มหานาคีมหานาคาครุฑารักษากลุ่มภูเก็ตพังงาบูชานัมทานทีรอยพระพุทธบาท

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นาคา, 18 เมษายน 2008.

  1. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขอด้วยอำนาจแห่งพระรัตนไตร คุณครูบาอาจารย์ทุกท่าน เทพพรหมเทวา นาคา นาคี ทุกพระองค์ ตลอดรวมจนถึงทุกดวงใจแห่งชาวธรรมทั้งปวง ที่หลอมรวมกัน สร้างกุศลความดี บารมีเป็นเกราะแก้วคุ้มครองรักษา ภูเก็ตและเขตภาคใต้ ให้รอดพ้นปลอดภัยจากภัยพิบัติทั้งปวงด้วยเทอญ

    -------------------------------------------------------------

    มีข่าวจากพี่แอ๊วว่า หลวงปู่สุภา ท่านได้เมตตาให้หลวงพี่นิลท่าน มาช่วยสร้าง พระพุทธรูปใหญ่ หน้าตักกว้าง 20 เมตรที่ภูเก็ตครับ

    มีความคืบหน้าอย่างไรคงได้ร่วมบุญร่วมใจกันครับ

    ขอให้เข้มแข็ง มั่นคงในความดี มีพระนิพพานเป็นที่สุดครับ
     
  2. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,378
    ค่าพลัง:
    +12,917
    <TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="Post 4727956" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>kananun</TD><TD class=alt1>ขอด้วยอำนาจแห่งพระรัตนไตร คุณครูบาอาจารย์ทุกท่าน เทพพรหมเทวา นาคา นาคี ทุกพระองค์ ตลอดรวมจนถึงทุกดวงใจแห่งชาวธรรมทั้งปวง ที่หลอมรวมกัน สร้างกุศลความดี บารมีเป็นเกราะแก้วคุ้มครองรักษา ภูเก็ตและเขตภาคใต้ ให้รอดพ้นปลอดภัยจากภัยพิบัติทั้งปวงด้วยเทอญ

    -------------------------------------------------

    มีข่าวจากพี่แอ๊วว่า หลวงปู่สุภา ท่านได้เมตตาให้หลวงพี่นิลท่าน มาช่วยสร้าง พระพุทธรูปใหญ่ หน้าตักกว้าง 20 เมตรที่ภูเก็ตครับ

    มีความคืบหน้าอย่างไรคงได้ร่วมบุญร่วมใจกันครับ

    ขอให้เข้มแข็ง มั่นคงในความดี มีพระนิพพานเป็นที่สุดครับ </TD></TR></TBODY></TABLE>
    กราบโมทนาบุญ ในครั้งที่ผ่านมา, ปัจจุบัน และ กาลภาคหน้า ที่ ศิษยานุศิษย์ ฯ ใด้ เมตตา ในการตรึงพื้นที่ ที่สำคัญ จุดหนึ่งใน เมืองเกาะแก้ว (ภูเก็ต หรือ เกาะแก้วพิสดาร ที่ ประดิษฐาน พระพุทธบาท รอยที่ ๕ นัมทานที ซึ่ง อดีต ที่ผ่านมา หลวงปู่คล้าย วาจาสิทธ์ ท่าน เมตตา สร้าง มณฑปครอ รอยพระพุทธบาท ใว้ )
    และ หลวงปู่ละมัย ท่านดำริ จะสร้าง มณฑป ใหม่อีกครั้ง ..

    <TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="Post 4724577" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>เกาะแก้ว</TD><TD class=alt1>เมื่อก่อนพระครูปลัดอนันต์ หลวงพี่ชัยวัฒน์ และคณะครูฝึกจากวัดท่าซุง ท่านเมตามาสอนมโนมยิทธิที่ภูเก็ตเกือบทุกปี
    โดยการนิมนต์ของพี่ประสงค์ จินตพันธ์ แห่งบริษัทซีฟา ใกล้กับวัดเทพนิมิตร ในจังหวัดภูเก็ตมีลูกศิษย์หลวงพ่ออยู่มาก
    แต่ไม่มีศูนย์รวมศิษย์หลวงพ่อหรือศูนย์สอนปฏิบัติกรรมฐาน คงจะเป็นบุญไม่ใช่น้อยหากมีผู้มีจิตศัทธาอาสาเป็นเสาหลัก
    รวมกลุ่มลูกศิษย์หลวงพ่อในภูเก็ต เพื่อปฏิบัติตามคำสอนของหลวงพ่อ ผมเคยเจออาจารย์ไก่ที่บ้านหน้าโรงเรียนภูเก็ตเทคโน
    เมื่อครั้งท่านมาสอนมโนมยิทธิที่ภูเก็ตเคยกราบหลวงตาวัชรชัยที่บ้าน ทางไปเกาะสิเหร่ และที่บ้านของลูกศิษย์ท่าน
    ที่หมู่บ้านจอมทองธานี และเคยได้กราบพระอาจารย์หลวงพี่อนันต์ วัดพระธาตุห้าดวง ลำพูน ที่บ้านลูกศิษย์ที่สามกอง
    หากท่านใดทราบข่าวการมาโปรดญาติโยมของพระอาจารย์สายหลวงพ่อวัดท่าซุงที่ภูเก็ต โปรดแจ้งข่าวบอกบุญด้วยนะครับ </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เช่นกันครับ คุณ เกาะแก้ว ;

    บ้าน คุณ สหัสชัย (ถ้าจำชื่อ ไม่ผิด ที่สามกอง ) ครับ พระอาจารย์เล็ก ท่าน เมตตา มา แนะนำ ข้อธรรม บ่อยๆ ซึ่งต้อง สอบถาม ไปยัง ญาติธรรม ที่บ้านหลังนี้ครับ
    ส่วนที่ผ่านมา มี พระอาจารย์ ยุคลธร แห่งวัดเจโตวิมุตติ กาญจนฯ ท่านเมตตา มาแนะนำกรรมฐาน มโนมยิทธิ เช่นกันที่บ้าน DJ อร (พี่อร ) ในหมู่บ้าน ภูเก็ต วิลล่า สามกอง เช่นกัน ครับ
    มีข่าว ใด ใด ผม จะเรียนแจ้งให้ทราบ เป็นระยะ ครับ..

    โมทนาบุญ ครับ
    อ้างอิง ; ANUWART<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>

    เชิญร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐม ๙ ศอกปิดทอง ณ เขามหาชัย เพื่อยับยั้งภัยพิบัติทางภาคใต้

    กำหนดการ

    เวลา ๐๘.๒๔ น. บวงสรวงท้าวมหาราช

    เวลา ๐๙.๐๐ น. ฟังพระธรรมเทศนา (จากหลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน จ.กาญจนบุรี)
    เวลา ๐๙.๓๐ น. พระเถระเจริญพระพุทธมนต์
    เวลา ๑๐.๐๐ น. รับสังฆทาน ( เจ้าอาวาส )
    เวลา ๑๐.๓๙ น. พิธีวางศิลาฤกษ์ (ประธาน หลวงพ่อมงคล, หลวงพ่อเล็ก)
    เวลา ๑๑.๐๐ น. ถวายภัตาหารเพล/ร่วมรับประทานอาหาร
    http://palungjit.org/threads/เชิญร่...รแก้วจุฬามณี-ณ-เขามหาชัยนครศรีธรรมราช.280143/
     
  3. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,378
    ค่าพลัง:
    +12,917
    พระพุทธบาทรอยที่ ๕ นัมทานที เกาะแก้วพิสดาร เมืองเกาะแก้ว ภูเก็ต..

    ระหว่างวันที่ 18 - 21 ธันวาคม 2008 นี้ ทางกลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติได้ ..
    [​IMG]
    หลวงปู่ละมัย
    [​IMG]
    ภาพบรรยากาศ หลวงพี่โรจน์ เมื่อ 1/7/51

    [​IMG]

    ภาพ มณฑปเก่าสมัย หลวงปู่ คล้าย วาจาสิทธ์

    ถวายงานแปลคาถารอยพระพุทธบาท ( ภาษาอังกฤษ และ ภาษาจีน )
    ณ เกาะแก้วพิสดาร จ.ภูเก็ต แด่ หลวงปู่ละมัย พรรษาร้อยกว่าแล้วค่ะ
    ขอกราบอนุโมทนา กับ ความปราถนาอันดีงามที่ได้น้อมจิต สละเวลามาแปลงานนี้
    เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ได้ขยายงานแปลนี้ให้ได้หลากหลายภาษา เข้าถึงหลายเชื้อชาติ ยิ่งๆ ขึ้นค่ะ
    ท่านใดที่ปราถนาร่วมกุศลสละเวลามาแปลคาถา เชิญเข้าไป ที่ กระทู้งานแปล ได้เลยน่ะค่ะ

    เรียนพี่น้องทุกๆท่านค่ะ สืบเนื่องจาก
    พี่คณานันท์ได้นำคณะพวกเราไปกราบหลวงปู่ละมัย จ.เพชรบูรณ์
    เมื่อวันที่ 21 กย 2551 จึงได้ทราบข่าว ว่า


    หลวงปู่ละมัย ท่านกำลังสร้าง รอยพระพุทธบาทจำลองที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยิงลายละเอียดด้วยเลเซอร์ โดยอยู่บนก้อนศิลาใหญ่ที่ลอยอยู่เหนือน้ำ และจะสร้างมณฑปครอบรอยพระพุทธบาท
    ที่มีความยาว 12 เมตร ณ เกาะแก้วพิสดาร จ.ภูเก็ต


    ทั้งนี้ ท่านได้มอบหมายให้พวกเรา ได้ทำงานถวายโดย
    ช่วยกันแปลคาถาบูขารอยพระพุทธบาท
    จากภาษาไทย เป็นภาษาต่างๆ
    และคณะพวกเราได้อาสา ตั้งทีมแปลพื่อให้ทุกเชื้อชาติได้มีโอกาสกราบสักการะ รอยพระพุทธบาท เป็นบุญเป็นกุศล
    [​IMG]
    <CENTER><B><BIG>ประวัติรอยพระพุทธบาท ๕ แห่ง</CENTER>
    </B></BIG>
    <DD>สําหรับรอยพระพุทธบาทที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ซึ่งได้ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกนั้นมีอยู่ ๕ แห่ง ดังนี้คือ

    ๑. สุวัณณมาลิก
    ๒. สุวัณณบรรพต
    ๓. สุมนกูฏ
    ๔. โยนกปุระ
    ๕. นัมทานที


    <DD>ตามความเชื่อของคนโบราณต่างมีความเชื่อถือมานานแล้วว่า ครั้งหนึ่งในชีวิต หากได้มีโอกาสไปนมัสการรอยพระพุทธบาท นับว่ามีบุญวาสนาเป็นอย่างยิ่ง จึงมีประเพณีพากันเดินไปนมัสการรอยพระพุทธบาท โดยเตรียมเสบียงอาหารไปกินระหว่างทาง แม้สมัยหลวงพ่อบวชอยู่กับ หลวงปู่ปาน ท่านก็ได้นำคณะธุดงค์ไปกราบรอยพระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรีเช่นกัน

    <DD>ต่อมาในสมัยปัจจุบันนี้ถนนหนทางดีขึ้น ประเพณีเดินไปนมัสการพระพุทธบาทก็เริ่มเสื่อมหายไป เพราะใครจะไปเมื่อไรก็ได้ เนื่องจากมีความสะดวกเกินไปนั่นเอง ความศรัทธาในเรื่อง "รอยพระพุทธบาท" จึงเริ่มจืดจางความสำคัญไป แต่ที่ยังมีความเชื่อความเลื่อมใสก็ยังมีอีกมากมาย เช่นที่รอยพระพุทธบาทบน เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี

    <DD>โดยเฉพาะเนื่องในวโรกาสครบรอบ ๖๐ พรรษา ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีการจัดสร้าง รอยพระพุทธบาทจำลองทองคำ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองอีกด้วย เวลานี้หลังจากพระราชพิธีพุทธาภิเษกแล้ว ได้นำไปประดิษฐานไว้ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

    <DD>สำหรับวัดของเรา อาจจะมีข่าวดีในเรื่องนี้บ้างก็ได้ นั่นคือจะมีการเททองรอยพระพุทธบาทจำลอง เพื่อนำไปประดิษฐานไว้ที่โบสถ์เก่า เป็นการทดแทนรอยพระพุทธบาทเดิมที่หายไป ตั้งแต่สมัยเจ้าอาวาสองค์เก่าแล้วนั้น

    <DD>ต่อไปขอนำความเชื่อถือของคนสมัยก่อน เกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ยังปรากฏให้เห็นเป็นหลักฐานอยู่ ไม่ว่าจะเป็นคัมภีร์ใบลาน หรือศิลาจารึก ยังสามารถค้นหามาอ้างอิงได้ เพื่อเป็นการสานต่อความเชื่อถือระหว่างคนสมัยก่อนกับคนสมัยนี้ และเพื่อสืบต่อไปยังคนรุ่นหลังอีก

    <DD>ด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนจึงได้ริเริ่มฟื้นฟูรอยพระพุทธบาท ที่พระพุทธเจ้าทรงประทับไว้เพื่อเรียกความศรัทธาให้กลับมาเหมือนเดิม แต่ก่อนที่จะนำหลักฐานต่างๆ มาอ้างอิงนั้น ใคร่ขอนำหลักฐานจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้มาให้ทราบก่อน

