รับตอบข้อสงสัยในการเจริญพระกรรมฐาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Xorce, 26 พฤศจิกายน 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ makoto ครับ

    สำหรับอารมณ์พระโสดาบัน นะครับ ก็สรุปได้สั้นๆว่ามีอยู่4 ข้อ ใหญ่ๆที่ต้องตัดครับ

    1. สักกายทิฏฐิ คือยัง รู้สึกมีในขันธ์ 5 ขันธ์5 ยังมีอยู่ แต่เตรียมพร้อมและเข้าใจว่าจะต้องตาย ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง ยังไงก็ต้องตาย

    2.วิจิกิจฉา คือ ความลักเลสงสัย ในพระโสดาบันไม่มีในวิจิกิจฉา เพราะมีปัญญาในการคิด ว่า หลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดความสุข

    3.สีลัพพตปรามาส คือ พระโสดาบัน ย่อ ถือศีลให้บริสุทธิ์ ตามฐานะของตนเอง ถึงจะเป็นฆราวาสก็มีศีล 5 เป็นปรกติ เพียงแต่ก็ยังมี
    รัก มีแต่งงาน แต่อยู่ในศีลในธรรมไม่นอกใจ ไม่หลายผัวหลายเมีย ผิดศีลกาเมในพระโสดาบันไม่มี จะมีก็อยู่ในขอบเขต อยู่ในศีลอยู่ในธรรม

    4. พิเศษเพิ่มขึ้นไป
    หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้มีจิตรัก พอใจในพระนิพพาน เป็นอารมณ์เอาไว้เสมอ
    คิดไว้เสมอว่า หากเราตายจากชาตินี้เมื่อไหร่ เราจะเกาะพระนิพพาน จะมีพระนิพพานเป็นเพียงจุดเดียวให้ไปเท่านั้นครับ

    ถ้าทำได้ครบ4 ข้อ อย่างสม่ำเสมอ จิตไม่คลาดจากอารมณ์ทั้ง4 ตลอดไป
    ก็เป็นพระโสดาบันครับ
    ส่วนกามราคะ หรือว่าปฏฆะนั้น ก็บรรเทาลงบ้าง แต่ยังไม่ถึงกับหมดเสียทีเดียว
    กามราคะ หรือว่าปฏิฆะนั้น จะไปตัดหมดอย่างสิ้นเชิง ก็ตอนพระอนาคามีครับ

    อารมณ์จิตระดับพระโสดาบันนี้ เราสามารถที่จะฝึกทรงได้โดยไม่ยากเลยครับ
    ดังนั้นขอให้ทุกๆคน ลองฝึกทรงอารมณ์จิตให้อยู่ในอารมณ์ทั้ง4 ข้อ เอาไว้ให้ได้เสมอ
    และไม่ต้องคิดว่า เราจะเป็นพระโสดาบันแล้วหรือไม่นะครับ
    เพราะความคิดนี้ จะทำให้เกิดมานะทิฏฐิได้ครับ

    ครั้งที่1 ตอนบวชเมื่อ1ปีที่แล้ว เห็นสีขาวกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา
    อันนี้อรูปแน่นอนครับ

    ครั้งที่2 หลังจากนั้นมาผมก็มาหางานทำที่กรุงเทพแต่ก็ได้นั่งในช่วงปลายๆปีที่แล้วเดือน ธ.ค. เห็นพระพุทธสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมทั้งสาวก ในที่ๆโล่งกว้างๆ
    อันนี้เราสามารถจับภาพของพระพุทธองค์ที่เราเห็น เป็นพุทธานุสติได้ครับ

    ครั้งล่าสุดครั้งที่3 เมื่อเดือนที่แล้วหรือ2เดือนที่ผ่านมานี่แหละครับ ได้เห็นปากทางเข้าพระนิพพานตามที่เคยได้เขียนและวาดภาพให้ดูแล้วครับ จริงก็เห็นชัดเจนเหมือนกันครับเพียงแต่แสงสว่างมีมากสวยมากจนทำให้ผมมองเห็นได้เพียงเท่านั้น ครับ ^^;

    ส่วนอารมณ์นี้ให้เราจับเป็นอารมณ์พระนิพพานครับ แต่เดี้ยวต้องฝึกเพิ่มให้เห็นให้ละเอียดขึ้นอีกครับ

    ตอนนี้ก็ปฏิบัติเรื่อยๆหน่ะครับพี่ชัด เห็นบ้างไม่เห็นบ้าง แต่หลังๆ งานก็พอมีแต่มีปัญหาหลายอย่างที่ต้องแก้ไขจึงไม่ค่อยได้นั่งสมาธิเลย ก็เลยกำหนดจิตในเวลางาน ตอนที่ว่างๆ หรือพักสายตาหน่ะครับ แต่จริงๆก็ทรงไว้ทั้งวันแหละ แต่เอาใจไปใส่กับงานมากไปหน่อย ^^;

    พยายามเน้น ไปที่การทรงสมาธิ ให้ได้ทุกๆอิริยาบถครับ
    เพราะหลวงพ่อฤาษีท่านจะสอนเอาไว้เสมอครับ
    ว่าถ้าจะอยากเอาดีให้ได้จริงๆ จะต้องฝึกทรงสมาธิให้ได้ตลอดเวลา และในทุกๆอิริยาบถครับ

    ถ้าจะเอาเฉพาะตอนที่เรานั่งเข้าสมาธิ ยังไม่พอครับ
    เพราะว่าวันหนึ่งๆ เราจะมีโอกาสนั่งก็เพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง
    ส่วนเวลาที่เหลือเราจะไม่มีโอกาสปฏิบัติ หากเรายึดติดกับรูปแบบมากเกินไปครับ

    ดังนั้นให้เราเน้นไปที่การฝึกทรงสมาธิให้ได้ตลอดเวลา ทุกๆอิริยาบถ ซึ่งจะทำให้เรามีเวลาตลอดทั้งวัน ตลอดเวลาในการปฏิบัติ
    และจะทำให้การปฏิบัติของเรามีความต่อเนื่อง และเข้มข้นกว่า
    เพราะเราจะต้องหมั่นรักษาจิตใจของเห้สะอาดเอาไว้ตลอดเวลา ตลอดทั้งวันครับ

    สุดท้ายนี้ขอให้ทุกๆคน ลองฝึกทรงสมาธิให้ได้ตลอดเวลา ตามที่เราสามารถจะทำได้
    และได้สัมผัสผลจากการปฏิบัติ อันเป็นความสุขกาย เบาสบายใจ ได้อย่างง่ายดายด้วยเทอญ
     
