รวมวัตถุมงคลหลวงปู่จักร ทั้งเก่าและใหม่ครับ อัพเดทหน้าสุดท้ายๆ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย ดูท่านอยู่นะครับ, 10 เมษายน 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    ตะกรุด นะมเหเนื้อเงิน ยาวประมาณ นิ้ว
    บูชา ดอกละ 1000 บาทได้มา 2 ดอก
     
  2. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    [​IMG]

    พระครูปลัดกฤต ฐิตวิริโย (พระอาจารย์โต) วัดพระบาทปางแฟน อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่
    พระอาจารย์กฤต ฐิตวิริโย (พระอาจารย์โต) สกุล อินทรานาคะไชย ผู้เป็นหน่อเนื้อนาบุญของพุทธศาสนา หนึ่งในไตรลักษณ์ของศาสนา ที่จาริกเดินบนเส้นทางแห่งพระสุปฏิปัณโณ สืบทอดตามแนวทางของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระบรมศาสดา ที่แตกหน่อชูช่อบานสะพรั่งพลิ้วไสวเล่นลม หมดหวนบน แผ่นดินล้านนา นับเป็นรูปล่าสุดในปัจจุบัน ที่เราสามารถสัมผัสรังสี แห่งธรรมได้ กับพระอาจารย์โต แห่งวัดพระบาทปางแฟน อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่
    พระอาจารย์กฤต ฐิตวิริโย ถือกำเนิดเมื่อ วันพุธ ที่ 28 ม.ค. 2519 ที่บ้านทุ่งแล้ง อ.ลอง จ.แพร่ เป็นบุตร ของโยมพ่อสันติ์ โยมแม่บัวผัด อินทรานาคะไชย เป็นบุตรคนโต ในจำนวนพี่น้อง 5 คนดังนี้
    พระอาจารย์กฤต ฐิตวิริโย
    นายมนุญ อินทรานาคะไชย
    นายพินิจ อินทรานาคะไชย
    คุณศศิธร อินทรานาคะไชย
    นายสุริยา อินทรานาคะไชย
    โยมแม่ของพระอาจารย์ โต เล่าให้ฟังว่า ขณะตั้งครรถ์แก่จวนคลอด ได้นิมิตเห็นมีดวงแก้วสีเขียว สดใสมากดวงหนึ่ง ดวงโตเท่าลูกมะพร้าวลอยมาหา และลอยหายไปในท้องจึงได้ตกใจตื่น และปวดท้องจะคลอด พอดีวันนั้นฝนตกหนักมากคุณพ่อจึงได้ไปตามหมอตำแยในหมู่บ้านมาดู และช่วยทำคลอด ในขณะที่พระอาจารย์โตคลอดนั้นก็ได้เกิดเหตุมหัศจรรย์ขึ้นคือ แผ่นดินไหวพอดี เหมือนเป็นปาฏิหาริย์ และปรากฏว่าพอพระอาจารย์คลอดออกมา มีสายรกนั้นพันอยู่เต็มรอบตัว ซึ่งชาวล้านนาส่วนใหญ่เชื่อกันว่าเด็กที่เกิดมาแล้วมีสายรกพันตัวนั้นคือผู้ มีบุญมาเกิด และจะได้บวชในพระพุทธศาสนา เมื่ออายุได้ 4 ขวบคุณพ่อได้พาไปหาคุณปู่ที่บ้านสองแคว อ.เมืองแพร่ ซึ่งคุณปู่ท่านก็บอกกับคุณพ่อว่า หลวงปู่พระเจ้าคุณดาบส สุมโณ ซึ่งได้มาจำพรรษาที่ป่ามะม่วง ของคุณปู่ที่บ้านสองแควและคุณปู่คอยอุปถัมภ์ท่านเสมอ ๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง ท่านได้บอกกับคุณปู่ว่าอีกไม่นานจะได้เห็นหลานชายเป็นผู้มีบุญมาเกิด คือฝนจะตก แผ่นดินจะไหว และที่สำคัญจะมีสายรกพันตัวด้วย และเมื่อเขาพอจะจำความได้ ให้มอบของพวกนี้ให้กับหลานคนแรก
    ที่ถือกำเนิดมาตอนแผ่นดินไหว และเมื่อเขา (ของเหล่านั้นที่หลวงปู่ดาบสมอบให้พระอาจารย์ขอปิดเป็นความลับ) โตขึ้นจะได้บวชในพระพุทธศาสนาจะเป็นคนมีชื่อเสียง และจะได้เป็นที่พึ่งของปวงชน แต่เมื่ออายุครบ 30 ปีแล้วก็จะหมดบุญแต่จะมีผู้มีบุญบารมีมากๆ มาช่วยขอต่ออายุให้ และขอให้ช่วยกันเลี้ยงให้ดีๆ จากนั้นท่านก็เดินจากไปจำพรรษาที่ถ้ำจักรพรรดิ์ อ.ลอง ก่อนจะไปอยู่จำพรรษาที่อาศรมไผ่มรกต จ.เชียงราย จนกระทั่งมรณภาพ และทิ้งหัวใจที่ไฟไม่ไหม้ไว้ให้ดูต่างหน้า ให้ผู้คนได้รำลึกไว้เสมอว่า ไม่มีอะไรในโลกนี้ ที่เป็นไปไม่ได้