    <DD>ซึ่งตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญหลายท่านวิเคราะห์แตกต่างกันไป ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่า รอยพระพุทธบาททั้ง ๕ แห่ง ที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกนั้น ในปัจจุบันนี้จะเป็นสถานที่ใด และอยู่ในประเทศไหนบ้าง เป็นต้น แต่บางแห่งก็วิเคราะห์ลงเป็นแนวเดียวกัน ที่มีปัญหาถกเถียงกันไม่มีที่สิ้นสุดจนถึงปัจจุบันนี้ มีด้วยกัน ๒ แห่ง คือ รอยพระพุทธบาทที่ ๔ และที่ ๕ คือ "โยนกปุระ" และ "นัมทานที"

    <DD>ในตอนนี้ ผู้เขียนขอนำคำวิเคราะห์ของ ดร.นันทนา ชุติวงศ์ ซึ่งปรากฏอยู่ในหนังสือ "รอยพระพุทธบาท" ที่ได้กล่าวถึงรอยพระพุทธบาทที่ปรากฏอยู่ในประเทศไทยอินเดีย ลังกา และพม่า จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์เมืองโบราณ โดยเฉพาะรอยพระพุทธบาท ๕ แห่งนั้น ท่านวิเคราะห์ไว้ในวงเล็บดังนี้

    สุวัณณมาลิก คงจะได้แก่ที่ตั้งพระสถูป รุวันเวลิ ที่อนุราธปุระ ในลังกา
    สัจจพันธ์คีรี คือเขาสุวรรณบรรพต ที่สระบุรี
    สุมนกูฏ อันอาจจะหมายถึง "เขาสุมนกูฏ" ในลังกา หรือ "เขาพระบาทใหญ่" ที่สุโขทัย
    แม่น้ำนัมทา ในอินเดียหรือในพม่า
    โยนกปุระ โยนกปุระที่กล่าวถึงนี้ อาจจะหมายความถึงดินแดนภาคเหนือของไทย ที่เคยเป็นอาณาจักรล้านนา และ อาณาจักรโยนก

    <DD>เมื่อนำหลักฐานต่างๆ เหล่านี้มาเทียบเคียงกันแล้ว ท่านผู้อ่านคงจะสรุปได้ว่า รอยพระพุทธบาทที่ ๔ ตามที่หากันมานานนั้น บัดนี้ได้เปิดเผยความจริงแล้ว รวมความว่า พระพุทธบาท ๕ รอยนั้น ประดิษฐานอยู่ที่ลังกา ๒ แห่ง คือ รอยที่ ๑ "สุวัณณมาลิก" และรอยที่ ๓ "สุมนกูฏ"

    <DD>ส่วนรอยที่ ๒ "สุวรรณบรรพต" และรอยที่ ๔ "โยนกปุระ" และรอยที่ ๕ "นัมทา นที" ก็คงอยู่ในประเทศไทยนี่เอง ถ้าดูตามแผนที่ประเทศไทยแล้วจะเห็นว่า พระพุทธเจ้าได้ประทับไว้ตั้งแต่เหนือจรดใต้ คือภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ ภาคกลาง คือ สระบุรี และภาคใต้ คือ ภูเก็ต เป็นการครอบคลุมอาณาจักรและพุทธจักรไว้ด้วยกัน เป็นการประทับไว้ล่วงหน้า ก่อนที่จะรวมกันเป็นประเทศไทยอย่างสมัยปัจจุบันนี้ <DD>[​IMG]
    กระทู้สามัคคีทำงาน ~ แปลพระคาถาบูชารอยพระพุทธบาท ณ เกาะแก้วพิสดาร จ.ภูเก็ต </DD><DD> </DD><DD>และ นี้ คือ ที่มา ;</DD><DD>ในการ ขอบารมี องค์พระพุทธ พระธรรม พระอริยะสงฆ์ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ (หลวงปู่อุปคุตมหาเถระ ) ทวยเทพเทวา เหล่า นางฟ้า นาคี นาคา ครุฑา (มังกร ) ช่วยตรึงพื้นที่ ภูเก็ต ใว้ เท่าที่ พื้นที่ สัมมาทิฏฐิ ครับ ( ขออนุญาต ตั้งชื่อ ในนาม ..)</DD><DD>มหานาคี มหานาคา ครุฑารักษา ...</DD><DD>
    >> http://palungjit.org/showthread.php?p=1748933#post1748933</DD>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,378
    ค่าพลัง:
    +12,917
    hs8stf ใด้นิมนต์ หลวงพ่อชนะ วัดพุทธมงคลนิมิต เดินทาง พร้อมด้วย การนำ ชุดผ้าไตร ,สังฆทาน บางส่วน ให้ ที่ สวนพุทธธรรม ถ้ำหลังเขาบ้านเกาะปลายสาร จ.กระบี่

    นั่งภาวนา ตามเวลา พอสมควร จากนั้น เดินทาง แวะ ที่ถ้ำ ในบริเวณใกล้เคียงกัน หลวงพ่อชนะ ท่านเมตตา ข้อธรรม บางประการ แด่ พระในถ้ำแห่งนี้

    จากนั้น กลับมาภูเก็ต แวะ นั่งภาวนา คุย กันตามวาระ ที่ เนินเขาซอย สามัคคี ๓ สามกอง ภูเก็ต

    น้อมนำเหรียญทำน้ำมนต์ แด่ เพื่อนของแม่บ้าน เนื่องจาก มี...

    ภาพ 1-4 สวนพุทธธรรม ถ้ำหลังเขาบ้านเกาะปลายสาร
    ภาพ 5-9 หินย้อย ส่องแสงประกาย ในถ้ำชั้น ๒ ในอีกถ้ำหนึ่ง
    [​IMG]
    กล่องถ่ายภาพ แสงไม่ชัด ของจริง สวยงามเกินบรรยายมากมาย นัก ด้วยพื้นที่ ประมาณ เกือบ ๒ เมตร (ทั้งบริเวณพื้น , และ หินที่ย้อย มา )
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. เกาะแก้ว

    เกาะแก้ว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2011
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +58
    แม่คือผู้ยิ่งใหญ่ แม่คือทุกสิ่ง สิ่งที่จะช่วยลูกได้คือแม่
    ผืนแผ่นดินเป็นของแม่ ขอให้เทิดทูนคุณแผ่นดิน
    รู้จักคุณของแผ่นดิน แม่โอบลูกไว้ให้พ้นจากน้ำ
    ทุกสิ่งมีวาระตามกาลเวลา<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message -->
     
  6. วิณวิญ

    วิณวิญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +2,089
    สืบเนื่องจากลูกแก้วจักพรรดิ์ทั้ง7ลูกที่ฝากเพื่อนไปทำภารกิจนี้นะคะ เพื่อนโทรมาเล่าว่าได้หย่อนไปแล้ว 2ลูก บริเวณ:-

    1. อ่าวเอเดน (Gulf of Aden)
    2. ทะเลบอลติก (Boltic Sea)

    จริงๆแล้วเรือลำนี้ได้ผ่านไปแถวมหาสมุทรอินเดียแล้วด้วยนะคะ แต่เพื่อนเค้ามีความรู้สึกว่าแถวนั้นไม่ต้องหย่อน เค้าเลยปล่อยผ่านไปเลย ก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันค่ะ

    ร่วมโมทนาและอธิษฐานจิตเพื่อส่วนรวมร่วมกันนะคะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มิถุนายน 2011
  7. เกาะแก้ว

    เกาะแก้ว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2011
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +58
    เกาะภูเก็ตเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และหลายสถานที่บนเกาะภูเก็ต
    มีความสำคัญทางพระพุทธศาสนา คนดีมีศีลธรรม และยังไม่หมดอายุขัย
    สมควรที่จะได้รับการคุ้มครองให้ปลอดภัยและมีโอกาสได้สร้างบุญกุศลต่อ
    การจัดสรรต่างๆ เป็นไปตามบุญ กรรมของแต่ละบุคคล เทพเทวา
    และผู้มีหน้าที่ต่างๆ ก็ต้องทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ขอให้ทุกท่านยึดมั่นในการ
    ปฏิบัติความดีทั้งปวง แม่ของแผ่นดินคือพระแม่ธรณี เป็นที่รองรับทุกอย่าง
    ขอให้ทุกคนนึกถึงคุณของแผ่นดิน คุณของแม่ ธรรมชาติมีการเปลี่ยน
    แปลงเป็นปกติตามรอบของกาลเวลา ตามกฎอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    แต่การเปลี่ยนแปลงนี้นำความทุกข์มาสู่สัตว์โลกอย่างยิ่ง ผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย
    ทั้งมนุษย์และเทพเทวาต่างๆ เร่งเตรียมความพร้อมรับมือและช่วยเหลือให้หนัก
    เป็นเบา และจัดเตรียมสถานธรรมที่ปลอดภัยหลังเกิดภัย และช่วยตรึงกำลัง
    โยงบุญทั้งหมดเพื่อให้แผ่นดินสุวรรณภูมิคงอยู่และได้รับผลกระทบน้อย
    ที่สุดเพื่อพระพุทธศาสนาคงอยู่คู่แผ่นนี้ตลอดไป ขอทุกท่านเตรียมตัวเตรียมใจ
    ไม่ประมาท เตรียมความพร้อมที่จะอยู่กับธรรมชาติแบบดั้งเดิม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มิถุนายน 2011
  8. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,378
    ค่าพลัง:
    +12,917
    วันนี้ วันพระใหญ่ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน มิย.
    มหาโมทนาบุญ กับ ทุกท่านครับ ภาวนา ปฏิบัติ บูชา ถวายเป็น
    พุทธ ธัมมะ สังฆะ บุชา ด้วยกัน ครับ

    ท่านใดพร้อม ด้วย สภาวะ ธรรม ตั้งจิต ครอง ศีล ๘
    หรือ สภาวะธรรม ศีล ๕ ตามกำลัง ด้วย
    ศีล กาย วาจา ใจ (เจตนา เป็นหลัก )

    พร้อม ส่งจิต เข้าสู่ อริยะบุคคล .....


    QUOTE=;4044017]
    [​IMG]



    ขอนอบน้อมอัญเชิญพระสูตร


    กะระณียะเมตตะสุตตัง
    พระสูตรว่าด้วยการเจริญเมตตา และอานุภาพแห่งเมตตา
    ใช้สวดเพื่อให้เทวดารักใคร่


    [​IMG]



    บทขัดกรณียเมตตสูตร

    เหล่าเทพยาทั้งหลาย ย่อมไม่แสดงอาการอันน่าสะพรึงกลัว เพราะอานุภาพแห่งพระปริตรนี้ อนึ่งบุคคลไม่เกียจคร้าน สาธยายอยู่เนือง ๆ ซึ่งพระปริตรนี้ ทั้งในกลางวันและกลางคืนย่อมหลับเป็นสุข ขณะหลับย่อมไม่ฝันร้าย

    ท่านผู้เจริญทั้งหลาย จงสวดพระปริตร อันประกอบไปด้วยคุณดังกล่าวมา ดังนี้เทอญ

    ----กะระณียะเมตตะสุตตัง ----

    กะระณียะมัตถะกุสะเลนะ ยันตัง สันตัง ปะทัง อะภิสะเมจ จะสักสักโก
    อุชู จะ สุหุชู จะ สุวะโจ จัสสะ มุหุ อะนะมานี
    สันตุสสะโก จะ สุภะโร จะ อัปปะกิจโจ จะสัลละหุกะวุตติ
    สันตินทรีโย จะ นิปะโก จะ อัปปะคัพโก กุเลสุ อะนะนุคิทโธ
    นะ จะ ขุททัง สะมาจะเร กิญจิ เยนะ วิญญู ปะเร อุปะวะเทยยุง
    สุขิโน วา เขมิโน โหตุ สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา
    เย เกจิ ปาณะภูตัตถิ ตะสา วา ถาวะรา วาอะนะวะเสสา
    ทีฆา วา เย มะหันตา วา มัชฌิมา รัสสะกา อะณุกะถูลา
    ทิฏฐา วา เย จะ อะทิฏฐา เย จะ ทูเร วะสันติ อะวิทูเร
    ภูตา วา สัมภะเวสี วา สัพพา สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา
    นะ ปะโร ปะรัง นิภุพเพภะ นาติมัญเญถะ กัตถะ นัง กิญจิ
    พยาโรสะนา ปะฏีฆะสัญญา นาญญะมัญญัสสะ ทุกขะมิจเฉยยะ
    มาตา ยะถา นิยัง ปุตตัง อายุสา เอกะปุตตะมะนุรักเข
    เอวัมปิ สัพพะโลกัสมิง มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง

    ..........เมตตัญจะ สัพพะโลกัสมิง มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง
    อุทธัง อะโธ จะ ติริยัญจะ อะสัมพาธัง อะเวรัง อะสะปัตตัง
    ติฏฐัญจะรัง นิสินโน วา สะยาโน วา ยาวะตัสสะ วิคะตะมิทโธ
    เอตัง สะติง อะธิฏเฐยยะ พรัหมะเมตัง วิหารัง อิธะมาหุ
    ทิฏฐิญจะ อะนุปะคัมมะ สีละวา ทัสสะเนนะ สัมปันโน
    กาเมสุ วิเนยยะ เคธัง นะ หิ ชาตุ คัพภะเสยัง ปุนะเรตีติฯ


    ตำนาน

    เริ่มเรื่องที่ พวกพระภิกษุ ๕๐๐ รูป ในนครสาวัตถี ครั้นได้เรียนกัมมัฏฐานในสำนัก สมเด็จพระบรมศาสดา แล้วหลีกไปหาที่สงัดเงียบ

