รับตอบข้อสงสัยในการเจริญพระกรรมฐาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Xorce, 26 พฤศจิกายน 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    อ่อ แล้วอีกอย่าง นึง บอร์ดนี้ เป็นกำลังใจที่ดียิ่ง ที่ทำให้เราอยากปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงธรรมและเป้าหมายคือนิพพาน เป็นแหล่งที่เปี่ยมไปด้วยแรงศรัทธา และกำลังใจ ดีมั๊กๆคับ ขอบคุณ ^^; และอนุโมทนา ทุกท่านที่ อยู่ ณ ที่แห่งนี้ด้วยเด้อ แผ่เมตตาทีไรขนลุกทุกที ^^;
     
  2. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ makoto12 ครับ

    พี่ชัด คำถามที่แล้วนั้น ที่ผมบอกไปว่า มองเห็นสิ่งต่างๆผ่านมาผ่านไป เป็นแบบ อารมณ์เซ็งๆครับ เซ็งเป็ด เซ็งแบบเบื่อๆหน่ะคับรู้สึกอึดอัดผะอืดผะอมเบื่อหน่ายมากๆ มีวิธีแก้ยังไงคับ(แต่ช่วงนี้ก็พอทุเลาคลายมาบ้างแล้ว) พักหลังมานี้ไม่ค่อยได้สวดมนต์นั่งสมาธิเลย แล้ว วันนี้ เวลาผมเดิน พอดูที่ลมหายใจ มันหายใจกระอึกกระอักได้นิดเดียวแล้วใจมันเต้นหวิวๆ แต่ไม่อึดอัดนะครับ แต่มันจะเป็นแบบว่า เรารู้สึกตัวเราพองๆ ใหญ่ๆตอนนั้นผมเดินไปซื้อกับข้าว -.-มันก็รู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้ช่างใจจดจำในสิ่งที่เกิดเท่าใดหรอกคับ ตอนนี้ผมอยากจะ ถอดจิตได้จัง ^^; รู้สึกเบื่อชีวิตและ อยากไปอยู่นิพพานเร็วๆอยากเห็นเป็นบุญจิตสักครั้ง หรือได้อยู่ในชาตินี้ก็คงจะดี ^^<!-- google_ad_section_end -->

    วิธีในการแก้อารมณ์นี้นะครับ
    ในขั้นแรกให้เราตั้งจิต แผ่เมตตาทำใจให้เป็นสุขก่อนนะครับ
    เมื่อจิตใจของเราเป็นสุขแล้ว อารมณ์จิตที่เบื่อแบบหดหู่นี้ก็จะบรรเทาลงไปเองนะครับ

    ในขั้นต่อมาหลังจากที่เราแผ่เมตตาทำจิตใจของเราให้สบายแล้วนะครับ
    ให้เรามาพิจารณา ให้เห็นความธรรมดาของชีวิต ซึ่งจะไม่เหมือนกับความหดหู่ของชีวิตนะคัรบ

    ความเป็นธรรมดาของชีวิต ก็คือ เมื่อทุกๆคนเกิดมาแล้ว ก็ย่อมมีการแก่ การเจ็บ การตายเป็นของธรรมดา
    ชีวิตเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง เราไม่ควรจะนำจิตของเราไปยึดกับสภาวะที่ไม่เที่ยงเช่นนี้
    เพราะจะทำให้เราพบกับความทุกข์ เมื่อต้องพานพบกับสิ่งที่ไม่ปรารถนา
    สิ่งต่างๆที่เราได้พานพบเจอในชีวิต ก็เป็นเรื่องธรรมดา
    ทั้งจิตใจของผู้อื่น หรือจิตใจของเราที่ยังไม่ใช่พระอรหันต์นี้ ก็ย่อมมีความแปรปรวนเป็นธรรมดา
    เราจะไปเอาแน่เอานอน กับจิตใจของคน หรือว่าสถานการณ์ที่เผชิญอยู่ไม่ได้
    ในเมื่อเราเห็นแล้วว่าสิ่งที่เราพานพบเจอนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดาๆ เรื่องนึง
    ในเมื่อมันเป็นสิ่งธรรมดาของโลก ควรแล้วหรือที่เราจะไปทุกข์กับมัน
    ก็ไม่สมควรอยู่
    แต่ตราบใดที่เรายังอยู่ในโลกนี้ เราก็ยังจะต้องเผชิญกับความธรรมดาเช่นนี้อยู่ล่ำไป
    แล้วเราที่ได้เห็นความเป็นธรรมดาของชีวิตแล้วว่าไม่มีแก่นสารสาระอะไร
    จะยังปรารถนาที่จะเวียนว่ายตายเกิด อยู่ในสังสารวัฏอีกหรือไม่
    เราก็ไม่แล้ว แต่ตราบใดที่เรายังอยู่ในโลกใบนี้ เราก็จะต้องดูแลร่างกายนี้ ไปเรื่อยๆจนสิ้นอายุขัย
    แต่เมื่อใดก็ตามที่เราละอัตภาพจากโลกใบนี้แล้ว เราจะไม่พอใจในการเกิดที่ไหนอีก
    จะเป็นมนุษย์ เทวดา หรือความเป็นพรหม สุดท้ายก็ยังมีการเกิด ก็ยังไม่เที่ยง
    เราจะพอใจในอัตภาพที่เที่ยงเพียงจุดเดียว
    สถานที่นั้นก็คือพระนิพพาน เราก็ตั้งใจเอาไว้ว่า