  2. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    เรื่องขอบทสวดนั้น ก่อนที่จะ ทำสมาธิ เราควรถ่องบทสวด ใดก่อนดีครับ ตอนนี้ผม สวด

    นะโม3จบ อรหังสัมมา ให้พรตัวเอง อิติปิโส26จบตามอายุ+1 แผ่เมตตาตัวเอง แผ่เมตตาสรรสัตว์ และก็ ชินนะบัญชร แต่แบบย่อ นะครับ และ บทบวงสรวงและชุมนุมเทวดาบางครั้งผมก็สวดบางครั้งก็ไม่ได้สวดครับ

    (บางวันไม่ได้สวดเลยก็เลยสวดแต่นะโม3จบ ^^;)

    อ่อ แล้วมีอีกเรื่องครับ บางครั้ง ผมจะได้กลิ่นเหม็นๆจาในตัวเอง ทั้งๆที่อาบน้ำฟอกสบู่ แปรงฟัน สระผม หอมฟุ้งไปทั้งห้อง แต่ก็ยังได้กลิ่น แต่กลิ่นนี้ไม่ใช่ จมูกผมโดยตรงนะครับที่ได้รับ กลิ่นมันมีสิ่งอื่นที่รับรู้ด้วยว่าเหม็น และมันก็เหม็นแบบแปลกๆครับ หรือว่า จิตมันกำลังจะบอกว่าขันต์5นี้ไม่ใช่น่าพิสมัยเลย(ผมเป็นคนที่ติดกระจก บางครั้งก็ติดหล่อ -.-)ช่วยอะธิบายให้ฟังหน่อยคับพี่ชัด กลิ่นเหม็นเน่านี้มัน คืออะไรกัน คนอื่นไม่ได้กลิ่นนะ มีผมคนเดียวอ่ะคับที่ได้กลิ่นตัวเอง

    หรือว่าผมเน่าแล้วล่ะคับเนี๊ยะ ยังไม่ทันตายเลย T^T
    ขออภัยไม่ค่อยจะสำรวม ^^ แต่ก็เพื่อไม่ให้เครียดเกินไปครับ
    ตอนนี้ผมทำไมผมฟังบทสวด บทนึงแล้วมันทำให้ผมเห็นภาพค่อยๆย้อยและค่อยๆไปข้างหน้าพร้อมๆมันเป็นเพราะอะไรก็ไม่รู้ครับตอนนี้ นั่งฟังไปเรื่อยๆและก็ตั้งจิตให้ว่างฟังบทสวดอยู่ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 พฤษภาคม 2009
  3. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    สวัสดีค่ะ คุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Xorce<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2101380", true); </SCRIPT>

    หลายวันมานี้ ขณะปฏิบัติพระกรรมฐาน จะเกิดอาการสะบัดอยู่บ่อย ๆ กับมีครั้งหนึ่ง รู้สึกวาบกระจายที่ลิ้นปี่ จากนั้นรู้สึกเหมือนจะดิ่ง แต่ก็ไม่ดิ่งค่ะ โงกงุบแทน

    คือมันจะดิ่งหลายครั้ง แต่ก็เปลี่ยนเป็นสะบัด เงยหน้า ก้มหน้า หรือโงกงุบน่ะค่ะ

    รบกวนด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
     
  4. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ makoto ครับ

    เรื่องขอบทสวดนั้น ก่อนที่จะ ทำสมาธิ เราควรถ่องบทสวด ใดก่อนดีครับ ตอนนี้ผม สวด

    นะโม3จบ อรหังสัมมา ให้พรตัวเอง อิติปิโส26จบตามอายุ+1 แผ่เมตตาตัวเอง แผ่เมตตาสรรสัตว์ และก็ ชินนะบัญชร แต่แบบย่อ นะครับ และ บทบวงสรวงและชุมนุมเทวดาบางครั้งผมก็สวดบางครั้งก็ไม่ได้สวดครับ

    (บางวันไม่ได้สวดเลยก็เลยสวดแต่นะโม3จบ ^^;)

    เรื่องของบทสวดนี่ เราสามารถเลือกสวดได้ตามที่เราเคารพศรัทธาเลยครับ
    และหลังจากที่เราสวดเสร็จแล้ว ให้เราตั้งจิตแผ่เมตตาอัปปมาณฌาณ
    เพื่อให้บุญกุศลที่เราได้ทำนี้ เผื่อแผ่ไปยังทั้งประเทศไทย และโลกใบนี้ ตลอดจนถึงทุกๆดวงจิตด้วยครับ

    อ่อ แล้วมีอีกเรื่องครับ บางครั้ง ผมจะได้กลิ่นเหม็นๆจาในตัวเอง ทั้งๆที่อาบน้ำฟอกสบู่ แปรงฟัน สระผม หอมฟุ้งไปทั้งห้อง แต่ก็ยังได้กลิ่น แต่กลิ่นนี้ไม่ใช่ จมูกผมโดยตรงนะครับที่ได้รับ กลิ่นมันมีสิ่งอื่นที่รับรู้ด้วยว่าเหม็น และมันก็เหม็นแบบแปลกๆครับ หรือว่า จิตมันกำลังจะบอกว่าขันต์5นี้ไม่ใช่น่าพิสมัยเลย(ผมเป็นคนที่ติดกระจก บางครั้งก็ติดหล่อ -.-)ช่วยอะธิบายให้ฟังหน่อยคับพี่ชัด กลิ่นเหม็นเน่านี้มัน คืออะไรกัน คนอื่นไม่ได้กลิ่นนะ มีผมคนเดียวอ่ะคับที่ได้กลิ่นตัวเอง

    จุดนี้เราสามารถนำมาใช้ในการพิจารณาเป็นวิปัสสนาได้ครับ
    ลองจินตนาการ นึกภาพร่างกายของเรานะครับ จากนั้นก็ลองมองดูข้างในร่างกายของเราเองนะครับ

    ลองคิดดูนะครับว่า ไม่ว่าเราจะทำความสะอาดร่างกายของเราดีซักแค่ไหน
    แต่ว่าอวัยวะภายใน ทั้งปอด ตับ ไต ลำไส้ น้ำเลือด น้ำเหลือง ในร่างกายของเรานี้
    เราก็ไม่อาจจะทำให้มันสะอาดได้ มันก็ยังมีความสกปรกเป็นของธรรมดาของมันอยู่ดี