    สำหรับเจริญวิปัสสนา เดินทางไปได้สิ้นระยะทางประมาณ ๑๐๐ โยชน์ ถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ชาวบ้านเหล่านั้นได้เห็นพระภิกษุ มีความยินดี นิมนต์ให้นั่ง บนอาสนะอันสมควร แล้วอังคาสด้วยข้าวยาคู เป็นต้น พร้อมทั้งถามว่า พระผู้เป็นเจ้าทั้ง หลายจะไป ณ ที่แห่งใด ภิกษุทั้งหลายจึงกล่าวว่า เราจะไปแสวงหาสถานที่สบาย สำหรับปฏิบัติธรรมตลอดไตรมาส ชาวบ้านเหล่านั้นจึงกล่าวว่า

    จากนี้ไปไม่ไกลนัก มีป่าชัฏเป็นที่สงัด เงียบเป็นที่รื่นรมย์ ขอนิมนต์พระผู้เป็นเจ้าทั้งหลาย โปรดจงเจริญสมณธรรม ในที่นั้น ตลอดไตรมาสเถิด ข้าพเจ้าทั้งหลาย จะขอถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ และรักษาศีลในสำนักของพระผู้เป็นเจ้าทั้งหลาย พระภิกษุทั้งหลายรับนิมนต์แล้วก็ออกเดินทางเข้าไปสู่ป่าชัฏ เพื่อเจริญสมณธรรม

    ฝ่ายพวกรุกขเทวดาที่สิงสถิตอยู่บนต้นไม้ในป่านั้น ต่างพากันคิดว่า พระผู้เป็นเจ้าทั้ง หลายมาอาศัยอยู่ที่โคนต้นไม้ของเรา ตัวเรา และบุตรภรรยาขึ้นอยู่บนต้นไม้นี้ จักไม่เป็นการบังควร ดูว่าจะไม่เคารพ พวกรุกขเทวดาทั้งหลาย จึงพากันลงจากต้นไม้ มานั่งอยู่เหนือพื้นดิน ได้รับความลำบากมิใช่น้อย พวกรุกขเทวดาผู้ใหญ่ ได้พูดปลอบใจเทวดาผู้น้อยว่า


    ไม่เป็นไรหรอกชาวเราเอ๋ย… พระผู้เป็นเจ้า เหล่านี้คงจะอยู่ ณ ที่นี้ไม่นาน รุ่งขึ้นท่านก็คงจะจาริกไปที่อื่น ชาวเราทั้งหลาย จักได้กลับขึ้นไปอยู่บนวิมานของเราเหมือนเดิม รุ่งสาง พระสุริยะก็ฉายแสงส่องลงมายังภาคพื้นปฐพี เหล่าภิกษุทั้งหลาย ก็พากัน ออกเที่ยวบิณฑบาตภายในหมู่บ้าน ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากป่านั้นนัก พวกเทวดาต่างพากันคิดว่า ดีหละ พระเป็นเจ้าทั้งหลายคงจะย้ายที่อยู่ กันสิ้นแล้ว จึงพากันขึ้นไปสถิตยังต้นไม้ของตนตามเดิม

    เหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ล่วงเวลาไปครึ่งเดือน พวกรุกขเทวดาจึงพากันคิดว่า ชะรอยพระเป็นเจ้าคงจะอยู่ ณ ที่นี้ถ้วนไตรมาสเป็นแน่ เห็นทีชาวเราคงจะต้องลำบากไปตลอดไตรมาสด้วย เห็นทีชาวเราทั้งหลายจะต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้ท่านไปเสียจากที่นี่ เมื่อคิดดังนั้นแล้ว รุกขเทวดาต่างก็พากันแสดงตนให้ปรากฏต่อประสาทสัมผัสของพระภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูป ด้วยอาการ กิริยา อันน่าสะพรึงกลัวต่าง ๆ

    เช่น ทำให้เกิดลมพายุพัด ทำให้เกิดฝนตกเฉพาะภาคพื้นนั้น ทำให้ดูประหนึ่งแผ่นดินไหวสะเทือนเลื่อนลั่น ทำให้เกิดเสียงร้องโหยหวนดังเสียงของเปรต หรือสัตว์นรกผู้กำลังได้รับทุกขเวทนาจากการโดนลงทัณฑ์ แม้ที่สุดกระทำให้ภิกษุทั้งหลายได้เห็นภาพอันน่าสะพรึงกลัวต่าง ๆ พวกภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูปนั้นก็หาได้หนีจากที่นั้นไปไม่รุกขเทวดาผู้ใหญ่ เลยออกอุบาย ให้บริวารช่วยกันบันดาลให้เกิดโรค แก่ภิกษุเหล่านั้น มีอาการป่วยต่าง ๆ กัน เช่น โรคไอ โรคจาม โรคหอบ โรคนอนกรน โรคฝันร้าย โรคเหล่านี้ ทำให้กายของพระภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูป มีร่างกายซูบซีด ผอมแห้ง ได้รับทุกขเวทนา



    จนทนอยู่ ณ ที่นั้นมิได้ จึงพากันเดินทางหลีกหนี ออกจากป่าชัฏนั้น แล้วชวนกันไปเฝ้าพระบรมศาสดา ทูลเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ได้ประสบมา ให้พระบรมศาสดาทรงทราบ พระผู้มีพระภาค เมื่อได้ทรงสดับ การที่ภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูปได้ประสบมา จึงทรงมีพุทธประสงค์ให้ภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูป กลับไปเจริญสณธรรม ในที่เดิม จึงทรงประทาน เมตตาสูตร ให้แก่พระภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูปได้เรียน เพื่อใช้ป้องกันภัย จากภูต และเทวดา ยักษ์ มาร ทั้งปวง โดยมีพระพุทธฎีกาตรัสว่า

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงสาธยายพระสูตรนี้ ตั้งแต่ชายป่า จนถึงภายนอก และภายในที่พัก เช่นนี้ ความสวัสดีจะมีแก่เธอทั้งหลาย

    ภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูป ได้เรียนพระพุทธมนต์ จนขึ้นใจแล้ว จึงพากันเดินทางกลับไปยังป่าชัฏดังเดิม ครั้นถึงชายป่าชัฏ ภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูปก็สาธยายพระพุทธมนต์ บทเมตตาสูตร จนเดินถึงที่พัก

    พวกรุกขเทวดาทั้งหลาย เมื่อได้สดับเสียงเจริญ เมตตาสูตร จากปากพระภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูป ก็มีจิตเมตตา รักใคร่ พากันมาต้อนรับปฏิสันถาร รับบาตรจีวร ปัดกวาด หาน้ำใช้ น้ำฉัน แล้วคอยรับใช้ อภิบาลรักษาอยู่ตามแนวป่า มิให้มนุษย์ อมนุษย์ และสัตว์ร้ายใด ๆ มารบกวน ทำร้ายพระเป็นเจ้าของตน

    ภิกษุเหล่านั้น เมื่อได้อยู่เป็นที่สงบสุขแล้ว ก็หมั่นตั้งจิตบำเพ็ญ วิปัสสนา กัมมัฏฐาน ตลอดกลางวันและกลางคืน จนจิตหยั่งลงสู่วิปัสสนาญาณ เห็นความเสื่อมในร่างกายของตน ว่าอัตภาพนี้มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ประดุจภาชนะดินเผา ที่เปราะบางแตกทำลายลงง่าย ไม่คงทนถาวร ขณะที่เป็นอยู่ก็เป็นภาระ ที่ต้องประคับประคองรักษา แม้ที่สุดก็หาได้มีตัวตนที่แท้จริงไม่

    องค์สมเด็จพระชินศรีบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ขณะทรงประทับอยู่ภายในพระคันธกุฎี ทรงทราบสภาวะธรรม ที่เกิดขึ้นในจิตของพระภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูป ด้วยพระญาณ จึงทรงเปล่งพระรัศมีให้ปรากฏเฉพาะหน้า แก่ภิกษุเหล่านั้น ดุจดังว่าเสด็จมาเองเฉพาะภิกษุแต่ละองค์ และทรงตรัสพระคาถาว่า

    ภิกษุทั้งหลาย กายนี้เปรียบเหมือนหม้อดิน จิตนี้เปรียบเหมือนนคร ที่มีข้าศึกคอยจ้องรุกรานโจมตีคือกิเลส อาวุธที่จะใช้กำราบกิเลส ก็คือปัญญา ขณะที่เรากำลังรุกรบกับข้าศึกคือกิเลส ก็ต้องระวังดูแลรักษาหม้อดิน คือกายนี้อย่างไม่มีวันจบสิ้น กายนี้เป็นภาระอย่างยิ่ง

    และเหตุแห่งการเกิดกายนี้ ก็คือกรรม อวิชชาความไม่รู้ ความรู้วิชา ทำให้รุ่งเรืองปัญญา ดับเหตุแห่งอกุศลกรรมเสียได้ ย่อมไม่พัวพันต่อชาติภพ ย่อมมีชัยชนะในโลก

    เมื่อจบพระธรรมเทศนาแล้ว ภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูปก็ได้บรรลุอรหัตผล พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาญาณ

    กราบอนุโมทนาที่มาข้อมูล : https://sites.google.com/site/watdonsawan/w-33





    [MUSIC]http://audio.palungjit.org/attachment.php?attachmentid=35979[/MUSIC] ​
    [/QUOTE]
     
  9. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,378
    ค่าพลัง:
    +12,917
    วันพระ สวัสดีครับ

    ๑๘ มิย. เดินทาง สู่เชียงใหม่
    - เข้ากราบพระมหาอาวรณ์ วัดปันเสา อันเชิญพระบรมสารีริกธาตุ
    - เข้ากราบหลวงพ่อประสิทธิ์ วัดป่าหมู่ใหม่
    - เข้ากราบหลวงปู่สังข์ วัดป่าอาจารย์ตื้อ
    ๑๙ มิย. ร่วมบุญ
    - หล่อ สมเด็จองค์ปฐม (ปูนชิเมนต์) วัดฉลองราช แม่เมาะ ลำปาง
    - กราบสักการะ พระธาตุสุโทน อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่
    ๑๙ - ๒๑ มิย. ปักกลด บำเพ็ญจิต บนถ้ำ วัดป่าผากล้วย แม่เมาะ ลำปาง และ ช่วยงาน วัด บางอย่าง

    นำบุญฝากทุกท่านครับ แล้วจะนำภาพ ให้ชม ด้วย พลังบุญ ภาวนามัย และ หรือ พลังบุญ ถวาย บายศรี แด่ พระพุทธหยกขาว วัดป่าผากล้วย ( จากนั้น ปฏิหารย์บังเกิด ขึ้น ด้วย พุทโธ ธัมโม สังโฆ อัปมาโณ )
     
  10. ANUWART

    ANUWART เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,669
    ค่าพลัง:
    +14,320
    ..................
    โมทนาสาธุกับพี่นาคาครับ
    เชิญทำบุญสร้างพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐม ๙ ศอกปิดทองเพื่อยับยั้งภัยพิบัติ
    http://palungjit.org/threads/เ�...280143.15/
     
  11. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,378
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ทริป ร่วมบุญ วันคล้ายวันเกิด กับ เอกา อาหาร ๑ มื้อ ๑๕๕ วัน

    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ นาคา [​IMG]

    ๑๘ มิย. เดินทาง สู่เชียงใหม่
    - เข้ากราบพระมหาอาวรณ์ วัดปันเสา อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ
    พบ คุณ สายรุ้ง ,คุณ อดัม จาก ฮังการี
    ขอขอบคุณ คุณสายรุ้ง มอบ คริสตัส
    - วัดป่าดาราภิรมณ์ (มีพิธีบวงสรวง องค์พ่อ นเรศวร ) พร้อม คุณ สายรุ้ง ,คุณ อดัม
    - กราบหลวงพ่อประสิทธิ์ วัดป่าหมู่ใหม่
    - เข้ากราบหลวงปู่สังข์ วัดป่าอาจารย์ตื้อ ถวายปัจจัย ร่วมบุญ พี่เรย์ ลำปางถวาย พระบรมสารีริกธาตุ ที่ อัญเชิญ จากวัดปันเสา

    ๑๙ มิย. ร่วมบุญ
    - หล่อ สมเด็จองค์ปฐม (ปูนชิเมนต์) วัดฉลองราช แม่เมาะ ลำปาง
    - กราบสักการะ พระธาตุม่วนพระยาแช่ ลำปาง
    ๑๙ - ๒๑ มิย. ปักกลด บำเพ็ญจิต บนถ้ำ วัดป่าถ้ำผากล้วย แม่เมาะ ลำปาง

    ๒๑ มิย.ถวายบายศรี แด่ พระพุทธหยกขาว วัดป่าถ้ำผากล้วย
    ๒๒ มิย. พร้อมถวาย ....
    -พระบรมสารีริกธาตุ ,พระธาตุข้าวบิณฑ์
    -สังฆทาน ,ชำระหนี้สงฆ์
    -ร่วมบุญ ต่อโรงครัว แม่ชี
    -ร่วมบุญ บวชพระใหม่

    ๒๒ มิย. ถวายสังฆทาน พระอาจารย์ วัดป่าเวียงสวรรค์
    - กราบสักการะ พระธาตุสุโทน อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่
    - กราบสักการะ วัดพระแท่นศิลาอาสน์ พร้อม ร่วมบุญ หล่อเทียนพรรษา วัดที่ ๑
    แวะ ทานอาหาร ค่ำ ที่พิษณุโลก
    ขอบคุณ คุณน้องกี้ อัญเชิญ สมเด็จ องค์ปฐม ให้ ตามวาระ

