร็จพิธีประมาณ 3 วัน หลวงพ่อลี วัดอโศการามมีกิจที่วัดสัมพันธวงศ์ ได้เข้าไปในโบสถ์และเห็นเข้าก็เอื้อมมือจะหยิบพิจารณาดูก็ต้องสะดุ้งโหยงหดมือกลับเพราะปรากฎว่าผงนี้แรงที่สุดในชีวิตที่ผ่านมา และได้ขอผงไปประมาณ 1 บาตรเพื่อผสมสร้างพระพิมพ์ของท่าน ส่วนทางวัดสัมพันธวงศ์ ก็นำเอาผงเนื้อกษัตริย์ล้วนๆมาสร้างเป็นพระกันเลยเพราะถือว่าไม่ต้องผสมของอื่นก็สร้างกันไม่หวาดไหวอยู่ พิพม์เสร็จก็นิมนต์พระคณาจารย์ชื่อดังแห่งยุคแห่งปี2496มาร่วมทำการปลุกเสก ใช้แพรสีเขียวห่อหุ้มพระถึงเจ็ดชั้น ห่อหนึ่งก็ใช้ฉัตรเบ็ญจาต้นหนึ่ง(ฉัตรห้าชั้น)รวมเป็ยฉัตรถึง 1,700 ต้น พระ 1,700 ห่อๆหนึ่งประมาณพะ 100 องค์ ก็ในพิธีสร้างผงวิเศษอันยิ่งใหญ่แห่งยุคและสร้างเพียงครั้งเดียว หลวงพ่อฤาษีก็อยากเห็นว่าที่เรียกวิญญาณต่างๆนั้นมาจริงหรือเปล่า ท่านก็มองดูด้วยตาทิพย์เห็นว่าเทพพรหมต่างๆที่รับรับเชิญได้เสด็จมาในงานปลุกเสกผงจริงและก็เชิญเลยไปถึงท้าวจตุโลกบาล เป็นนายทวารเฝ้ากันพวกราหูจรและเพ็ชรพระยาธรซึ่งชอบก่อกวนทำลายพิธีกรรม ได้เห็นพระเยซูคริสต์ พระมหมัดนะบีห์ พระบราไฮห์มาร่วมในพิธีด้วยแต่ยืนอยู่เพียงประตู แต่งกายแบบนักบวชครองผ้ากาละสีคล้ำ พวกมหาเทพในศาสนาพรหมดึกดำบรรพ์มากันมาก พระอรหันตเจ้าไม่มีมาร่วม เพราะไม่ใช่กิจและพระอรหันตเจ้าย่อมไม่ประทับทรงในแบบเดรัจฉานวิชา
    ต่อมาพระเครื่องชุดนี้ได้นำเข้าปลุกเสก(การเรียกพุทธาภิเษก มหาพุทธาภิเษกนั้นเป็นคำตู่) ที่พระอุโบสถวัดสารนาถธรรมาราม อ.แกลง จ.ระยอง ถึง18วัน18คืน พระคณาจารย์ปรกเป็นพระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เท่าที่นึกออกก็มี ท่านอาจารย์สิงห์ ขันตะยาคะโม,อาจารย์ฝั้น อาจาโร,ท่านอาจารย์กงมา จิรปุญโญ,ท่านอาจารย์พระอริยคุณาธาร ปุสโส,ท่านอาจารย์ลี ธัมมธโร,ท่านอาจารย์สีโห,ท่านอาจารย์จันทร์ เขมปตโต,ท่านอาจารย์ตื้อ,ท่านอาจารย์อ่อน ญานสิริ,ท่านอาจารย์วัน อุตตะโมฯลฯ ประมาณ 30รูปและพระคณาจารย์นอกสายคือพระวรพรต ปัญญาจารย์ วัดอรัญญิการาม ชลบุรี พระเครื่องชุดนี้เรียกกันว่า พระมงคลมหาลาภ ในพิธีมีการสวดลัคขี คือบทพระพุทธคุณหนึ่งแสนจบ โบสถ์วัดสารนาถธรรมารามนี้กว้างใหญ่มากขนาดฐานพระประธานก็เท่ากับโบสถ์ธรรมดาหนึ่งหลังแล้ว ขณะประกอบพิธีได้ประมาณ 7 วัน โคมไฟติดเพดานเกิดล่วงหล่นลงมาในระดับสูงและเป็นโคมแก้วแต่ก็ไม่แตกเสียหาย นับเป็นอิทธิวัตถุที่ทรงพลังยิ่งใหญ่แห่งยุครัตนโกสินทร์ แต่ของดีมันอาภัพ พลังคุ้มครองทางแคล้วคลาดสูงมากไม่แพ้พระรอดมหาวัน เมื่อใช้กรรมวิธีทางปรจิตตรวจดูทางในปรากฎนิมิตเป็นพระพุทธรูป กั้นด้วยนพปดลเศวตฉัตร(มหาเศวตฉัตรเก้าชั้น)ซึ่งไม่เคยพบในพระสมเด็จและวัดใดๆ นอกจากพระพิมพ์ซึ่งเสกโดยพระโลกอุดรหรือหลวงพ่อดำผู้เหาะเหินเดินฟ้า อาจารย์ของหลวงพ่อโพรงโพธิ์ และหลวงพ่อโพรงโพธิ์เป็นอาจารย์ของหลวงพ่อวัดมะขามเฒ่าและหลวงพ่อเงิน บางคลาน
