ร่วมทำบุญบูชา ชุดเก่าตะกรุดดอกครูนามธรรมบุญหนุนส่งวาสนานำพา(เอื้อบุญ) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,533
    พรุ่งนี้ติดตามกันดีๆนะครับกับเครื่องรางที่เกี่ยวข้องกับนามธรรม...(ที่ยิ่งใหญ่) แอบบอกไว้คร่าวๆว่าต่อไปคงเป็นที่ถามหากันมาก มากเสียยิ่งกว่าคนถามหาตะกรุดมหาสะท้อนแน่นอน และท่านก็ตั้งใจทำให้บูชาเพียงหลักร้อย ซ้ำยังทำยากมากๆเพราะต้องมีวิชาทำสีผึ้งเฉพาะทางเข้ามาประกอบด้วย (รายการนี้หอมจริงๆ)
     
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,533
    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดดอกครูนามธรรมบุญหนุนส่งวาสนานำพา(เอื้อบุญ)

    บุญนั้นเป็นพลังงานอย่างหนึ่ง ซึ่งละเอียด ประณีต และทรงพลังอย่างยิ่ง เป็นเครื่องชำระล้างใจให้ใสสะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส ห่างไกลจากกิเลสเครื่องเศร้าหมองทั้งหลาย เวลาบุญเกิดขึ้นจะมีลักษณะเป็นสายธารเหมือนท่อธารแห่งบุญไหลไปยังผู้ทำบุญนับประมาณมิได้ เช่นนั้นสมเด็จพระตถาคตเจ้าจึงสรรเสริญว่าบุุญนั้นนำสุขมาให้ ให้ผลอันเลิศ มีสุข เป็นวิบาก ดุจแม่น้ำทั้งหลายไหลลงสู่ทะเลฉะนั้น

    พ่ออาจารย์ท่านว่าหลายๆคนนั้นที่กรรมตามทัน กรรมตามเล่นงาน ก็เพราะว่าอยู่ในจังหวะที่กำลังบุญนั้นเสื่อม บุญนั้นอ่อนกำลัง อันบุญซึ่งเป็นนามธรรมจับต้องไม่ได้นี้เป็นสิ่งที่คนมองไม่เห็น เมื่อมันอ่อนกำลังลงไปจึงไม่รู้ตัวเองเลยว่า ต้องทำเท่าไหร่ถึงจะพอ ด้วยคนที่ดวงตกหรือกรรมเล่นงานนั้นก็จะหวังพึ่งบุญ ดังนั้นทุกครั้งที่ทำความดี เช่น ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา... หรือทำสิ่งต่างๆจะเกิดกระแสชักพาบุญมารวมตัวกันก็จะปรารถนาอานิสงค์ต่างๆให้ตัวเองหลุดรอดพ้นจากสภาวะทุกข์ทรมานทั้งหลาย แต่ก็ยังติดอยู่ว่าทำไมทำบุญแล้วไม่ได้ดี ต้องทำอย่างไร ทำเท่าไหร่บุญนั้นจึงจะมีอานิสงค์ถึงขั้นเปลี่ยนแปลงชีวิตได้ พ่ออาจารย์ท่านว่าบุญนั้นย่อมเป็นนามธรรมซึ่งมีอานุภาพใหญ่เพราะสามารถบันดาลความเป็นไปในชะตาผู้คนรวมถึงเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆได้ถึงสามสิ่ง ได้แก่
    - รูปสมบัติ
    - ทรัพย์สมบัติ
    - คุณสมบัติ

    คุณประโยชน์ทั้งสามนี้เมื่อมีกำลังบุญเต็มที่แล้วย่อมจะเกิดขึ้นกับตัวเองครบถ้วน อย่างเช่นรูปสมบัติกับคุณสมบัตินั้นท่านว่ามันเกี่ยวข้องกับบุญเก่าเพราะมันถูกกำหนดให้เกิดมาแล้วก็ต้อ
    งเป็นแบบนี้ เป็นของติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด หากแต่บุญใหม่ที่เราจะทำนั้นในชาตินี้ก็สามารถคลี่คลายปัญหาเรื่องทรัพย์สมบัติได้ และยังเป็นทุนต่อไปในชาติหน้าให้มีปัจจัยทางรูปสมบัติและคุณสมบัติถึงพร้อมด้วย


    เช่นนั้นปัญหาเรื่องบุญเสื่อมกำลังหรือที่เรียกว่าคราวซวยมาเยือนและไม่รู้จะแก้ไขอย่างไรจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเจอ พ่ออาจารย์ท่านว่าในช่วงนี้หลายคนประมาทกำลังบุญกันเกินไปพอจิตตกก็หันไปพึ่งหมอดูให้เสียทรัพย์ประกอบกับไม่เข้าใจวัฏจักรของพลังงานเหล่านี้ ก็เห็นมีแต่ไปโดนหลอกโดนกระทำกันเพิ่มเติมจนเป็นวิบากกรรมมากมาย ดังนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงนำตะกรุดครูนามธรรมที่ท่านสร้างเก็บไว้ตามตำรับเสด็จพระใหญ่(องค์ปฐม)ออกมาให้บูชาแก้ไขสถานการณ์เช่นนี้

    เมื่อจะทำให้นามธรรมที่เป็นดุจร่มไม่ใหญ่นั้นแผ่กิ่งก้านให้เหล่านกกาได้อาศัย ท่านว่าพูดง่ายๆก็คือให้คนใช้อยู่ในร่มบุญหรือได้พึ่งพลังงานบุญโดยตรง ซึ่งอานุภาพพบุญนั้นยิ่งใหญ่สุดประมาณ ให้สังเกตุเอาว่าช่วงไหนเรามีบุญมากและบุญกำลังส่งผลสมบัติต่างๆก็จะหลั่งไหลมาหาเรา แต่กลับกันถ้าเมื่อไรเรามีบุญน้อยหรือหมดบุญสมบัติและความโชคดีนั้นก็จะไม่สถาพรอยู่ต่อไปได้ สิ่งที่มีอยู่ก็จะค่อยๆลดน้อยลงไปเพราะไม่มีบุญดึงดูดทรัพย์สมบัติเข้ามา เรียกว่าตัวเรานั้นอยู่ในช่วงขาดคุณสมบัติไปเช่นนี้ก็ได้ ในทางกลับกันพอใจเราร้อนรุ่ม ขวนขวาย วิ่งตามกำลังบุญ ใจแต่เดิมที่เป็นกลางก็ค่อยๆเปลี่ยนสถานะไปกลายเป็นใจที่ยึดเกาะอยู่ในความโลภ มีความตระหนี่ ความชั่ว มีกิเลสเกิดขึ้นกับตัวเอง พ่ออาจารย์ท่านว่าสิ่งเหล่านี้แหละที่มันมาเป็นกำแพงขวางพลังบุญที่เราสร้าง พอกิเลสมันมีกำลังมากกว่าบุญมันก็จะผลักคุณสมบัติและทรัพย์สมบัติให้ไกลจากตัวเรายิ่งขึ้นไปอีก เรียกว่าถึงไปทำบุญมากเท่าไหร่ก็ยังตามกิเลสในใจตัวเองไม่ทันเช่นนั้น

    เมื่อกิเลสเป็นเครื่องขวางให้อานิสงค์แห่งบุญนั้นพลัดพรากจากเราไป พ่ออาจารย์ท่านจึงแก้ไขด้วยตะกรุดเอื้อบุญของท่าน ท่านว่าวิชานี้เป็นของเสด็จพระใหญ่ที่ท่านอนุญาติให้ทำไว้ช่วยสงเคราะห์คนที่อยู่ในสภาวะขาดบุญจุนเจือ หรือทำดีเท่าไหร่ ทำบุญมากเท่าไหร่ก็ไม่เห็นทางสว่าง ไม่เห็นทางออกว่าอานิสงค์แห่งบุญนั้นจะเกิดขึ้นกับเราได้ อุปมาบุญดั่งน้ำในคลอง บาปก็เหมือนตอไม้ใต้น้ำ พอน้ำลดตอก็ผุดทำอะไรก็ติดขัดไปหมด เช่นนั้นบุญจึงเป็นนามธรรมหรือกำลังที่สำคัญมาก เพราะบุญนี้จะช่วยให้สิ่งที่ทำอยู่หรือคิดอยู่ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามสำเร็จทั้งหมด เรียกว่าความสุขและความสำเร็จของมนุษย์นั้นมีกำลังแห่งบุญหนุนอยู่เบื้องหลังก็ได้ ดังนั้นท่านจึงลงตะกรุดเอื้อบุญใช้บุญซึ่งเป็นนามธรรมที่มองไม่เห็นจับต้องไม่ได้ เปลี่ยนเป็นกำลังที่จะดึงดูดสมบัติทั้งสามสิ่งนั้นให้เกิดกับผู้บูชา

    เพราะเราไม่รู้ว่าบุญคืออะไร บุญอยู่ที่ไหน...เช่นนั้นท่านจึงให้ใช้ตะกรุดเอื้อบุญนี้อันจะเปลี่ยนกฏเสมือนว่าเรามีกำลังบุญหนุนอยู่ได้ตลอดเวลา แต่ท่านว่าก็อย่าประมาทไปเพราะตะกรุดนี้ใช้ได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราว(ชาตินี้) บุญนั้นก็เป็นสิ่งที่ต้องทำกันต่อไปเพื่อจะได้มีอานิสงค์ไว้ใช้กันในชาติหน้าด้วย เมื่อทำตะกรุดพึ่งบุญแล้วพ่ออาจารย์ท่านว่าเสด็จพระใหญ่ท่านให้ทำตามสูตรของท่าน ซึ่งต้องอุดขี้ผึ้งวาสนาไว้ในตะกรุดด้วย ดังนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงบอกว่าวิธีทำตะกรุดตัวนี้ค่อนข้างยุ่งยากเพราะต้องทำวิชาควบคู่กับการหุงสีผึ้งวาสนาใช้ไปพร้อมกัน

    ขี้ผึ้งวาสนา
    ด้วยวาสนานั้น หมายถึงความดีงามที่ได้เคยทำสั่งสมไว้มานาน เคยพอกพูนมานานจนกลายเป็นบารมีที่สมบูรณ์เต็มที่ สามารถสนองผลให้ผู้ทำได้ถึงฝั่งแห่งความปรารถนาทุกประการ ทั้งแตกต่างจากกำลังบุญที่ใช้ไปก็หมดสิ้นเหมือนใช้เงินใช้ทอง เพราะวาสนานั้นเป็นพลังงานที่ไม่รู้จักหมดสิ้นไปง่ายๆด้วยเกี่ยวเนื่องกับบารมีที่บำเพ็ญสั่งสมกันมา คนมีวาสนาบารมีแม้จะอยู่ในป่าเขา แม้จะเกิดในโคลนตมในครอบครัวที่คนยากจนเมื่อได้สร้างวาสนาบารมีต่ออีกก็จะทำให้ชีวิตค่อย ๆรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับจนกระทั่งอยู่ในชั้นแนวหน้าของคนทั้งหลาย เด็กจากบ้านนอกเป็นรัฐมนตรี คนที่พลัดถิ่นมามีแค่เสื่อผืนหมอนใบกลายเป็นเศรษฐีใหญ่ คนรับใช้กลายเป็นราชา เรื่องเช่นนี้ตั้งแต่ก่อนพุทธกาลก็มีมามากต่อมากแล้ว ตัวอย่างมันมีอยู่แล้ว เช่นนั้นวาสนาจึงเป็นพลังที่จะเปลี่ยนชะตาได้โดยตรง
    เพราะวาสนาเกี่ยวข้องกับผลบุญที่ทำให้ได้รับลาภยศ พ่ออาจารย์ท่านจึงเตือนเอาไว้ว่า"เราสร้างวาสนาและวาสนาก็สร้างตัวเรา เป็นสิ่งที่เกื้อกูลซึ่งกันและกัน" ดังนั้นวาสนาเป็นสิ่งที่พาให้ชีวิตเราดำเนินไป แต่จะต่างจากบุญที่ใครสั่งสมมาอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น แต่วาสนานี่แหละจะเป็นตัวการที่ทำให้เรามีชีวิตผันผวนไปตามมันเช่นนั้นวาสนาจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้โดยไม่รู้ตัว ด้วยวาสนานั้นสามารถสร้างขึ้นมาได้
    เมื่อจะทำตะกรุดนามธรรมตำรับเอื้อบุญนั้น เสด็จพระใหญ่ท่านจึงให้พ่ออาจารย์ทำขี้ผึ้งวาสนาตำรับเฉพาะไว้อุดตะกรุดทุกดอกด้วย ท่านว่าคนที่มีบุญแต่ขาดวาสนาก็มีอยู่มาก ทำให้ชาติตระกูลไม่ดี สังคมไม่ดี สิ่งแวดล้อมทุกอย่างไม่ดี คนเหล่านี้เรียกว่าไม่ได้มีบุญวาสนามาแต่ปางก่อนทุกอย่างจึงต้องสร้างเอาเอง ท่านจึงให้พ่ออาจารย์ทำขี้ผึ้งวาสนานี้อุดเอาไว้ ด้วยว่าวาสนานั้นจะเป็นกำลังสำคัญที่เปลี่ยนชีวิตคนให้รุ่งเรืองขึ้นตามลำดับดั่งกรณีที่ว่าเด็กจากบ้านนอกเป็นรัฐมนตรี คนที่พลัดถิ่นมามีแค่เสื่อผืนหมอนใบกลายเป็นเศรษฐีใหญ่ คนรับใช้กลายเป็นราชาก็เพราะเขามีวาสนาเช่นนั้น


