วิธีได้เจโตปริยญาน และบุฟนิวาสานุสติระลึก100อดีตชาติ

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย Tamjugg, 5 พฤศจิกายน 2014.

แท็ก: แก้ไข
  1. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    ตอนที่5

    เมื่อเหตุการเจอเปรตเกิดขึ้น มันก็ยิ่งทำให้ต่อมสงสัยผมทำงาน ถ้าจำไม่ผิดวันต่อมาผมก็ปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานในศาลาเดินจงกลมไปมา เผอิญมองเห็นตู้พระไตรปิฏกข้างๆพระพุทธรุป เพราะก็เปิดค้นคว้าเรื่องเปรตว่ามันมีบอกไหม เปิดเจอมีเปรตหลายชนิด แบบหนึ่งคือตัวดำเหมือนเถ่าท่าน เณรเปรต ภิกษุเปรตก็มี บุฟกรรมเพราะมีจิตลามกในขณะบวชเป็นสมณะ ทำให้ผมซีดทีเดียว เรียนตามตรงว่าตอนนั้นปั่นฌานอารมณ์จะเปลี่ยนตลอดเดวนิ่ง เดวร้อนรน เดววิตกในกามหลายอย่าง เพราะกำลังในการมองสภาวะสิ่งต่างๆเป็นไตรลักษณ์ยังไม่แข็งแกร่ง เจอบทนั่นหละผมต้องสั่งตัวเองตั้งจิตใหม่ให้ดี กลัวคับภิกษุเปรต เณรเปรตอะไร มีไฟติดลุกไหม้ใครว่างลองไปอ่านดูในพระไตรปิฏกนะ ผมไม่ได้ประพันธ์ขึ้นเอง ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กรกฎาคม 2016
  2. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    ตอนที่6

    วันคืนล่วงไปเกือบสามเดือนพวกเราสอบอารมณ์ทุกสองวัน แต่ละคนแบกมานะทิฐิมาเต็มที่ เพื่อทดสอบหลวงพ่อ แต่แล้วก็ต้องหน้าแหกไปทุกราย เพราะท่านอภิญญาของจริงยิงเจโตปริญา กับ ทิพย์จักษุมาใครโดนเข้าก็ก้มล้มกราบหายสงสัยและขอปวารณามีพระรัตนะไตรเป็นที่พึ่งตราบเท่าชีวิตหาไม่

    เรื่องนึงของการปลดมานะทิฐิถือตัวของลูกศิษย์ คือตอนสอบอารณ์ลูกศิษย์มีกามฉันทะมาก หลวงพ่อบอกเออไอ่นี่มีปานที่...นิหว่าใช่เปล่า ถึงกับตอบไม่ออกไปไม่ถูกกันเลยทีเดียว หลังจากคนนั้นพระท่านนั้นก็ตั้งใจละกามฉันทะให้ลึกขึ้นและละอารมณ์ต่างๆให้เป็นอุเบกขาเหมือนลบเมมโทรศัพท์ ไม่งั้นเจอหลวงพ่อแซวและตอบกับไปไม่ถูกกันเลยทีเดียว

    อีกคนบ่นเจ็บบริเวณก้น ตอนสอบอารณ์หลวงพ่อบอกเอ้ยเอ็งเคย..เด็กรึเปล่าเมื่อก่อนเด็กมันยืนอยุ่ ถึงกับตอบไม่ออกอีก เออว่างไปจุดธูปขอขมากรรมที่เคยทำไป

    ส่วนด็อกเตอมหาประโยค9 เป็นครูสอนประโยค9อยุ่นั้นก็ไม่เคยเชื่อบวชมาตั้งแต่12ยัน40กว่า ไม่เคยมีแฟนเวอร์จิ้นว่างั้นบอกกับผมเลยยังไม่เคยเจอครูบาอาจารย์เก่งขนาดนี้ ถึงกับกราบเท้าหลวงพ่อฝากตัวเป็นลูกศิษย์ และก็ไปอัดวิปัสนากรรมฐานเพราะทางปริยัติท่านจบมานานแล้ว ไม่มีอะไรให้เรียนแล้วแถมยังเป็นอาจารย์สอนพวกมหา แต่วิปัสนาธุระที่สมเด็จพ่อเคยตรัส อันเป็นกิจของสงฆ์พึงกระทำยังไม่จบหรือสำเร็จบริบูรณ์ท่านจึงฝึกกรรมฐานไปเดือนกว่าก็เข้าฌานดูอดีตชาติได้แล้ว ลงดูทีเป็นร้อยๆชาติๆ สมาธิดีและท่านบริสุทธิ์เหลือเกินไม่เคยมีแฟนบวชตั้งแต่เณร ท่านก็ให้คำปรึกษาผมสอนวิปัสนากรรฐานและก็บอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ท่านมาก่อนผม1เดือนได้ ลงดูอดีตชาติได้แล้ว ใช้สมุดจดกันสนุกเลยซึ่งตอนนั้นผมก็งงอย่างเดียว ทำฌานได้และญานทรรศนะเปิดเล็กน้อยเท่านั้น ที่นี่เคารพกันที่วาระจิต ประโยค9เคารพ พระที่ทำบุฟเพได้มากกว่า ไม่ได้เคารพกันที่พรรษาการบวชเป็นหลัก เพราะเหมือนจิตคุณไม่ได้ละหรืออัพเกรดจำนวนพรรษาแทบช่วยไรท่านไม่ได้เลย แถมยังจะเป็นหนี้ข้าวปลาชาวบ้านเพิ่ม ขนาดที่นี้ฉันกันวันละ1มื้อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2016
  3. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    ตอนที่ 7

    ที่นี้มีญาติโยมขับทั้งเฟอรารี โรเซอรอยป้ายแดง ขับมาจากกทม เกือบ800กิโลเมตร เพื่อทีจะได้มากราบหลวงพ่อสักครั้ง ครั้งนึงตลกมาก เจ้าของโรเซรอยป้ายแดงถามทางหลวงพ่อไปทางลัดอีกเส้นได้ไหม ซึ่งเป็นทางชันมากรถตู้เคยตกลงตาย8ศพเป็นทางเขาชันมากOFF Roadเลย หลวงพ่อบอกไปได้ๆ ไม่รู้โรเซอรอยป้ายแดงคันนั้นจะเป็นไง มากับลูกน้องอีก2คัน บอกในประเทศนี้มีไม่ถึง50คันรุ่นนี้ เหอะๆ ที่นี้ไม่มีการต้อนรับคนรวยเป็นพิเศษหรือดีกว่าคนธรรมดาหรือคนจนยากเข็ญ และขับรถมาจากกทมเกือบ800กิโลมีเงินเป็นหมื่นล้าน ก็ใช่ว่าหลวงพ่อจะเจิมรถให้คับ สรุปไม่ได้เจิม คือเงินซื้อไม่ได้คับที่นี่ เศรษฐีรวยระดับต้นๆของประเทศท่านนั้นถึงกับอึ้งๆ แถมที่นี้ไม่มีตู้บริจาคเงินแม้แต่ตู้เดียวแห่งแรกของประเทศมั้ง55 เรื่องเงินหลวงพ่อท่านก้าวข้ามไปไกลมากแล้วคับ(ทำญานหยั่งรู้แบบ100%มีแต่พระอรหันต์เท่านั้น) เงินทองลาภยศสรรเสริญผู้ญ มันเป็นกิเลสเบื้องต้นหยาบๆเบสิคเท่านั้น การทำวิปัสนากรรมฐานขจัดกิเลสในขันธสันดารจิตเบื้องลึกนี้ ยิ่งกว่าทำสงครามอีกครั้งบางทีทำเอาร่างกายขันธ์นี้ร้อนเลย ถ้าปลงไม่หลุดลบกิเลสตัวนั้นไม่ออก สมกับคำที่พระบรมศาสดาบอกว่าจะชนะสงคราม ชนะใคร ไม่เท่าชนะใจตน เอาตนในตนอยุ่นั่นแหละยอดคน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2016
  4. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    ตอนที่8

