สติดีดออกจากสมาธิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย dangcarry, 18 สิงหาคม 2010.

แท็ก:
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. 00000

    00000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +1,434
    อันนี้เกล้ากระผมเอามาจากคำสอนของครูบาอาจารย์นะครับ คิดว่าคงจะเป็นประโยชน์ ไม่มากก็น้อยนะครับ...
    ทำไมพระอาจารย์เสาร์สอนภาวนาพุทโธ
    เพราะพุทโธเป็นกิริยาของใจ
    .....ท่านอธิบายให้ฟังว่าที่ให้ภาวนาพุทโธนั้น เพราะพุทโธ เป็นกิริยาของใจ ถ้าเราเขียนเป็นตัวหนังสือเราจะเขียน พ-พาน สระอุ-ท-ทหาร สะกด สระโอ ตัว ธ-ธงอ่านว่า พุทโธ อันนี้เป็นเพียงแต่คำพูด เป็นชื่อของคุณธรรมชนิดหนึ่ง ซึ่งเมื่อจิตภาวนาพุทโธ แล้วมันสงบวูบลงไป นิ่ง สว่างรู้ตื่นเบิกบาน พอหลังจากนั้นคำว่า พุทโธ มันก็หายไปแล้ว ทำไมมันจึงหายไป เพราะจิตมันถึงพุทโธแล้วจิตกลายเป็นพุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เป็นคุณธรรมที่ทำจิตให้เป็นพุทธะเกิดขึ้นในจิตของท่านผู้ภาวนา พอหลังจากนั้นจิตของเราจะหยุดนึกคำว่าพุทโธแล้วก็ไปนิ่ง รู้ ตื่น เบิกบาน สว่างไสว กายเบา จิตเบา กายสงบ จิตสงบยังแถมมีปิติ มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก อันนี้มันเป็นพุทธ พุทโธ โดยธรรมชาติเกิดขึ้นที่จิตแล้ว พุทโธ แปลว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เป็นกริยาของจิตมันใกล้กับความจริง แล้วทำไมเราจึงมาพร่ำบ่น พุทโธๆๆ ในขณะที่จิต เราไม่เป็นเช่นนั้น ที่เราต้องมาบ่นว่าพุทโธ นั่นก็เพราะว่า เราต้องการจะพบ เพื่อนคนใดคนหนึ่ง เมื่อเรามองไม่เห็นเขา หรือเขายังไม่มาหาเรา เราก็เรียกชื่อเขาทีนี้ในเมื่อเขามาพบเราแล้ว เราได้พูดจาสนทนากันแล้ว ก็ไม่จำเป็น จะต้องไปเรียกชื่อเขาอีก ถ้าขืนเรียกซ้ำๆ เขาจะหาว่าเราร่ำไร ประเดี๋ยวเขาด่าเอา
    ทีนี้ในทำนองเดียวกันในเมื่อเรียก พุทโธ ๆๆ เข้ามาในจิตของเราเมื่อจิตของเราได้เกิดเป็นพุทโธเอง คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน จิตของเราก็หยุดเรียกเอง ทีนี้ถ้าหากว่าเรามีความรู้สึกอันหนึ่งแทรกขึ้นมา เอ้าควรจะนึกถึงพุทโธอีก พอเรานึกขึ้นมาอย่างนี้ สมาธิของเราจะถอนอีกที แล้วกิริยาที่จิตมันรู้ ตื่น เบิกบาน จะหายไป เพราะสมาธิถอน