    พ่ออาจารย์ท่านว่าบุญกับวาสนานั้นเป็นของที่ต้องใช้เกื้อกูลซึ่งกันและกันจะขาดสิ่งใดไปไม่ได้ ด้วยท่านเห็นประโยชน์ว่าบุญเป็นชื่อของความสุข มีผลเป็นความสุข และเป็นที่มาของความสุข ส่วนวาสนาก็เป็นกำลังหนุนความสุขให้สถาพรมั่นคงไม่ให้คลอนแคลนเสื่อมคลาย คนที่ยังมีความทุกข์อยู่ ท่านว่าให้ใช้ตะกรุดนี้ ด้วยบุญนั้นคือสิ่งทำให้ฟู หรือ พองขึ้น บวมขึ้น นูนขึ้น เพื่อเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ ตามแต่ตนจะปรารถนา นี่คือพลังของบุญที่จะนำพาให้เป็นไปในสิ่งต่างๆ ซึ่งพลังของตะกรุดเอื้อบุญนั้นจะโอบรัดสิ่งที่เราต้องการเข้ามาหาตัวเรา ให้เรามี ให้เราเป็น ให้ปรารถนานั้นๆเป็นของของเรา ดังนั้นคนที่มีทรัพย์สมบัติมากจึงเรียกว่ามีบุญมาก

    พ่ออาจารย์ท่านว่าตะกรุดนี้ทำยาก ท่านว่าตายไปแล้วเกิดมาใหม่ก็อย่าหวังว่าจะได้พบเห็น เพราะเสด็จพระใหญ่ท่านต้องการจะให้ปรากฏในยุคๆหนึ่งเท่านั้น(ปัจจุบันนี้) จะไม่ได้มีปรากฏถาวรณ์เป็นของสาธารณะสืบไป ท่านว่าให้เอาไปใช้สร้างรากฐาน สร้างตระกูล สร้างตัวเองให้ดี เพื่อเป็นรากฐานเสริมส่งให้ลูกหลานในกาลอนาคตจะได้พึ่งพิงใบบุญของเราซึ่งเป็นบรรพบุรุษของเขาได้ ด้วยตะกรุดนี้จะเป็นสื่อกลางให้เราเข้าถึงกำลังบุญและวาสนาได้นั่นเอง

    วิธีใช้
    ตะกรุดนี้ท่านว่าคาถาไม่ต้องแค่นึกถึงพระแล้วก็ใช้ได้เลย ให้เอาติดตัวไว้อย่าห้อยเอวเด็ดขาด แขวนได้เฉพาะคอเท่านั้น


    *** รับจองเฉพาะทาง PM ท่านว่าให้เอาติดคอไว้คนละดอกจะดีกว่าอะไรทั้งสิ้น ในส่วนคนที่จะบูชาเพื่อใช้เร่งเวลาหรือรอให้บุญวาสนาหนุนขึ้นมาโดยลำดับไม่ได้นั้น ท่านว่าให้ใช้สามดอกขึ้นไปแทนคุณพระรัตนตรัย เอาตะกรุดนี้ถวายเป็นพุทธบูชาแทนตัวเองกับพระพุทธรูปที่บ้านที่เราสักการะอยู่ แล้วเอาตะกรุดหนุนไว้ใต้ฐานพระ ด้วยอานิสงค์ของพุทธบูชาที่ได้กระทำนั้นก็จะหนุนฐานบุญและวาสนาของเราขึ้นโดยฉับพลันทันที

    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดดอกครูนามธรรมบุญหนุนส่งวาสนานำพา(เอื้อบุญ) บูชา 900 บาท

    52769386-351786685434666-830280735242846208-n.jpg 53146076-611472169313125-8443244515195617280-n.jpg
    53192430-2182334912095370-591325488085991424-n.jpg
     
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,533
    ตะกรุดดอกน้อยนี้ ท่านว่าส่วนตัวของท่านนั้นน่าใช้กว่าสายมหาสะท้อนที่ท่านทำเองด้วยซ้ำ พ่ออาจารย์ท่านว่าอย่าประมาทไปถ้าอ่านจนจบและคิดได้ ขอแค่เอาไปใช้ รับรองว่าชีวิตเจออะไรดีๆอีกเยอะ
     
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,533
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่สุรวุฒิ EW 4025 6312 4 TH

    พี่ปกรณ์เกียรติ์ EW 4025 6313 8 TH

    พี่กฤตยชญ์ EW 4025 6314 1 TH

    พี่นฐมน EW 4025 6315 5 TH
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,533
    ช้าง

    * วันนี้ก็จะพูดถึงช้างหรือวัตถุมงคลที่เกี่ยวกับชิ้นส่วนต่างๆของช้างกันคร่าวๆนะครับ

    ช้างหมายถึงสัตว์ที่มีอำนาจและมีพละกำลัง จึงจัดว่าเป็นสัตว์ที่ช่วยคุ้มครองป้องกันภัย จากวิญญาณอันน่ากลัวได้เป็นอย่างดี ช้างเป็นสัตว์ที่มีรูปร่างสูงใหญ่ มีนิสัยที่เป็นมิตรและไม่ดุร้ายเนื่องจากช้างเป็นสัตว์ที่กินพืชเป็นอาหารจึงไม่คุกคามชีวิตสัตว์โลกอื่นๆ

    ในทางด้านของฮวงจุ้ยนำช้างมาใช้ในเรื่องของความสูงใหญ่ เปรียบเป็นภูเขาสูงใหญ่ที่มั่นคง ตามหลักของฮวงจุ้ย โต๊ะทำงานของผู้บริหารหรือเจ้าของกิจการควรอิงผนังทึบและเรียบเพื่อให้เกิดความมั่นคง แต่ถ้าเกิดว่าสถานที่ทำงานนั้นไม่เอื้ออำนวยจำเป็นต้องนั่งอิงด้านที่เป็นหน้าต่างกระจก ควรจะปิดผ้าม่านให้ทึบและวางรูปปั้นช้างไว้ที่ด้านหลังที่นั่ง

    นอกจากนี้ยังสามารถใช้ช้างเพื่อสลายพลังปราณชี่พิฆาตได้ด้วย เช่นห้องทำงานที่มีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม บังคับให้ต้องนั่งอิงมุมสามเหลี่ยมซึ่งหมายถึงความไม่มั่นคง และมุมแหลมทิ่มแทงเป็นปราณชี่พิฆาต ในกรณีนี้ก็สามารถนำรูปปั้นช้างมาใช้ได้เช่นกัน และช้างยังเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จ เสริมความสมบูรณ์ให้กับชีวิตตนเอง,ครอบครัวและผู้ที่ครอบครอง

    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,533
    แจ้งการส่ง EMS
    พี่ฐิตกาญจน์ EW 4025 4947 6 TH

    พี่วิชัย EW 4025 4948 0 TH

    พี่ศิระ EW 4025 4949 3 TH

    พี่สุทธิธรรม EW 4025 4950 2 TH
     
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,533
    ใครเคยใช้สายพรายที่ว่าแรงเดี๋ยวลองมาใช้สายพลายกันบ้าง รายการนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าท่านหมอชีวกเขามาคุมพิธีทั้งหมด ทั้งยังกำหนดมวลสารเองทั้งสิ้นเพราะนี่เป็น " พระผงต่อชีวิต ต่อลมหายใจ "

    ..... พรุ่งนี้ติดตามกันดีๆ รายการนี้องค์พระสวย ลึก คม ชัด มาก
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,533
    ร่วมทำบุญบูชา พระผงต่อชีวิต ต่อลมหายใจ (พ่อพลายเก้าขอ)

    " ไม่ดีจริง ไม่แรงจริง มาว่าข้าได้เลย " ชีวกโกมารภัจจ์ เป็นนามของแพทย์ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะในฝ่ายเป็นที่รักของปวงชน ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านสรรเสริญและนับถือเป็นครูองค์หนึ่ง ด้วยท่านมีความรู้ในเรื่องว่านและพืชสมุนไพรมาก พ่ออาจารย์ท่านว่าถ้าจะเสกว่าน ปลุกฤทธิ์ให้มีคุณได้แรงอย่างน่าประหลาดแล้ว ไม่มีบารมีใครเกินท่านชีวกไปได้เลย ที่ผ่านมาก็มีพระสำคัญอยู่รุ่นหนึ่งที่พ่ออาจารย์ท่านว่าสร้างยาก เพราะท่านชีวกเขากำหนดให้หามวลสารต่างๆด้วยตัวเองและยังมาคุมพิธีให้เองจึงถือว่าเป็นสิริมงคลนักเพราะรุ่นนี้เป็นการทำร่วมกันกับสมเด็จองค์ปฐม , สมเด็จองค์ปัจจุบัน....