    เรามีความเคารพในพระพุทธเจ้าอย่างถึงที่สุด หากเราละอัตภาพจากชาตินี้เมื่อไหร่
    จุดเดียวที่เราจะไป ก็สถานที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับอยู่
    พระองค์ทรงประทับอยู่ที่ใด เราจะขอตามเสด็จพระองค์ เข้าสู่ยังสถานที่นั้น
    คือพระนิพพาน เพียงจุดเดียวเท่านั้น

    เมื่อได้พิจารณาแบบนี้ เราก็จะไม่หดหู่กับชีวิตอีกต่อไป
    แต่เราจะเห็นว่าสิ่งที่เราเผชิญอยู่ณขณะนี้ ก็เป็นเพียงเรื่องธรรมดาเท่านั้นเอง
    อารมณ์ใจก็จะปล่อยวาง เบาสบาย ไม่หนักไปกับความหดหู่หรือเบื่อหน่ายอีกต่อไป

    ขอบคุณคับน้อง <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->kurochang มั๊กๆ ^^; ก็เช่นกันนะ พี่ก็ขอให้น้อง ปฏิบัติให้ถึงแก่นพระพุทธศาสนาได้อย่างสบายๆนะ และได้อยู่ในนิพานอย่าที่ตั้งใจไว้ ส่วนพี่ ก็วนเวียนๆอยู่แถวๆเนี๊ยะ -*- ญาณ3มั้ง ญาณ4หยาบๆนิดมั่ง วนไปวนมา พอสักพักก็ตกมาที่เก่ามั่ง บางทีก็ได้บ้างไม่ได้บ้าง จริงๆเค้าห้ามมาบอกกล่าวกันแต่ มันก็จำเป็นที่ต้องบอกเพราะ เราไม่ได้บวชเป็นพระที่จะต้องปฏิบัติทางธรรมตลอดเวลา เคยบวชมาเหมือนกันนะ ^^; ได้เห็นอะไรต่อมิอะไรเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ พูดเยอะเดี๋ยวคนอื่นก็หาว่า ขี้โม อีกหน่ะและ แต่จะทำไงได้เพราะ เรา ไม่ได้เป็น พระ ก็รู้ด้วยตัวเองว่าถึงขั้นไหนแต่อย่าไปยึดติดกับมันเพราะถ้ามัวพะวงว่าติดขั้นไหน มันก็จะไม่ก้าวหน้า ตอนนี้ก็ดูอย่างพี่สิ ฮ๋าๆๆๆ ยังวนเวียนอยู่เลย(เพราะไม่ค่อยได้ปฏิบัติแต่ก็ทำบ้างหลังๆจะตั้งใจทำแล้วแหละ)แต่แค่อยากบอกให้รุ่นพี่ๆเข้ามาตอบเราก็บอกจุดที่เราไม่เข้าใจติดตรงไหน ^^; เค้าจะได้ อธิบายถูกทาง ชี้ทางที่ถูกไงคับ ^^ อนุโมทนานะคับ มีญาณหยั่งรู้แต่ใช้ไม่เป็นดูไม่เห็นมองไม่ออก แต่ คือว่ารู้ว่า มันเป็นยังไง นรก ไม่เคยไปไม่เคยเห็นอยู่ๆมันก็รู้เองว่ามันเป็นแบบนี้เป็นลักษณะอย่างนี้ซึ่ง มันก็ถูกต้องทุกประการ เพราะผมถามหลายๆท่านดูแล้ว มันก็จริงอย่างที่ผมบอก