    สัมผัสสิ่งศักดิ์สิทธิ์ีครั้งแรก ชีวิตในวัดเด็กของพระ อาจารย์โตนั้น ก็เหมือนเด็กชาวบ้านทั่วไป ที่ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบช่วยพ่อแม่ทำงานบ้านทุกอย่าง ทั้งตักน้ำ ผ่าฝืน ทำอาหาร แต่เป็นที่น่าแปลกอย่างหนึ่งคือ พระอาจารย์ไม่ชอบฆ่าสัตว์ วันหนึ่งพระอาจารย์เกิดป่วยอย่างหนักตัวร้อนเหมือนไฟเผา ทานยายังไงก็ไม่หายทานอาหารก็อาเจียนออกมาหมด มีอาการอ่อนเพลียมาก ตาแดงก่ำด้วยพิษไข้ จนรู้สึกเบลอๆ ไป ขณะนั้นเองก็มีความรู้สึกว่ามีผู้หญิงสวยมากคนหนึ่ง นุ่งห่มผ้าสีสันสวยงาม เดินเข้ามาหา ตรงหน้านั่งอยู่ข้างๆ และเอามือลูบศรีษะพระอาจารย์เบาๆ พูดด้วยเสียงนุ่มนวลว่า ไม่ต้องกลัวนะต่อไปนี้ จะคอยตามดูแลตลอดไป พักผ่อนนะเดี๋ยวทุกอย่างจะดีเอง พระอาจารย์ก็พูดไม่ออกในตอนนั้น ขยับเขยื่่อนก็ไม่ได้ แต่เธอก็ยิ้มให้อย่างมีเมตตา แล้วก็หายไป พอรุ่งเช้าอาการป่วยของพระอาจารย์ที่หนักเจียนตาย กลับหายไปอย่างน่าอัศจรรย์ จึงได้ถามพ่อแม่ว่ามีใครมาหาบ้างตอนที่นอนป่วยอยู่ และแต่งตัวอย่างที่เห็น ก็ได้รับคำตอบว่าไม่มี พระอาจารย์จึงเก็บความสงสัยนั้นไว้ตลอดมา สำหรับส่วนตัวของพระอาจารย์เองนั้น มีนิสัยชอบที่จะไปพบหาพระธุดงค์หลายรูป จึงทำให้พระอาจารย์มีความผูกพันกับชีวิตพระธุดงค์ จึงได้ตั้งความปรารถนาว่า เมื่อโตขึ้นในภายหน้าจะต้องบวชเรียน และเดินธุดงค์ตามรอยครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ดังนั้นพระอาจารย์จึงติดนิสัยชอบปลีกหาความวิเวก ไปอยู่ตามป่าเขาเสียเป็นส่วนใหญ่
    ในปี 2531 ขณะนั้นได้บรรพชาเป็นสามเณร อยู่ที่วัดศรีดอนคำ ซึ่งเป็นวัดที่พระนางจามเทวีสร้างบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าไว้ ด้วยความเป็นคนที่ขอบในการปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่เกิด จึงทำให้พระอาจารย์เคารพในสิ่งศักดิ์สิทธิ์สวดมนต์ไหว้พระเสมอๆ และรำลึกนึกถึงบุญคุณของพระนางจามเทวี ที่ได้สร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ไว้ให้ได้บูชาสักการะ คืนวันหนึ่ง พระอาจารย์ได้นิมิตไปว่ามีสตรีวัยกลางคนมาหา แต่ไม่ใช่ีคนเดิมที่เคยเจอก่อนบวช เพราะดูมีอายุกว่ามาบอกว่า ท่านคือ พระนางจามเทวี ปฐมวีรกษัตริย์แห่งเมืองหริภุญชัย มาเพื่อจะบอกว่าในวันข้างหน้า พระอาจารย์โตนั้นจะเป็นผู้มีส่วนช่วยท่านเสริมสร้างบารมี ให้ขจรขจายไปทั่วสารทิศ เพราะเคยมีอดีตชาิติที่เกื้อหนุนกันมาก่อน ท่านยังบอกในนิมิตว่าพรุ่งนี้เช้าหากท่านไปบิณฑบาต จะมีคนนำสไบสีเขียวมาถวาย ใ้ห้ท่านนำไปห่มอนุสาวรีย์ของท่านที่วัดศรีดอนคำ อ.ลอง จ.แพร่ให้ด้วย จากนั้นท่านก็หายไป จนกระทั่งเช้า พระอาจารย์ก็ไปบิณฑบาิตเดินจนเกือบจะถึงวัด ก็ยังไม่มีใครเอาสไบสีเขียว มาถวายสักผืน จึงไม่ได้ใส่ใจคิดว่าฝันก็คือฝัน แต่ขณะกำลังจะก้าวเข้าสู่ประตูวัดก็ได้ยินเสียงหญิงชาวจีน วัยกลางคนนิมนต์รับบาตร เขาหยิบข้าวและอาหารคาวหวานครบ และสิ่งที่ทำให้พระอาจารย์ตกใจมาก ก็คือผ้าผืนสีเขียวตองอ่อนผืนหนึ่ง ที่เขาบรรจงหยิบขึ้นมา พร้อมกับกล่าวว่า เมื่อคืนพระนางจามเทวี มาเข้าฝัน ให้เอาผ้าสไปสีเขียวมาใส่บาตรถวายเณรรูปร่างลักษณะอย่างนี้ๆ ก็เฝ้ารอตั้งนานแต่ไม่พบ จนมาพบพระอาจารย์จึงคิดว่าใช่ตามที่ฝัน จึงมาดังรอใส่บาตร พระอาจารย์จึงได้นำผ้าสไบชิ้นนั้น ไปห่มถวายอนุสาวรีย์องค์ท่านทันที และเริ่มสนใจศึกษาเกี่ยวกับองค์เทพ พรหมและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ว่ามีอยู่จริงหรือไม่ และเริ่มหักเหชีวิตจากฝักใฝ่ในการเรียนก็กลับเริ่มฝึกปฏิบัติกรรมฐานตั้งแต่ นั้นมา