    ในเมื่อร่างกายของเรานี้ ไม่ว่าจะทำอย่างไร มันก็สะอาดไม่ได้
    ความคิดที่เราหลงคิดว่าร่างกายของเรามีความสะอาด สวยงามต่างๆนานาก็ดี ก็ไม่เป็นความจริง
    ถ้าร่างกายของเรามันไม่สะอาดแบบนี้ แล้วร่างกายของคนอื่นล่ะ
    มีร่างกายของใครที่สะอาด จากน้ำเลือด น้ำเหลือง และอาการทั้ง32บ้างครับ
    ก็ไม่มี

    ในเมื่อเราได้เห็นแล้วว่าร่างกายของเราก็ดี ร่างกายของบุคคลอื่นก็ดี ก็มีความสกปรกแบบนี้เป็นของธรรมดา
    ความพอใจในร่างกายของเรา หรือร่างกายของผู้อื่น ก็ค่อยๆบรรทาลงไป
    และเราก็จะปล่อยวางจากความยึดติดในร่างกายทั้งของเราและบุคคลอื่นได้ในที่สุด

    โดยปรกติเราจะคอยดูแล ประคับประคอง ทำความสะอาดร่างกายของเราอยู่เสมอ
    แต่บางครั้งเราอาจจะลืมหรือละเลย ที่จะดูแล ทำความสะอาดสิ่งที่สำคัญกว่า
    ซึ่งก็คือ ความสะอาดของจิตใจ และดวงจิตของเราเองครับ
    เราจึงควรหันมาดูแลทำความสะอาดจิตใจของเราให้ใสสะอาด สว่าง สงบยิ่งๆขึ้นไปอยู่เสมอๆครับ



    หรือว่าผมเน่าแล้วล่ะคับเนี๊ยะ ยังไม่ทันตายเลย T^T
    ขออภัยไม่ค่อยจะสำรวม ^^ แต่ก็เพื่อไม่ให้เครียดเกินไปครับ
    ตอนนี้ผมทำไมผมฟังบทสวด บทนึงแล้วมันทำให้ผมเห็นภาพค่อยๆย้อยและค่อยๆไปข้างหน้าพร้อมๆมันเป็นเพราะอะไรก็ไม่รู้ครับตอนนี้ นั่งฟังไปเรื่อยๆและก็ตั้งจิตให้ว่างฟังบทสวดอยู่ครับ
    <!-- google_ad_section_end -->

    ที่ภาพย้อยนี้ เกิดจากจิตเป็นสมาธิครับ แต่พยายามไม่ต้องสนใจมากครับ
    ให้สนใจกับบทสวดของเราต่อไปครับ
     
  5. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ แว๊ด ครับ

    หลายวันมานี้ ขณะปฏิบัติพระกรรมฐาน จะเกิดอาการสะบัดอยู่บ่อย ๆ กับมีครั้งหนึ่ง รู้สึกวาบกระจายที่ลิ้นปี่ จากนั้นรู้สึกเหมือนจะดิ่ง แต่ก็ไม่ดิ่งค่ะ โงกงุบแทน

    คือมันจะดิ่งหลายครั้ง แต่ก็เปลี่ยนเป็นสะบัด เงยหน้า ก้มหน้า หรือโงกงุบน่ะค่ะ

    เป็นอาการของปีติครับ
    วิธีแก้นะครับ เราจะปล่อยไว้เฉยๆ แล้ว ก็ตามดูไปเรื่อยๆ
    เดี้ยวก็จะหายไปเองครับ

    หรืออีกวิธีนึง เวลาเกิดอาการสั่นหรือว่าโยก ให้เรา
    หายใจเข้าลึกๆ แล้วกักลมหายใจเอาไว้
    จากนั้นภาวนาพุทโธ ธัมโม สังโฆๆๆๆ ซ้ำไปซ้ำมา ไปที่ท้องติดต่อกัน ประมาณ 10วินาที
    จากนั้นจึงหายใจออก ทำซ้ำประมาณ10ครั้ง

    แล้วเราก็ทำสมาธิต่อไปครับ

    แค่ครั้งสองครั้ง ก็จะหยุดโยกแล้วครับ จิตจะดิ่งเร็วขึ้นด้วยครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2010
  6. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    อนุโมทนากับ สิ่งที่พูดเพื่อให้เกิดกำลังใจด้วยครับ แม้มันจะตรงบ้างอ้อมบ้างแต่ก้ยังมีประโยชมากกว่าโทดเยอะ ยังไงทุกคนก้ปติบัติธรรมกันทั้งนั้นเลย
     
  7. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137

    คุณมาโกโตะครับ ขออนุญาติตอบคำถามหน่อยนะครับ
    ผมเห็นทั้งความตั้งใจและศรัทธาทางด้านนี้ของคุณเลยอยากบอกเฉยๆๆ ท่าคุณคิดว่ามันไม่ถูกใจ ก้ขอให้ปล่อยมันผ่านไป
    ภาพที่คุณเห็น เป็นนิมิตรที่ดีครับ ภาพนิมิตรนั้นไม่ได้เกิดใน ฌาณ 1234 แต่เกิดในอุปจาระสมาทิ เพียงคุณปติบัติทางนี้กสิน ไฟแสงสีขาว ทำให้มากย่อมมีกำลังในการเห็น เพียงแค่คุณอธิฐานภาพก้ปรากฏแล้วครับ เมื่อเข้าสู่ฌาณ 1 2 3 4 ท่าเป็นฌาณในกสิน จะมีความแตกต่างกับ ฌาณ ในอานาปานสติเพียงอย่างเดียวอยู่คือภาพของกสิน ส่วนอารมนั้นเป็นอารมเดียวกัน การต่อฌาณ ในอรูปฌาณนั้น คุณจะตกภวัง ในฌาณ 4 นิดนึง ตรงนี้จะมากน้อย แล้วแต่ความชำนาญ ภาพกสินจะหายไปเพราะเราจับเอา อากาศเป็นอารมแทน ไปอ่านใน อรูปฌาณ ดีดีครับมีวิทีครบ ที่ผมกล่าวไม่ใช่เอาแต่ตำรามาบอกแต่เมื่อทำอย่างถูกที่ถูกทางแล้วมันจะเป็นเช่นนั้นเลยตามพุทธพจเปะ พระพุทธเจ้าท่านกล่าวไว้ไม่ผิดหรอกครับ

