วิชชา ธรรมกาย ไม่ได้มาจาก วัดพระธรรมกาย

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย jack5487, 28 มิถุนายน 2008.

  1. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณ วิมุตติ เห็นมานานแล้วแหละครับ ผมแนะนำให้ คุณอับปัญญา ลองศึกษาธรรมกับ ท่านวิมุตติดู
    หรือไม่ก็ ท่าน เอกวีร์ ดู

    ส่วนเรื่อง จับผิด นี่ ผมเข้าใจ ว่า ภูมิธรรมมันต่างกัน เกินไป เรียนกับผมไม่ได้

    ผมขอให้ คุณ อัปปัญญา ตอบมาว่า
    1 คุณ ไม่เคยพูดธรรม ของสายธรรมกายมาแย้งผมเลย คุณมีแต่ บอกว่า ผมไม่รุ้เรื่องจริง
    และ อ้างว่า คนที่ฝึกธรรมกายมาต่างรุ้ ว่าผมรุ้จริงหรือไม่จริง โดยไม่ได้แจงเหตผลและธรรมมาเลย จริงหรือไม่

    2 คุณ เอาแต่ บอกว่า ผมไม่รุ้จริง มาตลอด โดยไม่ได้แจงเหตุผลเลย จริงหรือไม่

    เอาสองข้อนี้ ก่อน คุณ อย่าเพิ่งมาด่าผม ว่าผมรุ้จริงหรือไม่จริง เอาประเด็นข้างต้นก่อน
     
  2. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,166
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715

    OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO



    [​IMG]
     
  3. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณ โอม คุณตอบมา ว่า

    1 คุณ เอาแต่ยกข้อความของพระท่านอื่นมาสนับสนุน ความคิดของตัวเอง โดยไม่ได้แย้งธรรมจากปัญญาตนเองเลยจริงหรือไม่

    2 คุณ บอกว่าไม่เห็นด้วยกับผม แต่คุณ ไม่โต้แย้งในเหตุผลที่ผมพูดด้วย เหตุผลของคุณเองเลยจริงหรือไม่

    3 คุณ เอาแต่ ย้อนกลับมาบอกให้ผมดูเงา ตนเอง หรือ บอกแต่ว่า ผมไม่ดีเช่นนั้นเช่นนี้ จริงหรือไม่

    คุณโอมคุณตอบมา แล้ว มาดูว่า ทั้งหมด เกิดจากอะไรเป็นเหตุ
     
  4. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,166
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715

    OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO



    ผู้ทำ ผู้รับ ผู้เดียวกัน


    ขอบพระคุณ ที่เมตตาครับ
     
  5. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณ ขจร คุณตอบผมมาว่า

    1 คุณ เอาแต่ เหน็บแนมคนอื่น ตลอดเวลาหลายเดือนจริงหรือไม่

    2 คุณ เอาแต่แงวๆ อันไร้สาระมาตลอดเวลา จริงหรือไม่

    3 คุณ เคย ขออโหสิกรรมกับผม จริงหรือไม่

    4 คุณ เคยด่า เคย แช่ง พ่อของสันโดษ จริงหรือไม่

    5 คุณไม่เคยสำนึกในการกระทำของคุณเลย จริงหรือไม่


    นี่ขจร ตอบมา
     
  6. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณโอม คุณตอบคำถามผมมา ผมจะบังคับให้คุณตอบ อย่าไปเรื่องอื่น

    แล้วจะได้ สนทนากันต่อ ในเรื่องที่ผมจะชี้ให้คุณเห็น
     
  7. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณ เต้าเจี้ยว คุณตอบมา

    1 คุณโกรธเคือง ผม และผูกโกรธผมมา เกือบสองปี แล้วจริงหรือไม่
    2 คุณ เอาแต่ กล่าวว่า นายขันธ์ ไม่รู้จริง โดยที่ไม่มีเหตุผล อะไรมารับรองคำพูดคุณเลยจริงหรือไม่