    ทีนี้ตามแนวทางของครูบาอาจารย์ที่ท่านแนะนำพร่ำสอน ท่านจึงให้คำแนะนำว่า เมื่อเราภาวนาพุทโธไป จิตสงบวูบลงนิ่ง สว่าง รู้ตื่น เบิกบานแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท่านก็ให้ประคองจิตให้อยู่ในสภาพปกติอย่างนั้น ถ้าเราสามารถประคองจิตให้อยู่ในสภาพอย่างนั้นได้ตลอดไป จิตของเราจะค่อยสงบละเอียดๆๆ ลงไป ในช่วงเหตุการณ์ต่างๆ มันจะเกิดขึ้น ถ้าจิตส่งกระแสออกนอกเกิดมโนภาพ ถ้าวิ่งเข้ามาข้างในจะเห็นอวัยวะภายในร่างกายทั่วหมดตับ ไต ไส้ พุง เห็นหมด แล้วเราจะรู้สึกว่ากายของเรานี่เหมือนกับแก้วโปร่งดวงจิตที่สงบ สว่างเหมือนกับดวงไฟที่เราจุดไว้ในพลบครอบ แล้วสามารถเปล่งรัศมีสว่างออกมารอบๆ จนกว่าจิตจะสงบละเอียดลงไป จนกระทั่งว่ากายหายไปแล้วจึงจะเหลือแต่จิตสว่างไสวอยู่ดวงเดียวร่างกายตัวตน หายหมดถ้าหากจิตดวงนี้มีสมรรถภาพพอที่จะเกิดความรู้ความเห็นอะไรได้ จิตจะย้อนกายลงมาเบื้องล่าง เห็นร่างกายตัวเองนอนตายเหยียดยาวอยู่ขึ้นอืดเน่าเปื่อยผุพังสลายตัวไป
    ฉะนั้น คำว่า พุทโธ ๆ ๆ นี้มันไม่ได้ติดตามไปกับสมาธิ พอจิตสงบเป็นสมาธิแล้วมันทิ้งทันที ทิ้งแล้วมันก็ได้แต่สงบนิ่ง แต่อนุสติ ๒ คือกายคตานุสติ อานาปานสติถ้าตามหลักวิชาการท่านว่า ได้ทั้งสมถะทั้งวิปัสสนาทีนี้ถ้าเราภาวนาพุทโธ เมื่อจิตสงบนิ่ง สว่าง รู้ ตื่น เบิกบาน ถ้ามันเพ่งออกไปข้างนอกไปเห็นภาพนิมิต ถ้าหากว่านิมิตนิ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงก็เป็นสมถกรรมฐาน ถ้าหากนิมิตเปลี่ยนแปลงก็เป็นวิปัสสนากรรมฐาน ทีนี้ ถ้าหากจิตทิ้งพุทโธ แล้วจิตอยู่นิ่งสว่าง จิตวิ่งเข้ามาข้างใน มารู้เห็นภายในกายรู้อาการ ๓๒ รู้ความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ซึ่งร่างกายปกติแล้วมันตายเน่าเปื่อยผุพัง สลายตัวไป มันเข้าไปกำหนดรู้ความเปลี่ยนแปลงของร่างกายซึ่งร่างกายปกติแล้วมันตายเน่า เปื่อยผุพัง สลายไป มันเข้าไปกำหนดรู้ความเปลี่ยนแปลงของสภาวะคือ กายกับจิตมันก็เป็นวิปัสสนากรรมฐาน มันก็คลุกเคล้าอยู่ในอันเดียวกันนั้นแหละ
    แล้วอีกประการหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราจะเคยได้ยินได้ฟังว่าสมาธิขั้นสมถะมันไม่เกิดภูมิความ รู้ อันนี้ก็เข้าใจผิด ความรู้แจ้งเห็นจริง เราจะรู้ชัดเจนในสมาธิขั้นสมถะ เพราะสมาธิขั้นสมถะนี่มันเป็นสมาธิที่อยู่ในฌานมันเกิดอภิญญา ความรู้ยิ่งเห็นจริง แต่ความรู้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างในขณะที่จิตอยู่ในสมาธิขั้นสมถะ มันจะรู้เห็นแบบชนิดไม่มีภาษาที่จะพูดว่าอะไรเป็นอะไรสักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น เช่น มองเห็นการตาย ตายแล้วมันก็ไม่ว่า เน่าแล้วมันก็ไม่ว่า ผุพังสลายตัวไปแล้วมันก็ไม่ว่า ในขณะที่มันรู้อยู่นั่น แต่เมื่อมันถอนออกมาแล้วยังเหลือแต่ความทรงจำ จิตจึงจะมาอธิบายให้ตัวเองฟังเพื่อความเข้าใจทีหลังเรียกว่า เจริญวิปัสสนา

