สติดีดออกจากสมาธิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย dangcarry, 18 สิงหาคม 2010.

แท็ก:
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. พลน้อย

    พลน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +473
    คำสอนขององค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธะเจ้า (ยกมาจากท่านธรรมภูต)


    ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม
    บรรลุปฐมฌาน มีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวกอยู่

    บรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น
    ไม่มีวิตกไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่

    มีอุเบกขามีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกายเพราะปีติสิ้นไป
    บรรลุตติยฌานที่พระอริยะสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข

    บรรลุจตุตถฌานไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์และ
    ดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่


    ถ้าท่านใดสอนแตกต่างจากนี้ ถือเป็นคำสอนที่คาดเคลื่อนจากธรรมะขององค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งสิ้น เมื่อธรรมะคาดเคลื่อนการปฏิบัติเข้าถึงธรรมะย่อมเป็นเรื่องยากมากยิ่งขึ้น ท่านผู้อ่านลองนึกดูว่าคำสอนปัจจุบัน ตรงกับคำสอนนี้หรือไม่​
     
  2. พลน้อย

    พลน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +473
    ท่านผู้อ่านที่เข้าไม่ถึงพุทธะ จงอย่าได้วิเคราะห์วิจารณ์ธรรมะของผู้เข้าถึงพุทธะ ไม่ว่าจะเป็นพุทธะสาวก หรือ พุทธะภูมิ การวิเคราะห์วิจารณ์ธรรมะโดยความไม่รู้จริง เข้าไม่ถึงในสิ่งที่ตนวิจารณ์ ท่านจะต้องลง อบายภูมิ เพราะความไม่รู้อย่างแน่นอน
    ท่านทั้งหลายจงอย่าได้ประมาทเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 กันยายน 2010
  3. พลน้อย

    พลน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +473
    ผู้ปรารถนาพุทธะภูมิ คือ พระโพธิสัตว์

    ผู้เข้าถึงพุทธะภูมิ เรียกว่า พุทธะภูมิ คือ พระมหาโพธิสัตว์ ในมหายาน เรียกว่า อรหันต์โพธิสัตว์

    พุทธภูมิ คือ ภูมิของบรมครูองค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมต้องมีความรู้มากกว่าสาวกภูมิจนถึงประมาณมิได้

    การที่สาวกภูมิ อธิบายภูมิของ พุทธภูมิ จึงเป็นเรื่องไม่เหมาะสม อธิบายได้ก็ไม่ถูกต้อง และที่ผ่านมาก็ไม่มีท่านใดเลยอธิบายได้ถูกต้อง

    วันนี้มาแสดงภูมิของพุทธะให้ท่านได้ทราบว่า
    พุทธะภูมิ นั้นมีอยู่จริง

    ผมไม่ค่อยมีเวลาอธิบายมากนัก ถ้าท่านสงสัยการปฏิบัติสมาธิให้ถามท่าน dangcarry ไปก่อน อ่านดูการปฏิบัติของท่านแล้วถูกต้องทั้งหมด อย่างน้อยการปฏิบัติเบื้องต้นของท่านจะได้ไม่หลง และรักษามารยาทด้วย ผมมีเวลาว่างจะอธิบายการปฏิบัติให้ท่าน dangcarry และผมไม่สามารถอยู่อธิบายได้นาน

    หวังว่าสิ่งที่อธิบายวันนี้ จะเป็นประโยชน์แก่ท่านไม่มากก็น้อย

    ขอบคุณครับ
     
  4. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>เอกวีร์*, อโศ </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,307
    สภาวะตอนนั้นชัดเจนค่ะ เพราะโดยปกติจะไม่เข้าสมาธิโดยความเผลอเหมือนบางท่านที่เคยกล่าวว่าไปได้ยังงัยไม่รู้ แต่เงลาที่เข้าสมาธิจะกำหนดที่ลมหายใจตลอดก่อนจนจิตนิ่งเป็นสมาธิมีความโปร่งเบาก่อนและกำหนดดูทั้งลม กาย เวทนา รู้แบบไม่บังคับ รู้แบบรู้ตามสภาวะความเป็นจริง จิตจะรวม อาการที่เหมือนฟ้าแลปตรงหน้าแล้วเหมือนมันปึ๊บ.... เกิดความสว่างแต่ไม่ใช่จ้า มันไม่ใช่แค่จิต และกาย กลายเป็นตัวสติที่มันดีดออกมาเพิ่มอีกตัว จากตรงนั้นมีสติระลึกรู้ขึ้นทันทีว่าสติปัฏฐาน4 เกิดขึ้นในขณะเดียวกัน สติตามรู้ทันที กาย เวทนา จิต ธรรม สติทำหน้าที่ ตามรู้เกิด ดับ เกิด ดับ จิตคิดสติดับ มันเป็นสภาวะแบบนี้ติดต่อกัน ส่วนกายนิ่งไม่มีอาการใดๆเหมือนอะไรที่เป็นที่ว่างๆแต่มันกว้างขณะที่จิตทำหน้าที่ตามสภาวะ โดยมีสติเป็นผู้คุมอีกทีขณะที่จิตโคจร ตัวสติจะเป็นผู้คุมตามทำให้เห็นว่าจิตนั้นเป็นตัวการสำคัญ สภาวะธรรมเกิดที่จิต จิตเป็นผู้รู้ หรือเรียกว่าการเห็นจิตในจิต คือมีสติตามตลอด เราไม่รู้สึกอินอะไรกับมันเลยรู้ไปตามสภาวะเท่านั้น ขอกล่าวเพิ่มเติมในส่วนที่ไม่ได้ถามน่ะค่ะ ทุกวันนี้เวลาเข้าสมาธิจะคล่องกว่าเดิม เพราะหลังจากวันนั้นทำให้เรารู้ว่าสภาวะจิตนั้นบังคับไม่ได้ เวลาเข้าสมาธิจะนั่งให้สภาวะจิตเป็นธรรมชาติโดยใช้สติเป็นตัวรู้เท่านั้นอย่าไปบังคับโดยเด็ดขาดจิตมีสภาวะอย่างไรตามรู้เท่านั้นก่อน พอจิตมันพอเองมันจะกลับมาที่ความนิ่งจะทำให้จิตเป็นสมาธิเต็มที่ เท่าที่จิตมีกำลัง แต่ก่อนที่จะมารู้ตรงนี้ก็คลำทางเอาเพราะไม่รู้สภาวะธรรมชาติของจิตก็จะมีติดๆขัดๆบ้าง หลังจากที่เห็นสภาวะของจิตชัดเจนจึงเข้าใจความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาค่ะ
     
