สติดีดออกจากสมาธิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย dangcarry, 18 สิงหาคม 2010.

แท็ก:
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. พลน้อย

    พลน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +473
    ธรรมะหัวข้อ จิตคิดสติดับ เป็นธรรมะที่ย่อไว้

    ยกทำธรรมะย่อมาเพื่อวัดทดสอบธรรมะของแต่ละท่าน ว่าใจท่านมีธรรมะเพียงใด

    มีหลายๆท่าน ที่ตอบ จิตคิดสติดับ อยู่ที่กระทู้อื่น ตอบได้เข้าทางธรรมหลายท่านมาก แต่ก็มีบ้างท่านที่ไม่เข้าใจอยู่ดี

    ท่านที่ไม่สามารถเข้าใจได้เลย น่าเป็นห่วง ดูเหมือนมีภูมิธรรมะพอเจอธรรมะย่อ จบเลยตอบไม่ถูก เพราะไม่มีธรรมะในใจเลย

    ธรรมะย่อนี้ดี เวลาสอบลูกศิษย์ พวกท่องจำตำรามา อ่านอารมณ์พระอรหันต์พระอริยะเจ้ามาเสร็จหมด ไม่เข้าใจธรรมะ แท้จริงจากใจ จะไม่สามารถตอบได้สมบูรณ์

    ขอบคุณครับ
     
  2. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,307
    เรียนท่านทดสอบ1 สิ่งที่ศัทธาท่านไม่ใช่การที่ท่านกล่าวชมข้าพเจ้าเลยแต่ที่ศัทธาท่านเพราะธรรมที่ท่านสามารถแตกประเด็นแม้เป็นการอธิบายที่ทำให้ท่านอื่นมองต่างธรรมไปแต่ท่านสามารถที่จะมองในธรรมนั้นได้ลึกและชัดเจน มากกว่าตำราในมือของหลายๆท่าน ข้าพเจ้าไม่เคยมองว่าธรรมของท่านอื่นว่าผิด แต่มองว่าเป็นภูมิธรรมที่แตกต่างให้เราได้เทียบดูในธรรม ในจิตของตัวเอง ท่านทดสอบ1เองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ให้ข้าพเจ้าได้เห็นธรรมบางอย่างเช่นกัน ตามภูมิปัญญาที่มี มีหลายท่านที่ข้าพเจ้าได้สัมผัสในธรรมของท่านเหล่านั้นก็ต้องบอกได้เลยว่า อบอุ่นใจที่ศาสนาพุทธของเราไม่สูญหายไปกับพวกนอกรีดนอกรอย ขออนุโมทนากับทุกท่าน สาธุๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2010
  3. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,307
    ถ้าท่านเอกวีร์ผ่านมาในกระทู้นี้ขอเชิญท่านแสดงภูมิธรรมเพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ร่วมทางธรรมยังจุดหมายเดียวกันค่ะ
     
  4. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    คุณdangcarryครับ อาการของคุณมันเหมือนกับ นักปฏิบัติสมัยเก่า
    ที่มีอาการสงสัยแล้วพยายามปิดบัง ด้วยมีคำกล่าวไว้ว่า ศาสนาพุทธ
    ห้ามสงสัย เมื่อมีอาการดังว่าก็เลยโมเม ไปให้สิ่งอื่นเพื่อปิดกั้นใจตัวเอง
    เมื่อเกิดอาการสงสัย

    ในส่วนของผมที่เกี่ยวกับเรื่อง วิจิกิฉาก็เหมือนกันครับ
    ความหมายของธรรมนี้ มันไม่ใช่ว่า อย่าสงสัยในธรรม8ประการ
    แต่ความเป็นจริงแล้วมันน่าจะหมายถึง ไม่มีความสงสัยในธรรม8
    แล้วอะไรที่จะทำให้รู้ว่าเราไม่มีความสงสัย นั้นก็คือสามารถอธิบาย
    ที่มาที่ไปในธรรม8นั้นได้ครับ

    อาการของคุณมันก็อยู่ในสิ่งที่ผมบอกมาครับ พอได้รับฟังคำอธิบาย
    ถ้านอกเหนือจากสิ่งที่ตัวเองรู้หรือเข้าใจก็จะโมเมว่า เป็นความคิด
    ธรรมดาของผู้ไม่ได้ปฏิบัติ นี้งัยครับผมถึงบอกว่า การปิดบังซ้อนเร้น
    อาการสงสัยหรือไม่รู้
    คนที่ตั้งเป้าในการปฏิบัติไว้ก่อนว่าต้องได้หรือเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
    ผลที่ได้มันก็เป็นแบบที่คุณกล่าวครับ