    อนุโมทนาสาธุ ครับ คนที่ไม่เชื่อไม่เคยเห็นก็คงจะบอกว่าผม ขี้โม้ ตามสดวกคับ ^^; เพราะเคยโดนว่ามาแบบนี้แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ อิอิ ^^; จิตของเรายังไง๊ยังไงก็คือจิตของเราเองครับ พี่ชัดตอบคำถามด้วยนา ^^; วันนี้เป็นอีกและไม่ได้กำหนดมันก็ไม่เป็นนะ ตัวพองๆใหญ่ๆเนี๊ยะ แต่กำหนดทีไรเป็นทุกที ตอนที่ผมออกไปข้างนอกนะ ขอบคุณสำหรับคำตอบล่วงหน้า นะคับ ^^;<!-- google_ad_section_end -->

    คุณ makoto จะติดเรื่องนึงครับ ที่ยังไม่ค่อยคล่อง คือยังหาอารมณ์ที่เบาสบายไม่เจอครับ
    และบางครั้ง จะอารมณ์หนักโดยไม่รู้ตัว หรือว่าบางครั้งยังเพ่งมากเกินไปครับ
    และลองอธิบายด้วยนะครับ ว่าที่กำหนดนี่ ปกติกำหนดอย่างไรครับ

    ถ้าผ่านตรงนี้ไปได้ คือรู้จักอารมณ์ที่เบาสบาย
    การปฏิบัติก็จะไปได้เร็วครับ
    เพราะมีความพยายาม และของเก่าทำมาดีครับ


    ขอให้สามารถพบอารมณ์ใจที่เบาสบาย และก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤษภาคม 2009
  3. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ kurochang ครับ

    ถอดแล้วจะไม่อยากเข้านะคับ
    ต้องรอวาระของจิตที่ฝึกดีๆน่ะ ประมาณนี้ป่ะ

    ออกไปแล้ว จะกลับเข้ามาเองอัตโนมัติครับ
    หาอารมณ์ให้เจอ ตั้งกำลังใจให้ถูก ขอบารมีพระ
    ถ้าใจของเรามีความสุขอย่างถึงขีดสุด ก็จะออกมาเองครับ
    ถ้าใจไม่มีความสุข ก็จะออกไม่ได้ครับ

    วิธีที่ง่ายที่สุด ก็คือทำใจให้มีความสุขที่สุด แผ่เมตตาให้ใจชุ่มเย็นถึงขีดสุดครับ

    ตอนแรกก็อยากถอด แล้วมันนานเกิน จนไม่อยากถอดแล้ว

    แต่ก็ปฎิบัติตามปกติ ของแบบนี้ถึงคราวจะได้มันจะได้เองครับ

    อยากไปก็เท่านั้น

    ต้องไม่บีบคั้นตัวเองเกินไปนะครับ ทั้งมโนมยิทธิ และอภิญญา
    บางครั้งเราบีบคั้นตัวเองมากไป ตัวเราก็เสียศรัทธาได้ครับ
    ความอยากเกินไปเป็นโทษเสมอครับ
    ต้องทำใจสบายๆนะครับ
     
  4. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ tanalet ครับ

    สงสัยเรื่องเมตตาอัปปนาฌานครับ และฌาน 4<!-- google_ad_section_end -->

    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start --> ปัญหาอยู่ที่ว่า
    1.ถ้าเราไม่ต้องการถอนออกจากสมาธิแต่ต้องการนั่งต่อหลังจากถึงขั้นตอนนี้แล้วจำต้องทำอย่างไร เพื่อที่จะมีสมาธิที่ละเอียดกว่านี้อีกครับ

    ถ้าจะไม่ออกจากสมาธิก็ได้ครับ เราก็ประคองสมาธิของเรา ประคองลมหายใจให้นิ่งเอาไว้ ได้นานตามต้องการเลยครับ

