ปิดรับบริจาค รวมบันทึกการเดินทางตามรอยพระอาจารย์ ณ บึงลับแล ๒๕๕๒/ร่วมบุญใหญ่หน้า ๑๐๘

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนามิกับกัลยาณมิตรทุกท่านทั้งที่ได้ร่วมเดินทางและร่วมส่งกำลังใจมา ณ.โอกาสนี้

ขอแจ้งความคืบหน้าของทริปนี้ว่า ขณะนี้รถตู้คันที่ ๑ เต็มแล้ว แต่ยังมีผู้แจ้งความประสงค์ร่วมเดินทางที่อยู่ระหว่างการตัดสินใจอีกหลายท่าน มีทั้งท่านที่ลงชื่อจองไว้แล้วและท่านที่ยังรอการตัดสินใจ ขอแจ้งให้ทราบว่าถ้ากัลยาณมิตรแต่ละท่านแจ้งความประสงค์และยืนยันการเดินทางเข้ามาถึง ๑๑ ที่นั่ง ญ.จะจัดรถเพิ่มให้อีก ๑ คัน เนื่องจากพอจะถัวเฉลี่ยค่ารถกันไปได้ และอีกอย่างจำนวนผู้ร่วมเดินทางจะได้ลงตัวเลขมงคลคือ ๒๙ คน (แบบว่าของพระอาจารย์ท่านลง ๑๙ ค่ะ คณะหญิงเลยขออนุญาตลงท้ายด้วย ๙ บ้าง แหะๆ)

เพราะฉะนั้นกัลยาณมิตรท่านใดที่กำลังรีรอ ขอเชิญให้เอาสองมือล้วงกระเป๋า สองเท้าก้าวเข้ามา มือพิมพ์รีับลงชื่อและยืนยันการร่วมเดินทาง ณ.บัดนาว เพราะขอบอกก่อนว่า โอกาสร่วมบุญดีๆ อย่างนี้หาไม่ได้อีกแล้วนะ ขนาดทริปล่าสุดของพี่ติ๊ก (เจษฎาภรณ์) เขาก็ยังไปมาเมื่อ ๒ ปีที่แล้ว ส่วนของพระอาจารย์ไม่ต้องพูดถึงท่านไปครั้งแรกตอนพวกเราแต่ละคนยังเป็นเด็กละอ่อนกันอยู่เลย แถมบางคนอย่างเช่นยัยกุ๋ย (เถรี) พึ่งจะหัดพูดเดิน หัดเดินเอง ขอบอก 555

 

น้องทีทางเดินของทริปนี้ดูจากภาพแล้วยังเดินไต่ระดับสูงขึ้นได้้เรื่อยๆ ประมาณน้องๆ ทางเดินขึ้นถ้ำเขาคอรี่ แต่ทางลงบึงน้องๆ เขาพระพุทธบาทท่าขนุน สรุปแล้วพอไหวลุยได้สบายเพราะกำลังใจเกินร้อยกันทั้งคณะอยู่แล้ว ยังไงพี่ขอนำภาพทางขึ้นเขาพระพุทธบาทท่าขนุนช่วงครึ่งทางสุดท้ายก่อนขึ้นสู่ยอดเขา มาให้น้องทีดูย้อมใจก่อนแล้วกันค่ะ เพราะถ้ากัลยาณมิตรท่านใดในคณะคิดว่าเช้าวันนั้นเดินทางไปบึงลับแลไม่ไหว ทางคณะฯ ก็ได้เตรียมแผนสำรองไว้รองรับ โดยให้คนที่คิดว่าเดินทางไปไม่ไหวอยู่รอที่วัดและช่วยงานพระอาจารย์ โดยการนำธงและเสาธงไปติดตั้งบนเขาพระพุทธบาทวัดท่าขนุนแทนค่ะ
(deejai)(deejai)(deejai)

 

สาธุ คุณสาลงชื่อได้นะคะด้วยความยินดีเพราะดูแนวโน้มหญิงอาจจะจัดรถเพิ่มได้้อีก ๑ คันค่ะ ตอนนี้กำลังมองดูตัวเลขสุดท้ายเพื่อสรุปจำนวนคนและประมาณการค่าใช้จ่ายทั้งหมด และจะได้รู้ด้วยว่าทริปนี้จะมีผู้หญิงมากกว่าผู้ชายสักกี่คน ถ้าผู้หญิงมากกว่าจะได้ให้น้องกุ๋ยใช้คารม (ชักจูง) กับบรรดาพี่ทิดทั้งหลายของเธอมาร่วมด้วย เพราะหลวงพี่กอล์ฟท่านบอกว่าถ้าไฟไม่ไหม้ป่า ต้องมีการถางและฟันไม้ด้วยค่ะ เพราะฉะนั้นหนุ่มๆ โดยเฉพาะพี่ทิดทั้งหลายที่เคยเดินทางไปบึงลับแลตั้งแต่ตอนที่บวช ทราบแล้วโปรดรีบตัดสินใจด่วน...