    อนุโมทนาครับ ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่าการปฏิบัติสมาธิให้ ค่อย ๆทำอย่างระมัดระวัง ประมาทไม่ได้...รู้แล้วให้วาง...อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา....ที่เหลือก็ลองศึกษาการปฏิบัติสมาธิ ฯ ตามที่ครูบาอาจารย์ท่านถ่ายทอดไว้นะครับ...
     
  2. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    การปฏิบัติธรรมที่ดี และให้ได้ผล ต้องดูที่ตนเอง ไม่ว่าในชีวิตประจำวัน หรือการนั่งสมาธิ ขอให้มีสติที่รู้ตนเอง ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง และรู้ตรง ๆ แบบนั้น โดยไม่ต้องคิดอะไร(ปรุงแต่งจิต) ถ้าเผลอไปคิด หรือยามใดที่ไม่มีสติรู้ ขณะนั่งสมาธิ ก็ให้เริ่มต้นใหม่ด้วยสติ

    การปฏิบัติเพื่ออะไร? เพื่อความสงบ เพื่อความสุข ท้ายสุดก็เพื่อละกิเลสที่เกิดจากตัวเราไม่ใช่เหรอ

    เพราะฉะนั้นให้รู้ตนเอง ดูตนเองนะ ให้หัดแยกแยะว่าสิ่งที่เราได้ คิด พูด ทำ เป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ เป็นบุญหรือบาป เป็นกุศลหรืออกุศล หากคุณทำได้ คุณจะรู้ตนเอง เมื่อรู้ตนเองก็สามารถเตือนตนเองได้ เมื่อเตือนตนเองได้ก็จะละการกระทำกรรมไม่ดี การพูดไม่ดี การคิดไม่ดีได้ ก่อให้เกิดการละอกุศลและกุศลก็จะเกิดในจิตเรา

    ปัญหาของการปฏิบัติธรรมที่ให้ผลช้า หรือไม่ได้ผล โดยส่วนใหญ่แล้ว คือการขาดวินัยในการปฏิบัติ คือปฏิบัติไม่สม่ำเสมอ (ไม่ทุกวัน)


    หากท่านสามารถทำได้ ข้าพเจ้าขออนุโมทนา สาธุ
     
  3. ลุงมหา

    ลุงมหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,092
    พระมหาโพธิสัตว์ที่จะมาสืบทอดศาสนาให้ถึง 5,000 ปี

    อ้างอิง
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เตชพโล
    ตรงนี้น่าจะเข้าใจผิดนะครับ
    พระมหาโพธิสัตว์ที่จะมาสืบทอดศาสนาให้ถึง 5,000 ปี นี่

    ท่านมาในลักษณะที่ท่านลาพุทธภูมิ เพื่อเป็นสาวกภูมิ ครับ
    เพราะถ้าไม่ใช่พระอรหันต์ผู้สิ้นกิเลสแล้ว
    จะมาสอนมาชี้ทางให้ผู้อื่นสิ้นกิเลสได้อย่างไร



    ขออนุญาตครับ
    ตอบ พระมหาโพธิสัตว์ที่จะมาสืบทอดศาสนาให้ถึง 5,000 ปี นี่
    ท่านมาในฐานะของพระมหาโพธิสัตว์นะครับ เมื่อท่านมาในฐานะพระมหาโพธิสัตว์แล้ว ท่านจะลาพุทธภูมิ เพื่อเป็นสาวกภูมิได้อย่างไร?
    เพราะถ้าถ้าท่านลาพุทธภูมิ เพื่อเป็นสาวกภูมิแล้ว ท่านจะดำรงความเป็น พระมหาโพธิสัตว์ได้อย่างไร?

    การมาของพระมหาโพธิสัตว์นั้น ก็คล้ายๆการจุติขององค์พระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าครับ คือ ต้องมีการประชุมธรรมสภา แล้วให้ธรรมสภาเลือก พระมหาโพธิสัตว์ที่จะลงมาจุติ เพื่อสืบทอดพระศาสนา ที่ท่านว่าเบื้องบนส่งท่านลงมานั่นละครับ

    เพราะถ้าไม่ใช่พระอรหันต์ผู้สิ้นกิเลสแล้ว
    จะมาสอนมาชี้ทางให้ผู้อื่นสิ้นกิเลสได้อย่างไร


    ตอบ ที่ท่านลงมา ก็เพื่อจะสร้างศรัทธามหาชน ให้มีความแน่นแฟ้นในพระพุทธศาสนายิ่งๆขึ้นไป
    ท่านมาสร้างถาวรวัตถุเพื่อเป็นตัวแทนของพระพุทธองค์ เป็นที่สถิต ของสิ่งศักสิทธิ์ทั้งหลาย
    เพื่อให้เกิดสัทธามหาขนได้กราบไหว้บูชาในประเทศไทย ซึ่งง่ายกว่าการเดินทางไปอินเดีย

    ท่านอาจจะไม่ได้มาเพื่อมาสอนมาชี้ทางให้ผู้อื่นสิ้นกิเลสแต่อย่างไร เพราะเรามีพระอรหันต์ในปัจจุบันมากพอที่จะทำหน้าที่นั้นอยู่แล้ว
    หรือถ้าท่านจะทำหน้าที่ผู้ชี้ทางให้ผู้อื่นสิ้นกิเลส ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ ด้วยบารมีที่ท่านมีมากล้น และสั่งสมมาเป็นเวลายาวนาน ท่านทำได้อยู่แล้ว

    เทียบกับทางโลก

    คนที่บอกทางผู้อื่น อาจจะเดินไม่ได้
    คนที่บอกวิธีให้ผู้อื่นขับรถ อาจจะไม่เคยขับรถ อาจจะแค่เคยนั่งดูเขาขับรถ
    แม้แต่ท่านโกฮง(ต้องขออภัยต่อญาติพี่น้องของท่านเพราะท่านเสียชีวิตแล้ว) ที่ท่านสอน ท่านปั้น จน เขาทราย กาแล็คซี่ เป็นตำนานแชมป์โลกที่โด่งดัง ตัวท่านเองก็ไม่เคยต่อยมวยมาก่อน
    หรือแม้แต่ เดวิด เล็ทเบทเทอร์ ครูสอนกอล์ฟผู้โด่งดัง ก็ไม่เคยเป็นแม้แต่ ทัวริ่งโปรมาก่อน

    ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
    ขอบคุณครับ
    ลุงมหา
     
  4. ลุงมหา

    ลุงมหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,092
    ขอเรียนเชิญ ท่าน 00000 และ ท่านหนึ่งจิต

    ขออนุญาติครับ
    จากความต่อเนื่องของกระทู้นี้
    ผมจึงมีความคิดว่า จะรวบรวมผู้มีประสบการณ์ ที่ผ่านการปฏิบัติ ตามแนว พ่อแม่ครูบาอาจารย์ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น หลวงปู่มหาบัว ที่ท่านมีภูมิรู้ ภูมิธรรม ที่เคยผ่าน สติดีดออกจากจิต(จิตเห็นจิต หรือ สติเห็นจิต หรือสติเร็วกว่าจิต) ตามที่ผมได้ตอบมาก่อนหน้านี้ ถ้าท่านผู้ใดมีประสบการดังกล่าว ก็ขอเรียนเชิญร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยครับ
    เพื่อประโยชน์ของคนหมู่มากที่จะเกิดตามมา
    ขออนุโมทนา
    ขอบคุณครับ
    ลุงมหา
     
  5. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    ลุงมหาน่าจะใช้โหมดพวกนี้ช่วย เพื่อง่ายต่อการอ่านแก่คนทั่วไป กับการอ้างอิงข้อความที่ตอบ

    ตามภาพลูกศร

    ขอบคุณครับ​


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Pic.JPG
      Pic.JPG
      ขนาดไฟล์:
      112 KB
      เปิดดู:
      317
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2010
  6. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,023
    จิตเห็นอาการของจิต ....
    หรือจิตเห็นอารมณ์ จิตเห็นความคิด ....

    จิตตั้งมั่น แต่ยังไม่รวมลงถึงฐีติจิต เป็นสมาธิเล็กน้อย ถึงอุปจารสมาธิ ...


    *กล่าวจากการปฏิเล็กน้อยงู ๆ ปลา ๆ พอเคยสัมผัสความสงบมาบ้าง บางครั้งคราว ไม่ใช่กล่าวแบบผู้รู้จริง ...
     
  7. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    คุณลุงมหาครับ...
    ผมว่าคุณลุงคงเข้าใจผิดอะไรอย่างมาก แล้วครับ

    ผู้ยังมีกิเลสจะมาสอนผู้สิ้นกิเลสได้ยังไงครับ
    แล้วอย่างนี้จะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ทำไม
    พระพุทธเจ้าจะทรงเป็นสัพพัญญู รู้เองเห็นเองได้ยังไง

    เพราะใครก็สอนให้บรรลุธรรมได้
    อย่างนี้ก็ไม่ต้องมีพระพุทธเจ้า
    เพราะพระพุทธเจ้าจะทรงรู้เองเห็นเอง
    แล้วค่อยมาสอนคนอื่นต่อภายหลัง

    เมื่อคนมีกิเลสสอนให้คนอื่นสิ้นกิเลสได้
    สัพพัญญูหรือการรู้เองเห็นเองก็โมฆะไป
    พระพุทธเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องมีสิครับ

    มันสะท้อนนะครับ
    ลุงรู้ธรรมจริงแค่ไหน....

    แล้วคราวนี้ดูประเภทของพระโพธิสัตว์นะครับ
    ว่าทำไมพระโพธิสัตว์จะลาพุทธภูมิไม่ได้
    และอีกประการหนึ่งนะครับ
    พระอรหันต์สมัยปัจจุบันที่มาประกาศธรรมเพื่อรื้อขนสัตว์โลก
    ท่านเป็นอนิตยโพธิสัตว์ทั้งนั้น
    แวดวงพระภายในท่านทราบกันดีครับ
    เอาที่คุ้นชื่อองค์ท่านกันเลยนะครับ

    หลวงปู่มั่น ปรารถนา พุทธภูมิ
    หลวงตามหาบัว ปรารถนา พุทธภูมิ
    และทั้งสององค์ลาพุทธภูมิ เป็นพระอรหันต์เรียบร้อยแล้ว
    ทั้งหลวงปู่มั่น และ หลวงตามหาบัว
    องค์ท่านเป็นอนิตยโพธิสัตว์ ทั้งสององค์

    กึ่งพุทธกาล ผู้ปรารถนาพุทธภูมิมาเกิดเยอะนะครับ
    ส่วนหนึ่งก็มาเพื่อสร้างบารมี
    สืบทอดพระศาสนาเพื่อความเป็นพระพุทธเจ้าต่อไป

    อีกส่วนหนึ่ง มาเกิดเพื่อมาลาพุทธภูมิ เป็นพระอรหันต์
    เพื่อประกาศธรรมพระพุทธเจ้า
    เพื่อให้พระศาสนาสืบทอดต่อไปเช่นกันครับ

