รวมปัจจัยอายตนะภายนอก- ที่นำสู่ความสงบภายใน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 8 สิงหาคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,247
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,247
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,247
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,247
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    กายผัสสะ ด้วยอุบายการเดิน

    เจริญสติ-สัมปชัญญะ รู้ตัว ทั่วพร้อม
    ไม่ต้องกำหนดจุดใดจุดหนึ่งของกาย

    ให้จิตวนในกาย
    ใจรับรู้แต่ในกาย

    รู้ให้ทันผัสสะที่เท้า ไม่ต้องท่องคำบริกรรมใดๆ

    ช้า เร็ว กำหนดเองตามความสบาย พอดี ของแต่ละคน

    นอกจากเป็นการออกกำลังแล้ว
    เป็นการฝึกสติสัมปชัญญะ กับรูปกายทั้งก้อนนี้ ที่จับได้ง่ายที่สุดแล้ว
    แล้วจะพัฒนาเป็นญาณรู้ทันในจิตใจตน โดยไม่ต้องผ่านความคิด-นึก

    ------

    พลังงานที่ซ่านรู้ไปทั่วทั้งก้อนกาย
    จะพัฒนาเป็นกระแสชุ่มเย็น
    เสมือนคนได้อาบน้ำที่ไหลเอิบอาบไปทั่วกาย
    แล้วกระแสความชุ่มเย็น สงบสุข จะพัฒนาขึ้น
    สงบสงัด หลุดจากความคิดนึกทั้งหลายได้ง่าย
    สติสัมปชัญญะที่ละเอียด แผ่ไปทั่ว จะทำให้ศุนย์พลังงานต่างๆในกายทำงานได้ดีขึ้นด้วย


     
  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,247
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,247
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    อายตนะ ผัสสะที่สมองและรู้คิดรู้นึกอารมณ์คิดที่สมอง

    เป็นอายตนะที่สำคัญ เนื่องจาก ก่อกรรมต่อ ได้เร็วแค่คิดนึกต่อ ก็เป็นมโนกรรม
    ถ้าไม่มีสติ-สัมปชัญญะกำกับได้ทัน ก็ปรุงแต่งเป็นอกุศลกรรม ให้ทุกข์ต่อไปได้

    ถ้ามีสติ-สัมปชัญญะ กำกับระลึกรู้ได้ทัน ไม่ว่าก่อน หรือขณะกระทบ หรือ หลังกระทบแล้วได้ทัน
    จะเปลี่ยนเป็นกุศลกรรมได้ทันที

    ไม่ว่าจะปล่อย แล้วกลับไปอยู่กับองค์กรรมฐานเดิม
    ไม่ว่าจะคิดนึกต่อไปทางกุศล
    ไม่ว่าจะจับมาเป็นองค์กรรมฐาน

    ฯลฯ
     
  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,247
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    อายตนะตามองภาพอวัยวะในกายที่จะกำหนด
    อายตนะใจ( เห็น จำ คิด รู้ ) ในภาพจำของอวัยวะในกาย ที่จะใช้เป็นองค์กสิณ

    กสิณ ในที่นี้ จะไม่ใช่กสิณแบบฤษีทั่วไป
    แต่จะเป็นสติปัฏฐานที่อาศัยพื้นฐานกสิณ
    โดยใช้อวัยวะภายในกาย ซึ่งประกอบอาจาก ดิน น้ำ ไฟ ลม มาเพ่งจำ

    แล้วจะน้อมเข้าสู่อารมณ์วิปัสสนาได้ง่าย
    โดยเห็นความเกิดขึ้น ประกอบกัน ตั้งอยู่ และเสื่อมสลาย ธาตุทั้งสี่แตกแยกย้ายจากกัน
     
  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,247
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    o3iueod51g18KuJv4mF-o.jpg

    ในตอนที่สมเด็จพระมหาวีรวงศ์(อ้วน ติสโส) พาพระมหาเปรียญมาจับผิดหลวงปู่มั่น

    ครูบาอาจารย์เล่าว่า ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ยังไม่เลิกทิฎฐิที่จะเอาชนะพระกัมมัฎฐานให้ได้
    ในคราวงานผูกพัทธสีมาพระอุโบสถวัดโพธิสมภรณ์ จังหวัดอุดรธานี ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ท่านไปเป็นประธานในงานนี้ หลวงปู่มั่น ก็ได้รับนิมนต์ไปในงานนี้ด้วย