    3 คุณ เอาแต่ตาม มาว่าผมในทุกกระทู้ เป็นเวลา หลายๆเดือนแล้ว จริงหรือไม่

    4 คุณ จับผิดผมในเรื่องเล็กน้อยจริงหรือไม่

    5 คุณ เอาความรู้สึกส่วนตัว เข้ามาปน กับการโต้แย้งธรรมกายของผม จริงหรือไม่

    6 จนถึงข้อความ สุดท้าย นี้ คุณก็ยังบอกในทำนองที่ว่า นายขันธ์ อวดอุตริ และ ไม่ควรเชื่อถือ แต่คุณไม่ได้ ควบคุมประเด็นและ แยก ระหว่างข้อเท็จจริงกับอารมณ์เลย จริงหรือไม่

    คุณตอบมา
     
  8. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,166
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715

    OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

    1.2 แสดง ด้วย การไม่แสดง ทำได้หรือไม่

    แล้วสุดท้ายก็เห็นปฏิกิริยาต่อเนื่องมาอีก จากการที่เราไม่แสดง เพราะ เราไม่ได้เป็นไปตามเจตนาของใคร

    ไม่เห็นด้วย เพราะ มองต่างมุม แต่ผลออกมาคล้ายกัน เป็นไปได้ไหม?


    ผมอาจไม่มีปัญญามากเช่นท่าน ก็ขออภัยครับ




    ข้อ3 พี่คิดไปเองหรือเปล่าครับ
     
  9. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,166
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    ฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯ


    แม้แต่ที่ศาล ท่านยังไม่บังคับคนให้ตอบ

    นอกจาก ตำรวจที่ซํกฟอกผู้ต้องหา โดยวิธีสารพัด ( .... )

    .................


    ไม่ค่อยมีโอกาสสนทนาดีๆ บนพื้นฐานของ ผู้แสดงธรรมอันดีเลย

    เพราะ งาน... และความไม่สะดวกสารพัด


    สิ่งละเอียดอ่อน ควรอาศัยปัจจัยที่เหมาะสม

    ถ้าพี่ดิ้นรน บังคับ ด้วยความร้อนแรงสไตล์เดิมๆ เหมือนสมัยก่อน


    ก็ชี้มาสิครับ....จะฟังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ด้วยความที่มีปัญญาไม่มากดั่งที่ท่านต้องการ



    ^^
     
  10. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    1.2 แสดง ด้วย การไม่แสดง ทำได้หรือไม่

    คุณ โอม การแสดงด้วยการไม่แสดง ทำได้ แต่ตอนนี้เรากำลังยกเหตุผล มาโต้ตอบกัน จริงหรือไม่

    ข้อความต่างๆ ของพระที่คุณโอมยกมา ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ ตอนนี้ จริงหรือไม่

    ข้อ3 พี่คิดไปเองหรือเปล่าครับ

    คุณโอม คุณกดไม่เห็นด้วยกับผม คุณยกคำพูดที่บอกว่า ผมอย่างนั้นอย่างนี้ นี่คุณจะบอกว่าผมคิดไปเองหรือ
    อันที่จริง ผมจะคิดไปเองหรือไม่ ก็ไม่เป็นไร

    ประเด็นที่ผมจะชี้ก็คือ คุณ ไม่ได้อยู่ในกรอบของเหตุผล ของธรรมกาย ที่เรากำลังโต้แย้งกัน จริงหรือไม่
     
  11. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ถูกแล้ว ผู้ทำ ผู้รับ ผู้เดียวกัน ไม่ได้หลุดไปหาสิ่งไหนเลย

    เมื่อไหร่ก็ตาม ที่คู่เสวนา กล่าวอะไรเป็นธรรม เคยสังเกตไหมว่า เราจะหยุด
    จะไม่สามารถโต้คนที่กล่าวอะไรเป็นธรรมได้

    เหตุที่กล่าวโต้ออกไปไม่ได้ เพราะ เห็นธรรม

    และถ้า ธรรมที่เห็นเป็นธรรมที่แท้ ภาวะเรา เขา จะหายไปทันที จะไม่มีเรา ไม่มีเขา
    นี้ก็ทำให้ การโต้ตอบไม่เกิดขึ้น เพราะเรา เขา หายไป เพราะผสานกันด้วยธรรม