    ๒๓ มิย.
    แวะ พบคุณน้อง เอ วิณวิญ เพื่อ รบกวน อัญเชิญ พระบรมสารีริกธาตุ,พระธาตุข้าวบิณฑ์ ให้ น้อง มณีน้อย ตามเจตนา ทั้งใน วัดมาตุภูมิ ปากช่อง โคราช และ ฟินแลนด์ ตามวาระ
    ขอขอบคุณ คุณน้อง เอ วิณวิญ ที่ มอบ ภาพ หลวงปู่เหรียญ , น้ำมันชาตรี จากวัดท่าซุง พร้อม มอบ ปัจจัย ร่วมบุญ กับ น้องเอ วิณวิญ , พี่กุ้ง

    -แวะ วัด.... เขาใหญ่
    -แวะ เกษา ฟาร์ม บ้านคุณพ่อ,คุณแม่ น้องมณีน้อย
    มอบ พระบรมสารีริกธาตุ,พระธาตุข้าวบิณฑ์ ,พระเนื้อว่าน หลวงปู่สุภา
    ให้ น้อง มณีน้อย ตามเจตนา ทั้งใน วัดมาตุภูมิ ปากช่อง โคราช และ ฟินแลนด์ ตามวาระ
    ร่วมบุญ น้อง มณีน้อย สร้าง สมเด็จ องค์ปฐม ถวาย วัด

    ๒๕ มิย.
    -แวะ วัดถ้ำพระโพธิสัตว์
    -แวะ วัดมุจจลินทร์

    ๒๖ มิย.
    นั่งภาวนา วัดสังฆทาน นนทบุรี
    - วัด พนัญเชิง อยุธยา (ร่วมบุญ หล่อเทียนพรรษา วัดที่๒ )
    - วัดใหญ่ชัยมงคล
    - วัดสะแก หลวงปู่ดู่ อยุธยา
    - แวะ พักผ่อน ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต
    ๒๗ มิย. แวะ พักกาย พักจิต ภาวนา เรือนเนินเขา อ.คุระบุรี จ.พังงา

    นำบุญฝากทุกท่านครับ ด้วย พลังบุญ ภาวนามัย
    ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙
    ภาพ 1-6 วัดป่าดาราภิรมณ์
    ภาพ 7-12 วัดป่าหลวงพ่อตื้อ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3000.jpg
      IMG_3000.jpg
      ขนาดไฟล์:
      221.5 KB
      เปิดดู:
      274
    • IMG_3001.jpg
      IMG_3001.jpg
      ขนาดไฟล์:
      233.7 KB
      เปิดดู:
      65
    • IMG_3002.jpg
      IMG_3002.jpg
      ขนาดไฟล์:
      187.9 KB
      เปิดดู:
      54
    • IMG_3003.jpg
      IMG_3003.jpg
      ขนาดไฟล์:
      211.2 KB
      เปิดดู:
      49
    • IMG_3004.jpg
      IMG_3004.jpg
      ขนาดไฟล์:
      195.2 KB
      เปิดดู:
      70
    • IMG_3005.jpg
      IMG_3005.jpg
      ขนาดไฟล์:
      175.9 KB
      เปิดดู:
      67
    • IMG_3006.jpg
      IMG_3006.jpg
      ขนาดไฟล์:
      209.6 KB
      เปิดดู:
      54
    • IMG_3007.jpg
      IMG_3007.jpg
      ขนาดไฟล์:
      220.1 KB
      เปิดดู:
      48
    • IMG_3008.jpg
      IMG_3008.jpg
      ขนาดไฟล์:
      231.3 KB
      เปิดดู:
      51
    • IMG_3011.jpg
      IMG_3011.jpg
      ขนาดไฟล์:
      135.8 KB
      เปิดดู:
      46
    • IMG_3012.jpg
      IMG_3012.jpg
      ขนาดไฟล์:
      159.4 KB
      เปิดดู:
      44
    • IMG_3010.jpg
      IMG_3010.jpg
      ขนาดไฟล์:
      197.4 KB
      เปิดดู:
      45
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2011
  12. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,378
    ค่าพลัง:
    +12,917
    [​IMG]

    วัดป่าหมู่ใหม่เป็นวัดป่าสายธรรมยุต เป็นวัดที่สงบเงียบ ตั้งอยู่ท่ามกลางป่า ในเมือง และเป็นเนินเขาเตี้ยๆ

    ท่านพระอาจารย์ประสิทธิ์ ได้อนุรักษ์สภาพพื้นที่ และปลูกป่าและต้นไม้มาตลอด จน ต้นไม้เติบใหญ่ จนปัจจุบัน วัดมีสภาพสมบูรณ์ร่มรื่น เหมาะสมในการปฏิบัติ ภาวนาเป็นอย่างยิ่ง
    ตั้งอยู่ด้านหลัง สำนักงานชลประทานแม่แตง ที่บ้านหมู่ใหม่
    ห่างจากสำนักงานไป ประมาณ 1.5 กม.
    ภายในวัด พระ-เณร ญาติธรรม ทั้งหลายได้อาศัยแสงไปฉาย, เทียนไข, ตะเกียง
    พระอาจารย์ประสิทธิ์ ปุญญฺมากฺโร
    เจ้าอาวาสวัดป่าหมู่ใหม่ อายุ 66 ปี พรรษา 46 ปี (พ.ศ. ๒๕๔๙ )

    ท่านพระอาจารย์ประสิทธิ์ ปุญญฺมกโร เป็นคนจังหวัดอุดรธานี หมู่บ้านหนองบัวบาน ต.หมากหญ้า อ.หนองวัวซอ ซึ่งบ้านใกล้กับวัดนิโครธาราม
    สมัยนั้นมี หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ เป็นเจ้าอาวาส และตัวท่านได้เข้าวัดตั้งแต่ เด็ก
    เมื่ออายุครบ 18 ปี ก็บวชเป็น สามเณร และบวชเป็นพระเมื่ออายุครบ 20 ปี
    คอยปฎิบัติรับใช้หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ อยู่ตลอดเรื่อยมา

    เมื่อหลวงปุ่อ่อน ญาณสิริ ได้มรณภาพลง ท่านก็ได้ไปปฎิบัติ และอยู่กับ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ที่วัดป่าสัมมานุสรณ์ บ้านโคกมน ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย
    ค่ำคืน เป็นสิ่งที่หาดูได้ยากในวัดปัจจุบัน ทั้งๆ ที่วัดเองก็มีไฟฟ้าเข้ามาถึงด้านหน้าแล้ว ก็เพียงได้ ใช้อาศัยเปิดเป็นบางจุดสำหรับศาลาด้านหน้า
    แต่กุฎิต่างๆ ภายในวัด ไม่ใช้ไฟฟ้า เพราะท่านอาจารย์ ประสิทธิ์ ท่านไม่ต้องการให้มี ไฟฟ้า ใน กุฎิ เพื่อที่พระ-เณร และญาติโยมสามารถปฎิบัติภาวนาได้ โดยไม่มีสิ่งอื่นมาล่อใจ หรือไขว้เขวได้

    น้ำใช้สอยก็ไม่ขาดแคลนอาศัยน้ำจากชลประทานแม่แตง แต่ภายในวัดก็ยังมี บ่อน้ำ สำหรับผู้ที่ ประสงค์จะใช้สอยได้ ซึ่งน้ำบ่อก็เย็นและใสสะอาด สามารถใช้อาบ,สรงน้ำ หรือซักจีวรหรือ เสื้อ ผ้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งดูคล้ายวิถีการใช้ชีวิตของคนสมัยโบราณ ซึ่งหาดูได้ยากเต็มทีในปัจจุบัน น้ำดื่มก็ได้อาศัยน้ำฝน โดยเก็บในแท็งค์ปูนหรือภาชนะเก็บน้ำฝนตามจุดต่างๆ ภายในวัด

    องค์ประกอบต่างๆ นี้ ทำให้วัดป่าหมู่ใหม่ ทั้งที่อยู่ในเมือง ก็กลายเป็นวัดป่า ที่ดูโบราณ เก่าแก่ ดูศักดิ์สิทธิ์ และมีเสน่ห์ ต่อผู้เข้ามาสัมผัสและพบเห็น สมกับเป็นวัดป่าจริงๆ ที่พระ-เณร และญาติธรรมทั้งหลาย เข้ามาปฏิบัติกันเพื่อมรรค ผล นิพพาน อย่างแท้จริง
    [​IMG]

    [​IMG]

    ภาพนี้ท่านหลวงพ่อประสิทธิ์ กับหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
    ณ วัดป่าหมู่ใหม่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ครับ
    เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2547

    [​IMG]

    หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญมาคโร วัดป่าหมู่ใหม่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ศิษยในองค์หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ และ หลวงปู่ชอบฐานสโม
    ท่านเป็นพระในจำนวนไม่กี่องค์ที่ผมเคยสัมผัสเองและมั่นใจว่าท่านเป็นผู้ทรงคุณธรรมส่วนจะขั้นไหนผมคงมิบังอาจคาดเดาในตัวท่าน
    เคยมีพระรูปหนึ่งกล่าวว่า “ลองไปกราบหลวงพ่อประสิทธิ์ดูแล้วจะคิดเหมือนเราว่าท่านเป็นพระอรหันต์”
    หลังจากที่ได้ไปกราบและได้รู้จักลูกศิษย์ฆราวาสที่ติดตามใกล้ชิดท่านจึงมั่นใจในคำพูดของพระรูปนั้นจริงๆ
    ตลอดหลายปีที่ผ่านมาท่านไม่เคยตำหนิหรือกล่าวว่าผู้ใดเลย สมดังที่หลวงปู่ดู่ วัดสะแกว่า “คนดีเขาไม่ตีใคร” ใครบางคนอาจจะว่าก็แค่นี้แต่ผมว่ามันเป็นเรื่องยากมากที่จะไม่ตำหนิใครเลยแม้แต่คนที่เรามั่นใจว่าแย่มาก ท่านก็ไม่ตำหนิ ถ้าเราไปว่าใครให้ท่านฟัง ท่านจะเงียบหรือไม่บางก็พูดช่วยให้คนๆนั้น นี้คือที่ท่านทำมาตลอดหลายสิบปี
    เทวดามาใส่บาตร

    เห็นท่านเงียบๆแต่ถ้าถูกกาลก็มีเรื่องอภินิหารให้ได้ฟังบ้าง ครั้งหนึ่งท่านเล่าให้ฟังว่าท่านไปอยู่ทางภาคใต้ ท่านก็คิดว่าเขตนี้มีแต่ชาวมุสลิมไปบิณฑบาตรคงไม่ได้อะไร แต่ครูบาอาจารย์ท่านก็สั่งไว้ข้อวัตรบิณฑบาตรยังไงก็ต้องทำไม่จำเป็นจริงๆไม่ควรเว้นท่านก็พิจารณาไปทำข้อวัตรส่วนจะได้อาหารหรือไม่ไม่ใช่หน้าที่ท่าน คนขับรถก็พาท่านไปที่ตลาดในตัวเมือง ท่านเล่าว่าพอจะลงจากรถยังไม่ทันปิดประตูรถก็ไม่ทราบมีมือจากไหนยื่นมาใส่บาตรท่านเต็มไปหมดแวบเดียวเต็มบาตร ท่านจึงกลับเข้าไปในรถ คนขับจึงถามท่าน ว่าไม่ไปบิณฑบาตรแล้วหรือครับ ท่านก็เปิดบาตรให้ดูว่าเต็มแล้ว คนขับรถก็ยืนยังตรงนั้นไม่มีใคร แล้วใครหละมาใส่บาตรท่าน พอท่านพิจารณาก็ทราบว่า เทวดามาใส่บาตร

    ฝนมิต้องกาย

    เมื่อครั้งหลวงพ่อท่านเดินธุดงค์ไปภาคตะวันออก ท่านได้ไปปักกลดอยู่หาดบางแสน ผูกกลดใต้ต้นมะพร้าว คืนนั้นไม่ทราบพายุฝนมาจากไหนพัดกระหน่ำหาดบางแสน ลูกศิษย์ที่เป็นฆราวาสก็รีบมาดูหลวงพ่อกลัวหลวงพ่อลำบาก แต่พอเข้าใกล้กลดท่านก็ต้องตกใจรอบกลดท่านมีแสงสว่างเรืองออกมา ห่างจากกลดราว1วา ทรายทุกเม็ดยังแห้งสนิทลมที่พัดอย่างรุนแรงมิได้โยกคลอนกลดท่าน หลวงพ่อยังคงนั่งสมาธิสงบอยู่เหมือนมิได้รับรู้กับพายุที่กระหน่ำแรงพอจะพัดทุกอย่างลงสู่ทะเล

    ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙
    ขอขอบคุณ และ ร่วมโมทนา คุณแม่,พี่ติ๋ว,พี่ต๋อย ,พี่ร่มบุญ ,พี่เรย์ ในคณะสายบุญลำปาง พร้อมด้วย น้องทหารอากาศ ที่ ขับรถ นำทางร่วมบุญในครั้งนี้

    เนื่องจาก นาคา พร้อมด้วย คุณสายรุ้ง,คุณอดัม ,น้องจิรายุส ,น้องสาวคุณสายรุ้ง เดินทาง แวะ ที่วัดป่าดาราภิรมณ์ ด้วยเหตุบังเอิญ มีพิธีบวงสรวง รูปแทน องค์พ่อนเรศวร ซึ่งในขณะนั้น มี ทหาร เข้าร่วมพิธี

    จากนั้น เดินทาง ต่อ พร้อมกัน เพื่อเข้ากราบ หลวงพ่อประสิทธ์ วัดป่าหมู่ใหม่ ( ซึ่ง รถตู้ทหารอากาศ ใด้เดินทาง ล่วงหน้ามาถึงแล้ว เพื่อ รอกราบหลวงพ่อประสิทธ์ แต่ ด้วยเหตุ และ ผล .....ทำให้ รอ ...และ พอดี ที่ นาคา พร้อมคณะคุณ สายรุ้ง เดินทาง มาถึง พอดี )

    ด้วยความเมตตา ที่ หลวงพ่อ ประสิทธ์ ท่านเมตตา ให้เข้ากราบ (อาจจะด้วย คุณแม่,พี่ติ๋ว,พี่ต๋อย ,พี่ร่มบุญ ,พี่เรย์ ในคณะสายบุญลำปาง พร้อมด้วย พี่ต้อย ทหารอากาศ ท่าน เป็นศิษยานุศิษย์ หลวงพ่อ )

    พร้อมด้วยกลิ่นหอม ประหลาด ,๙๙๙, ทราบเพียงว่า ความเป็นทิพย์ หลายชั้น หลาย ท่าน เป็น อนุ...เข้ากราบ หลวงพ่อ
    จากนั้น คณะสายบุญลำปาง ให้ นาคา กราบ หลวงพ่อ ( ทราบว่า หลวงพ่อ ท่านเมตตา ชี้มาที่ นาคา พร้อมทั้ง..... ๙๙๙ ) หลังไมค์ ......