    ชีวิตหันเหจากเรียนเป็นธุดงค์ จากการที่พระอาจารย์ชื่นชอบการปฏิบัติกรรมฐานในพระธุดงค์เป็นอย่างมาก จึงได้แอบไปตามป่าเขาลำเนาไพร หรือที่เรียกว่าธุดงค์ จุดมุ่งหมายจุดแรกของการออกเผชิญชีวิตของสามเณร ซึ่งเมื่ออยู่ที่วัดก็ถูกเหยียดหยามจากพวกพระภิกษุสารเณรด้วยกัน หาว่าบ้าเพราะไม่ยอมเข้าสังคมเอาแต่นั่งสวดมนต์ หนังสือหนังหาไม่ยอมเรียน จึงคิดหลบไมหาที่สงบ ไปนั่งในป่าช้าบ้าง ตามชายป่าบ้าง แต่หาได้พ้นสายตาของผู้คน กลับพากันมารบกวน และเล่าลือกันไปต่างๆ นาๆว่า สารเณรโตนี้คงจะเพี้ยน เพราะสวดมนต์มากจนเกินไป จึงขอลาหลวงปู่เจ้าอาวาสคือหลวงปู่แก้ว (พระครูเกษมรัตนคุณ) วัดศรีดอนคำ โดยบอกว่าจะไปออกแสวงหาครูบาอาจารย์สอนกรรมฐาน มีจุดมุ่งหมายไปที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อแสวงหาครูบาอาจารย์ฝึกสอนกรรมฐาน โดยได้รับคำแนะนำจากครูบาสมจิต จิตคุตโต วัดสะแล่งก่อนมาว่า ขอให้ตั้งใจบำเพ็ญเพียรให้ดี แล้วจะสำเร็จตามที่ตั้งใจ จึงตั้งใจไปหาพระอาจารย์วิชัย เขมีโย วัดถ้ำผาจม แต่บังเอิญช่วงนั้นท่านได้เดินทางไปต่างประเทศ ทางวัดจึงจัดที่พักค้างคืนได้ 7 วัน พระอาจารย์จึงใช้สถานที่ในถ้ำผาจมนั้นบำเพ็ญภาวนา นี่เป็นช่วงชีวิตที่หักเหเริ่มธุดงค์ครั้งแรกในชีวิต
    วันต่อมาพระอาจารย์ได้พบภิกษุลึกลับที่จำพรรษาอยู่บริเวณเดียวกันกับวัด ถ้ำผาจม ซึ่งท่านได้เมตตาสอนการปฏิบัติกรรมฐานอยู่อย่างพระธุดงค์ โดยเดินทางข้ามไปฝั่งพม่า เข้าป่าฝึกธุดงค์กรรมฐาน ด้วยการกำหนดจิตขั้นพื้นฐาน ด้วยการปล่อยวางไม่เข้าไปยึดมั่นถือมั่น ในเหตุปัจจัยแห่งสัญญาของรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ทำให้อาจารย์ได้รู้สัจธรรมความจริงของชีวิต ทั้งด้านดี และเลวอย่างถ่องแท้
    นอกจากนี้อาจารย์ยังได้ศึกษาเรียนรู้การเจริญอาณาปานสติกรรมฐาน ด้วยการกำหนดสมหายใจเข้าออกที่สามารถกระทำการเจริญได้ 4 อัปกริยา ด้วยการยืนทำสมาธิ เดินจงกรม นั่งสมาธิและนอนทำสมาธิ
    พระอาจารย์ได้อยู้ศึกษาการเจริญสติกรรมฐาน พร้อมวิชาการต่างๆ อยู่ระยะหนึ่ง ก็ลาจากภิกษุลึกลับ กลับมาฝั่งไทย ที่อ.แม่สาย ก่อนลาจากภิกษุลึกลับกลับท่านได้เรียกเข้ามาพบ และได้ยื่นคัมภีร์เก่าๆ ให้อาจารย์ พร้อมกำชับให้ไปศึกษาคาถาในคัมภีร์ให้เข้าใจ เพื่อจะได้นำเอาไปสงเคราะห์ญาติโยมในวันข้างหน้า ตราบใดที่ยังไม่ได้เป็นเจ้าอาวาส ห้ามนำเอาออกมาใช้อย่างเด็ดขาด เพราะจะเป็นภัยกับตัวเณรเอง
    เมื่อลาจากภิกษุลึกลับแล้วก็เดินทางกลับมาที่แพร่ และเตรียมเดินทางต่อไปภาคกลาง โดยมีจุดมุ่งหมายที่ จ.สิงค์บุรี คือที่ัวัดชูศรีเจริญสุข กราบฝากตัวเป็นศิษย์กับหลวงปู่บุดดา ถารโร อยู่กับท่านเกือบสองเดือน ก็พอดีหลวงพ่อคง จตตมโล วัดเขาสมโภชน์ อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี ได้มากราบหลวงปู่บุดดา ท่านจึงฝากให้ไปเรียนวิชาธรรมเปิดโลกกับหลวงพ่อคง พอฝึกจนคล่องพอตัว จากนั้นก็กราบลาท่านลงไปใต้ โดยมีคนแนะนำพาไป จ.สงขลา อ.นาทวี และได้รับใช้หลวงปู่พระครูประสูตโสภณ (อั้น คุณกาโม) ณ.วัดในวัง
    อุปสมบท (ในพระราชูปถัมภ์) ในปีนั้นสมเด็จย่าทรงประชวรบ่อย ทางหลวงพ่อเจ้าอาวาสจึงบอกให้อาจารย์อุปสมบทเป็นพระภิกษุเพื่อถวายเป็นพระ ราชกุศลทางหลวงพ่อจึงได้นำเรื่องขึ้นทูลถวายสมเด็จย่าจึงได้พระราชทานทุน ทรัพย์ส่วนพระองค์
    จัดงานอุปสมบท ณ วัดในวังพระอารามหลวงในพระราชูปถัมภ์
    สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และสมเด็จพระเจ้าที่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2538 โดยมีพระเดชพระคุณพระสุนทรราชมานิตเถร เจ้าอาวาสวัดในวัง (พระอารามหลวง ในพระราชูปถัมภ์) เจ้าคณะ อ.นนทวี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูวิธานธรรมรัตน์ เจ้าคณะตำบลนาทวี วัดในวังเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูพิพัฒกิตติสุนทร เจ้าคณะตำบลคลองทราย วัดลำขิง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระครูประสูติโสภณ (อั้น คุณกาโม) วัดในวัง อายุ 98 พรรษา เป็นพระศีลาจารย์ พระธรรมกิจโกศล (นอง ธัมมภูโต) วัดทรายขาว จ.ปัตตานี เป็นพระอาจารย์สอนกรรมฐาน ได้รับฉายาว่าฐิตวิริโย แปลว่า ผู้มีความเพียรอันตั้งมั่น