    ที่นี้ถ้าเรา เขา ไม่เกิดขึ้น และตัวปฏิฆะสัญญา ( โกรธ ผูกโกรธ โทสะ พยาบาท )
    ไม่เกิดขึ้น ขณะจิตนั้นของคุณจะไม่ใช่แค่สางออกแค่สักกายทิฏฐิ ธรรมจะหลอม
    เข้ากับสภาวะจิตที่เป็นสมาธิที่ไร้ปฏิฆะสัญญา(ฌาณ 2)

    ที่นี้ถ้าเราเขาไม่เกิด ด้วยการผสานกันด้วยธรรม และปฏิฆะสัญญาก็ไม่เกิด ก็จะ
    หลุดไปที่ตัวราคะ ก็อาจจะทำให้เห็นว่า นั้นข้อธรรมของคนๆนั้นกล่าวมา ก็อาจ
    จะผลิกไปเป็นชอบใจคนๆนั้น หรือไม่ชอบใจก็อาจดีดกลับมาเป็นปฏิฆะอีกครั้ง
    แต่ถ้าไม่มีราคะเกิด(รวมชอบใจ ไม่ชอบใจ) ก็จะหลุดไปที่สภาะสมาธิ หรือ สภาวะ
    จิตที่ไร้ราคะ(ฌาณ 4) ก็จะถึงขั้นแหวกอวิชชา ถ้าแหวกไม่ได้ ก็จะถูกตัวสงสัย
    ครอบงำ แล้วถอย หรือ เกิดอุธัจจะ ฝุ้งซ่านธรรม ก็จะหยิบ หรือ คิดไปถึงโศลกธรรม
    บทอื่นๆ เพื่อยกมาคู่ มาแก้ กรณีที่เกิดเห็นหรือจิตฝุ้งไป ( ส่วนง่วงหงาวหาวนอน
    หรือ ถีนมิททะ อันนี้ไม่รู้ แล้วแต่ใครไปทำอะไรมา) ถ้าปราศจากนิวรณ์ได้ทั้งหมด
    ตอลดสาย ณ ขณะจิตที่สนทนาธรรม แล้วเห็นธรรม ก็จะหลุดเข้าสู่สัมมาปัญญาได้

    อันนี้ก็ลองชี้เล่นๆ ให้คุณโอมหาข้อพร่อง เพราะคุณโอมน่าจะเข้าใจธรรมได้มากกว่าผม

    ส่วน คุณเต้าเจี้ยว ยังไงก็ต้องไปติดตรงอุธธัจจะ

    ส่วน คุณ upanya ผมคงไม่พูดอะไร เพราะไม่ทราบ ทางคุณมีเยอะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2008
  12. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณ โอม คุณอย่าเฉไฉ คุณ ตอบมาก่อน ผมจะไม่ดิ้นไปประเด็นอื่นอีก

    และ ใครจะมาพูดกับผม ผมจะไม่ดิ้นไปประเด็นอื่นอีก เอาให้เคลียร์ไปเลย เป็นจุดๆ
     
  13. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    สำหรับผม

    ธรรมกาย ก็คือ วิชาธรรมกาย เป็นวิชาหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้มาจาก วัดธรรมกาย
    ก็เป็นไปตามหัวกระทู้

    แต่ที่สนทนากัน ก็เพื่อหาใครสักคนที่แน่นในวิชาธรรมกาย มาถกแลกเปลี่ยน
    ข้อธรรมกัน เป็นการแลกเปลี่ยนกัน เพราะ มีความต่างกันอยู่ในแต่ละบุคคล
    ดังนั้น มันจึงเหมือนขัดแย้ง โต้เถียงกัน แต่จริง ก็ยังเป็นการแลกเปลี่ยนกัน

    ( ส่วนข้อที่ว่า ผมจะมาหักล้าง วิชาธรรมกาย ไม่มีใครเสียสติขนาดนั้น
    คนศึกษามีตั้งเยอะแยะ ดังนั้น สิ่งที่เป็นเป้าหมายของการสนทนา ไม่ใช่
    ตัววิชา แต่ เป็นคู่สนทนา แต่ก็ไม่ใช่หักกัน แต่แลกเปลี่ยนความคิดที่มี
    ต่างกัน -- กรณีเต้าเจี้ยว ยกเว้น )