  6. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,307
    เรียนท่านทดสอบหนึ่งด้วยศัทธาที่มีต่อท่าน โดยมิใช่ด้วยเหตุผลใดๆทั้งสิ้นนอกจากภูมิธรรมความรู้ที่ท่านมอบให้มานี้ถือเป็นพระคุณอย่างสูง และกราบขอบพระคุณที่ท่านให้กำลังใจมาตลอด ในเรื่องการปฏิบัติของข้าพเจ้า ซึ่งต้องใช้เวลาในการเดินทางอีกมากการที่ท่านเมตตารับรองให้นั้นข้าพเจ้ารู้สึกซาบซึ้งใจแต่ไม่ปราถนาให้ท่านเน้นย้ำตรงจุดที่ว่าอริยะ เพราะไม่ต้องการให้ผู้อื่นคิด หรือปรามาศท่านด้วยเหตุทุกประการ ธรรมของข้าพเจ้านั้นยังไม่สามารถให้ผู้อื่นรู้ได้อย่างชัดเจนจึงยังไม่มีความเหมาะสมใดๆด้วยประการทั้งปวง ข้าพเจ้าเองไม่ปราถนาสร้างผลกรรมใดๆ และก็ไม่ปราถนาให้ผู้อื่นมีกรรมใดๆด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการ ส่วนเรื่องที่ท่านทดสอบ1 เมตตาให้ความไว้วางใจให้ข้าพเจ้าได้ให้คำแนะนำท่านอื่นในเรื่องการปฏิบัติ ข้าพเจ้ายินดีเท่าที่ปัญญาพึ่งมี ก็ต้องขอให้ท่านช่วยขยายความรู้ให้กับผู้ที่มีภูมิธรรมมากกว่าข้าพเจ้า เพราะสิ่งที่ไม่เที่ยงที่สุดคือจิตมนุษย์นี่เอง สุดท้ายข้าพเจ้าขอขอบคุณผู้ก่อตั้งเว็ปพลังจิต เจ้าหน้าที่ทุกท่าน เพื่อนธรรมทุกท่าน ที่เป็นส่วนหนึ่งทำให้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสดีๆได้เรียนรู้ธรรม ได้มีโอกาสรู้จักท่านทดสอบ1 และเพื่อนๆๆ ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้สร้างสมมาดีแล้วจงถึงแก่พวกท่านจงทุกประการเทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กันยายน 2010
  7. ลุงมหา

    ลุงมหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,092
    หลวงปู่มหาบัว ขยายความ คำว่า "พุทธ"ของแต่ละท่าน

    ขออนุญาติครับ
    จากธรรมเทศนาของท่านอาจารย์ปู่ หลวงปู่มหาบัว ญาณสัมปัณโณ ที่ออกอากาศทางสถานีวิทยุเสียงธรรม เมื่อวันแรม ๗ ค่ำ เดือน ๙ ระหว่างเวลา 0๕:๒0-0๕:๕๕ ท่านได้เมตตาอธิบายว่า "ความเป็นพุทธ อันนี้ ไม่ใช่พุทธ เหมือนของพระพุทธเจ้า เป็นพุทธของแต่ละท่านเอง"
    หรือแม้แต่ท่านอาจารย์อนันต์ อาจิณจะโณ แห่งวัดมาบจันทร์(สาขาวัดหนองป่าพงที่ ๗๓) อยู่หลังเขายายดา อ.เมือง จ.ระยอง
    ท่านก็มักใช้คำอธิบายเมื่อจิตสงบว่า "นิพพานน้อยๆของเรา"
    จึงพออนุมาณได้ว่า คำว่า "อริยะ" ก็คงไม่ต่างกัน
    ความเข้มข้นของธรรมขึ้นอยู่กับปริมาณและคุณภาพของความเพียร จะมากจะน้อยขึ้นอยู่กับตรงนั้นอยู่แล้ว
    ส่วนเรื่องความเห็นที่แตกต่าง ขอให้วางอุเบกขาเสีย เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล
    และอย่าได้ ใจเสาะ ไปขอลบกระทู้ทั้งหมดซะละ เดี๋ยวความพยายามของทุกท่านที่จะช่วยเหลือกันจะสูญเปล่า
    แต่ที่ผมแปลกใจมากๆคือ ยังคงเห็นท่านไปตอบกระทู้อื่นๆ อีกหลายกระทู้ ซึ่งผมเห็นว่าผิดปรกติวิสัย เพราะที่เคยเห็นมาเมื่อปฏิบัติมาถึงตรงนี้ จะเกิดอาการ
    "กายวิเวก จิตวิเวก แทบจะตลอดทั้งวัน" ไม่อยากยุ่งเกียวกับอะไรเลย สติจะเพียรรักษาจิตอยู่ตลอด
    ส่วนเรื่องที่ผมว่า ผมเป็นลูกศิษย์ พระมหาโพธิสัตว์นั้น ก็ท่านมีตัวมีตนจริงๆ มีผลงานพร้อมจะให้ทุกๆท่านพิสูจน์ได้ ผมไม่ได้กราบตอไม้แล้วบอกว่าเป็นพระมหาโพธิสัตว์ซักหน่อย
    ขออนุโมทาบุญร่วมกับทุกๆท่านครับ
    ขอบคุณครับ
    ลุงมหา
     
