มีวัตถุมงคลสายพระป่ากรรมฐานให้บูชาราคาเบาๆ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Somchai 2510, 8 กันยายน 2019.

  1. Khun Kriang

    Khun Kriang สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2019
    โพสต์:
    290
    ค่าพลัง:
    +4
    ปิดครับ
     
  2. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 831 พระบูชารูปเหมือนขนาดหน้าตักกว้าง 4 นิ้ว สูงจากฐาน 9 นิ้วหลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า พระอรหันต์เจ้าผู้มีฤทธิ์สมัยพุทธกาล สร้างปี 2549 โดยวัดเทพนิมิตวนาราม อ.เมือง จ.ยโสธร เนื้อทองเหลืองรมมันปู หายากมากๆ ผมบูชาที่หิ้งพระหลายปีเเล้วครับ ปลุกเสกอฐิษฐานจิตโดยหลวงตาพวง สุขินททริโย พระอรหันต์เจ้าวัดศรีธรรมมาราม(ศิษย์รุ่นสุดท้ายหลวงปู่มั่น) >>>>>>>>>>>>>>>>>>>รายการนี้มีเเถมมอบพระอุปคุตองค์เล็กขนาดห้อยคอมาบูชาเพิ่มด้วยครับ พระห้อยคอรุ่นนี้ปลุกเสก 2 วาระ 1,พระอาจารย์สมบัติ,2 ,หลวงพ่อสายทอง เตชะธัมโม วัดป่าห้วยกุ่ม อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิด้วยครับ*******ภายในบรรจุเกศารวมของพระอรหันต์สายหลวงปู่มั่นไม่น้อยกว่า 20 อรหันต์เเละพระธาตุของหลวงปู่ลือเเละมีบรรจุพระธาตุข้าวบิณฑ์ของพระพุทธเจ้าพร้อมเกศา,จีวร,สำลีเช็นํ้าตาครูบาวงศาพัฒนา เเละรูปถ่ายขนาดล็อกเก็ตของหลวงปู่จันทาที่ถ่ายเเล้วมีเเสงสีขาวนวลปรากฏในรูปภาพที่ถ่าย มาบูชาด้วครับสร้างโดย พระอาจารย์สมบัติ จิตตปัญโญ วัดป่าโพธิ์ศรีวิไล(เป็นศิษย์ของหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญบรรพต หนองคาย) *********พระอุปคุต ( พระบัวเข็ม ) เจ้าแห่งโชดลาภอุดมสมบูรณ์ และยังมีฤทธิ์ทางปราบมารขจัดศัตรู ในงานบุญมหาเวส ( อิสาณ เรียก บุญผะเวส ) จะมีการแห่พระอุปคุต เพื่อมาปัดเป่ารังควานด้วย
    องค์นี้รมมันปู ขนาด 4 นิ้ว สูง 9 นิ้ว ออกที่ วัดเนรมิตรวนาราม ( บ๋านางเจิม ป่าช้าแขกเดิม ) ที่เป็น วัดสาขาของท่าน หลวงปู่มา สันติวิเวก ร้อยเอ็ด เป็นประธานจุดเทียนชัย นั่งปรก หลวงตาพวง นั่งปรกและดับเทียนชัย พร้อม หลวงตาสรวง หลวงพ่อพระครูประกาศ วัดป่าหนองไคร้ หลวงปู่สอ หลวงปู่บุญหลาย พร้อมคณาจารย์สายกรรมฐานนั่งปรกตลอดคืน สร้างปี 2549 ครับ สวยเดิมๆ ทุกวันนี้ไม่ค่อยเห็นแล้วครับเก็บกันหมด
    รับประกันตามกฎทุกกรณี
    *****คาถาบูชาและวิธีตั้งบูชา******
    คาถาบูชาพระอุปคุต
    อุปคุตโต จะมะหาเถโร สัมพุทเธนะ วิยากะโต มารัญจะ มารัญจะ มาระพะลัญจะ โส อิทานิ มะหาเถโร นะมัสสิตตะวา ปะติฏฐิโต อะหัง วันทามิ อิทาเนวะ อุปะคุตตัง จะมะหาเถรัง ยัง ยัง อุปัททะวัง ชาตัง วิธัง เสติ อะเสสะโต มะหาลาภัง ภะวันตุ ฯ
    คาถาบทนี้ สวดบูชาพระอุปคุตทุกวัน จะบันดาลให้บังเกิดโชคลาภ ทรัพย์สินเงินทองมากมาย และป้องกันภัยอันตรายทั้งปวงแก่ผู้บูชา หากมีเวลาจำกัด อาจสวดแบบย่อก็ได้ ดังนี้
    อุปะคุตโต จะ มะหาเถโร ยักขาเทวา นะระปูชิโต โส ระโห ปัจจะยาทิมหิ มะ หาลาภัง ภะวันตุ เม ฯ
    คาถาขอลาภพระอุปคุต
    มะหาอุปคุต จะ มะหาลาโภ พุทโธลาภัง สัพเพชะนา พะหูชะนา ราชาปุริโส อิถีโยมานัง นะโม โจรา เมตตาจิตตัง เอหิจิตติจิตตัง ปิยังมะมะ สะเทวะกัง สะพรหมมะกัง มนุสสานัง สัพพะลาภัง ภะวันตุ เม ฯ
    เอหิจิตติจิตตัง พันธะนัง อุปะคุตโต จะมหาเถโร พุทธะสาวะกะอานุภาเวนะ มาระวิชะยะ นิระภะยะ เตชะปุณณะตา จะ เทวะตานัมปิ มะนุสสานัมปิ เอหิจิตตัง ปิยังมะมะ อิมัง กายะพันธะนัง อะทิถามิ ปะอัยยิสสุตัง อุปัจสะอิ
    คาถาพระอุปคุตผูกมาร
    มหาอุปะคุตโต มหาอุปะคุตตัง กายะพันทะนัง อมยิสะ พุทธังทะเถโร ธัมมังทะเถโร สังฆังทะเถโร ปะอัยยะสุตัง อุปัจสะอิ อิมังกายะพันทะนัง อะทิถามิ
    >>>>>>มีพระเกศาหลวงตาพวงมาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ ****บูชาที่ 8,500 บาทฟรีส่งems SAM_6794.JPG SAM_7438.JPG SAM_7440.JPG SAM_7439.JPG SAM_7442.JPG SAM_7443.JPG SAM_7444.JPG SAM_7445.JPG SAM_7446.JPG SAM_7447.JPG SAM_7448.JPG SAM_7449.JPG SAM_7451.JPG SAM_7450.JPG SAM_7452.JPG SAM_7453.JPG SAM_7455.JPG SAM_7457.JPG SAM_7458.JPG SAM_7464.JPG SAM_7465.JPG SAM_7460.JPG SAM_7461.JPG SAM_7462.JPG SAM_5550.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ตุลาคม 2020
  3. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 832 พระผงสมเด็จพิมพ์ใหญ่เกศทะลุชุ้มรุ่นมหาบารมีหลวงปู่ท่อน ญาณธโร พระอรหันต์เจ้าวัดศรีอภัยวัน อ.เมือง จ.เลย หลวงปู่ท่อนเป็นศิษย์รุ่นใหญ่หลวงปู่คำดี ปภาส วัดถํ้าผาปูมาพร้อมกล่องเดิม มีตอกโค๊ตหมึกหลังองค์พระ รุ่นนี้ปลุกเสกตลอดไตรมาส 2546 สร้างเนื่ององค์หลวงปู่อายุครบ 76 ปี มีโรยผงเกศาพระสุปฏิบันโนสายหลวงปู่มั่น 99 เกศา
    พระสมเด็จพิมพ์ใหญ่เกศทะลุซุ้ม สูตรบางขุนพรหม ไตรมาส 2546 เนื ้อผสมผงเถ้าอังคาร หลวงปู่ชอบและไม้พญางิ้วดำ โรยผงเก่าบางขุน พ รหม และเส้นเกศา 99 หลวงพ่อ (หน้า – หลัง) ปั้มพิเศษ สร้างจำนว น 500 องค์

    พระสมเด็จพิมพ์ใหญ่เกศทะลุซุ้ม โรยเส้นเกศาหลวงปู่ท่อนผสมผงกรุบางขุนพรหม รุ่นมหาบารมี ๒๕๔๖ โรยพระเกศา ๙๙ หลวงพ่อ ด้านหลังปั๊มหมึกน้ำเงินยันต์@@แจกทาน@@และหมึกแดงและผงกรุบางขุนพรหม ก้อนใหญ่ๆมีมากที่องค์พระจะเห็นได้ชัดเจน พิธีปลุกเสกดี มวลสารเป็นยอด เกศาบูรพาจารย์ ๙๙ องค์ มาพร้อมกล่องเดิมๆ หายากครับที่จะสร้างอย่างนี้ได้ รีบเก็บสะสมครับหมดแล้วหมดเลยครับ
    หลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน ตำบลนาอ้อ อำเภอเมือง จังหวัดเลย หลวงปู่ท่อน ญาณธโร มีนามเดิมว่า ท่อน ประเสริฐพงศ์ เกิดเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๗๑ ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน ๖ ปีมะโรง ณ บ้านหินขาว ต.สาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายแจ่ม และนางทา ประเสริฐพงศ์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๑๙ คน ท่านบุตรคนที่ ( ปัจจุบัน สิริอายุได้ ๘๐ พรรษา ๖๐ (เมื่อปี พ.ศ.2551) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดศรีอภัยวัน บ้านหนองมะผาง ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย และเจ้าคณะจังหวัดเลย (ธรรมยุต) “อย่ามีอคติ...อย่าลำเอียงกับใครเลย และอย่าขึ้นๆ ลงๆ อย่าเอารัดเอาเปรียบกันอีกเลย” ความตอนหนึ่งจากธรรมโอวาทของ “พระราชญาณวิสุทธิโสภณ” หรือ “หลวงปู่ท่อน ญาณธโร” ที่คอยอบรมสอนสั่งสาธุชนให้ปฏิบัติตาม ด้วยกุศโลบายอันแยบคายในการแสดงพระธรรมเทศนา ให้ผู้ฟังนำไปขบคิดพินิจพิจารณาด้วยปัญญา

    พระราชญาณวิสุทธิโสภณ หรือ หลวงปู่ท่อน ญาณธโร เป็นพระเถราจารย์สายกัมมัฏฐาน ที่มีความเชี่ยวชาญด้านจิตตภาวนา การเทศนา แลวิทยาคมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ มีวิชาทำวัตถุมงคล ตามตำรับโบราณคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงในยุคอดีต
    hqn_0jn-xQP7BjWJy40v7rO4Jt2jgHdPW0DgXhcTTm5ZNWfKu7dpXeHJQzmljo5moUdr8U4p&_nc_ht=scontent.fkkc2-1.jpg
    >>>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ ******บูชาที่ 555บาทฟรีส่งems SAM_7466.JPG SAM_7467.JPG SAM_7468.JPG SAM_7469.JPG SAM_7471.JPG SAM_0845.JPG


     
  4. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,965
    ค่าพลัง:
    +6,562
    ขอจองครับ
     
  5. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 833 ล็อกเก็ตนวสิริสันติมงคลรุ่นเเรกของวัดสันติธรรม อ.เมือง จ.เชียงใหม่
    ล็อกเก็ตนวสิริสันติมงคล วัดสันติธรรม จังหวัด เชียงใหม่ สุดยอดแห่งมวลสาร สร้างปี 2551 นำมาเเจกผู้ร่วมทำบุญกฐินปี2552 ล็อกเก็ตพระนวสิริสันติมงคล สร้างขึ้นแด่ผู้ร่วมทำบุญสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์พระธาตุบูรพาจารย์ วัดสันติธรรม ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่
    ..... องค์นี้สวยไม่มีรอยราน พระธาตุเยอะ ถอดจากคอครับ มีเกศารวมพระอรหันต์สายหลวงปู่มั่นมาบูชาด้วยครับ เช่น เกศาหลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน,หลวงปู่หลอด ปโมฑิโต วัดใหม่เสนานิคม,หลวงปู่สมภาร ปัญญาวโร,หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต วัดถํ้ากลองเพล,หลวงปู่ศรีจันทร์ วัณณาโภ วัดเลยหลง,หลวงปู่แปลง สุนทโร วัดป่าอุดมสมพร,หลวงปู่สิงห์ทอง ปภากโร วัดป่าสุนทราราม,หลวงปู่เนย สมจิตโต วัดป่าโนนแสนคำ,หลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม วัดป่าสีห์พนม,หลวงปู่พัน ฐิตธัมโม วัดป่าบ้านนํ้าภู จ.เลย,หลวงปู่มหาโส กัสสโป วัดป่าคำเเคนเหนือ,หลวงปู่แฟ๊บ สุภัทโท วัดป่าดงหวาย,หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป วัดอรัญวิเวก,หลวงปู่เสน ปัญญาธโร วัดป่าหนองเเซง,หลวงปู่รินทร์ สันตมโน,หลวงปู่เคน เขมาสโย วัดป่าหนองหว้า,คุณเเม่ชีบุญฮู้ พรหมเทพ วัดป่าภูกระเเต เป็นต้น >>>>>>>บูชาที่ 700 บาทฟรีส่งems(ออกจากวัดปี 52 ก็ 500 เเล้วครับ)
    รายละเอียด พ่อเเม่ครูอาจารย์ที่มาพักหรือจำพรรษา ณ วัดสันติธรรม ได้แก่