    มาทำหน้าที่ของตนคนละอย่าง
    ตามความปรารถนาที่ตนตั้งไว้ครับ


    ตามพุทธทำนายมีอย่างนี้ครับ
    พระมหาโพธิสัตว์ท่านมาสององค์นะครับ
    1.องค์แรกท่านมาเกิด เป็น ธรรมิกราชโพธิญาณ(พระมหากษัตริย์)
    2.องค์ที่สองท่านมาเกิด เป็น พระเถระผู้ทรงธรรมฤทธิ์(พระอรหันต์ผู้ประกาศธรรมสอนโลก)

    ok นะครับ คุณลุง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2010
  8. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    "ตราบใดที่ยังมีอริยมรรคมีองค์แปดอยู่ ตราบนั้นโลกจะไม่ว่างเว้นจากพระอรหันต์"

    ;aa24
     
  9. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,307
    เห็นด้วยน่ะกับความคิดเห็นนี้สำหรับผู้ที่เริ่มปฏิบัติในเบื้องต้นเพราะผลการปฏิบัติในขั้นแรกๆจะต้องรู้อย่างที่ท่านเขียนเพื่อก้าวไปสู่ขั้นต่อๆไป อนุโมทนาสาธุ
     
  10. ลุงมหา

    ลุงมหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,092
    พระมหาโพธิสัตว์ที่มาสืบทอดพระศาสนาให้ถึง 5,000 ปี ปรากฎขึ้นแล้ว


    อ้างอิง ข้อเขียนของท่าน ทดสอบ1
    ในพุทธะทำนายกึ่งพระศาสนา จะมี พระมหาโพธิสัตว์ ลงมา เพื่อให้พระศาสนาสืบต่อไปอีก 2500 ปีจนครบ 5000 ปี ถ้าพระสาวกที่เป็น สาวกภูมิ มีความรู้มากกว่า พุทธภูมิแล้ว พระมหาโพธิสัตว์ ท่านต้องลงมาทำไหม พระมหาโพธิสัตว์ ที่เป็นฆราวาส 1 บวชในพระพุทธศาสนา 1 ไม่อย่างนั้น ให้สาวกภูมิเป็นผู้ให้ยกพระศาสนาสืบต่อไปไม่ดีกว่าหรือ ก็เพราะบารมี ต่างกัน ความรู้ ต่างกัน ภูมิธรรม ต่างกัน พระมหาโพธิสัตว์ จัดได้ว่าเป็นท่านที่ อธิบายธรรมะ ได้ใกล้เคียงองค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธะเจ้ามากที่สุด

    ไม่เกิน 4 ปีจากนี้ไป ท่านจะได้เห็นพระมหาโพธิสัตว์ตามพุทธะคำทำนาย


    ขออนุญาตครับ
    แม้ผมจะร่างคำตอบสำหรับท่าน เตชพโล ไว้แล้ว แต่สรุปได้ว่าไม่มีความจำเป็นต้องใช้คำตอบนั้น ขอตอบแบบสรุปไปเลยดีกว่า

    ผมเป็น ลูกศิษย์รับใช้ องค์พระมหาโพธิสัตว์ ที่ท่านทดสอบ1 กล่าวถึงมา ตั้งแต่ วันมาฆบูชา ปี 2551 เป็นเวลา สองปีกว่าๆแล้ว

    แม้เบอร์โทรส่วนตัวของท่านผมก็มี รวมทั้งคู่บารมี และผู้ใกล้ชิดท่าน อีกจำนวนหนึ่ง

    ท่านจะสืบทอดพระศาสนาอย่างไร?
    ท่านพยากรณ์อะไร?
    ท่านให้พรอะไร?


    ก็ขอเรียนเชิญผู้มีจิตเป็นบุญเป็นกุศล พิจารนา จาก คลิป วีดีโอ จาก ลิงค์ข้างล่าง ที่ผมได้ถ่ายเอาไว้ก็ได้

    องค์พระมหาโพธิสัตว์ ท่านจะสืบพระศาสนาอย่างไร?

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=WOQYow-NfC8]YouTube - มูลนิธิพระใหญ่ชัยภูมิ ตอน วัตถุประสงค์ของการสร้างพระใหญ่ชัยภูมิ[/ame]

    องค์พระมหาโพธิสัตว์ ท่านพยากรณ์อะไร?
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=bcmHK7uNH6Q]YouTube - อ ทิพากร รินไธสงค์ ทอดผ้าป่าฃื้อที่ดินสร้างพระใหญ่ขัยภูมิ ตอน 1[/ame]

    องค์พระมหาโพธิสัตว์ ท่านให้พรอะไร?
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=Zw47RHXQFIw&feature=channel]YouTube - ท่านอาจารย์ให้พร อานิสงค์การสร้างพระใหญ่ชัยภูมิ 10 เมษายน 2553[/ame]