    2.เรื่องของฌาน4 ถ้าเราอยากจะทำให้ได้ฌาน4 ที่ถึงขนาดว่าร่างกายหายไปเหลือแต่จิตดวงเดียวลอยเด่นอยู่ (ดวงคล้ายกสิน)จะต้องทำอย่างไร
    ช่วยกรุณาอธิบายให้ละเอียดหน่อยนะครับ

    อันนี้เป็นฌาณ4ละเอียดครับ
    อันนี้เป็นสิ่งที่จะต้องทำเองครับ
    เราจะต้องเป็นคนหาอารมณ์นั้นให้เจอด้วยตัวเราเองครับ
    สิ่งที่พอจะแนะได้นะครับ คือให้เราทำใจให้สบาย
    ตั้งจิตขอบารมีจาก พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ครูบาอาจารย์ และเข้าสมาธิตามปกติ
    ประคองจิตให้อย่ในความสุข อยู่ในลมสบายเอาไว้
    ถ้าเราเจออารมณ์ที่ถูกต้อง จิตก็จะเข้าสู่สภาวะนั้นเองครับ


    ขอเพิ่มเติมครับ...เวลาที่ผมแผ่เมตตาอัปมานฌาน ไม่ปรากฎว่าเป้นวงน้ำกระเพื่อมแต่มีอาการเหมือนมีอะไรวูปวาปแผ่ออกไป หรือบางที่ก็วูปวาปไปตามแขนขาคล้ายๆกับว่าขนลุกนะครับ ใช้ได้หรือป่าวครับแบบนี้ และเป้นอาการอย่างไรกันแน่<!-- google_ad_section_end -->

    เป็นอารมณ์เริ่มต้นครับ แต่ยังเข้าไม่ถึงอารมณ์จริงๆ ของเมตตาครับ
    อารมณ์ของเมตตานั้น จะต้องมีความชุ่มเย็น เบาสบาย อิ่มเอิบอิ่มเอมใจ จิตใจจะแย้มยิ้มออกมาจากภายใน
    จิตใจของเราจะเป็นเหมือนกับดวงอาทิตย์ ที่พร้อมจะมอบความสุข ความชุ่มเย็นให้กับผู้อื่น
    ตอนที่ให้นึกถึงความสุข ความรัก ความเมตตา เราจะต้องนึกถึงความสุข นึกถึงบุญ นึกถึงกุศให้มากกว่านี้ครับ
    ยิ่งเรามีความสุขมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งแผ่ มอบให้ผู้อื่นได้มากเท่านั้น
    เหมือนเรายิ่งมีน้ำมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งให้ได้มากเท่านั้นครับ
    แต่ถ้าใจของเราแห้ง รวบรวมความเมตตาไม่ได้ เราก็จะมอบความสุขให้ผู้อื่นได้น้อยครับ

    ดังนั้น ขอให้ลองกลับไปทวนอารมณ์ซ้ำดูอีกครั้งนะครับ
    และขอให้เข้าถึงซึ่งอารมณ์ที่ละเอียดยิ่งๆขึ้นไปได้โดยฉับพลันทันใดครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2010
  5. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    ครับ มันปะปนกันไปหนักบ้างเบาบ้าง ส่วนเรื่องกำหนดนั้น ผมมองรู้ดูที่ลมไม่ได้เพ่งนาครับเพียงแต่ เราลองมองดูว่าลมหายใจในตอนนี้เข้านะ ในตอนนี้ออกนะ คือให้รู้มีสติอยู่ตรงลมหายใจหน่ะครับเพราะคำภาวนามันหายไปนานแล้ว ผมก็ไม่ลองมากำหนดคำภาวนาใหม่มันก็รู้สึกแปลกๆ ซึ่งความรู้สึกว่า มันหายใจแต่ มันไม่มีลมคับ แต่รู้ว่าลมมันเข้าออกเพียงแต่เราไม่รู้สึกครับ นั่นที่คำภาวนาหายไปครับ พอผมจะกำหนดรู้กำหนดที่ลมเข้าทางไหนไปยังไงเพื่อทึ่จะได้คล่อง กายในกาย แต่ก็ยังวนๆอยู่^^; คับ