    คุณประถมได้กล่าวถึงการปลุกเสกที่วัดสัมพันธวงศ์ไว้ในหนังสือพลังเหนือโลกซึ่งมาจากบันทึกของอาจารย์คุณประถมคือพระอริยคุณาธาร เป็นลักษณะที่พิสูจน์ยากเพราะเป็นเรื่องของการพิจารณาด้วยตาทิพย์ คนธรรมดามองไม่เห็น นำมาลงให้พิจารณาไตร่ตรองกันเองว่า ในพิธีที่วัดสัมพันธวงศ์มีผู้เก่งกาจอยู่มากมายอาทิ โยคีโยฮาเล็บ คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นต้นแต่ทุกคนต่างเห็นตรงกันว่าพระอริยคุณาธาร ท่านมีความรู้กว้างขวางที่สุดจนโยคีโยฮาเล็บ ขนานนามท่านว่า โยคีสันตจิตจึงเชิญท่านมาช่วยตรวจสอบการอัญเชิญพรหมชั้นต่างๆจริงเท็จอย่างไร
    การปลุกเสกพระที่พระอุโบสถ วัดสัมพันธวงศ์ เจ้าการพิธีได้จัดให้มีการอัญเชิญพรหม เสด็จลงทำการปลุกเสกพระ และนิมนต์พระสงฆ์( ตามที่กล่าวถึงในเรื่องมวลสารการสร้างพระแล้วนั้น) ปลุกเสกซ้ำอีกครั้งหนึ่ง โยคีโยฮาเล็บ (อาจารย์ชื่น จันทร์เพ็ชร) บ้านพรานนก และ พ.ต.ท.ชลอ อุทกภาชน์ เป็นเจ้าพิธีอัญเชิญพระพรหม พระอริยคุณาธารได้เข้าร่วมในงานพิธีนี้ และเพื่อสอบว่าพระพรหม รับอัญเชิญมาประกอบพิธีหรือไม่
    พิธีเริ่มตอนบ่าย 4 โมงโดยมีพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ต่อจากนั้นโยคีโยฮาเล็บและ พ.ต.ท. ชลอฯได้ทำพิธีอัญเชิญพระพรหมเป็นภาษาปากฤตเป็นภาษาเก่าแก่ที่สุดของชมพูทวีป เก่ากว่าบาลี-สันสกฤต เมื่ออัญเชิญเสร็จแล้ว ปรากฏมีรัศมีสว่างรุ่งเรืองมาจากเบื้องบน แล้วลงมาปรากฏที่แท่นบูชาตามตำแหน่งที่เจ้าพิธีจัดไว้ สักครู่เจ้าพิธีอัญเชิญพระกาลซึ่งเป็นพรหมสูงสุดประทับทรงในร่างทรงที่เตรียมมา ต่อนั้นอัญเชิญพระพรหมอื่นๆลงมาประทับร่างทรงที่เตรียมไว้ภายใต้การบงการของพระพรหมสูงสุด(คือพระกาล)แล้วกระทำการปลุกเสกประมาณครึ่งชั่วโมง คำบริกรรมที่เหล่าพระพรหมใช้ในการบริกรรมปลุกเสกทราบจากเจ้าพิธีว่าเป็นภาษาคูโบ๊ส ซึ่งเป็นภาษาเก่าแก่ สำเนียงคล้ายภาษาแขก พระพรหมผู้ทำการปลุกเสกนั้นทราบว่าเป็นโสฬสมหาพรหมทั้งสิ้น มีพระกาลเป็นประธานในการปลุกเสก นอกจากนั้นเจ้าพิธีได้อัญเชิญพระพรหมนารอทมาประทับ ณ แท่นบูชามุมตะวันออกเฉียงเหนือของพระอุโบสถ ทำหน้าที่พิทักษ์ป้องกันภยันตรายจากมารที่จะมาทำลายพิธีการ พระพรหมองค์นี้เมื่อครั้งเป็นมนุษย์เป็นชาวลพบุรีก่อนสมัยพุทธกาล