    การเริ่มไหม่นั้นใช้แก้วิปัสนูกิเลสครับ คำๆๆนี้พูดสั้นแต่ใจความเยอะ คุณจะไม่ก้าวหน้าท่าไม่ปล่อยมันไป อากได้ไม่ได้ไม่อยากได้กลับได้เอง ตรงนี้แล้วคุรจะเข้าใจต่อไปภาพที่อยากเห็นจะเห็นเองโดยไม่ต้องขอ รึอยากดูก้ดูได้เลย
    ภาพที่เห็น พระพุทธเจ้าและเหล่าสาวก เป็นสัญญาเก่า ตัวนี้ครั้งนึงคุนต้องเคยเกิดในชาติที่มีพระพุทธศาสนาและเคยเป็นดังภาพมาก่อน การได้เห็นนู่นเห็นนี่ก้เป็นสิ่งที่ดีทำไห้เราคลายความสงสัยได้

    โสดาบันนั้นจะว่ายากก้ยากจะว่าง่ายก้ง่าย ขึ้นอยู่ที่ปัญญาและบารมี ลองย้อนดูจิตเราก้ได้ครับบารมีมีเท่าใดแล้ว ปัญญานั้นเห็นเหตุ เห็นทุข และเข้าใจ ถึงความเป็นไปของมันและ ไม่เกาะติดอยู่รึเปล่า การเห็นธรรมนั้นเป็นอัตโนมัติหากกำลังใจถึงเพียงแค่ใด้ฟังธรรมเพียงนิดหน่อยก้เกิดปัญญาได้ดวงตาเห็นธรรม คุณสมบัติที่กล่าวมา ละสังโยช์นต่างๆไม่ต้องไปบังคับมันเกิดขึ้นเองและรู้ชัดแก่ใจด้วย และท่ารู้ชัดเช่นนั้น สมาทิไม่ใช่เรื่องยากเลยครับ จิตจะเป็นอัปปานา มีสติสมบูรณ์ ไม่เชื่อไม่หลงง่าย
    กามราคะต้องสู้กับมันคับไม่ใช่ฝืนไห้ลองเผชิญหน้าดู เวลาทีความอยากก่อตัวตัณหาก่อตัวไห้มองลงไปที่ความอยากนั้นเกิดจากสิ่งใดเห็นสิ่งใดคิดสิ่งใดจึงเกิดพิจารนาไห้เห็นเหตุ ตรงนี้การตัดได้ต้องมีกำลังใจหรือบารมีพอสมควร ท่ามีพอจิตจะไม่เกาะเกี่ยวแม้ อยู่ต่อหน้าก้ไม่เกิดอุปทานขึ้น กิเลสก่อตัวขึ้นก้ล้มลงด้วยปัญญาที่เห็นแทงตลอดในความไม่เที่ยงของสังาร ทั้งหลาย ท่าเห็นจริงในตรงนี้ตัณหาก่อตัวแต่จะล้มลงเองตัดขาดออกจากสันดารเอง โดยไม่ต้องฝืนไม่ต้องพยาม เจริญมรนานุสติ กายคตานุสติ มองกายเรานี่แหละ เพราะ ผิว เพราะผม ที่เรามองเราจึงชอบใจพอใจ มันย่อมเปลี่ยนไปตามกาล มรนานุสติท่าเราต้องตายแล้วด้วยมัจจุราชมารมาเบียดเบียนยังทำความดีไม่ถึงยังพ้นจากการเกิดไปไม่ได้ จะตายวันนี้พรุ่งนี้แล้วยังไม่สำเร็จเลยต้องไปเกิดอีกควรทำสิ่งใดก่อน พิจารนาไห้ดี มองต้นตอแห่งสังขารขันธ์ที่เกิด

    พิมมาซะเรื่อยเลย ก้เปนกำลังใจให้คับเดินมาไกลแล้วล่ะ

    กลิ่นที่เกิดขึ้นเป็นกลิ่น คาว เพราะคุณปติบัติธรรมดีแล้วแต่ยังเสพกามอยู่
    กลิ่นน้เป็นสัญญา ที่เกิดขึ้น
     
  8. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137

    ขออนุญาติตอบอีกคนนะครับ
    คุรแว้ดครับ เป็นอาการ ขาดสติในสมาทิ สติเป้นดังเสาหลักครับตั้งไห้มั่นทางที่ไปไม่คลาดเคลื่อแน่ อาการนี้เกิดในช่วงที่คุณจับลมหายใจ เป็นอาการของปิติครับ พอผ่านไป ผ่านง่ายๆๆด้วยการจับอยู่ที่ลมหรือภาพให้จดจ่อมีสติจะผ่านไปสู่ฌาณ 2 3 4 จะมีแต่อารมสุข มีเอคคัตตารม มาถึงตรงนี้ประคองสติไว้อย่าตกใจกับสิ่งที่เกิด ท่าต่อในอรูปฌาณ จิตจะตกภวัง นิดนึง ประคองสติไว้ สมาทิอารมในฌาณ มีความสุข และสบาย ไม่ต้องกำหนดหรือบังคับเพียงแต่ตามดูตามรู้ เอาสติจับที่ลมจับที่ภาพไว้
     
  9. Maxzimon

    Maxzimon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +204
    สวัสดีคับ นานๆผมแวะเข้ามาที ช่วงนี้ นั่งแค่เป็นบางที
    แต่ก่อนนอน มันเหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันเลย จะต้องหลับในสมาธิ
    แต่พอนอนหลับในสมาธิผมรู้สึกว่า มันปลอดโปร่งดี
    ปกติเป็นคนหลับยากแต่พอกำหนดลมหายใจ เดี๋ยวเดียวก็หลับ

    ช่วงนี้ผมคิดอะไรฟุ้งซ่านหน่ะครับ เวลานั่งสมาธิแล้ว จิตใจมันไม่ค่อยเป็นสุขเลย คิดถึงโน่นถึงนี่ อาการปวดต้นคอช่วงนี้ก็หายไปแล้ว น่าจะเป็นสาเหตุจากการทำอะไรหลายๆอย่างมากเกินไป

    ผมอยากรู้เพิ่มแค่เรื่องเดียวครับ เดี๋ยวนี้เวลาผมนั่งในห้อง (มันเป็นห้องแอร์นะครับ) นั่งแล้วจะร้อนตรงหน้าอก เหมือนโดนไฟลน แล้วก็มีภาพซ้อนๆ เข้ามา บางทีก็เป็นภาพในอดีตบ้าง บางทีก็โล่งว่าง บางทีก็เป็นพระ บางทีก็เป็นเพื่อน เหมือนคนฝัน มันเป็นเพราะอะไรครับ ผมนั่งนอกห้องปกติก็ไม่เป็น เป็นเฉพาะในห้องนั้นครับ คือพ่อผมเขาพึ่งซื้อบ้านใหม่(ขึ้นบ้านใหม่แล้ว) ให้ผมกะน้องไปนอนหน่ะครับ
     
