ยินดีช่วยเหลือ แก้ไขทุกปัญหา ทุกสภาวะอารมณ์ ของ วิปัสสนากรรมฐาน

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย pra_TopSecret, 1 สิงหาคม 2010.

  1. ผู้เห็นภัย

    ผู้เห็นภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +476
    อาบติ แปลว่า ต้อง

    ดังนั้น หากจะรักษาศีล กันจริง ๆ
    รักษาให้ได้กันจริง ๆ ไม่ต้องอาบัติเลย
    ก็คือ ไม่ต้อง

    ไม่ต้อง ไม่ข้องแวะ กับ สรรพสิ่ง ปล่อยให้มันเป็นไป ตามธรรมชาติ
    ศีลนี้ จึง คลุม ทั้ง กายกรรม วจีกรรม และมโนกรรมไปพร้อมกัน


    นี่จึงเรียกว่า การรักษาศีล ที่บริสุทธิ์ที่สุด

    โดย ปรมัตถธรรม
    [/QUOTE]


    ขออภัย พระคุณเจ้า ไปเรียนมาจากสำนักไหนหรือครับ

    ที่ว่า อาบัติแปลว่าต้อง (พิมคำว่าอาบัติก็ผิดสติเล็กๆน้อยๆหายไปไหนครับ)

    ตามพระบาลี ตามพระไตรปิฏก อาบัติ แปลว่า บาป หรือความชั่ว

    แปลตามตรงก็คือ พระ หรือนับวช ได้กระทำความผิด หรือกระทำบาป

    ก็คือล่วงละเมิด พระวินัยสงฆ์ที่พระพุทธเจ้าได้บัญยัติ หรือตั้งเป็นกฏข้อห้าม


    เมื่อได้ทำความผิด หรือ ทำบาปแล้ว ก็ต้องแสดงบาป หรือแสดงอาบัติ

    ที่ตนเองได้กระทำลงไป ประกาศไห้หมู่สงฆ์ได้รับรู้ ว่าตนเองได้ทำ

    ความชั่ว หรือทำบาปอะไรมาบ้าง แสดงอาบัติ ก็คือสารภาพผิด

    แล้วก็ประกาศว่า จะไม่ทำความผิด แบบนั้นอีก กล่าววาจา ยืนยัน
    สามครั้งด้วยกัน

    ในโลกนี้ ไม่มีนะขอรับ อาบัติ ที่แปลว่า ต้อง

    หรืออาจจะมาจากนอกโลก เสียแล้วกระมั้ง

    แนะนำไห้ค้นคว้า จากมหาลัยสงฆ์จุฬาลงการณ์

    หรือหมวดคำศัพท์พระบาลีที่ว่าด้วย อาบัติ แปลว่าอะไร

    กราบนมัสการเป็นอย่างสูงสุดณที่นี้

    (อย่าคิดเอาเอง หรือนั่งเทียนเอาเอง หรือนั่งหลับตาคิดเอาเอง

    หลักฐานในเชิงไวยกรณ์ ตัวหนังสือยังมีอยู่ ยังไม่ได้หายไปไหน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2010
  2. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    จากข้อที่ 4

    มหาสติเกิดขึ้นจากการไม่รักษาสติ แล้วก็ปลงสติ...

    ปฏิบัติอย่างไรครับ....
     
  3. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ปลงอาบัติที่ดีที่สุด คือ ไม่ต้องปลง
    รักษาศีลที่ดีที่สุด คือ ไม่ต้องรักษา
    การทำลายกิเลสที่ดีที่สุด คือ ไม่ต้องทำลาย
    การควบคุมจิตที่ดีที่สุด คือ ไม่ต้องควบคุม
    การสร้าง สติ สมาธิ ฌาน ญาณ ปัญญา ที่ดีที่สุด คือ
    ไม่ต้องสร้าง
    การดับ ที่ดีที่สุด คือ ไม่ต้องดับ
    การ รู้ ที่ดีที่สุด คือ
    ไม่ต้องรู้อะไรเลย
    การแสวงหาที่ดีที่สุด คือ
    ไม่หา
    การตั้งจุดหมายที่ดีที่สุด คือ
    ไม่ตั้ง
    การเชื่อที่ดีที่สุด คือ ไม่ต้องเชื่อ