    ฝึกเรียนวิชาอาคม ในด้านวิชาอาคม พ่อท่านนองบอกว่า การเล่นวิชาอาคมมั้นใจต้องนิ่ง และหนักแน่น เพราะถ้าใจเป็นสมาธิ จะทำให้การเรียนก้าวหน้าและสำเร็จดังใจหวัง ถ้าหากใจไม่มีสมาธิย่อมไม่ับังเกิดความเข้มขลัง ก่อนเรียนคาถาอาคม ให้จัดดอกไม้ ธูปเทียน ไปกล่าวขอขึ้นครูกับพระประธานในอุโบสถก่อน เป็นสิ่งที่เป็นอนัตตา คือไม่มีตัวตน เป็นเีพียงศาสตร์แขนงหนึ่งเท่านั้นเอง ท่านให้จัดพานครูแล้วก็ให้ห่มผ้า ไปนั่งสมาธิในอุโบสถ จุดเทียนธูปบูชาพระรัตนตรัยและเป็นการบูชาครูบาอาจารย์ ให้ตั้งสัจจะอธิฐานว่า ข้าพเจ้าจะขอศึกษาสรรพวิชาต่างๆ นี้จากตำราโบราณและโอษฐ์ของครูบาอาจารย์ พร้อมกล่าวต่อไปว่า ขอเดชะสิ่งศักดิ์สิทธ์ ด้วยดวงจิตและวิญญาณอันบริสุทธิ์ของข้าพเจ้า ข้าพเข้าชื่อ...........ขอระลึกถึงเหล่าพราหมณ์และฤษีทั้งหลายทั้งปวงผู้รู้ เวทย์มนต์ทั้งสิ้น และขอให้พราหมณ์ และเหล่าฤษีทั้งหลายเหล่านั้น ได้เป็นสักขีที่ข้าพเจ้าจะได้ศึกษาพระเวทย์มนตราจากตำราและจากครูบาอาจารย์ ขอทุกๆท่านได้โปรดมาอำนวยพรเพื่อเสริมบารมีให้ข้าพเจ้าดุจประหนึ่งว่า พระอาทิตย์ผู้ให้แสงสว่างในเวลากลางวัน พระจันทร์ผู้ให้แสงสว่างในเวลากลางคืน แต่ด้วยอำนาจฤทธิ์เวทมนต์ของข้าพเจ้าขอให้ข้าพเจ้าจงมีอิทธิฤทธิ์ทั้งกลาง วันกลางคืน ขอได้โปรดจงเกื้อหนุนด้วยชะตาของข้าพเจ้า หากข้าพเจ้าจะกระทำกิจการงานใดจงสำเร็จสมประสงค์ ด้วยเดชและอำนาจของท่าน จงทำให้คำอธิษฐานของข้าพเจ้าสัมฤทธิ์ผล บังเกิดสิริมงคลในกิจที่ทำ โอมสิทธิริ เอหิ เอหิ อาคัจฉามะ
    อนึ่งหลวงปู่อั้นนั้น เป็นที่นับถือของพ่อท่านนอง วัดทรายขาวเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นสหธรรมิกกับพระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี และได้ร่วมกันสร้างพระหลวงปู่ทวดเนื้อว่านรุ่นแรก ปี 2497 ด้วย อนึ่ง อ.นาทวี จ.สงขลา และอ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานีห่างกันเีพียงแค่ 60 กิโลเมตร การสัญจรไปมาสะดวกสบายใช้เวลาเดินทางแค่ประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึง เมื่อหลวงปู่อั้นได้ฝากตัวอาจารย์ไปศึกษาวิทยาคมต่างๆ กับพ่อท่านนอง พ่อท่านนองจึงไม่ขัดข้อง และยอมสอนวิชาให้แต่โดยง่าย ปกติพ่อท่านนองจะไม่รับใครเป็นศิษย์ แต่ด้วยความเคารพและความเกรงใจหลวงปู่อั้น พระอาจารย์จึงถือว่าโชคดีที่ได้ฝึกกรรมฐานและวิชาอาคมต่างๆ จากท่าน วิชาที่โดดเด่นที่สุดคือวิชา สาลิกาเหินฟ้า สุดยอดเมตตามหานิยมอันลือลั่น ที่พระอาจารย์นำมาสงเคราะห์ญาติโยม พร้อมด้วยวิชาแก้กรรมพลิกดวงเสริมบารมี ตามตำราของพระภิกษุลึกลับในป่าผู้เป็นอาจารย์
    ของศักดิ์สิทธิ์ประจำตัว เนื่องด้วยพระอาจารย์นั้นปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่เด็กจึงทำให้พบปะกับพระเกจิเถ ราจารย์ต่างๆ มากมาย รวมทั้งครูบาอาจารย์คฤหัสถ์จอมขมังเวทย์ทั้งหลาย ต่างก็มอบของวิเศษ ของศักดิ์สิทธิ์ให้ไว้คู่บารมีดังนี้
    1.ประคำเหล็กไหล
    2.ขวานฟ้าผ่า
    3.งากำจัด
    4.นาคบ่วงบาศ
    5.เขี้ยวหมูตัน
    6.เขี้ยวเสือ
    7.คตมะขาม
    8.คตขมิ้น
    9.คตสัมป่อย
    10.หงอนพญานาค
    11.เพขรพญานาค
    12.เก้ากวาง
    13.ไม้ไผ่ตันแทงทลุต้นไม้
    14.กะลาตาเดียว
    15.ปรอทกรอ
    16.ชานหมากกลายเป็นหิน
    17.ลูกอมเทวดา
    18.หินธิเยตแกะเป็นท้าวเวสสุวรรณ อายุกว่า 1,000 ปี
    เส้นพระเจ้า
    (ปัจจุบันประอาจารย์โตยังคงเก็บรักษาของวิเศษเหล่านี้ไว้อย่างดี)