    ท่านให้หา ผงไม้เก้าขอ,งาช้างน้ำ,ไม้ช้างข้าม,ผงไม้ไผ่ช้างข้าม,ผงงาช้าง,ผงเชือกปะกำครู,ผงหนังท้องช้าง,ผงงวงช้าง,ผงลิ้นช้าง,ผงฟันกรามช้าง,ผงกระดูกหน้าผากช้าง,ผงรกช้าง,ผงลึงค์ช้าง,ผงหางช้าง,น้ำมันช้างตกมัน,ผงครูปะกำ,ผงมหาลาภ,ผงไม้ไผ่ฟ้าผ่า,ผงมะขามฟ้าผ่า,ผงไม้มะขามโปร่งฟ้า,ว่านดอกทอง,รากราคะ,ว่านช้างผสมโขลง,ว่านสาวหลง,ว่านขุนแผนสะกดทัพ,ว่านมหาโชค,ว่านมหาลาภ,ว่านกุมารทอง,ว่านกระแจะจันทร์,ว่านขมิ้นช้น,ว่านมหาหงษ์แดง,ว่านขมิ้นขาว,ว่านนางล้อม ..พ่ออาจารย์ท่านว่าในส่วนว่านนั้นว่ากันถึงร้อยแปดชนิดที่ท่านให้เตรียมไว้ ซึ่งท่านชีวกนั้นได้เมตตาทำการปลุกฤทธิ์ว่านให้ทุกตัวก่อนที่จะกดเป็นองค์พระ เพื่อที่จะทำ"พระผงต่อชีวิต ต่อลมหายใจ" พ่ออาจารย์ท่านว่าพระผงนี้จะให้คุณวิเศษสมดั่งชื่อเลยสำหรับคนที่ได้รับความทุกข์ยากลำบากใดๆอันนี้เข้าใจไม่ยาก

    จะเห็นได้ว่ามวลสารหลักนั้นล้วนเกี่ยวข้องกับช้างทั้งสิ้น ตรงนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นเคล็ด ครูชีวกท่านให้เคล็ดเอาไว้ว่า"กำลังช้างสารนั้น เป็นชื่อเรียกเอาฤทธิ์ เอากำลังของเทวดา ซึ่งกำลังเหล่านี้จะไม่มีในหมู่คนทั่วไป นอกเสียจากเธอเป็นผู้มีบุญญาธิการมาเกิดในรอบร้อยปี พันปี เช่นนั้น ดังนั้นช้างจึงเป็นสัตว์สิริมงคลและกำลังช้างสารจึงเป็นชื่อเปรียบฤทธิ์ของเทพของพรหมให้รู้ว่าองค์ไหนมีกำลังแรงเพียงไหน ได้แก่ เทพองค์นี้มีกำลังเจ็ดช้างสารบ้าง เทพองค์นั้นมีกำลังสิบช้างสารบ้าง... เป็นต้น นี่จึงเป็นกำลังอันประเสริฐที่ไม่ปรากฏในหมู่มนุษย์และถ้ามนุษย์ใดได้กำลังนี้หนุนชีวิตก็จะทำให้คนธรรมดากลายเป็นผู้มีบุญญาธิการในรอบพันปีได้ ด้วยกำลังนี้จะเปลี่ยนคนให้มีฤทธิ์มีวาสนาดุจเทวดานั่นทีเดียว" ด้วยดำริดังนั้นของครูชีวกพ่ออาจารย์ท่านจึงให้เอาของขลังส่วนต่างๆของช้างที่ทำวิชาไว้แล้วจากครูส่วยครูปะกำของท่าน ซึ่งอดีตนั้นมีวิชาบังคับช้าง คุมช้างได้ และได้มอบของต่างๆให้พ่ออาจารย์ก่อนจะละสังขารไป ท่านว่าผงเหล่านี้เป็นของช้างมงคลสองเชือก คือ พลายสิริมงคล,พลายสมปรารถนา ท่านว่าผงนี้กว่าจะทำให้สำเร็จได้ทำยากนัก กว่าจะได้ไม่ง่ายเลย คนใช้ไม่ต้องกลัวคุณผีสางอะไร เพราะผงเหล่านี้มีอาถรรพ์มาก ผีและคุณไสยมนต์ดำเกรงกลัวจนขยาดทีเดียว และก่อนทำนั้นครูชีวกท่านให้ดำเนินการเพิ่มอาถรรพ์ช้างพลายจนเสร็จสิ้น โดยการนำผงสำคัญมาเข้ากับผงว่านปั้นเป็นช้างเอราวัณก่อนเสียรอบหนึ่ง จากนั้นจึงเสกเชิญฤทธิ์บอกกล่าวพ่อพลายเอราวัณให้เคลื่อนกายแฝงจิตลงมา ให้หุ่นช้างนี้มีกำลังมากดุจช้างสวรรค์ เป็นที่สุดแห่งกำลังช้างสารอย่างแท้จริงที่จะเปลี่ยนวาสนาและบุญญาธิการของคนอย่างแท้จริง เมื่อสำเร็จแล้วจึงพลีนำมาทำผงวิเศษกดพระอีกรอบหนึ่ง

    พ่ออาจารย์ท่านว่าทำพระหนนี้ฉันได้บุญนัก เพราะมวลสารแต่ละอย่างนั้นล้วนมีอาถรรพ์มากชนิดที่ว่าเอาไปใช้ได้เลยก็ไม่เสียหน้าอะไร ซ้ำกว่าจะทำได้ยังมีขั้นตอน มีเรื่องราวอีกมากจึงทำให้เชื่อได้อย่างสนิทใจว่า รุ่นนี้แรงสมชื่อเขา นั่นคือใช้ต่อชีวิต ต่อลมหายใจได้ ท่านว่าจะยกตัวอย่างเอาคร่าวๆนะ
    - งาช้างน้ำ ผงนี้ท่านว่ามีอาถรรพ์มากใช้ควบคุมอำนาจและกำลังอาถรรพ์ของช้างได้ชะงัดนักโดยเฉพาะใครมีงาช้างน้ำนี้จะได้ชื่อว่าช้างจะกลัวมาก แม้ดุร้ายเยี่ยงช้างป่าก็ยังกลัว จึงเป็นเคล็ดทางมหาอำนาจไม่ว่าใครจะดุ จะร้ายมาจากไหนเขาก็ย่อมกลัว ย่อมเกรงเราทั้งหมดทั้งสิ้น ถ้าไม่ดีจริงหมอจับช้างจะใช้งาช้างน้ำกันทำไม
    - ผงงวงช้าง พ่ออาจารย์ท่านว่าถ้าทำเป็นผงนี้จะมีอาถรรพ์มาก โดยปกติงวงช้างตามความเชื่อของคนโบราณถือว่าเป็นสุดยอดของขลังทางด้านทำมาหากิน โภคทรัพย์ โชคลาภ และค้าขาย คนที่รู้เมื่อได้พบก็จะรีบเก็บไว้บูชาเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเองไม่ค่อยมีให้พบเจอกันง่ายๆ
    เมื่อนำมาทำวิชาไว้ครบถ้วนก็จะยิ่งมีอานุภาพมาก เปรียบได้ประดุจงวงช้างที่ใช้เกาะเกี่ยวอาหารเข้าปากฉันใดผงนี้ก็เรียกทรัพย์ได้ฉันนั้น มีอานุภาพทางทำมาหากิน เจริญโภคทรัพย์ เมตตามหานิยม และป้องกันภัยอันตราย ได้สารพัดเพราะเชื่อกันว่างวงช้างนั้นเป็นส่วนที่ช้างใช้ในการหยิบจับอาหารการกิน แล้วยังใช้ฟาดและเหวี่ยงศัตรูด้วยอีกทางหนึ่ง ใครที่ถูกช้างฝาด ช้างเหวี่ยงนี่ท่านว่าไม่ตายก็เจ็บหนักทีเดียว นอกจากแรงทางทำมาหากินแล้วยังเป็นสะท้อนเล่นงานคนปองร้ายได้เช่นนี้ ท่านว่าด้วยงวงนั้นจะให้ยืดให้ยาวไปคว้าเดือนจับดาวมาให้เราก็ย่อมได้

    - ไม้ช้างข้าม ถือว่าเป็นของดีทางเมตตา ปกป้องอาถรรพ์ หนุนดวง ค้ำดวงชะตา ท่านเอามาเสกลงอาถรรพ์ให้มีพลังยิ่งขึ้นไปอีกถึงขนาดว่าเอามาผูกเป็นพยนต์เสียหนหนึ่งก่อนพลีทำผง ท่านว่าผงนี้จะได้มีชีวิตและจิตวิญญาณ ใครได้ไปบูชาดุจว่ามีพยนต์เทพตามคุ้มครองดวงชะตาของเขา เอาไว้ใช้ข้ามผ่านอุปสรรคที่กัดกันขัดขวาง เป็นอาถรรพ์ทำลายชีวิตได้ดีนัก ท่านว่าก้าวผ่านก้าวข้ามได้หมดเลย
    - ไม้เก้าขอ มีความเชื่อว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือกันในหมู่ผู้ศึกษาพระเวทย์ที่รู้ลึกรู้จริง ว่าเป็นของมงคลที่หาได้ยากยิ่ง และมีอานุภาพสูงหลายประการคือ เป็นสุดยอดทางการขอ ขอโชค ขอลาภ ขอความเจริญรุ่งเรืองเหล่านี้ท่านว่าดีนัก เป็นของโภคทรัพย์ จากการเป็นขอที่งอเข้าหาตน จึงมีพลังในการเกี่ยว การเหนี่ยวรั้งสิ่งที่ต้องการเข้ามาหาตนเองได้ อีกประการคำว่าขอก็คือได้ เป็นคำมงคลดุจขอแล้วต้องได้ ขอแล้วได้ทุกอย่าง จะขอโชค ขอลาภ ขอความเจริญก้าวหน้า ขอลูก ขอเมีย ขอความรัก เรื่องเหล่านี้ท่านว่าเห็นมามากแล้ว นี่คืออาถรรพ์ไม้เก้าขออย่างแท้จริง
    - ผงลิ้นช้าง ท่านว่ามีอาถรรพ์อยู่ในตัวสูงเป็นมหาเสน่ห์เมตตามหานิยมล้วนๆ ที่ว่ากันว่าผงลิ้นช้างเป็นยอดของมหาเสน่ห์ก็ไม่ผิด เพราะแรงในการเจรจาพูดจาพาที พูดที่ใดก็มีแต่คนรักชอบหลงใหล ท่านว่าท่านเอามาลงวิชาสาริกากำกับไว้โดยเฉพาะที่ผงนี้ด้วยจึงยิ่งแรงทางด้านเมตตาเจรจาเปล่งวาจาใดล้วนแต่มีคนหลงเคลิบเคลิ้มไปด้วยอาถรรพ์เช่นนั้น
    - คชกุศ เป็นของคุมอาถรรพ์ด้วยเชื่อว่ามีอานุภาพบังคับทุกสิ่งให้เป็นไปในทางดีไม่ก่อกำเริบเดือดร้อน หากผู้มีวิทยาคุณอื่นจะมาลองวิชาก็มักแพ้ภัยตัวเองไป เพราะอำนาจของคชกุศหรือ ขอสับช้างนี้จะสะกดอาคมไว้มิให้แสดงฤทธิ์ได้นั่นเอง เป็นของดีที่ไม่ค่อยพบเห็น ผงคชกุศโบราณนี้ดีในทางควบคุมคนให้อยู่ในอำนาจ คุมผู้ใต้บังคับบัญชาให้อยู่ในโอวาทไม่กระด้างกระเดื่อง ทั้งเรื่องโชคลาภก็ดีมาก เป็นมหาอำนาจ มหาลาภ เมตตา มหานิยม พ่ออาจารย์ท่านว่าจะยิ่งเป็นกฤติยามคมแฝดมากขึ้นไปอีกถ้าใช้ผงคชกุศที่เคยสะกดข่มช้างตกมันมาแล้วเช่นเล่มนี้ ด้วยคชกุศนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์ด้วยแรงครูประกำที่สูงมากจนข่มช้างอยู่ เพราะถือว่าในทางไสยเวทย์ช้างเป็นสัตว์ที่มีอาถรรพ์แรงเป็นสัตว์ที่มีฤทธิ์หรือมีดีในตัวนันเอง
    ...ท่านว่ายกตัวอย่างให้ฟังกันคร่าวๆเพราะถ้าให้พูดกันจริงๆของแต่ละอย่างนั้นล้วนมีคุณมาก และกว่าจะนำมาทำผงได้ก็ต้องเสกกำกับลงวิชาไว้แต่ละด้านอย่างดี ท่านว่าเน้นทำเน้นเสกในฤกษ์อมฤตโชค ชัยโชค ทำให้ดีถึงที่สุดแล้ว