    ๑. หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร
    ๒. หลวงปู่เทสก์ เทสฺรํสี วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย
    ๓. หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ จ.เลย
    ๔. หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู
    ๕. หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
    ๖. หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม วัดอรัญญวิเวก จ.นครพนม
    ๗. หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร วัดถ้ำผาปล่อง จ.เชียงใหม่
    ๘. หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญบรรพต จ.หนองคาย
    ๙. หลวงพ่อมหาทองอินทร์ กุสลจิตฺโต วัดสันติธรรม จ.เชียงใหม่

    ด้านหลังของล็อกเก็ตบรรจุมวลสารศักดิ์สิทธิ์ ดังนี้
    ๑. ขี้ผึ้งเทียนชัย งานพุทธาภิเษกพระสีวลีมหาลาภ วัดสันติธรรมรุ่น ๑ ปี ๒๕๕๐ ,
    งานพุทธาภิเษกพระสีวลีมหาลาภ วัดสันติธรรมรุ่น ๒ ปี ๒๕๕๑ ,

    งานเถราภิเษกรูปเหมือนหลวงพ่อประสิทธิ์ วัดสันติธรรม ปี ๒๕๕๒
    ๒. ผงพระธาตุพระอรหันต์ จากถ้ำเชียงดาว จ.เชียงใหม่
    ๓. อิฐยอดเจดีย์และใบพระศรีมหาโพธิ์ สถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า พุทธคยา
    ประเทศอินเดีย , ดินและอิฐจากสังเวชนียสถานทั้ง ๔ ประเทศอินเดีย
    ๔. ผงพระเก่า พระปางเปิดโลกจากอินเดีย, พระนางพญาจากอินเดีย,
    พระอัฏฐารสวัดเจดีย์หลวง เชียงใหม่,พระปิดตาจัมโบ้หลวงปู่โต๊ะ,
    พระปิดตามหาลาภ วัดถ้ำเหง้า แม่ฮ่องสอน, พระผงหลวงพ่อเกษม เขมโก,
    พระผงหลวงปู่ผาง จิตฺตคุตฺโต, พระสมเด็จหลวงปู่ชอบ ฐานสโม,
    ธรรมจักรอธิษฐานจิตของหลวงปู่สังข์ สงฺกิจฺโจ
    ๕. ผงไม้กุฏิหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต วัดป่าภูริทัตตถิราวาส จ.สกลนคร
    ๖. ผงอังคารหลวงปู่เทสก์ เทสฺรํสี วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย,
    หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม วัดอรัญญวิเวก จ.นครพนม,
    หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร วัดถ้ำผาปล่อง จ.เชียงใหม่,
    หลวงปู่พุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา,
    หลวงปู่ชื้น พุทธสโร วัดญาณเสน จ.พระนครศรีอยุธยา
    ๗. ผงอังคารหลวงพ่อมหาทองอินทร์ กุสลจิตฺโต วัดสันติธรรม จ.เชียงใหม่
    ๘. ผ้าเพดานเมรุพระราชทานเพลิงศพ หลวงพ่อมหาทองอินทร์ กุสลจิตฺโต วัดสันติธรรม จ.เชียงใหม่
    ๙. ข้าวก้นบาตรหลวงปู่ครูบาดวงดี ยติโก วัดบ้านฟ่อน,
    ข้าวก้นบาตรหลวงปู่ครูบาจันทร์แก้ว คนฺธสีโล วัดศรีสว่าง จ.เชียงใหม่
    ๑๐. สายสิญจน์, ข้าวตอก, ดอกไม้, ถั่ว, งา ที่พระเถระโปรยในงานเถราภิเษก รูปเหมือนหลวงพ่อประสิทธิ์ ปี ๒๕๕๒
    ๑๑. แร่กินบ่เสี้ยง
    ๑๒. ข้าวสารหิน
    ๑๓. หินพญานาค
    ๑๔. ไม้สักกลายเป็นหิน
    ๑๕. หินอุกกมณี
    ๑๖. ผงว่านมงคลร้อยแปด
    ๑๗. ตะกรุดพุทธคุณจารและอธิษฐานจิตโดย พระอาจารย์บุญอุ้ม อาภัสสโร วัดป่าโนนแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม เป็นเวลา ๓ คืน

    >>>>>อธิฐานจิตโดยพระเกจิอาจารย์อาทิ
    1.ครูบาดวงดี สุภัทโท วัดท่าจำปี จ.เชียงใหม่
    2.ครูบาดวงดี ยติโก วัดบ้านฟ่อน จ.เชียงใหม่
    3.ครูบาตั๋น ปัญโญ สำนักสงฆ์ม่อนปู่อินทร์ จ.เชียงใหม่
    4.ครูบาศรีจันทร์แก้ว คันธสีโล วัดศรีสว่าง จ.เชียงใหม่
    5.หลวงปู่ฟัก สันติธัมโม วัดเขาน้อยสามผาน จ.จันทบุรี
    6.หลวงพ่อบุญกู้ อนุวัฑฒโน วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน กรุงเทพฯ
    7.หลวงพ่อเจริญ ญาณวุฒโฒ วัดถ้ำปากเปียงจ.เชียงใหม่
    8.หลวงปู่สังข์ สังกิจโจ วัดป่าอาจารย์ตื้อ จ.เชียงใหม่
    9.หลวงพ่อเปลี่ยน ปัญญาปทีโป วัดอรัยวิเวก จ.เชียงใหม่
    10.หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร วัดป่าหมู่ใหม่ จ.เชียงใหม่
    11.หลวงพ่อไพโรจน์ วิโรจโน สำนักสงฆ์ดอยปุย จ.เชียงใหม่
    12.หลวงปู่กวง โกสโร วัดป่านาบุญ จ.เชียงใหม่
    13.พระอาจารย์บุญอุ้ม อาภสฺสโร วัดป่าโนนแพง จ.นครพนม SAM_7473.JPG SAM_7474.JPG SAM_7476.JPG SAM_7477.JPG SAM_7478.JPG
     
  6. surasakkarun

    surasakkarun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    265
    ค่าพลัง:
    +136
    ปิด832พระอุปคุตครับ
     
  7. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 834 เหรียญรุ่นเเรกหลวงปู่คำพอง ขันติโก พระอรหันต์เจ้าวัดป่าอัมพวัน อ.เมือง จ.เลย หลวงปู่คำพองเป็นศิษย์หลวงปู่เเหวน สุจิณโณ วัดดอยเเม่ปั๊ง,หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์เหรียญรุ่นเเรกสร้างปี 2538 เนื้อทองเเดงรมดำ เหรียญใหม่ไม่เคยใช้ เป็นเหรียญที่มีประสบการณ์ของหลวงปู่ครับ หลวงปู่เป็นพระที่เงียบไม่ค่อยพูดเเต่พลังจิตสูงมากองค์หนึ่งในสายหลวงปู่มั่น หลวงปู่ไม่ดังไม่ค่อยเปิดตัว เวลาผมไปเมืองเลยผมจะเเวะไปกราบหลวงปู่ทุกครั้งสมัยที่องค์ท่านยังทรงธาตุทรงขันต์อยู่ มีวันหนึ่งขณะที่ผมไปกราบองค์หลวงปู่เเละได้อุปฐากพาหลวงปู่ไปเข้าห้องนํ้า ได้มีขบวนรถของตำรวจเเละฝ่ายปกครองของจ.เลย ขี่เข้ามาในวัดเยอะมาก เเล้วเข้ามาถามหาพระอุปฐากองค์หลวงปู่ ผมเองเห็นคนมาเยอะเลยเข้าไปถามพวกตำรวจว่ามาอะไรกันเยอะเเยะ เขาบอกว่าเมื่อกี้พวกได้เอาเหรียญรุ่นเเรกของหลวงปู่ไปลองยิง ปรากฏว่าปืนด้านยิงไมออก พอยิงขึ้นฟ้ากลับยิงออก เขาลองยิงหลายครั้งก็เหมือนเดิม เพราะฉนั้นพวกเขาจึงมาขอบูชาเหรียญที่วัดกับพระอุปฐากเองเลย เรื่องก็เป็นอย่างนี้ละครับ(>>>>>>>>วันนั้นผมเองก็อยู่ที่วัดของหลวงปู่ด้วยครับ) เหรียญสร้างปี 2538 สร้างเนื่ององค์หลวงปู่อายุครบ 60 ปี sam_9675-jpg-jpg.jpg sam_5037-jpg-jpg.jpg sam_5038-jpg-jpg.jpg sam_1606-jpg-jpg.jpg
    ประวัติและปฏิปทา หลวงพ่อคำพอง ขันติโก
    วัดป่าอัมพวัน ตำบลน้ำหมาน อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย

    ๏ อัตโนประวัติ
    ในจังหวัดเลยมีพระเถราจารย์สายปฏิบัติธุดงควัตรปรากฏอยู่มากมาย อาทิเช่น หลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน, หลวงพ่อขันตี ญาณวโร วัดป่าม่วงไข่, หลวงพ่อโกวิทย์ ฐานยุตโต หรือพระปิยทัสสี วัดป่านาอีเลิศ (วัดป่าผาเจริญ) เป็นต้น รวมไปถึง “หลวงพ่อคำพอง ขันติโก” แห่งวัดป่าอัมพวัน บ้านไร่ม่วง ต.น้ำหมาน อ.เมือง จ.เลย ซึ่งเป็นศิษย์เอกและทายาทธรรมของ “หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล” พระบูรพาจารย์สายพระธุดงค์กรรมฐาน แห่งวัดเลียบ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี และ “หลวงปู่แหวน สุจิณโณ” แห่งวัดดอยแม่ปั๋ง ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ พระสายธุดงค์กรรมฐานชื่อดังอีกรูปหนึ่ง
    หลวงพ่อคำพอง ขันติโก มีนามเดิมว่า คำพอง แสงจันทร์ เกิดเมื่อวันที่ 13 มกราคม พุทธศักราช 2478 ณ บ้านชนบท ต.ชนบท อ.ชนบท จ.ขอนแก่น โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายภู และนางทองมาก แสงจันทร์ ปัจจุบัน สิริอายุได้ 72 พรรษา 52 (เมื่อปี พ.ศ.2549) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าอัมพวัน จ.เลย
    -25e0-25b8-25b1-25e0-25b8-2599-25e0-25b8-2595-25e0-25b8-25b4-25e0-25b9-2582-25e0-25b8-2581_1-jpg.jpg

    การบรรพชาและอุปสมบท
    อายุ 19 ปี ได้เข้าพิธีบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดป่าธรรมวิเวก ต.ชนบท อ.ชนบท จ.ขอนแก่น โดยมีพระครูศีลสังวราภรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์
    หลังจากบรรพชาแล้ว ได้อยู่จำพรรษาที่วัดป่าธรรมวิเวก จนอายุครบ 21 ปี ถึงวัยต้องถูกคัดเลือกเข้ารับการเกณฑ์ทหาร ปรากฏว่านายคำพองจับได้ใบดำ ไม่ต้องเป็นทหาร
    ต่อมาหลวงพ่อคำพอง ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุสายธรรมยุต
    ๏ ทายาทธรรมของหลวงปู่เสาร์และหลวงปู่แหวน

    หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านได้ยึดหลักการในการปฏิบัติตนตามแบบอย่าง หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล แนวปฏิบัติของหลวงปู่เสาร์ คือ การอยู่คนเดียวให้รักษาจิต อยู่กลางมิตรให้รักษาวาจา และยึดถือแนวปฏิบัติของ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ เป็นแนวปฏิบัติมาตั้งแต่ท่านบวช และออกเดินธุดงค์มาโดยตลอด
    เมื่อครั้งออกธุดงควัตรในครั้งหนึ่ง หลวงพ่อคำพองได้นิมิตว่าได้นั่งบนธรรมาสน์ใหญ่ เทศนาให้พระเถระฟัง จึงได้ตั้งอธิษฐานเอาไว้ตั้งแต่บัดนั้นว่า จะครองตนในเพศบรรพชิตตลอดชีวิต
    ในการออกธุดงค์ของหลวงพ่อคำพอง ได้ท่องธุดงค์ขึ้นไปทางภาคเหนือ บางครั้งข้ามไปประเทศพม่าและลาว ในช่วงแรกจะอยู่ในภาคเหนือ โดยได้ปฏิบัติธรรมตามแนวทางของหลวงปู่แหวน เป็นประจำ ช่วงที่อยู่ภาคเหนือ หลวงพ่อคำพอง เคยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเจริญธรรม อ.สันป่าตอง, วัดห้วยน้ำริน อ.แม่ริน, วัดสันติบถ อ.แม่แตง, วัดช่อแฮ อ.แม่แตง, วัดสระหลวง อ.แม่ริน และวัดผาเด้น อ.แม่ริม เป็นต้น
    ในส่วนของภาคอีสาน ก่อนที่จะมาอยู่จำพรรษาที่ จ.เลย เมื่อออกจากทางภาคเหนือ ส่วนใหญ่ หลวงพ่อคำพองจะอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.ลำปาง ก่อนย้ายไปจำพรรษาอยู่ทางภาคกลางระยะหนึ่ง และเดินทางมาอยู่จำพรรษาที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.นครพนม และ จ.สกลนคร
    รวมทั้ง ยังเคยไปจำพรรษาอยู่ที่วัดของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และอีกหลายวัดในภาคอีสาน
    ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าอัมพวัน
    หลวงพ่อคำพองรู้จักและสนิทสนมกับ หลวงปู่ซามา อาจุตฺโต อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าอัมพวัน จ.เลย ซึ่งปัจจุบันท่านมรณภาพไปนานแล้ว ครั้งหนึ่ง หลวงพ่อคำพองพร้อมด้วยหลวงปู่ซามา ได้พากันเดินทางไปที่วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่ เพื่อปฏิบัติภาวนาและศึกษาธรรมกับหลวงปู่แหวน
    ต่อมา ได้พากันเดินทางกลับจังหวัดเลย หลวงปู่แหวนได้มอบเงินมา 400 บาท ให้มาแบ่งเป็นค่ารถคนละ 200 บาท เพื่อเดินทางกลับจังหวัดเลย แต่หลวงพ่อคำพองเดินทางท่องธุดงควัตรต่อไปในภาคกลาง ไม่ได้กลับจังหวัดเลยพร้อมกับหลวงปู่ซามา
    ภายหลังหลวงปู่ซามา อาจุตฺโต มรณภาพลง คณะศรัทธาญาติโยมบ้านไร่ม่วงและพระผู้ใหญ่ในจังหวัดเลย จึงได้พร้อมใจกันนิมนต์หลวงพ่อคำพอง ให้มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2523 ตราบจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ตามที่หลวงปู่ซามา ได้ฝากฝังเอาไว้ก่อนที่ท่านจะมรณภาพลง
    หลวงพ่อคำพอง ขันติโก เป็นพระนักปฏิบัติ ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง รูปหนึ่ง แม้ชื่อเสียงท่านจะไม่โด่งดัง ด้วยความเป็นพระที่มีชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย สงบ และสมถะ จึงทำให้ท่านเป็นพระเถระที่พุทธศาสนิกชนชาวเมืองเลยให้ความเลื่อมใสศรัทธามาโดยตลอด
    hcthfa7ele6q2dulvofjegb7u7reneahe9gdl6de6dsuenegbuijnbjdezvg1v7lli-jpg.jpg
    หลวงปู่คำพอง ขันติโก' เจ้าอาวาสวัดป่าอัมพวัน เมืองเลยละสังขารเข้าอนุปาทิเสสนิพพาน เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2558 ด้วยโรคอัมพฤกษ์ และโรคชรา สิริอายุ 80 ปี 60 พรรษา
    >>>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาด้วยครับ *******
    บูชาที่ 570 บาทฟรีส่งems เหรียญใหม่ไม่เคยใช้สวยมากดำๆมันปู
     
  8. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 835
    เหรียญรุ่น 81 ปีหลวงปู่ครูบาวงค์ศาพัฒนา พระโพธิสัตว์โตเเห่งวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน หลวงปู่วงศาเป็นศิษย์หลวงปู่ครูบาพรหมมาจักร วัดพระพุทธบาทตากผ้า เหรียญสร้างปี 2537 สร้างเนื่องหลวงปู่ครูบาวงศาอายุครบ 81 ปี เนื้อทองเเดงรมดำมันปู ด้านหลังเป็นยันต์พระโมคลานะเถระเต็มเหรียญ มาพร้อมกล่องเดิม (....รุ่นนี้หลวงปู่ปลุกเสก 1 ไตรมาส พระใหม่ไม่เคยใช้)
    ครูบาวงศ์

    con374_20160421130240_2-jpg.jpg
    ครูบาวงศ์
    ประวัติย่อพอสังเขปครูบาชัยยะวงศาพัฒนา (ครูบาวงศ์)
    วัยเด็ก

    ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา หรือเรียกสั้นๆ ว่า “ครูบาวงศ์” มีนามเดิมว่า วงศ์ หรือ ชัยวงศ์ นามสกุล ต๊ะแหนม เกิดที่ ตำบลหันก้อ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูนเมื่อวันอังคาร เดือน 7 แรม 2 ค่ำ ปีฉลู ตรงกับวันที่ 22 เมษายน พ.ศง 2456 เวลา 24.15 น. โยมบิดาชื่อ น้อย จันต๊ะ (ถึงแก่กรรม เมื่ออายุ 44 ปี) โยมมารดาชื่อ บัวแก้ว (ถึงแก่กรรม เมื่ออายุ 78 ปี) จำนวนพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 8 คน ท่านเป็นบุตรคนที่ 3 มีน้องต่างบิดาอีก 1 คน รวมเป็น 9 คน
    ท่านเกิดในตระกูลชาวไร่ชาวนาที่ยากจน พ่อแม่ของท่านมีสมบัติติดตัวมาแค่ที่นาไม่กี่ไร่ ทำนาได้ข้าวปีละแค่ 20-30 หาบ แม้ว่าครอบครัวของท่านต้องดิ้นรนต่อสู้กับความอดทนอยากแต่ก็ไม่เคยละทิ้งเรื่องการทำบุญให้ทาน
    ท่านมีโรคประจำตัวคือ โรคลมสันนิบาต ตั้งแต่เด็กๆ แต่ท่านก็ยังช่วยพ่อและแม่ทำนา เก็บของป่าอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน นับว่าท่านเป้นผู้ที่มีความขยันอดทนและกตัญญูเป็นอย่างมาก
    >>>>>บรรพชาและอุปสมบท
    เมื่อท่านอายุย่าง 13 ปี (พ.ศ. 2468) ท่านได้รบเร้าขอให้พ่อแม่พาท่านไปบวช เพื่อท่านจะได้บำเพ็ญธรรมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพ่อแม่ก็ได้นำท่านไปฝากกับหลวงอา จากนั้นหลวงอานำท่านไปฝากตัวเป็นศิษย์และบวชเณรกับครูบาชัยลังก๋า (เป็นธุดงค์กรรมฐานรุ่นพี่ของครูบาศรีชัย) ครูบาชัยลังก๋าได้ตั้งชื่อให้ท่านใหม่หลังจากเป็นสามเณรแล้วว่า “สามเณรชัยลังก๋า” เช่นเดียวกับชื่อของครูบาชัยลังก๋า
    เมื่ออายุ 20ปี ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดยมีครูบาพรหมจักร วัดพระบาทตากผ้าเป็นอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “ชัยยะวงศา” ในระหว่างนั้น ท่านได้อยู่ปฏิบัติและศึกษาธรรมะกับครูบาพรหมจักร ในบางโอกาสท่านก็จะเดินธุดงค์ปฏิบัติธรรมไปในที่ต่างๆทั้งลาวและพม่า ท่านได้อยู่กับครูบาพรหมจักรระยะหนึ่งแล้ว จึงได้กราบลาครูบาพรหมจักรออกจาริกธุดงค์ไปแสวงหาสัจจธรรมความหลุดพ้นจากวัฏสงสารแห่งนี้เพียงลำพังองค์เดียวต่อ เพื่อเผยแพร่สั่งสอนธรรมะขององค์สมเด็จ-พระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้กับพวกชาวเขาในที่ต่างๆ
    เมื่ออายุได้ 22 ปี ท่านเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่ช่วยครูบาศรีวิชัยสร้างทางขึ้นดอยสุเทพ ร่วมกับครูบาขาวปี และชาวกะเหรี่ยง
    >>>>>>ละสังขาร
    นับตั้งแต่ หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศา ได้มาอยู่วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2498 ที่หลวงปู่ ได้เข้ามาเป็นเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จนกระทั่งมรณภาพในเวลา 01.00 น. ของวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2543 เป็นเวลาถึง 54 ปี หลวงปู่ได้ใช้ความพยายามพัฒนาวัด จนสามารถพลิกสภาพความเป็นวัดร้างให้เป็นวัดที่มีความเจริญ จนทำให้ผู้คนจากทุกสารทิศ ทั้งในและต่างประเทศ ทุกระดับชั้นทางสังคม หลั่งไหลเข้ามาสักการะ สมกับเป็นปูชนียสถานที่สำคัญแห่งหนึ่ง ของประเทศไทย
    โอวาทธรรม“อย่าเข้าใจว่า มาทำบุญที่นี่ จะตัดบาป ตัดกรรม ตัดเวร ได้นะ ... ตัดไม่ได้
    อโหสิกรรม ... ถือว่าตัดได้
    จะต้องขอเอง ... ให้คนอื่นไปขอไม่ได้ ไม่พ้นจากกรรม
    เราต้องของเอง ต้องอ่อนน้อม กล่าวคำสารภาพกับตัวเขา
    เขาจึงจะอโหสิ งดโทษให้เรา...”
    พระพุทธองค์ กล่าวไว้ในพระไตรปิฎกว่า ...
    เรามีกรรมเป็นของตน เรามีกรรมเป็นผู้ให้ยล เรามีกรรมเป็นแดนเกิด เรามีกรรมเป็นผู้ติดตาม
    เรามีกรรมเป็นผู้อาศัย
    กรรมอันใดที่ทำไว้ ... ความดี หรือ ความชั่ว ตัวเราเป็นผู้รับผลกรรมนั้น”
    “เวลาเราก็มีไม่มาก เกิดมาชาติหนึ่ง

    เวลาสูญเปล่ามีมาก เวลาทำงานจริงๆ มีไม่มาก
    เวลาสูญเปล่ามีตลอดชีวิต

    เวลาเหลือน้อ จะทำอะไรก็ให้รีบทำ” >>>>>>>มีพระเกศา,สำลีเช็ดนํ้าตาหลวงปู่,จีวร,เเละพระธาตุข้าวบิณฑ์บาตรพระพุทธเจ้ามาบูชา ********บูชาที่ 350 บาทฟรีส่งems sam_9152-jpg.jpg sam_7122-jpg.jpg sam_7123-jpg.jpg sam_7124-jpg.jpg sam_1900-jpg.jpg

     
  9. Khun Kriang

    Khun Kriang สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2019
    โพสต์:
    290
    ค่าพลัง:
    +4
    จองครับ
     