    การปฏิบัติที่แท้จริง เราจะต้องปฏิบัติให้รู้ถึงรูปนาม
    สามารถอธิบายความได้ว่าทำไมเพราะเหตุใด
    เพราะสิ่งต่างๆมันมีอยู่จริง มันเป็นธรรมชาติ
    เป็นส่วนของพุทธศาสนา
    ที่แน่ๆ กายนั้นมีอยู่จริง แล้วผัสสะหรือความรู้สึกล้วน
    เกิดจากกายทั้งสิ้น

    พระพุทธเจ้าทรงสอนเรื่องเหตุปัจจัย ทำให้รู้ถึงเหตุที่มาที่ไป
    การกระทำของคุณมันกำลังบอกว่า คุณปฏิเสธเหตุผล
    ปฏิเสธความเป็นจริง ขอโทษครับที่จะบอกว่ามันไม่ใช่หลักการ
    ของศาสนาพุทธครับ

    เอาแค่คำจำกัดความของคุณ ที่ว่า"สติดีดจากสมาธิ"
    ผมฟังแล้วมันมีอาการแย้งขึ้นมาทันที
    มันแสดงให้เห็นว่าคุณ ไม่รู้ในเรื่องของเหตุปัจจัย
    หรือไม่ศึกษาให้ดีก่อนที่จะให้คำจำกัดความนี้ครับ
     
  5. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ท่านสมาชิกครับ ผมเคยตำหนิผู้อาวุโสท่านหนื่งไว้ในกระทู้อื่น
    ว่าด้วยเรื่องการอธิบายธรรม กล่าวว่าการอธิบายโดยขาดเห็นผล
    สรุปเหตุผลด้วยวิธีมักง่าย เพียงแค่หาบัญญัติที่ฟังแล้วไพเราะ
    มาให้ความหมายในสิ่งที่เป็นปัญหา ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมัน
    ไม่ได้ทำให้เห็นสิ่งที่ต้องการคำตอบเลย ยิ่งทำให้ผู้ที่ได้ฟังกลับ
    ไปใช้จินตนาการของตัวเองลงไปตีความเพื่อให้ได้คำตอบ
    ในที่สุดสิ่งที่ได้ก็คือ สิ่งที่ตัวเองคิด สิ่งที่ตัวเองชอบ

    ถ้าเหตุการณ์ยังเป็นแบบนี้ผมว่า เด็กหรือคนรุ่นหลังคงเลิก
    นับถือศาสนาพุทธกันหมด เพราะเขามองว่า มันขาดเหตุผล
    การอธิบายความดูแล้วมันเหมือนการจินตนาการขึ้นมาเอง

    ที่กล่าวมาไม่ใช่ว่าศาสนาพุทธจะเป็นอย่างนั้น
    ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่เจริญมาพร้อมกับวิทยาสตร์
    คำสอนของพระพุทธเจ้า สามารถอธิบายในแง่ของวิยาสตร์ได้ทุกเรื่อง
    หลักคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกัน
    มันขึ้นอยู่ที่ว่า ผู้ใดจะรู้หรือนำธรรมของท่าน
    มาใช้ให้ถูกที่ถูกทางครับ
     
  6. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,307
    ตอบ ขอบคุณที่ชี้ทาง การจำกัดความก็ขึ้นอยู่กับธรรมที่เกิด ว่าเหมือนหรือต่างกัน สมมุติจึงเป็นเหตุของประการทั้งปวง อยากฝากข้อคิดสักนิดว่าการเจริญสมาธิเพื่อให้เกิดสิ่งใด และมองเห็นสิ่งใด และควรมีสิ่งใดเป็นแม่ทัพใหญ่ในการประหารข้าศึกแห่งกองทัพกิเลส สิ่งใดคือสำคัญควรมี สิ่งใดคือสำคัญควรละ ขอบคุณมากค่ะที่ได้ให้แสดงความคิดเห็น
     
  7. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    เรื่องจิตคิดสติดับ นี้ก็เช่นกันครับอ่านหรือฟังดูแล้ว
    ผมตีความเลยครับว่า....หัวมังกุ ท้ายมังกร มันผสมปนเปกันจนหา
    ความหมายหรือผิดจากความเป็นจริงไปเลยครับ