อนุโมทนาสาธุ ด้วยความยินดีค่ะพี่ ถ้าพี่อยู่ตรงบางแคจะมีน้องในคณะอีกคนที่บ้านอยู่แถวนั้นคือ น้องเม้ง (ug budda) ถ้าพี่ไม่สดวกมาขึ้นรถที่หน้าหอวังจะนัดเจอกับน้องเม้งและไปรอขึ้นรถที่พุทธมณฑลสาย ๓ พร้อมกับน้องSchmeichel ก็ได้ค่ะ

อนุโมทนาสาธุ


และขอแจ้งให้กัลยาณมิตรทุกท่านทราบว่า รายชื่อผู้ร่วมเดินทางที่อัพเดท จะอยู่ในหน้าที่ ๖ คคห.แรกนะคะ ใครอยากทราบว่าใครเดินทางไปบ้างก็เข้าไปอ่านรายชื่อตรงหน้านั้นได้เลย ส่วนรายละเอียดของทริปยังอยู่ในหน้าที่ ๑ คคห.ที่ ๑, ๒ เหมือนเดิมค่ะ

 

เห็นดีด้วยค่ะพี่ ขอหญิงดูสรุปจำนวนผู้ร่วมเดินทาง ณ.วันปิดรับอีกครั้งนะคะ เพราะเรียนตรงๆ ว่าหญิงประมาณการค่าใช้จ่ายไว้แบบไม่อยากให้เป็นภาระกับทุกคนจนเกินไป คืออยากให้เป็นแบบเที่ยวด้วย ทำบุญด้วยแบบเป็นมิตรในกระเป๋า

ตอนนี้ค่าใช้จ่ายตัวเลขค่อนข้างสรุปลงตัวไม่ว่าจะเป็นค่าเช่ารถ ค่าเช่าเรือ ประมาณการค่าน้ำมัน ค่าจัดทำธงและเสาธง ปัจจัยในการทำบุญรวมถึงค่าอาหารถวายพระที่หญิงจัดเตรียมไว้แล้วส่วนหนึ่ง ยังเหลือในส่วนของค่าอาหาร ๙ มื้อของทุกคนในคณะสำหรับรถคันที่ ๑ ตอนนี้่หญิงกำลังมองดูยอดรวมสุดท้ายของรถคันที่ ๒ เพื่อที่จะไ้ด้ประมาณการถูก ถ้าจำนวนคนโดยเฉพาะในส่วนของรถตู้คันที่ ๒ เต็มอีก ๑ คัน (๑๔ ที่นั่ง) หลังจากหักค่าใช้จ่ายหลักต่างๆ รวมถึงค่าเช่ารถโดยสารสองแถวที่เพิ่มขึ้นมา
และเมื่อรวมเงินบริจาคจากกัลยาณมิตรหลายท่านที่สมทบบุญร่วมสร้างธงและเสาธง ร่วมถึงเงินของคณะเราที่บริจาคหน้างานตามกำลังทรัพย์และกำลังศรัทธาเพิ่มเติม
หญิงคิดว่าเงินร่วมทำบุญถวายวัดฯ เมื่อรวมกับเงินกองกลางที่จัดเตรียมไว้จะเพิ่มมากขึ้นค่ะ...


อนึ่ง! เรื่องการเดินทางจากที่ได้เรียนถามพระอาจารย์ ท่านแจ้งมาว่าคณะเราน่าจะใช้เวลาเดินเท้าประมาณ ๔ ชม. พักผ่อนที่บึงลับแล ๒ ชม. เดินเท้ากลับอีก ๔ ชม. รวมระยะเวลาเดินทางไปกลับ ๑๐ ชม. นี่คือที่ท่านได้เมตตาแจ้งไว้ให้ทราบ ท่านจะมอบรถกระบะทางวัดให้ไปส่งคณะจนถึงสุดทางก่อนต้องลงเดินเท้า และนัดหมายเวลากลับเพื่อที่ท่านจะได้ให้รถมารอรับกลับ (แต่ถ้าท่านและพระวัดท่าขนุนเดินทางไปกันเองจะใช้เวลาน้อยกว่านี้) และท่านยังเมตตากล่าวต่อด้วยว่าไม่ต้องแบกขนอะไรให้เป็นภาระกันไปมากมาย เพราะแต่ละคนต้องช่วยตัวเอง สิ่งของให้นำไปเฉพาะเท่าที่ต้องใช้ ซึ่งในที่นี้คือ อาหารและน้ำดื่ม