  8. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    เรานั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลสเครื่องยียวน(ธรรมกาย)
    ปราศจากอุปกิเลส อ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ถึงความไม่หวั่นไหวอย่างนี้
    โน้มน้อมจิตไปเพื่ออาสวักขยญาณ
    ได้รู้ชัดตามเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกข์สมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา
    เหล่านี้อาสวะ นี้อาสวสมุทัย นี้อาสวนิโรธ นี้อาสวนิโรธคามินีปฏิปทา.
    เมื่อเรานั้นรู้เห็นอย่างนี้จิตก็หลุดพ้น แม้จากกามาสวะ แม้จากภวาสวะ แม้จากอวิชชาสวะ
    เมื่อจิตหลุดพ้นแล้ว ก็มีญาณหยั่งรู้ว่า หลุดพ้นแล้ว
    ได้รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว
    กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มี
    ^
    ^
    ศีล สมาธิ สติ สมาธิ ปัญญา ล้วนเกิดขึ้นที่ไหน??? ถ้าไม่ใช่ที่จิต???
    พระพุทธศาสนา ไม่สอนอะไรเกินไปกว่า จิตกับอารมณ์ใช่มั้ยครับ???
    จิตจึงเป็นหัวใจหลักในพระพุทธศาสนาที่ พวกเราควรจะเรียนรู้ให้เข้าใจ
    เมื่อเข้าถึงจิตและรู้จักจิตดีแล้ว ไม่มีอะไรในโลกที่เราจะเข้าใจไม่ได้(ไม่หลงงมงาย)ครับ

    ;aa24
     
  9. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    จิตคิดสติดับ ขยายความหน่อยได้มั้ยครับ

    หมายถึงพอคิดปุ๊บ สติรู้ทันก็ดับปั๊บรึป่าวครับ...

    การทำความเข้าใจเรื่องกระบวนการหลงความคิดเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องที่พลาดไม่ได้ แต่ถ้าตั้งใจมากก็จะกลายเป็นกิเลสไปปิดบังความจริง โดนหลอกซ้อน ต้องค่อย ๆ สังเกตทีละเล็กละน้อยไป สังเกตแบบไม่จงใจเพ่งจ้อง แต่ก็ใส่ใจ เอ๊ะ ยังไงชักจะงง อธิบายยาก ภาษามันเป็นภาษาพูด พูดยากนะ เอาเป็นว่า การเห็นสภาวะพวกนี้จะให้เห็นได้ตามความเป็นจริง จริง ๆ ต้องอาศัยช่วงเผลอ แต่เป็นเผลอที่มีสติ (ที่ฝึกฝนมาจนชำนาญ) เข้าไปรู้เท่าทันได้พอดิบพอดี เรียกว่า จับได้คาหนังคาเขา จึงจะเริ่มเข้่าใจชัด

    พอเข้าใจแล้วก็ไม่ใช่จบแค่นั้นนะ เข้าใจแล้วเข้าใจอีก จนมันวางนั่นแหละ พอมันหมดสงสัยจริง ๆ มันก็จะวาง ทีนี้เขาก็จะเปลี่ยนสภาพของเขาเอง ผ่านแล้วก็รู้เองเนอะ...


    ขออนุโมทนาครับ ที่เล่าให้ฟังนี้ ตอนนั้นหลวงพ่อท่านยังบอกผมว่า เป็นแค่เพียงเริ่มต้นเท่านั้นเองนะ แต่มาถูกทางแล้ว สัมมาทิฏฐิเปิดทางแล้ว ต่อไปก็ขยันหมั่นเพียรเอา...ฯลฯ

    อ้อ ผมลืมบอกไป...แล้วก็ต้องเอาให้ได้ทุกอิริยาบถ ไม่ใช่แค่ตอนนั่งสมาธิอย่างเดียว ทุกช่วงเวลานะ...เจริญสติให้ต่อเนื่อง เราจะเข้าใจความหมายนี้เลยทีเดียว..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กันยายน 2010
  10. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    <MARQUEE direction=down scrollAmount=1>
    TBoon