    ท้าวความนิดนึง ตอนนั้นผมบวชใหม่ไม่ค่อยรู้เรื่องมหาหรือเปรียญธรรม ผมก็ไม่ได้เคารพอะไรมาก พุดคุยกับท่านดร.มหาเปรียญธรรม9และมหาประโยค8อีกหลายท่านกันเอง ถามไปมาแต่ละท่าน20กว่าพรรษาทั้งนั้น บางท่านสวดปาฏิโมกได้แถมคล่องมากแต่ละท่านล้วนไม่เชื่อในตอนแรก มหาทั้งหลายบอกกับผมว่าผมโชคดีได้เจออาจารย์ของจริง เราบวชมาตั้งแต่เณร จนอายุจะเข้า50ไปมาทั่วประเทศแล้วหาอาจารย์สอนกรรมฐาน แล้วยังไม่เคยเจออาจารย์ที่ไหนเท่านี้เลย (หลวงพ่อซึ่งไม่ได้สอบนักธรรมอะไรแต่อาจารย์สอนมหาประโยค9ในกทมถึงกับก้มลงกราบหลวงพ่อฝากตัวขอเป็นลูกศิษย์เรียนวิปัสนากรรมฐาน) อาจารย์สอนมหาประโยค9ท่านนั้นมาได้เพราะลูกศิษย์ท่านประโยค8 มาทำวิปัสนากรรมฐานก่อนและได้บุฟเพเล็กน้อยเลยชวนท่านประโยค9ขึ้นดอยมาฝึกเช่นกัน ท่านดร.มหาประโยค9อยุ่ไม่ถึงเดือนก็สามารถเห็นอดีตชาติได้แล้ว100ชาติเกือบ10รอบ ผมจึงถามว่าท่านเกิดเป็นอะไรบ้างในอดีต คงมีบุญมากชาตินี้บวชตั้งแต่เณรจนปัจจุบันเป็นอาจารย์สอนมหาประโยค9แล้ว ท่านก็บอกกับผมด้วยเสียงเบาๆว่า เราเกิดไม่ค่อยดีหรอก เป็นชาวนาซะเยอะ เป็นสุนัขก็มี แต่ชาติใกล้ๆนี้ดีขึ้นมาหน่อย เป็นเศรษฐีได้อุปฐากพระอนาคามี2องค์ น่าจะชาติที่ผ่านมาสดๆนี้เลย ชาตินี้ท่านบุญดีมากบวชตั้งแต่เณรและสอบได้มหาประโยค9และตอนหลังไปอยุ่อินเดีย6ปี จบดร.กลับมาเป็นอาจารย์สอนบาลีให้มหาประโยค9วัดดังในกทม(อยุ่กทมสบายกุฐิหลังใหญ่มาก มาที่นี่กุฐิห้องกว้างประมาณ4x4เมตรเท่านั้น บางครั้งกุฐิเตมต้องไปกางเต้นนอนใกล้เจดีย์ นี่ระดับอาจารย์สอนมหาประโยค9แต่ท่านไม่ถือตัวเลย เพื่อจะได้มาเรียนวิปัสนากรรมฐานกับหลวงพ่อ) ที่นี่ท่านฉันวันละมื้อ7โมงเช้าหลังเที่ยงวันไม่มีใครกล้าแอบฉันอีก เพราะศีลมีผลกระทบกับการญานทรรศนะจะเห็นหรือไม่เห็นด้วยจะเข้าตามหลักพระพุทธเจ้าบอกไว้ คือศีลเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ถ้าไม่ครบมืดต่อให้ฝึกนานแค่ไหน ทำกรรมฐานทั้งวันเกือบ20ชั่วโมง คือพักแค่สรงน้ำกับเข้าห้องน้ำ ไม่ถึงเดือนทำได้เลยเห็นอดีตชาติ ท่านก็บอกว่าลูกศิษย์เรามหาประโยค8ชวนมา เราก็ไม่รุจักหรอกตอนแรกและคิดว่าโม้ตลอดเกือบหนึ่งเดือน จนเราลงดูอดีตชาติได้ในที่สุด บวชตั้งแต่เณรไม่เคยมีแฟนจนอายุจะเข้า50 ญานทรรศนะเลยชัดมาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2016
  5. somkiatfem

    somkiatfem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2016
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +195
    เรียนถามพี่ครับ ภาพที่เห็นเคลื่อนไหว หรือนิ่งครับ ขอบพระคุณครับ
     
