มาดูพระสมเด็จเก๊กัน

อ่ะ เฉลยกันไปนานแระ ขออภัยทำให้ท่านหมีเข้าใจผิด ขอรับ

 

เล่นแล้วเราต้องเปิดใจครับอาจารย์ใจเย็นๆ ที่เอามาดูที่นี่เรามาแรกเปลี่ยนความคิดเห็นกันไม่ได้มาหาเรื่องใคร ไม่มีใครเก่งกว่าใครแต่ใครจะรู้มากกว่ากัน ใช่มัยครับอาจารย์ ส่วนใครจะทำอะไรเราไม่ไปว่าเขามันเรื่องของเขา ผมเดินสายกลางครับ

 

กรรมเลย ผมไม่น่าดึงกระทู้นี้ขึ้นมาเลย

ขอโท๊ดคร๊าบบบบ

อย่าเพิ่งผิดใจกันนะครับ

:VO

 

ลองไปดูหนังสือพระที่มีพระของต้อยลงขายหลาย ๆ เล่มมาดูนะครับ แล้วลองเทียบเคียงดู

 

วัดระฆัง บางขุนพรหมไม่มีพิมพ์นี้ ถ้าศึกษามาบ้างน่าจะรู้ ผมก็ไม่คิดว่าจะมีคนเข้าใจผิดเป็นวัดระฆัง

 

ชอบองค์ 2 ครับ ขอนุยาตินะพี่ไม่ได้เข้ามานาน ลองทายแบบไม่ดูเฉลย

 

ขอเช่าองค์ที่2ในราคา 200 บาท
ชอบครับ อิ อิ

 

องค์ที่1กับองค์ที่2 พระปลอมผมซื้อครับ
เล่นแค่ชอบ 400 ขายไหมครับ

 

ขอบคุณเจ้าของกระทู้ ครับ ที่โพสต์ให้เห็นความแตกต่าง และมีเจตนารมณ์ที่ดี

เอาทั้งสามองค์มาพิจารณาเนื้อหา ธรรมชาติ ความทับซ้อนของผิวที่เกิดจากการงอกของปูนหลากหลายอายุ เช่น องค์หลวงปู่ภู เป็นธรรมชาติที่สุด และทำให้อีกสององค์ กลายเป็นพระงานฝีมือโดยปริยาย เพราะขาดความเป็นธรรมชาติ เพราะมีการพัฒนาการที่ไม่เป็นระบบตามธรรมชาติ นั่นเอง
ข้อสังเกตุ ธรรมชาติของปูน หรือ พระเนื้อปูน
หากมีรอยยุบตัวบนผิว ตามธรรมชาติจะเกิดการกร่อนและการงอกของปูน เสมอ จะดูนวลตา

 

ลองเปรียบเทียบเนื้อเล่นๆดูครับ หลวงปู่ภู กับ เปลือกหอย
ถึงแม้เปลือกหอยจะมีพัฒนาการจัดจ้านกว่า(เป็นเพราะมีอายุมากกว่าจึงเกิดการงอกทับซ้อนมากกว่าบนชั้นผิว ทำให้ดูเหี่ยวเป็นริ้วๆ) แต่ก็มีความเหมือนในการพัฒนาการ ครับ

 

สวัสดีครับท่าน หอยเป็นสิ่งมีชีวิตเขาไม่น่าเอามาสร้างพระหรอกครับ ที่ท่านเห็นอาจจะเป็น น้ำผึ้งหรือน้ำอ้อยซึ่งเป็นส่วนผสมเกิดการเคลื่อนตัวครับ

 

คัดลอกมาบางช่วงครับ
“ วัสดุฉาบ
เป็นสิ่งสำคัญอีกประการในการก่อสร้างสมัยก่อน การฉาบผิวช่วยทำให้อิฐซึ่งเป็นโครงสร้างของสิ่งก่อสร้างไม่โดนแดดลมและทำให้เกิดการชำรุดทรุดโทรมได้โดยง่าย วัสดุฉาบนี้คนโบราณผลิตจากการนำเปลือกหอย หินปูน หินอ่อน และวัสดุอื่นๆ มาเผา จนกลายสภาพเป็นปูนดิบ มีการผสมทรายลงไปเพื่อป้องกันการหดตัวของปูนเมื่อนำไปใช้ในการก่อสร้าง เหล่านี้เป็นภูมิปัญญาของคนในสมัยก่อนที่จะเรียนรู้เอาสิ่งที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติมาสร้างประโยชน์ต่อสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตอยู่

การก่อสร้างในสมัยโบราณ บางอย่างก็ยังคงเป็นปริศนา เป็นเรื่องชวนฉงนในความสามารถของผู้คนในยุดนั้น ว่าสามารถสร้างขึ้นมาได้อย่างไรในสถานการณ์และสภาพความเป็นอยู่ในสมัยนั้น แต่สิ่งที่สะท้อนออกมาพร้อมๆโบราณสถานอันยิ่งใหญ่ตะการตา องค์ความรู้ต่างๆมากมายที่ประกอบกันขึ้นเป็นโบราณสถาน ที่ซ่อนไปด้วยความรู้ทางคณิตศาสตร์ สถาปัตยกรรม และวิศวกรรมศาสตร์ ภูมิปัญหาของคนในอดีตที่บางทีเราก็ไม่อาจจะสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีคิดของพวกเขาได้อย่างแจ่มแจ้ง แต่บางอย่างเราก็อดฉงนไม่ได้ต่อองค์ความรู้ต่างๆมากมายที่ประกอบกันขึ้นเป็นโบราณสถาน“

แบบเต็มๆครับ http://www.vcharkarn.com/varticle/38563
จากที่ได้ศึกษาเรื่องการสร้างพระ ในสมัยโบราญ ซึ่งยึดถือตามหลักความเชื่อ ว่าถ้าต้องเดินทางไปที่ไดไกลๆ ควรจะต้องนำเอาดินบ้านเกิดติดตัวไป และใช้เป็นยา ส่วนปูนเปลือกหอยเผา ก็นำมาทำเป็นปูนกินหมาก และเป็นวัสดุฉาบผิว องค์เจดีย์ โบสถ์ เพื่อให้ทนต่อสภาพอากาศต่างๆ ไม่ผุพังง่าย

แน่นอนครับต้องทำมาจากปูน จะเป็นปูนที่ทำมาจากหิน หรือ เปลือกหอยเผา ก็ย่อมมีธรรมชาติ พัฒนาการ เหมือนกัน อย่างเป็นระบบของธรรมชาติ
1. อย่างถ้าหินปูน
2. ผิวพระ