    ถ้าเหมือนกัน ก็คงไม่ต้องแลกเปลี่ยน สนทนา โต้กัน

    ผมก็ได้ความเข้าใจเพิ่มมาอีกว่า เขาว่าวิชาธรรมกายไม่ใช่นิมิต สิ่งที่ถูกถอด
    เป็นชั้นๆนั้นไม่ใช่รูปในนิมิต แต่เป็นรูปของธรรมกาย นี่ ผมก็รับฟังไปตาม
    นี้

    ส่วนวิปัสสนาในทางผมนั้น ไม่รู้เขาเห็นแค่ไหน ก็พยายามแทงตลอดให้ดู
    ไปเรื่อยๆ ว่ามันง่ายๆ เรียบง่ายไม่ยุ่งยาก

    สำเร็จ ณ วินาทีปัจจุบันเลยก็ได้ ขึ้นกับอินทรีย์ที่พร้อมแหวกอวิชชา( คำว่าอวิชชานี้
    ยกขึ้นกล่าวตามเนื้อหาธรรม ไม่ใช่เพื่อไปบ่งชี้อะไรนะครับ ไม่ได้มีเจตนา --
    หมายเหตุไว้เพื่อบอกคนอื่นๆ ไม่ใช่กับคุณโอม )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2008
  14. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,166
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    โอเคครับ ท่านขันธ์และท่านเอก


    เชิญป้อนทุกอย่างได้เต็มที่


    เดี๋ยวเสร็จงานศาลพระเสื้อเมือ่ง จะได้บวชยาวแล้ว

    ชี้แนะ ตักเตือน สั่งสอน อบรม ว่ากล่าว ได้เต็มที่ครับ

    ขอบพระคุณในเมตตาของทุกท่าน
     
  15. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    อ้าว จะบวชเหรอ ก็ ขออนุโมทนาครับ

    แหม ก็ขาดคนที่มีความรู้ดีๆ มีมานะแน่นๆ ไปอีกคนเลย

    ก็อโหสิให้ผมด้วยนะครับ ที่ชวนเสวนาด้วยก็เพราะเห็นว่า
    คุณก็แจ่มมากกว่าคนอื่นๆ จึงทำอาการ ชนแก้ว กัน
     
  16. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    กระทู้นี้หมดคุณ โอม ผมก็หมดอยาก

    ทุกทีจะตามกระทู้คูณ โอม อยู่เรื่อยๆ

    บางครั้งก็คิดว่าจะมีอะไรใหม่ เข้าไปดู

    แหม เห็นแต่ oo ( เข้ามาดันเฉยๆ )

    ++"
     
  17. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035
    ลองกลับไปอ่านดูครับพี่ว่าเหตูใดผมจึงว่าอย่างนั้น

    ผมชี้แจงไปแล้วด้วยว่าที่มาเป็นไง

    คนอื่นเขาเขียนนี่คุณอ่านมั่งเปล่าครับ อย่าอ่านผ่านๆสิครับ

    ที่ผมไม่สนทนาในเรื่องการปฏิบัติ ต่อก็เพราะคุณไม่รู้จริง คุยกันไปมันก้ไม่รู้เรื่องครับ เสียเวลาเปล่า

    หลายคนเขาชี้แจงแล้วคุณก็ไม่เข้าใจ ก็หยุดไว้ก่อนเรื่องนั้น

    ที่ผมจับความโกหกของคุณได้ มีเหตุและผลอยู่ครับ ไม่ต้องคุยกันให้มากเรื่อง


    หรือคุณจะปฏิเสธ ลองทบทวนดูครับพี่ ตามใจตัวเองทันอยู่นี่ครับ

    หรือทันแต่พิจารณาไม่ทัน เพราะกิเลสบังหมด ความมันยโสบังหมด
     
  18. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ก่อนจะไปบวช

    เวลาจะศึกษาอะไรใหม่ ขอให้ ลืมความรู้เดิมทิ้งไปเสียก่อน แล้วเปิดใจรับอย่างเต็มที่ ดำเนินสติ คือ ฐานกาย ให้คล่อง จนว่า มันเป็นไปตามอัตโนมัติ คือ รู้ตัวอยู่ อย่าเผลอคิด แล้วเราจะเห็นความคิด ว่ามันแตกออกไปอย่างไร