  10. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 836 เหรียญเสมาสมปรารถนาหลวงปู่เเก้ว สุจิณโณ พระอรหันต์เจ้าวัดถํ้าเจ้าผู้ข้า อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร หลวงปู่เเก้วเป็นศิษย์หลวงปู่เเบน ธนากโร วัดดอยธรรมเจดีย์,หลวงปู่หลุย จันทสาโร วัดถํ้าผาบิ้ง เหรียญสร้างปี 2559 เนื้ออัลปาก้า ด้านเหรียญประกบเหรียญเนื้อสามกษัตริย์ มีตอก 3 โค๊ต มีตอกโค๊ต ใบเสมา,ตอกโค๊ตตัวเลข 149 เเละโค๊ต ยันต์หน้าเหรียญด้านล่างหน้า เหรียญ มาพร้อมกล่องเดิม >>>>>>>ประวัติโดยย่อของหลวงปู่เเก้วเเละประวัติวัดถํ้าเจ้าผู้ข้า หลวงปู่แก้ว สุจิณฺโณ วัดถ้ำเจ้าผู้ข้า อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ละสังขารอย่างสงบแล้ววันนี้ ตรงกับวันศุกร์ที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ณ โรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร สิริอายุ ๗๖ ปี ๗ เดือน ๒๘ วัน พรรษา ๕๒ ท่านเป็นศิษย์ในองค์หลวงปู่หลุย จันทสาโร , หลวงปู่แบน ธนากโร
    ".. ถ้าอยากจะชำระก็ขอให้ชำระกิเลสตัณหาที่มีอยู่ในใจของเรา อย่าไปชำระบาป บาปนั้นชำระไม่ได้ ถ้าไม่อยากจะรับผลของบาป ก็อย่าไปทำเสียตั้งแต่วันนี้ .." โอวาทธรรมหลวงปู่แก้ว สุจิณโณ
    #อัตโนประวัติหลวงปู่แก้ว_สุจิณฺโณ
    ท่านมีนามเดิมว่า "ทองแก้ว ฮ่มป่า" เกิดเมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ.๒๔๘๖ ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะแม ณ บ้านห้วยหีบ ต.ตองโขบ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายจันทร์ และนางวงศ์ ฮ่มป่า
    ในช่วงวัยเยาว์ หลังจากที่ได้เรียนจบภาคบังคับในหมู่บ้านแล้วออกมาช่วยพ่อแม่ทำนา ทำสวน ทำไร่ เหมือนชาวชนบทภาคอีสานทั่วไป
    เมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ หลังจากที่ผ่านการคัดเลือกเกณฑ์ทหารแล้ว จึงได้คิดอุปสมบทเพื่อทดแทนบุญคุณพ่อแม่ อย่างไรก็ดี ท่านยังหาโอกาสเหมาะสมมิได้ เนื่องจากติดขัดที่ฐานะทางบ้านต้องช่วยเหลือครอบครัว แต่จิตใจก็ยังคิดใฝ่หาที่จะเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ตลอดเวลา
    กระทั่งอายุได้ ๒๕ ปีพอดี โยมพ่อแม่จึงได้ให้นายทองแก้วเข้าไปบวชเป็นตาผ้าขาวอยู่กับหลวงพ่อแบน ธนากโร ที่วัดดอยธรรมเจดีย์ เพื่อให้ทราบถึงข้อวัตรปฏิบัติต่างๆ เกี่ยวกับพระภิกษุ ซึ่งผู้ที่จะบวชเป็นพระภิกษุหรือสามเณรนั้นในวัดพระกัมมัฏฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต จะให้บวชเป็นตาผ้าขาวก่อน เพื่อให้หัดท่องคำขานนาค ท่องบทสวดมนต์ และให้ทราบถึงข้อวัตรปฏิบัติ
    รวมทั้งอยู่ดูนิสัยไปก่อน เรียกง่ายๆ คือ อยู่ดัดนิสัยเดิมเสียก่อน ฝึกกิริยามารยาทให้งดงาม ให้รู้จักครรลองครองธรรมของพระสงฆ์ ฝึกความอดทน ฝึกจิตใจให้เข้มแข็ง ต้องใช้เวลานานพอสมควร บางคน ๑ เดือน ๒ เดือน ๓ เดือน หรือเป็นปีสองสามปีก็มี แล้วแต่ใครจะฝึกหัดได้ง่ายได้ยาก
    จนเมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๑ หลวงพ่อแบน ธนากโร จึงได้นำนายทองแก้วเข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุในทางพระพุทธศาสนา ณ วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร โดยมีพระวิบูลธรรมภาณ (ไพบูลย์ อภิวณฺโณ) วัดศรีโพนเมือง เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์แว่น ธนปาโล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่อแบน ธนากโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    ภายหลังจากอุปสมบทแล้วท่านก็ได้กลับไปพักปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อแบน ธนากโร ที่วัดดอยธรรมเจดีย์ อยู่ปฏิบัติธรรมและศึกษาพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด เร่งรัดปฏิบัติข้อวัตรมิให้ตกหล่น ตรงตามเป้าหมายที่ประสงค์ไว้ จนเกิดความช่ำชอง
    เมื่อเห็นว่าสามารถที่จะดูแลตัวเองได้แล้วจึงได้กราบลาหลวงพ่อแบน ธนากโร ออกเดินธุดงค์จาริกปฏิบัติธรรมไปตามสถานที่ต่างๆ และได้ขึ้นมาอยู่ศึกษาปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร ที่วัดถ้ำเจ้าผู้ข้า อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
    ครั้นต่อมา หลวงปู่หลุยได้มรณภาพลง จึงได้จำพรรษาตั้งแต่ครั้งนั้นจนกระทั่งปัจจุบัน
    พระอาจารย์ทองแก้วเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบองค์หนึ่ง ที่เดินตามรอยครูบาอาจารย์ โดยเฉพาะหลวงปู่หลุย จันทสาโร ที่เป็นต้นแบบ เป็นพระที่ต้องการอยู่ที่เงียบสงบอยู่แต่ป่า จึงนับได้ว่าเป็นเนื้อนาบุญของชาวโลกอย่างแท้จริง
    พระอาจารย์ทองแก้วมักสอนญาติโยมทุกครั้งในเรื่อง "มาแต่ตัวก็ต้องไปแต่ตัว ขอให้เร่งสร้างความดีงามเอาไว้ อย่าเบียดเบียนกัน"
    พระอาจารย์ทองแก้วถือเป็นร่มธรรมองค์หนึ่งของชาวสกลนคร ที่มีความตั้งใจทำงานเพื่อพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง และเป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
    #ประวัติวัดถ้ำเจ้าผู้ข้า
    บ้านทิดไทย ต.ไร่ อ.พรรรณานิคม จ.สกลนคร
    .. ก่อนที่จะมีการเรียกว่าวัดถ้ำเจ้าผู้ข้านั้นก็มีประวัติความเป็นมาตามคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ที่ข้าพเจ้าได้สอบถามข้อมูลด้วยตนเองดังนี้ ในอดีตเมื่อสมัยร้อยกว่าปีมาแล้วได้มีชาวบ้านไฮ่ ต.ไร่ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ในปัจจุบันได้ออกบวชห่มขาวถือศิล ๘ มาพักปฏิบัติธรรมอยู่ที่บริเวรถ้ำแห่งนี้โดยที่ท่านไม่รับประทานเนื้อสัตว์ เป็นอาหารเพราะเมื่อท่านรับประทานเข้าไปแล้วจะอาเจียนออกมาหมดก่อนที่ท่านจะสละทางโลกเข้ามาทางธรรมนั้นท่านก็มีครอบครัวเช่นเดียวกับชาวบ้านทั่วไป มีบุตรสาวหนึ่งคน จากการบอกเล่าของลูกหลาน เชื้อสายเจ้าผู้ข้าอีกเรื่องหนึ่ง ก็คือก่อนที่ท่านเจ้าผู้ข้าจะออกบวชห่มขาวถือศิล ๘ นั้น วันนึงในฤดูทำนาภรรยาท่านเจ้าผู้ข้าก็ได้ไปเก็บหอยขมมาทำอาหาร การที่นำหอยขมมาทำอาหารนั้น บางคนก็ตัดก้นหอยเพื่อที่จะนำมาแกง บางคนก็ต้มเลยไม่ต้องตัดก้นหอย การที่นำหอยเป็นๆมาต้มก็เหมือนกับเราต้มเปรตปลาไหลนั้นเอง หอยเป็นๆพอถูกน้ำร้อนมันจะร้อนแค่ไหน ลองพิจารณาเอาเองก็แล้วกัน
    ภรรยาของท่านเจ้าผู้ข้าก็เช่นกันนำหอยขมที่ได้มานั้นต้มเพื่อเป็นอาหาร ขณะที่น้ำในหม้อต้มหอยกำลังเดือด ท่านเจ้าผู้ข้าก็ได้ยินเสียงหอยขมในหม้อต้มนั้นร้องว่า “โอ้ยร้อนจัง ช่วยด้วย ร้อน ร้อน ” ซึ่งเสียงนั้นท่านเจ้าผู้ข้าได้ยินเพียงผู้เดียว ตั้งแต่นั้นมาท่านเจ้าผู้ข้าก็มีอาการผิดปกติคือรับประทานอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ไม่ได้ รับประทานเข้าไปก็มีอาหารเคลื่อนไส้ อาเจียนทันที มีการบันทึกไว้ว่าก่อนที่จะมีการเรียกชื่อเจ้าผู้ข้านั้น ท่านมีนามว่า น้อยหน่า ส่วนนามสกุลนั้นมีการแต่งขึ้นในภายหลังจากท่านออกบวชแล้ว
    >>>>>>สาเหตุทำไมถึงเรียกว่า.. "เจ้าผู้ข้า"
    ท่านเจ้าผู้ข้านั้นชอบเรียกตัวเองว่า ผู้ข้า ซึ่งไปเป็นภาษาภูไท หมายความว่า กระผม หรือ ข้า หรือ ข้าพเจ้าประมาณนั้น และมีคนพบท่านเจ้าผู้ข้าครั้งสุดท้ายที่ถ้ำแห่งนี้ ท่านนอนป่วยอยู่จึงนำท่านลงไปรักษาในหมู่บ้านที่มีผู้ศรัทธาท่านจนท่านเจ้าผู้ข้านั้นเสียชีวิตในเวลาต่อมาจึงมีผู้คนเรียกถ้ำแห่งนี้ว่า "ถ้ำเจ้าผู้ข้า" ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
    และถ้ำเจ้าผู้ข้าแห่งนี้เป็นที่ละสังขารของท่านพระอาจายร์กู่ ธมฺมทินฺโน ก่อนที่ท่านจะมรณะภาพ เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๕ ท่านพระอาจารย์กู่ ธมฺมทินฺโน และลูกศิษย์ซึ่งมีสามเณรบุญหนา (หลวงปู่บุญหนา ธมฺมทินฺโน.รวมอยู่ด้วย ท่านได้มาปฏิบัติธรรมอยู่ที่ถ้ำเจ้าผู้ข้าแห่งนี้โดยมีกุฏิหลังเก่าไว้เป็นหลักฐาน เมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ.๒๔๙๖ ท่านพระอาจารย์กู่ ธมฺมทินฺโน ก็ได้ละขันธ์ในท่านั้งสมาธิในกุฏิหลังนี้เพระท่านเป็นโรคฝีฝักบัวอยู่ที่ก้นจนทนไม่ได้จึงละขันธ์เมื่อ สิริอายุ ๕๓ ปี พรรษา ๓๓ และเพื่อระลึกถึงท่านพระอาจารย์กู่ ธมฺมทินฺโน ที่ท่านมาละขันธ์ที่สถานที่แห่งนี้ ข้าพเจ้าจึงได้ขออนุญาติ หลวงปู่แก้ว สุจิณฺโณ สร้างรูปเหมือนเท่าองค์จริงของพระอาจารย์กู่ ธมฺมทินฺโน ไว้ที่หน้ากุฏิที่พระอาจารย์ท่านละขันธ์ เพื่อให้ผู้มีจิตศรัทธาพระอาจารย์กู่ ธมฺมทินฺโน ได้กราบไว้บูชา
    >>>>>>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ******บูชาที่ 305 บาทฟรีส่งems SAM_7488.JPG SAM_7486.JPG SAM_7487.JPG SAM_7489.JPG SAM_7491.JPG SAM_7490.JPG sam_8872-jpg.jpg
     
  11. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 837 รูปหล่อเหมือนลอยองค์หลวงปู่เสน ปัญญาธโร พระอรหันต์เจ้าวัดป่าหนองเเซง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี หลวงปู่เสนเป็นศิษย์อุปฐากหลวงปู่บัว สิริปุณโญ พระอาจารย์เสน ปญฺญาธโร เจ้าอาวาสหรือ
    สามเณร เสน ผู้เป็นเจ้าอาวาสต่อจากหลวงปู่ หลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ เคยได้รับการปรนนิบัติจากสามเณรน้อยรูปหนึ่งชื่อ สามเณรเสน สามเณรน้อยรูปนี้อยู่กับท่านมานาน แล้วได้จากหายไป จนสึกออกไปมีภรรยาและบุตร แม้เณรจะจากท่านไปเป็นเวลานานท่านก็ยังจำได้เป็นอย่างดี อยู่มาวันหนึ่ง หลวงปู่บัว ได้พูดคุยกับหลวงปู่เพ็ง พุทฺธธมฺโม พระลูกชายของท่านว่า
    “เอ...เณรน้อยคนนั้น มันไปไหนหนอ มันเป็นไข้มาลาเรีย...เราพยายามรักษามันจนจะหายแล้วไม่พาหนีจากเราไป ไม่รู้ว่าไปอยู่ไหน”
    หลัง จากหลวงปู่ปรารภถึงสามเณรน้อยของท่านได้เพียง ๒ วันเท่านั้น สามเณรของท่านก็กลับมา แต่มาในฐานะพระภิกษุเสน ปญฺญาธโร บวชได้ ๒ พรรษาแล้ว การปรารภของหลวงปู่ในครั้งนั้นเหมือนท่านได้รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า
    ต่อ มาภายหลัง พระอาจารย์เสน ได้รับมอบภาระให้เป็นเจ้าอาวาส ปกครองวัดป่าบ้านหนองแซง สืบต่อจากหลวงปู่ ได้ทำการพัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรืองมาโดยลำดับ จนกระทั่งปัจจุบัน

    รูปเหมือนสร้างปี 2560 เนื้อทองทิพย์ สร้างเนื่องจากหลวงปู่อายุครบ 7 รอบ(84 พรรษา) สร้างโดยคณะศิษย์การบินไทย มาพร้องกล่องเดิม มีตอกโค๊ต ดอกจำปี สัญลักษณ์การบินไทยใต้องค์พร>>>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาด้วยครับ *****บูชาที่ 355 บาทฟรีส่งems sam_7049-jpg.jpg sam_6777-jpg.jpg sam_6778-jpg.jpg sam_6779-jpg.jpg sam_6780-jpg.jpg sam_3774-jpg.jpg
    picture2.php?id=21&num=233&wpid=0041&user=dhamma5minutes.jpg
     
  12. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 838 เหรียญตัดชิดกรรมการ+ ล็อกเก็ตพิมพ์เล็กหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต บูรพาจารย์สายวัดป่าธรรมยุติ เหรียญตัดชิดสร้างโดยวัดป่าสาลวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา มีตอกโค๊ตหลังเหรียญ 7 โค๊ต เนื้อทองเเดง,ส่วนล็อกเก็ตสร้างโดยวัดป่าบ้านตาด ร่นบูชาคุณ 2561 หลังล็อกเก็ตมีมวลสารคือพระเกศาหลวงตามหาบัวเเละผงดิน 4 สังเวชนียสถาน>>>>>>รายการนี้มีเเกศารวมพ่อเเม่ครูอาจารย์หรือเกศาพระอรหันต์สายหลวงปู่มั่นมาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ *****บูชาที่ 450 บาทฟรีส่งems SAM_7481.JPG SAM_7482.JPG SAM_7483.JPG SAM_7484.JPG SAM_7478.JPG
     