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=z6_Pyvku0Yg]YouTube - สบายกว่ากันเยอะ[/ame]
     
  4. pra_TopSecret

    pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868

    ขออภัย พระคุณเจ้า ไปเรียนมาจากสำนักไหนหรือครับ

    ที่ว่า อาบัติแปลว่าต้อง (พิมคำว่าอาบัติก็ผิดสติเล็กๆน้อยๆหายไปไหนครับ)

    ตามพระบาลี ตามพระไตรปิฏก อาบัติ แปลว่า บาป หรือความชั่ว

    แปลตามตรงก็คือ พระ หรือนับวช ได้กระทำความผิด หรือกระทำบาป

    ก็คือล่วงละเมิด พระวินัยสงฆ์ที่พระพุทธเจ้าได้บัญยัติ หรือตั้งเป็นกฏข้อห้าม


    เมื่อได้ทำความผิด หรือ ทำบาปแล้ว ก็ต้องแสดงบาป หรือแสดงอาบัติ

    ที่ตนเองได้กระทำลงไป ประกาศไห้หมู่สงฆ์ได้รับรู้ ว่าตนเองได้ทำ

    ความชั่ว หรือทำบาปอะไรมาบ้าง แสดงอาบัติ ก็คือสารภาพผิด

    แล้วก็ประกาศว่า จะไม่ทำความผิด แบบนั้นอีก กล่าววาจา ยืนยัน
    สามครั้งด้วยกัน

    ในโลกนี้ ไม่มีนะขอรับ อาบัติ ที่แปลว่า ต้อง

    หรืออาจจะมาจากนอกโลก เสียแล้วกระมั้ง

    แนะนำไห้ค้นคว้า จากมหาลัยสงฆ์จุฬาลงการณ์

    หรือหมวดคำศัพท์พระบาลีที่ว่าด้วย อาบัติ แปลว่าอะไร

    กราบนมัสการเป็นอย่างสูงสุดณที่นี้

    (อย่าคิดเอาเอง หรือนั่งเทียนเอาเอง หรือนั่งหลับตาคิดเอาเอง

    หลักฐานในเชิงไวยกรณ์ ตัวหนังสือยังมีอยู่ ยังไม่ได้หายไปไหน)[/QUOTE]

    ไร้ศาสนา ไร้ลัทธิ ไร้นิกาย ไร้สำนัก ไร้ที่มา ไร้ที่ไป

    จากมหาลัยสงฆ์จุฬาลงการณ์
    เรียกชื่อมาหวิทยาลัยเค้า ก็ยังเรียกผิด
    มั่ววววว...


    แล้ว คิดว่า คนแปล เค้าแปลจากไหนมาหรอ
    ก็แปลจากการปรุ่งแต่งจิตนั่นแหล่ะ


    ต่างกันตรงไหน
    กว้าง ๆ ไว้
    โลกจะไม่แคบ


    ที่มันอาบัติ ก็เพราะเข้าไปต้องดู ต้องรู้ ต้องเห็น ต้องกับสัมผัส หรือผัสสั ทั้งหก นี่แหล่ะ มันถึงอาบัติ

    ถ้าไม่ต้อง แล้วอะไรมันจะอาบัติมั๊ย

    อย่าเที่ยวไปนั่งเปิดกุเกิล แล้วเอา ของที่เค้าย่อยแล้วมา
    Copy and Paste
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2010
  5. pra_TopSecret

    pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868
    ห้ามดินไม่ให้แปรผัน
    ห้ามน้ำไม่ให้ไหลไป
    ห้ามไฟไม่ให้มีควัน
    ห้ามลมไม่ให้เปลี่ยนทิศ

    เช่นนั้น จึง ห้าม จิต

    ไร้สร้าง ไร้รักษา ไร้ทำลาย ไร้อุปาทาน ไร้ตัณหา ไร้การอยู่
    ไร้การไป ไร้ทุกการก้าวเดิน ไร้ผล ไร้เหตุ ไร้ทุกข์

    จึงไร้ สมุทัย

    ธรรมหนึ่งเดียวคือ พุทธะ
     
  6. ผู้เห็นภัย

    ผู้เห็นภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +476
    ไร้ศาสนา ไร้ลัทธิ ไร้นิกาย ไร้สำนัก ไร้ที่มา ไร้ที่ไป

    จากมหาลัยสงฆ์จุฬาลงการณ์
    เรียกชื่อมาหวิทยาลัยเค้า ก็ยังเรียกผิด
    มั่ววววว...