    จากนั้น อัญเชิญ พระบรมสารีริกธาตุ ,พระธาตุข้าวบิณฑ์ ,เหรียญทำน้ำมนต์ ให้ คณะ คุณสายรุ้ง

    แปลก !!! แพทย์และหมอฮือฮา....เพราะเอกซเรย์พระคุณเจ้ารูปหนึ่งปรากฎว่ากระดูกแขนเป็นแก้วสีใสหมดทั้งตัว พอสอบถามที่มาที่ไปปรากฎว่าเป็นหลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญมากโร แห่งวัดป่าหมู่ใหม่(อ.แม่แตงจ.เชียงใหม่) ท่านก็เป็นพระป่ากรรมฐานศิษย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต คุณหมอทั้งหลายที่ใน ร.พสวนดอก(เชียงใหม่) ต่างยกย่องกล่าวขานถึงหลวงพ่อว่าน่าอัศจรรย์แท้ เพราะเขาถ่าย x-ray ท่านออกมาปรากฎว่ากระดูกข้างในเป็นแก้วทั้งหมด หมอๆ ทั้งหลายในโรงพยาบาลสวนดอก เลยเคารพท่าน
    http://palungjit.org/threads/แจกฟรี...ากโร-วัดป่าหมู่ใหม่-จ-เชียงใหม่.107914/page-2
     
  13. vijit_j

    vijit_j เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    739
    ค่าพลัง:
    +2,866
    หลายปีมาแล้ว พระอาจารย์ประสิทธิ์เคยพาไปนอนที่อุทยานฯโป่งเดือด ซึ่งหลวงปู่ชอบเคยมาอยู่ที่นี่

    บรรยากาศดีมาก ในป่าโป่งเดือด คิดคิดว่าพระอาจารย์คงจะรู้จักดี มะขามป้อมอยู่ตรงไหนบ้าง ท่านพาไปเก็บ กล้วยป่าเล็กๆ นำมาลวกกับน้ำพุร้อนกินได้ บนยอดเขาเตี้ยๆ หน้าอุทยาน ในอดีตน่าจะมีสิ่งปลูกสร้างอยู่ เห็นตะปูโบราณฝังดินอยู่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2011
  14. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,378
    ค่าพลัง:
    +12,917
    วัดป่าอาจารย์ตื้อ อ แม่แตง จ เชียงใหม่
    <TABLE id=table17 border=0 align=right><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>
    พระเจดีย์และโบสถ์
    วัดป่าอาจารย์ตื้อ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    ในตอนนี้ เรามารู้จักวัดที่หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ท่านอยู่จำพรรษา นานที่สุดในชีวิตของท่าน และเมื่อหลวงปู่ท่านหยุดการเดินธุดงค์แล้ว ท่านก็มาพำนักประจำอยู่ที่วัดป่าอาจารย์ตื้อแห่งนี้
    วัดป่าอาจารย์ตื้อ ตั้งอยู่เลขที่ ๓๒๕ บ้านปากทาง ซอยศรีมหาพน หมู่ที่ ๗ ตำบลสันมหาพน อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ถ้าหากเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ ไปตามเส้นทางเชียงใหม่ เชียงดาว ก็จะผ่านตัวอำเภอแม่ริม ผ่านตัวอำเภอแม่แตงไปไม่ไกล ก็จะถึงทางแยกเข้าเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ซึ่งอยู่ทางขวามือ ระยะทาง จากเชียงใหม่มาถึงทางแยกเข้าเขื่อนนี้ก็ ๔๐ กิโลเมตรกับนิดหน่อย
    ก่อนถึงทางแยกเข้าเขื่อน อยู่ตรงมุมด้านขวามือจะเห็นป้าย วัดป่าอาจารย์ตื้อ ได้ชัดเจน อยู่ก่อนทางแยกไม่ถึง ๕๐ เมตร
    พ.ศ. ๒๔๙๖ คณะศรัทธาจึงได้ นิมนต์หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม มาพำนักประจำที่นี่
    ปี พ.ศ. ๒๕๑๐ หลวงปู่ตื้อ ได้ก่อสร้างศาลาขึ้น ๑ หลัง และตั้งเป็น สำนักสงฆ์สามัคคีธรรม ขึ้น ได้มีพระธุดงค์ หรือพระป่าสายหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต แวะเวียนมาพำนักตลอดมา
    จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๑๑ หลวงปู่ตื้อ ได้รับนิมนต์กลับไปจำพรรษาที่จังหวัดนครพนม บ้านเกิดของท่าน หลวงปู่สังข์ สงฺกิจฺโจ ซึ่งเป็นหลานของท่านได้รับมอบหมายให้ดูแลปกครองวัดนี้ตลอดมา
    ปี พ.ศ. ๒๕๑๓ คณะศรัทธาซึ่งมีนายเลิศ ประทุม เป็นหัวหน้า ได้ทำเรื่องขอยกสำนักสงฆ์แห่งนี้ขึ้นเป็นวัด
    ปี พ.ศ. ๒๕๒๓ ทางกรมการศาสนาจึงได้อนุมัติการเป็นวัดให้ตามที่ขอและได้ชื่อว่า วัดป่าอาจารย์ตื้อ ตามข้อเสนอแนะของท่านเจ้าคุณพระเทพกวี (ต่อมาเป็นพระธรรมดิลก และ ได้รับสถาปนาเป็น พระพุทธพจนวราภรณ์ ในปี ๒๕๔๔ ท่านเป็นเจ้าคณะภาค และเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวง กับวัดป่าดาราภิรมย์
    ปี พ.ศ. ๒ ๔หลวงปู่สังข์ สงฺกิจฺโจ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสอย่างเป็นทางการ และกระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศตั้งเป็นวัดเมื่อ วันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๐
    [​IMG]
    พระครูภาวนาภิรัต (หลวงปู่สังข์ สํกิจโจ)
    พระหลานชายของหลวงปู่ตื้อ

    ในปี พ.ศ. ๒๕๑๒ หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม อายุ ๘๑ ปีได้รับนิมนต์ ลงไปกรุงเทพมหานคร แล้วท่านไปพักที่วัดอโศการาม จังหวัดสมุทรปราการ เหมือนเช่นเคย
    คณะศรัทธาญาติโยมได้ถวายพระพุทธรูปบูชากับหลวงปู่ มีจำนวนถึง ๖๘ องค์ หลวงปู่จึงได้อัญเชิญพระพุทธรูปทั้งหมดขึ้นไปถวายเพื่อประดิษฐานประจำวัดต่างๆ ในจังหวัดนครพนม ถิ่นมาตุภูมิของท่าน นับเป็นบุญของชาวนครพนมเป็นอย่างยิ่ง แล้วหลวงปู่ก็ได้ไปพำนักที่วัดอรัญญวิเวก บ้านข่า อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม บ้านเกิดของท่าน ลูกหลานและญาติโยมทั้งหลายจึงได้กราบอาราธนาให้ท่านได้อยู่จำพรรษา ณ วัดแห่งนั้น ด้วยเหตุผลที่ว่า “เพื่อสงเคราะห์ลูกหลานทางนี้บ้าง เพราะหลวงปู่ได้จากบ้านเกิดไปมากกว่า ๕๐ ปีแล้ว”
    หลวงปู่จึงรับนิมนต์ และจำพรรษาที่วัดอรัญญวิเวกแห่งนี้ ในปี พ ศ. ๒๕๑๒ นั้นเอง ท่านหลวงปู่ ได้จัดสร้างพระเจดีย์ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุขึ้นมาโดยนำเอาช่างจากเชียงใหม่มาดำเนินการก่อสร้าง