  6. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    ภาพเคลื่อนไหวคับ เหมือนเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2016
  7. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    กราบขอโอกาสบังอาจสอนหนังสือสังฆราช
    ที่จะอธิบายนี้
    เพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์แก่บางท่าน(อันนี้คิดเองนะครับ ไม่รู้จริงมั้ย)
    ถ้าเห็นว่าผิดก็บอกได้ครับ
    บอกตรงๆมาโลดไม่ต้องอ้อมค้อมจะเป็นพระคุณอย่างสูง
    คือจากที่อ่านของท่านTamjuggนั้น
    มีอยู่ช่วงหนึ่งที่กล่าวไว้ว่า
    "เงาดำๆคล้ายเงาคนแต่สูงมากขายาว รอบกายมีแสงขาวนวลๆริบรี่ ผมมองไปดึงสติได้แล้วรีบกำหนดจิตปลงไตรลักษณ์ เชื่อไหมว่าได้ยินเสียงกรีดร้องแสบหูมากมันเป็นเสียงเดียวยาวและดังขึ้นเรื่อยๆชนิดที่แก้วหูแทบรับไม่ได้หัวใจผมแทบหวาย"
    นั้น
    สาเหตุที่เปรตร้องนั้น
    น่าจะ (ผมใช้คำว่าน่าจะนะครับเพราะเป็นการด้นเดาเกาหมัดไปตามประสาคนชอบมโน) อิอิ
    ต่อๆ
    เกิดจากอารมณ์กรรมฐานที่ท่านพิจารณานั้นเป็นไตรลักษณ์
    เพราะเปรตนั้นอินทรีย์อ่อนมากและด้วยบุพกรรมจึงต้องทนทุกข์ทรมาน
    แต่
    ธรรมดาของหมู่สัตว์นั้นย่อมหวาดกลัวความตายเป็นธรรมดา
    พออารมณ์ที่พิจารณาถึงความเสื่อมสิ้นไปนั้นไปกระทบ
    จึงเกิดความหวาดกลัวและกรีดร้องอย่างโหยหวน
    จึงขอบอกท่านทั้งหลาย(อย่าเพิ่งเชื่อไปพิจารณากันให้ดีเสียก่อน)
    ว่า
    หากเห็นหมู่สัตว์ที่เกิดในอบายภูมิ๔(ใช่ ทั้ง๔นั่นแหละ)
    ให้แผ่เมตตานำเสียก่อน(หากยังพอมีสติอยู่)
    แผ่ไปจนกว่าเขาจะหยุดคุกคามเรา
    จากนั้นจึงสนทนาปราศัย
    จากนั้นจึงอบรมสั่งสอนข้อธรรมที่เห็นว่าสมควร(อันนี้แล้วแต่ไม่มีกฎเกณฑ์ที่ตายตัว)
    จากนั้นจึงให้ศีล ให้พร
    และสุดท้าย แผ่เมตตาอีกครั้งหนึ่ง
    เป็นอันจบ
    ส่วนท่านที่สงสัยว่าถ้าเขาไม่หยุดคุกคามล่ะจะทำอย่างไร
    ขอตอบว่า
    ท่านกลัว
    นักปฏิบัติที่แท้จริงจะใจเย็น มีสติ สลดสังเวช และสงสารหมู่สัตว์ที่ยังเวียนว่ายตายเกิด
    อยู่ในสังสารวัฏฏ์อันนี้
    ขอบคุณครับ
    ขอย้ำอย่าเพิ่งเชื่ออะไรง่ายๆ
    นำไปพินิจพิจารณาให้ดีก่อนที่จะเชื่อผม
    จึงจะได้ชื่อว่าเป็นผู้มีปัญญาอย่างแท้จริง
    สาธุ
    ขออนุโมทนากับทุกท่านที่มีจิตยินดีในพระสัธรรมอันประเสริฐนี้
    สาธุ สาธุ สาธุ
    อนุโมทามิ
     
  8. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ว่าแต่วัดที่ท่านtamjugg กล่าวถึงเนี่ย
    อยู่ภาคไหนเหรอครับ แล้วไม่กวาดตาดเหรอครับ
    แล้วพระจากกรุงเทพมาฝึกปฏิบัติด้วยเนี่ยน่าจะบอกเป็นนัยๆว่าไม่น่าจะไกลกัน
    อืมมมมมมมมม
    ขอตรงๆเลยนะ
    บวชนานป่าว
    อาการของวิถีจิตก่อนเกิดนิมิตเห็นกระดูกนั้นเป็นยังไง
    ถ้าจะฉันยามวิกาลก็จะมีพวกปานะบ้าง บางที่มีปรมัตบ้าง อะไรเงี้ย
    สายปฏิบัติจริงๆน่ะนะ
    เค้าไม่ปล่อยให้ผู้บวชใหม่ทนหิวจนต้องกินยาหรอก
    อ้อ สายปฏิบัติเคร่งๆน่ะ
    ไม่มีหรอกครับบวช7วัน
    แค่มาเป็นผ้าขาวก็นานโขแล้วครับ
    ถ้าของจริงตอบที่ผมถามมาได้หมดครับ
    ปอลิง
    บางท่านที่เล่นอภิญญาน่ะ
    อย่าเลยครับ คนอื่นมองว่าบ้านะครับ
    ถึงจะบอกว่าไม่แคร์โลกธรรมก็เถอะ
    อย่าให้ผู้ไม่เข้าใจ หลงผิดปรามาสเลยครับ
    กรรมมันหนักนะครับ ถ้าเป็นอริยบุคคลจริง ผมคงต้องขอบิณฑบาตร
    รึถ้าแค่พวกคะนองอภิญญาฌาณโลกีย์
    อันนี้ก็แล้วแต่แล้วละ
    แค่นี้ก็เอามายึดกันเฮ้อนี่แหละน้าสัตว์โลก
     
  9. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    ผู้ประทุษร้ายต่อผู้ไม่ประทุษร้ายตอบมีโทษ 10 สถาน

    โทษทันตา
    พวกเดียรถีย์ นักบวชนอกพุทธศาสนา เสื่อมจากลาภสักการะ
    เห็นว่าเป็นเพราะพระโมคคัลลานะเป็นกำลังสำคัญ เพราะพระสมณโคดม ที่
    ปลูก ศรัทธาให้คนไปเลื่อมใสกันมาก ด้วยฤทธิ์ของท่าน จึงคิดจะกำจัดพระ
    โมคคัลลานะเสีย เพื่อคณะของตนจะได้มีลาภสักการะมากขึ้น โดยไปว่า
    จ้างพวกโจรให้ฆ่า พวกโจรทุบตีท่านเสียแหลกเหลวถึงแก่ความตาย
    พระเจ้าอชาตศัตรูส่งสายลับออกไปสืบเป็นจำนวนมาก ในที่สุดก็
    จับโจรที่ฆ่าพระโมคคัลลานะได้หมด สั่งให้ลงโทษโจรเหล่านั้นอย่างหนักเช่นกัน
    โดยจับพวกเดียรถีย์และโจรฝังลงในหลุมทั้งเป็น ประมาณแค่สะดือ เอาฟาง
    กลบ แล้วจุดไฟเผาจนตาย เมื่อเผาเสร็จ สั่งให้เอาไถเหล็กไถอีกครั้งจนศพ
    ขาดเป็นท่อนๆ

    พระพุทธเจ้าทรงทราบการถูกประหารชีวิตของพวกนักโทษแล้ว ได้ตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า บุคคลที่ประทุษร้ายต่อผู้ไม่ประทุษร้าย เช่น กล่าว
    ใส่ความผู้บริสุทธิ์ผู้หาความผิดมิได้ ให้เสียหาย มีพวกเดียรถีย์ ๕๐๐ กับโจร ๕๐๐ ประทุษร้ายต่อผู้ไม่ประทุษร้าย ย่อมถึงความพินาศฉิบหายด้วยเหตุ ๑๐ ประการเป็นแท้ ดังนี้แล้ว
    เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จึงได้ทรงภาษิตพระคาถาเหล่านี้ว่า

    โย ทณฺเฑน อทณฺเฑสุ อปฺปทุฏฺเฐสุ ทุสฺสติ
    ทสนฺนมญฺญตรํ ฐานํ ขิปฺปเมว นิคจฺฉติ
    เวทนํ ผรุสํ ชานึ สรีรสฺส จ เภทนํ
    ครุกํ วาปิ อาพาธํ จิตฺตกฺเขปํ ว ปาปุเณ
    ราชโต วา อุปสคฺคํ อพฺภกฺขานํ ว ทารุณํ
    ปริกฺขยํ ว ญาตีนํ โภคานํ ว ปภงฺคุณํ
    อถ วาสฺส อคารานิ อคฺคิ ฑหติ ปาวโก
    กายสฺส เภทา ทุปฺปญฺโญ นิรยํ โส อุปปชฺชติ.