    ในส่วนพิมพ์พระนั้นสมเด็จองค์ปัจจุบันท่านว่าให้แกะเช่นนี้เป็นพระพิมพ์ทรงพระเจ้าเปล่งรัศมี ในขนาดกำลังสวยใหญ่กว่าพระวัดปากน้ำและเล็กกว่าพระสมเด็จทั่วไป พ่ออาจารย์ท่านว่าท่านกำหนดลีลามาอย่างใดเราก็ทำไปตามนั้น ตอนทำพิธีกดท่านชีวกก็มาช่วยเราเอาเป็นธุระทุกอย่าง นั่นจึงเป็นที่มาของอาถรรพ์แรงครูอย่างถึงที่สุด พ่ออาจารย์ท่านว่าตอนเสกนี้ฉันแทบไม่ต้องยุ่งเลย เพราะท่านชีวกเขาไปอาราธนามาหมดแล้ว ทั้งองค์ปฐม องค์ปัจจุบัน องค์ทีปังกร องค์กัสสปะ ท่านว่ารุ่นนี้พระท่านทำกันเองทั้งนั้น ท่านเจาะจงเอาองค์ทีปังกรกับองค์กัสสปะมาคุมเรื่องลาภโดยเฉพาะ เพราะพระพุทธกัสสปะนั้นมีวาสนาบารมีเรื่องลาภสักการะหนักที่สุดบารมีท่านนิ่มนวลมากเป็นลาภมหาศาล ส่วนพระพุทธทีปังกรก็มีกำลังแข็งมากใช้ต้านหรือสู้เรื่องราวแรงๆได้ทั้งยังให้บารมีคุณทางลาภสักการะหนักดุจเดียวกัน ส่วนองค์ปฐมนั้นท่านองอาจสง่าผ่าเผย เป็นผู้ยิ่งใหญ่ เป็นผู้นำ ส่วนองค์ปัจจุบันก็มีไหวพริบปฏิภาณปราดเปรื่องเป็นเลิศท่านให้คุณได้ทุกทางพ่ออาจารย์ว่าสี่องค์นี้รวมแรงกันรับรองว่าเธอจะได้โชคลาภแบบงงๆ หรือพูดง่ายๆก็คือทำอะไรแล้วได้ผลเกินคาดทั้งนั้น นอกจากนี้บารมีท่านชีวกก็ยังดี ยังใช้ได้ทางรักษาโรคเป็นปกติ ใครที่ป่วยเรื้อรังรักษาไม่หายก็จะได้มีกำลังใจมากขึ้น ท่านว่านี่แหละเอาพระไปแช่น้ำมนต์อธิษฐานขอบารมีท่านชีวกเขาให้ประทานน้ำยาให้ดื่มกิน บอกโรคท่านไปด้วย ถ้าโรคเบานี่จะหายเป็นปลิดทิ้งเลย

    ด้านหลังนั้นท่านลงตะกรุดเบี้ยต่อไส้ไว้ด้วยตะกั่วขอมลงถม ตะกรุดนี้ชื่อก็รู้แล้วว่าดีเรื่องลาภสักการะ พ่ออาจารย์ท่านว่าตำรับนี้ฉันทำใช้เห็นผลมามาก ข้างในนี้ลงถมด้วยคาถาพระร่วงเปิดปากพูดอะไรก็เป็นสิทธิ์ เป็นคำตาย เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นจริง อธิษฐานอะไรก็ได้ผล ท่านว่านี่ลงเสริมไว้ด้วย ลำพังเบี้ยต่อไส้ก็เห็นผลเร็วแล้วเอาง่ายๆวันไหนใครเดือดร้อนก็จะเห็นทางเอง อุปมาเหมือนคนเงินหมดก็จะมีแนวทาง มีเงินเข้ามาให้ใช้เองเรื่อยๆ ถ้าใครคิดใกล้ตัวก็เรียกว่ามีกินไม่อดตายนั่นแหละ แต่ถ้าใครคิดเป็นทำเป็นมันต่อวาสนา ต่องาน ต่อผลสำเร็จไปได้เรื่อยๆจนเธอตายเชียวล่ะ พ่ออาจารย์ท่านว่าตะกรุดนี่สำเร็จแม้เพียงความคิด คิดเป็นก็ใช้ได้มากกว่าคนอื่นเขา ในส่วนองค์พระนั้นท่านว่ามีรัศมีแปดเมตร องค์พระนั้นมีเทพรักษา ทั้งมีแสงสว่างดังตะวันร้อยดวง(นี่ฉันตรวจสอบให้เธอไม่ต้องเชื่อก็ได้) พ่ออาจารย์ท่านว่าเรานั่งดูให้หมดแล้วองค์ปฐมและคณะของท่านทำกันไม่เสียชื่อเลย ต่อให้เรานั่งเสกอีกร้อยปีพันปีก็ทำไม่ได้เท่าพวกท่านหายใจทิ้งครู่เดียว เพราะท่านทำเต็มอัตรา ท่านคุมอยู่ คนใช้นี่อารมณ์จะดีขึ้นมากเลยเพราะอาราธนาแล้วได้ผลเร็วเป็นอัศจรรย์

    พระผงนี้มีอาถรรพ์มาก พ่ออาจารย์ท่านว่ามีบารมีพญาช้าง พญาเอราวัณเป็นเทพอารักษ์อยู่ภายใน ตอนท่านทำหุ่นช้างท่านเสกตั้งธาตุสี่ ขันธ์ห้า ว่าอาการสามสิบสองจนสำเร็จ เมื่อนำมาทำเป็นผงเสร็จแล้วจึงเป็นของทิพย์ตั้งแต่ยังเป็นผง ทั้งองค์พระนี้ยังมีบารมีมากนักสมนามว่าพระต่อชีวิต ต่อลมหายใจสูตรท่านชีวก แค่ห้อยคอก็เปลี่ยนให้มีวาสนาดั่งกำลังช้างสารเช่นเทวดาได้แล้วทีเดียว
    วิธีใช้
    ให้เขียนชื่อนามสกุลผู้ที่ปรารถนานั้นลงไปในกระดาษรูปภาพคนนั้นแล้วเอาองค์พระวางทับลงไปจะทำให้ผู้นั้นเชื่อฟังเคารพเรา จะใช้ข่มคนทั้งต่ำศักดิ์กว่าหรือสูงศักดิ์กว่าก็ได้ ใช้แก้ไขเพราะเราโดนเขากดขี่ข่มเหงก็ได้ ทั้งใช้ได้ในเรื่องโชคลาภ เรื่องความรัก หรือปัญหานานาประการ ก็ทำตามแบบที่กล่าวไว้ได้เลย เปรียบเรามีพลัง มีบารมีดุจช้างสาร ดุจช้างเอราวัณค้ำสวรรค์เช่นนั้น

    *** ข้อห้าม ห้ามลบหลู่ดุหมื่นเด็ดขาด จะขอเรื่องอะไรก็ได้ยกเว้นการขอแบบแปลกๆหรือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ท่านว่าจะขออะไรบนอะไรให้หากระดาษจดไว้ด้วย พอได้แล้วต้องรีบแก้ตามที่ขอ เพราะพ่อพลายเอราวัณนั้นท่านชอบคนมีความสัตย์ความซื่อไม่คดโกง ท่านว่าจะขออะไรก็ขอไปอันนี้ไม่ว่ากัน แต่ให้จำไว้ถ้าทำไม่ได้..อย่าบนบานเด็ดขาด

    คาถา (นะโมสามจบ)
    โอมเอราวะณะ คะชัง ปูเชมิ (นึกถึงพ่อพลายเอราวัณเป็นที่สุด)


    * พระผงรุ่นนี้ท่านว่าทำด้วยอาถรรพ์ช้างพลายซึ่งเป็นของที่เทวดาท่านรักษาโดยปฐมอยู่แล้ว ทั้งยังมีอำนาจอาถรรพ์ช้างซึ่งร้ายแรงมีอำนาจกว่าอาถรรพ์ใดๆเป็นตัวขับเคลื่อนพลังงาน พ่ออาจารย์ท่านว่าอันนี้ดีกว่าเล่นผีเล่นพรายเยอะ แม้เทวดาก็ยังไม่ให้คุณเท่ากำลังช้างพลายหรือช้างเอราวัณนี้ พระผงรุ่นนี้ท่านใช้มวลสารล้วนๆจึงมีจำนวนน้อย รับจองเฉพาะทาง PM เท่านั้น ท่านว่า " าสนานั้นก็เป็นของเฉพาะคน เรียกว่าของใครของมันก็ย่อมได้ ฉันบอกได้แต่เพียงว่าพระนี้มีเจ้าของทุกองค์ บางคนก็มีวาสนาได้ห้อย บางคนก็มีวาสนาได้ใช้กันทั้งครอบครัว แต่บางคนถึงเห็นถึงอยากได้ พญามารท่านก็มาขวางให้เสียเวลาไป ไม่ทันรอบไม่ทันการณ์ เพราะไม่มีวาสนา "

    ร่วมทำบุญบูชา พระผงต่อชีวิต ต่อลมหายใจ (พ่อพลายเก้าขอ) บูชา 2,500 บาท

    53453738-798005500554158-5015485335925161984-n.jpg 52911260-389516658297344-5398176950747398144-n.jpg
    52971417-386322088846985-6318194675383533568-n.jpg
     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,533
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่นฤชา EW 4025 5005 0 TH
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,533
    ช่วงนี้กระแสอาถรรพ์ของช้างพลายน่าจะมาแรง เพราะพ่ออาจารย์ท่านยังแซวว่าขนาดลุงตู่ยังใส่กำไลหางช้างเลย ส่วนพระผงรุ่นนี้นอกจากเน้นอาถรรพ์ของผงช้างพลายชนิดต่างๆแล้วยังมีคนทักมาให้มั่นใจด้วยเพราะด้านหลังที่ฝังนั้นเป็นตะกรุดเนื้อตะกั่วขอมโบราณ เรื่องความแรงนี่หายห่วง
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,533
    ช่วงเวลาออกกำลังกาย
    ออกกําลังกายตอนไหนดีที่สุด มาคลายข้อสงสัยกันว่าควรออกกำลังกายเวลาไหน อย่ารอช้า รีบไปดูคำตอบกันว่าออกกําลังกายเวลาไหนดีที่สุด

    พูดถึงเรื่องการออกกำลังกาย คำถามหนึ่งที่เชื่อว่ายังคงเป็นที่สงสัยของคนจำนวนไม่น้อยก็คงหนีไม่พ้น ข้อสงสัยที่ว่า ช่วงเวลาไหนดีต่อการออกกำลังกาย จะเป็น เช้า กลางวัน หรือเย็นกันแน่ บ้างก็บอกว่าตอนเช้าดีที่สุด บ้างก็บอกตอนบ่ายนี่ล่ะเป็นเวลาที่ร่างกายจะทำงานได้ดีที่สุด นี่ยังไม่รวมบทความอีกไม่น้อยที่ยืนยันว่าการออกกำลังกายตอนเย็นดีต่อสุขภาพ ทำให้ยิ่งอ่านก็ยิ่งงง สรุปว่าตอนไหนล่ะดีที่สุด วันนี้กระปุกดอทคอมเลยหยิบยกข้อสงสัยนี้มาคลี่คลายให้กระจ่าง และนำข้อดีและข้อเสียของการออกกำลังกายในช่วงเวลาต่าง ๆ มาเล่าให้ฟังกัน คราวนี้จะได้รู้กันเสียทีว่าออกกำลังกายตอนไหนดีที่สุด คนชอบออกกำลังกายห้ามพลาดนะจะบอกให้

    ออกกำลังกายตอนเช้า

    ช่วงเวลาเช้าหรือหลังตื่นนอนเป็นช่วงที่ร่างกายกำลังฟื้นตัวจากการพักผ่อนในช่วงเวลากลางคืน และหลายคนก็เลือกออกกำลังกายในช่วงเช้า เพราะสามารถทำเป็นกิจวัตรประจำวันได้ ซึ่งการออกกำลังกายในช่วงเช้ามีประโยชน์ดังนี้

    ข้อดี

    - ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญของร่างกายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ร่างกายสามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปได้ทั้งวัน

    - ช่วยกระตุ้นระบบการทำงานของหัวใจ ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น

    - ทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น และตื่นตัวพร้อมสำหรับการเริ่มต้นวันใหม่ เนื่องจากการออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นให้ระบบต่าง ๆ ทำงานได้ดีขึ้น แถมยังช่วยให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสารที่ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นนั่นเอง