    ประวัติวัดพระบาทปางแฟน ​
    วัดพระ บาทปางแฟน ได้ก่อตั้ง เป็นที่พักสงฆ์มาพร้อมกับหมู่บ้านปางแฟน เมื่อปีพ.ศ. 2442 บริเวณแห่งนี้ แต่เดิมเข้าใจว่า เป็นวัดเก่าหรือเมืองโบราณ เนื่องมาจากในบริเวณนี้จะพบซากอิฐ เจดีย์ และของใช้โบราณต่างๆ เป็นจำนวนมาก รวมถึงมีการกล่าวขานว่า ในอดีตพ่อขุนเม็งราย ได้เสด็จมาเพื่อรวบรวม แว่นแคว้น น้อยใหญ่ให้เป็นปึกแผ่น ขณะพระองค์เสด็จมาถึงสถานที่แห่งนี้ได้หยุดพักตั้งค่ายทหาร ​
    พระองค์ ได้ทอดพระเนตร พบกับรอยพระพุทธบาท เข้าใจว่าเป็นรอยพระบาทพระพุทธเจ้า พ่อขุนเม็งราย ก็เกิดศรัทธา จึงได้นำสมบัตส่วนพระองค์ฝังบูชารอยพระบาท ที่ปรากฏอยู่ โดยบรรจุสมบัติไว้ใต้รอยพระบาท ซึ่งเป็นอุโมงค์แล้วปิดอุโมงค์ด้วยก้อนหิน จากนั้นจึงโปรดให้สร้างอาราม ให้พระเณรจำพรรษา และโปรดให้พระสนมฝาแฝดพระนามว่า "สร้อยสุนีย์-ศรีสุคณฑา" ธิดาเจ้าเมือง เชลียงอุปัฏฐาก พระอารามแห่งนี้ สืบไป จะเห็นได้ว่า ตรงประตูทางขึ้นวัดปางแฟน ชาวบ้านได้สร้างศาลเอาไว้ เรียกศาลพระแม่สองนาง เชื่อกันว่า พระนางทั้งสอง จะปกป้องรักษาสมบัติของพ่อขุนเม็งราย และวัดแห่งนี้ จากบันทึกของวัดทำให้ทราบว่า มีพระสงฆ์ปกครองวัดดังนี้ ​
    ครูบาศิริชัย มหาเถร ปกครองวัดช่วงปี พ.ศ.2442- พ.ศ.2445
    ครูบาสิทธิเถร ปกครองวัดช่วงปี พ.ศ.2445- พ.ศ.2447
    ครูบาพรหมทอง ปกครองวัดช่วงปี พ.ศ.2447- พ.ศ.2500 ​
    จาก บันทึกดังกล่าว ทำให้คาดคะเน ได้ว่า วัดพระบาทปางแฟน แห่งนี้เดิม ทีสร้างขึ้นในสมัย พ่อขุนเม็งราย แต่ต่อมา วัดได้ร้างลงด้วยกาลของเวลา และขาดผู้อุปถัมภ์ เนื่องมาจากวัดแห่งนี้ อยู่ไกลจากความเจริญ การคมนาคมเป็นไปด้วยความลำบาก วัดถูกบรณะขึ้นมาใหม่ในสมัยของครูบาศิริชัย มหาเถร พอสิ้นยุคของครูบาพรหมทอง วัดก็ถูกปล่อยให้ร้างไปอีกครั้ง ไม่มีภิกษุจำพรรษา ในขณะนั้นมีชาวบ้านแค่ 3 ครอบครัว ต่อมาราวปี 2500 โดยการปกครองของกำนันจู ได้มีชาวบ้านเพิ่มเป็น 9 ครอบครัว แต่ชาวบ้านได้อาศัย วัดแม่หวานเป็นศูนย์รวมจิตใจ แต่ก็ติดขัดที่ไม่สะดวก จากการเดินทาง ชาวบ้านจึง มีแนวความคิดที่จะจัดสร้างอารามขึ้นในหมู่บ้าน เป็นสถานปฏิบัติธรรม ทุกๆวันพระจะนิมนต์พระมาเทศน์โปรดชาวบ้าน มีภิกษุสามเณร เวียนมาจำพรรษา ยังอารามปางแฟนแห่งนี้ ​
    ้ พ่ออุ้ยอ้าย สุดาคำ และ แม่อุ้ย จันทร์ สุดาคำ อายุ 84 ปี บอกว่า เดิมแม่อุ้ย เป็นคนบ้านแม่ดอกแดง อ.ดอยสะเก็ด ต่อมาได้มาอยู่กินกับพ่ออุ้ยอ้าย เป็นคนบ้านสันป่าสักน้อย ขณะอายุได้ 22 ปี และได้อพยพมาอยู่บ้านปางแฟน ตอนนี้บริเวณนี้ยังเต็มไปด้วยที่นา เมื่อชาวบ้านได้ร่วมกันบริจาคที่ดิน ทำอาราม โดยมี สามเณรจากบ้านด้าย จ.เชียงราย มาบุกเบิกสร้างอารามราว 5 ปี ​
    ต่อ มาก็มีแม่ชีสองท่านซึ่งบวชเป็น ชีมาตั้งแต่อายุ 12 ปี มีความเคร่งครัดในพระศาสนา ได้เดินทางมา ถึงบ้านปางแฟน ทั้งสองคือ แม่ชีเกณฑ์ และมีชีน้อย อายุประมาณ 20 ปี ได้มาฝึกสอนวิชาชีพ ให้ชาวบ้าน สอนให้ทอผ้า และร่วมกับชาวบ้าน สร้างวิหารหลังแรก และแม่ชีมักจะบอกกับชาวบ้านว่า สถานที่แห่งนี้ ศักดิ์สิทธิยิ่ง เพราะมักจะได้ยินเสียง ปี่ พาทย์ มโหรี ดังในวันพระเสมอ แม่อุ้ยได้เล่าว่า นอกจากเสียงเพลงแล้วชาวบ้าน มักจะเห็นดวงไฟประหลาดเป็นแสงสีเขียว สีขาว ลอยมาจากดอยม่อนธาตุ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอารามปางแฟนเท่าใด ดวงไฟมักลอยมาหาย ณ บริเวณอารามแห่งนี้ ​
    ้ ขณะนั้น ยังไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่ามีสิ่งสำคัญประดิษฐ์อยู่ ชาวบ้าน จะเคยเห็นคุ้นเคยแต่เพียงว่าอารามแห่งนี้ มีก้อนหินก้อนหนึ่ง ใหญ่มาก มีร้อยเท้าติดอยู่บนแท่นหินขนาดเท่าร้อยเท้าคน หนึ่งคู่ แต่ไม่ลึกมาก เวลาต่อมา พระครูมงคลศีลวงศ์ เจ้าคณะอำเภอดอยสะเก็ดในขณะนั้น ( พ.ศ.2529) ได้มาสำรวจสถานที่ เมื่อพระครูมงคลฯ ได้มาตรวจสอบรอยเท้าที่ปรากฏอยู่นั้น จึงทราบความจริงว่า เป็นรอยพระบาท อย่างแน่นอน ท่านเกรงว่ารอยพระบาทจะถูกเหยียบย่ำ และทำลายโดยรู้ไม่ถึงการณ์ จึงได้นำคณะร่างทรงในจังหวัดเชียงใหม่ ชื่อแม่จันทร์มีสามีชื่อ พ่อเสริฐ บ้านอยู่แถวสันป่าข่อย จ.เชียงใหม่ ได้ร่วมกับพระคูรมงคลฯ สร้างเจดีย์ครอบรอยพระบาทแห่งนี้ไว้ เพื่อให้ประชาชนได้สักการะบูชา โดยได้จำลองแบบ มาจากเจดีย์พุทธคยาประเทศอินเดีย ส่วนรอยพระบาทนั้น เพื่อเบนความสนใจของผู้ที่ประสงค์ร้ายจะมาทำลายรอยพระบาท จึงได้ทำใหม่ ขึ้นมาอีก 4 รอย ตามที่ได้ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ​
    เมื่อ แม่ชีน้อย แม่ชีเกณฑ์ ได้ร่วมบูรณะอารามปางแฟนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได็ลากลับภูมิลำเนาเดิมของแม่ชีทั้งสอง ส่วนชาวบ้านได้เสาะหา พระผู้ปฏิบัติดี ประพฤติชอบ เพื่อจะได้มาจำพรรษายังอารามปางแฟน ขณะนั้นชื่อเสียงของ พระอาจารย์ สำเร็จ คุตตาโภ จากจังหวัดลำปาง เป็นที่กล่าวขาน ของประชาชนในเขต ภาคเหนือ ชาวบ้านจึงได้นิมนต์ ให้มาจำพรรษา ปกครองวัดแห่งนี้ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2529 จนถึงปี พ.ศ.2538 ท่านก็ลาสิกขา จากนั้นได้พระอาจารย์ ตี๋ สิริปุญโญ มาครองวัดตั้งแต่ ปี พ.ศ.2538 ถึงปี พ.ศ. 2542 แต่กครองวัดได้ไม่นาน ก็ถึงแก่มรณะภาพในปี พ.ศ. 2546 เมื่อทางวัดปางแฟน ขาดพระภิกษุไปอีกทำให้ชาวบ้าน รู้สึกหวั่นใจอย่างยิ่ง เพราะวัดแห่งนี้ชาวบ้านเชื่อกันว่า มีสิ่งศักดิ์สิทธิเร้นลับ หากพระสงฆ์บารมีไม่พอ ไม่อาจปกครองวัดแห่งนี้ได้นาน พ่อหลวงตั๋น ผู้นำหมู่บ้าน จึงประชุมชาวบ้านเห้นพ้องต้องกันว่า ควรหาพระที่มีบุญบารมี มาปกครอง และทราบว่ามีภิกษุหนุ่มรูปหนึ่ง เป็นพระดี มีวิชา เป็นคนเมืองแพร่ ชาวบ้านเรียกว่า ครูบาโต จึงได้สืบเสาะจนพบและได้ร่วมกัน อาราธนานิมนต์ให้มาเป็นเจ้าอาวาส ​
    ท่านพระครูปลัด กฤต ฐิตวิริโย หรือครูบาโต ท่านยังไม่รับปากที่จะมาครองวัดในทันที โดยให้เหตุผลว่า หากเป็นวัดที่เจริญแล้ว จะไม่มาเป็นเจ้าอาวาส ท่านอยากจะสร้างและบูรณะวัดด้วยกำลังความสามารถของท่านเอง และเมื่อได้มาเห็นสภาพของวัด ถือว่ายังขัดสนอยู่มาก จึงรับปากและได้มาพัฒนาวัด พระบาทปางแฟน ตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค. 2546 จนถึงปัจจุบัน ​
    วัดพระบาทปางแฟน เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ใช้ทุนทรัพย์ในการก่อสร้างหลายสิบล้านบาท ปัจจุบันวัดพระบาทปางแฟน ตั้งอยู่เลขที่ 50 บ้านปางแฟน หมู่ 5 ต.ป่าเมี่ยง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย บนเนื้อที่ 15 ไร่ ทิศเหนือจรดภูเขา ทิศใต้จรดลำห้วยทรายคำ ทิศตะวันออกจรดถนนเชียงใหม่-เชียงราย ทิศตะวันตกจรดภูเขา สิ่งศักดิ์สิทธิประจำจังหวัดประกอบด้วยรอยพระบาท หลวงพ่อทันใจ หลวงพ่อเศียร ซึ่งขุดเจอเฉพาะเศียรฝังอยู่ในดิน ต่อมาท่านได้เข้านิมิตพระอาจารย์โต ให้ช่วยขุดตัวองค์พระ เพื่อมาต่อกับเศียร แรกๆท่านก็ไม่เชื่อ แต่อยากจะพิสูจน์ความจริง ​
    จึง ได้เกณฑ์ชาวบ้าน ให้ช่วยกันขุดตามที่นิมิต ก็พบความจริงจึงได้ทำการต่อองค์พระกับเศียร จนสมบูรณ ์ พระพุทธรูปองค์นี้เป็นที่ เครารพสักการะบูชาของชาวบ้านเป็นอย่างมาก ​
     
