เรื่องเด่น มนุษย์ต่างดาวติดต่อเราหรือยัง-ควรบอกว่า เมื่อไหร่จะไป

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย chandayot, 18 เมษายน 2012.

  1. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    ยินดีครับ ข่าวล่าสุด----บรรพบุรุษมนุษย์สืบเชื้อสายจากดาวอังคาร กำลังตามข่าวอยู่ครับOmnec สตรีผู้มาจากต่างดาว
    http://palungjit.org/threads/omnec-สตรีผู้มาจากต่างดาว-แฉหมดเปลือก-ufo-จักรวาล.297056/

    ผู้กลับชาติมาเกิดจากดาวประกายพรึก
    พิธีกร : คำถามแรกนะครับ ออมเนค โอเนค คือชื่อของคุณใช่ไหมครับ?
    Omnec: จริง ๆ เรียก ออมเนค ก็พอค่ะ แต่ ออมเนค โอเนค เป็นชื่อจริงของฉันค่ะ
    พิธีกร: อย่างแรกสุดเลยนะครับ ผู้ชมทางบ้านหรือเราเองได้แต่จินตนาการว่ามีผู้คนบนดาวศุกร์เพราะนักวิทยา ศาสตร์บอกว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่บนดาวดวงนั้น หรือว่าพวกเขาไม่ได้บอกความจริงแก่เรา หรือว่าจริง ๆ แล้วเราไม่สามารถมองเห็นสิ่งมีชีวิตบนดาวศุกร์ได้ แล้วคุณอยู่ในมิติอื่นหรือเปล่าครับ?
    Omnec: ในยุคหนึ่งนั้นสิ่งมีชีวิตบนดาวศุกร์ก็เคยมีอารยธรรมอยู่ในโลกทางกายภาพ อยู่เช่นเดียวกับมนุษย์บนโลกใบนี้ แต่นั่นก็เป็นเวลานานมาแล้ว อย่างน้อยก็ 20 ล้านปีค่ะ
    พิธีกร: นานมากจริง ๆ นะครับ
    Omnec: แต่ว่า ณ ตอนนี้วัฒนธรรมและสังคมของเราอยู่ในมิติคู่ขนานกับโลกทางกายภาพ อันที่จริงชาวดาวศุกร์ก็เป็นบรรพบุรุษของชนเผ่าโบราณบางเผ่าพันธุ์บนโลกนี้ แล้วอันที่จริงทุกชนเผ่าบนโลกล้วนสืบเชื้อสายจากชนเผ่าจากดาวดวงอื่นทั้ง สิ้น แต่เหตุการณ์ทั้งหมดก็เกิดขึ้นก่อนที่มนุษย์จะบันทึกประวัติศาสตร์เอาไว้ เสียอีกนะคะ
    พิธีกร: แล้วชาวดาวศุกร์ก็เป็นกลุ่มแรก ๆ ที่เกิดขึ้นในจักรวาลด้วยใช่ไหมครับ?
    Omnec: ใช่ค่ะ ก็จริง ๆ แล้วมนุษย์และระบบสุริยะต่าง ๆ มาจากกาแล็กซี่อื่นก่อนที่โลกจะก่อกำเนิดเป็นดาวเคราะห์เสียอีก พวกเขาถูกส่งมาเพื่อคุ้มครองกาแล็กซี่แห่งนี้และจุติเป็นสิ่งมีชีวิตขั้นสูง แล้วก็เข้าครองดาวเคราะห์อีกสี่ดวงในระบบสุริยะก็คือ ดาวศุกร์ ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี และ ดาวเสาร์ พวกเขาก็คือบรรพบุรุษของเผ่าพันธุ์หลักสี่เหล่าบนโลกนี้ แล้วต่อมาพวกเขาก็เข้าครองโลกนี้ด้วย นับจากนั้นเป็นต้นมาพวกเขาที่เป็นต้นกำเนิตเผ่าพันธุ์ ไม่ใช่กลุ่มที่มาบนโลกนะคะ แต่เป็นกลุ่มดั้งเดิมจากดาวอื่นก็อยู่ในมิติคู่ขนานกับโลกทางกายภาพ แล้วด้วยวิทยาการและความสามารถทางจิตวิญญาณพวกเราชาวดาวศุกร์ เราก็สำแดงร่างปรากฏและอยู่ในจักรวาลทางกายภาพได้ค่ะ
    พิธีกร: แล้วบนดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ เช่น ดาวอังคาร ดาวเสาร์ มีสิ่งมีชีวิตอยู่ไหมครับ?