    ท่านหลวงตาเล่าว่า สัตว์บางพวกในโลกหัวเป็นไก่ ท่อนตัวเป็นคน หัวเป็นควายตัวเป็นคน เป็นต้น ตามแต่บุญแต่กรรมที่ตนทำเอาไว้
    วิญญาณเหล่านี้ ถ้าหากพ้นจากสภาพนี้แล้วคงมิได้กลับมาเกิดเป็นคน คงต่ำลงไปต่ำกว่าที่ตนอยู่
    นักธรรม นักกรรมฐาน พระมหาเปรียญ ถ้าหากยังไม่บรรลุโคตรภูญาณแล้ว ก็คงไม่มีโอกาสได้รู้ได้เห็น ไม่ว่าจะเป็นท่านพระครู ท่านเจ้าคุณ หรือสังฆราชก็เช่นกัน เพราะจิตนั้นไม่มีพุทโธ ธัมโม สังโฆ และยังเป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้าไม่ได้
    พระพุทธเจ้าประสูติ กับพวกเราเกิด ต่างกันที่ตรงไหน ก็ต่างกัน ตรงที่พระพุทธเจ้าไม่หลงโลก ไม่ติดอยู่ในโลกเหมือนพวกเราทั้งหมดในทุกวันนี้
    พระพุทธเจ้าท่านรู้แจ้งรู้จริง คือรู้ที่เกิดที่ตายของพวกสัตว์ ด้วยปัญญา ทั้งนี้ก็เพราะท่านรู้และตรัสรู้ของจริงตามความเป็นจริงนั่นเอง
    แต่เมื่อถึงเวลาแล้ว พระองค์ก็จากโลกนี้ไปเข้าสู่พระนิพพาน ไม่มีการเกิดอีก เหลือไว้แต่ความดีให้พวกเราได้คำนึงระลึกถึง เพื่อไม่ให้เป็นผู้หลงตาย อย่างนี้เราจึงเคารพเลื่อมใส กราบไหว้อย่างไม่จืดจาง ยอมมอบกายถวายชีวิต
    พวกเราทั้งหมดก็เกิดมาด้วยบุญวาสนา จึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เป็นเวไนยชนอันหาได้ยาก เป็นที่รู้ๆ กันอยู่แล้ว
    พระพุทธเจ้าจึงสอนให้ไม่ประมาท ไม่ให้ลืมตัว ไม่ให้ลืมบุญ วาสนาของตน คือไม่ให้ลืมตัวในการสร้างคุณงามความดี เพราะถ้าเราไม่สร้างคุณงามความดี ใจเราก็ไม่มีพุทโธ ธัมโม สังโฆ อันจะเป็นเหตุให้ต่อภพต่อชาติเป็นมนุษย์ต่อไป เมื่อบารมีไม่แก่กล้า หากเราไม่เชื่อมั่นในพระรัตนตรัย เราก็จะพากันไปสู่ภพที่ต่ำทรามก็ได้
    หลายสิบครั้งที่ได้ฟังเทศน์ของท่านหลวงตา ปรากฏว่าไม่มีใครที่จะแสดงธรรมได้อย่างท่าน และท่านก็แสดงธรรมได้ไม่เหมือนใคร ท่านหลวงตากล้าพูด พูดในสิ่งที่เป็นความจริงมาก ตรงไปตรงมา
    เมื่อท่านได้แสดงธรรมจบลงแล้ว ท่านชอบอธิบายซ้ำอีก เพื่อความแจ่มแจ้งในการปฏิบัติตามธรรมให้ชัดขึ้น ท่านหลวงตาเทศน์ได้ดี ตามทัศนะของนักฟังความจริงและท่านได้เล่าเรื่องแปลกๆ ให้ฟังเสมอ โดยเฉพาะท่านชอบสั่งสอนว่า
    ธรรมะคือคำสอนของพระพุทธเจ้า พวกเรามองข้ามไปเสียหมด อยู่ที่ตัวของเรานี้เอง มิใช่อื่น พุทธะ คือ ผู้รู้ ก็ตัวของเรานี้เองมิใช่ใครอื่น
    เช่นเดียวกันกับไข่ ไข่อยู่ข้างในของเปลือกของไข่ ทำให้เปลือกไข่แตก เราก็ได้ไข่
    พิจารณาร่างกายของเราให้แตก แล้วเราก็จะได้ธรรมะ
    ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙
    พระมหาเถระคนละนิกายท่านคุยกัน
    ก็ในหนังสือ ทิพย์ เล่มเดียวกันนั่นแหละได้ถ่ายทอดการ สนทนาถึงเรื่องหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ระหว่างมหาเถระต่างนิกาย คือ ท่านพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) แห่งสำนักวัดจันทาราม (ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย กับ หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร แห่งสำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ สังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย ผมขอคัดลอกบันทึกการสนทนาจากหนังสือทิพย์มาเสนอ ดังนี้ :
    เป็นที่เชื่อกันว่า หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ท่านได้สำเร็จภูมิธรรม ขั้นสูง เพราะอัฐิของท่านได้กลายเป็นพระธาตุ และแม้แต่ท่านจะเข้าสู่ แดนนิพพานไปแล้วก็ตาม แต่ในบางครั้งท่านก็ยังเมตตามาโปรด เยี่ยมเพื่อนสหธรรมิกที่เป็นศิษย์ในสายเดียวกัน ดังเช่น หลวงปู่สิม พุทธาจาโร (มรณภาพเมื่อ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๓๕) แห่งสำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งหลวงปู่สิม ท่านมีความเคารพนับถือหลวงปู่ตื้อ เป็นอย่างมาก
    ในการสนทนาครั้งหนึ่ง ที่หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ (มรณภาพเมื่อ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๓๕) แห่งวัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี ได้ไปเยี่ยมหลวงปู่สิม ที่ถ้ำผาปล่องในครั้งนั้น
    <TABLE id=table26 border=0 align=left><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>
    พระราชพรหมญาณเถร (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ)
    พาคณะศิษย์เยี่ยมคารวะและสนทนาธรรม
    กับหลวงปู่สิม พุทธาจาโร
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    เมื่อเจอกัน หลวงปู่สิมได้นิมนต์ให้หลวงพ่อฤๅษีฯ ขึ้นนั่งบน อาสนะที่วางอยู่บนยกพื้นสูงขึ้นไป ส่วนหลวงปู่สิม คงนั่งอยู่บนอาสนะ ที่พื้นล่าง แต่หลวงพ่อฤๅษีฯได้ปฏิเสธ ขอนั่งบนพื้นล่างเสมอกับ หลวงปู่ สิม
    ในคำสนทนาตอนหนึ่ง หลวงพ่อฤๅษีท่านได้ปรารภว่า “หลวงปู่ ตื้อไปเสียแล้ว เสียดายจริงครับ”
    หลวงปู่สิมท่านพึงพอใจที่กล่าวถึงครูบาอาจารย์ของท่าน ที่ท่านเคารพ จึงได้ถามว่า “ท่านเคยไปเยี่ยมหลวงปู่หรือ?”
    “เจอกันครับ ทะเลาะกัน” หลวงพ่อฤๅษี ตอบยิ้มๆ ท่านหมาย ความว่าได้โต้ตอบโอวาทธรรมกันไม่ใช่ทะเลาะกัน
    “หลวงปู่ตื้อ ปฏิภาณโวหารมาก” หลวงปู่สิมพูดยิ้มๆ
    “หลวงปู่ตื้อดีมากครับ ปฏิภาณเก่งจริงๆ ยอดจริงๆ นี่ได้ตัวยอด ปัญญาจริงๆ หายาก เสียดาย” หลวงพ่อฤๅษีฯ กล่าวต่อ
    หลวงปู่สิม ท่านก็กล่าวเสริมขึ้นว่า “เคยถามหลวงปู่ตื้อสมัยท่าน มีชีวิตว่า เอ...พระที่มีปฏิภาณโวหารนี้มีอยู่หรือในประเทศไทย หลวงปู่ ตื้อตอบว่าไม่มี แต่ไอ้ปฏิภาณโวหารมันมี แต่ว่าเพื่อนมักจะขัดคอ”
    “ธรรมดาหลวงปู่เก่งจริงๆ ตอบปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างคาดไม่ถึง...เสียดายหลวงปู่ตื้อ ถึงหลวงปู่ตื้อไม่มีรูป แต่ยังมีพิษนะครับ ฤทธิ์เดชมีมาก” หลวงพ่อฤๅษีฯ กล่าวต่อ
    บางทีหลวงปู่ตื้อ จะมาอยู่ที่นี่ก็ไม่รู้ หลวงปู่สิมพูดยิ้มๆ
    หลวงพ่อฤๅษีฯ โพล่งออกมาทันทีว่า “ฮึ หลวงปู่ตื้อมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งจะมา ท่านมานานแล้ว ไม่จะหรอกครับ ท่านเป็นพระที่น่ารักมาก”
    “ครับ” หลวงปู่สิมตอบยิ้มละมัย
    “ชอบในปฏิปทาของหลวงปู่ตื้อ คือไม่อั้นใครทั้งนั้น เรื่องตอบเลี่ยงคน ไม่มี ตรงไปตรงมา หายาก” หลวงพ่อฤๅษีฯ กล่าวต่อไป
    “ครับ” หลวงปู่สิมตอบรับ
    นี่ ธรรมแท้ ถ้าทำขึ้น ทำ ละพังเลย ขืนตั้งกำแพงเมื่อไร ชนพังเมื่อนั้น ดีจริง หายาก หาไม่ได้ แต่ก็ยังมีอยู่ที่นี่ก็ยังมีรูปหนึ่ง หลวงพ่อฤๅษีฯ ว่า
    “ใครครับหลวงพ่อ” ลูกศิษย์ท่านหนึ่งเรียนถาม
    “นี่...อยู่ตามถ้ำนี้แล้วไม่ช้าหรอกไม่ช้าก็เป็นหลวงปู่ตื้อ รูปที่สอง”
    ที่หลวงพ่อฤๅษีฯ ตอบอย่างนั้น ท่านหมายถึงหลวงปู่สิม จะเป็น พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณเหมือนหลวงปู่ตื้อ
    หลวงปู่สิม หัวเราะน้อยๆ ไม่กล่าวอะไร
    ต่อมาหลวงพ่อฤๅษีฯ ได้เล่าให้ลูกศิษย์ทั้งหลายฟังถึงเรื่องนี้ ในภายหลังว่า หลวงปู่ตื้อมาถ้ำผาปล่องนานแล้ว ท่านนั่งอยู่บนอาสนะที่ยกพื้นนั้น
    ฉะนั้น ตอนที่หลวงปู่สิมนิมนต์ให้หลวงพ่อฤๅษีฯ นั่งบนยกพื้น ท่านจึงไม่ยอมนั่ง เพราะจะเป็นการขึ้นไปนั่งเทียบเสมอหลวงปู่ตื้อ ซึ่งไม่บังควรเป็นอย่างยิ่ง หลวงพ่อฤๅษีฯ จึงขอนั่งเสมอหลวงปู่สิม
    หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ท่านเป็นพระอรหันต์ทรงคุณธรรมพิเศษ ยอดยิ่ง ได้ปฏิสัมภิทาญาณ คือ มีความรู้พร้อมในหัวข้อธรรมวินัยอย่างยอดเยี่ยมเป็นเลิศ อันเป็นคุณวิเศษที่เรียกว่า เหนืออัจฉริยะ ซึ่งหาได้ยากยิ่งในปัจจุบัน
     
  15. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,378
    ค่าพลัง:
    +12,917
    กลับมาพักบ้านคุณแม่พี่ร่มบุญ ลำปาง เพื่อเตรียม บุญ หล่อสมเด็จองค์ปฐม (ปูนชีเมนต์ )วัดฉลองราช

    ตื่นเช้า มี เรื่องตื่นเต้น เล็กน้อย เมื่อ รับข่าว ว่า มี งู เข้าบ้านพี่สาว พี่ร่มบุญ และ งู นั้น นอน อยู่ หลายชั่วโมง ( 04.00 -07.00 โดยประมาณ )
    เมื่อ เรา เข้าไป
    นาคา หยิบไม้ไผ่ เพื่อจะเขี่ย งู ออก งูเริ่ม เลื้อยหนี (จากที่ เขา ขดมานาน )
    พยายามเขี่ยไล่ เขาออกมา หน้าบ้าน จากนั้น คุณ กอล์ฟ ใด้ ช่วยกันเขี่ย เขาออกมา จนกระทั่ง งู นั้น เขาเลื้อย มุดเข้าไปใน ร่อง ปูน หน้าบ้าน หายไป..โดยมี เจ้าโชค เจ้าหมา คอยดูแล ...

    ทางคณะ ร่วมกัน จารึกนาม ในแผ่นทองเหลือง เพื่ออัญเชิญ บรรจุ ใว้ใน องค์พระสมเด็จองค์ปฐม และ นำปูนชีเมนต์ ผสมใว้ในองค์สมเด็จ ตามภาพ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,378
    ค่าพลัง:
    +12,917
    พระอาจารย์ พระอัครพล กนฺตธมฺโม, ใด้นิมนต์ ได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อท่านเจ้าคณะอำเภอแม่เมาะ มาชะยันโต ในพิธีหล่อสมเด็จองค์ปฐม วันที่ ๑๙ มิย.

    จากนั้นถวาย
    -พระบรมสารีริกธาตุ ,พระธาตุข้าวบิณฑ์ (ส่วนกลางเว็ปพลังจิต ),พระธาตุเหล็กไหลเพลิง,ดวงแก้วมณี สารพัดนึก (หลวงปู่สุภา ท่าน เมตตา อธิฐานจิต ) สังฆทาน

    ภาพ 8 .สมเด็จองค์ปฐม แกะจากไม้ตะเคียน ประดิษฐาน ใน โบสถ์
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    ภาพบางภาพ อาจจะไม่เหมาะสม ในการ ที่ ฆราวาส อยู่สูงกว่าพระ ..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,378
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ต่อ จากนั้น คณะบุญ ใด้เดินทางกลับ กทม.๑ ชุด พร้อมด้วย น้องทหารอากาศ
    กลุ่ม นาคราช ใด้ ร่วมบุญ ต่อ ...
    สักการะ พระธาตุม่วนพญาแช่ ลำปาง พร้อมด้วย นั่งภาวนา ตาม สภาวะ แห่ง จิตตะ

    ภาพ 3,4 กลางทาง ขึ้น พระธาตุ จะมีศาลา ประดิษฐาน พระพุทธะ (มีแมงมุมชักใย สวยงาม ดี )
    ภาพ 9-12 วิหาร สมเด็จองค์ปฐม พระพุทธสิกขีทศพล ที่ ๑ ในวัด

    พระธาตุม่อนพระยาแช่

    ในกาลครั้งหนึ่ง เมื่อพระพุทธเจ้าได้เสด็จมาเทศนาสั่งสอนสัตว์โลก ลุมาถึง กุกกุตตะนครในเมืองเวียงดิน (ปัจจุบัน คือวัดศรีล้อม) พร้อมด้วยพระฤาษี 5 องค์ได้ติดตามอุปฐากพระองค์มาแต่ลังกาทวีป พระองค์ทรงฉันภัตตาหาร ณ ที่นั้น เมื่อทรงฉันเสร็จแล้ว ก็ทรงบ้วนพระโอษฐ์ (บ้วนปาก) พระฤาษีทั้ง 5 ได้นำเอาภาชนะแก้วผลึก มารองรับ ในทันใดนั้นเอง น้ำบ้วนพระโอษฐ์ก็เกิดกระด้างกลายเป็นพระธาตุแข็งขึ้นมา พระฤาษีทั้ง 5 เห็นดังนั้นก็เกิดความอัศจรรย์ใจยิ่งนัก จึงเกิดความเลื่อมใสและมีความปิติยินดียิ่ง

    จึงทูลถามพระพุทธองค์ว่า "ภันเต ภควา ข้าแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ ภาชนะแก้วผลึกที่เต็มไปด้วยพระธาตุนี้ จะให้พวกข้าพระองค์นำไปประดิษฐาน ณ ที่ตรงไหน จึงจะสมควร" พระพุทธองค์จึงทรงพิจารณาส่องญาณ เล็งเห็นว่า ต่อไปข้างหน้าสถานที่นี้จะเป็นบ้านเมืองมีผู้คนมากมาย พระพุทธองค์ทรงใคร่ครวญ ที่จะให้เป็นประโยชน์และเป็นที่พึ่งแก่คนทั้งปวง จึงตรัสแก่พระฤาษีทั้ง 5 ว่า ทางทิศตะวันออกของตัวเมืองนี้มีภูเขาลูกหนึ่งชื่อว่า เขลางค์บรรพต สมควรที่ท่านทั้งหลายจะเอาพระธาตุนี้ไปบรรจุไว้ ณ ที่นั้น

    ครั้นแล้วพระองค์ทรงอธิษฐานถอดเอาพระนขา (เล็บ) และพระเกศา (ผม) ให้แก่พระฤาษีทั้ง 5 เพื่อเอาไปบรรจุไว้ด้วยกัน และเพื่อให้เป็นประโยชน์ แก่ผู้คนซึ่งมีความเลื่อมใส ได้สักการะบูชาต่อไป เมื่อพระพุทธเจ้า ตรัสเช่นนี้แล้ว พระฤาษีทั้ง 5 พร้อมด้วยพระอินทร์ ก็รับเอาพระธาตุ จากพระหัตถ์พระพุทธองค์แล้วก็ทูลลา มุ่งหน้าไปสู่เขลางค์บรรพต ม่อนพระยาแช่ พระอินทร์ได้เนรมิต สถานที่บรรจุพระธาตุ อยู่บนภูเขาสูง เป็นช่องลึก 100 วา กว้าง 8 ศอก ส่วนพระฤาษีทั้ง 5 ก็ผลัดเปลี่ยนกันอุปฐาก รักษาพระเจดีย์ในที่ต่างๆดังนี้

    พระฤาษีองค์ที่ 1 เป็นผู้พี่ให้รักษายังต้นศรีมหาโพธิ์ วัดศรีล้อม
    พระฤาษีองค์ที่ 2 ให้รักษายังพระมหาชินะธาตุเจ้า วัดม่อนคีรีชัย
    พระฤาษีองค์ที่ 3 ให้รักษายังพระมหาชินะธาตุเจ้า พระธาตุดอยแล
    พระฤาษีองค์ที่ 4 ให้รักษายังพระมหาชินะธาตุเจ้า วัดพระธาตุดอยสุเทพ
    พระฤาษีองค์ที่ 5 ให้รักษายังพระมหาชินะธาตุเจ้า ดอยยัสสะกิตติ(เขลางค์บรรพต วัดม่อนพระยาแช่)

