+++ มีการยืนยันแล้วค่ะ ว่า ศาสนาส่วนมาก ถูกใช้ เครื่องมือหลอกลวงคน และคนเราตายแล้วก็ไม่ได้เกิด+++++

บรรพบุรุษของเรา อย่างสมเด็จพระนเรศวรมหาราชก็ดี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชก็ดี ทรงใช้ศาสนาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นศูนย์รวมใจ
เป็นขวัญกำลังใจของผู้คน ในการกอบกู้เอกราช ศาสนาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์
คือศูนย์รวมจิตใจให้เป็นหนึ่ง ทำให้ไทยเรามีเอกราชมาถึงทุกวันนี้
ถ้าสมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ตลอดจนถึงบรรพบุรุษไทยทุกคน ทรงหันหลังให้ศาสนาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ป่านนี้ไทยคงไม่เป็นไทยอย่างทุกวันนี้ คงมีแต่คนคิดแต่เอาตัวรอดโดยไม่ต้อง
คิดไปกอบกู้ประเทศชาติ จริงไหม

 

ไม่แปลกครับ สังคมไทยเราเอาเรื่องความเชื่อที่บางทีสร้างขึ้นมาเพื่อประโยชน์ทางการค้า เอานามของสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาหากิน ทำกันจนมั่วไปหมด ในที่สุดก็กลายเป็นการทำให้สิ่งที่สูงเช่นศาสนาด้อยค่าในความคิดของคนลง แต่จริงๆศาสนาไม่ได้เสื่อม คำสอนไม่ได้เสื่อม ที่เสื่อมคือคนนี่แหละที่ทำให้ความเชื่อต่างๆเสื่อม

คนที่ไม่เชื่อเรื่องภพชาติ เรื่องจิตวิญญานไม่ใช่เรื่องผิด ที่ผิดคือไม่เชื่อแต่อย่าทำร้ายจิตใจคนที่เชื่อ หากทำการลบหลู่ก็คือการไม่เคารพกัน ไม่เคารพสังคม

เรื่องบุญกรรม ก็คงเห็นอยู่ตามข่าวทีวี ทำดีคนสรรเสริญ สบายใจ นั่นคือบุญที่เห็นและรู้สึกได้ทันที
พวกที่ทำบาปทำกรรม เช่นปล้น ฆ่า จี้ หากโดนจับก็คือผลแห่งกรรมตามทัน หากไม่โดนจับวันนี้ ใช่ว่าวันหน้าจะรอด ต่อให้รอดไปจนหมดลมหายใจ ระหว่างนั้นจิตใจย่อมไม่สบาย ระแวงว่าคนจะมาจับ จะมารู้ความผิด นั่นคือกรรมชั่วที่คอยติดตาม ให้ผลทางลบ

ทั้งนี้ต้องแยกจากความงมงายบางเรื่อง เช่น การแอบอ้างทรงเจ้าเข้าผี เอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาอ้างเพื่อเป็นเล่ห์เพทุบายในการหาเงินเข้ากระเป๋า หรืองมงายในทางอื่นๆ หรือความเชื่อที่เชื่อเพราะบอกต่อๆกันมา บางอย่างก็หาเหตุผลไม่ได้ อันนี้อาจจะทำให้คนรุ่นใหม่ๆต่อต้านความเชื่อทำนองนี้ แล้วเหมารวมหมดว่าที่สุดแล้วศาสนาเป็นเครื่องมือ ทั้งๆที่ความเชื่อหลายๆส่วนไม่ได้ถูกบัญญัติในศาสนาเลย