    Omnec: ไม่ค่ะ ไม่ได้อยู่บนโลกทางกายภาพ
    พิธีกร: แต่ว่าอยู่ในมิติที่มีระดับการสั่นสะเทือนสูงกว่าใช่ไหมครับ?
    Omnec: ใช่แล้วค่ะ แต่คุณก็ยังพบร่องรอยอารยธรรมของชนเผ่าต่าง ๆ ได้อยู่ค่ะ
    พิธีกร: บนดาวอังคารสินะครับ
    Omnec: ใช่ค่ะ ก็เห็นว่ามีการค้นพบอยู่บ้าง
    พิธีกร: ก็คงเป็นอย่างนั้นนะครับ แต่บนดาวอังคารนี่ก็ยังมีสิ่งมีชีวิตขั้นสูงที่อยู่ในมิติสูงเช่นเดียวกับ ชาวดาวศุกร์อยู่ใช่ไหมครับ?
    Omnec: แน่นอนค่ะ
    --------------------------------------------------------------------------------
    ความคิดเห็นที่ 2
    พิธีกร: ครับ ว่าแต่คุณมายังโลกนี้ได้อย่างไร คุณขึ้น UFO มาหรือว่ามาในแบบอื่นครับ?
    Omnec: อืม...บนดาวเคราะแต่ละดวง โดยเฉพาะดาวเคราะห์ที่เก่าแก่จะมีเมืองอยู่แห่งหนึ่งที่มีที่ตั้งอยู่ทั้งใน โลกทางกายภาพและในมิติคู่ขนานด้วย ประมาณว่าเป็นเมืองที่เร้นอยู่…
    พิธีกร: บนโลกนี้ด้วยเหรอครับ หรือว่าบนดาวดวงอื่น?
    Omnec: บนโลกนี้ก็มีวิหารเร้นลับโบราณอยู่ตามที่ต่าง ๆ แล้ววิหารเหล่านี้ก็เป็นที่ที่มนุษย์เรียกว่าประตูเชื่อมระหว่างมิติ แต่ว่าสถานที่เหล่านี้ก็ถูกซ่อนไว้นานมาแล้ว บนดาวดวงอื่น ๆ ก็มีสถานที่ลักษณะนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งเปิดโอกาสให้เราปรากฏร่างได้ และยังทำให้เรานำยานพาหนะออกมาใช้เดินทางในโลกทางกายภาพได้อีกด้วย เรามียานอวกาศที่ใช้เดินทางระหว่างกาแลคซี่ ระหว่างมิติ และข้ามเวลา และนี่ก็คือวิธีที่ฉันเดินทางมายังโลกนี้ หลังจากที่ฉันสำแดงร่างปรากฏในเมืองที่ว่านี้บนดาวศุกร์ ก็มีคนพาฉันขึ้นยานอวกาศซึ่งใช้วิธีเดียวกันกับการปรากฏร่าง แล้วฉันก็ถูกนำมาที่ธิเบตมาอยู่ที่สำนักสงฆ์แล้วพำนักอยู่ที่นั่นในช่วงปี แรก เพื่อที่จะปรับตัวให้ชินกับสภาพแรงดึงดูดของโลก เรียนรู้ภาษา และปรับสภาพร่างกายของตัวฉันเองค่ะ
    พิธีกร: คุณคงต้องปรับตัวลำบากเลยทีเดียวนะครับ จากดาวที่มีแรงดึงดูดน้อยแล้วต้องมาอยู่ยังโลกที่แรงดึงดูดต่างกันเช่นนี้
    Omnec: ใช่แล้วค่ะ การปรับสภาพร่างกายนั้นลำบากจริง ๆ
    พิธีกร: คุณออกเดินทางมาตอนอายุเท่าไหร่ครับ แล้วคุณลงมาเกิดใหม่หรือว่ามาพร้อมกายหยาบเลย?
