รู้จากตำราความรู้เอาไปละกิเลสไม่ได้

ในห้อง 'ทุกข์และปัญหาชีวิต' ตั้งกระทู้โดย Muang99, 9 กรกฎาคม 2014.

  1. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,411
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    [​IMG]

    สูตรน้ำผักต้านมะเร็งเป็นสูตรน้ำผัก ผลไม้ของฟ้าหญิงจุฬาภรณ์

    มีเรื่องมาเล่าให้ฟังค่ะ
    มีน้องที่ทำงาน > มีญาติเป็นมะเร็ง 2 คน หมอนัดให้ทำคีโม 1 คน
    ผ่าตัด 1 คน โดยให้ไปพักผ่อนก่อน 1 – 2 อาทิตย์ ก่อนทำการรักษา
    ระหว่างนั้นเองน้องที่ทำงาน ได้สูตรน้ำผัก ผลไม้ของฟ้าหญิงฯ มาก็เลยลองให้ญาติทานดู แทนน้ำเลย วันละ 1 ลิตร
    เป็นเวลา 2 สัปดาห์เท่านั้น ไปตรวจอีกครั้งก้อนเนื้อที่เป็นมะเร็ง เล็กลงจนเกือบไม่มีเลย 1 คน / ส่วนอีกคนมะเร็ง หายไปเลย …..
    ไม่น่าเชื่อ เค้าตื่นเต้นกันมากหมอรพ.จุฬา ขอสูตรกันยกใหญ่
    ตอนนี้น้องๆ ที่แผนก เลย สั่งกินกันทุกวัน เพื่อเป็นภูมิต้านทาน ส่วนใครที่มีญาติเป็นมะเร็ง นำสูตรนี้ไป
    ทำให้กินได้เลย หรือบอกต่อๆ กันไป…เป็นอานิสงฆ์นะ
    น้ำผักผลไม้สูตรในวัง ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง มีผิวพรรณสดใสโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นโรคมะเร็งจะดีมากมีคนแถวบ้านเป็นมะเร็งอายุประมาณ 80 กว่าแล้ว ต้องให้คีโมแต่ปรากฏว่าพอรับประทานน้ำผลไม้สูตรนี้ไปเป็นเวลาประมาณไม่ถึง 1 เดือนปรากฏว่ามีผมงอกขึ้น และแข็งแรงขึ้นมาก จนหมอตกใจลองนำไปปั่นทานกันดู ..
    น่าจะดีต่อสุขภาพไม่มากก็น้อยส่วนประกอบก็ราคาไม่แพงมากด้วย

    1. แอปเปิ้ล 1 ผล
    2. แครอท 1 ลูก
    3. ผักสลัด (ผักกาดแก้ว) 3 ใบ
    4. ตั้งโอ๋ 2 ก้าน
    5. มะนาว 1 ลูก
    6. น้ำเสาวรส 1/2 แก้ว (ถ้าไม่มีสดให้ซื้อน้ำเสาวรสกระป๋องก็ได้ค่ะ)
    7. น้ำผึ้งแท้ 1/2 แก้ว
    8. น้ำเปล่า 1-2 แก้ว แล้วแต่ความชอบ
    9. ฝรั่ง 1 ผล
    10. มะเขือเทศสีดา (ลูกเล็กๆ) 5 ลูก
    11. น้ำตาลทรายแดง 3 ช้อนโต๊ะ
    นำทุกอย่างมาปั่นรวมกัน สูตรนี้จะทำได้ประมาณ 1 ลิตร ในกรณีที่เป็นคนป่วย
    ให้รับประทานวันละ 1 ลิตร แต่ถ้าดื่มเพื่อสุขภาพเฉยๆ สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 2-3 วัน

    ที่มา : สูตรน้ำผักต้านมะเร็ง ของฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ (ถึงไม่เป็นมะเร็งก็กินได้)
     
  2. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,411
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    [​IMG]

    20 สุดยอดอาหาร..ล้างพิษได้ฉมัง!

    “กินข้าวเป็นหลัก กินผัก-ผลไม้เป็นยา” ประโยคเก่าแก่ ตั้งแต่สมัยโบราณประโยคนี้จริงๆ แล้วควรเป็นประโยคอมตะ เพราะสามารถนำมาใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย และได้ทุกสถานการณ์ ไม่ว่าคุณจะสบายดีหรือป่วย จะอยากลดความอ้วน อยากสวย หรืออยากหล่อ จุดเริ่มต้นที่ดี ก็คืออาหาร ที่จะไปแปรสภาพเป็นเลือด เซลล์ เนื้อเยื่อ ทุกๆ ส่วนของร่างกายเรานั่นเอง

    ดังนั้นการ “กินให้เป็น” จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ยิ่งในสังคมคนเมืองด้วยแล้ว เพราะทุกวันนี้สิ่งที่เรามักกินกันในชั่วโมงเร่งรีบ ส่วนใหญ่ “ไม่ใช่อาหารแท้ๆ” อาหารสำเร็จรูปหรือกึ่งสำเร็จรูปที่มีขายให้สะดวกกินกันอยู่ทุกวันนี้ ล้วนจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องถูกผสมด้วยสารเคมีเพื่อประโยชน์ในการเก็บรักษา เพราะฉะนั้น หากพอมีเวลา เราอยากให้คุณลองหันมากินอาหาร(แท้)เพื่อล้างพิษตกค้างกันบ้าง วันนี้ เรามี 20 อาหารดีที่ควรกินเพื่อล้างพิษมาฝาก จะมีอะไรบ้าง มาดูกัน!

    20 อาหารล้างพิษ
    -----------
    1. สาหร่าย : ช่วยดูดซึมคลื่นรังสีที่สะสมในร่างกาย สามารถจับกับพวกโลหะหนักได้ด้วย นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยโปรตีนและเกลือแร่ในปริมาณมาก

    2. หัวหอม : ประกอบไปด้วยสารต่อต้านมะเร็งหลายชนิด มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยทำความสะอาดหลอดเลือด ลดระดับ LDL ตัวการก่อให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ นอกจากนี้ยังช่วยให้ระบบทางเดินหายใจทำงานดีขึ้น รักษาโรคหอบหืด โรคทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ และที่สำคัญคือช่วยรักษาโรคเบาหวานโดยช่วยให้ระดับน้ำตาลคงที่

    3. มะนาว : เป็นสุดยอดอาหารที่ช่วยทำความสะอาดตับ มีวิตามินซีสูง น้ำมะนาวสดเมื่อนำมาผสมกับน้ำอุ่นแล้วดื่มตอนเช้าหลังตื่นนอน ดื่มสัปดาห์ละ 1-2 วัน จะช่วยล้างพิษและทำให้เลือดสะอาดขึ้น

    4. เมล็ดแฟลกซ์ : อุดมไปด้วยกรดไขมันจำเป็นโอเมก้า 3 ซึ่งมีประโยชน์ต่อสมอง ช่วยบำรุงความจำ และมีผลดีต่อหัวใจเพราะช่วยลดระดับ LDL นอกจากนี้ยังมีสารที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันอีกด้วย