    หรือท่านผู้ใด สนใจ อยากพบ อยากเจอ ท่าน ตัวจริง บอก จังหวัดที่ท่านอยู่มา ผมจะแจ้งว่าท่านอาจารย์จะไปแถบนั้นเมื่อไร?
    หรือหมู่คณะใดจะเรียนเชิญท่าน ก็ขอให้ถามมา ผมจะบอก ขั้นตอน วิธีการให้
    เพราะท่านรับเชิญจากท่านที่มีความเชื่อถือศรัทธาเดินทางไปทั่วประเทศมาตั้งแต่ปี 2551 แล้ว
    ขออนุโมทนาบุญร่วมกับผู้มีจิตเป็นบุญเป็นกุศลทุกๆท่าน
    ขอบคุณครับ
    ลุงมหา
     
  11. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    โถ....คุณลุงผมก็นึกว่าอะไร

    อ๋อ...มันมีที่มาที่ไปอย่างนี้เหรอครับ
     
  12. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    "วิปัสสนู"การเชื่อมั่นในสิ่งภายนอกอย่างยากจะถอนคืนได้แถมมีความภูมิใจในตนเองนิดๆที่รู้ !
     
  13. พลน้อย

    พลน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +473
    ที่กดไม่เห็นด้วย เพราะภาพที่แม่ชีกำลังไหว้ ฆราวาสอยู่ เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง

    ขอเรียนถามท่านว่าแม่ชีถือศีล 8 และไหว้ฆราวาสนั้น ไม่ทราบว่า ฆราวาส ท่านนั้น ถือศีล 8 หรือถือศีล 10 ครับ

    ถ้าฆราวาส ท่านนั้น ถือศีล 5 ก็ไม่จัดได้ว่า ท่านนั้นเป็นผู้มีธรรมเลยแม้แต่น้อย และก็เป็นส่วนหนึ่งทำให้พระศาสนาเสื่อมเร็วยิ่งขึ้น เป็นการทำลายพระศาสนาโดยตรงเป็นสิ่งไม่พึ่งกระทำครับ

    ท่านลุงมหาจะได้ทราบสาเหตุที่ไม่เห็นด้วยเพราะอะไรครับ

    ขอบคุณครับ​
     
  14. วิศว

    วิศว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,349
    ค่าพลัง:
    +5,104
    ปัจจุบันนี้ พระอริยสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิชอบ
    ข้อวัตรปฏิบัติปฏิปทางดงามเป็นที่ยอมรับหลายองค์ ยังมีชีวิตอยู่
    เช่น หลวงตามหาบัว หลวงปู่ลี หลวงปู่บุญมี หลวงพ่อประสิทธิ์ หลวงพ่อจันเรียน ฯลฯ

    แทนที่จะเข้าหา เดินตามร่องรอยพ่อแม่ครูจารย์วางเอาไว้ให้ดำเนินตาม
    กลับไปเชื่อแบบขาดสติปัญญา เหลวไหล

    พูดการปฏิบัติออกมา ถึงได้เอาหน้ามาอยู่หลัง เอาหลังมาอยู่หน้า ย้อนไปย้อนมา
    เป็นทฤษฎีเสียมาก ผลปฏิบัติยังไม่บังเกิด เป็นจินตนาการด้านความคิดที่ตกผลึก
    ทบทวนให้มาก....เอาทฤษฎีมาสนับสนุนกับการปฏิบัติลูบๆคลำๆ
     
  15. พลน้อย

    พลน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +473
    ท่าน dangcarry ถ้าหากผมยกธรรมะของหลวงปู่มั่น ที่สอนหลวงปู่ขาว ซึ่งเป็นอาการเดียวกับท่าน dangcarry ไม่ทราบว่า ท่าน dangcarry จะเข้าใจหรือไม่


    คำสอนของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่สอนไว้ว่า
    " ถ้าจิตมีความสงบถึงฐานของสมาธิแล้ว อย่าไปบังคับให้ถอนนะ ปล่อยให้อยู่ในความสงบนั้นไป จนจิตได้มีความอิ่มตัวในสมาธินั้น ๆ ได้เวลาแล้วจิตก็จะถอนออกมาเอง เมื่อจิตถอนออกจากสมาธิแล้ว ก็ให้ใช้ปัญญาพิจารณาต่อไป "


    ผมยกตัวอย่างคำสอนนี้เพราะตรงกับอาการที่ท่าน dangcarry ซึ่งตรงกับหลวงปู่ขาวในอดีต หลวงปู่ขาว ท่านปฏิบัติต่อใช้เวลาคืนเดียวจากคำสอนนี้ ท่านก็สามารถเข้าถึงพุทธะในจิตได้


    และจากคำสอนเดียวกันนี้เช่นกัน ถ้าผมยังไม่แนะนำอะไรต่อท่าน dangcarry เข้าในใจคำสอนนี้หรือไหม ปฏิบัติได้ต่อไหม