    </MARQUEE>
     
  11. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,307
    เรียนท่านลุงมหา เห็นข้อความท่านลุงมหาดีใจค่ะที่ท่านยังไม่ลืมที่จะชี้ทาง ก่อนอื่นต้องบอกท่านลุงมหาว่าพอดีป่วยพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลายวันกลับมาก็ไล่อ่านดู ได้อ่านความคิดเห็นอื่นๆของท่านลุงมหา ถกกันเรื่องพุทธภูมิ กับสาวกภูมิ ก็พิจารณาตามแต่ที่ผ่านมาก็พอมีความรู้เรื่องนี้อยู่บ้างแต่ไม่ลึกซึ้งเท่าไหร่ จึงไม่ได้ร่วมกลุ่มสนทนา แต่เห็นข้อความด้านบนก็เลยขอตอบท่านลุงมหาจะถูกหรือผิดท่านลุงมหาช่วยชี้แนะด้วยน่ะค่ะ ไม่รู้ท่านลุงมหาถามเราหรือเปล่าว่าเห็นยังไปตอบกระทู้อื่นๆทำไมมาถึงตรงนี้จึงไม่เกิดกายวิเวก หรือจิตวิเวก ตรงนี้ไม่รู้ว่าจะตอบได้ชัดเจนหรือเปล่าเพราะบางทีเห็นกระทู้ท่านอื่นๆก็จะยังอดไม่ได้ที่จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องการเห็นธรรมของแต่ละท่าน ใจมันก็จะมีความอิ่มเอมบ้างเพราะอย่างน้อยเราไม่ต้องไปทำอย่างอื่นที่ไม่มีประโยชน์ ครั้นจะเอาแต่เจริญสมาธิตลอดต้องตอบตามตรงว่าไม่ได้ต้องการเพียงแค่นั้นเพราะสิ่งที่ได้จากการปฏิบัติไม่มากก็น้อยต้องการที่จะได้ทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นด้วย แต่ถ้าเอากันจริงๆการใช้ชีวิตในประจำวันก็ยังต้องเกี่ยวข้องกับผู้อื่นเป็นอย่างมากเพราะทุกวันนี้อาชีพการงานต้องรับผิดชอบสูง แต่จิตค่อนข้างดีอยู่ไม่ปะปน แต่ไม่รู้ว่าวิเวกหรือเปล่ามันแค่มีที่อยู่ของมันไม่รู้ว่าเราใช้คำพูดถูกหรือเปล่า เพราะแต่ก่อนเหมือนมันแกว่งไวตามทิศทางอารมณ์อย่างงั้นค่ะ แต่ตอนนี้แม้แต่อาการตกใจก็น้อยไม่ค่อยมีค่ะ เมื่อจิตทำงานมันก็ทำหมด จากตรงนั้นมันก็กลับสู่ฐานลมหายใจปัจจุบัน รู้ปัจจุบันเป็นที่ตั้ง ต้องขอขอบพระคุณท่านลุงมหาที่ให้กำลังใจเป็นอย่างมาก ถ้าท่านลุงมหามีสิ่งใดแนะนำหรืออยากสอบการเจริญสมาธิถามเป็นข้อๆได้น่ะค่ะ เราจะตอบท่านลุงมหาเท่าที่เราทำได้จริงๆไม่มั่วตอบแน่ค่ะ เพราะอายครูจะ บ่รู้วิชา ค่ะ สาธุ ขอให้ท่านลุงมหามีสุขภาพแข็งแรงค่ะ ได้อยู่รับใช้พุทธศาสนาตามที่ลุงมหาตั้งใจ ขออนุโมทนาในบุญกุศลที่ท่านได้มีโอกาสรับใช้หน่อเนื้อพุทธภมิค่ะ
     
  12. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,307
    สุดท้ายท่านเอกวีร์ นี่แหละว่างจริงไม่มีมีแม้แต่อักษรใดๆ ใช่มั้ยค่ะ (นึกแล้วขำเอง)
     
  13. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ขออนุโมทนากับท่านผู้ปฏิบัติ ทั้งหลาย

    ยินดีในความรู้และภูมิธรรมกับทุกท่านที่สามารถปฏิบัติได้จริง ตามความสมควรแก่เหตุ แต่อย่าลืมความเพียรนะ ถึงอย่างไรก็ยังต้องมีความเพียรในการเจริญสติอยู่

    รู้ตนเอง ดีกว่ารู้ผู้อื่น เพราะรู้ตนเอง ทำให้รู้ว่าจิตเรามีการปรุงแต่งหรือไม่ อุเบกขาจะได้ตามมา

    สาธุ............
     