    5. กระเจี๊ยบ : น้ำกระเจี๊ยบมีคุณสมบัติช่วยขจัดชื้อแบคทีเรียและไวรัสออกจากระบบทางเดินปัสสาวะ

    6. ทับทิม : สามารถรักษาอาการอักเสบ ลดการติดเชื้อ

    7. พืชตระกูลถั่ว : (เช่น ถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วเหลือง และถั่วขาว) จากการศึกษาพบว่าผู้ที่กินถั่วเป็นประจำมีระดับคอเลสเตอรอลน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้กิน วยลดอัตราความเสียงต่อการเกิดโรคหัวใจ ช่วยทำความสะอาดและลดการสะสมของสารพิษในลำไส้ได้ดี มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้และมะเร็งต่อมลูกหมาก ช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่

    8. ขึ้นฉ่าย : ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงควรกินขึ้นฉ่ายเป็นประจำ หรือถ้าจะให้ดีควรดื่มน้ำคั้นจากขึ้นฉ่ายสดในตอนเช้า เพื่อช่วยควบคุมระดับแรงดันเลือดให้คงที่ ในขึ้นฉ่ายยังประกอบไปด้วยสารต้านการเกิดมะเร็ง และสารที่ช่วยขับของเสียจากบุหรี่ในคนที่สูบบุหรี่หรือผู้ที่ได้รับควันบุหรี่ด้วย

    9. แครอท : มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องร่างกายจากสารพิษ (ระบบทางเดินประสาท สายตา และผิวหนัง) ลดการเกิดมะเร็ง ช่วยทำให้ระบบทางเดินหายใจและหัวใจแข็งแรงขึ้น

    10. มะเขือพวง : สามารถช่วยดูดซึมและดักจับไขมันในอาหาร และขับออกจากร่างกายโดยระบบขับถ่าย และลดการสะสมของเสีย

    11. ส้มโอ หรือเกรปฟรุต : ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ต่อต้านการเกิดมะเร็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งกระเพราะอาหารและมะเร็งตับอ่อน สารต้านอนุมูลอิสระในเกรปฟรุตช่วยปกป้องสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

    12. กระเทียม : ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ขับและฆ่าพยาธิในทางเดินอาหาร ฆ่าเชื้อไวรัส โดยเฉพาะทำความสะอาดเลือดและระบบลำไส้ ทำให้เส้นเลือดมีความยืดหยุ่นและลดแรงดันโลหิต นอกจากนี้ยังต่อต้านการเกิดมะเร็งและทำให้ระบบทางเดินหายใจดีขึ้น แต่ก็ควรระวังเรื่องการกินกระเทียมมากเกินไป ซึ่งก่อให้เกิดลมหายใจที่มีกลิ่นกระเทียมไปด้วย

    13. บลูเบอร์รี่ : ช่วยลดการระคายเคือง สารที่มีในบลูเบอร์รี่สามารถเข้าไปขัดขวางแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะ ส่งผลให้ลดการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะได้

    14. กะหล่ำปลี : มีสารต่อต้านมะเร็งและอนุมูลอิสระ ช่วยทำความสะอาดระบบย่อยอาหาร รักษาและปกป้องกระเพราะอาหารจากแบคทีเรียและไวรัสต่างๆ

    15. บีทรูท : ต่อต้านชื้อโรค ทำความสะอาดเลือด ตับ และระบบน้ำเหลือง อีกทั้งมีคุณสมบัติช่วยให้ร่างกายรับออกซิเจนได้มากขึ้น จึงช่วยกำจัดของเสียได้ง่ายและเร็วขึ้น ซึ่งจากกการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้พบว่าบีทรูทช่วยปรับระดับกรด – ด่างในเลือดให้สมดุลด้วย

    16. อะโวคาโด : มีสารกลูตาไทโอน ที่สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลและป้องกันหลอดเลือดอุดตัน ทำให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่น ทั้งช่วยจับสารพิษที่เป็นตัวก่อให้เกิดมะเร็งกว่า 30 ชนิด และขณะเดียวกันก็ช่วยให้ตับกำจัดของเสียจำพวกสารเคมีและโลหะหนักออกได้ง่ายขึ้น

    17. ตำลึง : ช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำดีที่จะทำให้ลำไส้ขับสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยให้ตับสลายไขมันในร่างกายด้วย

    18. แอปเปิ้ล : ช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็ง ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส จากการศึกษาทดลองยังพบว่าแอปเปิ้ลช่วยขับสารเคมีที่ปนเปื้อนในอาหาร ซึ่งก่อให้เกิดอาการแพ้ในเด็ก และไมเกรนในผู้ใหญ่ได้

    19. อัลมอนด์ : เป็นถั่วที่มีใยอาหารสูง มีแคลเซียมและโปรตีนที่ดีต่อร่างกาย แม้จะมีไขมันแต่ก็เป็นไขมันที่ดีและจำเป็นต่อร่างกายในระหว่างที่เราทำการล้างพิษจึงควรกินอัลมอนด์ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

    20. กล้วย : ช่วยควบคุมระดับของเหลวในร่างกายโดยช่วยขับของเหลว หรือสารพิษส่วนเกินออกจากร่างกายโดยช่วยขับของเหลว หรือสารพิษส่วนเกินออกจากร่างกายได้ดีขึ้น การกินกล้วยเป็นประจำยังช่วยป้องกันท้องผูก ทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติอีกด้วย


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก Be Healthy
     
  3. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,411
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    [​IMG]

    อย่าดูเป็นภาพโป๊นะครับ ควรดูเป็นภาพเพื่อการดูแลร่างกายนะครับ

    ขอบคุณ/ที่มา : https://www.facebook.com/saamonpai
     
  4. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,411
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    [​IMG]

    อาหารช่วยตับขับพิษ

    ตับเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่ขับสารพิษออกจากร่างกาย
    ดังนั้นการทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพตับเป็นประจำจะช่วยแบ่งเบาภาระให้ตับได้ ซึ่งการที่ตับทำงานได้อย่างมีจึงมีประสิทธิภาพย่อมส่งผลให้ร่างกายมีพลังมากขึ้น

    นอกจากหน้าที่ในการขับสารพิษแล้ว ตับยังช่วยในกระบวนการย่อยอาหารและเปลี่ยนสารอาหารให้เป็นพลังงาน เมื่อร่างกายต้องการตับที่แข็งแรงจะส่งผลให้มีสุขภาวะที่ดี เพราะตับช่วยลดการติดเชื้อ โดยช่วยขจัดของเสียออกจากร่างกาย เราจึงต้องดูแลตับด้วยการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ถ้าในแต่ละมื้อประกอบด้วยอาหารต่อไปนี้ ก็จะเป็นการช่วยตับให้แข็งแรงได้อีกทางหนึ่ง