    ส่วนเมื่อวานนี้ ผมนั่งสมาธิแล้วนึกภาพพระนิพพาน แล้วผมรู้สึกปิติน้ำตาไหลแต่ไม่มีน้ำตาและขนลุกแบบมากๆไม่เคยขนลุกอย่างนี้มาก่อน มันแปลกจริงๆผมควรทำต่อไปดีรึเปล่าคับพี่ชัด
     
  6. kurochang

    kurochang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +111
    นั่นสิครับ

    ขอบคุณพี่ชัชมาก

    ^^

    ช่วงนี้สวดมนทุกวันเลย

    อยู่ๆดีก็นึกภาพพระบ้างภาพลูกบอลที่เป็นก้อนเมฆบ้างไรแบบนี้

    ที่ว่าอยู่ดีๆเนี่ยมันนึกขึ้นมาเองโดยอัตโนมัตก็สบายเหมือนกัน

    พอนึกขึ้นมาแล้วก็จับภาพต่อ วันนึงก็หลายครั้งอยู่ แบบนี้พอได้ไหมคับ
     
  7. Sawiiika

    Sawiiika เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,811
    ค่าพลัง:
    +1,557
    อนุโมทนาสาธุ กับความก้าวหน้าในธรรมของทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ :)
     
  8. Namo1

    Namo1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2009
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +26
    เมื่อคืนหลังจากที่นั่งสวดมนต์ ก็นั่งสมาธิ บริกรรม พุธ โธไปเรื่อยๆ
    แล้วอยู่ๆก็เกิดอาการรู้สึกเหมือนนั่งตัวเอียงๆ แล้วตัวเบาๆ จะลอยยังไงอย่างงั้น
    รู้สึกตกใจว่าตัวเองเป็นอะไรก็เลยลืมตา อยากทราบว่าอาการแบบนี้เราอุปทานไปเองหรือเปล่าค่ะ
     
  9. Maxzimon

    Maxzimon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +204
    ตอนนี้ผมนั่งสมาธิได้ไม่นิ่งเลย ครับ เกิดเสียงขึ้นภายในใจตลอด บางอย่างบางที่มันก็เข้ามาในหัวเอง แต่นะครับ ผมยังสามารถคำนึงถึงลมหายใจที่เข้าออกได้

    บางเรื่องผมก้สงสัยสิ่งที่คิดออกมา เองบางทีเราไม่เคยอ่าน นะครับ แต่พอไม่กี่วันเราก็เจอ เหมือนมีอะไรดลใจให้เราพบ ประมาณนั้น

    ผมไม่เข้าใจเรื่องสมาธิมากครับ ตอนนี้ พอเลิกนั่งแล้วมาคิดมันก็ยิ่งสับสน

    ผมไปอ่านเจอมาว่า จิต เป็นพื้นฐาน มีกายเป็นส่วนรองรับ แต่มันหมายความว่ายังไงครับ
    อยากรู้ว่าส่วนรองรับกับ พื้นฐานมันต่างกันยังไง

    แต่นั่งยังไงก็ไม่รู้สึกมีความสุขเหมือนเมื่อก่อนที่เคยนั่ง มันปวดหัวมากกว่า
     
  10. thipphayawan

    thipphayawan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +31
    รบกวนสอบถามค่ะ

    เมื่อนั่งสมาธิขณะจิตสงบ อยู่ๆจิตที่กำหนดอยู่ก็เคลื่อนไปกลางหน้าผากระหว่างคิ้วซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ขอทราบว่าเป็นเพราะเหตุใดคะ

    ขอบคุณค่ะ
     
  11. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ makoto ครับ

    ครับ มันปะปนกันไปหนักบ้างเบาบ้าง ส่วนเรื่องกำหนดนั้น ผมมองรู้ดูที่ลมไม่ได้เพ่งนาครับเพียงแต่ เราลองมองดูว่าลมหายใจในตอนนี้เข้านะ ในตอนนี้ออกนะ คือให้รู้มีสติอยู่ตรงลมหายใจหน่ะครับเพราะคำภาวนามันหายไปนานแล้ว ผมก็ไม่ลองมากำหนดคำภาวนาใหม่มันก็รู้สึกแปลกๆ ซึ่งความรู้สึกว่า มันหายใจแต่ มันไม่มีลมคับ แต่รู้ว่าลมมันเข้าออกเพียงแต่เราไม่รู้สึกครับ นั่นที่คำภาวนาหายไปครับ พอผมจะกำหนดรู้กำหนดที่ลมเข้าทางไหนไปยังไงเพื่อทึ่จะได้คล่อง กายในกาย แต่ก็ยังวนๆอยู่^^; คับ

