สวนปฏิบัติธรรมชมวิว บ.นางิ้ว อ.สังคม จ.หนองคาย สถานที่เหมาะแก่การปลีกวิเวก

ในห้อง 'ธรรมทาน - วิทยาทาน' ตั้งกระทู้โดย UMP, 30 ตุลาคม 2014.

  1. UMP

    UMP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +530
    "โสดาปฏิมรรค กับ โสดาบันปฏิผลต่างกันอย่างไรครับ"

    โสดาบันปฏิมรรคยังไม่เป็นผล ถ้าเป็นผลก็จะไม่หลงในโลกโลกีย์ ไม่หลงในอารมณ์ ไม่หลงในหญิง ไม่หลงในชาย จะสวยจะงามจะรวยเท่าไหร่ เราก็ไม่พึงปรารถนา ผู้เป็นมรรคอยู่ก็มีโอกาสหลงได้ ก็กลับคืนไปสู่ภาวะเหมือน โสดาบันปฏิมรรค สามารถมีครอบครัวแต่รักษาศีล 5 ไม่ทุกข์ ไม่เกาะอารมณ์อารมณ์อะไรเกิดขึ้นก็รู้ว่ามันเป็นธรรมชาติ

    โสดาปฏิผลจะไม่คิดหวังคืนกลับไปสู่ครองเรือน มีแต่จะมุ่งหน้าเข้าไปสู่อีกภาวะที่เราได้ยินได้ฟังในหนังสือ โสดาบันปฏิผล จะไม่ยึดถือในสีลัพตปรามาส คือไม่เชื่อนอกศาสนา ไม่เชื่อร่างทรง แต่รู้ว่าวิญญาณมีจริง ไม่เชื่อว่าศาสนาไหนนอกศาสนาพุทธ จะสอนเท่ากับศาสนาพระพุทธเจ้า ไม่หลงงมงาย ไม่ถือเครื่องรางของขลัง นี่คือสมบัติของโสดาบัน 

    ไม่เชื่อมงคลตื่นข่าว ได้ยินข่าวเขาบอกตรงนั้นตรงนี้มีหมอดูแม่นๆ อย่างนี้ๆ ก็ไม่เชื่อไม่สนใจ ไม่ไปรู้ไม่ไปฟัง ฟังอยู่รู้อยู่แต่จะไม่วิ่งเข้าไปหา ได้ยินว่าพระองค์นี้ดังนะ สามารถช่วยคนได้ มีคาถาอาคม แล้วให้เครื่องรางของขลัง ช่วยให้เราพ้นจากทุกข์ได้ โสดาบันปฏิผลไม่เชื่อเลย แล้วไม่มีในใจของโสดาบัน จะไม่ยึด ไม่ติด ไม่เกาะ ไม่เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ 

    เครื่องรางของขลังก็ไม่ใส่ แม้แต่จะใส่ก็สลัดปลดออก สิ่งใดที่มันเข้ามาแล้วทำให้ตัวเองยึด ตัวเองเกาะ ให้ตัวเองติดอยู่ เมื่อมาถึงภาวะนี้ใหม่ๆ จะขน จะละ จะเอาไปทานให้หมดเลย นี้คือลักษณะของผู้เข้าถึงกระแสนั้น เมื่อขาดสะบั้นแล้วถ้าไม่มีคู่ ถ้าเป็นผลก็จะไม่แต่งงาน จะไม่ไปสมสู่ โสดาบันปฏิผลจะไม่มีการปลุกเศก ไม่มีการสะเดาะเคราะห์ จะให้ดูแต่จิต ส่งเสริมแต่การปฏิบัติธรรมอย่างเดียว 

    เชื่อว่ากรรมต้องชดใช้ด้วยกรรม บุญส่งเสริมให้เราสูงขึ้นไป เชื่อบุญกับบาป ทางเดียวที่จะแก้กรรมได้คือ ปฏิบัติธรรมเท่านั้นที่จะหลุดพ้น ที่จะแก้ไขได้ทุกอย่าง ไม่มีอันใดที่จะทำลายเราได้ แม้แต่ว่าเครื่องราง มนต์ คาถาอาคมอันใดๆ ก็เข้าไม่ได้ เพราะสติเรารู้ ปัญญาเรารู้แล้ว มันก็กระเด็นออกไป


    [​IMG]
     
  2. UMP

    UMP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +530
    "ต้นไม้ไม่มีราก"

    ต้นไม้ใหญ่ยืนอยู่ได้หลายร้อยปีเพราะรากแก้วรากฝอยที่แข็งแรง เปรียบดั่งชาติมีได้เพราะจิตที่เข้าไปยึดไว้ ปล่อยสิ่งที่ยึดไว้ทั้งรากแก้วรากฝอยหมดเมื่อใดชาติก็ล้มลงเมื่อนั้น 

    สิ่งใดละที่ทำให้ใจเข้าไปยึดติด ความยินดียินร้ายนั่นเอง แล้วทำอย่างไรละจึงจะละความยินดียินร้ายลงได้ สติและปัญญาเห็นโทษเห็นภัยมันนั่นไง