    ต่อไปนี้เป็นอาหารอันดับต้นๆที่ช่วยตับในการล้างพิษ

    1.กระเทียมสด สามารถเร่งการขับน้ำดี ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่มีน้ำดีจางลง จะได้ไม่เกิดอาการท้องอืดเฟ้อ อาหารไม่ย่อยหลังจากกินอะไรมัน นอกจากนี้รกะเทียมยังปกป้องตับจากการสัมผัสสารพิษ จึงเหมาะกับคนที่เป็นโรคตับทั้งมวล นอกจากนี้
    การกินกระเทียมสดวันละ 1-3 กลีบจะช่วยป้องกันโรคหัวใจ ป้องกันเลือดจับตัวเป็นลิ่ม ตัวการที่ก่อให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือด

    2.หัวหอม มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยทำความสะอาดเลือด
    ช่วยลดระดับคอเรสตอลรอล LD เพราะเป็นตัวการก่อให้เกิดโรคหัวใจ นอกจกนี้ยังทำให้ระบบทางเดินหายใจทำงานดีขึ้น

    3.มะนาว สีเหลืองของมะนาวมีสารแอนตี้ออกซิเดนท์ที่เรียกว่า
    ไบโอฟลาโวนอยด์สูง จึงช่วยการทำงานของงตับได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นสุดยอดอาหารที่ช่วยทำความสะอาดตับ
    มีวิตามินสุง น้ำมะนาวสดเมื่อนำมาผสมกับน้ำอุ่นแล้วดื่มตอนเช้าหลังตื่นนอน จะช่วยล้างพิษและทำให้เลือดสะอาดขึ้น

    4.ดอกกะหล่ำ กะหล่ำปลี ผักเหล่านี้ช่วยทำความสะอาดร่างกายและช่วยกำจัดของเสียจากสิ่งแวดล้อม เช่น ของเสียจากควันบุหรี่ ควันจากท่อไอเสีย และช่วยให้ตับผลิตเอนไซนม์ออกมาให้พียงพอในการกำจัดของเสีย

    5.บร็อคโคลี่ มีสรรพคุณต่อต้านมะเร็ง เนื่องจากมีวิตามินซีสูง บร็อคโคลี่ยังอุดมด้วยสารกลูโคซิโนเลตเช่นเดียวกับสารซัลโฟราเฟน ซึ่งจะช่วยตับขับสารพิษ รับประทานดิบๆ โดยนำ
    ดอกบร็อคโคลี่จิ้มกับซัลซ่า

    อาหารที่กล่าวมานี้จะช่วยทำให้สารพิษที่เจือปนมากับอาหารอื่นนั้นมีสภาพเป็นกลาง นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มการผลิตน้ำดีซึ่งช่วยทำความสะอาดกระเพาะอาหารและลำไส้ รวมถึงช่วยกระตุ้นให้ลำไส้มีการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวอีกด้วย

    เครดิต : ข่าว ดูดวง เกมส์ ฟังเพลง หวย ช้อปปิ้ง : Sanook.com
     
  5. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,411
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    [​IMG]


    เครดิต : https://www.facebook.com/saamonpai
     
  6. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,411
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    [​IMG]
     
  7. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,411
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    [​IMG]

    มาทำน้ำปั่นวัยทอง....สูตรต้านแก่!!

    สูตรนี้ใช้ได้ทั้งผู้หญิงผู้ชายครับ เจาะจงเรื่องการบำรุงเลือด บำรุงตับโดยเฉพาะ ทานก่อนอาหาร 15 นาทีนะครับ การันตีครับว่าจะดูอ่อนกว่าวัยภายใน 1-2 เดือน สูตรนี้ได้ปรับจนเหมาะกับทุกๆธาตุแล้วนะครับ ฉะนั้น สามารถดื่มได้ตลอด แต่สำคัญคือ ทุกอย่างต้องล้างให้สะอาดที่สุดและไม่เย็นมากนะครับนะครับ

    สูตรน้ำปั่นวัยทอง...สูตรหมอศุภ

    1. สตรอว์เบอร์รี่สด 200 กรัม
    2. เก๋ากี้ 2 ช้อนโต๊ะ
    (ล้าง แช่ในน้ำอุ่นจนพองนิ่ม)
    3. น้ำลูกหม่อน 100 มิลลิลิตร
    (ใช้ของดอยคำแนะนำใช้ลูกสดดีกว่า)
    4. งาดำบด 1 ช้อนโต๊ะ
    5. น้ำทับทิม 100 มิลลิลิตร
    6. น้ำต้มสุกเย็นแล้ว 4 ช้อนโต๊ะ
    7. ขิงสด 1 แว่น
    (ประมาณ 1 ข้อนิ้ว)
    8. พุทราจีน 10 ลูก
    (ล้าง แช่น้ำอุ่นจนนิ่ม)
    9. ใบบัวบกสดหั่น 100 กรัม

    ง่ายๆแค่เททุกอย่างลงในเครื่องปั่นน้ำผลไม้ครับ ปั่นจนละเอียดได้ที่ แล้วดื่มได้เลย สูตรนี้ประมาณด้วยสายตานะครับ เพราะทำทานเองผมชอบใส่เก๋ากี้กับสตรอว์เบอร์รี่เยอะๆ เนื้อจะเยอะหน่อย สามารถปรับตามชอบครับ บางครั้งใส่กลีบดอกอัญชันลงไปน้ำน้ำต้มสุกแช่จนได้น้ำม่วงๆ แล้วเอามาใช้ก็ดีเยี่ยมครับ^^

    สูตรนี้ได้ประมาณ 2 แก้ว ทำทานสดๆต่อครั้งดีที่สุดครับ

    Share ได้ครับ สำหรับคุณผู้ชายแนะนำใส่กระชายขาวลงไปประมาณ 1 ช้อนโต๊ะพูนนะครับ
    ส่วนสาวๆเติมน้ำตาลชีวานะลงไป 1 ช้อนชานะครับ ริ้วรอยเหี่ยวย้นจะมาช้ามาก!!!
    ทำทานทุกวันได้ วันละครั้งพอครับ 1-2 เดือนติดกัน หยุดสักอาทิตย์แล้วทำทานต่อ จะอ่อนกว่าวัยแน่นอน......!!!