  10. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ Maxzimon ครับ

    สวัสดีคับ นานๆผมแวะเข้ามาที ช่วงนี้ นั่งแค่เป็นบางที
    แต่ก่อนนอน มันเหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันเลย จะต้องหลับในสมาธิ
    แต่พอนอนหลับในสมาธิผมรู้สึกว่า มันปลอดโปร่งดี
    ปกติเป็นคนหลับยากแต่พอกำหนดลมหายใจ เดี๋ยวเดียวก็หลับ

    หลับในสมาธิไปนานแค่ไหน เราได้อานิสงค์ เหมือนนั่งสมาธิไปนานเท่านั้นครับ

    ช่วงนี้ผมคิดอะไรฟุ้งซ่านหน่ะครับ เวลานั่งสมาธิแล้ว จิตใจมันไม่ค่อยเป็นสุขเลย คิดถึงโน่นถึงนี่ อาการปวดต้นคอช่วงนี้ก็หายไปแล้ว น่าจะเป็นสาเหตุจากการทำอะไรหลายๆอย่างมากเกินไป

    ผมอยากรู้เพิ่มแค่เรื่องเดียวครับ เดี๋ยวนี้เวลาผมนั่งในห้อง (มันเป็นห้องแอร์นะครับ) นั่งแล้วจะร้อนตรงหน้าอก เหมือนโดนไฟลน แล้วก็มีภาพซ้อนๆ เข้ามา บางทีก็เป็นภาพในอดีตบ้าง บางทีก็โล่งว่าง บางทีก็เป็นพระ บางทีก็เป็นเพื่อน เหมือนคนฝัน มันเป็นเพราะอะไรครับ ผมนั่งนอกห้องปกติก็ไม่เป็น เป็นเฉพาะในห้องนั้นครับ คือพ่อผมเขาพึ่งซื้อบ้านใหม่(ขึ้นบ้านใหม่แล้ว) ให้ผมกะน้องไปนอนหน่ะครับ

    ห้องเป็นห้องอะไร ลักษณะอย่างไร อากาศถ่ายเทไหมครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  11. Maxzimon

    Maxzimon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +204

    ห้องแอร์ครับ มีหน้าต่างอยู่ด้านข้างเตียง เตียงเดี่ยวยาว ห้องกว้าง ตู้2ตู้ อากาศถ่ายเทครับ พื้นไม้ กำแพงปูน เพดานฝ้า
     
  12. oze

    oze Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +94
    อาการขณะเรานั่งสมาธิอยู่แล้วรู้สึกว่าบริเวณรอบข้างของเรากำลังขยายออกเรื่อย ๆ

    และรู้สึกว่าตัวเองนั่งอยู่ในพื้นที่ที่กว้างมาก ๆ คืออะไรคับ และรู้สึกว่าตัวเราเบาสบายยย
     
  13. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ choosake ครับ

    ผมจะขอนำการฝึกอรูปฌาณมาลงให้นะครับ

    ก่อนอื่นนะครับ ให้เราจับภาพพระพุทธรูปให้เป็นเพชรใส ประกายพรึกก่อน

    จากนั้นให้เราจินตนาการว่ามีตัวเราอีกคนกำลังก้มลงกราบภาพพระพุทธรูปที่เราเห็น
    จากนั้นให้เราตั้งจิตขอบารมีพระท่านนะครับ

    ขอพระพุทธองค์ทรงเมตตาสงเคราะห์ให้ข้าพเจ้าสามารถเข้าถึงซึ่งอรูปฌาณทั้ง4ได้ด้วยเทอญ

    คราวนี้จะเริ่มแล้วครับ ให้เราจับภาพพระเป็นเพชรเหมือนเดิม

    เสร็จแล้วให้จินตนาการว่า ภาพพระพุทธรูป ค่อยๆหายไป
    ร่างกายของเราค่อยๆหายไป สรรพสิ่ง วัตถุทุกสิ่งทุกอย่าง ค่อยๆหายไป
    โลกทั้งโลก จักรวาลทั้งจักรวาลค่อยๆหายไป
    เหลือแต่ความเวิ้งว้างว่างเปล่า สีขาว ที่แผ่ขยายออกไปอย่างสุดลูกหูลูกตา
    ความเวิ้งว้างว่างเปล่าแผ่ขยายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณ
    มีแต่ความว่างเปล่าสีขาว ว่างสีขาวสงบนิ่ง
    ไม่มีผนัง ไม่มีเพดานมาขวางกั้น มีแต่ความว่างเปล่า สีขาว ที่แผ่ขยายออกไปอย่างสุดลูกหูลูกตา

    เสร็จแล้วให้เราประคองจิตเอาไว้กับความว่างเปล่าสีขาวนี้ จากนั้น
    ให้เราตั้งจิตอธิษฐานปักหมุด เพื่อให้เกิดความคล่องในการเข้าสู่อารมณ์ใจนี้

    ขอให้ข้าพเจ้าสามารถเข้าถึงซึ่งอรูปฌาณที่1นี้
    ได้ทุกสถานที่ ทุกเวลา ทุกชั่วขณะจิต ทุกภพชาติ ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าต้องการ
    ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ

    อธิษฐานย้ำไปสามครั้ง จากนั้นให้เราจับภาพพระให้เป็นเพชรอีกครั้งนึง

    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ให้เราคิดพิจารณาว่า<O:p</O:p
    รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสทางกาย <O:p</O:p
    เป็นปัจจัยให้เกิดความทุกข์<O:p</O:p
    เราจะไม่สนใจในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสทั้งหลาย อีกต่อไป
    ขอให้ความยึดติด ใน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสทางกายทั้งหลาย หายไปให้หมด<O:p</O:p
    ภาพพระพุทธรูป ก็ค่อยๆหายไป
    ร่างกายของเราค่อยๆหายไป สรรพสิ่ง วัตถุทุกสิ่งทุกอย่าง ค่อยๆหายไป
    โลกทั้งโลก จักรวาลทั้งจักรวาลค่อยๆหายไป
    เหลือแต่ความเวิ้งว้างว่างเปล่า สีขาว ที่แผ่ขยายออกไปอย่างสุดลูกหูลูกตา
    ความเวิ้งว้างว่างเปล่าแผ่ขยายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณ
    มีแต่ความว่างเปล่าสีขาว ว่างสีขาวสงบนิ่ง
    ไม่มีผนัง ไม่มีเพดานมาขวางกั้น มีแต่ความว่างเปล่า สีขาว ที่แผ่ขยายออกไปอย่างสุดลูกหูลูกตา