  3. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    พระพิฆเนศรุ่นขอได้ดังใจหวัง ปี 2550
    วัตถุประสงค์ของการสร้าง เพื่อ นำรายได้ส่วนหนึ่งไปสมทบทุนสร้างเจดีย์จุฬามณี
    ณ วัด พระบาทปางแฟน อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่
    ครั้งที่ ๑ : วันอาทิตย์ที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๔๙ พิธีเทวาภิเษกชนวนโลหะ และมวลสาร ณ พุทธสถาน ชมรมพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ กรุงเทพ
    ครั้งที่ ๒ : วันอาทิตย์ที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๐ บวงสรวงพระพิฆเนศและเทพเทวดา เททองหล่อนำฤกษ์ และเทวาภิเษกชนวนโลหะและมวลสาร ปั้มพระเนื้อผงในพิธี ณ วัดพระบาทปางแฟน อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่
    ครั้งที่ ๓ : วันพฤหัสบดีที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๐ พิธีเทวาภิเษก ณ ณ พุทธสถาน ชมรมพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ กรุงเทพ
    ปลุกเสกด้วยมหาพิธีที่ยิ่งใหญ่ที่ต้องบันทึกไว้เป็นตำนานการสร้างพระพิฆเนศ โดยพระคณาจารย์ชื่อดังของเมืองไทย เช่น หลวงพ่อเจือ วัดกลางบางแก้ว จ. นครปฐม, หวงพ่อเก๋ วัดแม่น้ำ จ. นนทบุรี, หวงพ่ออั้น วังโรงโค จ.อุทัยธานี, หลวงพ่อบุญมา วัดถ้าโพงพาง จ. ชุมพร, พระอาจารย์โต วัดพระบาทปางแฟน จ.เชียงใหม่ เป็นต้น ​
    [​IMG]
     