    แล้ว คิดว่า คนแปล เค้าแปลจากไหนมาหรอ
    ก็แปลจากการปรุ่งแต่งจิตนั่นแหล่ะ


    ต่างกันตรงไหน
    กว้าง ๆ ไว้
    โลกจะไม่แคบ


    ที่มันอาบัติ ก็เพราะเข้าไปต้องดู ต้องรู้ ต้องเห็น ต้องกับสัมผัส หรือผัสสั ทั้งหก นี่แหล่ะ มันถึงอาบัติ

    ถ้าไม่ต้อง แล้วอะไรมันจะอาบัติมั๊ย

    อย่าเที่ยวไปนั่งเปิดกุเกิล แล้วเอา ของที่เค้าย่อยแล้วมา
    Copy and Paste
    [/QUOTE]

    เก่งซะขนาดนี้ ตั้งตัวเป็นศาสดาเองเลยดีไหม

    ตำรับ ตำรา ของเก่า พระไตรปิฏก หลักฐานอะไร

    ที่มีกล่าวไว้ ไม่ต้องใช้กันแล้ว

    เพราะท่านเก่งเกินไปสะแล้ว

    อย่าเป็นเลย สาวก (สาวกแปลว่าผู้รับฟัง ผู้ปฏิบัติตาม)

    ท่านน่าจะ เป็น ศาสดาเองเลยก็ดีนะ

    เพราอะไรของท่าน คิดเอง เออเอง ทั้งนั้น

    ไม่ได้เดินตาม ตำรับ ตำรา ที่ครูบาอาจาย์ได้ว่ากันไว้

    (จุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โอเคนะครับ ถ้าพูดถึงมหาลัยสงฆ์ ถ้าบอกจุฬาใครๆก็รู้จักกันแล้ว

    ไม่ต้องเรียกกันเต็มยศ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2010
  7. pra_TopSecret

    pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868
    เก่งซะขนาดนี้ ตั้งตัวเป็นศาสดาเองเลยดีไหม

    ตำรับ ตำรา ของเก่า พระไตรปิฏก หลักฐานอะไร

    ที่มีกล่าวไว้ ไม่ต้องใช้กันแล้ว

    เพราะท่านเก่งเกินไปสะแล้ว

    อย่าเป็นเลย สาวก (สาวกแปลว่าผู้รับฟัง ผู้ปฏิบัติตาม)

    ท่านน่าจะ เป็น ศาสดาเองเลยก็ดีนะ

    เพราอะไรของท่าน คิดเอง เออเอง ทั้งนั้น

    ไม่ได้เดินตาม ตำรับ ตำรา ที่ครูบาอาจาย์ได้ว่ากันไว้

    (จุฬาลงกาณราชวิทยาลัย โอเคนะครับ ถ้าพูดถึงมหาลัยสงฆ์ ถ้าบอกจุฬาใครๆก็รู้จักกันแล้ว

    ไม่ต้องเรียกกันเต็มยศ)






    [/QUOTE]

    พระท๊อป ตอบ...
    พระบรมศาสดา พระพุทธเจ้า ทรงเป็นทุกสิ่ง แล ไม่ใช่เสียทุกสิ่ง
    เพราะความเป็นหนึ่งเดียว กับสรรพสิ่ง ที่พระองค์ ไม่ทรงแบ่งแยก สิ่งอันใดเลย

    และพระองค์ก็หาได้ทรง ตรัส ปฏิเสธไว้ ว่า เราและท่านทั้งหลายจักเป็นพระศาสดาไม่ได้

    เราทั้งหาย เป็นหนึ่งเดียว เป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมด
    มี พุทธธาตุ เช่นเดียวกันหมด จึง......เป็นพระศาสดาได้
    เป็นสาวกได้
    เป็นมารได้
    เป็นพรหมได้
    เป็นเปรตได้
    เป็นเทวดาได้
    เป็นเดรัจฉานได้