    เสร็จแล้วให้เราประคองจิตเอาไว้กับความว่างเปล่าสีขาวนี้ จากนั้น
    ให้เราตั้งจิตอธิษฐานปักหมุด เพื่อให้เกิดความคล่องในการเข้าสู่อารมณ์ใจนี้

    ขอให้ข้าพเจ้าสามารถเข้าถึงซึ่งอรูปฌาณที่2นี้
    ได้ทุกสถานที่ ทุกเวลา ทุกชั่วขณะจิต ทุกภพชาติ ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าต้องการ
    ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ

    อธิษฐานย้ำไปสามครั้ง จากนั้นให้เราจับภาพพระให้เป็นเพชรอีกครั้งนึง

    <O:p</O:p
    <O:p</O:pเสร็จแล้วให้เราพิจารณาต่อไปว่า สรรพสิ่งทุกๆอย่างนี้ แท้ที่จริงแล้วมันก็ไม่เที่ยง<O:p</O:p
    เราเกิดมาซักวันเราก้จะต้องตาย วัตถุต่างๆ มันก็จะต้องพังทลายแตกสลายไปในที่สุด<O:p</O:p
    จินตนาการว่าภาพพระพุทธรูปค่อยๆแตกสลายไปกลายเป็นผง<O:p</O:p
    ร่างกายของเราค่อยๆแตกสลายไปเป็นผง<O:p</O:p
    วัตถุทุกๆอย่าง แตกสลายพังทลายหายไปหมด<O:p</O:p
    จักรวาลทั้งจักรวาล แตกสลายหายไปหมด ไม่เหลืออะไรเลย<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เหลือแต่ความเวิ้งว้างว่างเปล่า สีขาว ที่แผ่ขยายออกไปอย่างสุดลูกหูลูกตา
    ความเวิ้งว้างว่างเปล่าแผ่ขยายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณ
    มีแต่ความว่างเปล่าสีขาว ว่างสีขาวสงบนิ่ง
    ไม่มีผนัง ไม่มีเพดานมาขวางกั้น มีแต่ความว่างเปล่า สีขาว ที่แผ่ขยายออกไปอย่างสุดลูกหูลูกตา

    เสร็จแล้วให้เราประคองจิตเอาไว้กับความว่างเปล่าสีขาวนี้ จากนั้น
    ให้เราตั้งจิตอธิษฐานปักหมุด เพื่อให้เกิดความคล่องในการเข้าสู่อารมณ์ใจนี้

    ขอให้ข้าพเจ้าสามารถเข้าถึงซึ่งอรูปฌาณที่3นี้
    ได้ทุกสถานที่ ทุกเวลา ทุกชั่วขณะจิต ทุกภพชาติ ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าต้องการ
    ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ
    อธิษฐานย้ำไปสามครั้ง จากนั้นให้เราจับภาพพระให้เป็นเพชรอีกครั้งนึง

    <O:p</O:p
    เสร็จแล้ว ก็ให้เราคิดพิจารณาว่าความทรงจำต่างๆ<O:p</O:p
    การจดจำ หมายรู้ สิ่งต่างๆนี้<O:p</O:p
    เมื่อเราได้จดจำสิ่งที่ไม่ดี เมื่อเรามาหวนนึกถึงมัน<O:p</O:p
    เราก็เกิดความทุกข์<O:p</O:p
    หรือเมื่อเราได้จดจำความทรงที่ดีๆ แต่มันได้ผ่านพ้นมาแล้ว <O:p</O:p
    หากเราปรารถนาที่จะให้ความทรงจำเหล่านั้นหวนกลับมาอีกครั้งนึง <O:p</O:p
    มันก็เป็นเหมือนกับพยับหมอกที่ไม่อาจสัมผัสได้ ซึ่งก็จะทำให้เราเกิดความทุกข์<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เราจะขอเพิกเฉยต่อความทรงจำ สัญญา หมายรู้ ทั้งมวลทั้งหมด<O:p</O:p
    ขอให้ความทรงจำต่างๆ สลายมลายหายไปให้หมด
    ความทรงจำทั้งหลาย หายไปไปทั้งหมด
    <O:p</O:p

    ภาพพระพุทธรูป ก็ค่อยๆหายไป
    ร่างกายของเราค่อยๆหายไป สรรพสิ่ง วัตถุทุกสิ่งทุกอย่าง ค่อยๆหายไป
    โลกทั้งโลก จักรวาลทั้งจักรวาลค่อยๆหายไป
    เหลือแต่ความเวิ้งว้างว่างเปล่า สีขาว ที่แผ่ขยายออกไปอย่างสุดลูกหูลูกตา
    ความเวิ้งว้างว่างเปล่าแผ่ขยายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมณ
    มีแต่ความว่างเปล่าสีขาว ว่างสีขาวสงบนิ่ง
    ไม่มีผนัง ไม่มีเพดานมาขวางกั้น มีแต่ความว่างเปล่า สีขาว ที่แผ่ขยายออกไปอย่างสุดลูกหูลูกตา

    เสร็จแล้วให้เราประคองจิตเอาไว้กับความว่างเปล่าสีขาวนี้ <O:p</O:p
    ลองสัมผัสกับความสุขที่เกิดจากความว่างเปล่านี้<O:p</O:p
    จากนั้น
    ให้เราตั้งจิตอธิษฐานปักหมุด เพื่อให้เกิดความคล่องในการเข้าสู่อารมณ์ใจนี้

    ขอให้ข้าพเจ้าสามารถเข้าถึงซึ่งอรูปฌาณที่4นี้
    ได้ทุกสถานที่ ทุกเวลา ทุกชั่วขณะจิต ทุกภพชาติ ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าต้องการ
    ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ

    อธิษฐานย้ำไปสามครั้ง จากนั้นให้เราจับภาพพระให้เป็นเพชรอีกครั้งนึง

    <O:p</O:p

    แล้วพิจารณาต่อไปว่า<O:p</O:p
    อรูปฌาณ นั้น มีความสุขมาก ก็จริงอยู่แต่ว่ายังไม่ใช่ความสุขที่สูงที่สุด ยังมีความสุขที่มากกว่านี้นั่นก็คือพระนิพพาน
    เราจะไม่พอใจเพียงแค่อรูปฌาน เราจะพอใจเพียงจุดเดียวคือพระนิพพานอันเป็นสถานที่ ที่มีความสุขที่สุด เพียงจุดเดียวเท่านั้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เสร็จแล้วให้เราค่อยหายใจ เข้าลึกๆช้าๆ หายใจออกลึกๆช้าๆ<O:p</O:p
    ครั้งแรกหายใจเข้าภาวนา พุทธ หายใจออก ภาวนา โธ<O:p</O:p
    ครั้งที่สองหายใจเข้าภาวนา ธัม หายใจออก ภาวนา โม<O:p</O:p
    ครั้งแรกหายใจเข้าภาวนา สัง หายใจออก ภาวนา โฆ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เสร็จแล้วค่อยๆถอนจิตออกจากสมาธิ ช้าๆ

    เสร็จแล้วก็ให้เราหมั่นเข้า ออกให้คล่อง
    อรูปฌาณนี้ มีประโยชน์มากในการสลายอารมณ์ และใช้ในชำระล้างจิตของเราให้สะอาดจากความคิดต่างๆ

    ขอให้ทุกๆคนที่สนใจจะฝึกอรูปฌาณ สามารถที่จะทำได้อย่างง่ายดายด้วยเทอญ

    แต่ควรจะให้เริ่มจากจับภาพพระเป็นเพชรก่อนนะครับ
    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤษภาคม 2009
  14. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ Maxzimon ครับ

    น่าจะเป็นเหตุ ที่บ้านและตำแหน่งของห้อง มีผลที่เกี่ยวพันกับกรรมและอดีตของคุณครับ

    วิธีการ ก็คือต้องแผ่เมตตาเพื่อดับ ร้อนให้เย็นก่อน

    จากนั้นก็ฝึกให้ได้ญาณแล้วกำหนดรู้ เหตุ เพื่อคลาย เพื่อละ เพื่ออโหสิกรรม ให้กัน จนเป็นปกติครับ

    แต่ในขณะเดียวกัน คุณก็สามารถใช้ประโยชน์จากห้องนี้ในการฝึกกรรมฐานได้เร็วไปด้วย

    โดยให้เราตั้งกำลังใจว่า
    อานิสงค์ และบุญที่เกิดจากการฝึกสมาธิทั้งหมด เราขออุทิศให้กับเจ้ากรรมนายเวร และดวงจิตดวงวิญญาณที่อาศัยอยู่ในบริเวณบ้านหลังนี้

    การทำสมาธิของเราก็จะไม่ถูกรบกวนครับ
    และหลังจากที่เราอุทิศบุญกุศลให้เขาไปซักระยะหนึ่ง อาการร้อนดังกล่าวก็จะหายไปเองครับ
     
  15. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ oze ครับ

    อาการขณะเรานั่งสมาธิอยู่แล้วรู้สึกว่าบริเวณรอบข้างของเรากำลังขยายออกเรื่อย ๆ

    และรู้สึกว่าตัวเองนั่งอยู่ในพื้นที่ที่กว้างมาก ๆ คืออะไรคับ และรู้สึกว่าตัวเราเบาสบายยย<!-- google_ad_section_end -->

    พื้นที่กว้างนั้นเป็นสีขาวไหมครับ
    และอาการนีเกิดก่อน หรือหลัง จากที่ลมหายใจของเราหายไปแล้วครับ
     
  16. oze

    oze Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +94
    เป็นแสงจ้าเหมือนมีคนเอาไฟมาส่องที่ตาคับ

    แต่รู้สึกว่าลมหายใจยังไม่หายไป แต่เบามาก คับ
     
  17. oze

    oze Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +94
    คือตอนที่ผมนั่งสมาธิผม ภาวนา พุท - โธ แบบปกติ สักพักเหมือนตัวเองบอกว่าให้ภาวนา

    ว่าตัวเราไม่มี และสิ่งต่าง ๆรอบตัวเราไม่มี คือมันคิดขึ้นมาเองคับ สักพักก็รู้สึกว่ารอบข้างมัน

    ขยายออก ออกไปเรื่อย ๆ กว้างมากคับ แล้วก็มีแสงจ้าเหมือนมีใครเอาไฟมาส่องที่ตา

    แต่รู้สึกว่าลมหายใจจะยังมีอยู่นะคับ แต่เบามาก
     
  18. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    การเพิ่งกำลังของจิต ไม่รู้ว่าผมทำถูกไหมครับ ผมหาจริตตัวเองไม่เจอสักกะที แต่ นั่นไม่ใช่ปัญหา แต่ผมก็ได้ถามไปแล้วเมื่อครั้งก่อน แต่อย่าไรก็ดี จึงมาถามอีกครั้งเพราะมันแปลกไปจากเดิม

    เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวานนี้ผมได้นั่งสมาธิ ประมาณ1-1.30 ชม. ได้แผ่เมตตาไปตลอดในการนั่งสมาธิ และขอบารมีของพระพุทธเจ้าเป็นระยะๆ และในสมาธิ ส่วนใหญ่ผมจะแผ่ให้กับขุมนรกต่างๆเพราะว่าที่นั้นได้มีพวกที่ทนทุขทรมาร กันมาก ผมเห็น ผมเป็นคนมีจิตใจเมตตาขี้สงสารเป็นทุนเดินอยู่แล้ว ก็ได้แผ่ให้กับคนที่ผมส่งจิตนึกไป เห็นเขาได้รับด้วย สักพัก ผมก็เห็นผู้ชายก็ไม่ใช่ผู้หญิงก็ไม่เชิงน่าสรสารอยู่ภพไหนผมก็ไม่ทราบ ได้ยืนและหันหน้ามาทางผม ผมก็แผ่ให้เค้า เค้าก็ได้รับ และกลายเป็นเทวดาหรือ อะไรสักอย่างที่มีประกาย ผมก็ขนลุกตลอดในการนั่งสมาธิ รู้สึกว่ากำลังใจของผมเพิ่มขึ้นเข้มแข็งขึ้น หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีมาเริ่มเยอะแยะ ผมก็แผ่ไปทั่วทุกสารทิศทั่วจักวาล
    แต่ก่อนหน้านั้นผมได้แผ่ให้ ท่านยมทูต(ในชื่ออีกชื่อว่าพระอะไรผมก็จำไม่ได้แล้ว) ท่านยมบาล ท่านนิรบาล และผู้คนมากมายในนรกนั้น ตอนแรกเค้าก็ทุกทรมานรับผลกรรมที่เค้าก่อพอผมแผ่ พวกเค้าเหล่านั้นก็หันมาทางผมหมดทุกสายตาอยู่ช่วงแว๊บนึง จนภาพที่นั้นหายไป เค้าก็ดีขึ้นนิดหน่อยแล้วก็รับผลกรรมต่อ แต่ผมก็รู้สึกแบบที่ว่า ตัวเบามากๆหายใจหรือก็คิดว่าน่าจะหายใจแต่แบบไม่มีลมแต่รู้ว่าหายใจ เบาสบายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกยักกับจะลอยได้ ผมจะทำอย่างนี้ทุกคืนและก็ภาวะนาว่า เห็นก็ดีไม่เห็นก็ดี ในชาตินี้หรือชาติหน้า ก็ขออยู่ในใต้บรวรของพระพุทธศาสดาและพระพุทธเจ้าทุกชาติทุกภพ
     