    ผู้ใด ประทุษร้ายในท่านผู้ไม่ประทุษร้ายทั้งหลายผู้ไม่มีอาชญา
    ด้วยอาชญา ย่อมถึงฐานะ ๑๐ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่งพลันที
    เดียว
    ๑ คือถึงเวทนากล้า
    ๑ ความเสื่อมทรัพย์
    ๑ ความสลายแห่งสรีระ
    ๑ อาพาธหนัก
    ๑ ความฟุ้งซ่านแห่งจิต
    ๑ ความขัดข้องแต่พระราชา
    ๑ การถูกกล่าวตู่อย่างร้ายแรง
    ๑ ความย่อยยับแห่งเครือญาติ
    ๑ ความเสียหายแห่งโภคะทั้งหลาย
    ๑ อีกอย่างหนึ่ง ไฟป่าย่อมไหม้เรือนของเขา ผู้นั้นมีปัญญาทราม เพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงนรก.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2016
  10. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    อื่มพระสูตรนั้นไม่ใช่ปัญหาครับ
    ปัญหามันอยู่ที่ว่า
    ที่เห็นกระดูกตนเองน่ะครับ
    อาการเป็นอย่างไร
    ก่อนเห็นนั้นพิจารณายังไงครับถึงมองเห็น
    เมื่อเห็นแล้วพิจารณาอย่างไรครับ
    รึ อ. ของท่านสอนแต่การระลึกชาติครับ
    เรื่องนี้พวกนักบวชนอกศาสนาก็ทำได้ครับ
    เพราะมันเป็นโลกีย์สมาบัติครับ
    ไม่ได้มีเจตนาอะไรหรอกครับ
    แค่อยากรู้เฉยๆน่ะครับ
    จะได้เป็นทานความรู้ในด้านการปฏิบัติแก่ท่านอื่นๆที่สนใจแล้วยังติดอยู่เท่านั้นเองครับ
    ขอบพระคุณ
     
  11. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    พระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญเพียร ที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ทรงเริ่มบำเพ็ญสมาธิให้เกิดในพระทัย จนเวลาผ่านไปจนถึง ...

    ในปฐมยาม ทรงบรรลุบุพเพนิวาสานุสสติญาณ สามารถระลึกอดีตชาติที่พระองค์ทรงเกิดมาแล้วได้ทั้งสิ้น ญาณเครื่องระลึกถึงชาติก่อนได้ คือในขณะนี้พระองค์ทรงสามารถระลึกชาติในอดีตหนหลังได้ตั้งแต่ ๑-๒ ชาติ ๑๐-๒๐ ชาติ ๑๐๐-๑,๐๐๐ ชาติ ๑๐,๐๐๐-๑๐๐,๐๐๐ ชาติเรื่อยไป จนถึงสังวัฏฏกัป-วิวัฏฏกัป-สังวัฏฏวิวัฏฏกัป เป็นอันมาก โดยทรงรู้อย่างแจ้งประจักษ์ว่า ในชาตินั้นพระองค์เกิดในประเทศนั้น มีชื่อและโคตรอย่างนั้น มีผิวพรรณ และมีอาหารอย่างนั้น..... ทรงระลึกย้อนหลังไปถึง ๔ อสงไขย ๑ แสนมหากัปป์

    ในมัชฌิมยาม ทรงบรรลุจุตูปปาตญาณ หรือ ทิพยจักษุญาณ ญาณเครื่องรู้แจ้งในจุติและอุบัติ เหตุแห่งสัตว์ทั้งหลาย คือในขณะนี้พระองค์ทรงสามารถเห็นสัตว์ทั้งหลายที่กำลังจุติตายไปและกำลังอุบัติเกิดขึ้นใหม่ในโลกทั้งหลาย โดยทรงเห็นอย่างแจ้งประจักษ์ ด้วยอำนาจ ทิพยจักษุอันบริสุทธิ์วิเศษกว่าสามัญมนุษย์จักษุวิสัยว่า สัตว์ทั้งหลายได้พากันล้มตายลงไปแล้ว ต่างผู้ต่างก็ไปเกิดในสภาพต่างๆ กัน เลวบ้าง ประณีตบ้าง มีผิวพรรณงามบ้าง ไม่งามบ้าง ถึงซึ่งความสุขบ้าง ทุกข์บ้าง แตกต่างกันไป ตามสมควรแก่กรรมแห่งตนที่ได้กระทำไว้ .....

    ในปัจฉิมยาม ทรงบรรลุอาสวักขยญาณ ทรงพระปรีชาสามารถทำอาสวกิเลสทั้งหลายให้ดับสิ้นไป จนได้บรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ คือ ญาณอันประเสริฐอันเป็นเครื่องตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ในเวลาปัจจุบันสมัยรุ่งอรุโณทัย จึงเปล่งพระพุทธสีหนาทปฐมอุทาน ตรัสทักตัณหาด้วยความเบิกบานพระทัยว่า

    “นับตั้งแต่ตถาคตท่องเที่ยวสืบเสาะหานายช่างเรือนอันก่อสร้างนามรูปคือตัวตัณหา ด้วยการเวียนว่ายตายเกิดมาตลอด ๔ อสงไขยแสนมหากัลป์ บัดนี้ได้พบและทำลายสูญสิ้นแล้ว จิตของเราปราศจากสังขารเครื่องปรุงแต่งให้เกิดในภพอื่นแล้ว”
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2016
  12. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    ภิกษุใดพิจารณาแผ่นดินนี้ด้วยความสำคัญว่ากระดูก อันตนได้แล้วในส่วนหนึ่งหรือทั้งสิ้น คือทั่วอัตภาพของตน ว่าเป็นกระดูกทั้งนั้น ภิกษุนั้นกระทำฌานมีกระดูกเป็นอารมณ์นั้นให้เป็นบาท พิจารณาอยู่ จักละกามราคะได้ด้วยอนาคามิมรรคโดยกาลไม่นานเลย หรือจักละตัณหา อันได้ชื่อว่ากาม

    อฏฺฐิกสญฺญา สัญญาที่เกิดขึ้นแก่ภิกษุผู้เจริญอยู่ว่า กระดูก กระดูก ดังนี้. ก็เมื่อเจริญอัฏฐิกสัญญานั้นอยู่ ผิวก็ดี หนังก็ดี ย่อมปรากฏตลอดเวลาที่นิมิตยังไม่เกิดขึ้น เมื่อนิมิตเกิดขึ้น ผิวและหนังย่อมไม่ปรากฏเลย.