    คนคิดนี้ ไม่ต่างอะไรกับคนฝัน เพราะมันเป็นเรื่องเป็นราว สานต่อกันไป อย่างไม่รุ้จบ ทีนี้พระพุทธองค์ ตื่นแล้ว คือ ตื่นแล้วจากอวิชชา ตัวอวิชชานั้นคือ ตัวไม่รู้เท่าทัน ก็หลงเอาคิดว่าเป็นเรา

    ก็พอตื่น มันจะหลุดออกจากภวังค์แห่งความคิด ก็จะเห็นความจริงตั้งอยู่

    ก็ภวังค์ นั้นก็มีเป็นชั้นๆ ไป คือ ตื่นจากความนึกคิด แต่ก็อาจจะอยู่กับ เวทนา หรือ อยู่กับจิตที่ขุ่นมัว พอตื่นขึ้น รู้ตัว เราก็สลัดจากความรู้สึกและ อารมณ์นั้นได้

    เช่นเดียวกัน หากเรามองนิมิตอยู่ มันก็คือเรื่องราวที่เรา มองเห็นเช่นเดียวกับฝัน พอตื่นขึ้น ก็ตระหนักได้ว่า นี่เรามานั่งมองอะไร เราควรไปทำตามหน้าที่ของเรา ตามความเป็นจริง

    รุ้ตัวและ รู้อารมณ์ รู้ความคิด พอที่สุด จะเป็นธรรม ธรรมนี้ละเอียดที่สุด คือ ปรากฎกับใจ ให้รู้ซึ้งถึงความเป็นจริง

    ก็จะรู้ เด่นอยู่ นี่เป็นทางของพระอริยะเจ้าทุกคน

    คือ รู้ ตื่น เบิกบาน มีหลักใจแล้ว ก็ทำหน้าที่ อย่างไม่หลง มีปัญญาเปิดออก จึงว่า แสงสว่างเสมอปัญญาไม่มี เพราะให้แสงอาทิตย์สาดลงตรงหน้า ก็ไม่มีใครเห็นสัจธรรมได้ นอกจากปัญญา

    เมื่อเห็นจิตละเอียดเข้า จะพบว่า ไม่มีอะไรเลย ทุกอย่างเป็น สมมติ แม้กระทั่ง ตัวรู้ รู้ขึ้นตรงไหน ให้หาไปว่า รู้อยู่ตรงไหน เห็นอยู่ตรงไหน ของใจ ก็จะหาที่ตั้งไม่เจอเลย นี่แหละ เรียกว่าจิตว่าง มันว่างไปหมด อะไรๆ ก็ไม่มีที่ตั้ง นั้นเรียกว่า เห็นไตรลักษณ์ และ เห็นพระนิพพานของจิต

    พระนิพพานจึงเป็น อายตนะหนึ่ง คือ สัมผัสที่จิต หาได้อยุ่ภายนอก ไม่ได้อยู่เป็นภพ เป็นกรอบ แต่อยู่ที่สัมผัส อันลึกซึ้ง จะสร้างสมมติอะไรขึ้นมาก็ได้

    ทีนี้ พอเรื่อง จิตจะเข้าไปรู้ เข้าไปปรุง หมดไป ก็ไม่มีปัญหาเรื่อง ภพ เรื่องที่อยู่ แต่จะปรุงอะไรขึ้นมาก็ได้ดังใจ

    ปรมัตธรรม ที่แท้จริง อยุ่ที่ใจ วิสุทธิเทพ มีอยู่ แต่ก็ไม่ใช่มีกาย แต่ก็เนรมิตกาย ตามรูป ตามสมมติได้
    เรียกว่า มีกายเป็นธรรม หรือ ธรรมกาย คือ มีแต่ความจริงเท่านั้น

    นี่ก็จะไม่ไปอิงกับอะไร เป็นธรรมที่เป็น อสังขตธรรม คือ มีอยู่แล้ว ไม่สลายไม่สูญ เป็น อายตนะที่ละเอียดที่สุด

