ยินดีช่วยเหลือ แก้ไขทุกปัญหา ทุกสภาวะอารมณ์ ของ วิปัสสนากรรมฐาน

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย pra_TopSecret, 1 สิงหาคม 2010.

  1. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    " เล่าจัง" อริยะสัจสี่..นี่ มรรค เพื่อการพ้นทุกข์
    มรรคมีองค์8...มรรค เพื่อทางสายกลาง
    เอ๊ะ มักเดียวของพี่เล่าจังนั่นมักอะไรครับ..?
     
  2. pra_TopSecret

    pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868
    กิเลส หรือธรรมที่วิเศษณ์ สุด ๆ อันใด
    ก็แค่ สิ่งที่มันเป็นไป
    ก็แค่สิ่งที่มันเกิดขึ้นมา แล้วมันก็ผ่านไป
    หาตัว หาตน ที่มายึดกับเราไม่ได้เลย
    ธรรมทั้งหลายท ล้วน ไม่มีตัวตน เป็น อนัตตาทั้งสิ้น


    เช่นนี้แล้ว
    1.จะชนะกิเลส อย่างไร
    อันนี้ตอบว่า เรากับเขา ไม่ใช่ คู่แข่งกัน
    ไม่ใช่ เราแข่งกิเลส หรือ กิเลสแข่งเรา
    กิเลสมี ก็เรื่องของกิเลส
    ไม่ชน แค่เรา ไม่สรางเงื่อนไขต่อ มันก็ไม่ต่อหตุต่อผลแล้ว
    เป็นความธรรมชาติมาก ๆ
    เหมือนไฟที่ต้องมีควัน

    กองไฟที่ถูกจุดขั้นมา 1 กอง
    มันดับเองอยู่แล้ว
    หากเราไม่เพิ่มเชื้อไฟ
    เชื้อหมด ไฟกับดับเอง

    ยิ่งจะดับ เหมือนยิ่งต่อเชื้อ สรางกองให่มันใหญ่
    จุดจบ แห่งไฟกองนี้ ก็ยาก

    ฉันใดฉันนั้น

    2.เกิดปีติทั้งวันทำอย่างไร
    ปิติไม่ใช่ของดี เท่าไหร่ เป็นเพียง ไกด์ หรือ ป้ายบอกทางเราแค่นั้นเอง ว่า เอ้อ สมาธิ เริม ดีแล้วนะ
    ความสงบ ปัสสัทธิ สมาธิ มันเริ่มเกิดแล้ว พวกนิมิตต่าง ๆ ปีติ มันเป็นผลพวง จาก ตัวสมาธิ ทั้งนั้น แต่กระนั้นเอง ปีติ ก็ ยังเป็น วิปัสสนูกิเลส
    โยคีผู้ปฏิบัติไม่ควร เข้าไปติดเลย ทิ้งเสีย
    ปีติมันเกิดขึ้นมาเราต้องกำหนดรู้ตามนะ รู้ตามความจริงที่มั้นเกิดขึ้น มันจะขนลุกขนพอง น้ำตาไหล หรือ จะอิ่ม เปรมปรีจิต ตัวลอย ก็ช่าง นั่น กำหนดรู้ตาม
    สุข ก็สุขหนอ สุขหนอ รู้ตามความจริง เอาตัวปีตินั่นแหล่ะ เป็รอารมณ์ วิปัสสนา

    เรือ จะข้ามน้ำได้ อาศัยน้ำ
    วิปัสสนา จะข้ามฝั่งไป ก็อาศัยอารมณ์

    อย่าปล่อยให่เราเป็นทาสมันต่อไป เลิกทาสเสีย

    3.แก้เรื่อวความง่วง
    ง่วง ในบาลี เค้าเรียก ถีนะมิทธะ รวม ทั้งความง่วง และท้อแท้ใจ ทำให้ โยคี ผู้ปฏิบัติ ท้อถอย กับ วิปัสสนาไปเสีย...
    กำหนดรู้ตาม ง่วง ใช้ง่วงเป็นอารมรณ์ ธรรมนิวรณ์ เป็นอารมณ์ รู้ตามสิ่งที่มันเกิดขึ้นนะ
    ไม่จำเป็นต้องหาย หรือไม่หาย
    แต่ที่สำคัญ การกำหนดตัวนี้ ให้ใจเป็นกลาง
    อย่าโกรธ มัน หรือ อย่าไปอยากไห้มันหาย
    ไม่ใช่ไล่มัน
    นี่แหล่ะ ยิ่งไล่ ยิ่งมา เพราะเราสร้างแรงต้านไห้มัน เอง
    ปล่อยมันไป ตามธรรมชาติ แห่งการเกิดขึ้นของมัน
    จนอารมณ์ สามารถ หลุดออกจาก การติดในนิวรณ์ตัวนี้ได้แล้ว
    เครื่องขวางกั้น ในธรรมหลุดหายไป
    ปัญญา และความสไว จึงเข้ามาแทนที่