    ที่มาของชื่อ "ม่อนพระยาแช่"

    พระฤาษีองค์ที่ 5 นามว่า "สุพรหมฤาษี" น้องสุดท้องนั้นท่านเป็นผู้มีวิชา ปัญญาอันเฉลียวฉลาดยิ่งนัก มีความสามารถทำทองได้และรู้จักวิธีผสมยาสามารถชุบคนแก่ให้กลายเป็นคนหนุ่มได้

    ในขณะนั้น ยังมีพระยาลัวะคนหนึ่ง ชื่อพระยาวุฑโฒ มีอายุได้ 100 ปี อยู่ขุนแม่ระมิงค์เชียงใหม่ ได้ทราบข่าวจากพรานป่าว่า พระฤาษีน้องสุดท้องท่านมีความสามารถชุบคนแก่ให้กลายเป็นคนหนุ่มได้ พระยาวุฑโฒก็มีใจอยากจะเป็นหนุ่ม จึงสั่งให้เตรียมไพร่พลโยธาและให้พรานป่าเป็นผู้นำทาง ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งเดือนจึงเดินทางมาถึงวัดม่อนพระยาแช่

    พอมาถึงพระฤาษีจึงถามว่า "พระองค์เสด็จมาที่นี้ด้วยมีธุระประสงค์สิ่งใด" พระยาวุฑโฒตอบว่า "ข้าพเจ้าทราบว่าท่านสามารถชุบคนแก่ให้กลายเป็นคนหนุ่มได้" พอวันรุ่งขึ้น พระฤาษีก็จัดแจงผสมยาขนานต่าง ๆ รวมได้ 4 ขนาน ใส่หม้อดินต้มทิ้งไว้ให้เย็น แล้วพระฤาษีจึงบอกให้พระยาวุฑโฒลงไปนอนในอ่างยา พระยาวุฑโฒเห็นดังนั้นก็เกิดความกลัวไม่ยอมลง ขอให้พระฤาษีทดลองให้ดูก่อน ก่อนจะลงท่านพระฤาษีก็ได้อธิบายให้พระยาวุฑโฒ ให้รู้จักวิธีผสมยาจนเป็นที่เข้าใจ โดยให้ ใส่ยาเป็นระยะดังนี้
    ระยะที่1 พอนอนลงไปในอ่างยาแล้วเนื้อตัวละลาย ให้เอาขนานที่ 1 ใส่ จะกลายเป็นน้ำขุ่นข้นขึ้นมาเหมือนข้าวยาคู
    ระยะที่2 แล้วเอายาขนานที่ 2 ใส่ลงไปก็จะเป็นตัวไหวดิ้นขึ้นมาได้
    ระยะที่3 ให้เอายาขนานที่ 3 ใส่ลงไปก็จะมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้อย่างเก่า
    ระยะที่4 ให้เอายาขนานที่ 4 ใส่ลงไป พอใส่ยาแล้วจะรู้จักพูดจาได้และกลับกลายเป็นหนุ่มขึ้นมาเลย
    พระฤาษีได้อธิบายให้พระยาวุฑโฒ ถึง 2-3 ครั้ง จนเข้าใจแล้ว พระฤาษีก็ลงนอนในอ่างยาแล้วสลบละลายกลายเป็นน้ำไป พระยาวุฑโฒก็เอายาขนานที่ 1 ใส่ลงไป น้ำนั้นก็ขุ่นมัวเหมือนข้าวยาคู แล้วก็เอายาขนานที่ 2 ใส่ลงไป พระฤาษีก็ไหวตัวดิ้นเป็นเกลียวเหมือนงูเกี้ยวกัน ชูคอขึ้นมาเหมือนงูเห่า พระยาวุฑโฒเห็นดังนั้นก็ตกใจกลัวจนตัวสั่น ก็เกิดความประหม่า เลยหยิบยาผิดหยิบเอายาขนานที่ 4 ใส่ลงไป เนื้อตัวพระฤาษีก็เกิดกระด้างไปเลย ไม่ไหวติงกาย พระยาวุฑโฒก็เอายาขนานที่ 3 ใส่ลงไปอีก พระฤาษีก็แน่นิ่งไปไม่ไหวติงกายแต่ประการใด เป็นอันว่าพระฤาษีสิ้นใจตายอยู่ ณ ที่นั้น

    ส่วนพระยาวุโฒเห็นดังนั้นก็มีความเสียใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อกลับไปถึงบ้านแล้วก็เกิดโรคาพาธมีอาการกระวนกระวาย จิตใจก็ระลึกถึงแต่เหตุการณ์ที่ได้กระทำมานั้น จิตใจคิดอยากกลับมายังที่อยู่ของพระฤาษีตลอดเวลา ในที่สุดก็เดินทางกลับมายังดอยยัสสะกิตติ(เขลางค์บรรพต) เมื่อมาถึงแล้วก็ให้คนตักน้ำใส่อ่างยา แล้วตนเองก็นอนแช่ ก็รู้สึกว่าสบาย พอลุกขึ้นจากอ่างยา ก็ร้อนกระสับกระส่าย ทำอยู่อย่างนี้หลายครั้งจนทนไม่ไหว ก็บอกเสนาว่า เรานี้เห็นจะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่รอดแล้ว เวลาเราตายไปแล้วขอให้เอาศพไปเผาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ครั้นสั่งเสร็จแล้วก็สิ้นใจตาย สถานที่ที่พระยาวุฑโฒนอนแช่ตายอยู่นั้น จึงเรียกว่า "ม่อนพระยาแช่" มาจนถึงทุกวันนี้

    ประวัติ วัดม่อนพระยาแช่

    วัดม่อนพระยาแช่ ตั้งอยู่บนภูเขาสูงชื่อม่อนไก่เขี่ย หรือดอยยัสสะกิตติ หรือเขลางค์บรรพต ตำบลพิชัย อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง สร้างเมื่อ พ.ศ.2353 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2501 สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ 350 ไร่ ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระธาตุม่อนพระยาแช่ ด้วย

    วัดม่อนพระยาแช่ แต่เดิมไม่มีพระภิกษุสงฆ์จำพรรษาอยู่ประจำ วัดนี้อยู่ในความอุปถัมภ์ดูแลของท่านเจ้าคุณพระธรรมจินดานายก วัดป่าดัวะ จนถึงปีพุทธศักราช 2497 ท่านชราภาพไม่สะดวกในการเอาใจใส่ จึงมอบธุระให้ท่านเจ้าคุณพระอินทวิชยาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดลำปาง วัดคะตึกเชียงมั่น เป็นองค์อุปถัมภ์ และเป็นประธานในการพัฒนาวัดต่อไป

    พ.ศ. 2499-2502 พระครูศรีปริยัติกิติ์ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดม่อนพระยาแช่ ตราตั้งที่ 01/2499 ลงวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2499
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และพระเจ้าลูกเธอ ทั้งสองพระองค์ ได้เสด็จพระราชดำเนิน มานมัสการ พระธาตุม่อนพระยาแช่ เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2515 และได้เสด็จพระราชดำเนินไปยัง บ้านต้นต้อง ในวันเดียวกันด้วย
    เนื่องจากท่านเจ้าคุณพระอินทวิชยาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดลำปาง ภาระในหน้าที่ของท่านมีมาก ท่านจึงได้แต่งตั้งให้พระครูประโชติคณารักษ์ เป็นเจ้าอาวาส วัดม่อนพระยาแช่ แทนท่าน เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2522 ท่านพระครูประโชติคณารักษ์ ได้ทำการพัฒนาวัด ให้เจริญรุ่งเรืองมาโดยตลอด
    ต่อมา สำนักงานชลประทาน (ลำปาง) ได้สร้างอ่างเก็บน้ำห้วยโจ้ ขึ้นที่ด้านหลัง วัดม่อนพระยาแช่ เพื่อกักเก็บน้ำใว้ใช้ในวัด และในปี พ.ศ. 2524 ดร.ชูวงค์ ฉายะบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง และสมาชิกสภาจังหวัดลำปาง ได้จัดสรรเงินงบประมาณ สร้างถนนลาดยางตลอดสาย จากถนนพหลโยธินจนเข้าถึงวัดม่อนพระยาแช่ รวมระยะทาง 5 กิโลเมตร
    วัดม่อนพระยาแช่ เป็นสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา แห่งหนึ่งในจังหวัดลำปาง เป็นสถานที่เงียบสงบ ร่มรื่น จะมีสภาพบรรยากาศ ในแต่ละฤดูที่เปลี่ยนไป ไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนจะมีตะไคร่น้ำขึ้นอยู่ทั่วไป เหมาะจะเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ที่ไม่ไกลจากตัวเมืองลำปาง มากนัก

    สถานที่ต่าง ๆ ในวัดม่อนพระยาแช่ มีดังนี้

    1. พระธาตุม่อนพระยาแช่ และพระอุโบสถ ตั้งอยู่บนภูเขาสูง เดินขึ้นบันได 585 ขั้น รถยนต์ขึ้นไม่ได้
    2. บ่อน้ำสองพี่น้อง มี 2 บ่อ ถือว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ อยู่ชายเขา ด้านล่างพระธาตุ น้ำในบ่อจะไม่แห้งทั้งปี
    3. บรรณศาลาสุพรหมฤาษี (พระฤาษีองค์ที่ 5 ที่ดูแลพระธาตุม่อนพระยาแช่)
    4. พระสังกัจจายน์
    5. ศาลาเกษม-โชติ เป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นหลวงพ่อเกษม เขมโก และพระครูประโชติคณารักษ์
    6. เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ รอบ ๆ วัด และในวนอุทยานม่อนพระยาแช่
    7. จุดชมวิว ทิวทัศน์ เมืองลำปาง อยู่บนพระธาตุม่อนพระยาแช่ สามารถมองเห็นทิวทัศน์เมืองลำปางได้สวยงาม
    8. อ่างเก็บน้ำห้วยโจ้ อยู่ด้านหลังวัด มีทิวทัศน์ที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง
    9. ลานกิจกรรมเอนกประสงค์ ด้านหน้าวัด เหมาะกับการจัดกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น ค่ายพักแรม
    10. โครงการ "ลีลาวดีบาน นมัสการพระธาตุ" กำลังปลูกต้นลีลาวดี ให้ทั่วทั้งวัด เพื่อให้มีกลิ่นหอม ไปทั่วบริเวณวัด (อยู่ระหว่างดำเนินการ ไกล้เสร็จเรียบร้อยแล้ว)
    11. โครงการ “เฮาฮักม่อนพระยาแช่” เป็นโครงการที่วัดม่อนพระยาแช่ เข้าร่วมกับ We love The King we love Thailand นครลำปาง และเครือข่าย ในการทำกิจกรรมเพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นกิจกรรมต่อเนื่องทั้งปี โดยในแต่ละสัปดาห์ จะมีกิจกรรมตามฤดูกาล เช่น ปลูกต้นไม้ ปลูกหญ้าแฝก สร้างฝาย ป้องกันและควบคุมไฟป่าเป็นต้น โดยพื้นที่ดำเนินโครงการ เป็นพื้นที่ทั้งหมดของวัด และขยายออกไปยังพื้นที่ของ วนอุทยานม่อนพระยาแช่ ขณะนี้เข้าสู่การดำเนินกิจกรรมในปีที่ 2 กิจกรรมในโครงการ "เฮาฮักม่อนพระยาแช่" มีดังนี้
    11.1 การสร้างฝาย ชะลอน้ำ ด้วยหินและดิน กว้างตั้งแต่ 3-15 เมตร ในปี 2552 สร้างได้ 66 ฝาย ในปีที่ 2 (กำลังดำเนินการ) ได้ 120 ฝาย (20 สิงหาคม 2553)
    11.2 การปลูกหญ้าแฝกเพื่อป้องกันดินพังทลายและรักษาหน้าดิน บริเวณ 2 ข้างของทางขึ้นพระธาตุ และรอบพระธาตุ ซึ่งเป็นดอยสูง ในปี 2552 ปลูกหญ้าแฝกไปแล้วกว่า 100,000 กล้า
    11.3 การปลูกหญ้าแฝกบนสันฝาย เพื่อให้เพิ่มความแข็งแรงให้กับตัวฝาย ในบริเวณฝายที่เป็นดิน
    11.4 การ “ทดลองปลูกหญ้าแฝก เพื่อปรับปรุงสภาพดินเสีย” (ภูเขาหิน) ให้สามารถใช้ปลูกพืชได้ บริเวณภูเขาด้านหน้าวัด ใช้กล้าหญ้าแฝก ประมาณ 30,000 กล้า
    11.5 การปลูกหญ้าแฝกเพื่อป้องกันดินพังทลายและรักษาหน้าดิน พร้อมทั้งเป็นแปลงขยายพันธ์หญ้าแฝกไปด้วย บริเวณเหนืออ่างเก็บน้ำห้วยโจ้ ด้านหลังวัดม่อนพระยาแช่
    11.6 การปลูกต้นไม้ทั้งไม้ยืนต้นและไม้กินได้ ในบริเวณพื้นที่ของวัด 350 ไร่ โดยในปี 2553 กำลังปลูกต้นมะค่าโมง และขะจาว (กล้าไม้สูงเกือบ 2 เมตร) กว่า 1,500 ต้น
    11.7 การป้องกันไฟป่า ในพื้นที่วัดทั้งหมด และบางส่วนในวนอุทยานม่อนพระยาแช่ โดยดำเนินการทั้งการสร้างจิตสำนึก และการประชาสัมพันธ์ ทางสถานีวิทยุ การลงพื้นที่ การทำแนวกันไฟป่า และการจัดทีมอาสาสมัคร ออกดับไฟป่า ผลการดำเนินงานในปี 2552 ได้ผลดีมาก
    11.8 การปฏิบัติธรรม วัดม่อนพระยาแช่ ร่วมกับโครงการ ปฏิธรรมของ We love The King we love Thailand นครลำปาง จัดปฏิบัติธรรม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลฯ ทุกวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือน โดยเริ่มเวลา 18.00 น. ณ พระอุโบสถ บนพระธาตุม่อนพระยาแช่
    11.9 โครงการ “ห้องสมุดประวัติศาสตร์ ม่อนพระยาแช่” โดยวัดม่อนพระยาแช่ ได้ให้ We love The King we love Thailand นครลำปาง ใช้สถานที่ ศาลา รัตนาคม จัดทำห้องสมุด เพื่อเก็บรวบรวมประวัดความเป็นมาของ “ม่อนพระยาแช่” ในอดีต เช่น การเสด็จพระราชดำเนิน ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2515 การต่อสู้ทางอากาศ ของเครื่องบิน ในช่วงสงครามโลก เหนือน่านฟ้า ม่อนพระยาแช่ รวมถึงตำนานและหลักฐานเกี่ยวกับชื่อ “ม่อนพระยาแช่” โดยจะทำเป็นห้องสมุด Multimedia (ขณะนี้กำลังดำเนินการ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3043.jpg
      IMG_3043.jpg
      ขนาดไฟล์:
      204.2 KB
      เปิดดู:
      54
    • IMG_3045.jpg
      IMG_3045.jpg
      ขนาดไฟล์:
      278.6 KB
      เปิดดู:
      54
    • IMG_3046.jpg
      IMG_3046.jpg
      ขนาดไฟล์:
      152.8 KB
      เปิดดู:
      48
    • IMG_3047.jpg
      IMG_3047.jpg
      ขนาดไฟล์:
      122.1 KB
      เปิดดู:
      49
    • IMG_3048.jpg
      IMG_3048.jpg
      ขนาดไฟล์:
      108.8 KB
      เปิดดู:
      49
    • IMG_3051.jpg
      IMG_3051.jpg
      ขนาดไฟล์:
      173.9 KB
      เปิดดู:
      45
    • IMG_3052.jpg
      IMG_3052.jpg
      ขนาดไฟล์:
      215.6 KB
      เปิดดู:
      57
    • IMG_3053.jpg
      IMG_3053.jpg
      ขนาดไฟล์:
      246.2 KB
      เปิดดู:
      57
    • IMG_3054.jpg
      IMG_3054.jpg
      ขนาดไฟล์:
      185.1 KB
      เปิดดู:
      52
    • IMG_3055.jpg
      IMG_3055.jpg
      ขนาดไฟล์:
      180.3 KB
      เปิดดู:
      59
    • IMG_3056.jpg
      IMG_3056.jpg
      ขนาดไฟล์:
      151.8 KB
      เปิดดู:
      46
    • IMG_3057.jpg
      IMG_3057.jpg
      ขนาดไฟล์:
      165.8 KB
      เปิดดู:
      50
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2011
  18. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,378
    ค่าพลัง:
    +12,917
    [​IMG] พระพุทธบน ถ้าผากล้วย