เพราะฉนั้นขอให้ทุกคนเตรียมความพร้อมของร่างกาย และอุปกรณ์เท่าที่จะใช้ในการเดินทางในวันนั้นอย่างจำเป็นจริงๆ ที่ขาดไม่ได้คือหมวก (สำหรับผู้หญิงเพื่อเก็บผม) , กระติกน้ำส่วนตัว, มีดพกเล็กแบบพกพา , ไฟฉาย ,ลูกอมรสหวาน , ยาประจำตัวสำหรับคนที่แพ้ และเนื่องจากงานนี้ไม่มีลูกหาบเพราะฉะนั้นแต่ละคนต้องรับผิดชอบเรื่องถืออาหารและน้ำดื่มของตัวเอง หญิงจะให้ทางร้านพี่ทิดปิงและพี่เอื้อมจัดเตรียมแบบใส่ถุงพลาสติกไปให้แทนกล่องโฟม เพื่อความคล่องตัวของทุกคนและอาจจะต้องให้บางคนในคณะถืออาหารเพิ่มสำหรับถวายเพลพระด้วยค่ะ

 

​

...วันนี้ได้คุยกับพี่เอื้อมเรื่องงานบวชที่วัดท่าขนุนในวันมาฆบูชา (๙ กพ.๕๒)
ตอนแรกคิดกันว่าหลังจากทำบุญตักบาตรข้าวสาร-อาหารแห้งในช่วงเช้ากันเสร็จแล้ว ก็จะกราบลาพระอาจารย์เพื่อเดินทางกลับและแวะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันตามเส้นทาง ก่อนที่จะคณะจะแยกกับพี่ี่เอื้อมที่ อ.เมืองกาญจนบุรี แต่แหมพอทราบว่าวัดมีโครงการบวชพระฟรีในวันนั้น กิเลสพลุ่ง (พล่าน) ขึ้นมาเลยว่า ไหนๆ ก็ไหนๆ ทริปนี้ชาวคณะทั้งหลายตั้งใจทำบุญกันให้ถึงที่สุดของที่สุดอยู่แล้ว ก็ขออยู่ร่วมงานบวชด้วยแล้วกัน

รีบกราบเรียนถามพระอาจารย์ท่านถึงกำหนดการการบวช ท่านแจ้งว่าบวชเวลา ๑๓.๐๐ น. ทำพิธีบวชประมาณ ๑ ชม. กราบเรียนถามเรื่องผ้าไตรท่านบอกว่านำมาถวายได้เรื่อยๆ เพราะวัดจัดบวชอยู่ทุกปี เพราะฉะนั้นข้อมูลรายละเอียดการเดินทางของทริปนี้ ขอให้ชาวคณะทุกท่านเข้าไปอ่านข้อมูลที่อัพเดทได้ที่หน้าแรก
และกัลยาณมิตรท่านใดที่จะร่วมซื้อผ้าไตรถวายวัดก็ขอเชิญร่วมได้ตามกำลังทรัพย์กำลังศรัทธาค่ะ

 

ขอแจ้งข่าวอีกเรื่องคือ ทราบมาว่าหลวงพี่กอล์ฟและหลวงตาน้อย ท่านได้ไปสำรวจเส้นทางไปบึงลับแลและเคลียร์เส้นทางไว้ให้ชาวคณะ เพื่อความสดวกในการเดินทางในทริปนี้ และหลวงพี่หน่อยท่านได้เป็นธุระในการติดต่อจ้างทำเสาธงใกล้แล้วเสร็จ พร้อมทั้งจะนำขึ้นไปติดตั้งให้เพื่อรอรับไว้ก่อนในราคาเสาธงรวมอุปกรณ์ติดยึดประมาณ ๒,๐๐๐ บาท


หญิงในนามตัวแทนของชาวคณะทุกคนขอกราบขอบพระคุณในความเมตตาของครูบาอาจารย์ ดังรายนามทุกท่านที่มีต่อชาวคณะเป็นอย่างสูงด้วยเจ้าค่ะ

พระอาจารย์ (พระครูธรรมธรเล็ก สุธัุมมปัญญโญ) เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน

หลวงพี่กอล์ฟ (พระสมุห์ศราวุธ ฐานิสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดพุทธบริษัท

หลวงพี่หน่อย (พระครูสมุห์ธรรพ์ณธร ธมฺมทินฺโน)
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน

หลวงตาน้อย (พระครูใบฎีกาวิฑูรย์ จนฺทวํโส)