    ทั้งนั้นแล เพราะ ความเป็นเนื้อเดียวกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 สิงหาคม 2010
  8. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,021
    เมื่อใดที่ยังมีกาย ยังมีปากไม่ได้เป็นใบ้ ไม่ได้มีแต่ใจ และยังไม่พ้นเจตนาชั่ว

    ก็ต้องพึงมีสติระวังรักษา เจตนางดเว้น ทั้งการกระทบทางกาย ทั้งวาจา อันไม่เบียดเบียน ก่อโทษนำความเดือดเนื้อร้อนใจทั้งต่อตนและผู้อื่น และ เจตนาทางใจ อันนำมาซึ่งความเศร้าหมอง

    จึงกล่าวได้ว่ามีสติระวังรักษา ทั้งกาย วาจา ใจ เป็นผู้ทรงศีล เป็นผู้มีเจตนงดเว้นโทษทั้งต่อตนละผู้อื่น

    บุรุษผู้มีศีลเป็นเครื่องรักษาตน ย่อมไม่ก่อโทษต่อตนและผู้อื่นด้วยสติและสัมปชัญญะ
    "จึงกล่าวได้ว่ามีความเป็นปรกติของกาย วาจา และใจ" - "ความปรกติเป็นผลของศีลรักษาตน"





    ปล .วันนี้คุณพิจารณาศีลของตัวเองกันหรือยัง ศีล 5 กรรมบท 10, ศีล 8 , ศีล 10, ศีล 227
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 สิงหาคม 2010
  9. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,021
    บุคคลใดทรงศีล ย่อมชื่อว่าทรงฌาณ และทรงธรรม ....
     
  10. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ไขข้อข้องใจพระท๊อป
    ห้ามดินไม่ให้แปรผัน
    ปล่อยไว้นานจักเป็นฝุ่น
    ห้ามน้ำไม่ให้ไหลไป
    ปล่อยลงภาชนะจักหยุดนิ่ง
    ห้ามไฟไม่ให้มีควัน
    ปล่อยร้อนไปจักไร้ควัน
    ห้ามลมไม่ให้เปลี่ยนทิศ
    ปล่อยลมแรง จักหมดแรง

    เช่นนั้น จึง รู้ จิต

    ไร้สร้าง ไร้รักษา ไร้ทำลาย ไร้อุปาทาน ไร้ตัณหา ไร้การอยู่
    ไร้การไป ไร้ทุกการก้าวเดิน ไร้ผล ไร้เหตุ ไร้ทุกข์

    ใยไม่ไร้ สมุทัย


    ธรรมหนึ่งเดียว ณ ตอนนี้ คือ สติ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 สิงหาคม 2010
  11. pra_TopSecret

    pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868

    ปล่อยจริง ๆ น่ะใช่แล้ว
    ที่ไม่จริงเพราะมันไม่ปล่อย
     
  12. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    เอามั้ง

    ขอถามหลวงพี่ครับ

    ทำไม พระศาสดาตรัสกับพระอรหันต์สาวกของท่านว่า

    "เธอ หายใจไว้นะ แล้วเธอจะอยู่เป็นสุข"
     
  13. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    แล้ว กำอะไรกันอยู่หนอ​
     
  14. pra_TopSecret

    pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868
    ขออภัยด้วย
    พุทธพจน์ ของท่านนี้ อาตมา ยังไม่เคยอ่านเจอ
    ไม่ทราบเหตุแห่งการตรัสของพระองค์ จริง ๆ
    หากท่านทราบ โปรด เผยแพร่เป็นธรรมทานด้วยเทอญ

    จักขออนุโมทนา
    ในกุศลของท่าน ยิ่งนักแล
     
  15. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ผมว่า หลวงพี่น่าจะสามารถแปลจาก ภาษาไทยไปเป็นบาลีโดยไม่ยาก

    ความเลื่อมใสที่ยังไม่เกิด ก็จะเกิด

    ความเลื่อมใสที่เกิดแล้ว ก็จะเกิดยิ่งขึ้น ขอรับ
     
  16. pra_TopSecret

    pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868

    ถามใครหนอ..............
     