  14. ลุงมหา

    ลุงมหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,092
    ขั้นต่อไปของท่าน dangcarry


    เรียนท่านลุงมหา เห็นข้อความท่านลุงมหาดีใจค่ะที่ท่านยังไม่ลืมที่จะชี้ทาง

    ตอบ ผมไม่ลืมประเด็นหรอกครับ ที่ตั้งความหวังไว้ว่า จะสรุปหาวิธีปฏิบัติ ที่ทำให้ ก้าวกระโดดไปถึง การพิจารนา จิตในจิต และ ธรรมในธรรม ไม่ว่าท่านผู้ใดจะว่าอย่างไร ตัวเราผู้ปฏิบัติเอง รู้เอง เห็นเอง ตัวเราย่อมรู้ย่อมเห็นดีกว่าผู้อื่น กลับบ้านเกิดคราวหน้าผมจะพยายามตามหา อีกท่านคุณลุงอาชีพขับรถไถ อ.หนองกุงศรี ท่านผู้นี้ ท่านเดินสติอัตโนมัติได้เมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว พอสนทนาไปผมต้องรีบโดดลงจากแคร่แล้วก้มลงกราบท่านสามครั้งด้วยความตกใจ ท่านสนิทสนมกับเพื่อนพีสาวคนโตผมมาก เบอร์โทรท่านที่จดมาก็หายหมดแล้ว ทั้งเพื่อนพี่สาวผมและพี่สาวผมก็เสียชีวิตหมดแล้ว น่าเสียดาย

    ก่อนอื่นต้องบอกท่านลุงมหาว่าพอดีป่วยพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลายวันกลับมาก็ไล่อ่านดู
    ได้อ่านความคิดเห็นอื่นๆของท่านลุงมหา ถกกันเรื่องพุทธภูมิ กับสาวกภูมิ ก็พิจารณาตามแต่ที่ผ่านมาก็พอมีความรู้เรื่องนี้อยู่บ้างแต่ไม่ลึกซึ้งเท่าไหร่ จึงไม่ได้ร่วมกลุ่มสนทนา


    ตอบ ก็ลองพิจารนาดูอีกทีนะครับ ตรรกะ ง่ายๆ พระมหาโพธิสัตว์ท่านจุติลงมาทำหน้าที่ของท่าน ถ้าท่านไปลาพุทธภูมิ แล้วท่านจะดำรงความเป็นพระมหาโพธิสัตว์ได้อย่างไร
    เปรียบเหมือนคนที่แต่งงานแล้วจดทะเบียนแล้ว เมื่อทำการหย่าขาดในเวลาต่อมา แล้วจะมาพูดว่าคนนั้นนะภรรยาผมได้หรือ


    แต่เห็นข้อความด้านบนก็เลยขอตอบท่านลุงมหาจะถูกหรือผิดท่านลุงมหาช่วยชี้แนะด้วยนะค่ะ
    ไม่รู้ท่านลุงมหาถามเราหรือเปล่าว่าเห็นยังไปตอบกระทู้อื่นๆทำไมมาถึงตรงนี้จึงไม่เกิดกายวิเวก หรือจิตวิเวก ตรงนี้ไม่รู้ว่าจะตอบได้ชัดเจนหรือเปล่าเพราะบางทีเห็นกระทู้ท่านอื่นๆก็จะยังอดไม่ได้ที่จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องการเห็นธรรมของแต่ละท่าน ใจมันก็จะมีความอิ่มเอมบ้างเพราะอย่างน้อยเราไม่ต้องไปทำอย่างอื่นที่ไม่มีประโยชน์


    ตอบ กายวิเวก จิตวิเวก ก็คือ การปลีกตนของกายกับจิต ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆรอบๆตัว ที่นอกเหนือจากหน้าที่การงานและหน้าที่ต่อครอบครัว จะทำเท่าที่จำเป็น นอกเหนือจากนั้น สติจะรักษาจิต และ รักษาศีลไปพร้อมๆกัน
    ภูมิจิต ภูมิธรรม ก็มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ขณะนี้ท่านมีการเกิดขึ้นแล้ว และ กำลังตั้งอยู่ ถ้าท่านไม่รู้จักวิธีรักษา ก็จะต้องเกิด การดับไป ที่ท่านต้องเผชิญในวันข้างหน้าก็คือ ภูมิรู้ ภูมิธรรมที่ท่านผ่านมาแล้ว หายไป ท่านจะทำอย่างไรต่อไป ในการตามหา ในการรักษา เพื่อให้เกิดความชำนาญในการรู้ ในการรักษา ภูมิรู้ภูมิธรรมอันนั้น
    นี่เป็นเหตุผลว่า ทำไมผมจึงเตือนท่านให้ สำรวมระวัง นี่เป็นเหตุผลว่า ทำไมจึงต้องมีครูบาอาจารย์ ก็เพื่อท่านจะได้เป็นผู้บอกว่า เราช่วยตัวเองได้หรือยัง ท่านต้องรู้ว่าเราอยู่ตรงไหน เรากำลังจะไปไหน และเราจะไปได้อย่างไร
    แม้แต่พระธรรมยุติ ถ้าจับกลุ่มคุยกันเรื่องทางโลกแล้วละก็ ไม่จำเป็นต้องถามเลยว่าภูมิจิตภูมิธรรมของพวกท่านอยู่ระดับไหน
    ที่ท่านอาจารย์ปู่หลวงปู่มหาบัว ท่านชอบว่า”เก้งๆก้างๆ ขวางหูขวางตา” นั่นละครับ


    ครั้นจะเอาแต่เจริญสมาธิตลอดต้องตอบตามตรงว่าไม่ได้ต้องการเพียงแค่นั้นเพราะสิ่งที่ได้จากการปฏิบัติไม่มากก็น้อยต้องการที่จะได้ทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นด้วย

    ตอบ การจะช่วยผู้อื่นได้ เราต้องรู้จักช่วยตัวเองก่อนนะครับ เปรียบเหมือนเห็นคนตกน้ำถ้าเรายังว่ายไม่แข็งหรือไม่ได้รับการฝึกมา เราก็ต้องโยนเชือก โยนกิ่งไม้ไปช่วยเขา อย่าให้ถึงกับกระโดดลงไปช่วยเขาเลย