  13. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 839 เหรียญรุ่นเเรก(เหรียญมีประสบการณ์)+เหรียญยอดเเคล้ว(นามสกุลของหลวงปู่)หลวงปู่ถวิล สุจิณโณ พระอรหันต์เจ้าวัดป่าสุจิณโณ อ.บ้านฝาง จ.ขอนเเก่น เหรียญรุ่นเเรกเนื้อสำริดส่วนเหรียญยอดเเคล้วเนื้อทองเเดงรมนํ้าตาล มีตอกโค๊ต ถ หน้าเหรียญ หลวงปู่ถวิลเป็นศิษย์หลวงปู่อุ้ย สุมังคโล(เป็นศิษย์ของหลวงปู่คำดี ปภาโส วัดถํ้าผาปู่ จ.เลย(ตามที่หลวงปู่ท่านเล่าให้ผมฟังด้วยตัวเองครับเเละท่านก็บอกผมว่าหลวงปู่อุ้ยเป็นพระอรหันต์หนึ่งเดียวของจังหวัดหนองบัวลำภู ช่วงที่ผมได้ไปกราบหลวงปู่ใหม่ๆครับ) >>>>>ชีวประวัติย่อพอสังเขป หลวงปู่ถวิล สุจิณโณ
    วัดป่าสุจิณโณ บ.หนองเซียงซุย ต.ป่าหวายนั่ง อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น
    ***********หลวงปู่ถวิล สุจิณโณ พระมหาเถระผู้มีอุปนิสัยพูดน้อย สันโดษ เรียบง่าย เป็นพระสงฆ์ผู้มีศีลาจาริวัตรที่งดงาม เป็นพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มีเมตตาต่อสานุศิษย์ทุกหมู่เหล่า
    นามเดิมท่านชื่อ ถวิล นามสกุล ยอดแคล้ว ถือกำเนิดเมื่อวันศุกร์ที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๘๕ ตรงกับวันขึ้น ๕ ค่ำ เดือนอ้าย ปีมะเมีย ณ บ้านเลขที่ ๗๓ หมู่ ๘ บ้านหนองไฮ ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น โยมบิดาชื่อคุณพ่อบุญ โยมมารดาชื่อคุณแม่เฝือ ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๖ คน ต่อมาไม่นานมารดาผู้ให้กำเนิดท่านเสียชีวิตลง จากนั้นท่านจึงย้ายไปอยู่กับป้า เพราะบิดาไปมีภรรยาใหม่

    พออายุเข้าเกณฑ์ศึกษาแล้ว ท่านเข้าเรียนที่โรงเรียนประจำหมู่บ้านคือ โรงเรียนบ้านหนองไฮ จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดในสมัยนั้น ครั้นเรียนจบแล้ว ท่านได้ช่วยคุณป้าทำนาทำไร ใช้วิถีชีวิตแบบธรรมดาของคนสมัยนั้น
    การอุปสมบท : อายุ ๒๒ ปี หลวงปู่ถวิล สุจิณโณ ท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุในทางพระพุทธศาสนา เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๐๗ เวลา ๑๓.๔๐ น. ณ อุโบสถวัดศรีจันทร์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น
    โดยมี พระวินัยสุนทรเมธี (หลวงปู่สุพจน์ อนุตฺตโร) เป็นพระอุปัชฌาย์
    พระมหาปรีชา เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    พระมหาดุสิต เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    พระอุปัชฌาย์ ขนานนามฉายาให้ว่า สุจิณฺโณ แปลว่า ผู้ปฏิบัติดีแล้ว
    ครั้นอุปสมบทแล้ว ท่านอยู่ศึกษาและปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่ธีร์ ที่วัดหนองไฮ ซึ่งเป็นวัดป่าประจำหมู่บ้าน หลวงปู่ธีร์นี้ ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
    ต่อมาหลวงปู่ถวิล สุจิณโณ ท่านเข้าถวายตัวเป็นลูกศิษย์เพื่อศึกษาและปฏิบัติธรรม กับหลวงปู่อุ้ย สุมังคโล วัดกลันทกาวาส บ.หนองอุ ต.ทรายทอง อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู
    หลวงปู่อุ้ย สุมังคโล นี้ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล และหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ภายหลังจากหลวงปู่อุ้ย สุมังคโล ท่านมรภาพและถวายเพลิงแล้ว อัฐิก็กลายเป็นพระธาตุ เป็นประจักษ์พยานในการสำเร็จมรรคผลสุงสุดในทางพระพุทธศาสนา
    >>>>>>>คู่บารมีธรรม : หลวงปู่ถวิล สุจิณโณ ท่านมีคู่บารมีธรรม คือ หลวงปู่สว่าง โอภาโส แห่งวัดศรีอุดมรัตนาราม ต.ทมนางาม อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี และท่านจำพรรษาอยู่วัดแห่งนี้นานที่สุด โดยหลวงปู่สว่าง โอภาโส เป็นเจ้าอาวาส และหลวงปู่ถวิล สุจิณโณ เป็นประธานสงฆ์ เมื่อหลวงปู่สว่าง โอภาโส ละสังขารแล้ว ท่านออกธุดงค์โปรดลูกศิษย์ตามวัดต่างๆ เรื่อยมา
    ต่อมาคณะศิษย์ยานุศิษย์ ได้สร้างวัดป่าสุจิณโณ เพื่อถวายเป็นอาจาริยบูชา พร้อมกราบนิมนต์หลวงปู่ถวิล สุจิณโณ ให้มาเป็นเจ้าอาวาส พำนักปฏิบัติธรรมเป็นการถาวร เนื่องจากท่านเข้าสู่วัยชราแล้ว ท่านได้เมตตาเลือกสถานที่แห่งนี้ และกำกับดูแลให้กำลังใจลูกศิษย์ในการสร้างวัด ตั้งแต่วันที่ ๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ และย้ายเข้ามาอยู่ประจำเมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๓ จนถึงมรณภาพ
    >>>>>>อาพาธ : หลวงปู่ถวิล สุจิณโณ ท่านเริ่มอาพาธด้วยโรคเบาวาน และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๘ หลวงปู่ถวิล ท่านได้รับการดูแลรักษาจากคณะแพทย์เป็นอย่างดีมาโดยตลอด พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์อยู่สองปี ครั้นอาการอาพาธดีขึ้นแล้ว คณะศิษย์นิมนต์หลวงปู่ไปพักรักษาธาตุขันธ์ที่วัดป่าสุจิณโณ และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตามที่คุณหมดนัดมาอย่างต่อเนื่อง
    >>>>>>การมรณภาพ : หลวงปู่ถวิล สุจิณโณ ท่านละสังขารด้วยอาการอันสงบตามกฎแห่งธรรมชาติ เมื่อวันพุธที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ เวลา ๐๔.๕๐ น. ณ วัดป่าสุจิณโณ สิริรวมอายุได้ ๗๕ ปี ๑๑ เดือน ๒๒ วัน ๕๕ พรรษา และทำพิธีถวายเพลิงสรีระสังขาร ในวันพุธที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ เวลา ๑๖.๐๐ น. ซึ่งช่วงท่านยังมีชีวิตอยู่นั้น ท่านสั่งลูกศิษย์ว่า เมื่อท่านมรณภาพแล้ว ให้ทำการเผาภายในเจ็ดวัน อย่าเก็บไว้นานจะทำให้เป็นภาระแก่คณะศิษย์
    การมรภาพของหลวงปู่ถวิล สุจิณโณ นั้น นำความอาลัยมาสู่สานุศิษย์ แลพุทธศาสนิกชนทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง
    พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า
    อนิจจา วต สังขารา อุปปาทวยธัมมิโน
    อุปปัชฌิชตวา นิรุชฌันติ เตสังวูป สโม สุโข
    สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง มีความเกิดขึ้นแล้วมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
    มีความเกิดขึ้นแล้ว มีความดับไปเป็นธรรมดา
    ความเข้าไปสงบระงับสังขารทั้งหลาย เป็นสุขอย่างยิ่ง
    ขอน้อมถวายความอาลัยแด่องค์หลวงปู่ถวิล สุจิณโณ พระมหาเถระผู้ปฏิบัติดีแล้ว พระมหาเถระผู้มีจิตอันฝึกดีแล้ว พระมหาเถระผู้ถึงธรรมอันสูงสุดแล้ว พระมหาเถระผู้มีศีลอันบริบูรณ์แล้ว พระมหาเถระผู้ควรแก่การกราบไว้แลสักการะบูชา ด้วยเศียรเกล้า
    >>>>>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ********บูชาที่ 305 บาทฟรีส่งems sam_7304-jpg.jpg sam_7076-jpg.jpg sam_7077-jpg.jpg sam_7078-jpg.jpg sam_7080-jpg.jpg sam_1606-jpg.jpg

    7828480_o-jpg-_nc_cat-108-_nc_sid-110474-_nc_ohc-bgsyddbymm8ax8ibocx-_nc_ht-scontent-fkkc2-1-jpg.jpg
     
  14. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    ********เพื่อนสมาชิกที่สนใจ โอนเข้าบัญชีธนาคาร กรุงเทพ สาขาบ้านเเพง เลขบัญชีที่ 496-055842-9,ธนาคาร กรุงไทย สาขาบิ๊กซี ลำพูน เลขบัญชี 854-0-31280-8,ธนาคาร กสิกรไทย สาขาเสนา เลขที่บัญชี 016-3-45911-6, ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเสนา เลขที่บัญชี 770-270878-6 ขอขอบคุณครับ
     
  15. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 840 เหรียญรุ่นพิเศษห่วงตันกรรมการอุปถัมถ์หลวงปู่ทองพูล สิริกาโม พระอรหันต์เจ้าวัดป่าภูกระเเต(วัดสามัคคีอุปถัมถ์) อ.เมือง จ.บึงกาฬ เหรียญสร้างปี 2556 เนื้อตะกั่ว มีตอกโค๊ตตัวเลข 1122 เเละโค๊ตอักษร ร หลังเหรียญ เหรียญใหม่ไม่เคยใช้ มาพร้อมกล่องเดิม
    416-8255-jpg.jpg
    ประวัติโดยย่อ หลวงปู่พระครูสิริธรรมวัฒน์ (พระอาจารย์ทองพูล สิริกาโม)
    วัดสามัคคีอุปถัมภ์ ( วัดภูกระแต ) อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย

    414-1d8b-jpg.jpg
    ท่าน อาจารย์ทองพูล สิรกาโม เป็นพระกรรมฐานรุ่นแรก แห่งกองทัพธรรมสายท่านอาจารย์มั่น ภูริทัตตะเถระ โดยพระเถระรุ่นนี้ มีพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ หลวงปู่คำตัน พระครูอุดมศีลวัฒน์ วัดป่าสถิตย์ธรรมมาราม พระครูปัญญาวรากร วัดป่าวิเวกพัฒนาราม โดยเฉพาะท่านอาจารย์ทองพูลกับท่านอาจารย์จวน ทั้ง 2 องค์ มีความสนิทสนมกันมาก
    ท่านอาจารย์ทองพูล เดิมชื่อหนูพูล นามสกุล เอนไชย เกิดที่บ้านเดื่อศรีคันไชย อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร บิดาชื่อนายเคน มารดาชื่อนางสุภี เป็นบุตรคนที่ 5 ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 7คน
    ตั้งแต่วัยเด็กท่านอาจารย์ทองพูลมีลักษณะนิสัยสุขุมเยือกเย็น พูดน้อย อ่อนน้อมถ่อมตน อยู่ในโอวาทของพ่อแม่ญาติพี่น้อง มีจิตเมตตา ท่านอาจารย์ได้บรรพชาอุปสมบทครั้งแรก เป็นพระสงฆ์ในฝ่ายมหานิกายที่วัดท่าเดื่อ โดยมีพระอุปัชฌาย์สิงห์ (ปัจจุบันคือ พระครูนรสีสาสน์ธำรง รองเจ้าคณะอำเภอวานรนิวาส)
    การบวช ครั้งนั้นเป็นการบวชในงานบุญประเพณีของผู้ที่ท่านอาจารย์คุ้นเคย และต่อมาท่านอาจารย์ทองพูลได้พบกับพระอาจารย์สีโห เขมโก ซึ่งเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์หลวงปู่มั่น และเป็นพระเถระรุ่นเดียวกับหลวงปู่เทสก์, หลวงปู่ขาว, หลวงปู่ฝั้น โดยท่านอาจารย์ทองพูลได้เปลี่ยนนิกายใหม่เป็นฝ่ายธรรมยุต โดยมี่พระอาจารย์เจดีย์(จูม พนฺธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสมุห์สวัสดฺ เป็นพระกรรมวาจาจาร มีฉายาว่า สิริกาโม เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2495
    นับ ตั้งแต่การอุปสมบท ท่านอาจาย์ทองพูล ได้ตั้งจิตแน่วแน่ในการปฏบัติธรรมตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า และถึงขั้นที่เรียกได้ว่ามอบกายถวายชีวิต โดยการออกธุดงค์หาสถานที่วิเวกเพื่อเร่งความเพียร บำเพ็ญภาวนา เพียงพรรษาแรกท่านอาจารย์ได้ถือเนสัชชิธุดงค์ คือการไม่นอน ไม่ยอมให้หลังแตะกับพื้นตลอดพรรษาและอดอาหารควบคู่กันไป ท่านอาจารย์ทองพูลยังป่วยอาพาธเป็นไข้มาเลเรียนอย่างหนัก แต่ท่านอาศัยธรรมโอสถขันติธรรมเพ่งเวทนาที่เกิดขึ้นจนไข้มาเลเรียหายไปเอง
    สำหรับ วัดสามัคคีอุปถัมภ์แห่งนี้ ท่านอาจารย์ทองพูลได้เดินทางมาในช่วง พ.ศ. ๒๕๐๒ ครั้งแรกยังเป็นแค่ภูดิน อยุ่ทางทิศตะวันตกของตัวอำเภอบึงกาฬ โดยชาวบ้านเรียกภูดินแห่งนี้ว่า ภูกระแต เนื่องจากมีสัตว์พวกกระรอก กระแต รวมถึงสัตว์ป่าอื่นๆ อาศัยอยู่ชุกชุมตามสภาพที่เป็นป่าดงทึบ รกครึ้ม
    เมื่อ ท่านอาจารย์มาถึงบริเวณภูกระแต ในคืนแรกท่านจำวัดใต้ต้นบก และ 3-4 วันต่อมา ชาวบ้านได้ทำเพิงพักนั่งร้าน และกุฎิชั่วคราวแบบง่ายๆ ทำด้วยไม้ไผ่ป่า จากนั้นท่านอาจารย์จึงได้พัฒนาวัดเรือยมาจวบจนถึงปัจจุบัน โดยได้รับแรงศรัทธาสามัคคีร่วมใจจากคณะลูกศิษย์ลูกหาทั้งที่เป็นพระภิกษุ สามเณร และอุบาสก อุบาสิกา
    415-2b97-jpg.jpg
    421-5f1a-jpg.jpg