    พอตกเย็น ท่านเจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ก็พาพระมหาเปรียญจากกรุงเทพฯ ๒-๓ รูป ไปสนทนาธรรมกับหลวงปู่มั่น ทราบกันดีว่าในครั้งนั้น ต้องการจะให้พระเปรียญที่คงแก่เรียนนั้น ไปไล่ต้อนให้หลวงปู่มั่นจนมุมให้จงได้

    พระมหาเปรียญเหล่านั้นไม่มีใครกราบหลวงปู่มั่นตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติกัน คงจะถือว่าพวกท่านเป็นพระของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ หรือถือตัวว่าเป็นพระมหาเปรียญผู้แตกฉานในพระไตรปิฎก ส่วนพระป่าที่เอาแต่นั่งหลับตา ไม่น่าจะรู้ธรรมะได้แตกฉานลึกซึ้งเท่า

    เบื้องแรกมีการสนทนาไต่ถามทุกข์สุข ทำความคุ้นเคยกันพอสมควรแล้ว พระมหากลุ่มนั้นก็ตั้งปัญหาถามหลวงปู่มั่นว่า
    “ในฐานะที่ท่านมีความชำนาญในสมาธิภาวนา จึงอยากจะถามท่านเกี่ยวกับเรื่อง กสิณ ว่าท่านใช้วิธีเพ่งกสิณอย่างไร เช่น การเพ่งดิน น้ำ ลม ไฟ หรือสีเหลือง แดง ขาว พวกนั้นมันเป็นอย่างไร ท่านใช้เพ่งอย่างไร ขอให้อธิบายด้วย?”

    ตั้งคำถามเหมือนกับข้อสอบ พระมหากลุ่มนั้นหวังจะให้หลวงปู่มั่น ท่านตกหลุมพราง จะได้เป็นหลักฐานกล่าวได้ว่า หลวงปู่มั่นและศิษย์ ประพฤติปฏิบัติตนออกนอกรีตนอกรอย ของพระพุทธศาสนา

    ฝ่ายหลวงปู่มั่น ท่านไม่ต้องรอคิดหาคำตอบ ท่านตอบทันทีว่า :-

    “อ๋อ ! นั่นก็กสิณเหมือนกัน ที่เพ่งภายนอกนั้น แต่มันเป็นกสิณของพวกฤๅษีชีไพร
    ส่วนกสิณของพระพุทธเจ้า ท่านให้เพ่งน้อมเข้ามาในกายตน เช่นเพ่งไฟ ก็ไฟธาตุในตน เพ่งน้ำ ก็น้ำเลือด น้ำดี น้ำหนอง น้ำเสลด เพ่งดิน ก็ดูผม ขน เล็บ ฟัน เพ่งลม ก็ลมหายใจเข้าออก ลมระบายออกทางทวาร ลมวิ่งไปในกระเพาะ ลมตีขึ้นเบื้องสูง ลมตีลงเบื้องต่ำ
    ส่วนการเพ่งสีนั้น ก็เพ่งในร่างกายของเรานี้เอง สีแดงก็เลือด สีเหลืองก็หนอง สีขาวก็กระดูก สีเขียวก็น้ำดี
    เพ่งให้เป็นธาตุปฏิกูล ความเปื่อยเน่า ความเป็นของไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตนเราเขา
    นี่คือกสิณของพระพุทธเจ้า ผู้ไกลจากกิเลส สำหรับผู้ไปเพ่งอย่างอื่นที่อยู่นอกตัว ยังเพ่งไม่ถูกแน่...”