    แต่ถ้าเอากันจริงๆการใช้ชีวิตในประจำวันก็ยังต้องเกี่ยวข้องกับผู้อื่นเป็นอย่างมากเพราะทุกวันนี้อาชีพการงานต้องรับผิดชอบสูง แต่จิตค่อนข้างดีอยู่ไม่ปะปน แต่ไม่รู้ว่าวิเวกหรือเปล่ามันแค่มีที่อยู่ของมันไม่รู้ว่าเราใช้คำพูดถูกหรือเปล่า เพราะแต่ก่อนเหมือนมันแกว่งไวตามทิศทางอารมณ์อย่างงั้นค่ะ

    ตอบ ทำเท่าที่จำเป็นก็พอครับ ที่เหลือต้องสำรวมระวัง รักษาจิตของตนเอง จนกว่าจะชำนาญจะรู้จะเข้าใจ เข้าออกได้ตามประสงค์

    แต่ตอนนี้แม้แต่อาการตกใจก็น้อยไม่ค่อยมีค่ะ เมื่อจิตทำงานมันก็ทำหมด จากตรงนั้นมันก็กลับสู่ฐานลมหายใจปัจจุบัน รู้ปัจจุบันเป็นที่ตั้ง

    ตอบถูกแล้วครับ แต่อย่าลึมการสำรวมระวังให้มากเข้าไว้

    ต้องขอขอบพระคุณท่านลุงมหาที่ให้กำลังใจเป็นอย่างมาก

    ตอบ ผมก็เฝ้ารอติดตาม ความเปลี่ยนแปลงของท่าน เหมือนกันนะครับ ทำให้ผมระลึกถึงการไปกราบครูบาอาจารย์ฝ่ายธรรมยุติครั้งแรกๆเมื่อประมาณปี 2538 ท่านก็งงๆเคสผมมากๆ ถึงกับอุทานออกมาว่า “ปฏิบัติมาได้อย่างไร ไม่มีครูมีอาจารย์ แล้วปฏิบัติจนมาถึงนี่ได้อย่างไร” นี่ที่ท่านว่าก็ประมาณ ของท่าน ตอนนี้นั่นละครับ พระอาจารย์ท่านนี้สมัยเป็นเณร ท่านก็อยู่วัดใกล้ๆบ้านเกิดผมนั่นละครับ ใครเดินขึ้นศาลามาท่านรู้หมดแล้วโดยไม่ต้องบอกกล่าวอะไรเลย องค์ท่านรับแขกทั้งวัน มีความชำนาญในการอ่านจิตผู้คนมาก เป็นที่เลื่องลือในหมู่พระสายธรรมยุติมาก แถมท่านยังเป็นที่โปรดปรานและไว้วางใจจากท่านอาจารย์ปู่ หลวงปู่มหาบัว อย่างสุดๆอีกด้วย

    ถ้าท่านลุงมหามีสิ่งใดแนะนำหรืออยากสอบการเจริญสมาธิถามเป็นข้อๆได้น่ะค่ะ เราจะตอบท่านลุงมหาเท่าที่เราทำได้จริงๆไม่มั่วตอบแน่ค่ะ เพราะอายครูจะ บ่รู้วิชา ค่ะ สาธุ

    ตอบ ก็ขอสรุปว่าให้ท่านสำรวมระวังให้มากขึ้น ทำสิ่งอื่นเท่าที่จำเป็น พยายามรักษา ภูมิจิต ภูมิธรรม ตรงนี้ไว้ ให้นานที่สุด เพื่อจะได้มีเวลาสร้างความชำนาญ ที่ท่านว่าภูมิจิต ภูมิธรรมเดินหน้าแล้วไม่ถอยหลังนั้น ก็ จริงของท่าน แต่ถ้ามันหายไปแล้วตามหาไม่เจอ ทั้งๆที่มันก็อยู่กับท่านนั่นละครับ ท่านจะทำอย่างไร เหมือนเรามีเงินฝากธนาคารไว้ สมุดบัญชีก็หาย บัตรเอทีเอ็มก็หาย บัตรประชาชนก็หาย ก็ต้องลำบาก ไปติดต่อทำใหม่จึงจะเบิกเงินได้เหมือนเดิม

    ท่านผู้ไดที่ผ่านตรงนี้ไปแล้ว ก็ขอโอกาส ขอความเมตตา แสดงความเห็นด้วยนะครับ

    ขอให้ท่านลุงมหามีสุขภาพแข็งแรงค่ะ ได้อยู่รับใช้พุทธศาสนาตามที่ลุงมหาตั้งใจ ขออนุโมทนาในบุญกุศลที่ท่านได้มีโอกาสรับใช้หน่อเนื้อพุทธภมิค่ะ

    ตอบ ขอบคุณครับ
    ขออนุโมทนาบุญร่วมด้วยนะครับ
    ลุงมหา

    __________________
     
  15. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณdangcarryครับ

    ผมอ่านแล้วมีข้อสงสัยเล็กๆน้อยๆ รบกวนคุณช่วยชี้แจงให้กระจ่างหน่อยนะครับ

    ที่คุณบอกว่า "สิ่งที่ไม่เที่ยงที่สุดคือจิตมนุษย์นี่เอง" หมายความว่าอย่างไรครับ???