    419-debd-jpg.jpg

    418-3cf3-jpg.jpg
    *****หลวงปู่ละสังขารเข้าอนุปาทิเสสนิพพานวันที่ 12 พ.ค.ปี 2558 เวลา 18.59 น. สิริอายุ 83 ปี พรรษาที่ 63 ปี >>>>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ ******บูชาที่ 305 บาทฟรีส่งems sam_7039-jpg.jpg sam_7040-jpg.jpg sam_7041-jpg.jpg sam_1854-jpg.jpg

     
  16. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 841 หินหยกเเกะรูปหน้าเหมือนหลวงตาเเตงอ่อน กัลยาณธัมโม พระอรหันต์เจ้าวัดป่าโชคไพศาล อ.วานรนิวาส จ,สกลนคร หลวงตาเเตงอ่อนเป็นศิษย์หลวงปู่มั่นยุคสุดท้าย องค์พระสร้างเนื่องในโอกาสสร้างพระประธานหินหยกพระมหาธาตุเจดีย์วัดป่าโชคไพศาล พระใหม่ไม่เคยใช้ ********มาพร้อมกล่องเดิม(*******หมายเหตุ......รายการนี้มีเเถมมอบเหรียญรุ่น 2 ของหลวงตาเเตงอ่อนมาบูชาเพิ่มอีกด้วยครับ) มีพระเกศาหลวงตามาบูชาด้วย >>>>>>>บูชาที่ 595 บาทฟรีส่งems(สุดค้มครับ เฉพาะพระหินหยกผมบูชามาก็ 800 บาทเเล้วครับ) sam_6054-jpg.jpg sam_3927-jpg.jpg sam_3930-jpg.jpg sam_3922-jpg.jpg sam_3923-jpg.jpg sam_3925-jpg.jpg sam_3924-jpg.jpg sam_3926-jpg.jpg sam_1610-jpg.jpg
    SAM_7494.JPG SAM_7493.JPG
     
  17. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 842 รูปหล่อเหมือนลอยองค์หลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ พระอรหันต์เจ้าวัดผาเทพนิมิต อ.นิคมนํ้าอูน จ.สกลนคร หลวงปู่บุญพินเป็นศิษย์หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถํ้ากลองเพล,หลวงปู่ชอบ ฐานสโม เป็นต้น องค์พระสร้างปี 2554 เนื้อโลหะผสมเเร่เหล็กไหลเกาะล้าน มาพร้อมกล่องเดิม มีตอกโค๊ต 3 โค๊ต โค๊ตตัวเลข 1309 เเละยันต์พระสิวลี เเละคำว่า ไตรมาส ใต้องค์พระ
    >>>>สืบเนื่องจากมีผู้ใหญ่ในศาลยุติธรรมได้ไปขอสร้างพระเพื่อเป็นที่ระลึกในงานปฏิญาณตนของผู้พิพากษาสมทบศาลแรงงานภาคสอง แต่อาจจะเป็นเพราะด้วยเหตุอย่างไรไม่ทราบหรือว่าท่านอาจจะมีเหตุให้ทราบว่าก่อนหลวงปู่ผ่านท่านจะมรณภาพท่านได้ฝากเรื่องนี้ไปกับหลวงปู่บุญหนาท่านจึงนิ่งเสียไม่ได้ปรารภอะไรและต่อมาพระที่จะสร้างเป็นที่ระลึกดังกล่าวก็ได้สร้างเป็นรูปหล่อของหลวงปู่บุญหนา หลังจากนั้นต่อมาท่านจึงได้พูดกับทางผู้ใหญ่ที่จะสร้างพระว่าถ้าได้แร่เหล็กไหลเกาะล้านมาเป็นมวลสารผสมคงจะดีถ้าอยากจะสร้างให้นำแร่ดังกล่าวมาผสม
    จึงเป็นที่มาของการสร้างพระหล่อรูปเหมือนรุ่นนี้
    แร่เกาะล้านเป็นแร่โครตรเหล็กไหลงอกเมื่ออยู่ในถ้ำจะแข็งมากแต่เมื่อถูกนำออกมาจะสามารถแกะเป็นรูปต่างๆได้และงอกได้บางทีงอกจนกรอบที่หุ้มไว้แตก
    เมื่อผสมแร่เข้าเป็นมวลสารจะทำให้ผิวของพระดำเป็นเงางามสวยมากส่วนพุทธคุณสิ่งสูง
    เพราะหลวงปู่ท่านเมตตาอธิษฐานจิตให้ถึง 1 ไตรมาส
    จำนวนการสร้างไม่มากสร้างเท่าไหร่เอากลับมาหมดเลยเพราะมีการจองหมดตั้งแต่ยังสร้างไม่เสร็จ >>>>>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาด้วยครับ*******บูชาที่ 455 บาฟรีส่งems sam_0656-jpg-jpg.jpg sam_6434-jpg-jpg.jpg sam_6437-jpg-jpg.jpg sam_6439-jpg-jpg.jpg sam_6440-jpg-jpg.jpg sam_7300-jpg.jpg sam_7301-jpg.jpg
    SAM_7499.JPG sam_1646-jpg.jpg
     
  18. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 843 รูปหล่อเหมือนรุ่นเเรก+เหรียญบาตรนํ้ามนต์ 90 ปีหลวงปู่อุดม ญาณรโต พระอรหันต์เจ้าวัดป่าสถิตย์ธรรมมาราม อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ หลวงปู่เป็นศิษย์หลวงปู่เเหวน สุจิณโณ,หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม เป็นต้น รูปหล่อเหมือนสร้างปี 2542 เนื้อโลหะรมดำมันปู,ส่วนเหรียญบาตรนํ้ามนต์ 90 ปี สร้างปี 2559 เนื้อทองเเดงผิวไฟ มีตอกโค๊ต น พ หน้าเหรียญ>>>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ>>>>>>>บูชาที่ 345 บาทฟรีส่งes sam_2151-jpg.jpg sam_2152-jpg.jpg sam_2153-jpg.jpg sam_7313-jpg.jpg sam_7314-jpg.jpg sam_7316-jpg.jpg sam_2488-jpg.jpg
    SAM_7496.JPG SAM_7497.JPG
     
  19. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 844 เหรียญรุ่นสร้างศาลาการเปรียญ+ล็อกเก็ตฉากชาวฟ้านั่งเต็มองค์รุ่นเเรกรุ่นสร้างกุฎิหลวงปู่ประครอง ปิยธัมโม พระอรหันต์เจ้าวัดดอยเทวธรรมมาราม อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย หลวงปู่เป็นศิษย์หลวงปู่ขาน ฐานวโร วัดป่าบ้านเหล่า เหรียญสร้างปี 2551 เนื้อกะไหล่ทอง >>>>>>มาพร้อมพระเกศาหลวงปู่มาบูชาด้วยครับ(หลังเหรียญมีเกศาหลวงปู่เเละนํ้าคำหมากหลวงปู่ติดมาด้วยครับ)**********บูชาที่ 305 บาทฟรีส่งems >>>>>ประวัติย่อๆพอสังเขป หลวงปู่ประครอง ปิยธัมโม เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๘๘ พื้นเพท่านเป็นชาวจังหวัดสกลนครโดยกำเนิด บิดาชื่อ ทอง ศรีอุทัย มารดาชื่อครอง ศรีอุทัย หลวงปู่ประครอง มีพี่น้องร่วมท้อง ๕ คน ซึ่งท่านเป็นพี่ชายคนโต เมื่อหลวงปู่ประครองจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ เมื่ออายุ ๑๔-๑๕ ปี ก็ได้ออกมาช่วยพ่อแม่ทำงานกิจการงานที่บ้าน จนอายุ ๒๐ ปี จึงได้ศึกษาและออกบวชทางพระพุทธศาสนา ได้บำเพ็ญสมณธรรมวัดในหมู่บ้านเป็นเวลา ๑ พรรษา จึงได้เดินออกธุดงค์ตามครูบาอาจารย์ที่เคารพ หลวงปู่ครองได้รับการอบรมฝึกปฏิบัติทางจิตใจก็ยิ่งเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้น ตั้งใจจะปฏิบัติหาเหตุผลให้กับชีวิต ตลอดจนตั้งใจปฏิบัติให้พ้นวัฏฏะสงสาร และได้ไปประพฤติปฏิบัติธรรมที่ จ.จันทบุรี ๒-๓ พรรษา จนได้กลับมาเยี่ยมบ้าน เห็นว่าอย่างไร พ่อแม่ก็ยังมีน้องๆ คอยช่วยดูแลอยู่ ท่านจึงออกเดินธุดงค์ไปปฏิบัติธรรมเริ่มจาก จ.อุดรธานี จ.เลย พิษณุโลก กำแพงเพชร เชียงใหม่ จนกระทั่งถึง จ.เชียงราย เดินเท้าบ้าง นั่งรถบ้าง หิวโหยบ้าง จนถึงกระทั่ง จ.เชียงราย คิดเห็นว่าบริเวณบ้านป่าสักงาม ต.ดงมหาวัน อ.เวียงเชียงรุ้ง แห่งนี้เหมาะที่จะเป็นที่บำเพ็ญสมณธรรม อยู่ต่อมา อยู่ต่อบ้านมีภูมิเทวดาได้ลงมาฟังเทศน์ฟังธรรมจึงได้รู้ว่ามีพระธุดงค์ท่านมาแสวงหาโมกขธรรม เริ่มแรก ได้เกิดนิมิตต่างๆ ได้บำเพ็ญอยู่บนยอดดอยในพรรษา ได้นิมิตเห็นแสงสว่างบนเจดีย์ ๓ ชั้น และในเวลาต่อมา มีโยมสองสามีภรรยา ซึ่งน่าจะเป็นเทวดา มากราบขอเป็นโยมอุปัฏฐาก
    ต่อมาได้มีชาวบ้านป่าสักงามมาร่วมกันอุปถัมภ์ดูแลสถานที่ปฏิบัติธรรมซึ่งเป็นป่าชุมชน ชาวบ้านได้สร้างถนนขึ้นไปถึงบนดอย หลวงปู่ประครอง ได้อยู่จำพรรษา ๒ พรรษา จากนั้นจึงได้กลับมา จ.สกลนคร และในเวลาต่อมา หลวงปู่ได้กลับไปบ้านป่าสักงามอีกครั้ง ชาวบ้านได้ลงมติให้สถานที่นั้นเป็นสำนักสงฆ์ ต่อมาหลวงปู่ได้ตั้งชื่อว่า "ดอยเทวธรรมาราม" ชาวบ้านได้ก่อสร้างกุฏิ เสนาสนะ และได้มีพระมาจำพรรษาอยู่ด้วย ๒-๓ รูป ปี พ.ศ.๒๕๕๓ ทางสำนักพุทธได้แต่งตั้งให้เป็นวัดถูกต้องตามกฏหมาย โดยได้เปลี่ยนชื่อวัดเป็น "วัดดอยธรรมาราม" หลวงปู่ประครอง ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสมาตั้งแต่นั้นมา ในช่วง ๒-๓ ปีหลัง สุขภาพหลวงปู่ไม่แข็งแรงนัก ศิษยานุศิษย์ที่ จ.สกลนคร จึงอาราธนาให้ท่านมาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านเกิดท่าน หลวงปู่ประครองได้ลงมาพำนักรักษาตัวอยู่ที่วัดป่าศรีลาธรรมาราม บ้านโคกศิลา อ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร

    _/\_ _/\_ _/\_
    SAM_7500.JPG SAM_7501.JPG
    4723840_o-jpg-_nc_cat-104-_nc_sid-110474-_nc_ohc-iwcobjg5okyax8eppjg-_nc_ht-scontent-fkkc2-1-jpg.jpg
    sam_7251-jpg.jpg sam_7252-jpg.jpg sam_2488-jpg.jpg
     
  20. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 845 พระผงพิมพ์เตารีดจัมโบ้รุ่นเเรกหลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป พระอรหันต์เจ้าวัดอรัญวิเวก อ.เเม่เเตง จ.เชียงใหม่ หลวงปู่เปลี่ยนเป็นศิษย์หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม วัดป่าอรัญวิเวก,หลวงปุ่เเหวน สุจิณโณ วัดดอยเเม่ปั๊ง เป็นต้น
    พระผงรูปเหมือนพิมพ์เตารีดรุ่นแรก พระอาจารย์เปลี่ยน วัดอรัญญวิเวกผสมเกศา
    ความเป็นมาของพระพิมพ์รุ่นนี้ พระอาจารย์เปลี่ยนท่านตั้งใจอธิษฐานจิตให้เป็นพิเศษเป็นไตรมาส เพราะลูกศิษย์ท่าน(หลวงพ่อถาวร วัดป่าเหวไฮ จ.อุดรธานี) เป็นผู้ดำริสร้างถวาย มวลสารที่นำมาสร้างหลักๆ คือไม้ทานาคาจากพม่า ว่านต่างๆมากกว่า 108 ชนิด ข้าวสารดำ เส้นเกศาพระอาจารย์เปลี่ยน ของอาถรรพ์ทนสิทธิ์อีกหลายอย่างจำนวนมาก ได้รวบรวมมวลสารจากทั่วประเทศทั้งจากลูกศิษย์ของหลวงพ่อถาวร พระอาจารย์เปลี่ยนนำมาถวาย รวมทั้งมวลสารของพระอาจารย์เปลี่ยนเองด้วย พระสงฆ์เจริญสมาธิภาวนา และอธิษฐานจิตมวลสารทั้งหมด ก่อนกดพิมพ์พระก็ได้ทำการทดสอบความแกร่งด้วยการโยนลงมาจากหอระฆัง จนได้สูตรที่แกร่งมากพอ พระ เณร แม่ชีจึงได้ที่วัดป่าเหวไห้ช่วยกันกดพิมพ์ สีต่างๆก็มาจากสีผสมทั่วๆไป องค์สีดำสร้างจำนวนน้อย สร้างไว้ 2 พิมพ์ คือพิมพ์เล็ก และพิมพ์ใหญ่ (พิเศษ) พระอาจารย์เปลี่ยนอธิษฐานจิตให้อีกไตรมาส ขนาดองค์พระ กว้าง 3 ซ.ม. x สูง 4 ซ.ม.
    มวลสารรวบรวมจากทั่วประเทศนะครับ (ลูกศิษย์หลวงพ่อถาวร และพระอาจารย์เปลี่ยน เอามาถวาย รวมทั้งมวลสารของพระอาจารย์เปลี่ยนด้วยครับ) แล้วก่อนที่จะได้เอาไปพิมพ์พระนั้น มวลสารได้ถูกอธิฐานจิตโดยพระสงฆ์ และสามเณรในจังหวัดอุดร ร่วมร้อยรูป 1 คืนเต็มครับ หลังจากนั้นจึงเอาไปพิมพ์เป็นองค์พระ โดยมีสวรผสมของปูนไม่เกิน 1 เปอร์เซ็นครับ หลังจากนั้น พระอาจารย์เปลี่ยนบอกให้เอาไปไว้ในกุฏิท่านเพื่ออธิฐานจิต 1 พรรษาครับ
    นับเป็นวัตถุมงคลที่น่าเก็บสะสมบูชาเป็นอย่างยิ่งครับ ปัจจุบันหายากแล้วครับ