    - อากาศในช่วงเช้าจะสดชื่นและมีมลพิษน้อยกว่าในช่วงอื่นของวัน ทำให้ในการออกกำลังกายจะรับอากาศที่บริสุทธิ์กว่า อีกทั้งแสงแดดในตอนเช้ายังมีประโยชน์กับร่างกายอีกด้วย

    - มีสมาธิในการออกกำลังกายมากกว่าเพราะมีสิ่งรบกวนน้อย

    - สามารถออกกำลังกายได้อย่างสม่ำเสมอเมื่อเลือกเวลาเช้าเป็นเวลาออกกำลังกาย เพราะการออกกำลังกายจะเป็นสิ่งแรกที่ทำในแต่ละวัน แตกต่างจากช่วงเวลาอื่นที่อาจจะมีกิจกรรมอื่น ๆ มาแทรกทำให้ไม่ออกกำลังกายได้

    ข้อเสีย

    - ในการออกกำลังกายตอนเช้าหากพักผ่อนไม่เพียงพอก็จะทำให้ยิ่งอ่อนเพลียยิ่งกว่าเดิม หรือไม่ก็จะทำให้การออกกำลังกายไม่ได้ประสิทธิภาพ เพราะออกกำลังกายเบาเกินไปเนื่องจากไม่มีแรง

    - ทำให้ตับทำงานอย่างหนักเพราะในช่วงการนอนหลับ ตับก็ยังคงทำงานอยู่ ทำให้เมื่อตื่นนอนเราจะไม่มีพลังงานเหลืออยู่ในหลอดเลือดเพียงพอสำหรับการออกกำลังกาย และตับก็จะต้องดึงสารอาหารที่เก็บสะสมไว้ออกมาใช้เป็นพลังงาน ทำให้ตับทำงานตลอดเวลาไม่มีการหยุดพัก

    - ในช่วงเช้า ร่างกายจะมีอุณหภูมิที่ต่ำกว่าปกติ ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดน้อย ส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถออกกำลังกายได้เต็มที่

    - มีโอกาสบาดเจ็บได้มากกว่า เพราะในช่วงเช้าเป็นช่วงที่อุณหภูมิจะต่ำกว่าช่วงอื่นของวัน ทำให้อาจจะเกิดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อในขณะที่ออกกำลังกายได้

    ข้อควรปฏิบัติในการออกกำลังกายตอนเช้า

    หากต้องการออกกำลังกายในช่วงเวลาเช้า ควรจะรับประทานอาหารก่อนออกกำลังกายอย่างน้อย 2 - 3 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายมีพลังงานเพียงพอต่อการออกกำลังกาย และควรอบอุ่นร่างกายให้นานกว่าการออกกำลังกายในช่วงเวลาอื่น ๆ อย่างน้อย 10 - 15 นาที เพื่อให้ร่างกายอบอุ่นมากพอสำหรับการออกกำลังกาย ที่สำคัญไม่ควรจะรีบรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำทันทีหลังจากออกกำลังกายหนัก เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการหายใจไม่ทัน หรือจุกได้ นอกจากนี้ยังควรพักผ่อนให้เพียงพออีกด้วยค่ะ ในกรณีที่ป่วย ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายเพราะอาจจะทำให้หมดแรงได้

    ออกกำลังกายตอนกลางวันถึงบ่าย

    ช่วงกลางวันและช่วงบ่ายเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายทำงานอย่างเต็มที่ และอุณหภูมิในร่างกายจะเป็นปกติ การทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายฟื้นตัวจากการพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว แต่ข้อดีและข้อเสียของการออกกำลังกายมีอะไรบ้าง ไปดูกันค่ะ

    ข้อดี

    - ร่างกายมีระดับฮอร์โมนและการไหลเวียนที่สูงกว่าในช่วงเช้าและอยู่ในระดับปกติ ทำให้สามารถออกกำลังกายได้มาก

    - ช่วยลดความอยากอาหารในมื้อกลางวันและมื้อเย็นได้ นอกจากนี้ยังไม่ทำให้กินจุบจิบอีกด้วย

    - ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่ามากขึ้นหลังจากการทำงานในช่วงเช้า ลดอาการง่วงเหงาหาวนอนในช่วงบ่ายได้ดี

    - ช่วยผ่อนคลายความเครียด

    - มีการศึกษาพบว่า ระบบการหายใจในช่วงบ่ายจะทำงานได้ดีกว่าในช่วงอื่น ๆ ของวัน

    - สามารถออกกำลังกายได้โดยไม่ต้องอบอุ่นร่างกายมาก เนื่องจากอุณหภูมิร่างกายอบอุ่นเพียงพอ และ ด็อกเตอร์ David W. Hill ได้เปิดเผยในบทความหนึ่งในวารสาร Ergonomics เมื่อปี 2007 ว่าในช่วงบ่ายของวัน ร่างกายจะมีความแข็งแรงและยืดมากขึ้นกว่าในช่วงเวลาอื่น 5% ทำให้เหมาะกับการออกกำลังกาย

    ข้อเสีย

    - ถึงแม้ว่าในช่วงบ่ายระบบการหายใจจะดีกว่าช่วงอื่น แต่ในช่วงเที่ยง ระบบการหายใจจะทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจจะทำให้ประสิทธิภาพในการออกกำลังกายลดลง 15 - 20 %

    - ในช่วงเที่ยงที่มีเวลาจำกัดจึงทำให้ออกกำลังกายได้ไม่เต็มที่ และในช่วงบ่ายอาจจะมีภารกิจที่เข้ามาแทรกทำให้การออกกำลังกายน้อยเกินกว่าที่ควรจะเป็น

    ข้อควรปฏิบัติในการออกกำลังกายตอนกลางวันถึงบ่าย

    หากต้องการจะออกกกำลังกายในช่วงนี้ควรจะจัดสรรเวลาให้ดีและมีเวลาการออกกำลังกายอย่างน้อย 1 - 2 ชั่วโมงเผื่อการอบอุ่นร่างกาย และควรควบคุมการรับประทานอาหารหลังจากออกกำลังกายให้ดีเพื่อไม่ให้ทานเยอะจนเกินไป


    การออกกำลังกายตอนเย็นถึงค่ำ

    การออกกำลังกายช่วงเวลาเย็นถึงค่ำ เป็นช่วงเวลายอดนิยมของคนทำงาน เนื่องจากเป็นช่วงเวลาหลังจากการทำงาน ทำให้สามารถใช้เวลากับการออกกำลังกายได้เต็มที่ แต่การออกกำลังกายในช่วงเวลานี้ก็มีข้อดี ข้อเสียเช่นกัน

    ข้อดี

    - โดยทั่วไปแล้วคนเราจะมีอุณหภูมิและฮอร์โมนในร่างกายสูงที่สุดก็ในช่วง 18.00 น เป็นต้นไป ทำให้สามารถออกกำลังกายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

    - ความเสี่ยงในการเกิดการบาดเจ็บน้อย เนื่องจากอุณหภูมิในร่างกายเป็นปกติ

    - มีพลังงานในการออกกำลังกายมากกว่าช่วงอื่น ๆ เนื่องจากในช่วงเวลาระหว่างวัน เราได้รับประทานอาหารเข้าไปอย่างเพียงพอแล้ว

    - ช่วยผ่อนคลายความเครียด และลดอาการเมื่อยล้าจากการทำงาน เพราะการออกกำลังกายในช่วงเย็นจะช่วยกระตุ้นการทำงานของร่างกาย จึงจะทำให้รู้สึกสดชื่นมากขึ้นหลังจากออกกำลังกาย

    - ช่วยลดความอยากอาหารในมื้อเย็นได้ ทำให้ไม่รับประทานมากจนเกินไปในช่วงเย็น

    ข้อเสีย

    - การออกกำลังกายในช่วงนี้จะทำให้ร่างกายตื่นตัวและทำให้นอนหลับได้ยาก และนอนหลับได้ไม่สนิทหากนอนทันทีหลังจากออกกำลังกาย ส่งผลต่อการหลั่งฮอร์โมนและนาฬิกาชีวิต

    - หากออกกกำลังกายในช่วงค่ำ สถานที่ในการออกกำลังจะจำกัดลง และอาจจะต้องออกกำลังกายในร่มแทน เพราะหากออกกำลังกายนอกสถานที่จะเสี่ยงต่ออุบัติเหตุที่คาดไม่ถึงได้

    - ร่างกายจะเผาผลาญไขมันสะสมได้ช้า เพราะพลังงานทั้งหมดที่จะต้องใช้ในการเผาผลาญไขมันจะถูกใช้ไปกับการออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายจะต้องใช้เวลานานขึ้นในการเผาผลาญให้ถึงระดับของไขมันสะสม


    ข้อควรปฏิบัติในการออกกำลังกายตอนเย็นถึงค่ำ

    เพื่อให้การออกกำลังกายในช่วงเย็นถึงค่ำได้ผลดียิ่งขึ้น ในขณะออกกำลังกายและหลังจากออกกำลังกายควรดื่มน้ำอุณหภูมิห้องเพื่อปรับอุณหภูมิในร่างกายเป็นปกติ เพราะถ้าหากดื่มน้ำเย็นอุณหภูมิร่างกายจะปรับลดเร็วจนเกินไป ทำให้ร่างกายทำงานหนัก และเสียเหงื่อมาก อาจทำให้เป็นไข้ได้ และไม่ควรรับประทานอาหารก่อนออกกำลังกาย แต่ถ้าหากกลัวหมดแรงก็ควรรับประทานรับประทานเป็นผลไม้แทน นอกจากนี้หลังจากออกกำลังกายแล้ว ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 4 - 6 ชั่วโมง ก่อนเข้านอน เพื่อให้ร่างกายปรับสมดุลได้ และจะทำให้หลับได้สนิทมากขึ้น ส่งผลให้ตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นอย่างสดชื่นค่ะ

    แล้วออกกำลังกายเวลาไหนดีที่สุดล่ะ ?

    ในการออกกำลังกายแต่ละช่วงเวลาก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป แต่ไม่ว่าจะออกกำลังกายเวลาไหนก็มีประโยชน์ทั้งนั้น เพราะแค่เพียงเราออกกำลังกายก็ช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงได้แล้ว ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือควรจะเลือกเวลาที่สะดวกและเหมาะสมกับตนเองมากที่สุด เพื่อที่จะได้ออกกำลังกายได้อย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะทำให้เราสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนมากกว่า แต่ก็ไม่ควรจะหักโหมเกินไปนะคะ หากช่วงไหนที่กำลังป่วยอยู่ละก็ ควรจะลดความหนักหน่วงของการออกกำลังกาย หรืองดไปเลยจนกว่าจะหายดีค่ะ ส่วนคนที่ไม่มีเวลาแน่นอนก็ใช่ว่าจะพาลไม่ออกกำลังกายไปเลยนะ หากมีเวลาเมื่อไรก็ควรจะลุกขึ้นมาขยับร่างกาย หรือออกกำลังกายให้ได้มากที่สุด ก็จะทำให้ร่างกายแข็งแรงได้เช่นกัน

    หายสงสัยกันแล้วใช่ไหมล่ะว่าออกกำลังกายช่วงไหนดีที่สุด ดังนั้นสิ่งต่อไปก็คือต้องเริ่มออกกำลังกายกันได้แล้วนะคะ อย่ามัวแต่เกี่ยงเลยว่าจะต้องออกกำลังกายช่วงไหน เพราะหากคุณเริ่มออกกำลังกายเร็ว ร่างกายก็ยิ่งแข็งแรง อย่าปล่อยให้เวลาเลยผ่านไปพร้อมกับร่างกายที่โรยราดีกว่า
     
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,533
    ฝากคำถาม pm. ไว้นะครับ
     
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,533
    มีหลายๆคนบอกว่าเห็นตรีเทพของจริงแล้วเล่มใหญ่ใช่เล่นเลย