    ใช่จิตไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาด้วยใช่มั้ยครับ???

    ถ้าใช่ แล้วอะไรล่ะครับที่เที่ยง???

    ถ้าใช่ แสดงว่าจิตอบรมบังคับบัญชาไม่ได้ใช่มั้ยครับ???

    ;aa24
     
  16. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,307
    ถ้าตอบแบบที่ท่านธรรมภูตถามข้อแรกเราตอบว่าไม่ใช่ ส่วนรายละเอียดเราว่าท่านทราบ ตอบข้อที่2 ถ้าท่านถามว่าแล้วอะไรที่เที่ยงสิ่งที่เที่ยงแท้และแน่นอนมีเพียงสิ่งเดียวเราก็ทราบว่าท่านรู้ ตอบข้อที่3จิตอรมรมบังคับบัญชาไม่ได้ใชหรือไม่ เราตอบว่าได้จิตอบรมได้ ฝึกได้ และขอขยายความว่าการที่เรากล่าวว่าสิ่งที่ไม่เที่ยงที่สุดคือจิตมนุษย์ เพราะถ้าตราบใดจิตมนุษย์ยังยึดถือความพอใจไม่พอใจ
     
  17. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ธรรมะใดที่เกิดขณะนั่งสมาธิ และมีการวิปัสนาเกิดขึ้น ขอให้นำธรรมะนั้นไปใช้ในชีวิตประจำวัน เพือให้ธรรมนั้นคงอยู่กับเราและเกิดประโยชน์ได้จริง เฉกเช่น การฝึกสมาธิสามารถทำได้ทุกอิริยาบถ ทั้งเดิน ยืน นั่ง นอน (ซึ่งมีอยู่ตลอดทั้งวัน ทั้งคืน) การเข้าถึงสมาธิ-จิต หากปฏิบัติจริง ๆ แล้วสามารถทำได้ตลอดเวลา

    คุณจะสามารถเข้าถึงความ่สงบได้จริง ละการปรุงแต่งจิตได้จริง
     
  18. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    "สิ่งที่ไม่เที่ยงที่สุดคือจิตมนุษย์นี่เอง"

    คือ ผมเข้าใจว่า ท่านdangcarry คงหมายถึง "สิ่งที่ไม่เที่ยงที่สุดคือจิตของคนนี่เอง"
    เพราะมนุษย์ กับ คน นั้นต่างกัน ตามความเข้าใจของผมนั้น

    มนุษย์ แปลว่าผู้ประเสริฐ คน แปลว่ายุ่ง

    เราเกิดมาก็มีสรรพนามว่าคนกันทั้งหมดเช่น หนึ่งคน หลายคน
    จนกว่าเราจะทำให้ตนเองกลายเป็นมนุษย์ได้ คือ รักษาศีล เป็นคนดีนี่เอง

    แต่สุนทรภู่ก็ได้ประพันธ์บทกวีไว้ว่า "จิตมนุษย์นั้นไซร้ ยากแท้หยั่งถึง"
    ในวรรณคดีไทยเรื่องพระอภัยมณี สุนทรภู่เห็นว่าจิตใจของมนุษย์นั้นลึกล้ำเหลือกำหนด ดังคำกลอนที่ว่า

    " แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
    ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน "

    ราวกับว่าจิตใจของคนเรานั้นเหลือที่จะหยั่งคาดได้ว่าเป็นอย่างไร แม้เถาวัลย์ซึ่งคดเคี้ยวเลี้ยวลดเกาะเกี่ยวไม้ใหญ่อยู่ก็ยังไม่คดเหมือนกับน้ำใจคน
    ซึ่งความจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ คนเราไม่ได้คดกันไปหมดทุกคน ไม่ได้ซื่อตรงไปหมดทุกคน และจิตใจคนก็ใช่ว่าจะไม่มีทางหยั่งถึง

    ดังคำโคลงโลกนิติได้นำเสนอไว้อย่างลึกซึ้งว่า

    " ก้านบัวบอกลึกตื้น ชลธาร
    มารยาทส่อสันดาน ชาติเชื้อ
    โฉดฉลาดเพราะคำขาน ควรทราบ
    หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้งเรื้อ บอกร้ายแสลงดิน "

    ในปรัชญานิพนธ์ของขงเบ้ง ที่ตรงกันข้ามกับความคิดของสุนทรภู่ แต่เป็นไปในทางเดียวกันกับโลกนิติ
    โดยขงเบ้งเห็นว่าจิตมนุษย์นั้น สามารถหยั่งถึงได้ไม่ยากไม่ลำบากเลย
    ขอเพียงแต่ใส่ใจให้ความสำคัญและตั้งใจหยั่งให้ดี และหยั่งให้เป็น ก็จะสามารถหยั่งทราบได้
    กวีนิพนธ์ของขงเบ้งในเรื่องนี้มีความสำคัญมาก
    ได้มีการถอดออกมาเป็นภาคไทยโดยเรืองวิทยาคมในหนังสือสามก๊กฉบับคนขายชาติว่า