    เครดิต : https://www.facebook.com/saamonpai
     
  8. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,411
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    [​IMG]


    สูตรน้ำผักปั่น...ต้านมะเร็ง

    ส่วนผสม

    มี แอปเปิ้ล 1 ผล แครอท 1 ลูก

    ผักสลัด (ผักกาดแก้ว) 3 ใบ ผักตั้งโอ๋ 3 ก้าน มะนาว 1 ลูก

    น้ำเสาวรส ครึ่งแก้ว (ถ้าไม่มีสดเอากระป๋องก็ได้)

    น้ำผึ้งแท้ ครึ่ง แก้ว น้ำเปล่า ครึ่งถ้วย ฝรั่ง 1 ผล

    มะเขือเทศสีดา (ลูกเล็กๆ) 5ลูก น้ำตาลทรายแดง 3 ช้อนโต๊ะ

    นำทุกอย่างมาปั่นรวมกัน สูตรนี้จะทำได้ประมาณ 1 ลิตร

    ในกรณีที่เป็นคนป่วย ให้รับประทานวันละ 1 ลิตร

    แต่ถ้าดื่มเพื่อสุขภาพเฉยๆ สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้

    ประมาณ 2-3 วัน

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.xn--42c6dl7bbn.com/
     
  9. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,411
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    [​IMG]

    อาการชี้ชัดผู้ป่วยจะเป็นโรคเบาหวาน
    ที่คุณต้องอ่าน
    ^^^ผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานจะมีอาการเบื้อง
    ต้นคือ
    ~กระหายน้ำ ดื่มน้ำปริมาณมากๆต่อครั้ง
    ~ปวดปัสสวะบ่อยและลุกขึ้นปัสสวะกลาง
    คืนบ่อยๆ
    ~อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่มีเรี่ยวแรง
    ~เบื่ออาหาร
    ~น้ำหนักตัวลดโดยไม่ทราบสาเหต โดยเฉพาะถ้าน้ำหนักตัวเคยมากมาก่อนอัน
    เนื่องจากร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไป
    สร้างพลังงานได้เต็มที่จึงต้องนำไขมันและ
    โปรตีนจากกล้ามเนื้อมาใช้ทดแทน
    ~ตืดเชื้อบ่อยกว่าปกติ
    เช่นติดเชื้อทางผิวหนังและกระเพาะอาหาร
    สังเกตุได้จากเมื่อเป็นแผลแล้วแผลไม่หาย
    จะหายยาก
    ~สายตาพล่ามัวมองไม่เห็น
    ~อาการชาไม่ค่อยมีความรู้สึก
    เนื่องจากเบาหวานจะทำลายเส้นประสาท
    ให้เสื่อมสมรรถภาพลดลง ความสามารถใน
    การรับรู้ความรู้สึกจึงถดถอยลง
    ~อาจจะมีอาการของโรคหัวใจและโรคไต
    วิธีป้องกันเบาหวาน
    ~ควบคุมน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติและแก้ไขปัจจัยเสี่ยงอื่นๆอันก่อให้เกิดโรคเบาหวาน
    ~ควมคุมโภชนาการให้มีความสมดุลทั้งใน
    ด้านโภชนาการออกกำลังกาย รวมไปจน
    ถึงการใช้ยารักษาโรค
    ~ตรวจเช็คระดับน้ำตาลในเลือดสม่ำเสมอ
    โดยปรึกษาแพทย์ว่าควรตรวจเช็คเมื่อใด
    และระยะห่างในการตรวจที่เหมาะสม
    ~ยาบางชนิดหรือยาสมุนไพรอาจมีผลต่อการควบคุมน้ำตาลในเลือดจะต้องปรึกษา
    แพทย์และเภสัชกรก่อนใช้ยาและสมุนไพร
    เหล่านั้น
    ~เบาหวานกับแผนโบราณรักษาไม่ยากอย่างที่คิดแต่เหตุก่อโรคนี้อยู่ที่อาหารหลัก
    ยาดีแต่กินหวานมากเกินควรก็ไม่หายอยู่ดี
    (ขอขอบคุณเพจ สมุนไพรหมอศุภ)
     
  10. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,411
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    [​IMG]

    ดีท็อกซ์′ง่ายๆ ด้วย′ผลไม้ใกล้ตัว′

    เป็นเวลากว่าพันปีแล้วที่มนุษย์ได้คิดค้นการ"ดีท็อกซ์" เพื่อลดสารพิษในร่างกายและเติมอาหารให้ร่างกายแข็งแรง ทั้งยังช่วยป้องกันเชื้อโรค แถมยังเป็นตัวช่วยลดความอ้วนได้เป็นอย่างดี ซึ่งเว็บไซต์ Eat Local Grown ได้ยกเอาประโยชน์จากผักผลไม้ใกล้ตัวที่ช่วยดีท็อกซ์ร่างกายมาเป็นตัวอย่างให้คุณสาวๆ ได้เลือกสรรกันง่ายๆ อาทิ

    "แอปเปิล" เพราะเต็มไปด้วยสารอาหารชนิดต่างๆ ทั้งไฟเบอร์ วิตามิน และยังมีสารอาหารช่วยกระตุ้นกระบวนการขับสารพิษจากตับ ช่วยชะลอวัยได้ด้วย

    "อัลมอนด์" ที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งวิตามินอีที่ดีที่สุด ในหนึ่งออนซ์จะมีอัลฟ่า โทโคฟีโรล วิตามินอี ในระดับที่เหมาะกับร่างกาย ทั้งยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและล้างสารเจือปนจากลำไส้ได้

    "ใบโหระพา" ด้วยมีสารแอนตี้แบคทีเรียและแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยปกป้องตับ และมีส่วนผสมของสารเทอพีนอยด์ ที่ช่วยขจัดสารพิษจากร่างกาย

    "บลูเบอรี่" การทานบลูเบอรี่ 300 กรัม จะช่วยปกป้องดีเอ็นเอของร่างกายไม่ให้ถูกทำลาย ทั้งยังช่วยป้องกันแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะ และป้องกันการติดเชื้อได้ด้วย

    "กระเทียม" ผักยอดนิยมของผู้ชื่นชอบการดีท็อกซ์ เหตุเพราะว่ากระเทียมช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกายที่จะช่วยดูแลตับของคุณ ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าได้ผลดีกว่ายาปฏิชีวนะด้วยซ้ำ

    "ผลไม้ตระกูลส้ม" เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ คอลลาเจน วิตามินต่างๆ ที่ช่วยให้ขับถ่ายได้ดี ทั้งยังช่วยล้างสารพิษในร่างกายและต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งสัญญาณของโรคมะเร็งบางชนิด ข้อแนะนำคือควรทานส้มเป็นลูกมากกว่าน้ำส้ม เพราะจะช่วยให้ได้รับกากใยมากกว่านั่นเอง

    "มะนาว" การดื่มน้ำมะนาวเป็นอย่างแรกหลังจากตื่นนอนจะช่วยบาลานซ์กรดในร่างกาย และมีส่วนผสมช่วยการขับถ่ายในตับ นอกจากนี้น้ำมะนาว 1 แก้วยังอุดมด้วยสารที่ป้องกันมะเร็งถึง 20 ชนิดอีกด้วย

    "ตะไคร้" สมุนไพรอันโด่งดังจากประเทศไทยที่ช่วยล้างสารพิษในอวัยวะต่างๆ ในคราเดียว ทั้งตับ ช่วยฟอกไต และกระเพาะปัสสาวะ การนำมาปรุงอาหารหรือเป็นส่วนผสมในชาจะช่วยให้ระบบล้างสารพิษในร่างกายเราดีขึ้นอย่างแน่นอน..