    อีกอย่างนึง เรื่องการปรับอริยบถ
    อินทรีย์ ที่ไม่ สมดุลย์กัน ของ สมาธิ และ วิริยะ
    มักนำมาซึ่ง ความง่วงและท้อแท้
    ความจดความจ้องมันสูงเกิน
    บัดนี้ต่อๆ ไป ในการปรับอินทรีย์
    ขออุบาสิกา ปรับเวลาการเดิน และการนั่งให้เสมอกัน
    เช่น เดิน 30 นาที ก็นั่ง 30 นาที เท่า ๆ กัน

    ไม่ต้องรีบร้อน ค่อย เพิมเวลาการนั่งการเดิน ไปทีละน้อย
    ไม่ต้องเริ่มทีละเยอะ ๆ
    แรก ๆ เรา เริ่ม แค่อย่างละ 20 นาที ก็ได้
    เดิน 20 นาที แล้ว นั่ง 20 นาที
    แล้วก็ค่อย เพิ่มเวลา ในละ 5 นาที เป็ร 25 หรือ 30 หรือ 35
    ค่อย ๆ ปรับ สมดุลย์ของอินทรีย์ ไป
    การตั้ง เอาเป็นเอาตาย ว่าจะนั่งไห้ยาว นั่งให้นาน มันเกิดประโยชน์น้อย
    หากอินทรีย์เรา ไม่สมดุลย์
    ทำไปมันจะกลายเป็นความ ง่วง ความท้อแท้เสียมากกว่า
    ทำวันละ 1 หรือ 2 หรือ 3 รอบก็ได้
    หากทำมากก็ยิ่งดี
    ทำ รอบ ต่อรอบ ให้ต่อเนื่องกัน
    อย่า ทิ่งเวลา พัก ระหว่างรอบ นานเกินไป
    (เรื่องเวลาการทำ ใน แต่ละวัน นี่ ปับแต่งเองได้ หากเรามีภาระต้องทำงานทำการ ก็ยืดหยุ่นเอา)

    หาก ไม่มีเวลา เสียเลยจริง ๆ
    1 วัน หากเรามีเวลา เพียง 5 นาที หรือ 2 นาที หรือ 1 นาที หรือ แม้ต่ 10 นาทีก็ตาม
    อาจเป็นในช่วงว่าง
    ก่อนนอน ระหว่างทำงาน หรือ ใด ๆ ก็ตาม
    ลองวางทิ่ง เรื่อง อื่น ๆ แล้วกลับมาดูที่ท้อง ดูอาการพองยุบ ของมันซักแป๊บนึง ก็ยังดี นี่ก็ได้มากแล้ว
    สร้างขณิกกะสมาธิไว้เรื่อย ๆ

    การดูพองยุบ ไม่เนื่องด้วยอริยบถ เวลาใดก็ได้ ท่านั่ง ท่านอนได้หมด
    ดูมันตอนอนก็ๆได้ ดูมันไป จนกว่าเราจะหลับ
    แล้วลองดูว่า มันหลับไปตอนพองหรือ ตอนยุบ

    ระยะแรก ๆ ก็ ประคอง นามกับรูปให้มันไปด้วยกันไว้ก่อน
    แล้วอื่น ๆ ก็ตามมา สภาวะธรรม หรือ อารมณ์ ที่ปรากฏขึ้นมา ก็ รู้ตามมันไปอีกที

    แบบนี้ เรียกว่า ภาวนามยปัญญา ปัญญาแห้งการรู้แจ้งอันเกิดจากการภาวนา
    ภาวนา กาย เวทนา จิต ธรรม

    ไม่ใช่ ปัญญา สุตตา หรือ จินตา
    ที่มาจากการอ่าน การฟัง หรือการพิจารณา ปรุงแต่งไป
    อันนี้แล
     
  3. pra_TopSecret

    pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868
    โยม ทุกสิ่งล้วนเป็นเนื้อเดียวกัน
    เราก็คือท่าน ท่านก็คือเรา
    อาตมาไม่ได้มองความแตกต่าง
    บรรพชิตมีหน้าทีรับใช้สรรพสัตว์
    ตามฐานะอันควร

    ขออนุโมทนากับโยม
     
  4. Bi-Location

    Bi-Location Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2010
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +49
    เรียนเจ้าของกระทู้ ท่านพอจะอธิบายขั้นตอนสู่ปัญญาที่เกิดจากภาวนามยปัญญา ตามลำดับขั้นมาพอเข้าใจได้หรือไม่ ?
     