    เมื่อได้ฟังคำตอบขอหลวงปู่มั่น เช่นนั้นพระมหาเปรียญผู้ถามถึงกับตลึงงัน เพราะไม่คิดว่าจะพลิกผันไปเช่นนี้ แถมยังเป็นสุดยอดของคำถามคำตอบ ซึ่งอ่านในตำราจนจบก็ไม่สามารถหาได้
    ทุกองค์ยอมจำนน ไม่มีใครกล้าถามต่อไปอีก

    ที่มา : FB ชุมนุมพุทธธรรมกรรมฐาน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี
     
  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,247
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    "…พระอุปัชฌายะสอนกรรมฐาน ๕ คือ เกสา-ผม โลมา-ขน นขา- เล็บ ทันตา-ฟัน ตโจ-หนัง

    ในกรรมฐานทั้ง ๕ นี้มี "หนัง" เป็นที่สุด ทำไมจึงสอนถึงหนังเท่านั้น? เพราะเหตุว่า "หนัง" มันเป็นอาการใหญ่ คนเราทุกคนต้องมีหนังหุ้มห่อ ถ้าไม่มี "หนัง ผม ขน เล็บ ฟัน" ก็อยู่ไม่ได้ ต้องหลุดหล่นทำลายไป เนื้อ กระดูก เอ็น และอาการทั้งหมดในร่างกายนี้ก็จะอยู่ไม่ได้ ต้องแตกต้องทำลายไป



    คนเราจะหลงรูปก็มาหลง "หนัง" หมายความสวยๆ งามๆ เกิดความรักใคร่แล้วก็ปรารถนาเพราะมาหมายอยู่ที่หนัง เมื่อเห็นแล้วก็สำคัญเอาผิวพรรณของมัน คือผิว ดำ-ขาว-แดง-ดำแดง-ขาวแดง ผิวอะไรต่ออะไร ก็เพราะหมายสีหนัง ถ้าไม่มี "หนัง" แล้วใครเล่าจะหมายว่าสวยงาม ? ใครเล่าจะรักจะชอบจะปรารถนา ? มีแต่จะเกลียดหน่ายไม่ปรารถนา ถ้าหนังไม่หุ้มห่ออยู่แล้ว เนื้อเอ็นและอาการอื่นๆ ก็จะอยู่ไม่ได้ ทั้งจะประกอบกิจการอะไรก็ไม่ได้


    จึงว่า "หนัง" เป็นของสำคัญนัก จะเป็นอยู่ได้กินก็เพราะหนัง จะเกิดความหลงสวยหลงงามก็เพราะมีหนัง ฉะนั้น พระอุปัชฌายะท่านจึงสอนถึงแต่ "หนัง" เป็นที่สุด

    ถ้าเรามาตั้งใจพิจารณา จนให้เห็นความเปื่อยเน่าเกิดอสุภนิมิต ปรากฏแน่แก่ใจแล้ว ย่อมจะเห็นอนิจจสัจจธรรม ทุกขสัจจธรรม อนัตตาสัจจธรรม จึงจะแก้ความหลงสวยหลงงามอันมั่นหมายอยู่ที่หนัง ย่อมไม่สำคัญหมายและไม่ชอบใจ ไม่ปรารถนาเอา เพราะเห็นตามความเป็นจริง

    เมื่อใดเชื่อคำสอนของพระอุปัชฌายะไม่ประมาทแล้ว จึงจะได้เห็นสัจจธรรม ถ้าไม่เชื่อคำสอนพระอุปัชฌายะ ย่อมแก้ความหลงของตนไม่ได้ ย่อมตกอยู่ในบ่วงแห่งรัชชนิอารมณ์ ตกอยู่ในวัฏจักร

    เพราะฉะนั้น คำสอนที่พระอุปัชฌายะได้สอนแล้วแต่ก่อนบวชนั้น เป็นคำสอนที่จริงที่ดีแล้วเราไม่ต้องไปหาทางอื่นอีก ถ้ายังสงสัย ยังหาไปทางอื่นอีกชื่อว่ายังหลงงมงาย ถ้าไม่หลงจะไปหาทำไม คนไม่หลงก็ไม่มีการหา คนที่หลงจึงมีการหา หาเท่าไรยิ่งหลงไปไกลเท่านั้น ใครเป็นผู้ไม่หา มาพิจารณาอยู่ในของที่มีอยู่นี้ ก็จะเห็นแจ้งซึ่งภูตธรรม ฐีติธรรม อันเกษมจากโยคาสวะทั้งหลาย…”

    โอวาทธรรมคำสอนองค์ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต (เพจ พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น)
     