    ****** ประวัติเเละการปฏิบัติธรรมโดยย่อพอสังเขป
    c79e6bbdaec5444caf97dfce1d7429e7-jpg.jpg
    ปีพ.ศ. 2470 ชาวบ้านปง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ได้ยินข่าวว่ามีพระกรรมฐานรูปหนึ่งจาริกมาพำนักอยู่ที่วัดไทยใหญ่ ในเขตอำเภอแห่งนั้น ชาวบ้านปงซึ่งเป็นผู้มีศรัทธาปสาทะในพุทธศาสนาเป็นทุนอยู่เดิมแล้ว จึงมอบให้ตัวแทน 9 คนไปนิมนต์พระภิกษุรูปนั้นมาโปรดชาวบ้านปง
    อาจารย์กรรมฐานรูปนั้นคือ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ บุรพาจารย์ของเหล่าพระป่าในยุคกึ่งพุทธกาล
    ในวันที่รับอาราธนานั้นเอง หลวงปู่มั่นก็เดินทางด้วยเท้า 6 กิโลเมตร กลับมากับผู้แทนชาวบ้านปงทั้ง 9 หลังพาท่านไปพักที่ป่าช้าได้ 3 วัน ก็พบที่สัปปายะเป็นเนินเขาเตี้ยๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งมีซากฐานของพระวิหารอันเป็นเครื่องหมายบ่งว่า สถานที่แห่งนั้นเป็นวัดร้างมาก่อน จึงได้ปลูกที่พักให้ท่านได้พำนักอยู่ ณ สถานที่แห่งนั้น
    นับแต่นั้นมาศิษยานุศิษย์ของพระอาจารย์มั่นจากทั่วสารทิศก็หลั่งไหลมาสู่บ้านปง
    ในพรรษาแรกมี 5 รูป หมดพรรษานั้นพระอาจารย์มั่นได้ออกเที่ยวธุดงค์ต่อ แต่ก่อนจะออกเดินทาง ท่านได้เมตตาตั้งชื่อสถานที่แห่งนั้นให้ว่า “สำนักอรัญญวิเวก บ้านปง” ซึ่งต่อมาเรียกกันสั้นๆ ว่า “วัดบ้านปง”
    พระอาจารย์มั่นยังสั่งไว้ด้วยว่า “ขอให้คณะศรัทธาญาติโยม จงพากันรักษาปฏิบัติดูแลสำนักแห่งนี้ไว้ให้ดี ต่อไปในอนาคตข้างหน้า จะมีเจ้าของเขามาสร้างพัฒนาให้เจริญรุ่งเรือง เป็นสถานที่ปฏิบัติกรรมฐาน และเป็นสิริมงคลแก่บ้านเมืองในอนาคตภายภาคหน้าแก่ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายสืบไป”
    หลังพระอาจารย์มั่นจากไป ก็มีพระกรรมฐานธุดงค์หลายรูปผ่านมาพำนัก ณ สถานที่แห่งนี้ ไม่ว่า หลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงปู่พรหม จิรปุญโญ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม หลวงปู่ชอบ ฐานสโม หลวงปู่สาม อกิญจโน หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ฯลฯ โดยเฉพาะหลวงปู่แหวนนั้นมาจำพรรษาอยู่ ณ ที่นี่ถึง 10 พรรษา แต่ก็ไม่มีรูปใดส่อแววว่า จะเป็นเจ้าของผู้มาสร้างพัฒนาให้เจริญรุ่งเรืองดังที่พระอาจารย์มั่นระบุไว้
    กระทั่งวันอาทิตย์ที่ 12 ก.พ. ปีพ.ศ. 2509 พระภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งก็มาถึง จากวันนั้นถึงวันนี้ ชื่อและนามของท่านก็ปรากฏเป็นที่เรียกขานคู่กันรู้จักกันทั่วไปว่า “พระอาจารย์เปลี่ยนวัดอรัญญวิเวก” หรือ “พระอาจารย์เปลี่ยนวัดบ้านปง”
    พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป พระหนุ่มในพ.ศ.โน้น เป็นหลวงปู่เปลี่ยนแล้วในวันนี้ แต่ผู้ที่ได้พบมักจะกล่าวตรงกันว่า โดยรูปลักษณ์ที่เห็นนั้น ท่านไม่น่าจะมีอายุถึง 77 ปี
    พระอาจารย์เปลี่ยน เป็นคนบ้านโคกคอน ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร เกิดในสกุล วงษาจันทร์ เมื่อวันที่ 16 พ.ย. ปีพ.ศ. 2476 บิดามารดาประกอบอาชีพค้าขาย ตาและยายซึ่งเป็นผู้เลี้ยงดูเป็นกำนัน ท่านเป็นผู้ฝักใฝ่ในเรื่องศาสนามาตั้งแต่เล็กแต่น้อย อาจเพราะพื้นเพวาสนา มาแต่เก่าก่อนนั้นประการหนึ่ง การได้คลุกคลีกับพระสงฆ์มาแต่วัยเยาว์นั้นก็อีกส่วนหนึ่ง แต่ถึงจะเอ่ยปากขอบวชมาตั้งแต่อายุ 12 ปี จนกระทั่ง 20 ปี มารดาก็ไม่อนุญาต
    กระทั่งบิดาเสียชีวิตในปีพ.ศ. 2497 และอีก 5 ปีถัดมาลุงก็เสียชีวิตตามไป เมื่อสบโอกาสว่าจะขอบวชแทนพระคุณท่านทั้งสอง ทั้งตาและแม่เลยอนุญาตให้บวช 7 วัน แต่ 7 วันนั้นก็เป็นแต่เพียงกำหนดที่ไม่เป็นจริง
    พระอาจารย์เปลี่ยน อุปสมบทที่วัดพระธาตุมีชัย บ้านโคกคอน ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ปีพ.ศ. 2502 โดยมีพระครูอดุลยย์สังฆกิจเป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูพิพิธธรรมสุนทร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ โดยปฏิญาณต่อพระปฏิมากรว่า “การทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน เป็นหน้าที่ของพระทุกรูปที่ได้มาบวชในศาสนา”
    บวชครบ 7 วัน พอโยมแม่มาขอให้สึกก็ขอผลัดเป็นให้รอออกพรรษาไป 21 วัน คำปฏิญาณตอนบวชได้ย้อนมาเตือนใจอีกครั้งหนึ่ง เป็นเหตุให้ลงมือทำทางจงกรมเพื่อเจริญภาวนา และเพียงเดินจงกรมไป 2 ชั่วโมงและนั่งภาวนาอีก 3 ชั่วโมงในวันแรกของการจงกรม
    หลังนั่งลงโดยตั้งสัจจะว่า “ถ้ายุงตัวใดจะดูดกินเลือด ก็จะถือเป็นพระพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เพื่อปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้า แม้จะต้องเป็นไข้มาลาเรียตายก็ยอม เพราะรุ่งขึ้นเช้าไปบิณฑบาตมาฉันแล้วก็เปลี่ยนเป็นเลือดได้”
    ท่านว่า หลังปล่อยวางจิตเข้าสู่สมาธิแล้ว ก็หายไปหมดทั้งร่าง แล้วความสงบครั้งแรกในชีวิตก็บังเกิดขึ้นและดำเนินไปกระทั่ง 3 ชั่วโมงเศษ ถึงรู้สึกตัว
    พระอาจารย์เปลี่ยนจำพรรษาแรกอยู่กับพระอาจารย์สุภาพ ธัมมปัญโญ และพระอาจารย์สุภาพนี่เองที่นำไปพบ หลวงปู่พรหม จิรปุญโญ พระอรหันต์แห่งวัดบ้านดงเย็น หรือวัดประสิทธิธรรม บ้านดงเย็น อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี
    วันแรกที่ได้ไปกราบคารวะทำวัตรกับหลวงปู่พรหม หลวงปู่ได้เทศน์ให้ฟัง พอกลับมาภาวนาและเข้าที่ด้วยท่าสีหไสยาสน์ พอนึกไปถึงเทศนานั้นจิตก็ลงสู่ความสงบ ปรากฏว่า ตัวท่านไปนั่งอยู่หน้าหลวงปู่พรหมที่วัดบ้านดงเย็น แล้วหลวงปู่พรหมจึงเทศน์ให้ฟังเรื่องอริยสัจ 4 แล้วเร่งให้ปฏิบัติให้มาก
    หลังจากนั้นหลวงปู่พรหมจะมาชี้แนะวิธีการภาวนาให้ในสมาธิอย่างน้อยเดือนละ 2 หน
    พอออกพรรษาวันแรก โยมมารดาก็มาถามเรื่องสึกอีก หนนี้ท่านผลัดว่า ขอรับกฐินก่อน พอรับกฐินท่านออกธุดงค์ไปองค์เดียว จนพบหมู่คณะ พากันออกไปตามหาท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
    ท่านอาจารย์จวนชี้แนะว่า “ต้องเปลี่ยนสมมติให้รู้ ข้ามสมมติให้ได้”
    จากท่านอาจารย์จวน ตัดลงใต้ไปถึงภูเก็ตเพื่อไปศึกษากับหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ระหว่างนั้นหลวงปู่พรหมก็ยังมาสอนในสมาธิอยู่เสมอๆ
    ขณะนั้นการดำเนินจิตของท่านมาถึงจุดที่นั่งภาวนาแล้วจิตดิ่งลึกไปโดยไม่รู้ว่า จิตอยู่ที่ไหน ทุกอย่างดับจนไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งสิ้น แต่เกิดปีติมากจนไม่อยากฉันอาหาร
    หลวงปู่เทสก์แก้ปัญหาให้ว่า “อาการเช่นนี้เรียกว่า นิพพานพรหม จิตดับกระทั่งไม่ได้ยินเสียง ไม่รับรู้อะไรจากภายนอก จิตลงไปสู่ส่วนลึกที่สุดเป็นอัปปนาฌาน เรียกว่า พรหมลูกฟัก เป็นพรหมชั้นสูง ถ้าไม่แก้ไขผู้นั้นจะคิดว่าตนได้พบพระนิพพาน จะไปไหนไม่รอด...”
    ท่านว่า ครั้งหนึ่งเมื่อหลวงปู่ขาวติดตามหลวงปู่มั่นไปยังภาคเหนือ หลวงปู่ขาวนั่งภาวนารวดเดียวตั้งแต่ 6 โมงเย็นไปถึง 6 โมงเช้า ที่สำนักสงฆ์อรัญญวิเวก น้ำค้างจับร่างหลวงปู่ขาวจนเปียกชุ่ม พอหลวงขาวออกจากสมาธิไม่รู้ว่า จิตไปอยู่ที่ไหน เลยไปเรียนถามหลวงปู่ใน
    หนนั้นหลวงปู่มั่นชี้แนะเพียงนิดเดียวว่า ให้ตั้งต้นใหม่ ติดตามดูจิตตั้งแต่เริ่มต้น เข้าสมาธิ ใช้สติปัญญาตามดูจิตให้ดีว่า วางอารมณ์อะไรจึงดับเสียงไปหมด ให้ดูว่าจิตไปอยู่ที่ไหน ต้องตามให้รู้
    พระอาจารย์เปลี่ยนก็ใช้กลวิธีเดียวกันนั้นแก้หลุมพรางของจิตที่ประสบอยู่ขึ้นมาจากภูเก็ต ท่านไปกราบคาราวะรับการชี้แนะจากหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ หลวงปู่ขาว ฯลฯ และหลวงปู่ขาวก็ย้ำว่าให้แก้ด้วยวิธีการเช่นว่า
    การเบนเข็มจากภาคอีสานมาสู่ภาคเหนือเกิดขึ้นหลังพรรษาที่ 4 เมื่อได้ยินข่าวว่า หลวงปู่ตื้อเทศน์เก่ง หลวงปู่แหวนไม่เทศน์ แต่เป็นนักปฏิบัติ การมุ่งขึ้นเหนือคราวนี้ ทำให้ได้พบและอยู่ศึกษากับ หลวงปู่สิม พุทธาจาโร แล้วไปอยู่กับหลวงปู่ตื้อ หลวงปู่แหวนดังใจหมาย
    ท่านว่า หลวงปู่ตื้อนั้นมีความสามารถในการสอนธรรมะและไขปัญหาต่างๆ ให้ได้พบความกระจ่างแจ้งอย่างที่ร่ำลือ
    ค่ำบีบนวดถวาย ระหว่างนั้นหลวงปู่ตื้อจะเทศน์ ทั้งสอนทั้งแก้ไขปัญหาที่สงสัย เที่ยงคืนออกมาปฏิบัติถึง 02.00 น. ถึงพักนอนแค่ 2 ชั่วโมง 04.00 น. ตื่นทำวัตร หลวงปู่ตื้อสอนทุกอย่าง รวมทั้งฝึกให้ท่าใช้อนาคตังสญาณคือ แรกๆ จะบอกล่วงหน้าว่า ใครจะมาหา ถึงเวลาก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อท่านฝึกตามที่ได้รับการชี้แนะ พระอาจารย์เปลี่ยนก็ได้ญาณนั้นเช่นกันคือ รู้ก่อนล่วงหน้าว่า ใครจะมาหา มากี่คน ใส่เสื้อสีอะไร
    ออกจากหลวงปู่ตื้อ ก็ไปพำนักกับหลวงปู่แหวน
    ในพรรษาที่ 6 ท่านควบคุมจิตได้
    กลวิธีที่ท่านใช้ คือ ทำความเพียรทั้ง 4 อิริยาบถ พอเมื่อยล้าเมื่อไหร่ก็หันไปอ่านหนังสือวิสุทธิมรรค
    ท่านว่า “การดูเข้าไปในจิตเรื่อยๆ มันจะเริ่มวางเสียงลงได้ เสียงจะเบาลงๆ จนกระทั่งดับนิ่ง จึงรู้ว่าจิตเราวางเสียงดังนี้นี่เอง เมื่ออยู่นิ่งๆ นานเข้า ใช้สติปัญญาเข้าไปครองจิตให้นิ่ง มันก็จะสงบลงไปหมด ว่างไปเหมือนไม่มีตัว ไม่มีกาย ว่างอยู่เฉยๆ มันนิ่งสบาย จึงรู้ว่าจิตมาอยู่นี่เอง ร่างกายก็เหมือนไม่มี อยู่ว่างๆ สบาย คอยดูจิตอยู่ มันเหมือนไม่มีใครอยู่ด้วย เหมือนจำพรรษาอยู่คนเดียว การดูจิตของเราไปตลอดเวลา ทำให้หนังสือที่เคยท่องมา เช่น วิสุทธิมรรคที่อ่านอยู่ เกิดตัวรู้ขึ้นมาทันทีตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งแต่บรรทัดแรกจนบรรทัดสุดท้าย เหมือนกับอ่านบาลีและรู้ทั้งหมดในทันทีนั้นเอง”
    พระอาจารย์เปลี่ยนเจริญในธรรมมาตามลำดับ โดยได้รับการชี้แนะจากพ่อแม่ครูอาจารย์หลายรูป ไม่ว่า หลวงปู่แหวน หลวงปู่ตื้อ หลวงปู่ขาว หลวงปู่เทสก์ หลวงปู่สิม หลวงปู่พรหม หลวงปู่ดูลย์ อตุโล หลวงปู่สาม อกิญจโน อาจารย์บัวพา ปัญญาภาโส หลวงปู่อ่อน หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่ผาง จิตตคุตโต ฯลฯ
    หลายรูปที่สอนการภาวนาให้ทั้งมาโดยในนิมิตและการได้พบกันเป็นๆ ในจังหวะต่างๆ
    หลวงปู่แหวนนั้นบอกว่า “เอามันให้ได้ มรรค ผล นิพพาน มันยังมีอยู่ ไม่ได้ไปไหน ...”
    ทุกวันนี้พระอาจารย์เปลี่ยนยังโปรดญาติโยมทั้งใกล้และไกล นอกจากจะพัฒนาวัดป่าอรัญญวิเวกให้เจริญก้าวหน้าดังที่พระอาจารย์มั่นได้กล่าวไว้ล่วงหน้าแล้ว ท่านยังเผยแผ่ธรรมะไปในที่ต่างๆ ทั่วโลกอีกทางหนึ่งด้วย ท่านเทศนาได้หลายภาษา ภาษาเวียดนาม ภาษาอังกฤษ ฯลฯ
    กับผู้อยู่ในโลกตะวันตกนั้น ท่านได้ไปสอนบรรดาโปรเฟสเซอร์ตามมหาวิทยาลัยชั้นนำ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยระดับโลกทั้งหลายให้รู้จักธรรมะของพุทธศาสนา ท่านว่า จับโจรต้องจับหัวหน้าโจร เมื่อผู้ที่เป็นหัวหน้า เป็นคนนำปัญญาได้รู้ได้เห็นธรรมะแล้ว ธรรมะก็จะเผยแผ่ได้ง่าย
    ผมเคยเรียนถามท่านว่า ท่านเรียนภาษาเหล่านั้นมาจากไหน ถึงเขียนหรือเทศน์เป็นภาษานั้นๆ ได้ ท่านว่า จะไปยากอะไร ก็ภาวนาเอาสิ ภาวนาแล้วมันก็รู้ขึ้นมาเองล่ะ อยากรู้ภาษาอะไรก็ได้รู้
    ท่านเคยเทศนาไว้ว่า ผู้เป็นพระโสดาบันนั้น จะรู้ตนว่ามีศีล 5 ศีล 8 ครบบริบูรณ์ ถ้ารู้ว่าปฏิบัติได้มากกว่านั้น ก็รู้ตัวว่าได้มากกว่านั้น ไม่สงสัย ไม่ลูบคลำว่าศีลข้อนั้นมันดีหรือไม่ดี พระสกิทาคามีนั้น ละความโลภ ความโกรธ ความหลงให้เบาบางลงได้แต่ไม่หมด พระอนาคามีนั้นอยู่ในฌานเป็นพรหมจรรย์อยู่โดดเดี่ยว เหมือนคนไม่มีคู่เรียงเคียงหมอน จิตวิญญาณมีอยู่ขันธ์เดียว อยู่กับความสุข ไม่ยุ่งกับใคร ศีล 8 สมบูรณ์
    สำหรับพระอรหันต์นั้น รู้แจ้งหมดแล้ว หายสงสัยในโลกหมดแล้ว รู้โลกแจ้งชัดเจนแล้ว ไม่หลงโลก ใครจะทำให้หลงก็ไม่หลง ไม่เกิด ไม่ดับ ไม่มีความต้องการ ร่างกายก็รู้หมด รู้เฒ่า รู้แก่ รู้เจ็บ รู้ตาย รู้ทุกข์ รู้ยาก พอแล้ว อิ่มแล้ว ไม่เอารูปขันธ์นี้แล้ว เรียกว่าตัดกิเลสขาด ขาดจากความยึดมั่น ถือมั่น วิราโค คลายความกำหนด สิ้นความยินดี ไม่ยินดีกับอะไรในโลกนี้ ความรัก ความชังขาดลอยหมดแล้ว ไม่แต่อุเบกขาญาณ วางเฉยอยู่แต่ยังสอนคนอยู่ จะเอาไม่เอาช่างมัน สอนด้วยความเมตตาเฉยๆ แต่ตัวท่านนั้นทำงานเสร็จแล้ว ไม่มีงานจะทำแล้ว ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์คือ การปฏิบัติธรรมอยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำไม่มีอีก ที่จะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ จะมาเกิดอีกไม่มี จิตของท่านไม่ต้องพูดถึง เป็นสมาธิทั้งวันทั้งคืน เป็นอยู่ทุกขณะ รู้อยู่ตลอด พุทโธเต็มอยู่บริบูรณ์อยู่ตลอด มีธัมโม สังโฆอยู่ในตัวตลอด...
    ท่านว่า ผู้ที่รู้ธรรมย่อมรู้ได้ด้วยตนเอง เป็นปัจจัตตัง และวิญญูชน รู้ด้วยเฉพาะตัวเอง เหมือนว่า ร้อนเรารู้ หนาวเรารู้ เรารู้อยู่คนเดียว คนอื่นไม่รู้ด้วย ทุกข์เรา ก็รู้อยู่คนเดียวของเรา คนอื่นจะมารู้ไม่ได้..
    วิญญูชนรู้ได้ด้วยเฉพาะตนเอง ไม่ต้องไปวัดหรอก ไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์มาวัดหรอก เขาจะวัดของเขาเอง ถ้าเขาหลุดพ้นเป็นพระอรหันต์ เขาก็จะรู้ของเขาเองว่าหลุดพ้นแล้ว ไม่มีอะไรขัดข้องกับจิตใจ”
    พระอาจารย์เปลี่ยนปฏิบัติมาถึงระดับใดท่านรู้ของท่านเอง แต่ที่แน่ๆ คือ เป็นพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติชอบ ควรแก่การสักการะ เป็นพุทธบุตรที่ยังดำรงขันธ์ให้เราอยู่เห็นในพ.ศ.นี้
    *************************************
    ในวันที่ 15 ก.พ. 2561 พระอาจารย์เปลี่ยนได้ละสังขารเข้าอนุปาทิเสสนิพพานแล้วอย่างสงบ สิริอายุ 84 ปี 2 เดือน 29 วัน พรรษา 59
    >>>>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ*******บูชาที่ 535 บาทฟรีส่งems (หมายเหตุ..องค์จัมโบรุ่นนี้พื้นี่ 800 ขึ้นครับ)องค์นี้มีบิ่นที่ขอบด้านบนนิดหน่อยครับผมใส่กรอบกันนํ้าไว้ครับผมเอาพุทธคุณ มีฝังเกศาหลวงปู่เยอะด้านหลังองค์พระ SAM_7502.JPG SAM_7504.JPG SAM_7505.JPG sam_2258-jpg.jpg SAM_7506.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กันยายน 2020

แชร์หน้านี้

Loading...