    อนึ่ง โครงกระดูกล้วนมีสีดุจสังข์ย่อมปรากฏ ดังที่ปรากฏแก่สามเณรผู้แลดูพระเจ้าติสสะผู้ทรงธรรมอยู่บนคอข้าง และแก่พระติสสเถระผู้อยู่ที่เจติยบรรพต ผู้แลดูหญิงกำลังหัวเราะในที่สวนทาง.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ธันวาคม 2016
  13. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    ท่านจงดูอัตภาพที่กรรมสร้างมาอย่างวิจิตร เต็มไปด้วยแผล ประกอบด้วยกระดูกสามร้อยท่อน กระสับกระส่าย ท่านบุคคลใฝ่หา ไม่มีความยั่งยืนมั่นคง

    รูปนี้คร่ำคร่าแล้ว เป็นรังแห่งโรค ผุพัง กายของตนเปื่อยเน่าแล้วจะแตกสลายไป เพราะชีวิตมีความตายเป็นที่สุด

    กระดูกเหล่าใดที่เขาไม่ปราถนา เหมือนน้ำเต้าในฤดูร้อน มีสีเหมือนนกพิราบ จะยินดีไปทำไมเพราะเห็นกระดูกเหล่านั้น

    ร่างกายนี้ถูกกรรมสร้างขึ้นให้เป็นเมืองแห่งกระดูก ฉาบทาด้วยเนื้อและเลือด เป็นที่รวมลงแห่งความแก่ ความตาย ความถือตัว และความลบหลู่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2016
  14. rakjung2524

    rakjung2524 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +17
    ช่วยอธิบาย อรูปฌาณ นี้ให้หน่อยครับ อาการมันเป็นอย่างนี้จริงๆหรือ คุณเป็นคนพบเอง หรือว่าอาจารย์ของคุณเป็นสอน
     
  15. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    [๒๔๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย
    เพราะอาศัยปฐมฌานบ้าง ทุติยฌานบ้าง ตติยฌานบ้าง จตุตถฌานบ้าง อากาส
    นัญจายตนฌานบ้าง ฯลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวความสิ้นไปแห่งอาสวะ
    ทั้งหลาย เพราะอาศัยเนวสัญญานาสัญญายตนฌานบ้าง ฯ


    [๑๔๔] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงเข้าปฐมฌานออกจากปฐมฌาน
    แล้ว ทรงเข้าทุติยฌาน ออกจากทุติยฌานแล้ว ทรงเข้าตติยฌาน ออกจาก
    ตติยฌานแล้ว ทรงเข้าจตุตถฌาน ออกจากจตุตถฌานแล้ว ทรงเข้าอากาสนัญจาย-
    *ตนะ ออกจากอากาสนัญจายตนสมาบัติแล้ว ทรงเข้าวิญญาณัญจายตนะ ออกจาก
    วิญญาณัญจายตนสมาบัติแล้ว ทรงเข้าอากิญจัญญายตนะ ออกจากอากิญจัญญายตน-
    *สมาบัติแล้ว ทรงเข้าเนวสัญญานาสัญญายตนะ ออกจากเนวสัญญานาสัญญายตน-
    *สมาบัติแล้ว ทรงเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ ฯ
    ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์ได้กล่าวถามท่านพระอนุรุทธะว่าพระผู้มีพระภาค
    เสด็จปรินิพพานแล้วหรือ ท่านพระอนุรุทธะตอบว่าอานนท์ผู้มีอายุ พระผู้มีพระ
    ภาคยังไม่เสด็จปรินิพพาน ทรงเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ ฯ
    ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติแล้ว ทรง
    เข้าเนวสัญญานาสัญญายตนะ ออกจากเนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติแล้ว ทรง
    เข้าอากิญจัญญายตนะ ออกจากอากิญจัญญายตนสมาบัติแล้ว ทรงเข้าวิญญาณัญ-
    *จายตนะ ออกจากวิญญาณัญจายตนสมาบัติแล้ว ทรงเข้าอากาสานัญจายตนะ ออก
    จากอากาสนัญจายตนสมาบัติแล้ว ทรงเข้าจตุตถฌาน ออกจากจตุตถฌานแล้ว
    ทรงเข้าตติยฌาน ออกจากตติยฌานแล้ว ทรงเข้าทุติยฌาน ออกจากทุติยฌาน
    แล้ว ทรงเข้าปฐมฌาน ออกจากปฐมฌานแล้ว ทรงเข้าทุติยฌาน ออกจาก
    ทุติยฌานแล้ว ทรงเข้าตติยฌาน ออกจากตติยฌานแล้ว ทรงเข้าจตุตถฌาน พระ
    ผู้มีพระภาคออกจากจตุตถฌานแล้ว เสด็จปรินิพพานในลำดับ (แห่งการพิจารณา
    องค์จตุตถฌานนั้น) ฯ

    ธรรมเราบรรลุแล้วนี้เป็นธรรมลึก ยากที่จะเห็นได้
    สัตว์อื่นจะตรัสรู้ตามได้ยาก เป็นธรรมสงบ ระงับ ประณีต
    ไม่เป็นวิสัยที่จะหยั่งลงได้ด้วยความตรึก
    เป็นธรรมละเอียด อันบัณฑิตจะพึงรู้แจ้ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2016
  16. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    จตุธาตุววัตถาน การกำหนดธาตุ ๔
    คือ พิจารณาร่างกายนี้ แยกแยะออกไปมองเห็นแต่ส่วนประกอบต่างๆ ที่จัดเข้าไปในธาตุ ๔ คือ ปฐวี อาโป เตโช วาโย ทำให้รู้ภาวะความเป็นจริงของร่างกาย ว่าเป็นแต่เพียงธาตุ ๔ ประชุมกันเข้าเท่านั้น ไม่เป็นตัวสัตว์บุคคลที่แท้จริง

    ปฐวีธาตุ ธาตุดิน คือธาตุที่มีลักษณะแข้นแข็ง ในร่างกายที่ใช้เป็นอารมณ์กรรมฐาน
    ได้แก่ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ม้าม หัวใจ ตับ พังผืด ไต ปอด ไส้ใหญ่ ไส้น้อย อาหารใหม่ อาหารเก่า;
    อย่างนี้เป็นการกล่าวถึงปฐวีธาตุในลักษณะที่คนสามัญทุกคนจะเข้าใจได้ และที่จะให้สำเร็จประโยชน์ในการเจริญกรรมฐาน

    อาโปธาตุ ธาตุที่มีลักษณะเป็นเอิบอาบ ดูดซึม, แปลสามัญว่า ธาตุน้ำ,
    ในร่างกายที่ใช้เป็นอารมณ์กรรมฐาน ได้แก่ ดี เสลด หนอง เลือด เหงื่อ มันข้น น้ำตา เปลวมัน น้ำลาย น้ำมูก ไขข้อ มูตร ข้อความนี้ เป็นการกล่าวถึงอาโปธาตุในลักษณะที่คนสามัญทุกคนจะเข้าใจได้ และพอให้สำเร็จประโยชน์ในการเจริญกรรมฐาน

    เตโชธาตุ ธาตุไฟ, ธาตุที่มีลักษณะร้อน, ความร้อน;
    ในร่างกาย ได้แก่ ไฟที่ยังกายให้อบอุ่น ไฟที่ยังกายให้ทรุดโทรม ไฟที่ยังกายให้กระวนกระวายและไฟที่เผาอาหารให้ย่อย