    นี่คือ สรุป สุดยอดแห่งพระนิพพาน ไม่มีใครเข้าถึงได้หากไม่ได้สางกิเลส และเราต้องมองกิเลสด้วยเครื่องมืออย่างเดียว คือ มหาสติ

    แล้วเมื่อ จิตว่างแล้ว เปิดอวิชชาออกบางส่วน อภิญญา และ ปัญญา จะเพิ่มพูนขึ้นเอง เพราะว่า ความโง่นั้นค่อยๆ จางออกไป

    ก็เอาไปศึกษาดู อะไรก็ตามที่อยู่นอกใจ นอกความรู้สึก อย่าเอามาเป็นเรา
     
  19. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    นิพพานัง ปรมง สุญญัง แปลว่า นิพพานว่างอย่างยิ่ง คือ สิ่งที่ผมแสดง

    นิพพานัง ปรมัง สุขัง แปลว่า นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง เพราะตัวปรุงตัว โง่ดับไปหมด เหลือแต่จิตบริสุทธิื์

    ไฟดับไปแล้ว ไม่ปรากฎว่าอยู่ที่ใด คือ ภพชาติ ดับไป ไม่ปรากฎไฟ

    นี่ทุกคำพูดแห่งพระศาสดา ผมเป็นพยานอยู่ และ พยายามจะพูดให้เห็นตาม คำพูดในยุคนี้ ทุกอย่างที่เกิดกับจิต เป็นการสืบต่อเนื่อง เกิดแล้วจบไปทั้งสิ้น หาได้มีตัวตนอยู่ จึงกล่าวว่า ทุกข์เท่านั้นที่เกิด ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป

    และ จะเห็นว่า เพราะว่าเราไปกระทบ ตรงนั้นจึงมีใจที่โมโห กระทบตรงนั้นจึงมีใจที่กำหนัด ราคะ ราคะและโทสะหาได้อยุ่กับเราไม่ ปัญญา หาได้อยู่กับเราไม่ ความจำ หาได้อยู่กับเราไม่ ระลึกขึ้นมานึกขึ้นมาจึงปรากฎ ตัวรู้ ก็หาอยุ่กับเราไม่

    นี่ธรรมทั้งหลายทั้งปวง เกิดมาแต่เหตุ สิ่งต่างๆ นั้นสานต่อมาจากเพราะมีสิ่งนั้นจึงมีสิ่งนี้ จึงเป็นที่มาแห่ง เยธัมมาเหตุปปัภวา คาถาของพระอัสสชิ

    นี่ ให้พิจารณา ทั้งหมด ลงสู่ ความหาแก่นสารไม่ได้ แต่เพราะมีตัวหลง ตังโง่ คืออวิชชา มันก็ สืบเนื่องมากี่ภพกี่ชาติ หาความจริงไม่เจอ ถ้าไม่มีพระศาสดา

    ก็เอาไปพิจารณากัน ว่า ที่นายขันธ์ พูดนี้ พระอริยะทุกคนต่างพูด ต่างเห็นกันมาเหมือนกันทั้งสิ้นแล้ว
     
  20. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    พระโสดาบัน คือ ผู้ถึงกระแสแล้ว ละสังโยชณ์สามได้ ด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา อันยิ่ง เรียกว่า อธิศีล อธิสมาธิ อธิปัญญา คือ พิจารณาอย่างแยบคาย ด้วย โยนิโสมนสิการ อันประกอบไปด้วย พละ และ โพชฌงค์ อันมี สติ และ ธัมมวิจย คือ วิจัยแต่ในเรื่องจริงที่เป็นไป ของจิตของใจ นี้ จนเห็น ความจริง และ สางออกซึ่งความคลุมเครือและความไม่จริง จิตก็จะตั้งมั่นๆ จนสัมประยุต ในที่สุดเกิดเป็น โสดาปัตติผลญาณ ละสังโยชณ์สามได้ ทั้งหมด เพราะเท่าทัน ในการปรุงของ จิต ตามหลักแห่ง ปฏิจสมุบบาท

    นี่คือ สรุป การดำเนิน วิปัสสนาญาณ

    ก็ไปพิจารณากัน พอจบ
     

แชร์หน้านี้

Loading...