  4. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    มีเนื้อว่านดำเพนท์สีจากวัด
    ราคา 2500.0 บาทครับ
     
  5. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    [​IMG][​IMG]

    ตลับสีผึ้งรุ่นปลดหนี้ครูบากฤษณะ วัดป่ามหาวัน
    บูชาราคา 500.0 บาทค่าส่ง 50 บาทครับ
     
  6. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    มีแค่ 1 ดอกครับ
     
  7. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    เหรียญนาคี รุ่นแรกหลวงปู่จักร วัดเขารังไก่ จัดสร้างปี 2528 สมัยที่หลวงปู่ท่านธุดงค์มาถึงวัดถ้ำเขารังไก้ใหม่ๆ ท่านต้องการสร้างถาวรวัตถุ จึงสร้างเหรียญรุ่นแรกออกมาให้บูชาหาเงิน สร้างวัด เนื่องจากหลวงปู่ยังไม่เป็นที่รู้จัก ทำให้เหรียญรุนแรก มีใช้เฉพาะคนในพื้นที่

    ประสบการณ์จากเหรียญรุ่นแรก ที่ดังในพื้นที่คือ มีชาวบ้านในพื้นที่ ที่ศรัทธาในตัวหลวงปู่นิมนต์ให้จำวัดที่ ถ้ำเขารังไก่เพื่อโปรดญาติโยม เพราะที่นี่ธุรกันดานมาก หลงปู่ท่านชอบ สมถะ เงียบ สงบ เหมาะแก่การปฏิบัติพระกรรมฐาน ท่านจึงอยู่ที่ถ้ำเขารังไก่