    ขอบคุณครับ
     
  16. พลน้อย

    พลน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +473
    ขอตั้งกระทู้ใหม่ เรื่อง ฌานสมาธิของพระอริยะเจ้า และยกเรื่องการปฏิบัติของท่าน dangcarryไปตอบที่กระทู้ใหม่น่าจะเป็นการดี เพราะ ฌานสมาธิของพระอริยะเจ้าเป็นสิ่งสำคัญมาก ที่พึ่งปฏิํบัติเพื่อให้ถึงความเป็นพุทธะ

    ขอบคุณครับ​
     
  17. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ขอเรียนเชิญ ท่าน 00000 และ ท่านหนึ่งจิต<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->ขออนุญาติครับ
    จากความต่อเนื่องของกระทู้นี้
    ผมจึงมีความคิดว่า จะรวบรวมผู้มีประสบการณ์ ที่ผ่านการปฏิบัติ ตามแนว พ่อแม่ครูบาอาจารย์ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น หลวงปู่มหาบัว ที่ท่านมีภูมิรู้ ภูมิธรรม ที่เคยผ่าน สติดีดออกจากจิต(จิตเห็นจิต หรือ สติเห็นจิต หรือสติเร็วกว่าจิต) ตามที่ผมได้ตอบมาก่อนหน้านี้ ถ้าท่านผู้ใดมีประสบการดังกล่าว ก็ขอเรียนเชิญร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยครับ
    เพื่อประโยชน์ของคนหมู่มากที่จะเกิดตามมา
    ขออนุโมทนา
    ขอบคุณครับ
    ลุงมหา
    <!-- google_ad_section_end -->
    -------------------------------------------------------------------------------
    ยินดีน้อมรับคำเชิญ

    กำลังพยายามจะทำอยู่ มีปัญหาอย่างเดียว คือเล่น Internet ไม่ถนัด (เพิ่งหัด) เพื่อประโยชน์ของผู้อื่น จึงทำให้ต้องหัดเล่น

    ที่เข้ามาเล่นมีวัตถุประสงค์ เพื่อจะดูว่าพอจะแนะนำ หรือช่วยเหลือใครได้บ้าง

    เคยอาศัย Web นี้ในการอ่านข้อมูล และ Load เพลงสวดมนต์ไปใช้ ก็เลยอยากตอบแทนด้วย
     
  18. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ส่วนการแสดงความเห็น

    ขอแสดงความเห็นในส่วนที่ก่อให้เกิดกุศล หรือก่อให้เกิดการพัฒนาจิต และเป็นการช่วยเหลือบุคคลอื่นในทางที่ถูกต้อง และเหมาะสม
     
  19. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    มาถูกทางแล้วล่ะครับ ขอโมทนาด้วย

    ตอนแรกอ่านกระทู้นี้ อ่านหัวข้อ สติดีดออกจากสมาธิ ก็สนใจ

    พอเข้ามาอ่าน อาการนี้ ครูบาอาจารย์ผมเรียกว่า จิตมันดีดตัวออกมาจากความคิดครับ คือ พอสติเรารู้ทันตั้งแต่จิตมันจะเริ่มก่อตัวได้ คือตอนที่จิตมันจะเริ่มจะหน่วงเหนี่ยวเอาความคิดมาเป็นอารมณ์ ถ้าสติมันทันตอนนั้นมันจะดีดตัวออกมา ทำให้จิตไม่ไปหลงไปจับความคิดนั้นมาเป็นอารมณ์ วงจรความคิดก็จะขาดลง หลวงพ่อท่านเปรียบให้ฟังว่า เหมือนกับเกลียวเชือกที่ถูกดึงจนตึง แล้วมันขาดออกจากกัน ประมาณนั้น บางคนถึงผงะเลยนะ นั่นแหละทีนี้ก็จะเริ่มเข้าใจเรื่องความหลงได้ทันที เริ่มคลายความหลงเป็นละทีนี้

    มีคำถามที่จะถาม ไม่จำเป็นต้องตอบก็ได้ ถามไว้ให้ลองพิจารณาดูนะครับ

    สภาวะนั้นเห็นชัดเจนไหม เห็นทันตั้งแต่ตอนที่จิตมันจะเริ่มก่อตัวเลยมั้ย เมื่อเห็นแล้วเข้าใจกระบวนการของมันแล้วหรือยัง และข้อสุดท้าย รู้สึกอินกับมันมั้ย...



    ขอให้โชคดีนะครับ...ตั้งตัวให้ได้ ถ้าจิตจะเกิดให้รีบดับ ทำความเข้าใจให้ได้ทุกเรื่อง เก็บรายละเอียดให้หมด


    สาธุ...
     