    เครดิต : https://www.facebook.com/saamonpai
     
  11. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,411
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    [​IMG]
     
  12. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,411
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    ใส่ใจสุขภาพ : สัญญาณเตือน “ไตวาย”

    ไตวายเป็นโรคที่เนื้อไตถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง อาจนานหลายปี เรียกว่า “โรคไตวายเรื้อรัง” หรือเกิดขึ้นกะทันหัน เรียกว่า “ไตวายเฉียบพลัน” เมื่อเกิดโรคไตวายทั้งสองชนิดนี้ ส่งผลให้ไตไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ
    ดังนั้น หากคุณคิดว่า มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคไตวาย ลองสังเกตตัวเองดูว่า มีอาการดังต่อไปนี้หรือไม่
    1. เหนื่อย อ่อนเพลีย
    หนึ่งในสัญญาณเตือนแรกๆของโรคไตวาย คือ อาการเหน็ดเหนื่อย อ่อนเพลีย ซึ่งเกิดจากภาวะโลหิตจาง อันมีสาเหตุจากจำนวนเม็ดเลือดแดงในร่างกายลดน้อยกว่าปกติ
    เมื่อภาวะไตวายเกิดขึ้น ไตจะไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอีริโทรพอยอีติน ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นไขกระดูกให้สร้างเม็ดเลือดแดงได้อีกต่อไป ดังนั้น คุณจึงรู้สึกเหนื่อย อ่อนเพลีย
    2. หายใจหอบถี่
    ขณะเริ่มมีอาการไตวาย ของเสียที่เกิดจากกระบวนการสันดาปซึ่งส่วนใหญ่มีค่าเป็นกรด จะเริ่มสะสมภายในร่างกาย ปอดจะพยายามทดแทนความเป็นกรดสูงนี้ ด้วยการนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปผ่านการหายใจเร็วๆ จึงทำให้รู้สึกเหมือนหายใจไม่ทัน
    และในบางกรณีอาจมีน้ำท่วมในปอด ทำให้ปอดไม่สามารถขยายตัวได้เต็มที่ จึงทำให้หายใจลำบากหรือติดขัด
    3. คันตามเนื้อตัว
    โรคไตวายเป็นสาเหตุของอาการคันที่เกิดขึ้นกะทันหัน มีสาเหตุจากแร่ธาตุฟอสฟอรัสที่สะสมอยู่ในเลือด อาหารทุกชนิดประกอบด้วยฟอสฟอรัสในปริมาณหนึ่ง แต่อาหารบางอย่าง เช่น นม มีฟอสฟอรัสมากกว่าอาหารอื่นๆ
    ไตที่มีสุขภาพดี สามารถกรองและขับฟอสฟอรัสออกจากร่างกาย แต่หากอยู่ในภาวะไตวาย ฟอสฟอรัสจะคั่งค้างอยู่ในกระแสเลือดและตกผลึก ก่อการระคายเคืองบนผิวหนัง ทำให้รู้สึกคันตามเนื้อตัว
    4. ปัสสาวะมีการเปลี่ยนแปลง
    โรคไตวายทำให้การปัสสาวะเปลี่ยนแปลงไป คนที่มีอาการไตวายระยะแรก จะปัสสาวะมากผิดปกติ แต่เมื่ออาการไตวายรุนแรงขึ้น จำนวนปัสสาวะอาจลดน้อยลงได้เช่นกัน
    และอาจมีการเปลี่ยนแปลงอื่นๆร่วมด้วย เช่น ปัสสาวะเป็นฟอง ซึ่งเกิดจากการที่โปรตีนรั่วเข้าในปัสสาวะขณะเกิดอาการไตวาย และปัสสาวะมีสีส้มแก่ ซึ่งมีสาเหตุจากเม็ดเลือดแดงรั่วเข้าในปัสสาวะ
    5. ตัวบวม
    ให้สังเกตว่า ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายมีอาการบวม ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายหลั่งของเหลวออกมามากเกินไปและสะสมอยู่ในเซลล์เนื้อเยื่อ
    เมื่อไตไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ ของเหลวจึงสะสมอยู่ภายในเนื้อเยื่อและทำให้เกิดอาการบวม ซึ่งมักเกิดที่บริเวณแขน ขา เท้า และใบหน้า หากมีของเหลวคั่งในร่างกายมากเกินไป อาจทำให้น้ำท่วมปวด ส่งผลให้เกิดอาการแน่นหน้าอก และหัวใจล้มเหลวได้
    6. หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
    เมื่อเกิดภาวะไตวาย แร่ธาตุโปแตสเซียมไม่สามารถถูกขับถ่ายออกจากร่างกายได้ตามปกติ ซึ่งการมีโปแตสเซียมสูง เป็นอันตรายต่อหัวใจ อาจทำให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ และหัวใจห้องล่างเต้นกระตุก
    ผลไม้หลายชนิดมีส่วนประกอบของโปแตสเซียม เช่น ทุเรียน กล้วย ส้ม ฝรั่ง ลำไย ขนุน น้อยหน่า แก้วมังกร คนไข้ที่มีอาการไตวายควรงดรับประทาน
    7. วิงเวียนหรือเซื่องซึม
    ยูเรียเป็นสารอินทรีย์ที่เหลือจากการที่ร่างกายใช้โปรตีน โดยเป็นของเสียที่ไตขับออกมาทางปัสสาวะ เมื่อเกิดภาวะไตวาย สารยูเรียจะคั่งค้างอยู่ในร่างกาย และอาจขึ้นไปที่สมอง จึงทำให้รู้สึกวิงเวียนศีรษะ ขาดสมาธิ และไร้ความรู้สึก
    หากยูเรียสะสมอยู่ในร่างกายมากเกินไป จะก่อให้เกิดภาวะยูรีเมีย (ภาวะที่มีของเสียคั่งในเลือด) ซึ่งอาจทำลายสมองและนำไปสู่อาการโคม่า
    8. รู้สึกถึงรสโลหะในปาก
    แอมโมเนียเป็นสารพิษที่เกิดจากการสลายตัวของโปรตีนในร่างกาย ในภาวะไตวายนั้น ไตไม่สามารถกรองและขับแอมโมเนียออกจากร่างกายได้ตามปกติ เมื่อระดับแอมโมเนียในเลือดสูงขึ้น จะทำให้รู้สึกได้ถึงรสโลหะในปาก(Metallic taste) และลมหายใจมีกลิ่นเหม็น รวมทั้งอาจทำให้เบื่ออาหารและน้ำหนักลดได้เช่นกัน
    9. คลื่นไส้
    โรคไตวายทำให้รู้สึกคลื่นเหียนอาเจียน เนื่องจากไตหยุดทำงาน สารพิษจึงตกค้างอยู่ในร่างกาย ทำให้รู้สึกเหนื่อยง่าย ซึม และสับสน เมื่อเกิดภาวะดังกล่าว จำเป็นต้องรักษาทันทีด้วยการฟอกไต
    10. ปวดหลังช่วงล่าง ขา หรือข้างลำตัว
    โรคทางพันธุกรรมที่เรียกว่า โรคถุงน้ำในไต ก่อให้เกิดถุงน้ำหรือซีสต์จำนวนมากอยู่ในเนื้อไต และบางครั้งอยู่ในตับ โดยของเหลวที่อยู่ในซีสต์นั้น เป็นสารพิษที่สามารถทำลายปลายเส้นประสาทของอวัยวะช่วงล่าง ทำให้ปวดหลังช่วงล่าง ขา หรือข้างลำตัว โดยอาการปวดอาจมาในรูปความรู้สึกชา เสียว หรือปวดร้อน
    11. ไม่แสดงอาการ
    ในบางกรณี ภาวะไตวายอาจไม่แสดงอาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่เป็นโรคไตเรื้อรัง จะไม่แสดงอาการใดๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่คุณต้องไปพบแพทย์ เพื่อตรวจร่างกายเป็นประจำ
    อาการไตวายจะปรากฏเมื่อไตไม่สามารถขับของเสียออกจากร่างกาย หรือรักษาสมดุลของน้ำในร่างกายได้เท่านั้น..