    " จิตมนุษย์ใช่ว่าสุดจะหยั่งคาด
    สรรพสิ่งสามารถค้นศึกษา
    เพราะมนุษย์มีอุตตมะปัญญา
    ต่างจากสัตว์สาราโดยทั่วไป
    อยากรู้ว่าบ้ายึดในอำนาจ
    ลองให้อำนาจก็สิ้นซึ่งสงสัย
    อยากรู้จิตคิดโลภประการใด
    พอให้ต้องเงินตราก็รู้กล
    อยากรู้ว่ามั่นคงในศักดิ์ศรี
    ให้ใกล้ชิดสตรีก็เห็นผล
    ใคร่รู้ว่าจิตใจใช่หรือคน
    กล่อมสุราแล้วจะดลให้เห็นจริง
    ใคร่รู้น้ำใจซื่อหรือว่าคด
    ให้ลองบทพนันเล่นเห็นทุกสิ่ง
    ห้าประการกลหยั่งใจได้ตามจริง
    รู้ให้ยิ่งกระจ่างไว้เพื่อใช้คน "

    ทั้งหมดนั้นคือหลักการและวิธีการในการหยั่งทราบจิตใจคน
    ที่สามารถเข้าใจได้โดยไม่ยาก เพราะมีความชัดเจนอยู่ในตัวแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กันยายน 2010
  19. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    มั่วอะเปล่านี่ ยังไงชอบกลยัก ความสำคัญของเรื่องอยู่ที่ไหนหรือฮือ? อยู่ที่ความเป็นพุทธภูมิหรืออยู่ที่การทำจิตให้บริสุทธิ์ตามธรรมของพระศาสดาและเหล่าพระอรหันต์เถระ แม้เหล่าพระเถระทั้งหลายจะเคยปราถนาพุทธภูมิแต่นั้นก็เป็นเรื่องก่อนท่านจะเป็นพระอรหันต์ ของมันไม่ใช่จะเสกเอาไว้ได้ตั้งแต่ชาติก่อนโน้นจะลิขิตได้ตั้งแต่กระนั้น ของมันมีเหตุที่ปัจจุบันแม้บารมีจะสั่งสมมานับชาติไม่ได้ก็ตาม หากจะเอาสมาธิก็เอาสมาธิธรรม เอาสติก็เลือกเอาแล้วเรียนรู้พิจารณาว่าพร้อมใช้หรือยังหากยังไม่พร้อมแล้วใช้ผสมผสานอย่างวุ่นวาย ก็ไม่อาจที่จะพ้นธรรมที่เรียกว่าวิปัสสนูกิเลสได้เลย สาเหตุสำคัญเลยคือ ความเป็นพระอริยะเจ้าไม่อาจวัดได้จากฌาน และฌานไม่ได้เกี่ยวกับความเป็นพระอริยะเจ้าเลย ทำสมาธิแล้วจะถึงพุทธะพระศาสดาที่ไหนสอนมาหรือครับ ช่วยกรุณาสอนให้ดีๆหน่อยครับ เรื่องเนื้อหาทั้งหมดในนี้ คนในบอร์ดนี้น่าจะมีคำตอบ แต่ติดอยู่ที่ความกลัว หากว่าด้วยการปฏิบัติผมว่าพระศาสดาไม่ได้สอนอย่างนั้นครับ
    สาธุคั๊บ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กันยายน 2010
  20. พรม

    พรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +163
    ไม่ได้กลัวอะไรหรอกครับ แต่ไม่อยากยุ่ง สังเกตุดูพวกที่บอกว่าตนเองปราถนาพุทธภูมิก็มักจะเหมาว่าตัวเองเป็นพุทธภูมิไปหมด แล้วก็มักจะมีความมั่นใจในตนเองแบบสุดขั้วเจ๊าะแจ๊ะไปก็น่ารำคาญก็เลยดูอยู่เฉยๆอะครับ
    อีกอย่างหนึ่งถ้าลองศึกษาพุทธประวัติของพระพุทธเจ้าตอนที่ยังเป็นพระโพธิ์สัตว์สร้างบารมีอยู่ แม้จะมีการสั่งสอนผู้อื่นบ้างแต่เรื่องที่สอนก็ไม่เกี่ยวกับอริยะสัจสี่โดยตรงเลย โดยมากก็แสดงธรรมเกี่ยวกับการให้ผลของบาปบุญ จนถึงชาติสุดท้ายเป็นพระเวสสันดรก็มิได้เห็นว่าทรงแสดงธรรมเกี่ยวกับอริยะสัจ แล้วยิ่งแสดงความรู้เรื่องพระอริยะหรือแสดงตนว่ารู้ดีกว่าพระอรหันต์นี้ยิ่งไม่เคยมี ยิ่งเรื่องรับรองคุณธรรมคนโน้นคนนี้นี่ไม่เคยมีใหญ่

    ที่บางครั้งพระโพธิ์สัตว์แสดงธรรมแล้วคนฟังตรัสรู้ได้นั้นก็เพราะบารมีของผู้ฟังเอง เช่น ในชาติที่พระพุทธเจ้าเสวยชาติเป็นนกยูงทอง ได้แสดงธรรมต่อนายพรานจนนายพรานได้ตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า นกยูงทองนั้นก็ไม่ได้แสดงอริยะสัจหรือเรื่องของพระอริยะใดๆ
    ก็ดูเอาคิดเอาละกัน ทั้งบุคคลทั่วไปและผู้ปราถนาพุทธภูมิและท่านผู้เป็นพุทธภูมิ สิ่งที่ท่านท่านทำนั้นเป็นวิสัยของผู้ใดกันแน่
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...