  20. พลน้อย

    พลน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +473
    ยกมาให้อ่านที่กระทู้นี้ด้วยครับ

    ถ้ายกเอาตำรามาอธิบายอย่างเดียว ท่านผู้อ่านคงได้อะไรไม่มาก จึงจะขอยกตัวอย่างการปฏิบัติสมาธิของท่าน dangcarry ในกระทู้ สติดีดออกจากสมาธิ รอหาผู้ตอบกระทู้ให้ได้คำตอบที่ถูกต้องมานาน แต่ก็ยังไม่มีท่านใดตอบได้ถูกต้อง จึงจะขอยกมาอธิบายให้ท่านทราบในกระทู้นี้ว่าเป็นอย่างไร
    เมื่อประมาณ 7 ปีก่อน เคยสอนพระสายธรรมยุตท่านหนึ่ง วัดเขาคอกช้าง จังหวัดนครราชสีมา วัดนี้อยู่บนเขากลางป่า วัดนี้อยู่ในสายของหลวงปู่ชา เคยเห็นท่านปฏิบัติสมาธิ วิปัสสนาทุกวันมาก่อนที่วัดใกล้บ้าน ก่อนย้ายเข้าไปวัดป่า ท่านมีพรรษาประมาณ 17 พรรษายังไปไม่ถึงไหน ก็อธิบายธรรมะปฏิบัติที่ถูกต้องให้ท่านทราบจากหลังนั้นประมาณ 30 วัน ท่านเข้าถึงพุทธะในตอนต้น ในอดีตที่ท่านไม่ถึงไหนเพราะธรรมะการปฏิบัติคาดเคลื่อนจึงขอเปรียบเทียบ ตัวอย่างคำสอนให้ท่านผู้อ่านพิจารณา

    เปรียบเทียบคำสอนของท่านที่เสมือนเป็นหัวเรือใหญ่ฝ่ายธรรมยุต คือ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระอรหันต์ผู้ปรารถนาพุทธภูมิมาก่อน กับ ผู้เข้าถึงพุทธะ (พุทธภูมิ) อย่างผู้อธิบายนี้ว่าคำสอนใดชัดเจน ละเอียด และใกล้เคียงคำสอนขององค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธะเจ้ามากกว่ากัน ท่านผู้อ่านพิจารณาเอง


    คำสอนของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่สอนหลวงปู่ขาวสอนไว้ว่า
    " ถ้าจิตมีความสงบถึงฐานของสมาธิแล้ว อย่าไปบังคับให้ถอนนะ ปล่อยให้อยู่ในความสงบนั้นไป จนจิตได้มีความอิ่มตัวในสมาธินั้น ๆ ได้เวลาแล้วจิตก็จะถอนออกมาเอง เมื่อจิตถอนออกจากสมาธิแล้ว ก็ให้ใช้ปัญญาพิจารณาต่อไป "


    คำสอนผู้เข้าถึงพุทธะภูมิ (กับอาการของท่าน dangcarry )
    จิต ที่มีความสงบ(อุเบกขา) เมื่อตั้งสติในฐานของจิต ย่อมเข้าถึง สัมปชัญญะ จัดได้ว่าเป็นฌานที่ 3 ของพระอริยะเจ้า

    สัมปชัญญะ นี้เป็นสัมปชัญญะของพระอริยะเจ้าทั้งหลาย เป็นสัมปชัญญะที่เกิดจากกำลังของสติ และ สัมปชัญญะ นี้เกิดขึ้นเองอัตโนมัต ประโยคนี้ คือ คำตอบของคุณวิสุโธ เมื่อปีที่แล้ว ถ้าท่านฉลาดหน่อยจะทราบว่าผมอธิบายไปตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ไม่ได้ขยายความ ถ้าวันนี้ยังไม่รู้ก็เรื่องของท่านและไม่อธิบายซ้ำอีก

    สัมปชัญญะ นี้เป็นอาการตื่นด้วยอาการ 32 ของร่างกายทั้งหมด ท่านที่ไม่เคยเข้าถึงมาก่อนย่อมเข้าใจว่า จิตอิ่มแล้วถอนออกจากสมาธิเอง เป็นการเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง

    การทำสมาธิเพื่อให้ถึงความเป็นพุทธะ จิตเดินหน้าแล้วไม่มีถอยหลัง จิตจึงมิได้ถอนออกจากสมาธิใดๆเลย


    อาการที่ท่าน dangcarry เข้าถึงเป็นฌานที่ 3 ของพระอริยะเจ้า ตั้งแต่พระโสดาบันเป็นต้นไป

    ท่านผู้อ่านลองพิจารณาเอง ว่าธรรมะปฏิบัติของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต กับพุทธภูมิ ท่านใดอธิบายธรรมะได้ใกล้เคียงองค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้ามากกว่า กัน และท่านใดมีความละเอียดในธรรมะมากกว่ากันพิจารณากันเอง​
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...