    ... ซึ่งตอนนี้ก็มีคนนำไปจี้ใช่ในเรื่องต่างๆ เขาว่าใช้ได้หลายด้าน แต่มีท่านนึงเล่าว่าเอาไปจี้คนที่ถูกคุณไสยทับถมมานานแก้ไม่ได้เพราะของแฝงอยู่ในเลือด เขาว่าตรีนี้ขับเอากลิ่นเหม็นและกากไคลดำๆออกมาตามรูขุมขนของคนที่โดนคุณไสยมานับสิบปีนั้นนั้นได้... ซึ่งเรื่องพวกนี้ก็เป็นเรื่องอจินไตยใครได้พบเจอก็คงจะเชื่อด้วยตัวเอง แต่เอาว่าตรีนี้ใช้ได้ร้อยแปดพันประการไม่เสียชื่อครูพระสยมหรือพ่ออาจารย์ท่านแน่นอน ลองใช้กันดูนะครับแล้วจะเข้าใจคำว่าสุดแล้วแต่จะใช้ ใช้ได้ทั้งสิ้น
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,533
    สมาธิบำบัด 7 เทคนิค พัฒนาร่างกายให้เยียวยาตัวเอง
    สมาธิบำบัด แบบ SKT คือการทำสมาธิที่เกิดจากการผสานศาสนศาสตร์และวิทยาศาสตร์ เพื่อพัฒนาร่างกายให้สามารถเยียวยาตัวเองได้ โดยมีหลักการสำคัญคือ ปรับการทำงานของร่างกายทั้งระบบให้อยู่ในภาวะปกติ ชื่อ SKT มาจากชื่อของผู้คิดค้น นั่นคือ รศ. ดร.สมพร กันทรดุษฎี เตรียมชัยศรี อาจารย์ประจำภาควิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

    รศ. ดร.สมพร กล่าวว่า สมาธิแบบ SKT นี้ใช้เวลาวิจัยและทดลองเยียวยาผู้ป่วยมานานกว่า 20 ปี จนได้ผลสรุปออกมาเป็นเทคนิค 7 ประการ โดยผู้ฝึกไม่จำเป็นต้องปฏิบัติทุกเทคนิค เพราะแต่ละเทคนิคเหมาะสมกับสภาพร่างกายหรืออาการเจ็บป่วยของคนแต่ละคน

    ทั้งนี้การทำสมาธิแบบ SKT สามารถทำควบคู่ไปกับการรักษาโรคได้ทุกรูปแบบ และทดสอบแล้วว่าไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ปฏิบัติ ทั้ง 7 เทคนิคมีรายละเอียดดังนี้


    ท่าที่ 1 และ 2 สำหรับผู้ที่ยังไม่มีอาการเจ็บป่วย เพื่อเสริมสร้างสุขภาพ ป้องกันและบรรเทาอาการเจ็บป่วยต่างๆ

    ท่าที่ 1 นั่งในท่าตามสบาย หลับตา สูดหายใจเข้าลึก กลั้นไว้ประมาณ 3 วินาที และเป่าออกทางปากช้าๆ อย่างสม่ำเสมอจนสุด สำหรับผู้ที่เริ่มฝึกให้ทำเช่นนี้ 20 ครั้ง ส่วนผู้ที่ชำนาญแล้วทำ 30 - 40 ครั้ง

    ท่าที่ 2 ยืนตรง ชูมือสองข้างเหนือศีรษะ โดยต้นแขนต้องแนบที่ใบหูและนิ้วโป้งแตะกัน จากนั้นหายใจเช่นเดียวกับเทคนิคที่ 1 สำหรับผู้ที่เริ่มฝึกให้ทำเช่นนี้ 20 ครั้ง ส่วนผู้ที่ชำนาญแล้วทำ 30 - 40 ครั้งจากนั้นค่อย ๆ ลดมือลงช้า ๆ จนมือแนบลำตัวโดยนับ 1 - 30 เป็นจังหวะ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมัน ความดันโลหิต เบาหวานและอาการปวดเมื่อยตามต้นคอ


    ท่าที่ 3 – 5 สำหรับผู้ที่มีอาการเจ็บป่วย ช่วยปรับสภาพร่างกายให้กลับเป็นปกติ

    ท่าที่ 3 นั่งเหยียดเท้าราบไปกับพื้น ยืดหลังตรง และวางมือทั้งสองข้างไว้ที่หัวเข่าจากนั้นโน้มตัวไปด้านหน้า พร้อมกับสูดหายใจเข้าลึก กลั้นไว้ 3 วินาที จากนั้นเอนตัวไปด้านหลังพร้อมเป่าลมออกทางปากยาว ทำเช่นนี้ 30 ครั้ง เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาด้านกล้ามเนื้อและข้อต่อ

    ท่าที่ 4 ยืนในท่าสบาย นำมือทั้งสองข้างไพล่ไว้ด้านหลัง ก้าวเท้าไปด้านหน้าขณะยกเท้าขึ้นให้สูดหายใจเข้าลึก จากนั้นค่อยๆ วางเท้าลงพร้อมเป่าลมออกทางปากยาว ทำเช่นนี้ประมาณ 90 - 120 ครั้ง ช่วยบำบัดเรื่องโรคทางพันธุกรรม เบาหวานประเภทที่ 1 และผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูก

    ท่าที่ 5 ยืนในท่าเดียวกับท่าที่ 2 จากนั้นหายใจเช่นเดียวกับท่าที่ 1 เมื่อครบ 1 รอบให้โน้มตัวมาด้านหน้าเล็กน้อยทำเช่นนี้ 30 ครั้งจนปลายนิ้วจรดที่พื้นพอดี หายใจเช่นเดิม 10 ครั้งในท่าปลายนิ้วจรดพื้นและค่อย ๆ ยืดตัวขึ้น โดยทำเป็นจังหวะเช่นเดียวกับท่าโน้มตัวลง พร้อมหายใจเช่นเดิม 30 ครั้ง กระทั่งกลับมาอยู่ในท่าเริ่มต้น จากนั้นค่อยๆ ลดมือลงช้าๆ โดยนับ 1-30 เป็นจังหวะการลดมือลง ช่วยบำบัดผู้ที่มีปัญหาอาการปวดหลัง ไหล่ และหัวเข่า


    ท่าที่ 6 และ 7 เหมาะสำหรับผู้ป่วยหนัก ช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกาย

    ท่าที่ 6 สำหรับคนไข้ภาวะวิกฤติหรือคนไข้ในห้องไอซียูที่เคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้ แต่สมองยังคงรับรู้และได้ยินเสียงให้ใช้เป็นคำสั่ง เช่น ศีรษะเริ่มผ่อนคลายแขนเริ่มผ่อนคลาย เป็นต้น โดยพูดช้าๆ และย้ำคำว่าผ่อนคลายไปเรื่อยๆ ทำเช่นนี้ในทุกอวัยวะจนครบ 45 นาที

    ท่าที่ 7 มี 2 ขั้นตอน ขั้นที่ 1 ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาที่ระดับเอว ค่อยๆ ขยับฝ่ามือเข้าประกบกันพร้อมหายใจเข้า และขยับออกจากกันพร้อมเป่าลมออกทางปากช้าๆ นับเป็น 1 ครั้ง ทำเช่นนี้ 30–40 ครั้ง ขั้นที่ 2 ยกมือในท่าเตรียมเช่นเดียวกับขั้นที่ 1 และยกมือทั้งสองข้างขึ้นระดับศีรษะ พร้อมหายใจเข้า และลดมือลงพร้อมเป่าลมออกทางปากช้าๆ นับเป็น 1 ครั้ง ทำเช่นนี้ 30–40 ครั้งใช้สำหรับผู้ป่วยระยะสุดท้าย เช่น มะเร็งอัมพาต ผู้ติดเชื้อเอชไอวี เป็นต้น



    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,533
    ถามหาเครื่องรางแรงๆติดเอวหลักร้อยกันมามาก ที่จริงรายการนี้จะหลบไว้นานๆอยู่เพราะถือว่ามวลสารนั้นค่อนข้างแรงและมีค่ามากเมื่อเทียบกับราคาที่ท่านตั้ง แต่หลายๆคนบ่นๆกันว่าช่วงนี้มีแต่ของห้อยคอ อยากได้ของพก ของทำพวงกุญแจหรือห้อยเอวกันบ้างก็เดี๋ยวจะจัดให้ รับรองว่าสวยและแรงเกินคุ้ม
     
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,533
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่พรเทพ EW 4025 6679 7 TH

    พี่วิชัย EW 4025 6680 6 TH

    พี่ศิระ EW 4025 6681 0 TH

    พี่พชร EW 4025 6682 3 TH
     
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,533
    มีเครื่องรางอยู่อย่างหนึ่ง ..ที่แม้แต่ครูบาอาจารย์และผู้เข้มขลังขมังเวทย์ในคาถาอาคมและพลังจิตทั้งหลายยังเสาะหามาพกติดตัวกันนับแต่อดีตจนปัจจุบัน อยากรู้พรุ่งนี้ห้ามพลาดนะครับ ..อยากจะบอกว่าเห็นแค่หลักร้อยอย่างนี้แต่มวลสารกว่าท่านจะหามาทำได้นั้นไม่ง่ายเลย
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,533
    ร่วมทำบุญบูชา มงคลจ้าวทรัพย์บ่วงบาศกลืนกิน(มหาวงจรแห่งการเปลี่ยนแปลง)

    พ่ออาจารย์ท่านว่าแต่โบราณนั้นมักจะมีคนตามหานาคบาศมาใช้กันอยู่ทุกยุคทุกสมัย แต่ก็ใช่ว่าจะหาได้ง่ายดาย แม้หาได้ก็ต้องรู้วิธีทำให้ขลังให้ศักดิ์สิทธิ์ ถึงกระนั้นที่หากันไม่ได้ก็เอาหินเอาศิลาอาถรรพ์หรือสิ่งที่มีดีในตัวเองมาแกะสลัก แม้ตัวท่านเองในอดีตก็ใช้วิธีหล่อหลอมเอาเพราะท่านให้เหตุผลว่าทำได้ง่ายและสะดวกกว่า เพราะหากจะทำบ่วงบาศกลืนกินนี้โดยผงอาถรรพ์ทั้งหลายตามที่ท่านรู้และได้เรียนมาแล้ว พ่ออาจารย์ท่านว่าจริงๆนั้นทำได้ยากอย่างยิ่ง ยากเสียยิ่งกว่าการหล่อ การแกะสลัก หรือไปตามหาเอาของจริงมาใช้เสียอีก ด้วยหลายๆสิ่งที่นำมาบดโขลกผสมกันนั้นล้วนมีอาถรรพ์ในตัวตนของมัน และบางอย่างนั้นก็เป็นสมบัติเมืองบาดาลที่นาคราชเขาหวงพอๆกับชีวิตเขา