    ตอนที่มองดูที่ลมน่ะครับ อารมณ์จิตมันเพ่งโดยไม่รู้ตัวครับ
    เหมือนเราจะจับลมให้ได้ หรือจะหาลมให้เจอน่ะครับ
    ความตั้งใจที่จะหาลมให้เจอ หรือจะกำหนดจิตน่ะครับ
    ทำให้อารมณ์เพ่งโดยไม่รู้ตัวครับ แต่นี่ก็ดีกว่าก่อนหน้านี้แล้วครับ
    เรายังต้องทำใจให้สบายให้ได้กว่านี้ครับ

    เรื่องของอารมณ์มันเป็นเรื่องที่ละเอียดน่ะครับ
    เราจะต้องเป็นผู้หาอารมณ์ใจที่เบา สบาย ให้เจอด้วยตัวเองครับ
    สิ่งที่ผมจะพอแนะนำได้นะครับ ก็คือว่าอารมณ์ตอนนี้ ยังมีความหนักอยู่ครับ
    ซึ่งบางครั้งเราจะไม่รู้ตัวหรอกครับ เพราะมันเป็นธรรมชาติของเรา หรือทำจนเคยชิน
    บางทีอาจจะเป็นตอนที่จะกำหนดน่ะครับ พอตั้งใจจะกำหนดจิตปุ้ป
    จิตมันจะหนัก หรือเพ่งโดยไม่รู้ตัวทันที

    ซึ่งเรื่องแบบนี้เราจะต้องสังเกตุตัวเอง และลองดูครับว่า
    อารมณ์ของเรานี้ มันหนักเพราะอะไร หรือเราทำอะไรมันจึงหนัก
    และพยายามคลายอารมณ์ที่หนักนั้นให้ได้ครับ

    ส่วนเมื่อวานนี้ ผมนั่งสมาธิแล้วนึกภาพพระนิพพาน แล้วผมรู้สึกปิติน้ำตาไหลแต่ไม่มีน้ำตาและขนลุกแบบมากๆไม่เคยขนลุกอย่างนี้มาก่อน มันแปลกจริงๆผมควรทำต่อไปดีรึเปล่าคับพี่ชัด<!-- google_ad_section_end -->

    ภาพบนพระนิพพานนี้ เห็นอะไรบ้างครับ ลองอธิบายให้ฟังคร่าวๆ
    เพื่อที่จะให้เป็นธรรมทาน คนอื่นๆจะได้ทราบด้วยครับ
     
  12. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ kurochang ครับ

    ช่วงนี้สวดมนทุกวันเลย

    อยู่ๆดีก็นึกภาพพระบ้างภาพลูกบอลที่เป็นก้อนเมฆบ้างไรแบบนี้

    ที่ว่าอยู่ดีๆเนี่ยมันนึกขึ้นมาเองโดยอัตโนมัตก็สบายเหมือนกัน

    พอนึกขึ้นมาแล้วก็จับภาพต่อ วันนึงก็หลายครั้งอยู่ แบบนี้พอได้ไหมคับ<!-- google_ad_section_end -->

    ได้ครับ ทำต่อไปเลยครับ เอาให้เป็นเพชรด้วยยิ่งดีครับ
     
  13. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ Namo01 ครับ

    เมื่อคืนหลังจากที่นั่งสวดมนต์ ก็นั่งสมาธิ บริกรรม พุธ โธไปเรื่อยๆ
    แล้วอยู่ๆก็เกิดอาการรู้สึกเหมือนนั่งตัวเอียงๆ แล้วตัวเบาๆ จะลอยยังไงอย่างงั้น
    รู้สึกตกใจว่าตัวเองเป็นอะไรก็เลยลืมตา อยากทราบว่าอาการแบบนี้เราอุปทานไปเองหรือเปล่าค่ะ<!-- google_ad_section_end -->

    ไม่ใช่อุปาทานครับ แต่เป็นปีติครับ
    เป็นอาการของปีติประเภทหนึ่ง จะรู้สึกว่าตัวเรา จะเบาๆ หรือลอยครับ