และหากจะวิเคราะห์จริงๆ คำสอนในศาสนานั้น โดยเฉพาะคำสอนพื้นฐานจะเปรียบเสมือนกฎหมายที่อาศัยหลักกฎแห่งกรรมเป็นเครื่องกำกับให้สังคมอยู่กันอย่างมีความสุขทั้งสิ้น เช่นบัญญัติ 10 ประการ หรือศีล 5 เหล่านี้หากผู้คนปฏิบัติได้ครบ กฏหมายต่างๆที่ตราขึ้นภายหลังแทบไม่จำเป็น นี่แหละ ต่อให้ศาสนาเป็นเครื่องมือตามความเชื่อของเค้า แต่ตราบใดที่เป็นเครื่องมือที่ทำให้คนและสิ่งมีชีวิตต่างๆอยู่ร่วมกันโดยสันติ สงบสุข ผมก็ยินดีจะอยู่ภายใต้เครื่องมือที่เค้าว่าครับ

สุดท้ายก็ต้องแยกแยะครับ คำว่าศาสนา กับความเชื่อ ไม่เหมือนกัน

 

FakGhost VS GhostFak

+++ ถ้าคุณเคย "ฝันแบบ ตัวเป็น ๆ แล้วมีอาการ เจ็บปวด ดีใจ เสียใจ ในปัจจุบันขณะ ณ ขณะที่ยังกำลังฝันอยู่นั้น" คุณจะรู้ได้เองว่า ณ ขณะนั้น ๆ ทุกอย่าง "มีอยู่จริง เป็นอยู่จริง" ทั้งหมด

+++ ณ ขณะนั้น ๆ โลกแห่งความเป็นจริง "อยู่ในขณะที่ กำลังฝัน" และใน "โลกหรือห้องที่คุณนอน ไม่ได้มีอยู่จริง" มันจะมีอยู่จริงได้ในขณะที่ "คุณตื่นอยู่ เท่านั้น"

+++ ดังนั้น "ความเป็นจริง" ย่อมมีอยู่ได้ "ในขณะที่ ความเป็นตัวคุณ หรือที่เรียกว่า อัตตาจิต ของคุณ อยู่ใน สถานการณ์ปัจจุบันขณะ ของ ขณะใด" ตรงนี้ เท่านั้น

+++ ในขณะ ณ ขณะที่คุณกำลังอ่านโพสท์นี้อยู่ โลกอื่นและมิติอื่นไม่ได้มีอยู่ เหตุเพราะ "ความเป็นตน" ของคุณ อยู่ในที่ตรงนี้ ในมิตินี้ "มิติอื่น ไม่มี"

+++ แต่ในยามที่คุณ นอนหลับพักผ่อนแล้ว "อยู่" ในโลกแห่งความฝัน "โลกนี้และมิตินี้ จะไม่มีคงเหลืออยู่" เหตุเพราะ "ความเป็นตน" ของคุณ ไม่ได้อยู่ในที่ตรงนี้ ในมิตินี้ "มิตินี้ ไม่มี"

+++ ผู้ที่จะรู้เรื่องแบบนี้ "ชัดเจน" ก็คือผู้ที่ "รู้จักความเป็นตน ชัดเจนแล้ว" เท่านั้น

+++ บุคคลประเภทที่เขียน FakGhost นั้น "หมดขีดความสามารถ" ที่จะ "รู้จักตนใน มิติแห่งปัจจุบันขณะ" ได้ ย่อมระบุชี้ได้ชัดเจนว่า "เป็นประเภทบุคคลที่ ไร้สติ" จนไม่สามารถที่จะ ตั้งสติ ได้เลย

+++ บุคคลประเภทนี้ เมื่อตายไป "โลกแห่งฝันที่เป็นจริง เพราะอัตตาบังเกิดอยู่ในโลกนั้น ย่อมปรากฏ (จุติจิต)" ย่อมกลับกลายไปเป็น "ผู้ไร้สติ ยังโลกมิตินั้น ๆ"

+++ โดยเฉพาะ "โลกนั้น ๆ เป็นโลกที่ ไม่มีกายเนื้อ" ดังนั้นจึงหมดโอกาส "ของการ รู้ตัว หรือ รู้สึกตัว" ในที่ยามลมพัด ได้ไอร้อนเย็น หรือ มีอะไรมาสัมผัสกายเนื้อ