    นัยยะที่ซ่อนเร้นอยู่
    คนจะรู้แต่เพียงว่านาคบาศเป็นอาวุธเทพที่ดูแปลกตาและทรงกำลังมาก แต่จะไม่ค่อยรู้ถึงอาถรรพ์และความหมายโดยแท้จริง พ่ออาจารย์ท่านว่านาคบาศก์นั้นเป็นมากกว่าอาวุธ หากทำได้จริงแล้วจะมีค่าเลิศกว่าสมบัติสวรรค์หรือวิมานอากาศใดๆทั้งสิ้นด้วยเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นอนันต์มีรูปเปรียบเป็นวงแหวนจักรวาล ดังนั้นพลังของบ่วงบาศจึงหมายถึงพลังของธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ ด้วยรูปงูที่คาบหางกลืนกินร่างกายของตัวเองนั้นเป็นอาถรรพ์อย่างหนึ่งนั่นคือคติของการดับและการเกิดใหม่ได้ด้วยตนเองสิ่งนี้จะเรียกว่าการก่อเกิดก็ได้ เพราะกำหนดมหาวงจรแห่งการกำเนิดได้เองเช่นนี้นาคบาศจึงถือเป็นเทพอาวุธที่มีชีวิตอันอยู่นอกเหนือจากกฎสามัญปกติ เรียกง่ายๆคือเป็นชีวิตที่ไม่ได้มาจากการสร้างของพระเป็นเจ้าเพราะไม่ถูกควบคุมโดยวัฏจักร ไม่ได้อยู่ในกฏไตรลักษณ์ เป็นการเกิดโดยปราศจากผู้ให้กำเนิด ซ้ำคนแต่โบราณยังนับถือตรานาคบาศนี้ว่าเป็นเครื่องหมายแทนองค์สุริยเทพ แทนวงจรความเป็นนิรันดร...แทนโลกแห่งจิตวิญญาณ เป็นของวิเศษอันมีคุณช่วยส่งเสริมแก่นพลังชีวิตของผู้ใช้ให้ไม่มีวันหมดเหมาะแก่การสร้างสิ่งใหม่ๆให้เกิดขึ้นได้โดยการอิงอาศัยพื้นฐานจากปัจจัยเดิมของตัวเองโดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวตนดุจนาคบาศนั้นที่สร้างชีวิตใหม่ขึ้นได้เองโดยการกลืนกินชีวิตเดิม ดังนั้นวงจรนี้จึงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างสมดุลย์ มีจังหวะที่เกิดขึ้นโดยสม่ำเสมอ ดุจงูที่ค่อยๆเขมือบร่างกายตัวเองช้าๆ ไม่ตะกละกินพรวดพราด ซ้ำยังเปรียบได้กับวงจรของกาลเวลาเพราะงูนั้นเคลื่อนที่ดุจการเดินของเข็มนาฬิกาถือเป็นเคล็ดที่แม้แต่คนจีนเองก็ยังชอบและนับถือมาก

    เพราะจังหวะที่สม่ำเสมอนี้จึงสื่อถึงสมดุลยภาพ สมดุลระหว่างข้างบนกับข้างล่างที่ดูราวกับเครื่องหมายอนันต์เช่นนั้นอาถรรพ์ของบ่วงบาศนี้ยังจะช่วยสร้างสมดุลยภาพระหว่างพลังสองสิ่ง(นั่นคือพลังชีวิตของเราที่จะเชื่อมต่อในกิจการที่เรากระทำอยู่ณ.ปัจจุบันเวลานั้นๆ) ด้วยการเคลื่อนตัวโดยการหมุนตัวดุจกงจักรจึงเป็นดั่งเทพอาวุธที่ใช้ทำลายผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย เป็นความตรงกันข้ามที่แฝงไปด้วยความสมดุลย์ พ่ออาจารย์ท่านยกตัวอย่างง่ายๆ เช่นเมื่อไม่มีก็ต้องได้ ต้องมี โดยไม่สนกฏของพระเป็นเจ้าเช่นนั้น ดังนั้นผู้ที่มีอาถรรพ์แห่งบ่วงบาศนี้ครอบงำอยู่จึงมีปัจจัยให้รอดพ้นจากอำนาจแห่งกรรมอันหนักหนา หรือลิขิตชะตาที่ตายตัว และแม้แต่พลังแห่งวิถีดวงดาวที่กำหนดชะตาได้ ด้วยเป็นมหาวงจรที่ไม่เกื้อหนุนโดยกฏไตรลักษณ์ดังนั้นบ่วงบาศนี้พ่ออาจารย์ท่านจึงว่ามันมีพลังพิศดารมากนัก เพราะสิ่งนี้คือพลังแห่งการกลับคืนสู่นิรันดร์(ช่วยให้คนใช้เดินไปได้สุด,ไปสู่จุดสูงสุด) ทั้งเป็นการเริ่มต้นในความสิ้นสุด(แม้วิบัติถึงขั้นเสียหายก็มีโอกาสเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ) ทั้งยังเป็นเครื่องหมายของการเกิดใหม่มิรู้จบดั่งงูที่เกิดดับไปเรื่อยๆ(ไม่ว่าจะทำอะไร ทำกี่อย่างก็แจ้งเกิดขึ้นได้ทุกอย่าง) นี่จึงเป็นมากกว่านาคบาศก์และเป็นมายามิติที่เป็นเอกเทศ ไม่ได้จำกัดว่านี่เป็นพญานาคนะคนที่บูชาครุฑจะใช้ไม่ได้ เพราะนี่เป็นมหาสัญลักษณ์ที่เรียกว่าตราบใดที่ชีวิตยังมีพลังงานอยู่ย่อมใช้ได้เสมอกัน และสัญลักษณ์นั้นยังมีอำนาจมากพอที่จะปราบเทพเดรัจฉานอย่างครุฑลงได้

    อาถรรพ์พลิกชีวิตคน
    เพราะเหตุใดบ่วงบาศนี้ที่แม้แต่ครูบาอาจารย์และผู้เข้มขลังขมังเวทย์ในคาถาอาคมและพลังจิตทั้งหลายยังต้องเสาะหามาพกติดตัวกันนับแต่อดีตจนปัจจุบัน พ่ออาจารย์ท่านว่านั่นคือพลังแห่งการกลืนกิน กับพลังของการเปลี่ยนแปลงที่ไม่อยู่ในกฏของไตรลักษณ์นั่นแหละที่ผู้มีจิตอัศจรรย์แล้วทั้งหลายยังต้องการ ด้วยทุกสิ่งนั้นล้วนอยู่ในวัฏจักรแม้จะทรงวิชาหรือมีอำนาจจิตแรงกล้าสักปานใดก็หนีไม่พ้นข้อนี้ ดังนั้นครูบาอาจารย์จึงมักจะบอกกับศิษย์ที่เรียนวิชาสำเร็จแล้ว หรือแม้แต่สหธรรมิกที่หวังดีต่อกันยังแนะนำในช่วงที่สหายนั้นเจอวิกฤติหรือหาทางออกไม่ได้ให้เสาะหานาคบาศนี้มาใช้ติดตัว ด้วยนาคบาศนั้นจะยังผลพลิกชีวิตผู้บูชาได้นั่นเอง เพราะอาถรรพ์แห่งการกลืนกินและเปลี่ยนแปลงวงจรชีวิตนั้น ถือได้ว่าเป็นยอดอาถรรพ์ที่จะทำให้มนุษย์ใช้ชีวิตได้ง่ายมากขึ้น พ่ออาจารย์ท่านยกตัวอย่างบ่อนใหญ่ๆในประเทศจีน ประเทศเขมรว่าเขาจะหางูกินหาง คืองูสองตัวกินกันจริงๆซึ่งหายากมากแล้วฝังกลบไว้ในบ่อน เมื่อเราเข้าไปในบ่อนก็จะเป็นอาถรรพ์ให้โดนกลืนกินอยู่ตลอดเวลา คนที่เข้ามาเล่นจึงเปรียบเสมือนเป็นเหยื่อ เจ้าของบ่อนที่จะกินเขาได้อยู่ตลอดเวลาและกินอย่างสม่ำเสมอ ในทางกลับกันหากเรามีนาคบาศนี้ติดตัวและเข้าไปในบ่อนก็จะล้างอาถรรพณ์ได้ทั้งหมดเช่นกัน ดังนันผู้ที่มีนาคบาศจึงยืนอยู่เหนือกฏด้วยการเป็นผู้กลืนกินได้ตลอดเวลา ทำอะไรก็กินคนอื่นเขาหมดเมื่อเรามีนาคบาศนี้ติดตัว แม้อยากให้เป็นอาถรรพ์ก็ให้เอานาคบาศไปฝังไว้ที่ธรณีประตูให้คนที่เดินข้ามไปมานั้นต้องอาถรรพ์เมื่อเข้าสถานที่เราก็ได้ จะเอาไปฝังหรือกลบก็ได้ทั้งในบ้านหรือในห้องเราก็ตามเป็นการล้างอาถรรพ์ผู้ที่เดินเข้ามาสู่ที่ของเรา แม้เขามีของดีอะไรก็แน่ใจได้ว่าจะต้องโดนกินอย่างแน่นอน ในกรณีที่สถานที่นั้นก่อสร้างไปแล้วไม่สามารถฝังหรือทำอาถรรพ์ได้ตามวิธีนี้ก็ให้แขวนไว้ด้านบนเพื่อให้คนเดินลอดเช่นนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าก็ใช้ได้ดุจเดียวกันพกไว้กับตัวเราก็กินเขา เข้ามาในที่ของเรา เขาก็เสร็จเรา เอาว่ายังไงก็ได้กิน จะใช้ทำการค้า ทำธุรกิจหรือใช้ทางกามคุณก็ขึ้นอยู่กับแนวทางการขวนขวายของผู้บูชา

    เมื่อพ่ออาจารย์ท่านจะทำนาคบาศเนื้อผงนั้นท่านว่าถ้าจะทำเพียงเอารูปลักษณ์อย่างง่ายๆขอไปทีเช่นสมัยนี้นิยมทำกันย่อมทำได้ไม่ยากเลย แต่หากจะทำให้มีพลังงานยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงแล้วนั่นย่อมเป็นอีกเรื่องหนึ่งเพราะการหามวลสารต่างๆนั้น บางอย่างทั้งชีวิตของการเดินป่าหาของอาถรรพ์ก็ไม่สามารถหาได้ พ่ออาจารย์ท่านว่าตัวท่านนั้นยังดีที่ได้ของตกทอดมากจากครูบาอาจารย์อยู่บ้างจึงสร้างขึ้นมาได้ไม่ยากนัก สิ่งสำคัญที่จะขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือ
    - สังขารพญานาค
    - ซากไข่พญานาค
    - ก้อนแป้งผัดหน้านางนาคกัลยา

    ท่านว่าของเหล่านี้ต้องมีให้ครบสูตรนำมาผสมกับน้ำมันนาคสังวาสจึงจะใช้ได้ นอกจากนี้พ่ออาจารย์ท่านยังได้เพิ่มอาถรรพ์แห่งคุณวิชาด้วยการลบถมผงนาคเกี้ยวทุกตระกูลที่มีอานุภาพมากเข้าไปด้วย,ซ้ำยังใช้มวลสารธาตุกายสิทธิ์,ดินแม่น้ำโขง,หินนาคราช,หินแม่น้ำโขง,เหล็กไหลพญานาค,แร่สะเก็ดดาว,ผงยันต์วะพันตัว,ผงวาสนา,ผงนาคบาศ,ผงนาคสวาท,ผงนาคเกี้ยวชู้,ผงกำลังนาคแสนตน,ผงอิทธิเจ,ผงนะปัดตลอด,ผงมหาเศรษฐี ,ผงมหาลาภ,ผงพระเจ้าเงินตรา,ผงวิชาเทพเจ้าแห่งการพนัน,ผงวิชาเสี่ยงดวง,ว่านมหาลาภ,ว่านนาคราช... พ่ออาจารย์ท่านว่าผงวิเศษแต่ละอย่างนั้นย่อมมีคุณใช้ได้นับพันนับหมื่นช่อง และเมื่อผสมผงนั้นครูเทพครูพรหมทั้งหลายท่านยังช่วยกันใช้อำนาจส่งต่อพลังงานการหมุนวนเป็นวงจรมหาวัฏฏะอย่างมีนัยยะพ่ออาจารย์ท่านว่าเหล่าครูท่านช่วยทำให้ด้วยความเมตตาเพื่อให้พลังนั้นหมุนวนถ่ายเทได้ไม่มีจุดสิ้นสุด