    เครดิต : นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 165 กันยายน 2557
     
  13. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,411
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    [​IMG]

    ประโยชน์ของทุเรียนน้ำ (ทุเรียนเทศ)

    1.ช่วยรักษามะเร็ง ผลไม้ชนิดนี้ถูกนำมาวิจัยอย่างจริงจังในสหรัฐอเมริกา*
    ซึ่งสถาบันมะเร็งแห่งชาติพบว่ามันมีคุณสมบัติการฆ่าเซลล์มะเร็งได้ทุกชนิดและในมหาวิทยาลัยคาทอลิกในเกาหลีใต้ได้มีการทดลองนำสารสกัดจากทุเรียนน้ํามาเทียบกับยาเคมีบำบัด (ยาฆ่ามะเร็ง) ผลปรากฏว่ามีฤทธิ์มากกว่า 10,000 เท่า !! ในการช่วยลดการเติบโตของเซลล์มะเร็ง

    2. ทุเรียนเทศมีฤทธิ์ในช่วยต่อต้านไวรัสและเซลล์มะเร็ง

    3. ช่วยเพิ่มน้ำนมกับหญิงให้นมบุตร

    4. ช่วยทำให้นอนหลับสบาย โดยใบนำมาใช้ชงดื่ม

    5. ใบของทุเรียนเทศมีการนำมาใช้เป็นยาระงับประสาท

    6. ช่วยลดอาการเจ็บปวดและลดการเกร็ง
    ใช้รากและเปลือกนำมาทำเป็นชาชงดื่มแก้อาการเครียด

    7. ช่วยแก้อาการเมา
    ด้วยการใช้ใบขยี้ลงในน้ำผสมกับน้ำมะนาว 2 ลูก
    แล้วนำมาจิบเล็กน้อยและเอาน้ำที่้เหลือลูบหัว

    8. ผลสุกช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน

    9. ผลดิบ ใช้รับประทานเพื่อรักษาโรคบิด

    10. เมล็ดนำมาใช้ในการช่วยสมานแผลและห้ามเลือด

    11. ผลดิบนำมาตำแล้วพอกเป็นยาฝาดสมาน

    12. เมล็ดของทุเรียนเทศนี้จะมีพิษ
    จึงนำมาใช้ทำยาเบื่อและทำเป็น ยาฆ่าแมลงศัตรูพืช

    13. ช่วยลดอาการไข้ลงได้ทันทีเมื่อตื่นนอน
    ด้วยการนำใบทุเรียนเทศมาใช้ปูให้ผู้ป่วยที่เป็นไข้นอน

    14. ช่วยแก้อาการท้องอืด
    ด้วยการนำมาขยี้ผสมกับปูนแล้วนำมาทาบริเวณท้อง

    15. ใบใช้รักษาโรคผิวหนัง แก้อาการไอ
    อาการปวดตามข้อ ด้วยการนำมาขยี้ผสมกับปูนแล้วนำมาทา

    16. เปลือก รากและดอก
    มีการนำมาใช้เกี่ยวกับข้ออักเสบและผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับตับ

    17. น้ำสกัดจากเนื้อยังช่วยในการขับพยาธิได้

    ที่มา : Finn
     
  14. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,411
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    [​IMG]

    " 7 ผัก ผลไม้ ป้องกันโรคกระดูก "

    ร่างกายต้องการแคลเซียมมากขนาดไหน

    จริง ๆ แล้วร่างกายคนเราต้องแคลเซียมวันละ 800 – 1200 มิลลิกรัม แม้ว่าเราได้แคลเซียมมากจนเพียงพอกับความต้องการ แต่แคลเซียมอย่างเดียวคงไม่เพียงพอต่อกระบวนการเสริมสร้างกระดูกนั้นต้องอาศัยปัจจัยหลาย ๆ อย่างประกอบกันด้วย เช่น ฟอสฟอรัสที่ช่วยส่งเสริมแคลเซียมในการสร้างความหนาแน่นให้กับกระดูก วิตามินดีจากแสงแดดอ่อน ๆ ที่จะช่วยในการดูดแคลเซียม วิตามินเอ มีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับสร้างกระดูกและฟัน เป็นต้น

    นอกจากนี้ยังต้องหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยเสริมสร้างให้กระดูกแข็งแรงไม่ผุกร่อนได้ง่าย

    ผักและผลไม้ ก็อุดมด้วยแคลเซียมด้วยเช่นกัน
    มาดูกันว่ามีผักผลไม่ชนิดใด ที่เราสามารถเลือกทานเพื่อช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงกันบ้าง

    1.กะหล่ำปลี – กะหล่ำปลีจีน นอกจากจะอุดมด้วยแคลเซียมแล้ว ยังมีฟอสฟอรัส วิตามินเอ ซี กรดโฟลิค เหล็ก เบต้าแคโรทีน และโพแทสเซียมอีกด้วย

    2.กล้วย เป็นผลไม้ที่ให้พลังงานสูง มีทั้งแคลเซียมและโพแทสเซียมที่ช่วยป้องกันการขาดแคลนแคลเซียมในร่างกายได้ นอกจากนี้ยังมีวิตามินครบทั้ง วิตามินบี 1 ป้องกันโรคเหน็บชา บี 2 ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกายตามปกติ วิตามินซี ป้องกันโรคหวัด โรคเลือดออกตามไรฟัน และยังมีสารอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย

    3.บลอคโคลี อุดมด้วยแคลเซียม แมงกานีส โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม เหล็ก ซึ่งเป็นสารสำคัญในการสร้างกระดูกให้แข็งแรง นอกจากนี้ยังประกอบไปด้วยวิตามินเข้มข้นอย่าง วิตามินเอ ซี และเค ซึ่งให้ผลในการต่อต้านโรคมะเร็ง และช่วยให้เอสโตรเจนส่วนเกินในร่างกายลดน้อยลงได้

    4.ผลกีวี ผลไม้รสเปรี้ยวก็ยังอุดมด้วยแคลเซียมเช่นเดียวกัน และยังมีวิตามินซี ลูทีน และแคโรทีนอยด์ที่ทำให้ลดการเป็นโรคหัวใจลงด้วย