+++ ดังนั้น "โลกแห่งฝันที่เป็นจริง ในสภาวะที่ไม่มีกายเนื้อ จึงไม่มีโอกาสพลิกฟื้นคืนสติมาได้" โลกมิตินั้น ๆ จึง "ยาวนานผิดไปจากมิติแห่งกายเนื้อนี้"

+++ โลกมิติแห่งกายเนื้อนี้ แต่ละวัน "มีโอกาสที่จะ รู้ตัวและรู้สึกตัว" ได้เกือบตลอดเวลา แต่ในโลกมิติแห่งฝันนั้น "มีโอกาสที่จะ รู้ตัวและรู้สึกตัว เกินกว่า 1 ครั้งขึ้นไป ได้สักกี่ฝัน"

+++ "โลกแห่งฝันที่เป็นจริง" นี้มีอยู่แค่เพียง 2 แบบ คือ "ฝันดี กับ ฝันร้าย" เท่านั้น ลองสำรวจบุคคลประเภทที่เขียน FakGhost ดูว่า จะมี "ฝันที่เป็นจริง" ประเภทไหน

+++ และไม่ว่าใครก็ตาม หากตกลงไปสู่ "โลกแห่งฝันที่เป็นจริง" ชนิดที่เป็นประเภท "ฝันร้าย" แล้วละก็ รับประกันได้เลยว่า "โดน GhostFak" แน่นอน นะครับ

 

น่าสังเวช บุคคลเช่นนี้มีหลายพันล้านคนในโลกใบนี้ แค่คิดว่าเกิดมาแล้วตาย แต่ตอนใกล้ตายพวกนี้ทุรนทุรายไม่อยากตาย กลัวตายสุดๆ
น่าสงสารแต่ก็ช่วยไม่ได้

 

เอาแบบโง่ๆเลยนะครับ เซลคนเราถ้าจำไม่ผิดกี่ร้อยวันไม่รู้จะตายแล้วมีเซลสร้างใหม่ขึ้นมาแทน คิดแบบง่ายๆในร่างกายคนเราในโลกปัจจุบันนี้ละก็เกิดและตายอยู่ตลอดเวลาแล้วครับ คำว่าชาติภพ ก็ลึกซึ้งและรวดเร็วเกินกว่าที่ จขกท คิดไว้อีกครับ
สิ่งที่ จขกท โพสก็เป็นความจริงครับ(ผมไม่ได้ว่านะครับว่าที่โพสมันไม่จริงผมสนับสนุนเสียด้วยซ้ำ) แต่ผมไม่คิดว่า จขกท จะเข้าใจในความเป็นจริงที่โพสลงอ่ะครับ ^__^

 

https://www.facebook.com/FakGhost/timeline

เห็นเขาพยายามจะบอกว่าทุกอย่าง เป็นการหลอกลวงค่ะ
คนแบบนี้ จริงๆ ไม่น่ามีนะคะ มันเป็น ลัททิ ที่ น่าเป็นห่วง

 

ยังมีผู้ดูแลเว็บอยู่อีกหรือไม่?

คงไม่ต้องแจ้งให้เสียเวลา
ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า

เว็บพลังจิต ยังมีผู้ดูแลอยู่หรือไม่?

 

ครับ เห็นด้วยครับ ในการเสียสละของบรรพบุรุษของเรา เพื่อประเทศชาติของเรา ให้คนรุ่นหลังได้มีแผ่นดินอยู่

ใช้ศาสนาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นศูนย์รวมใจ > คนศาสนาอื่นก็ทำได้ครับ ใช้เป็นเครื่องมือได้อย่างดี ในการชักจูงคน หลอมรวมคน เพื่อให้ดูเหมือนมีสิ่งที่ต้องปกป้องรักษาไว้ แล้วอาจจะลามไปถึงข้ออ้างในการรุกราน ย่ำยี ทำลาย กำจัดกับคนที่เห็นต่างได้อีกด้วย