    อย่างเช่นว่า จิตคิดผมว่ามันหลงรูปหลงนามไปกันใหญ่เลยครับ
    มันมีหรือครับที่ว่าจิตคิดได้ จิตเป็นเพียงสภาวะที่เกิดจากความคิด
    ที่เรียกว่าสังขาร หรือจะเรียกว่า อารมณ์หลงก็ได้

    แล้วที่ว่าสติดับ มันก็ไม่ต้องรอให้อะไรไปคิดหรอกครับ
    ในแง่ของไตรลักษณ์ มันก็เกิดดับของมันอยู่แล้ว

    สรุปครับถ้ายังยึดในเรื่องนี้อยู่ สังโยชน์ในเรื่อง สักกายทิฐิ
    มันจะก้าวข้ามยากนะครับ
     
  8. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    การใช้คำจำกัดความเพื่อสื่อให้ผู้อื่นรู้จะต้องมาจาก การปฏิบัติที่เป็นไปได้
    ในแง่ของพุทธศาสนา ซึ่งหลักการที่เป็นเหตุเป็นผล ไม่ใช่การนำคำโน้น
    มาโยงคำนี้ให้เกิดศัพ์ใหม่ แต่หาจุดหมายไม่ได้ แถมทำให้เกิดความสับสน

    ตัวอย่างเช่นข้อความข้างบน กิเลสที่คุณกล่าวอ้าง
    เราควรประหารหรือควรละดีล่ะครับอ่านแล้วงง???
     
  9. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ผมเลือกเอามาถามในส่วนที่พอจะเป็นความรู้
    อันอื่นมันดูแล้วเหมือนการย้อนกัน เลยไม่สนใจ

    คุณครับรบกวนขอความรู้หน่อยครับว่า
    สติปัสฐานสี่เกิดขึ้นพร้อมกันของคุณมันเป็นอย่างไรครับ?
    ถ้าไม่เต็มตอบก็ไม่เป็นไรครับ ผมไม่เซ้าซี้ เห็นใจครับ
     
  10. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,307
     
  11. นาอินจัง

    นาอินจัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2009
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +36
    ผู้เหมือนจะรู้ผู้อื่น เพราะไม่รู้ตัวเอง
    ผู้ที่ไม่รู้ตัวเอง ก็เพราะมัวแต่จะไปจ้องรู้ผู้อื่น
    แล้วก็เลยไม่รู้ทั้งตัวเอง และไม่รู้ผู้อื่น
    มืดบอดไปอีกกาลนานเลย ยิ่งพูดยิ่งไหล
    ต้นดี ปลายเริ่มเบี้ยว
     
  12. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
     
  13. เต้าเจี้ยว

    เต้าเจี้ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2008
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +1,697
    สติ ดีดออกจากสมาธิ

    เดาว่า น่าจะกำหนดได้ดีมาก สติต่อเนื่องมากจนจิตตื่นมีกำลัง
    การที่จิตตื่นนี่ มันจะรู้ชัดไปมาก สิ่งต่างๆ ชัดกว่าเดิมมาก
    จนขนาดอาจรู้สึกว่า สติกับสมาธิแยกกันเห็นชัด
    แต่ที่จริง สติยิ่งต่อเนื่องสมาธิยิ่งมากขึ้นตามด้วย
    เพียงแต่ไปเห็นความต่างในลักษณะของมัน แยกมันได้

    คนที่เคยนั่งสมาธิอย่างเดียวอาจรู้สึกสงบใจ
    แต่ถ้านั่งสมาธิแบบภาวนา คือมีสติรู้กายใจไปด้วย
    กำลังของ สติ สมาธิ ปัญญา เลยเห็นแยกได้ชัด
    (ที่เรียกว่าสัมมาสมาธิซึ่งต้องใช้สติปัฏฐานหรืออริมรรคองค์แปดทั้งหมด)
    คนปัญญาดีๆ นะ เขาก็อาจจะพูดว่า เห็นปัญญาดีดออกจากสมาธิก็ได้มั๊ง ?
    คือ คิดอะไรนี่แตกละเอียดไปหมด ไม่ได้คิดแบบฟุ้งซ่านนะ..
    แต่คิดพิจารณาอะไร ก็เข้าไปเข้าใจความจริงได้ซะงั้น
    หรือคิดอะไรก็แนบแน่นกับความคิดนั้นได้แบบมีกำลังมาก
    โดยเฉพาะเรื่องไตรลักษณ์นี่ เห็นชัดแม้นในความคิด(นิมิตนาม)
    ไม่ใช่แค่นิมิตทางรูปอย่างเดียวที่จะเห็นได้