    5.ผักคะน้า ผักอีก 1 ชนิดที่เป็นแหล่งแคลเซียมสูง ช่วยป้องกันโรคกระดูกบางได้ ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียมได้ไม่น้อยกว่านม การทานคะน้าจะช่วยสร้างเสริมกระดูกให้แข็งแรง เพราะมีสาระสำคัญอย่าง ซันโฟราเฟน สารผลึกอินโดลส์ กรดธรรมชาติโฟลิก และกำมะถัน

    6.ใบยอ ผักพื้นบ้านใกล้ตัวคนไทยที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกชั้นยอด เนื่องจากมีวิตามินเอในรูปเบต้าแคโรทีนสูงมาก นอกจากนี้ยังอุดมด้วยคุณาทางอาหารมากมายโดยเฉพาะมีแคลเซียมสูงถึง 469 มิลลิกรัม ต่อใบยอน้ำหนัก 100 กรัม การทานใบยอสุกเพียง 1 ถ้วย ก็ได้แคลเซียมเกือบครบตามที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันแล้ว

    7.หอมหัวใหญ่ อุดมไปด้วยธาตุแคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม กำมะถัน ซิลิเนียม เบต้าแคโรทีน กรดโฟลิก ฟลาโวนอยด์ และเควอเซทิน ที่ช่วยยับยั้งความเสื่อมของกระดูก การทานหัวหอมใหญ่วันละ 1 กรัม ก็เพียงพอที่จะเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงได้แล้ว

    อีกหนึ่งทางเลือกของผู้ที่รักการทานผักและผลไม้ และผู้ที่ไม่อยากทานแคลเซียมจากสารสังเคราะห์ นมถั่วเหลือง หรือปลาเล็กปลาน้อย ก็สามารถหันมาทานผักผลไม้แทนกันได้..

    เครดิต : https://www.facebook.com/saamonpai
     
  15. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,411
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    [​IMG]
     
  16. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,411
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    สูตรล้างไขมันในลำไส้เล็ก

    บทความนี้จากหนังสือ แก้เจ็บ แก้จน ของ อาจารย์สุทธิวัสส์ คำภา กล่าวไว้ว่า "เวลาบ่ายโมง ถึง บ่ายสาม คือช่วงเวลาของลำไส้เล็ก" ที่พลังชี่ หรือพลังชีวิตจะไหลเวียนเข้าออกในบริเวณอวัยวะนั้น การพักผ่อน การล้างทำความสะอาด ลำไส้เล็ก จึงเป็นเวลาที่เหมาะสม เป็นอย่างยิ่ง ในหนังสือ สูตรเด็ด แก้เจ็บ แก้จน ของ อาจารย์สุทธิวัสส์ คำภา ได้เสนอสูตรอาหาร สูตรยา สูตรสมุนไพร ที่น่าสนใจไว้ มากมาย เราจะยกตัวอย่าง เล็กน้อย ดังนี้
    สูตรล้างไขมันในลำไส้เล็ก..

    ปัญหาสุขภาพอีกเรื่องใหญ่ของคนไทย ก็คือ ระบบดูดซึมเสีย เกิดจากการกินของผัด ของทอดน้ำมัน บ่อยเกินไปเพราะน้ำมันพืชที่ใช้ส่วนใหญ่จะเป็นน้ำมันปาล์ม (สังเกตุง่ายๆ ว่าพอน้ำมันปาล์มขาดตลาด น้ำมันชนิดอื่น ก็พลอยหายไปด้วย?) จะไปเกาะเป็นยางเมือกเหนียวในลำไส้เล็ก ทำให้ร่างกายดูดซึมน้ำและสารอาหารที่ละลายในน้ำไม่ได้ อย่างเช่น วิตามินบี วิตามินซี โปรตีน หรือกรดอะมิโน เลยต้องไปดูดซึมผ่านเส้นเลือดฝอยแทน ส่งผลให้ไตนั้นทำงานหนักขึ้นมีโปรตีนหลั่งหรือตรวจเจอไข่ขาวในปัสสาวะ หมอก็จะแนะนำให้กินไข่ขาวเพิ่ม ซึ่งนั่นไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ ปล่อยไว้นานวันไตก็จะเสื่อม ต้องไปฟอกไต เป็นไตวาย ตายในที่สุด เมื่อระบบดูดซึมเสีย เวลากินน้ำ น้ำจะไม่เข้าตัว สั่งเกตุได้จาก เราทานน้ำเข้าไป ก็ปวดปัสสาวะบ่อย แสดงว่าไตเริ่มมีปัญหา ไม่สามารถดูดซึมน้ำไปใช้ได้ การปัสสาวะบ่อย ๆ ทำให้ไม่อยากดื่มน้ำ พอร่างกายขาดน้ำก็จะไปดึงน้ำจากถุงน้ำดีไปใช้ ทำให้ถุงน้ำดีข้น เกิดปวดหัว เป็นไมเกรน นอนไม่หลับ มีอาการน้ำในหูไม่เท่ากัน เป็นหวัดบ่อย ๆ เป็นภูมิแพ้ เป็นต้น แก้กันไม่รู้จบสิ้นเมื่อวิตามินบีกับกรดอะมิโนดูดซึมไม่ได้ สมองจะขาดสารอาหารไปเลี้ยง ทำให้ความจำลดลง สมองเสื่อม เป็นอัลไซเมอร์ หลงๆลืมๆ กลับบ้านไม่ถูก..

    สูตรล้าง ๑ น้ำปัสสาวะ สูตรนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก กินได้ ก็กินเข้าไป กินไม่ได้ก็อย่าไปกินมันเดี๋ยวอ๊วก

    สูตรล้าง ๒ ชามะละกอ ใช้มะละกอดิบปอกเปลือกล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นแบบพัก ๖-๘ ชิ้น ต้มในน้ำเดือดนาน ๑๐ นาที ตักเนื้อมะละกอชิ้น นำน้ำร้อนที่ได้มาชงกับชาจีน ชาเขียว หรือชาใบหม่อน แช่ไม่เกิน ๕ นาที ก็จะได้ชามะละกอดื่มแทนน้ำ อร่อยชื่นใจดื่มได้ทั้งร้อนและเย็น

    สูตรล้าง ๓ โยเกิรต์นมสดน้ำผึ้งมะนาว โยเกิร์ตรสธรรมชาติ ๑/๒ ถ้วย นมสด ๑ กล่อง น้ำผึ้ง และน้ำมะนาวตามใจชอบ ชงผสมให้เข้ากัน ตั้งวางไว้อย่างน้อย ๑๕ นาที เพื่อให้จุลินทรีย์ในโยเกิร์ตโตฟูเต็มที่ สูตรนี้ถ้าเกินตอนเช้าจะช่วยลดน้ำหนัก กินตอนบ่ายจะเพิ่มน้ำหนัก ให้วิตามินบี บำรุงสมอง วิตามินซี เพิ่มภูมิต้านทาน จุลินทรีย์ตัวดีช่วยย่อย นมสดให้โปรตีน และแคลเซียม การทานนมสดต้องผสมโยเกิร์ตจึงจะปลอดภัย