แต่ที่ประเทศไทยเราเป็นเอกราชทุกวันนี้ เพราะจำเป็นต้องยอมเสียดินแดนไปหลายส่วนนะครับ

ถ้าผมแบบให้คิดย้อนกลับไปว่า ตอนไทยเสียดินแดน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปไหนหล่ะ ทำไมไม่มาช่วยละ ? จะตอบว่าไงครับ
หรือจะตอบไป ทำนองว่าช่วยได้แค่นี้ ที่เหลือเป็นกรรมของประเทศช่วยไม่ได้ เลยช่วยให้เสียดินแดนไปแต่เอกราชยังมีอยู่

แล้วทำไมอย่างประเทศเพื่อนบ้าน เช่นพม่า ถึงเสียเอกราชละครับ ? ศาสนาพุทธเหมือนกัน หรือว่าทำกรรมกับไทยไว้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ถึงไม่ช่วย ??
หรือจะบอกว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยช้า ถึงพม่าจะเสียเอกราชไปแต่ก็ยังมีดินแดนอยู่ แล้วแค่รอเวลาผ่านไปๆๆๆ 60 ปีกว่า ก็ได้เอกราชคืน
แล้วแถมบางประเทศพอได้เอกราชคืน กลับได้ดินแดนที่เคยเป็นของไทยแถมไปด้วย

แต่ในความเห็นผม คิดว่า ชาติ กับ ศาสนา ก็น่าจะอยู่คนละส่วน หรือให้เกี่ยวข้องกันน้อยที่สุด และรักษาไว้ในทางที่ถูกต้องน่าจะดีกว่า
ประมาณว่า อย่าเอาเหตุผลในเรื่องชาติ หรือสังคม การเมือง ประเพณี ค่านิยม วัฒธรรม ความเชื่อลัทธิอื่นๆ มาหักล้างกับคำสอนของศาสนา หรือมาปนกัน


ดูอย่างเช่นประเทศ ญี่ปุ่น อาจจะเอาชาติเป็นหลัก หรือเอาสงครามมาอ้างก็ไม่รู้ หรือเอากามมาอ้างว่าเพื่อศาสนา
เลยให้พระมีเมียได้ เพื่อเป็นการเพิ่มประชากร หรืออย่างน้อยจะได้เผยแพร่คำสอนศาสนาให้คนในครอบครัวได้ ?? ดูแล้วน่าเป็นบุญ น่าอนุโมทนามั้ยหละ

ส่วนไทยก็จากศาสนาที่พระพุทธเจ้าบอกว่าให้มีธรรมเป็นที่พึ่ง มีตนเป็นที่พึ่ง
ดูเหมือนจะกลับกลายเป็นว่า มีรูปปั้น สื่งที่สรรค์สร้างแล้วสมมุติว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นที่พึ่ง ก็ต้องกราบไหว้อ้อนวอนร้องขอกันเข้าไป

 

ความคิดแบบนี้มีมานานตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว ความจริงความคิดแบบนี้ก็ถือเป็นอีกลัทธิหรือศาสนาหนึ่งนั่นเอง

 

ทำยังไงดีคะ??? ก็ถ้าคุณเชื่อที่เขาว่าก็ไม่เห็นต้องทำยังไงนี่คับ ดีออกใช้ชีวิตไปวัน ๆ เบื่อ ๆ เซ็ง ๆ ท้อ ๆ ก็ฆ่าตัวตายไปซะเลย ไม่เห็นมีอะไรให้ต้องกลุ้มใจเลยนี่คับ

แต่ถ้าคุณเชื่อกฎแห่งกรรม คุณก็คงไม่ถามป่าวคำถามนี้ป่าวคับ :boo: ๕๕๕๕๕ ได้ข่าวว่ากลัวผี

 

เว็บนี้ https://www.facebook.com/FakGhost



เห็นวันๆมัน้เอาแต่ด่าพระด่าเจ้าค่ะ สมุนลิ่วล๊อก็เยอะค่ะ