    สติ สมาธิ ปัญญา ล้วนเป็นปัจจัยหนุนกัน

    คลิป ตอนจบฮาแตก ระวังตกใจ คลิปนี่ไม่ซ้ำ - คลิปแมส
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2010
  14. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,307
    ตอบเรื่องการสนทนากับท่าน บุญพิชิต ตอบรวบยอดเลยน่ะในบรรดาผู้รู้ไม่ว่าจะเหล่าใด หรือจะเป็นกลุ่มใดก็ตามการที่จะเข้าใจในภูมิธรรมได้เหมือนกันก็ต้องว่าด้วยความสามารถแห่งภูมิธรรมว่าสิ่งที่ได้รู้มาจากอะไร การจะรู้ให้แจ้งต้องเน้นที่การปฏิบัติ รู้เองเห็นเองจะอธิบายจนหมดมันไม่หมด จะอธิบายให้รู้แจ้งขนาดที่ท่านบอกให้เห็นขาดเลย ก็ไม่รู้จะทำงั้ย เพราะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าท่านมองที่ธรรมหรือเปล่า เพราะก็มีที่ท่านอื่ีนเข้าใจ ส่วนเรืองสติปัฏฐาน4 เกิดขึ้นพร้อมกัน กาย เวทนา จิต ธรรม มันเป็นเรื่องอย่างนั้นจริงๆ อยู่ที่คุณจับสิ่งใดได้ก่อน เราว่าเรื่องนี้คุณน่าจะทราบได้อยู่แล้วเำพราะดูจากความคิดเห็นของคุณไม่ต้องอธิบายเยอะิ จะกลายเป็นสัญญา กับสังขารไปอีก เดี๋ยวจะรับประเด็นอื่นที่แตกต่างไม่ได้อีก คุณเข้าใจเรื่องธรรมนี่พิศดารล้ำลึกไหม แต่ต้องอยู่ในพระธรรมน่ะ มันไม่มีอะไรต้องเป็นเช่นนี้ มีแบบนี้ เพราะขนาดนี้เราว่าธรรมที่เรามีอยู่ก็ยังต้องพิจารณาต่อไปอีกมาก พระธรรมเป็นเรื่องต้องปฏิบัติเพื่อให้รู้ ในความคิดของเราสิ่งที่ผู้ปฏิบัติย่อมจะมองเห็นได้ตามวาสนาหรือสิ่งที่เคยสั่งสมไว้ และต้องขอโทษท่านบุญพิชิตด้วยที่ได้กล่าวให้ท่านน้อยใจโดยไม่มีเจตนาเลยอย่าโกรธธเลย เราอาจจะคุยในความคิดเห็นนี้เป็นสุดท้ายแล้ว เพราะเท่าที่ดูไม่ค่อยได้ธรรมเท่าไหร่ แต่ได้เรื่องเยอะดี ไปปฏิบัติให้ดีที่ตัวเองดีกว่า และต้องขอบพระคุณท่านทดสอบ1เป็นอย่างสูง ท่านลุงมหา ท่านสับสน และเพื่อนๆทุกท่าน เอาไว้ค่อยแสดงความคิดเห็นในกระทู้อื่นๆน่าจะได้ธรรมดีกว่า
     
  15. พลน้อย

    พลน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +473

    ท่าน dangcarry กระทู้ผมด้านบน เจตนาผมไม่ได้จะยกยอชมท่าน เพียงแต่จะย้ำท่านว่าพูดตรงธรรม เพราะคาดไว้ตั้งแต่ได้อ่านกระทู้แล้วว่า ท่านจะคุยกับท่านหนึ่งเข้าใจไม่ตรงกันอย่างมาก อาจเรียกได้ว่า เข้าใจตรงข้ามกัน เลยมาดักไว้ก่อนด้วยคำพูดที่ว่า

    ผู้ที่ปฏิบัติได้ ย่อมรู้เห็นและเข้าใจใน สิ่งที่ตนปฏิบัติได้แล้วเป็นอย่างดี
    ธรรมะแม้พูดเพียงเล็กน้อยหรืออธิบายบ้างส่วน ผู้ที่ปฏิบัติเข้าถึงแล้ว ย่อมมีความเข้าใจตรงกัน