    วิธีนะครับ ให้เราทำใจเฉยๆ อย่าสนใจ หรือตกใจกับมันครับ
    ให้เราพุทโธ ต่อไป เดี้ยวก็ผ่านไปเองครับ
     
  14. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ Maxzimon ครับ

    ตอนนี้ผมนั่งสมาธิได้ไม่นิ่งเลย ครับ เกิดเสียงขึ้นภายในใจตลอด บางอย่างบางที่มันก็เข้ามาในหัวเอง แต่นะครับ ผมยังสามารถคำนึงถึงลมหายใจที่เข้าออกได้

    บางเรื่องผมก้สงสัยสิ่งที่คิดออกมา เองบางทีเราไม่เคยอ่าน นะครับ แต่พอไม่กี่วันเราก็เจอ เหมือนมีอะไรดลใจให้เราพบ ประมาณนั้น

    ผมไม่เข้าใจเรื่องสมาธิมากครับ ตอนนี้ พอเลิกนั่งแล้วมาคิดมันก็ยิ่งสับสน

    ผมไปอ่านเจอมาว่า จิต เป็นพื้นฐาน มีกายเป็นส่วนรองรับ แต่มันหมายความว่ายังไงครับ
    อยากรู้ว่าส่วนรองรับกับ พื้นฐานมันต่างกันยังไง

    แต่นั่งยังไงก็ไม่รู้สึกมีความสุขเหมือนเมื่อก่อนที่เคยนั่ง มันปวดหัวมากกว่า

    <!-- google_ad_section_end -->บางครั้งเราอ่านมาเยอะไป เวลาทำสมาธิมันก็จะเก็บมาคิด หรือพิจารณาครับ
    ลองลดข้อมูลที่รับเข้ามาดุนะครับ และลองหันมาศึกษาผ่านการปฏิบัติให้มากขึ้นครับ

    จิตเป็นพื้นฐาน กายเป็นส่วนรองรับ หมายถึงว่า
    ตัวเราที่แท้จริงแล้ว คือจิต ไม่ใช่ร่างกาย
    ร่างกายนี้ไม่ใช่ตัวเราที่แท้จริง เป็นแต่เพียง ภาชนะ หรือที่อยู่อาศัยชั่วคราวเท่านั้น

    ถ้าไม่มีจิต ร่างกายก็ทำอะไรไม่ได้ เหมือนกับต้นไม้ หรือสิ่งไม่มีชีวิต
    จิต จึงเป็นตัวควบคุม ส่วนร่างเป็นเพียงแค่สิ่งที่มารองรับการสั่งการของจิตเท่านั้น

    ในเมื่อเรารู้แล้วว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ตัวเรา แต่จิตคือตัวเราที่แท้จริง
    เราควรจะสนใจที่จะขัดเกลาจิตใจของเราให้มีความสะอาด งดงาม
    แทนที่จะสนใจแต่การบำรุงบำเรอร่างกาย จนลืมที่จะทำความสะอาดจิตใจของเรา
     
  15. thipphayawan

    thipphayawan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +31
    รบกวนสอบถามค่ะ

    เมื่อนั่งสมาธิขณะจิตสงบ อยู่ๆจิตที่กำหนดอยู่ก็เคลื่อนไปกลางหน้าผากระหว่างคิ้วซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ขอทราบว่าเป็นเพราะเหตุใดคะ

    ขอบคุณค่ะ
     
  16. Namo1

    Namo1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2009
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +26
    ขอบคุณ คุณ Xorce ที่ให้คำตอบ

    ครั้งต่อไปจะได้ไม่ตกใจค่ะ
     
  17. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ thippayawan ครับ

    เมื่อนั่งสมาธิขณะจิตสงบ อยู่ๆจิตที่กำหนดอยู่ก็เคลื่อนไปกลางหน้าผากระหว่างคิ้วซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ขอทราบว่าเป็นเพราะเหตุใดคะ


    จิตจะดีดตัวออกจากกายเนื้อครับ เหมือนกับถอดจิตนะครับ
    ให้เราทำใจเฉยๆ และทำสมาธิต่อไปตามปกติครับ
    ทำสมาธิต่อไปเหมือนปกตินะครับ ถ้าจะไปต่อ เดี้ยวจิตมันจะไปต่อเองครับ
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  18. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    เรื่องรูปนั้น เดี๋ยวผมจะทำออกมาให้ชมกันนะ แต่ถ้าจะให้อธิบายคงลำบาก เพราะไม่ค่อยเห็นภาพ จะทำมาให้ชมกันในภายหลังอันนี้เอาไว้ก่อน