    Omnec: ถ้าจะนับตามมาตรฐานระบบเวลาและความเข้าใจของมนุษย์แล้วละก็ ฉันก็มาตอนที่ฉันเป็นเด็กอายุเจ็ดขวบค่ะ
    พิธีกร: เป็นช่วงที่คุณมาครั้งแรกสินะครับ
    Omnec: แต่ถ้านับตามเวลาที่อยู่ในมิติของชาวดาวศุกร์รวมถึงเวลาของโลกมนุษย์แล้ว ฉันก็คงเกิดมาได้ 130 ปีแล้วละค่ะแม้ว่าฉันจะดูเหมือนเด็กเจ็ดขวบก็ตาม เพราะว่าช่วงอายุพวกเรายืนยาวมากและกระบวนการชราภาพก็ดำเนินไปอย่างช้ามาก ณ ตอนนี้อายุของฉันที่ใกล้เคียงที่สุดก็คือ 250 ปีค่ะ
    พิธีกร: คุณก็ยังดูดีอยู่นะครับแม้อายุจะปาเข้าไปขนาดนั้นแล้ว
    Omnec: แต่บนโลกฉันก็มีอายุเทียบเท่ากับคนอายุ 50 ปีค่ะ
    พิธีกร: ครับ แล้วนี่เป็นงานหรือเป็นหน้าที่ที่คุณต้องมาที่นี่หรือว่าคุณอาสามา แล้วทำไมคุณถึงมาที่นี่ครับ?
    Omnec: เป็นเหตุผลรวมกันทั้งหมดนั่นแหละค่ะ ฉันได้รับคำขอจากจิตวิญญาณเบื้องบน
    พิธีกร: จิตวิญญาณของดาวศุกร์หรือว่าเป็นจิตวิญญาณ...
    Omnec: จิตวิญญาณเบื้องบนเป็นจิตวิญญาณของสรรพสิ่งทั้งมวลในจักรวาลค่ะ
    พิธีกร: ในมิตินี้แล้วก็มิติที่สูงกว่าด้วย ไม่ใช่แค่ดาวศุกร์และดาวอื่น ๆ ใช่ไหมครับ?
    Omnec: ค่ะ เหล่าจิตวิญญาณเบื้องบนมีภารกิจเกี่ยวข้องกับชะตาลิขิตของมนุษย์บนโลกและโลก ทางกายภาพด้วย จิตวิญญาณเบื้องบนเหล่านี้ครั้งหนึ่งก็เคยมาจุติบนโลกแล้ว ณ ตอนนี้ก็วิวัฒน์เป็นจิตวิญญาณขั้นสูงแล้วค่ะ
    โดย: 1330/20 [6 ก.ค. 54 16:12] ( IP A:223.207.174.227 X: )

    --------------------------------------------------------------------------------
    ความคิดเห็นที่ 3
    พิธีกร: เหมือนกับศาสดาต่าง ๆ ใช่ไหมครับ พระเยซูก็เช่นกันใช่ไหมครับ?
    Omnec: ค่ะ พระเยซูก็เป็นจิตวิญญาณหนึ่งในกลุ่มนั้นค่ะ....ภารกิจของเหล่าจิตวิญญาณ เบื้องบนก็คือช่วยให้มนุษย์และคนในสังคมได้ทราบเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่ ขาดหายไป สิ่งที่มนุษย์ไม่ได้บันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ซึ่งสูญหายไปบนโลกนี้ และให้มนุษย์ทราบถึงต้นกำเนิดที่แท้จริงอีกครั้งหนึ่ง จิตวิญญาณจะนำข้อมูลกลับมาให้มนุษย์เพราะว่าโลกนี้กำลังเข้าสู่ยุคที่เรียก ว่า “New Age” (นิว เอจ) ซึ่งการรับรู้และจิตสำนึกจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และข้อมูลต่าง ๆ ต้องนำกลับมาให้มนุษย์ได้รับทราบเพื่อที่จะเปลี่ยนมุมมองและแนวคิดของมนุษย์ บนโลก ซึ่งเป็นสิ่งเดียวกับคำสอนที่ศาสนาคริสต์มีอยู่ค่ะ
    พิธีกร: คุณเป็นคนเดียวที่มาจากดาวศุกร์หรือเปล่า หรือว่ามีอีกหลายคนมาที่นี่ครับ?
    Omnec: ไม่ค่ะ จริง ๆ แล้วมีอยู่มากมายเลย
    พิธีกร: แต่คุณเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกว่าคนทั่วไปจะรู้จักกันดีนะครับ
    Omnec: ก็...ฉันเป็นคนที่ได้รับเลือกให้เผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณชนค่ะ
    พิธีกร: ถ้าอย่างนั้นก็ยังมีอีกหลาย ๆ คนปฏิบัติงานอยู่ใช่ไหมครับ?
    Omnec: ค่ะ พวกเขาปฏิบัติงานกันในหลายระดับค่ะ
    พิธีกร: ครับ แล้วคุณมีความสามารถพิเศษอย่างเช่นการอ่านความคิด หรือดูรัศมีออร่าหรืออะไรทำนองนั้นไหมครับ?