    ในทางกลับกันถ้าผู้ปฏิบัติเข้าไม่ถึงนำคำพูดของผู้ปฏิบัติได้มาหาความหมาย
    ก็ทราบได้แค่เพียงความหมายที่เป็นภาษา(ไทย)ที่ท่านผู้นั้น อ่านออกก็เพียงเท่านี้
    ไม่สามารถรู้ความในของคำนั้นได้ไม่ว่าด้วยวิธีใดๆก็ตาม
    เพราะ ถ้าธรรมไม่ออกจากใจแล้ว ไม่มีทางเห็นธรรมนั้นได้ตรงกัน


    ที่นี่ท่านจะพอเข้าใจความนัยของคำพูดผมแล้ว ว่าเป็นอย่างไร
    อย่างน้อยก็เป็นการทดสอบใจท่านไปด้วยหลังจากที่พูดกันแล้วว่าเป็นอย่างไร

    บางท่านเรารู้เขา แต่เขาไม่รู้เรา
    บางท่านเราไม่รู้เขา แต่เขารู้เรา

    ผู้ที่มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ คือผู้ที่มีธรรมะสมบูรณ์
    จัดได้ว่าเป็นประเภทรู้ตนเอง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

    ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 กันยายน 2010
  16. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    บางท่านพอรู้แต่เพียงพื้นฐาน บวก ลบ คูณ หาร เป็น

    แต่พอไปถึงขั้นการหาค่าตรีโกณมิติ หรือดีเทอร์มิแนนต์ หรือแคลคูลัส

    ก็เลยเป็นค่าสัมบูรณ์ รูทสองต่อกันของจำนวนจริง เพราะยังไม่ผ่านเลขยกกำลัง

    เหมือนอย่างกราฟเชิงเส้น ในจำนวนเชิงซ้อน


    อนุโมทนากับภูมิจิต ภูมิธรรม และผู้สร้างบารมีทุกท่าน
     
  17. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    คุณเต้าเจียวครับ ที่ผมเข้ามาถกหรือคุยกับจขกทก็เพราะ
    ปัญหาเรื่อง การเอาคำจำกัดความ ที่จขกทมาใช้ในการอธิบายความ
    อาจทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิด เกิดความสับสน อาจจะเอาผลการปฏิบัติ
    ของตนเองมาใส่ในคำของจขกท ซึ่งจขกทก็กล่าวเองว่า
    ผลของการปฏิบัติแต่ละคนไม่เหมือนกัน

    ดูตัวอย่างเช่นคุณเต้าเจียว เริ่มแรกก็ใช้คำ เดาว่า
    แล้วคงไม่ต้องบอกต่อนะครับว่า การอธิบายความคือผลการปฏิบัติ
    ของคุณเต้าเจียวเอง ไม่ใช่ผลการปฏิบัติของจขกท
    แม้กระทั้งตัวผมเอง ยังเดาเอาว่า คำว่า สติดีดออกจากสมาธิคือ
    อาการของคนที่เป็นสมาธิอยู่ แล้วตกใจจะหลุดจากสมาธิ

    ความเห็นผมก็เหมือนกับคุณเต้าเจียวที่ว่า...
    สติ สมาธิ ปัญญา เป็นปัจจัยเกื้อหนุนกัน

    ผมจะเปรียบให้ดูให้เห็นครับว่า
    ...บ้านหลังหนึ่งมีหลังคา ซึ่งเปรียบเหมือน ปัญญา
    ...ตัวบ้านเปรียบเหมือน สมาธิ
    ...มีเสาบ้านเปรียบเหมือน สติ

    ดูและพิจารณาแล้ว เสาบ้านหรือสติเป็นประธานหรือหน้าที่หลัก
    ในการที่จะให้ตัวบ้านและหลังคาคงอยู่
    ถ้าสติดีดออกจากสมาธิเสียแล้ว ผมสงสัยครับว่า สมาธิกับปัญญา
    จะยังอยู่อีกหรือครับ
    สิ่งที่เกิดหลังจากนี้มันเป็นปัญญาหรือความคิดกันแน่ครับ

    สรุปตามความเห็นของผม
    สติ สมาธิและปัญญาต้องรวมเป็นหนึ่งครับ

    ขอแนะนำครับ การปฏิบัติหรือแม้แต่การดำรงชีวิตอย่าง ชาวพุทธที่แท้
    เราควรมีเป็นอย่างแรกคือสัมมาทิฐิครับ
     