    วาโยธาตุ ธาตุลม คือธาตุที่มีลักษณะพัดไปมา, ภาวะสั่นไหว เคร่งตึง ค้ำจุน;
    ในร่างกายนี้ ส่วนที่ใช้กำหนดเป็นอารมณ์กรรมฐาน ได้แก่ลมพัดขึ้นเบื้องบน ลมพัดลงเบื้องต่ำ ลมในท้อง ลมในไส้ ลมพัดไปตามตัว ลมหายใจ
    (ตามสภาวะ วาโยธาตุ คือ สภาพสั่นไหว หรือค้ำจุน);

    สิ่งที่เป็นอจินไตยนั้นมี ๔ อย่าง คือ
    ๑. พุทธวิสัย วิสัยของพระพุทธเจ้า
    ๒. ฌานวิสัย วิสัยของผู้ได้ฌาน
    ๓. กัมมวิบาก ผลจากกรรม
    ๔. โลกจินดา ความคิดเรื่องโลก
    ทั้ง ๔ อย่างนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่าไม่ควรคิดผู้ที่คิดจะพึงมีส่วนแห่งความเป็นบ้า ได้รับความลำบากโดยเปล่าประโยชน์
    ในอจินไตย ๔ อย่างนี้ อย่างแรกคือ พุทธวิสัย คือวิสัยของพระพุทธเจ้านั้น ผู้ที่ไม่ใช่พระพุทธเจ้าคิดอย่างไร ก็เข้าไปไม่ถึงวิสัยของพระพุทธเจ้า มีอานุภาพของพระพุทธคุณและพระสัพพัญญุตญาณเป็นต้น
    อย่างที่ ๒ ฌานวิสัย วิสัยของผู้ที่ได้ฌานอภิญญา ผู้ที่ไม่ได้ฌานคิดเท่าไรก็คิดไม่ออกว่า ทำไมผู้ที่ได้ฌานอภิญญาจึงสามารถแสดงฤทธิ์ต่างๆ มีเหาะได้ หายตัวได้ ดำดินได้ เป็นต้น ผู้ที่ได้อภิญญาประเภทนั้นๆ เท่านั้นจึงจะรู้ได้
    อย่างที่ ๓ กัมมวิบาก ผลของกรรม คือคนธรรมดาๆ ย่อมไม่อาจรู้ว่า ผลของกรรมที่ตนได้รับอยู่ในปัจจุบันนี้มาจากกรรมอะไร ทำไว้แต่เมื่อใด คิดไปเท่าไรก็คิดไม่ออก คิดมากไปจะเป็นบ้าไปเสียเปล่าๆ ผู้ที่รู้ผลของกรรมได้อย่างถ่องแท้ต้องเป็นผู้ที่ระลึกชาติก่อนๆ นับย้อนหลังไปได้โดยไม่จำกัดอย่างพระพุทธเจ้า จึงสามารถจะทราบได้ถูกต้องแท้จริงไม่ผิดพลาด ท่านที่ระลึกชาติได้จำกัด เช่นระลึกได้ ๕๐๐ ชาติ แต่กรรมที่ทำไว้ ทำไว้เมื่อชาติที่ ๕๕๐ ผู้ที่ระลึกชาติได้ ๕๐๐ ชาติก็ไม่สามารถระลึกได้ เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่สามารถจะรู้กรรมและผลของกรรมได้ถูกต้องตามความเป็นจริง เพราะพระองค์ทรงมีบุพเพนิวาสานุสสติญาณ ที่ระลึกชาติย้อนหลังได้โดยไม่จำกัด มียถากัมมูปคญาณ ญาณที่เข้าถึงกรรมของสัตว์ตามความเป็นจริง พระพระสัพพัญญุตญาณ ญาณที่ทรงรอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่คนอื่นไม่มี ทั้งยังมีพระอนาวรณญาณ ญาณที่ไม่มีอะไรมาปิดกั้น ที่คนอื่นที่ไม่ใช่พระพุทธเจ้าไม่มี เพราะฉะนั้น ป่วยการคิดเรื่องผลของกรรมว่ามาจากกรรมไหน เมื่อใด เป็นต้น คิดมากไป อาจเป็นบ้าได้
    อย่างที่ ๔ โลกจินดา ความคิดเกี่ยวกับเรื่องโลก เช่นคิดว่าใครสร้างพระจันทร์-พระอาทิตย์ ใครสร้างภูเขา ต้นไม้ เป็นต้น คิดมากไปไร้ประโยชน์เพราะไม่อาจจะรู้ได้
    ด้วยเหตุนี้ อจินไตยทั้ง ๔ อย่างนี้ บางท่านอาจจะคิดว่าตนเองคิดแล้วรู้ได้ ซึ่งก็รู้ได้เพียงวิสัยของตนเท่านั้น พระอรหันต์ก็รู้เท่าวิสัยของพระอรหันต์ จะรู้เท่าความรู้ของพระพุทธเจ้านั้นเป็นไปไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น ท่านจึงเตือนว่า สิ่งทั้ง ๔ นี้ไม่ควรคิด คิดไปอาจเป็นบ้า ลำบากโดยเปล่าประโยชน์ ทั้งนี้เพราะท่านเหล่านั้นไม่ได้สั่งสมสติปัญญาบารมีความรู้มาเสมอด้วยพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งต้องอบรมมาอย่างน้อยถึง ๔ อสงไขยแสนกัปป์ทีเดียว

    ผู้ประทุษร้ายต่อผู้ไม่คิดประทุษร้าย ย่อมได้รับผลอย่างใดอย่างหนึ่งใน 10 อย่าง โดยทันที (ทันตาเห็น) คือ
    1. ประสบทุกขเวทนามาก
    2. ประสบความเสื่อม
    3. ตาย
    4. เจ็บป่วยหนัก เป็นโรคร้ายทำลายสูง
    5. จิตฟุ้งซ่าน
    6. มีอุปสรรค เหตุขัดข้องจากผู้มีอำนาจ
    7. ถูกกล่าวหาในเรื่องร้ายแรง
    8. เสื่อมจากญาติ (สิ้นญาติขาดมิตร)
    9. เสื่อมทรัพย์ (สูญเสียทรัพย์ทางใดทางหนึ่ง)
    10. ไฟ หรือไฟป่าไหม้บ้าน
    และเมื่อแตกดับไป ผู้มีปัญญาทรามย่อมเข้าถึงนรก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2016
  17. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    โย นินฺทิยํ ปสํสติ ตํ วา นินฺทติ โย ปสํสิโย
    วิจินาติ มุเขน โส กลึ กลินา เตน สุขํ น วินฺทติ

    ผู้ใดสรรเสริญคนควรติ หรือติคนที่ควรสรรเสริญ ผู้นั้นย่อมเก็บโทษด้วยปาก เขาไม่ได้สุขเพราะโทษนั้น.