    เมื่อสำเร็จแล้วพ่ออาจารย์ท่านว่าการเสกนั้นต้องชุมนุมพญานาคทุกตระกูลให้มาคายยอดพิษของตนเอาไว้นับจำนวนแสนๆโกฏิและต้องชุมนุมเหล่ามหาเทพ มหาพรหมให้มาช่วยกันสร้างและสำเร็จนาคบาศนี้ให้ได้คูรสูงสุดอย่างแท้จริง ด้วยแต่โบราณเชื่อสืบกันมาว่าหากทำสำเร็จแล้วมีอาถรรพ์ต้องตำราแม้ผู้ใดได้ไว้ในครอบครองหรือมีไว้พกพา ก็จะช่วยให้มีกินมีใช้ไม่มีอดตลอดทั้งปีทั้งชาติ เป็นของวิเศษนำพาให้บังเกิดโชคบังเกิดลาภแก่ผู้ครอบครอง และยังใช้ป้องกันเขี้ยวงาได้ทั้งบ่วงนาคบาศยังจะช่วยปกป้องคุ้มครองภัยทั้งหลาย(ภัยพิบัติ) และยังเป็นสิ่งที่จะช่วยปราบมารทั้งหลายที่มาราวีชีวิตเราให้อ่อนกำลังลงด้วย พ่ออาจารย์ท่านว่าใครพกไว้ย่อมมีกินไม่รู้หมดสิ้นดั่งงูที่กินหางและเมื่อใดที่มันกินไปจนถึงหัว มันก็จะคลายลำตัวออกมาแล้วก็จะกลืนกินกันไปอยู่อย่างนั้นเป็นวงจรอนันต์ไม่รู้จบ

    ดั่งนาคบาศหรือศรของอินทรชิตที่ได้จากพระพรหมเมื่อยิงไปก็จะเป็นงูรัดศัตรูบีบคั้นไว้จนสิ้นใจ ดังนั้นบ่วงบาศนี้จึงได้ชื่อว่าบ่วงผูกมัดเพราะใช้จับอะไรก็ได้ไม่มีวันหลุด ต่อให้เป็นสิ่งสูงศักดิ์ล้ำค่าชนิดเห็นหัวไม่เห็นหางเช่นครุฑหรือกินนรีนาคบาศนี้ก็ยังจับได้(พ่ออาจารย์ท่านว่าจับได้ทุกอย่างไม่หลุดมือจิตดีๆก็อธิษฐานเอาเลยว่าจะจับอะไร จะใช้กับงาน ใช้กับตำแหน่ง ใช้กับหัวหน้า คู่ทำการค้า ใช้กับเพศตรงข้ามย่อมได้ทั้งสิ้น)เป็นบ่วงเชือกที่แข็งแรงที่สุด แม้พญาครุฑเจ้าแห่งนกก็ยังกลัวบ่วงนาคบาศนี้เช่นกัน พ่ออาจารย์ท่านว่าถ้าเอาตามครูบอกคือสามารถชนะทุกอย่างหรือชนะหมด จะใช้ทำน้ำมนต์เสริมดวง ป้องกันภูติผีและคุณไสย เป็นเมตตามหานิยมแคล้วคลาดปลอดภัย ค้าขายดีมีกินไม่มีอด ใช้ในการการเสี่ยงโชค มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม ท่านว่าถ้ามองในแง่เครื่องรางก็มีอาถรรพ์ครบทุกด้านตั้งแต่คุ้มครองป้องกัน ล้างอาถรรพ์ จับมัดวิญญาณร้าย มัดใจ ผูกจิต ไปจนกระทั่งโชคลาภมหานิยม แต่ที่นอกเหนือจากผู้ทรงฌาณหรือทรงวิทยาคมมักจะแสวงหากันแล้วแม้คหบดี พ่อค้า หรือผู้ปรารถนาความเจริญก้าวหน้าในกิจการก็ยังมักแสวงหาบ่วงบาศนี้เช่นกันเพราะรู้ว่ามันเป็นของกินบ่เซี่ยง กินไม่หมด อยากได้อะไรก็รวบก็รัดได้รุนแรง จึงมีความเชื่อกันด้วยเรื่องอิทธิพลของการผูกมัด มัดจิต มัดใจเพศตรงข้าม เพศเดียวกัน คนที่เราชอบ ไม่จำเพาะศัตรู แม้แต่ภูตผีปีศาจ ศัตรูเรา ลูกค้า คนที่มาเล่นการพนัน นาคบาศสามารถผูกมัดได้หมด

    ถ้าบูชาด้วยความเคารพจักชุ่มเย็นเปรียบเหมือนมีพญานาคมาอยู่ด้วย ทำอะไรก็ไม่มีเสียมีแต่ได้ตลอดทุกครา..ทั้งบ่วงบาศนี้ยังใช้เชื่อมต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ นาคบาศที่มีคุณอย่างแท้จริงนั้นได้มาครอบครองไม่ง่ายเลย ในอดีตจึงนับเป็นสิ่งล้ำค่าที่บุคคลผู้ใฝ่หาและแย่งชิงกันถึงขนาดฆ่าฟันกันเลยก็มี แม้หลวงปู่ศุขแห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่าอาจารย์ของเสด็จเตี่ยก็ยังบ่วงนาคบาศไว้ครอบครอง พ่ออาจารย์ท่านว่าสมัยนี้แล้วคงจะไม่ได้รบราฆ่าฟันกับใคร ดังนั้นจึงทำให้ไว้ป้องกันตัว ให้อธิษฐานคล้องบ่วงรวบรัดในสิ่งที่เราต้องการ ในสิ่งที่เราปรารถนาให้เอาไปใช้เกิดความชุ่มเย็น สงบสุข กินไม่หมด..แม้ใครกล้ามาต่อกรเราก็ต้องแพ้ทั้งหมด ผู้ถือบ่วงจะต้องชนะทุกสิ่ง พ่ออาจารย์ท่านว่าบ่วงบาศนี้ปกติจะมีอยู่หลายระดับและมีแต่พญานาคระดับนาคราชขึ้นไปเท่านั้นถึงจะมีบารมีใช้บ่วงนาคบาศได้ ท่านว่าหนนี้เราทำเป็นเนื้อผงให้เต็มสูตรไว้หนเดียวเพื่อหมายใจจะให้คนใช้เอาไว้ใช้กินเงิน กินทอง กินโชค กินลาภมาแก่ผู้ครอบครองเป็นคลังสมบัติ ใช้ให้ทรัพย์สินงอกเงย หากเอาใส่ไว้ในที่เก็บทรัพย์ก็จะป้องกันทรัพย์สินไหลออก และสำหรับผู้ที่ชอบเสี่ยงโชคก็ขอให้เขาชนะทุกอย่าง ..เอาแค่นี้ก็มีชีวิตดีขึ้นแล้ว

    พ่ออาจารย์ท่านว่าให้พกติดตัวโดยทำเป็นพวงกุญแจหรือจะนำขึ้นแขวนคอก็ได้เหมือนกัน โดยเฉพาะพวกที่อยู่ในสถานที่ซึ่งมีอาถรรพ์ เรียกว่าชีวิตต้องอาถรรพ์ก็ดีหรือที่อยู่ที่ทำกินต้องอาถรรพ์ก็ดีทั้งบ้านติดทางสามแพร่ง บ้านที่อยู่ต่ำกว่าถนน บ้านที่อยู่ต่ำกว่าบ้านข้างๆ หรือใครที่โดนข้างบ้านกดขี่ หรือรู้สึกว่าเขาทำพิธี ทำสิ่งใดข่มหรือสะกดเรา ก็ให้เอาบ่วงบาศนี้แขวนไว้หน้าบ้าน หรือบางบ้านมีต้นไม้ใหญ่อยู่หน้าบ้านต้นไม้นั้นข่มบ้านเราหากแขวนนาคบาศไว้ที่หน้าบ้านแม้ต้นไม่นั้นมีภูติผีหรือรุกขเทวดารักษาอยู่เขาก็จะออกไปไม่นานต้นไม้นั้นก็จะตาย ดังนั้นบ่วงนี้จึงใช้แก้อาถรรพ์ได้ทุกประการตามแต่ใจจะปรารถนา ทั้งการพกนาคบาศติดตัวจะช่วยปราบสิ่งที่ไม่ดีต่างๆที่จะมาหาเราได้อีกด้วย

    *** บ่วงบาศนี้ฝังพลอยอธิษฐานสารพัดนึกทุกองค์(คละสี) ด้านหลังฝังตะกรุดนาคบาศที่พ่ออาจารย์ท่านลงวิชากำกับไว้ทุกดอก

    คาถาบูชา
    โอม เอหิ พญานาคะสุปัณณานัง สิทธิชะนาจิตตัง อุมะอะ โชคลาภจงบังเกิด (ใช้เสี่ยงโชค)
    โอม เอหิ พญานาคะสุปัณณานัง พุทโธภะคะวา พุทธังสิทธิชะนาจิตตัง ธัมมังสิทธิชะนาจิตตัง สังฆังสิทธิชะนาจิตตัง อิติปิโสภะคะวา พุทธมัดใจ โมเรียกมา บ่วงทัพพะนาคา เยติ โอมประสิทธิเม (ใช้ทางเมตตามหาเสน่ห์ เรียกคู่)
    โอม เอหิ พญานาคะสุปัณณานัง สิทธิชะนาจิตตัง อิติปิโสภะคะวา พุทธังปิด ธัมมังปิด สังฆังปิด มะอุอะ (กันผี กันภัย)


    ***บ่วงบาศนี้รับจองเฉพาะทาง PM พ่ออาจารย์ท่านว่าสามารถบูชาได้ตามปกติ แต่หากอยากให้มีคุณเป็นอนันต์ก็ให้เอาไปทำกันเอง นั่นคือให้บูชาไปคนละคู่ เมื่อต่อกันก็จะเป็นเครื่องหมายอินฟินิตี้ ตรงนี้ท่านว่ามันแรงเกินไปครูท่านห้ามไว้จึงทำไม่ได้ แต่หากใครรู้และต้องการก็สามารถบูชาเป็นคู่ได้ พอเขาอยู่คู่กันแล้วทิพยสภาวะของเขามันจะกินหัวต่อหางกันเองไม่ต่างจากยอดของนาคบาศในตำนาน หรือที่สุดแห่งนาคบาศของจอมนาคราชนั่นทีเดียว(ท่านว่าให้จำไว้ว่าถ้าชีวิตเรื่อยๆยังไม่คิดจะรีบก็อย่าใช้เป็นคู่)

    ร่วมทำบุญบูชา มงคลจ้าวทรัพย์บ่วงบาศกลืนกิน(มหาวงจรแห่งการเปลี่ยนแปลง) บูชา 900 บาท

    53343481-417627315657942-7111704155495858176-n.jpg 52948708-980416808834657-5720668740580802560-n.jpg
    53034614-2223225557952290-5445554558895915008-n.jpg
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,533
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่ทวีพงษ์ EW 4023 2752 8 TH

    พี่แมน EW 4023 2753 1 TH

    พี่เมธี EW 4023 2754 5 TH
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,533
    อรุณสวัสดิ์ครับ ช่วงนี้เปิดกระทู้มาก็มีแต่คนทักหาสีผึ้งรุ่นเก่าๆกันมาอยู่เรื่อย จะเห็นได้ว่าตั้งแต่ออกเครื่องมงคลมาสีผึ้งกับน้ำมันของพ่ออาจารย์นั้นสามารถพูดได้ว่าท่านออกให้บูชายากที่สุด ตรงนี้ท่านว่าเหตุผลง่ายๆเลย เพราะมันต่างกับเครื่องมงคลในแง่คนที่เขานำไปใช้แบบจริงจัง เพราะท่านมักกล่าวว่า"สีผึ้งมันทำให้อาคมซึมเข้าเนื้อเข้าตัวได้แต่ก็ยังไม่ไวเท่าน้ำมัน" คำว่าอาคมซึมเข้าเนื้อเข้าตัวของท่านนี่บอกได้เลยว่าสุดๆโดยเฉพาะน้ำมันนั้นท่านว่าฝังในกระเเสเลือดชนิดถอดถอนกันทั้งชาติยังทำได้ยากเลย(ตรงนี้ท่านว่าให้นึกถึงคนที่โดนน้ำมันพรายทำไมมันถึงถอนยาก นั่นก็เพราะมันซึมเข้าในเลือด แต่ของเรานั้นต่างกันไปเพราะเป็นน้ำมันพุทธคุณ อันนี้ยิ่งซึมยิ่งดี)

    b475bf7c9427a179e31fda933bba992b.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...