  17. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    คิดว่าถามใครล่ะท่าน

    พระท๊อปคิดว่า สหายธรรมที่แวะเวียนเข้ามาถามธรรมนั้น
    ต้องการธรรมจากท่านจริงๆ หรือมาถามหยั่งภูมิ

    สหายธรรมในที่นี้ได้คำตอบหมดแล้ว
    ท่านล่ะ เห็นสิ่งที่ท่านตอบไหม นั่นแหละถึงถามว่ากำอะไรอยู่


    สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เห็นก็ได้
    อย่าปล่อยจิตไหลไปกับสิ่งที่ตนว่ารู้แล้ว
    ทันที่คิดว่ารู้แล้ว ให้คิดเสียใหม่

    ท่านเป็นพระหนุ่ม อายุน้อย ใฝ่ธรรม เราย่อมโมทนาเป็นธรรมดา
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ขออนุญาติพระท๊อป เอาโพสท์จากกระทู้ละสังโยชน์มาแปะให้เพื่อนอ่าน
    จะได้เข้าใจแนวทางของพระท๊อป ได้ตรงตามจริง

     
  19. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    หลบภัยขอตอบตามปัญญาน้อย นิ๊ดๆ
    อานนท์ เธอหายใจไว้แล้วเธอจะไม่ทุกข์
    เพราะลมหายใจคือเครื่องหมายของการมีชีวิต และเราสามารถสังเกตุได้ง่าย
    หากเราไปรับรู้ลมหายใจ กำลังเข้า กำลังออก เอาจิตไปเกาะไว้ที่สองรูจมูก
    ก็คือการทำสติปัฐฐาน 4 และ อานาปาน แต่ก็ไม่แยกกัน
    หากใครภาวนาได้แบบนี้ต่อเนื่อง ก็ไม่มีเวลาไปทุกข์ แล้วเพราะลมหายใจ
    กายสังขาร มันเกิด และจะดับตอนที่เราตายเท่านั้น จนกว่าจะบรรลุธรรมขึ้นสูง
    นั้นคือหมดทุกข์ทางใจ
     
  20. ?????

    ????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +239
    ผมเข้ามาอ่านได้สักครู่ การจะบอกว่าตนเองปล่อยวางทุกๆอย่างแม้กระทั่งสตินั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หากไม่เป็นพระอริยเจ้าแล้วนั้น สัมมาสติก็ต้องเจริญให้มากขึ้นไป ไม่ใช่เจริญด้วยการปล่อยวาง เหมือนคนไม่เข้าใจการปฏิบัติปล่อยวางไปเรื่อย แล้วจะเอาหลัก มรรค ทางดำเนินอะไร การอยากฝึกสติเพื่อให้พ้นทุก หรือตั้งใจฝึกสตินั้นเป็นมรรค แม้พระพุทธองค์ก็ทรงปราถนาพ้นทุกข์นั่นเป็นทางดำเนินแรกที่ทุกคนก็ต้องผ่านหากจะปราถนาสาวกหรือแม้แต่โพธิญาณ ตนเองยังไม่รู้ตนเองยังปล่อยว่างตัวสติอีก ยากนักหนากว่าจะกลับจิตคิดใหม่ได้ สติปัฏฐานทางสายเดียวที่ต้องเดินกลับบอกให้ปล่อยวางเสีย และพระไตรปิฎกมิได้มีอยู่แต่ในตำราดอก ผู้รู้จริงยังมีอยู่อีกมาก ยังคงไม่ยอมให้ศาสนาเสื่อมไปง่ายๆนักหรอก

    กราบขออโหสิกรรมต่อท่านทั้งหลายด้วยใจจริงๆ หากล่วงเกิดท่านทั้งหลายในที่นี้ทั้งในปัจจุบันและอดีตครับผม ปัญญาของกระผมน้อยนิด ขอตอบครั้งนี้ครั้งเดียวครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...