    ยินดีมากชอบมาก ยินร้ายมากไม่ชอบมากก็เป็นรากแก้ว ชอบน้อยไม่ชอบน้อยก็เป็นรากฝอย ละทั้งชอบและไม่ชอบ เป็นกลางๆ ชอบก็เป็นภพชาติ ไม่ชอบก็เป็นภพชาติ คือต้นไม้ที่รากค่อยๆทะยอยตาย เมื่อถึงเวลาต้นไม้หรือชาตินั้นก็จะล้มลง และไม่มีวันจะงอกรากหรือฟื้นขึ้นมาใหม่ เพราะรากแห่งความยินดียินร้ายได้ถูกทำลายลงแล้วเสียสิ้น

    [​IMG]
     
  3. UMP

    UMP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +530
    "อ่านใดเล่า เท่าอ่านใจตน"

    ไม่มีใครเผาเราได้เท่ากับเราจุดไฟเผาตัวเอง(ยกเว้นตอนตาย) ไม่มีใครดับไฟในใจเราได้ นอกจากตัวของเราเอง คมมีดใดจะคมเท่ากับมีดที่เรากรีดลงบนหัวใจตัวเอง หนีคนทั้งโลกได้แต่หนีใจตัวเองไม่พ้น ความจริงคือสิ่งที่เราต้องยอมรับและต้องเผชิญ ทุกข์อันใดเล่าจะเท่ากับทุกข์ที่อยู่ในใจ 

    แบกของหนักโดยไม่รู้ว่าแบก เปลือกก็เป็นเพียงเปลือกหาช่วยอันใดได้ ความจริงแท้คือสิ่งที่อยู่ในใจ เราเป็นเพียงสัตว์โลกตัวหนึ่ง มันมาเดี๋ยวมันก็ไป มันไปเดี๋ยวมันก็มาใหม่ ทำไปเพื่อใคร เพื่อกลับมาใหม่หรือเพื่อไม่กลับมา

    ธรรมะแท้ของพระพุทธเจ้า ธรรมะเพื่อการหลุดพ้น มองลงที่ใจ วัฏฏะเริ่มที่ใจและจบที่ใจ ใจไม่มีสิ่งใด ไม่มีภาษา ไม่มีคำพูด มีเพียงความรู้สึก 

    ไม่มีใครอ่านใจเราได้เท่าตัวเราเอง ไม่มีใครเข้าใจเราได้เท่าเราเข้าใจตัวเอง ไม่มีใครแก้ใจเราได้เท่าเราแก้ใจตัวเอง ไม่มีใครสอนใจเราได้เท่าเราสอนใจตัวอง อ่านใจคนอื่นหรือจะสู้อ่านใจเราเอง

    [​IMG]
     
  4. UMP

    UMP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +530
    "เดินจงกรมบริกรรมพุทโธ เดินอย่างไรให้เห็นอาการเกิดดับ"

    คุณแม่ชีเกณฑ์ท่านสอนให้เดินช้าๆ เท้ายกขึ้น ให้คำว่าพุท การรับรู้ที่เท้าเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน และก่อนเท้าจะลงให้หยุดไว้ จะเห็นคำว่าโธผุดขึ้นในใจ ให้มันดับไปก่อนแล้วค่อยเอาเท้าลงพร้อมคำว่าโธที่เอ่ยขึ้นมาใหม่ เพื่อให้การรับรู้ เท้าที่ลงและคำว่าโธเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน 

    เมื่อเห็นใจมันสั่งให้เอาเท้าลงหรือบอกให้ไป อย่าไปทำตามมัน หยุดดูให้มันดับลงก่อนจึงไปต่อ ถ้าความคิดเกิดขึ้นให้หยุดค้างไว้ ความปวดเกิดขึ้นก็ให้หยุดค้างไว้ เมื่อความคิดและอาการปวดดับจึงไปต่อ มันมาอีกก็หยุดอีก มันดับเราก็ไปต่อ

    การเห็นการเกิดดับ เป็นต้นทางของการวิปัสสนา เป็นปัญญาขั้นแรกที่จะพาเราพ้นทุกข์ได้ ผู้ปฏิบัติธรรมที่เห็นและเข้าถึงการเกิดดับจากการปฏิบัติ จะปฏิบัติธรรมเข้าใจได้ง่ายและไม่เนิ่นช้า

    จะบริกรรมอะไรหรือไม่บริกรรม คุณแม่ท่านให้สังเกตจุดเดียวกันคือ จุดที่การรับรู้เกิดแล้วก็ดับ และเห็นจิตที่คิด จิตที่สั่งเกิดแล้วดับ การเดินช้าแล้วหยุดจะทำให้เราเห็นธรรมชาติอันแท้จริงนี้ เพราะใจที่ไม่ยอมรับว่าทุกสิ่งเกิดแล้วดับ ความคิดจึงต่อกันยาวเหยียด

    ถ้าคิดมากไม่ยอมหยุดเพราะสติเรายังไม่มีกำลังพอ หยุดค้างไว้และให้กำหนดคิดหนอๆ หรือตามอาการความรู้สึกในใจ หากฟุ้งมาก อึดอัดมาก ให้บริกรรมออกเสียงดังๆ เพื่อให้จิตคลายและมาสนใจอาการที่ปากเป็นระยะ เมื่อต่อเนื่องมากๆ มันไม่ถูกปรุงแต่งให้คิดต่อ ความคิดนั้นก็ดับลง หรือจะคิดให้มันจบไปเลย เมื่อสรุปได้ก็วาง

    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...