    จากเชื้อไวรัสที่มากับนมสดเพราะในน้ำนมเป็นที่อยู่ที่กินของไวรัสอย่างดีการผสมโยเกิร์ต
    ทำให้เชื้อไวรัสร้ายนั้นเปลี่ยนเป็นวิตามิน ไปเลี้ยงร่างกายของเราแทน
    สูตรล้าง ๔ รากหญ้าคา เก๋ากี๋ เก๊กฮวย ดอกมะลิ ดอกกุหลาบ ตะไคร้หอม ต้มรวมกันกินแต่น้ำ
    สูตรล้าง ๕ บอระเพ็ด นำบอระเพ็ดยาว ๑ เกียก (ประมาณ ๑ คืบของคนกิน) ต้มน้ำดื่ม ช่วยล้างไขมัน บำรุงถุงน้ำดี
    สูตรล้าง ๖ ดีบัว นำไส้ในของเม็ดบัวตากแห้ง มาต้มน้ำดื่ม ช่วยล้างไขมันในเส้นเลือด ในลำไส้ บำรุงถุงน้ำดี

    ข้อมูลนี้นำมาจากหนังสือ สูตรเด็ด แก้เจ็บ แก้จน ของอาจารย์สุทธิวัสส์ คำภา
     
  17. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,411
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    [​IMG]
     
  18. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,411
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    [​IMG]
     
  19. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,411
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    [​IMG]

    สูตร..ทะลวงหลอดเลือด / สูตรลับสุดยอด !!!

    ให้คนที่คุณรักลองดู..ทะลวงหลอดเลือดด้วยภูมิปัญญาโบราณ เพียง 2 นาที เป็นของขวัญอันล้ำค่าแก่พ่อแม่และเพื่อนๆ ของคุณชายชาวลอนดอนคนหนึ่งได้เล่าประสบการณ์ส่วนตัว เมื่อเขาไปประชุมที่ปากีสถาน เกิดมีอาการเจ็บหน้าอกอย่างเฉียบพลัน แพทย์ตรวจพบว่าเส้นเลือดหัวใจของเขา 3 เส้นอุดตันอย่างรุนแรง จำเป็นต้องผ่าตัดทำบายพาสกำหนดการผ่าตัดคืออีก 1 เดือน ในช่วงระหว่างนั้นเขาไปพบหมอบำบัดมุสลิมโบราณหมอบำบัดให้เขาทำยาทานเองที่บ้าน เมื่อทานครบ 1 เดือน ก็ไปตรวจที่โรงพยาบาลเดียวกันก่อนผ่าตัด พบว่าเส้นเลือดทั้ง 3 เส้นใสสะอาด ที่เคยอุดตันก็ถูกทะลวงออกหมดเพื่อช่วยให้คนอื่นได้รับประโยชน์ เขาได้บอกเล่าประสบการณ์ของตัวเองบนอินเทอร์เน็ต รวมทั้งโชว์ภาพถ่ายเส้นเลือดของเขาก่อนและหลัง เพื่อให้แสดงความแตกต่างก่อนและหลังทานยาวัตถุดิบที่ใช้ 1 น้ำมะนาว 1 ถ้วย1 น้ำขิง 1 ถ้วย1 น้ำคั้นกระเทียม 1 ถ้วย1 น้ำส้มสายชูแอปเปิล 1 ถ้วยวิธีเตรียม1.ลอกเปลือกกระเทียมและขิง หั่นขิงเป็นชิ้นบางๆ นำทั้งสองอย่างใส่เครื่องปั่นเครื่องคั้นน้ำผลไม้ ปั่นละเอียดแล้วเทลงบนผ้ากรอง เพื่อบีบน้ำคั้นออกมา2.นำน้ำคั้นกระเทียมและขิงลงไปในหม้อ เติมน้ำมะนาวและน้ำส้มสายชูแอปเปิลลงไป ต้มจนเดือด แล้วค่อยๆเคี่ยวไปโดยไม่ต้องปิดฝาหม้อ เพื่อให้น้ำระเหยออก ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ก็จะได้ยาที่เคี่ยวแล้วประมาณครึ่งหนึ่งของปริมาณเริ่มต้น3. ตั้งทิ้งไว้จนอุณหภูมิลดลง ก็ให้เติมน้ำผึ้งลงไปผสมเพื่อให้ทานได้ง่าย (ใส่มากเท่าที่รสชาดพอจะทานได้)4.ใส่น้ำสมุนไพรนี้ในขวดแก้ว แช่ในตู้เย็นเก็บไว้วิธีรับประทาน : ทาน 1 ช้อนโต๊ะก่อนอาหารเช้าทุกวัน สามารถขจัดโรคหัวใจและหลอดเลือดให้หายขาดได้ คนทั่วไปยังสามารถใช้เป็นเครื่องดื่มในชีวิตประจำวัน เพื่อป้องกันโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง รวมทั้งป้องกันโรคหวัดและโรคภัยอื่นๆ ได้อีกด้วยเมื่อทานได้ 1 เดือน ให้ไปตรวจที่โรงพยาบาล
    คุณจะพบหลอดเลือดสะอาด เส้นที่มีการอุดกั้นถูกทะลวงไปแล้ว

    จากวัดภูทอง สิรินธร
     
  20. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,411
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    วิธีต้านมะเร็ง / การดูแลรักษาตนเอง

    1. ควรใช้น้ำตาล ธรรมชาติ เช่น น้ำผึ้ง
    2. ควรใช้ เกลือน้อยๆ เพราะเซลล์มะเร็งชอบ
    3. ดื่มนมถั่วเหลืองทดแทนนมวัว
    4. เนื้อสัตว์(หมู,เนื้อ) ทำให้เกิดสภาพเป็นกรด และมีแบคทีเรีย เซลล์มะเร็งชอบ ควรทานปลา
    5. ผักและผลไม้สด มีเอนไซม์ที่เสริมสร้างความแข็งแรงให้เซลล์ ควรกิน 2-3 ครั้งต่อวัน
    6. ชา กาแฟ ช็อกโกแลต คาเฟอีนสูง น้ำประปา และแอลกอฮอลล์ เป็นกรด ควรดื่มชาเขียวมีสารต้านมะเร็ง
    7. เนื้อสัตว์ที่ย่อยไม่หมด ตกค้างอยู่ในลำไส้ เป็นสารพิษ
    8. เนื้อสัตว์ มีโปรตีนเป็นเกราะป้องกันเซลล์มะเร็งทำลายยาก
    9. วิตามินอี วิตามินซี สามารถทำลายเซลล์มะเร็ง
    10. จิตใจ สนุก ให้อภัย มองโลกในแง่ดี สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ ความโกรธ ความเครียดสร้างความเป็นกรดมะเร็งชอบ
    11. ออกกำลังกายทุกวัน และหายใจเข้าลึกๆ ช่วยเพิ่มออกซิเจน เซลล์มะเร็งไม่ชอบ..

    เครดิต : https://www.facebook.com/saamonpai
     

แชร์หน้านี้

Loading...