  5. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    คุณ"กะลาเกิด"จะหลอกด่าพระสงบ คุณก็ไปโพสถามพระสงบนู้น
    อย่ามาลีลาทำทีเป็นว่าผมเอาสนุก

    มรรคมีหนึ่งเดียว เทศน์เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2553 [​IMG][​IMG]
     
  6. Bi-Location

    Bi-Location Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2010
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +49
    เชิญอรรถาธิบาย รออ่านอยู่ครับท่าน
     
  7. pra_TopSecret

    pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868
    หลวงพ่อสงบ ท่านอยู่ที่ไหน จังหวัดอะไร
    ท่าน เล่าปัง โปรดแนะนำอาตมาที
    พอดีเกิดช้า รู้จักพระไม่เยอะ
    เผื่อจะมีโอกาสไปนมัสการท่านบ้าง

    ขออนุโมทนา
    สำหรับเรื่องราวดี ๆ ของท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2010
  8. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    นมัสการ..ผมอ่านแล้ว อยากจำนำของจริงๆ ..!
     
  9. pra_TopSecret

    pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868
    ได้
    ยินดีเลย อุบาสก
    แต่....

    อาตมาอธิบายได้ แต่ว่า ภาวนามยปัญญา มันนอกเหนือความเข้าใจ เป็นปัจจัตตัง ที่ รู้ได้ด้วยตน ท่านพอรับฟังไหม จะอธิบายให้ ได้มากที่สุด

    แต่ขอเป็นทาง โทรศัพท์ นะ

    จะสะดวกกว่า
    พิมไม่ค่อยไหวแล้ว
    ขออภัย
     
  10. Bi-Location

    Bi-Location Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2010
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +49
    ใช่ มันต้องรู้ขึ้นที่จิต แต่ขอแค่ทราบลำดับขั้นก็พอแล้วครับท่าน มิจำเป็นต้องอรรถาธิบายเยอะ
     
  11. pra_TopSecret

    pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868
    ช่วยอรรถาธิบายหน่อย จะเป็นบุญ
    อาตมาไม่ค่อยเข้าใจ

    อนุโมทนา
     
  12. Bi-Location

    Bi-Location Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2010
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +49
    ผมมันชอบประเภท ไม่ชอบน้ำ ชอบแต่เนื้อๆ
     
  13. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    กราบขออภัยครับ ตรงนี้ผมคงไม่บอก

    เพราะผมเห็นว่า น่าจะเป็นเรื่องของสงฆ์ที่จะแจ้งกันเอง ครับ
     
  14. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    โอ้โฮ..นานๆเจอกันครั้งเล่นคุยไป ป้ายสีไป ไม่สนุกเลย เล่าจังหัวหน้า ศอฉ(ศูนย์อุ๊บอิ๊บอิบอ๊าย) ไปละ รออ่านท่านขันธ์ สนทนากับ ท่านpop..ดีกว่า ดีก่า..!
     
  15. Bi-Location

    Bi-Location Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2010
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +49
    เอาที่ท่านปฏิบัติได้มาตอบจะดีมาก อย่าไปเอาสัมบัติของท่านผูู้อื่นมาตอบ เดี๋ยวมันจะเพี้ยน..
     
  16. Bi-Location

    Bi-Location Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2010
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +49
    เชิญ.....................................................
     
  17. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    หลวงพี่ นั่นมันนิทานแล้วขอรับ