    "ถ้าคนพาลเข้าไปนั่งใกล้บัณฑิตแม้ตลอดชีวิตเขาย่อมไม่รู้แจ้งธรรม เหมือนทัพพีไม่รู้รสแกงฉะนั้น"

    สมัยหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายกราบทูลถามพระบรมศาสดาว่า:-
    “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เพราะกรรมอะไร นางขุชชุตตราจึงเป็นหญิงหลังค่อม
    พระเจ้าข้า ?”
    “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในอดีตชาติ พระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่งเป็นผู้มีสภาพร่างกายเป็น
    คนค่อมนิดหน่อยมาฉันภัตตาหารในราชสำนักเป็นประจำ นางกุมาริกานางหนึ่งแสดงอาการเป็น
    คนค่อมล้อเลียนแบบพระปัจเจกพุทธเจ้า ด้วยความคึกคะนองต่อหน้าเพื่อนกุมาริกาทั้งหลาย
    เพราะกรรมนั้น จึงส่งผลให้เธอเป็นคนค่อมในอัตภาพนี้”
    “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เพราะกรรมอะไร นางขุชชุตตรา จึงเป็นทางทาสีของบุคคลอื่น
    พระเจ้าข้า ?”
    “ดูก่อนภิกษุทั้งหลายในอดีตครั้งที่พระพุทธเจ้านามว่ากัสสปะ นางได้เกิดในตระกูล
    เศรษฐีในเมืองพาราณสี มีภิกษุณีผู้เป้นพระอรหันต์รูปหนึ่ง ซึ่งมีความคุ้นเคยกับตระกูลของนาง
    มาเยี่ยมเยือนที่บ้าน ขณะนั้นนางกำลังแต่งตัวอยู่ ได้ออกปากขอให้พระเถรีช่วยหยิบกระเช้า
    เครื่องประดับส่งให้ พระเถรีนั้นคิดว่า
    “ถ้าเราไม่หยิบส่งให้ นางก็จักโกรธอาฆาตเรา เพราะกรรมนี้เมื่อนางตายไปแล้ว ก็จะไป
    เกิดในนรก แต่ถ้าเราหยิบส่งให้ นางก็จักเกิดเป็นหญิงรับใช้คนอื่น เพราะกรรมที่ใช้พระอรหันต์
    นางภิกษุณีจึงเลือกกรรมสถานเบาเพื่อเป็นการอนุเคราะห์ต่อนาง จึงได้หยิบกระเช้าส่งให้ เพราะ
    กรรมนี้นางจึงเกิดเป็นหญิงรับใช้บุคคลอื่น”
    “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เพราะกรรมอะไร นางขุชชุตตราจึงมีปัญญามากและบรรลุพระ
    โสดาปัตติผล ?”
    “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในอดีตชาติครั้งเดียวกันนั้น พระราชาได้ถวายข้าวปายาสที่ยังร้อน
    อยู่ลงในบาตรของพระปัจเจกพุทธเจ้า นางเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าต้องเปลี่ยนมือถือบาตรกลับไป
    กลับมาด้วยความร้อน นางจึงถอดกำไลที่ทำด้วยงาจากข้อมือ ๘ อัน ถวายให้พระปัจเจกพุทธเจ้า
    ใช้สำหรับรองมือกันความร้อนด้วยผลแห่งกรรมที่นางถวายกำไลข้อมือ และกรรมที่ช่วยบำรุง
    อุปัฏฐากพระปัจเจกพุทธเจ้าครั้งนั้น ทำให้นางมีปัญญามาก และได้บรรลุพระโสดาปัตติผล”
    เพราะความที่นางขุชชุตตราเป็นผู้มีปัญญามา สามารถแสดงธรรมได้อย่างไรไพเราะลึก
    ซึ้งดีกว่าอุบาสิกาคนอื่น ๆ พระบรมศาสดาจึงทรงยกย่องนางในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่า
    อุบาสิกาทั้งหลาย ในฝ่าย ผู้แสดงธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2016
  18. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    ตอนที่9

    ต่อจากความเดิมตอนที่แล้ว ผมพบมหา3ท่านคือ เปรียญธรรม8สองท่านและดร.มหาเปรียญธรรม9อีกหนึ่งท่าน มหาเปรียญธรรม8ท่านแรกมาจากจังหวัดช. เห็นว่าเคยมาปฏิบติแล้ว1เดือนและลงไปสอบเปรียญธรรม9ที่กทมพบกับอาจารย์ดร.มหาประโยค9(พระอาจารย์มหาท่านนี้กทม)ให้ตามมาลองฝึกดู ส่วนมหาประโยค8อีกท่านมาจากจังหวัดน.ใครแนะนำมาผมไม่ได้ถามแน่ชัด แต่ละท่านล้วนมาจากต่างที่ต่างวัดกัน ผมก็ได้เผอิญพบเจอตอนฝึกวิปัสนากรรมฐานที่วัดนี่

    ทุกท่านมาที่นี้เหมือนเริ่มนับหนึ่ง ตำแหน่งพัสยศพรรษาต้องพักไว้(บางท่าน20มากกว่าพรรษาเป็นอาจารย์สอนประโยค9) เริ่มแยกย้ายไปฝึกวิปัสนากรรมฐานและ2วันมาสอบอารมณ์กับหลวงพ่อ1รอบ เฉพาะ ณ ตอนที่นั้นผมฝึกวิปัสนากรรมฐานอยุ่ ไม่รวมก่อนนั้นพระประมาณ3พันรุปหมุนเวียนกันมาฝึกวิปัสนากรรมฐานตลอดหลายปี และฆราวาสอีกนับหมื่นมีทั้งพระมหาเปรียญธรรม พระเถระ10พรรษา 20กว่าพรรษา หลวงปุ่เจ้าอาวาสวัดต่างๆ พระสายปฏิบัติอื่นๆที่ตามที่ตามหาครูอาจารย์วิปัสนากรรมฐานมาเกือบทั่วประเทศ บางท่านบอกผมขึ้นเหนือล่องใต้มาหลายพรรษากว่าจะมาที่นี่ได้ บางท่านบวชตั้งแต่เณรจนตอนนี้จะ50พรรษาจนจบเปรียญธรรม9แล้วยังไม่มีที่ไหนสอนวิปัสกรรมฐานให้รู้ ญานฌาน บุฟเพ เจโตปริญาน ทิพย์จักษุและญานอื่นๆถึงระดับนี้ พระเถระบางท่านบอกเสียดายมาตอนแก่แล้วร่างกายก็ไม่ค่อยไหวเจ็บป่วยบ่อยทำสมาธิได้ไม่นาน ที่นี่ไม่มีการโฆษณาอะไรทั้งนั้นอยุ่บนป่าเขาสัญญานโทรศัพท์ยังไม่ค่อยมี ใครจะมาหรือไม่ ไม่ใช่สาระสำคัญ ต้องไปขวนขวายเองเสาะหาเองจากพระนักปฏิบัติด้วยกันบอกกันปากต่อปากนี้ แม้กระนั้นก็ยังเป็นวัดที่มีพระจำพรรษาเยอะสุดในจังหวัดหลายปีติดต่อกัน มีครั้งนึงจำได้มีพระจำพรรษา40รุปแต่ละรุปมาจากต่างที่ต่างทางกันคือมาจาก38จังหวัด หลวงพ่อท่านก็ไม่ได้มีตำแหน่งมหาเปรียญธรรมอะไรแต่ก็มีมหาเปรียญธรรมหลายท่านกลับมาขอเป็นลูกศิษย์เรียนวิชากรรมฐานที่นี่