    หลังจาก พักผ่อน ,ภาวนา สักการะ พระธาตุม่วนพญาแช่ ใด้เวลาเดินทางต่อ เพื่อ ปฏิบัติกิจ ภาวนา ปักกลด บนหลังคาถ้ำ วัดป่าถ้ำผากล้วย
    เนื่องจาก สถานที่ กุฏิ ไม่พอ ต่อการ พัก จึง ผูกกลดใว้ใน เพิ่งด้านหน้าโรงครัว ( เป็นเพิ่งน้ำปานะ ของพระ )

    เวลาประมาณ ๑๙.๐๐ หลวงพ่อ ท่านเริ่มเข้าสวดมนต์ทำวัตรเย็น จึงพร้อมกัน สวดมนต์
    จากนั้น หลวงพ่อท่าน เมตตาให้ ผูกกลด บนหลังคาถ้ำ ด้วยความเมตตา ที่หลวงพ่อ ท่าน จัดการ ผูกกลดให้ เอง ดดยใช้ ไม้ไผ่ แขวน ใว้ กับซอกหิน เวลา ประมาณ ๒๒.๐๐ น.

    คืนแรก วันที่ ๑๙ มิย จึงนอนในกลด บนหลังคาถ้ำ
    นาคา จึง ประคองจิต กราบ หลวงพ่อ และ ภาวนา ส่งจิต ตามวาระ บนหลังคาถ้ำ ( กุฏิบนหลังคาถ้ำ มีผ้าขาวมา ปฏิบัติก่อนหน้าแล้ว ,จึง เดินตามปฏิปทา ของ พ่อแม่ครูอาจารย์ ที่ท่าน ผูก,ปักกลด ที่ไหน ก็ใด้ ในการ ชำระจิต )

    ส่วน พี่ๆน้องๆ สาวๆ พร้อมกัน พักกาย พักจิต ที่กุฏิชี

    รุ่งเช้า เวลา ๐๔.๓๐ พร้อมกัน สวดมนต์ทำวัตรเช้า ทุกวัน
    รัปทาน อาหารเช้ากัน ตามโอกาส จากนั้น ในช่วง กลางวัน นาคา ขึ้นบนถ้ำ เพื่อพักผ่อน ,ภาวนา

    พี่ๆน้องๆ ขึ้นมา เพื่อ ปลีกวิเวก ด้วย ในยาม กลางวัน ใด้ เปรย วาจา แนะนำข้อธรรม ,และ ปรับ ภาวะ อากาศ ลมหายใจ ตาม อานาปาน..

    ภาพ 1-2. สภาวะ ดวงธรรม กายทิพย์ ที่ถ่ายด้วยกล้อง เมื่อ มีนา ๕๔
    ภาพ 3-4 ทางขึ้น หลังคาถ้ำ และ พระพุทธบนหลังคาถ้ำ เมื่อ มีนา ๕๔

    [​IMG]
    ***ต้องขอแจ้งทุกท่าน ก่อนว่า ทริปนี้ เจอ แต่ งู ทั้ง งูเล็ก งูใหญ่

    <TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="Post 4823435" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>vijit_j</TD><TD class=alt1>หลายปีมาแล้ว พระอาจารย์ประสิทธิ์เคยพาไปนอนที่อุทยานฯโป่งเดือด ซึ่งหลวงปู่ชอบเคยมาอยู่ที่นี่

    บรรยากาศดีมาก ในป่าโป่งเดือด คิดคิดว่าพระอาจารย์คงจะรู้จักดี มะขามป้อมอยู่ตรงไหนบ้าง ท่านพาไปเก็บ กล้วยป่าเล็กๆ นำมาลวกกับน้ำพุร้อนกินได้ บนยอดเขาเตี้ยๆ หน้าอุทยาน ในอดีตน่าจะมีสิ่งปลูกสร้างอยู่ เห็นตะปูโบราณฝังดินอยู่ </TD></TR></TBODY></TABLE>
    โมทนา ครับ คุณ vijit_j
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,378
    ค่าพลัง:
    +12,917
    วันที่ ๒ ( ๒๐ มิย ) เมื่อนั่งภาวนาบนหลังคาถ้ำ ลมสบาย
    จากนั้น พี่ๆน้องๆ ลง จากบนถ้ำ ภาระกิจ ส่วนตัว , ช่วยงาน ชี ,งานวัดตามสภาวะ

    ค่ำๆ สวดมนต์ ทำวัตรเย็น ตามปกติ หลวงพ่อ ท่าน เมตตา เปรย ในเรื่อง น้ำในวัด ไม่เพียงพอ และใด้ ติดต่อ ขุดน้ำบาดาล ใด้น้ำน้อย

    คืนนี้ เป็นคืนที่ ๒ จึงตั้งจิต ขอ เดินจงกลด , นอน หน้าลาน หลวงพ่อพระพุทธหยกขาว ในวัด
    แต่ เมื่อ เจอ งูปากเป็ด หลายตัว ,งู (ดิน ) เริ่มเลื้อย ขึ้นมา กลัวจะทำให้ เขา ลำบาก จะเดินขึ้นถ้ำ ก็ดึก อาจจะ ...
    จึง กางเต้นท์ ด้านหล้าโรงครัว ในเพิง เล้กๆ กับ ดวงธรรม ข้างเสา

    ภาพ 1-2 นั่งภาวนา กลางวันบนถ้ำ วันที่ ๒ (ภาพ 2 แสง...ส่องกระทบ )
    ภาพ 3-4 พระพุทธหยกขาว ,พระพุทธ ลานในวัด

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,378
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ค่ำๆ คืนที่๒ (20มิย ) สวดมนต์ ทำวัตรเย็น ตามปกติ หลวงพ่อ ท่าน เมตตา เปรย ในเรื่อง น้ำในวัด ไม่เพียงพอ และใด้ ติดต่อ ขุดน้ำบาดาล ใด้น้ำน้อย
    เมื่อ นั่งภาวนา หลังสวดมนต์แล้ว จึงขออนุญาต กราบเรียน หลวงพ่อ

    เรื่องบายศรี ,เรื่อง การสวดมนต์ ชุมนุมเทวดา สาธยายธรรม พระธรรมจักรกัป ฯ หลวงพ่อ เมตตา ถาม เรื่อง เหตุ ผล ที่มาที่ไป ) เพราะ วัดป่า จะมี วินัย กวดขันมาก ในเรื่อง ต่างๆ.. หลวงพ่อ ท่าน อนุญาต

    เพื่อ ถวาย สมเด็จ พระพุทธหยกขาว ,หลวงพ่อพระพุทธลีลา

    รุ่งเช้า วันที่ ๓ ( ๒๑ มิย )
    หลังจากสวดมนต์ทำวัตรเช้า แล้ว นาคา พร้อม ตั้งจิต ขออนุญาต สวด
    - ชุมนุมเทวดา
    - ไตรสรณคมณ์
    - สัมพุทเธ
    - นะโม
    - บทขัด พระธรรมจักร์กัปวัตนสูตร
    - สาธยาย พระธรรมจักร์กัปวัตนสูตร
    - พระพุทธ ๒๘ พระองค์
    - ฯลฯ ๙๙๙๙๙๙๙

    ใช้เวลา ประมาณ ๔๐ นาทีกว่าๆ ขณะที่สวด สาธยายธรรม ทราบหลังจากสวดมนต์ สาธยาย เสร็จ แล้ว พี่ๆ น้องๆ ช่วยกัน ดูแล งู ขนาด ความยาว ประมาณ เกือบ ๒ ฟุต เลื้อย เข้ามา ...บล๊อค ต้นไม่ ใกล้ ๆ ที่ นาคา นั่ง สวดมนต์

    จึงช่วยกัน เขี่ย งู นั้นออก ใช้เวลานาน พอสมควร จน งู เขาเลื้อย มุดเข้าใต้ดิน บล๊อค ต้นไม้ หายไป...

    จากนั้น เดินมาที่ โรงครัว เพื่อ พักผ่อน , ทานกาแฟ ,,, เจอ งู ยาว ประมาณ เกือบ 1 เมตร ...
    จากนั้น ติดต่อ เรื่อง ทำบายศรี ให้เสร็จ ก่อน ๑๕.๐๐ วันนี้ เพื่อ...แต่ ไม่มี ร้าน รับทำเพราะฉุกเฉิน จึง คุยกับ พี่สาว พี่ร่มบุญ

    ใด้ เพื่อน ของ คุณแม่ พี่ร่มบุญ ๒ ท่าน ช่วยกัน ทำบายศรี
    ภาพ 1. งู เลื้อยมา ใกล้ขณะ สวดมนต์ หน้า องค์สมเด็จ พระพุทธหยกขาว
    ภาพ 2. งู ข้างๆ โรงครัว
    ภาพ 3...ทำบายศรี

    กระทั่ง เวลา ประมาณ ๑๔.๑๕ น. บายศรี เรียบร้อย จึง น้อมนำ อัญเชิญ บายศรีครู พระพุทธ ตั้งถวาย สมเด็จ พระพุทธหยกขาว (ขณะนั้นฝน เริ่มลงเม็ด )
    พี่ร่มบุญ ,น้องพิชญ์ อัญเชิญ บายศรีปากชาม ตั้งถวาย สมเด็จพระพุทธหยกขาว ฝนเริ่มเท เม็ด
    นาคา ขออนุญาต จุด ธูปเทียน บูชา ครู องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดย มี สมเด็จ องค์ปฐม บรมครู ท่าน เมตตา (ตามสภาวะ.... ) ถวาย ทั้ง สมเด็จพระพุทธหยกขาว , พระพุทธลีลา สวดมนต์ใน พิธี
    ท่ามกลาง ฝนตกหนัก แต่ ทุกท่าน ไม่ท้อ
    จนวาระ พิเศษ ....น้องท่านหนึ่ง ถวาย....

    หลังทุกอย่าง เรียบร้อย ประมาณ ๓๕ นาที ฝนหยุดตก ขาดเม็ด เช่นกัน ท่ามกลางสายตา ของทุกท่าน
    ด้วย ...
    พุทโธ อัปมาโณ
    ธัมโม อัปมาโณ
    สังโฆ อัปมาโณ

    พุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ ศีลานุสติ เทวตานุสติ ใน อนุสติ ๑๐..
    [​IMG] [​IMG] กลุ่มหมอกขาว ต้นไม้ซ้าย

    [​IMG] แม่งาน บายศรี
    ขอโมทนา พี่ๆ น้องๆ ทุกท่าน ที่ เมตตา ช่วยงาน จนสำเร็จ และ กางร่ม ให้ในช่วง ฝนตก หนัก และ น้องน้ำหวาน อีกท่าน หนึ่ง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...