วัยชราท่านได้ออกบวชเป็นฤาษีพร้อมพะสหายคือพญาตาไฟ บำเพ็ญพรตอยู่เขาวุ้ง(สมอคอน)ลพบุรี นี่เป็นส่วนหนึ่งในบันทึกของพระอริยคุณาธารซึ่งก็มรณภาพไปแล้ว จริงเท็จเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ท่านผู้อ่านพิจารณากันมวลสารในการสร้างพระจากบทความของคุณประถม( จากเรื่องฤาษี สันตจิต เส็ง ปสฺโส) กล่าวว่าท่านเจ้าคุณพระรัชมงคลมุนี ท่านทำอะไรจะต้องใหญ่และมีจำนวนมากดังนั้นการลบผงจึงทำไม่ทันแน่ ท่านจึงให้ พ.ต.อ.ชลอ อุทกภาชน์ สิทธิวิหาริกไปดำเนินการ พ.ต.อ.ชลอ อุทกภาชน์จึงไปหารือกับโยคีโยฮาเล็บ ผู้เป็นอาจารย์ฝ่ายพรหมศาสตร์ ท่านโยคีโยฮาเล็บจึงประยุกต์โดยการนำว่านเกสร ดินสอพอง ปูนขาว มาเป็นจำนวนมากขนาดต่อลังไม้ขนาดยาวบรรจุมวลสารดังกล่าว แล้วอัญเชิญวิญญาณพรหมฤาษีชั้นสูงประทับทรงร่ายมนตร์เสกเป่าคุ้ยกันจนฟุ้งไปหมด ส่งภาษาคูโบ๊สกันลั่นบ้าน และในบริเวณปริมณฑลพิธีมีฝ่ายสงฆ์ประกอบพิธีอีกแรงหนึ่ง ดังในหนังสือมังคลามหานุภาพ กล่าวว่า บรรจุพระพุทธมนต์ลงในน้ำ และผงที่จะสร้างพระโดยนิมนต์อาจารย์จากหลายวัดเข้าพิธีปลุกเสกเช่น พระพรหมมุนี (ผิน สุวโจ)วัดบวรนิเวศวิหาร พระวรเวทย์คุณาจารย์ (เมี้ยน ปภสฺสโร)วัดพระเชตุพนวิมลมัคลาราม พระสะอาด อภิวฒฺฒโน วัดสัมพันธวงศ์ พระครูนอ วัดกลางท่าเรือ พระอาจารย์บุ่ง วัดใหม่ทองเสน พระชอบ สัมมารี วัดอาวุธวิกสิตารามเป็นต้น และยังมีผงจากพระอาจารย์ต่างๆ ว่าน108 อย่าง ดอกไม้บูชาพระ 108 ผงที่ทำด้วยดินจากท่าน้ำ7 ท่า สระ7 สระ ผงจากคัมภีร์และใบลานเก่า ผงจากดินสังเวชนียสถาน 4 แห่ง และดินจากสถานที่สำคัญในพุทธศาสนาอีก 9 แห่ง ผงปูนขาวหินจากราชบุรี ผงปูนซิเมนต์ขาว ดินเหนียวอย่างดีสีเหลือง และน้ำอ้อย นำมาประสมกับผงที่ทำใหม่บดให้ละเอียด กรองด้วยผ้าป่าน ผสมน้ำมนตร์ที่ทำไว้พิมพ์เป็นรูป พระมงคลมหาลาภบ้าง สมเด็จบ้าง ส่วนพิมพ์อื่นๆสร้างด้วยดินผสมผงเผาแล้วนำมาเข้าพิธีปลุกเสกในคราวเดียวกัน อาจารย์ประถมเขียนสรุปรายละเอียดการปลุกเสกไว้เพิ่มเติมว่า เมื่อโยคีโยฮาเล็บ เจ้าพิธี สร้างผงวิเศษด้วยวิธีประยุกต์ของท่านแล้วอัญเชิญพรหมชั้นโสฬสมาทำการปลุกเสกผง เสร็จพิธีแล้ว ท่านพ่อลี วัดอโศการามเข้าไปเดินดูในโบสถ์ว่าทำอะไรกัน ก็ยื่นมือไปหมายผัสสะดูก็สะดุ้งโหยง” เฮ้ยหยังแรงจังซี้ “ก็เลยขอผงไป 1 บาตร เพื่อสร้างพระพุทธจักรของท่านที่วัดอโศการาม ต่อจากนั้นทางวัดก็จัดหาว่าน เกษรดอกไม้ ผงต่างๆ ตามที่ได้เขียนรายละเอียดไปแล้ว นำไปให้อาจารย?