    สาระสำคัญที่นี่คือรู้เห็นธรรมด้วยด้วยตนเองไม่ต้องเชื่อใคร ไม่บังคับให้เชื่อ เห็นด้วยตัวของตัวดีสุดตามหลักกาลามสูตรและพระไตรปิฏก และไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ญานทรรศนะเปิดบางทีเห็นแล้วยังแทบไม่อยากเชื่อต้องพิสูจน์หลายต่อหลายครั้งแต่ก็ถูกต้องทุกครั้งไว้จะกล่าวในตอนต่อไป มีความก้าวหน้าเทียบในพระไตรปิฏกไปด้วยทำให้ผมเริ่มเชื่อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤศจิกายน 2016
  19. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    ตอนที่10

    หลวงน้ามหาเปรียญธรรม8จังหวัดน. ท่านมาที่นี่ก่อนผมประมาณหนึ่งเดือน ท่านก็บอกแรกๆก็ไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้ค่อยๆทำกรรมฐานไปจนค่อยๆเห็นเองเป็นปัจจัตตัง แต่คนได้ฌานอภิญญาแล้วรู้เห็นกันได้ แต่สายนี้พิสูจน์ได้ไม่ใช่ตัวรู้ตัวเห็นอยุ่คนเดียวแล้วมาพูดมีคนนับพันทำได้ ผมจะกล่าวในตอนต่อๆไป หลวงน้ามหาประโยค8ก็สามารถเห็นฌานในตนได้แล้ว ก็ได้เจอเปรตมาขอบุญเช่นกันเล่นเอาป่วยเลยทีเดียวมาแบบจังๆ ท่านก็เล่าให้ฟังว่าคืนก่อนนอนเปิดหน้าต่างอยุ่บนกุฐิชั้น3 กลางดึกรู้สึกหนาวเลยยื่นมือไปปิดหน้าต่าง มีมือยื่นมาจากนอกหน้าต่างจับมือท่าน ท่านรีบดึงมือกลับอีกวันมาป่วยเลย ผมก็ถามหลวงน้าไปทำไรมาป่วยอากาศไรก็ดีเถระท่านก็เล่าผมให้ฟัง ขนาดว่าท่านเป็นอาจารย์สอนพระมหาดังต้นๆของจังหวัดน. ลูกศิษย์มหาที่ท่านสอนสอบได้อันดับหนึ่งของจังหวัดปีที่แล้ว พระท่านก็บอกบุญฝึกวิปัสนากรรมฐานอานิสงฆ์เยอะมาก รักษาศีลบริโภคน้อยมักน้อยสันโดษ ฉันวันละมื้อหลังเที่ยงไม่ฉัน ปฏิบัติสมาธิมากๆ พิจารณากรรมฐานของพระบรมศาสดาตรัสไว้ มีอสุภกรรมฐานและอัฐิสัญญา ไตรลักษณ์สิ่งเหล่านี้พระศาสดาเคยตรัสทั้งสิ้นเป็นต้น ทำให้ถึงมรรคผลนิพพานได้เลยทำเป็นเล่นไป พวกผีและเปรตที่เคยขโมยของวัดเลยมาหาขอบุญให้ช่วยเป็นธรรมดา มหาเปรียญธรรมทั้ง3ท่านจับฌานได้ก่อนแล้วและเริ่มคล่องแคล้วในการหมุนฌาน เลยเริ่มเข้าจตุฌานเป็นบาทลงดูอดีตชาติ แรกๆผมยังงงท่านเหล่านั้นใช้สมุดโน๊ตเล่มเล็กๆจดอะไรกันเข้าบอกสั้นๆว่าบุปเพชาติที่เท่าไหร่ๆ ผมก็งง (จำเดิมผมจบจากมหาวิทยาลัยอินเตอร์ระดับต้นๆของประเทศ อเมริกาผมก็ไปอยุ่มาแล้ว ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เป็นทุนเดิมอยุ่แล้ว ถึงกับอึ้ง)นี่ฝึกกันขนาดนี่เลยหรอคือผมมาตอนแรกคิดว่าจะรักษาศีลไปวันๆอยุ่เฉยๆสวดมนต์บ้าง ซื้อการ์ตูนตลกมากะจะอ่านเวลาว่าง เหตุการณ์กับพลิกที่นี่ปฏิบัติสมาธิกันทั้งวันทั้งคืน หลายท่านมากกว่า20ชั่วโมง หลายท่าน3วัน3คืนบอกกับผมสั้นๆนอนไม่หลับก็เลยทำสมาธิไปเรื่อยๆ

    อ่านพระสูตรก็มีบอกว่าพระโมคคัลลานะทำสมาธิ7วัน7คืนจนพระพุทธเจ้าต้องบอก วิธีแก้ง่วงนี้ก็ไปแสดงว่าสมัยพุทธกาลก็เน้นทำสมาธิเป็นหลัก นี่ก็ไปในทางเดียวกันนิผมเลยเริ่มเชื่อ ทั้งที่เป็นคนไม่เชื่อไรง่ายแต่พยายามหาหนังสือธรรมะมาเทียบเคียงและปฏิบัติ ญานทรรศนะผมก็ยังไม่เปิดไม่สามารถรู้เห็นเหมือนพระเถระที่ฝึกมาก่อน ก็พยายามหาความรู้เกี่ยวกับธรรมมะของพระพุทธเจ้าทรงตรัสสอน พระพุทธเจ้าทรงกำหนดให้ภิกษุปฏิบัติอย่างหนึ่งใน ๒ อย่าง คือ คันถธุระ และ วิปัสสนาธุระ. วิปัสสนาธุระ คืองานที่มุ่งอบรมปัญญาให้เกิดโดยการปล่อยวางภาระทั้งปวง ทำกายใจให้เบา ยินดีในเสนาสนะที่เงียบสงบ พิจารณาถึงความเสื่อมไปสิ้นไปในสังขารร่างกายจนเห็นสามัญลักษณะคือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ได้ชัดเจน เจริญอบรมวิปัสสนาต่อเนื่องไปไม่ขาดสายจนถึงวิโมกข์คืออนิมิตตวิโมกข์ อัปปณิหิตวิโมกข์ และสุญญตวิโมกข์จนก้าวสู่หลักชัยคือวิมุตติคว้าอรหัตผลได้บรรลุกิจจ์ สามารถหลุดพ้นได้เลยทีเดียว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2016
  20. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    .....น่าจะบอกชื่อจังหวัดนะครับ
    จังหวัด ช. ถ้าชัยภูมินี่ไม่ต้องไปไหนไกลหรอกครับที่ชัยภูมิมีพระอริยะตั้งแยะ
    จังหวัด น. นี่กว้างหน่อยมีหลายภาคด้วย
    แต่ก็ช่างเถอะครับ
    สนุกดี
    ติดตามอ่านอยู่นะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...