    เออพี่ชัด วันนี้มีคำถามมาถามอีกสัก2ข้อ ตอนขากลับผมยืนบนรถเมย์ ผมได้นึกคิดและจิตนาการ
    คำถามคือว่า 1.ผมเคยไปบวชที่วัดๆนึง และมีพระพุทธรูปองค์ที่เค้าสร้างขึ้นมาไว้ประทับอยู่ที่แท่นหน้า สถานที่ปฏิบัติธรรม ผม ยึดและนึกเอาพระพุทธรูปองค์นี้แล้วจิตนาการเพิ่มเติมให้เป็นประกายเพรช แต่ มันยังจำสถานที่ของพระพุทธรูป ปางนี้อยู่ อย่างนี้ใช้ได้ไหมครับ
    2.คือตอนที่อยู่บนรถเมย์นั้นผมก็ยืน และได้จิตนาการถึงพระตามข้อ1 จนเหมือนกับอารมณ์ตกภวังแบบว่า จะวูบๆ แต่แขนผมจับราวมันวูปแขนเลยตึงเลยสะดุ้ง(ตัวนะไม่ใช่จิต)ดึงกลับ ตอนนั้นคล้ายๆมันจะพุ้งออกไปไหนไม่รู้เลย แต่มันก็แว๊บกลับมาเหมือนดึงกลับเพราะร่างมันสะดุ้งมั้ง ความรู้สึกแปลกๆ ^^; ตอนนั้นผมหลับตาและ โมโนภาพพระขึ้นมาและขอบารมีเป็นระยะๆ และจิตนาการภาพพระให้มีประกายเพรชตามที่พี่บอก

    จะกำหนดลมก็แล้วมันไม่มีให้กำหนดอ่ะครับ ตอนนี้ผมเลยกำหนดจิตมีเพียงแค่จิตที่มาอาศัยขันต์5ชั่วคราว บางทีผมมองทุกคนที่อยู่แถวๆนั้นด้วยแล้วก็มองตัวเองด้วยมีเพียงแต่จิตอ่ะครับขันต์5เป็นเพียงเปลือกหุ้ม

    อันนี้ผมไม่รู้ว่าอยู่นอกสถานที่ควรจะกำหนดแบบไหนดี ผมเคยอ่านเรื่อง คนทอผ้าก็ยังบรรลุธรรมโดยสมัยก่อน ทำงานก็ยังสามารถบรรลุธรรมได้

    ขอบคุณคับกับคำตอบส่วนเรื่องรูปไม่ต้องห่วงครับผมหัวออกไปทางแนวศิลป์เดี๋ยวจะทำออกมาให้ดูครับไม่สวยอย่าว่ากันนะ ^^;
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 พฤษภาคม 2009
  19. Maxzimon

    Maxzimon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +204
    ศึกษาผ่านการปฏิบัตินี่ใช่ให้ฝึกนั่งสมาธิไปเรื่อยหรอครับ ช่วงนี้นั่งแล้วจะปวดบริเวณช่วงคอพอสมควรเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร (ไม่ได้นั่งมาเกือบๆ 2เดือนแล้วครับ พยายามนั่งบ้าง แต่มันไม่ไหว) ถ้าเกิดเปลี่ยนเป็นนอนมันก็หลับไปเลย

    ช่วงนี้สงสัยผมคิดอะไรมากเกินจริงๆ ลองหันมองตัวเอง ก็เลยเข้าใจว่าทำไมถึงสับสน ก็เลยปล่อยให้ตัวเอง ว่าง ไม่มีอะไรในหัวเลย ช่วงนี้อารมณ์ผมก็สงบนะครับ มันนิ่งๆ ไม่โกรธ ไม่ดีใจ ไม่เสียใจ แปลกดีครับ ปกติเวลาอะไรขัดใจด่าตลอด พึ่งรู้ว่าตัวเองนิสัยเสีย

    ยังไงผมก็จะพยายามนั่งต่อไปนะครับ
     
  20. thipphayawan

    thipphayawan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +31
    ขอบคุณ คุณ Xorce มากค่ะ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...