  18. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    คุณdangcarryครับ ภูมิธรรมของคนเรามันมีระดับไม่เหมือนกันตามที่บอก
    ที่คุณบอกต้องเน้นที่การปฏิบัติ ก็ใช่อีกเหมือนกันครับ แต่สิ่งสำคัญที่สุด
    เราต้องมีทิฐิที่ชอบที่เป็นสัมมาเสียก่อน

    สัมมาทิฐิในความหมายของการปฏิบัติ มันอยู่ที่ว่า ปฏิบัติเพื่ออยากได้
    หรือปฏิบัติเพื่อปฏิเสธ ในสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงครับ
    ถ้าเรามีทิฐิที่ไม่เป็นสัมมาแล้ว ผมว่าการปฏิบัติไปก็ไม่ถึงจุดหมาย
    อันนี้ผมกล่าวโดยรวม ไม่ได้ว่าของใครผิดของใครถูกนะครับ

    ปัญหาผมมันไม่ได้อยู่ที่ให้คุณอธิบายธรรมให้ขาดเลย
    ปัญหามันอยู่ที่ การที่คุณเอาคำจำกัดความ ที่คุณแต่งขึ้นเอง
    มาอธิบายความ ในผลการปฏิบัติของคุณเอง ผมรู้สึกสับสน ก็ต้อง
    ให้คุณขยายความซิครับ

    และสิ่งสำคัญที่สุด ที่ทำให้ผมซักไซ้ไล่เรียงคุณต่อก็เกิดจาก
    ที่ผมอยากรู้ว่า ลักษณะของการปฏิบัติคุณเป็นอย่างไร
    แต่กลับได้คำตอบว่า ปัญญาคนเรามี สุตตะ จิตตะและภาวนา
    พอได้อ่านคำตอบ ผมก็ตีความได้ว่า คุณกำลังว่าผมไม่ได้ปฏิบัติ
    กับว่าผมไม่มีปัญญา

    แต่ต้องขอโทษครับก่อน เพราะผมคิดว่า
    คุณตอบไม่ได้ แต่รักษาศักศรี เลยกล่าวในลักษณะยกตนข่มท่าน
    แล้วขอบอกครับถ้าเข้าใจว่าผมไม่ได้ปฏิบัติ ขอบอกครับว่า
    ผมปฏิบัติครับ แต่เป็นการปฏิบัติเพื่อทิ้งไปหรือไม่เอา(คงเข้าใจนะครับ)

    เรื่องของธรรมถ้าเรามองก็เห็นครับ แต่ต้องเห็นด้วยความเป็นจริง
    แต่ถ้ามองเกินจริง เกินธรรมชาติของธรรมแล้ว
    นั้นเรียกว่า...การปรุงแต่งธรรมครับ
     
  19. พรหมวิหาร4

    พรหมวิหาร4 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2010
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +51
    ขอเป็นกำลังใจให้ท่านจขกท
    ใครจะสอนมวย........
    ใครจะวางมวย.............
    ช่างเค้าเถอะ..........
    ไม่ต้องไปรู้ใคร.....ไม่ต้องไปเห็นใคร.... ถึงคนสอน...คนวาง.....จะเป็นใคร....
    ขอให้ยึดมั่นในพระธรรม....ดูอะไร..เห็นอะไร....ก็ไม่สู้เห็นตัวเอง...
     
  20. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    พระคุณเจ้าพระพรหมมุนี (ผิน สุวโจ)
    วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร



    "ธรรม" แปลว่า "ทรง" เป็นทั้ง ๑. กุศล ๒. อกุศล ๓. กลางๆ


    ธรรมแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ

    ๑. ธรรมะฝ่ายโลกียะ คือ ไม่มีรู้
    เช่น ก้อนหิน กรวด ทราย ต้นไม้ ธรรมอันอยู่ในโลก

    ๒. ธรรมะที่เป็นโลกุตระ ธรรมอันอยู่เหนือโลกมีรู้อยู่ในตัว


    ตัวอย่างเช่น...


    โลกียะ คือ เหตุผล ได้ เสีย ชนะ ดี ชั่ว อารมณ์อยากได้ รักใคร่ ฯลฯ ความรู้ที่เปลี่ยนแปลงได้

    โลกุตระ คือ รู้ว่าง รู้โปร่ง รู้หยุด รู้เงียบ รู้สงบ รู้นิ่ง รู้ของจริงแจ้งประจักษ์ชัด รู้อยู่กับตัว

    __________________
    สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นคือทุกข์<!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end -->​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2010
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...