  19. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ oze ครับ

    เป็นแสงจ้าเหมือนมีคนเอาไฟมาส่องที่ตาคับ

    แต่รู้สึกว่าลมหายใจยังไม่หายไป แต่เบามาก คับ<!-- google_ad_section_end -->

    คือตอนที่ผมนั่งสมาธิผม ภาวนา พุท - โธ แบบปกติ สักพักเหมือนตัวเองบอกว่าให้ภาวนา

    ว่าตัวเราไม่มี และสิ่งต่าง ๆรอบตัวเราไม่มี คือมันคิดขึ้นมาเองคับ สักพักก็รู้สึกว่ารอบข้างมัน

    ขยายออก ออกไปเรื่อย ๆ กว้างมากคับ แล้วก็มีแสงจ้าเหมือนมีใครเอาไฟมาส่องที่ตา

    แต่รู้สึกว่าลมหายใจจะยังมีอยู่นะคับ แต่เบามาก<!-- google_ad_section_end -->

    เป็น อารมณ์ของอรูปครับ
    ลองย้อนไปอ่าน อันที่ผมพึ่งจะนำมาลง และลองปฏิบัติตามดูนะครับ
    จะช่วยให้สามารถเลื่อนเข้าสู่อารมณ์ที่ละเอียดขึ้นได้ครับ

    ขอให้สามารถปฏิบัติเข้าถึงอารมณ์ของอรูปฌาณได้อย่างง่ายดายด้วยเทอญ
     
  20. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ makoto12 ครับ

    การเพิ่งกำลังของจิต ไม่รู้ว่าผมทำถูกไหมครับ ผมหาจริตตัวเองไม่เจอสักกะที แต่ นั่นไม่ใช่ปัญหา แต่ผมก็ได้ถามไปแล้วเมื่อครั้งก่อน แต่อย่าไรก็ดี จึงมาถามอีกครั้งเพราะมันแปลกไปจากเดิม

    เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวานนี้ผมได้นั่งสมาธิ ประมาณ1-1.30 ชม. ได้แผ่เมตตาไปตลอดในการนั่งสมาธิ และขอบารมีของพระพุทธเจ้าเป็นระยะๆ และในสมาธิ ส่วนใหญ่ผมจะแผ่ให้กับขุมนรกต่างๆเพราะว่าที่นั้นได้มีพวกที่ทนทุขทรมาร กันมาก ผมเห็น ผมเป็นคนมีจิตใจเมตตาขี้สงสารเป็นทุนเดินอยู่แล้ว ก็ได้แผ่ให้กับคนที่ผมส่งจิตนึกไป เห็นเขาได้รับด้วย สักพัก ผมก็เห็นผู้ชายก็ไม่ใช่ผู้หญิงก็ไม่เชิงน่าสรสารอยู่ภพไหนผมก็ไม่ทราบ ได้ยืนและหันหน้ามาทางผม ผมก็แผ่ให้เค้า เค้าก็ได้รับ และกลายเป็นเทวดาหรือ อะไรสักอย่างที่มีประกาย ผมก็ขนลุกตลอดในการนั่งสมาธิ รู้สึกว่ากำลังใจของผมเพิ่มขึ้นเข้มแข็งขึ้น หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีมาเริ่มเยอะแยะ ผมก็แผ่ไปทั่วทุกสารทิศทั่วจักวาล
    แต่ก่อนหน้านั้นผมได้แผ่ให้ ท่านยมทูต(ในชื่ออีกชื่อว่าพระอะไรผมก็จำไม่ได้แล้ว) ท่านยมบาล ท่านนิรบาล และผู้คนมากมายในนรกนั้น ตอนแรกเค้าก็ทุกทรมานรับผลกรรมที่เค้าก่อพอผมแผ่ พวกเค้าเหล่านั้นก็หันมาทางผมหมดทุกสายตาอยู่ช่วงแว๊บนึง จนภาพที่นั้นหายไป เค้าก็ดีขึ้นนิดหน่อยแล้วก็รับผลกรรมต่อ แต่ผมก็รู้สึกแบบที่ว่า ตัวเบามากๆหายใจหรือก็คิดว่าน่าจะหายใจแต่แบบไม่มีลมแต่รู้ว่าหายใจ เบาสบายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกยักกับจะลอยได้ ผมจะทำอย่างนี้ทุกคืนและก็ภาวะนาว่า เห็นก็ดีไม่เห็นก็ดี ในชาตินี้หรือชาติหน้า ก็ขออยู่ในใต้บรวรของพระพุทธศาสดาและพระพุทธเจ้าทุกชาติทุกภพ<!-- google_ad_section_end -->


    อนุโมทนาด้วยครับ
    อารมณ์จิตที่เปี่ยมด้วยเมตตานี้
    เป็นสิ่งที่เราควรจะรักษาให้คงอยู่กับเราได้ตลอดไป

    เมตตานี้ เป็นเครื่อง ล่อเลี้ยงทั้ง ทาน ศีล สมาธิ
    หากเราสามารถรักษาอารมณ์จิตนี้เอาไว้กับเราได้
    การปฏิบัติของเราก็จะมีแต่ก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป ไม่มีการถอยหลังครับ


    ขอให้ความดีงามในจิตใจของเรา ตื่นขึ้นด้วยอำนาจแห่งเมตตาพรหมวิหาร4ด้วยเทอญ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...