  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,247
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    กายผัสสะ รู้จังหวะเต้นชีพจรตามจุดต่างๆโดยไม่เจตนากำหนดที่ตั้ง

    ใหม่ๆ ที่ฝึกให้สติสัมปชัญญะวนในกาย จะผัสสะรู้จังหวะเต้นตุ๊บๆๆตามส่วนต่างๆไปทั่ว
    ถ้ากำหนดรู้บ่อยๆเข้า จะเห็นการเกิด-ดับ ของสิ่งที่มากระทบที่ตา จมูก ลิ้น สมอง การกระทบที่ส่วนต่างๆของกาย
    จนเกิดปัญญาภายในขึ้นมาจากสภาวะที่เกิดขึ้นว่า สรรพสิ่งล้วนเกิดดับเป็นธรรมดา
    ความยึดมั่นจนทุกข์ก็คลายตัวลง
    ความสงบจากความเร่าร้อนของผัสสะทั้ง6 ก็พัฒนาขึ้น
     
  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,247
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    จิตภายนอก ที่เป็นสังขารปรุงแต่งไปตามธรรมารมณ์ ก็ถือเป็นปัจจัยภายนอก ให้จิตภายใน(ใจ+สติ สัมปชัญญะ)กำหนดรู้ ไม่ว่ามันจะปรุงไปทางใด เมื่อกำหนดรู้ทันแล้วเหนือมัน คือ ไม่กำเริบเป็นนิวรณ์
    กำลังของสติสัมปชัญญะก็จะเจริญขึ้นๆ แล้วความสงบจากภายในก็จะปรากฏขึ้น มากน้อย พัฒนาเพียงใด
    แล้วแต่ปัจเจกบุคคล
     
  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,247
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,247
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,247
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    การอาศัยวัตถุภายนอก ทั้งที่เป็นรูปอันประกอบด้วยธาตุ4 และทั้งรูปจำลองที่ประทับไว้เป็นสัญญาในขันธ์ห้า
    เป็นโทษ เมื่อ ฝังความประทับใจในสิ่งนั้น จนเกิดเป็นตัณหา อยากได้ไม่สิ้นสุด ตั้งแต่เสพส่วนที่เป็นธาตุสี่ จนถึงเสพธาตุละเอียด จนเป้นรูปและอรูปฌาณ แล้วสลัดจิตใจออกจากมันไม่ได้

    จะเป็นประโยชน์ เมื่อมีสติ-สัมปชัญญะ เข้าไปรับรู้ภาวะความเป็นจริงเมื่อสัมผัสทางอายตนะ
    ไม่มีเยื่อใยเหนียวแน่น เมื่อต้องสลัดตัดทิ้ง และ ยามที่ต้องจากกัน ด้วยไม่มีผัสสะแห่งอายตนะ
     
  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,247
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    ทางหู

    ตั้งสติสัมปชัญญะ ไว้ที่หู รู้สึกถึงคลื่นเสียงที่มากระทบหู โดยไม่ต้องใส่ใจถึงความหมาย ของคำที่มากระทบหู
    ให้รู้สึก ถึงจังหวะชีพจรที่แก้วหู เต้นตุบ ตุบ ตุบ ไปพร้อมกับ เสียงที่มากระทบแก้วหู

    ทำไปสักระยะหนึ่ง คลื่นเสียงที่มากระทบที่แก้วหู ก็สักแต่ว่าการกระทบแล้วเกิดดับเกิดดับ

    จะเห็นด้วยปัญญาว่า ถ้าไม่มีสังขาร ไปปรุงแต่ง ให้รักชอบเกลียดชัง พอใจไม่พอใจ ในสิ่งที่มากระทบกับอายตนะหูแล้ว ใจก็สักแต่ว่ารู้

    สัมปชัญญะรู้ตัวทั่วพร้อม ช่วยรักษาใจให้อยู่ในสภาวะปกติ ได้อย่างต่อเนื่อง
    ความสงบภายในก็อยู่ตรงนี้
     
  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,247
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,247
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    เมื่อบำรุงรักษาสติ-สัมปชัญญะ ให้เจริญเติบโตงอกงามขึ้น