    ที่ว่า สรรพสิ่งเป็นเนื้อเดียวกัน นั้นใช่

    แต่ ชั่วโมงนี้ ไปมองแบบนั้นมันไม่ได้ลดกิเลสนะสิ

    มันออกทะเลไปเสีย
     
  18. pra_TopSecret

    pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868
    เช่นนั้นก็พอไหว

    ภาวนามยปัญญา จริง ๆ มันไม่มีอะไรเลย

    เพราะมีนคือการรู้อันไม่ติดในรู้นั้นเลย

    หากถามว่า ภาวนามยปัญญา รู้อะไร ตอบว่าไม่รู้เลย

    ปัญญาตัวนี้ คือการตัด

    การคลาย ออก ออกจาก ความยึดคลามเกาะ

    หาก ลำดับการเกิดขึ้นจริง ๆ

    ภาวนามยปัญญา เกิดจาก วิปัสสนาญาณ ญาณ เข้า หยั่งรู้
    หยั่งรู้ ในความจริงอันแจ้ง เช่น แจ้งจากการเห็น การเกิดดับของรูปนาม
    เห็นแจ้งในการจำแนก รูปนาม ออป เป็น ปริเฉท
    เห็นแจ้ง ในทุกข์ภัย แห่ง การเกิดดับไป
    เห็นโทษภับแห่งการเวียนว่าย
    เห็นความซ้ำ ๆ ซาก ๆ เห็นความเวียนไปเวียนมาอย่างไม่จบไม่สิ้น ของความทุกข์ วนอยู่ไม่จบเสียเทีย
    เห็นแจ้งแล้วว่า อยากออกจากขันธ์ 5 นี้
    เห็นแจ้งแล้วในการออก (วุฏฐาคามินี)

    แบบนี้ เห็นเรื่อย ๆ ตามลำดับ

    เจอทุกข์ แบบจัง ๆ จนอยากออก จริง ๆ แบบนี้แหล่ะ เหล่านี้ เรียกว่า ญาณ (การหยั่งรู้)

    เมื่อญาณ หยังรู้ ปัญญา จึง ตัด และคลายไปเอง
    คลาย จากการเข้าสรางความวนเวียนทั้งหลาย

    จนเข้าสู่ ความวางเฉย ต่อการปรุงแต่ง
    และ สิ่งนี้ คือการ ออกจาก วิปัสสนา คือความเป็นยอด ของวิปัสสนาญาณ

    ภาวะนี้ ผู้ปฏิบัติ จะเห็นทุกสิ่งล้วนเป็นไตรลักษณณื เรียกว่า เห็นไตรลักษณ์ จนเอียน เอียน เอียนแล้วกับ ไตรลักษณ์

    จน ถูกไตรลักษณ์ บีบจิตออก จาก ไตรลักษณ์
    เหนือโลกธรรมทั้งปวง เหนือ ธรรมทุกสิ่ง เพราะ หลุดออกและนอกเหนือ ออกจาก ไตรลักษณ์ อย่างแท้จริง

    จึงไร้ขอบเขต เข้าสู้ความเป็นสิ่งเดียวกันกับ ทุกสรรพสิ่ง
    เรียกว่านิพพานก็ได้

    ภาวนามยปัญญา จริง ๆ แล้ว เบาบางสุด ๆ เหนือการใช่ และไม่ใช่
    แจ้งด้วยตนจริง
    แล แทบจะไม่มีอะไรเลยด้วยซ้ำ
    เพราะมันเป็นปัญญา ที่ สละทิ้งแม้ตัวปัญญาเอง


    องค์ แห่งมรรค ที่เกิดขึ้น จึง กรอปกับ 3 อย่าง
    ศีล สมาธิ ปัญญา
    สิ่งนี้ รวมกันเกิด
    เหมือนการ อมยาอม
    เรา ผม ทั้ง แป้ง ทั้งสมุนไพร ทั้งน้ำผึ้งพร้อม ๆ กัน

    ไม่ใช่ ทำศีล ขึ้นก่อน แล้วไปทำสมาธิตาม แล้วจึงต่อด้วยปัญญา

    3 องค์นี้ ประชุมรวมกัน มรรค จึงบังเกิด
     
  19. pra_TopSecret

    pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868
    หยุดมองสิ กิเลสหยุดเลย
    สักแต่รู้ สักแต่เห็นได้
    กิเลสหยุดแน่
     
  20. Bi-Location

    Bi-Location Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2010
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +49
    นักบวชเอ๋ย...ไฉนเล่าท่านจึงใยอำ้อึ้ง หรือยังมิได้รู้ มิได้เข้าใจอะไรเลย.

    มาเที่ยวเล่น อินเตอร์เน็ต งานแห่งเพสบรรพชิตมิได้สนใจ เช่น เดินจงกรม นั่งสมาธิเพื่อรวมจิตให้เป็นหนึ่ง แล้วนำกำลังไปถอดถอนกิเลสออกจากจิตตน ขึ้นชื่อว่าบรรพชิตผู้จะบำเพ็ญเพียรจิตภาวนาแล้วไซร์ ไฉนเลยมาเที่ยวเล่น สมกิเลสใส่ตนดังนี้ ไม่ใช้ใกล้จะถึงเวลา ทำวัตรเย็นแล้วรึ วันนี้วันพระรู้หรือเปล่า....
     

แชร์หน้านี้

Loading...