ชอบ วัดอาวุธเป็นแม่งานจัดสร้าง เพราะมีฝีมือทางนี้ น่าเสียดายที่เนื้อพระแก่ปูนทำให้เนื้อหามวลสารไม่สะดุดตา ต่อมาก็ให้โหรวางลัคนาฤกษ์ปลุกเสกตรงกับเพชรฆาตฤกษ์คือถือว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้ในระหว่างเพชรฆาตฤกษ์ เป็นฤกษ์ชนะมาร แต่ทางโหราศาสตร์ถือเป็นฤกษ์ที่เหมาะแก่การยาตราทัพ ฤกษ์ตีค่าย นับว่าเป็นฤกษ์แข็ง ที่หลวงพ่อพระอริยคุณษธาร บันทึกว่าปลุกเสกพระ น่าจะเป็นวาระสอง หลังการสร้างผงวิเศษ การทำพิธีก็แปลก ใช้เบ็ญจาห้าชั้นถึง1,500ต้น สำหรับประดิษฐานพระเครื่องห่อหุ้มด้วยแพรเขียว 1,500 ห่อใหญ่ๆ และถวายพระนามว่า พระมงคลมหาลาภ ( แต่มิได้ประกอบด้วยมหัทโนฤกษ์ ) อาจารย์ชั้นเยี่ยมถูกนิมนต์เข้าร่วมพิธีเป็นส่วนใหญ่ รวมระยะเวลาปลุกเสก 1 ชั่วโมงครึ่ง โดยเริ่มต้นพร้อมกัน ฝ่ายพรหมช่วยเสก 1 ชั่วโมงก็กลับ ส่วนพระสงฆ์เสกต่ออีก 1 ชั่วโมงโยคีโยฮาเล็บ กับพระอริยคุณาธารก็ลงมือเสกด้วย คุณประถมบอกว่าเสียดายช่วงนั้นอยู่ชายแดนไม่งั้นอาจได้พระงดงามกว่านี้ ต่อจากนั้นก็ได้นำพระมงคลมหาลาภไปที่วัดสารนาถธรรมาราม เพื่อเข้าพิธีพุทธาภิเษกพระประธาน โดยนิมนต์พระสายท่านอาจารย์มั่น ภิริทัตโต ประมาณ 30 รูป เสกกัน 18 วัน 18 คืน สวดลัคขีคือห้องพระพุทธคุณ อิติปิโสภควา เล่นกันแสนจบทีเดียว เป็นพระที่ตรวจพบว่าอยู่ในชั้นนพปดลเสวตฉัตรเช่นเดียวกับพระหลวงปู่ใหญ่พระครูโลกอุดร แต่รังสีไม่ใช่ทองคำเป็นสีเขียว เรื่องแคล้วคลาดอย่าบอกใครด้วยฤาษีนารอทท่านนั่งมองอยู่ ไม่ต้องเที่ยวแสวงหาพระรอดมหาวันให้เหนื่อยยาก คุณประถมกล่าวอีกว่าตัวท่านเองใช้พระครูโลกอุดร สมเด็จวัดระฆัง พระมงคลมหาลาภห้อยคอบูชา
    หมายเหตุพิเศษ 2, ด้วยเหตุดังกล่าวมา พิธีพุทธชัยมังคลาภิเษกพระประธานวัดสารนาถธรรมารามในครั้งนั้น จึงเป็นพิธีที่เหมือนจะเป็นการ"ประลองฤทธิ์"กันแบบสุดๆระหว่าง "ท่านพ่อลี วัดอโศการาม" พระอริยเถระผู้ยิ่งด้วยบุญฤทธิ์ เป็น"เจ้าพิธีฝ่ายบรรพชิต" กับ"คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม" ยอดหญิงอริยะผู้ยิ่งด้วยอิทธิฤทธิ์เป็น"เจ้าพิธีฝ่ายฆราวาส" อีกทั้งพระอริยคณาจารย์ชั้นสุดยอดที่ได้รับอาราธนานิมนต์ตลอดจนเทพพรหมที่ได้เสด็จมาร่วมอนุโมทนาอย่างหาประมาณมิได้อีกต่างหากด้วย
    ชนวนพระพุทโธภาสชินราชจอมมุนีนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งในเครื่องสถิตย์แห่งพลังจิตที่ทรงมหิทธิฤทธิ์แห่งพระอริยบุคคลผู้ทรง"อภิญญาใหญ่"ยุคกึ่งพุทธกาลทั้งโดยฝ่าย"พระ"และฝ่าย"เทพ"อย่างยอดยิ่งที่สุด หาใดเสมอเหมือนมิได้มีอีกแล้วอย่างแท้จริง.....

    "เนาว์สถิตย์" (NAOSATITT)
     

แชร์หน้านี้

Loading...