    น้อมพระธรรมแห่งพระพทธองค์เข้ามาสอนใจ

    ฝึกจิตให้ชินในการรักษาอายตนะ และเดินจิตตามขั้นตอนธรรมที่ทรงสอน ทรงแนะไว้

    ---แม้ไม่รู้เรื่องศูนย์พลังงาน จักระใดๆมาก่อน
    ศูนย์พลังงานเหล่านั้น จะเจริญ รักษา ซ่อมแซม และพัฒนาไปโดยธรรมชาติ

    จนถึงจุดที่นำกำลังธรรมชาติต่างๆมาใช้ได้ ตามกำลังฝึกฝน
     
  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,247
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    รู้-เห็น แล้วจิตไม่หวั่น ไม่ไหว คือการรู้-เห็น ที่ยอดยิ่ง
     
  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,247
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    EgC3S8ImkmmUl0edxp4j3bsmqGyO_tk5f&_nc_ohc=Ljmk_hgEtTQAX9LJVoO&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-3.jpg
     
  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,247
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447






    สังคณิการามสูตร ว่าด้วยภิกษุ
    ผู้ชอบคลุกคลีด้วยหมู่คณะ {๓๓๙}


    [๖๘] ภิกษุทั้งหลาย

    ๑. เป็นไปไม่ได้เลยที่ภิกษุผู้ชอบการคลุกคลีด้วยหมู่๑ ยินดีการคลุกคลี ด้วยหมู่ ประกอบความชอบการคลุกคลีด้วยหมู่ เป็นผู้ชอบคณะ๒ ยินดีในคณะ ประกอบความยินดีในคณะ จักยินดีในปวิเวก๓ตาม ลำพังได้

    ๒. เป็นไปไม่ได้เลยที่ภิกษุผู้ไม่ยินดีในปวิเวกตามลำพังจักถือ
    เอานิมิต แห่งจิต๔ได้

    ๓. เป็นไปไม่ได้เลยที่ภิกษุผู้ไม่ถือเอา
    นิมิตแห่งจิต จักบำเพ็ญสัมมาทิฏฐิ๕ ให้บริบูรณ์ได้

    ๔. เป็นไปไม่ได้เลยที่ภิกษุผู้ไม่บำเพ็ญสัมมาทิฏฐิให้บริบูรณ์แล้ว จักบำเพ็ญ
    สัมมาสมาธิให้บริบูรณ์ได้

    ๕. เป็นไปไม่ได้เลยที่ภิกษุผู้ไม่บำเพ็ญสัมมาสมาธิ๖ให้บริบูรณ์แล้ว จัก
    ละ สังโยชน์ได้

    ๖. เป็นไปไม่ได้เลยที่ภิกษุผู้ยังละสังโยชน์ไม่ได้แล้ว จักทำให้
    แจ้งนิพพานได้ ภิกษุทั้งหลาย


    ๑. เป็นไปได้ที่ภิกษุผู้ไม่ชอบการคลุกคลีด้วยหมู่ ไม่ยินดีการคลุกคลี ด้วยหมู่ ไม่ประกอบความชอบการคลุกคลีด้วยหมู่ ไม่ชอบคณะ ไม่ยินดีในคณะ ไม่ประกอบความยินดีในคณะ จักยินดีในปวิเวก ตามลำพังได้

    ๒. เป็นไปได้ที่ภิกษุผู้ยินดีในปวิเวกตามลำพัง จักถือเอานิมิตแห่งจิตได้

    ๓. เป็นไปได้ที่ภิกษุผู้ถือเอานิมิตแห่งจิต จักบำเพ็ญสัมมาทิฏฐิให้บริบูรณ์ ได้

    ๔. เป็นไปได้ที่ภิกษุผู้บำเพ็ญสัมมาทิฏฐิให้บริบูรณ์แล้ว จักบำเพ็ญ สัมมาสมาธิให้บริบูรณ์ได้

    ๕. เป็นไปได้ที่ภิกษุผู้บำเพ็ญสัมมาสมาธิให้บริบูรณ์แล้ว จักละสังโยชน์ได้

    ๖. เป็นไปได้ที่ภิกษุผู้ละสังโยชน์ได้แล้ว จักทำให้แจ้งนิพพานได้


    สังคณิการามสูตรที่ ๔ จบ

    *******************************

    ที่มา https://www.youtube.com/@pratripitaka
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...