    ก่อนที่ท่านจะสร้างเหรียญนาคี รุ่นแรก ท่านเข้าไปฝึกกรรมฐานในถ้ำเขารังไก่ มีพญานาคในถ้ำมาหาท่าน และบอกให้ท่านอยู่ที่นี่ เพื่อโปรดญาติโยม ต่อไปภายหน้าจะมีลูกหลานของท่านมาทำบุญกันมากมาย พญานาคได้มอบแร่นาคราชให้หลวงปู่เพื่อสร้างเหรียญนาคี เพื่อให้หลวงปู่ได้สร้างเหรียญรุ่นแรก ออกมาให้ชสวบ้านได้บูชา เพื่อหารายได้สร้างวัด หลวงปู่จึงอยู่ที่วัดเขารังไก่ ไม่ได้ธุดงค์ไปใหนอีก ก็เป็นจริงดังพญานาคราชได้กล่าวเอาไว้
    ต่อมาไม่นานหลวงปู่ท่านก็ดังมาก เป็นที่รู้จัก พระเครื่องของหลวงปู่ที่สร้างปลุกเสกประจำคาถาอาคม ลงไปต่างมีประสบการณ์เรียกว่า เกรียวกราวไปทั่ว ใครบูชาไปต่างก็เฮงกันถ้วนหน้า จนพระเครื่องหลวงปู่หมดไปจากวัดในเวลาอันรวดเร็ว
    ทุกวันนี้ที่วัดหลวงปู่มีผู้คนไปกราบใหว้ ขอพรหลวงปู่กันมากครับ

    หลวงปู่จึงบอกผมว่า เหรียญ นาคีนี้ ดีนะ เป็นเหรียญที่หลวงปู่ร่วมเสกกับพญานาค ท่านบอกหลวงปู่ว่าให้ใส่ ว่า นาคี ในเหรียญด้วย เพื่อเป็นการร่วมกันสร้างบารมี หลวงปู่ท่านเคยเกี่ยวเนื้องกับพญานาคราชมาหลายชาติครับ


    ให้บูชา 650 บาท ค่าส่ง 50 บาท
     
  8. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    ขอเชิญนักจับพลังทั้งหลายมาพิสูจน์ ความรุนแรงของพลังที่แผ่ออกมา แค่ยังไม่ได้ใช้คาถาใดๆ ที่มือที่เราจับไว้ มีอาการกระตุกๆๆๆๆ แล้วครับ
     
  9. คงกระพัน

    คงกระพัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    873
    ค่าพลัง:
    +892
    อยากทราบว่าพอจะมีตะกรุดพรหมค้ำแผ่นดินและตะกรุดกิ่งกาหลง(สาวหลง)ให้บูชามั๊ยครับ ที่จอง เสือเทวดา-พระขุนแผน-ปลัดควายธนู ถ้าราคาถูกต้องโอนวันนี้เลยครับ
     
  10. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    มีอยู่ครับแต่ของอยู่ที่วัดครับ
    เดี่ยวผมไปที่วัดแล้วจะเอามาครับ
     
  11. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    ใครที่เจ้านายหรือ ผู้ใหญ่ ไม่เมตตา ไม่สนใจ ให้ลองบูชาตะกรุดนี้ไปดูนะครับ รับรองไม่ผิดหวังครับ
     
  12. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
  13. คงกระพัน

    คงกระพัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    873
    ค่าพลัง:
    +892
    ขอเพิ่มเสืออีก 1 ตัวครับ รวมเป็นเงิน 1,950.- บาท
     
  14. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    ได้ครับ เดี๋ยวแถมลูกอมแมงปอ 1 ลูกครับ
     
  15. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
  16. วาสนาน้อย

    วาสนาน้อย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +93
    ขอถามคุณศักดาค่ะขอความกรุณาด้วยนะคะ
    ตั้งแต่บูชาปูหนีบทรัพย์ของหลวงปู่จักรมา
    ซื้อล๊อตเตอรี่มายังไม่เคยถูกเลยค่ะ
    สวดคาถาบูชาปูหนีบฯ 11 จบแล้วมีอะไรพิเศษอีกไหมค่ะ
    ตอนนี้เศร้ามากๆ อยากบูชาแมงปอของหลวงปู่ยังไม่มีตังค์เลยค่ะ อยากถูกล๊อตเตอรี่จัง
    เด๋วนี้ไม่รู้ตัวเองว่าทำไมอยากเก็บเครื่องรางของขลัง แต่ต้องเป็นของหลวงปู่จักร
    องค์เดียวเท่านั้น เวลาซื้อล็อตเตอรี่ขอหลวงปู่อีกทางยังไม่ถูกเลยค่ะเฮ้อ!ๆๆ
    ตอนนี้มีก็มีพระลอยหลวงปู่จักรเนื้อทองแดง (มันดำๆแล้วค่ะที่เคยบอกเอาไว้)
    แล้วมีปูหนีบ 2 ตัว เลี่ยมพลาสติกพกติดตัวไว้ 1 ตัวค่ะ มีผ้ายันต์แมงปอ 1 ผืน เฮ้อ!ๆๆ ขอโทษนะคะที่มาบ่นให้ฟังอ่ะค่ะ
     
  17. kanin_nin

    kanin_nin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2009
    โพสต์:
    864
    ค่าพลัง:
    +3,755
    รุ่นนี้ องค์จริงสวยมากนะครับ งานละเอียดมากเลย ผมมีองค์สีแดง 1 องค์ กลิ่นมวลสารฟุ้งกระจายเลยครับ ขนาดไม่ใหญ่มากด้วย ผู้หญิง ผู้ชายแขวนได้ครับ ไม่เทอะทะ

    ใครเคยเห็นองค์จริงแล้วจะทราบครับว่า งามมาก
     
  18. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
  19. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    ปิดตา อุดมทรัพย์ รุ่นแรกๆ ครับ เสก 20 ปี
    ปิดตานี้ชาวต่างชาติเอาไปค้าขาย ขายดีมากๆครับ สร้างพร้อมสมเด็จรุ่นแรกครับ
    บูชาองค์ละ 550 บาทค่าส่ง 50 บาทครับ
     
  20. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    เนื้อปิดตาเหมือนสมเด็จครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...