    Omnec: จริง ๆ แล้วเราทั้งหลายมีกฎแห่งจิตวิญญาณบางประการที่คุ้มครองความคิดส่วนบุคคลอยู่ ค่ะ ดังนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำเช่นนั้น แต่...
    พิธีกร: คุณไม่อยากใช้พลังอย่างนั้นหรือว่าคุณทำไม่ได้?
    Omnec: ไม่ได้ค่ะเพราะว่ามีการคุ้มครองลักษณะพิเศษอยู่ แต่ถ้าหากว่ามีความคิดมุ่งร้ายผุดขึ้นมาในความคิดของคุณ เราก็จะรับรู้ได้ แต่หลายคนบนโลกนี้ก็ไม่อาจรับรู้แบบพวกเราได้เพราะ...
    พิธีกร: แต่ก็มีคนบนโลกนี้ที่คุณสามารถโทรจิตสื่อกันได้ใช่ไหมครับ?>>
    Omnec: ค่ะ ถ้าในแง่ของโทรจิตแล้วฉันก็สื่อกระแสจิตกับมนุษย์ที่มีความสามารถในด้านนี้ ได้ แล้วฉันก็ใช้วิธีนี้เพื่อสื่อกับคนที่ไม่ได้อยู่บนโลกด้วย
    พิธีกร: บนดาวศุกร์เหรอครับ?
    Omnec: ค่ะ ฉันสื่อจิตไปเวลาที่ต้องการข้อมูลต่าง ๆ แล้วนี่ก็ไม่ใช่การเข้าทรงด้วยเพราะว่าฉันติดต่อได้โดยตรงกับจิตหรือสิ่งมี ชีวิตที่ฉันรับรู้ได้ แต่ว่า...อย่างที่เราก็รู้ว่าผู้คนในอารยธรรมโบราณบนโลกเคยมีความสามารถใน การสื่อสารกันโดยใช้กระแสจิตเช่นนี้ และสามารถจดจำผู้ที่อยู่ก่อน รวมทั้งประวัติศาสตร์ของพวกเขาได้ แต่ว่าก็เกิดมีการปรับแต่งพันธุกรรมของมนุษย์โลกหลังจากยุคแอตแลนติส แล้วก็มีการรุกรานจากระบบจักรวาลอื่นเข้ามาด้วย...
    โดย: 1330/20 [6 ก.ค. 54 16:13] ( IP A:223.207.174.227 X: )

    --------------------------------------------------------------------------------
    ความคิดเห็นที่ 4
    พิธีกร: เป็นเวลานานนับพันปีแล้วใช่ไหมครับ?
    Omnec: ใช่แล้วค่ะ อันที่จริงก็เป็นช่วงก่อนคริสตกาลนั่นแหละค่ะการปรับแต่งพันธุกรรมมนุษย์ก็ เป็นการแยกสมองออกเป็นสองส่วนด้วยกัน นั่นทำให้มนุษย์ไม่สามารถสื่อสารกันได้โดยไม่ใช้คำพูด แล้วยังไม่สามารถจดจำอารยธรรมที่มีอยู่ก่อน ก่อนที่พวกเขาจะมาเกิดในโลกทางกายภาพนี้ เหตุนี้มนุษย์จึงใช้สมองสองส่วนนี้ได้เพียงแค่สำหรับการใช้ชีวิตอยู่บนโลก ทางกายภาพนี้เท่านั้น สิ่งนี้เป็นสิ่งที่มนุษย์ที่มารุกรานโลกเป็นคนทำขึ้นมา ซึ่งเป็นกลุ่มที่ก่อตั้งระบบชนชั้นและการแบ่งแยกระหว่างเผ่าพันธุ์และความ ขัดแย้งระหว่างศาสนาขึ้น แล้วสถาปนากลุ่มตัวเองขึ้นครองอำนาจ บงการและควบคุมมนุษย์โลก นี่เองที่ทำให้พวกที่รุกรานควบคุมมนุษย์ได้มากขึ้นเพราะมนุษย์ได้สูญเสีย ความสามารถดังกล่าวไปหมด แล้วความลับและองค์ความรู้ต่าง ๆ ที่พวกนั้นบังคับให้มนุษย์ดั้งเดิมถ่ายทอดมาก่อนที่มนุษย์จะถูกปรับแต่ง พันธุกรรมก็สงวนไว้สำหรับองค์กรลับต่าง ๆ ที่ก่อตั้งขึ้นมาสำหรับพวกชนชั้นสูงและมีอำนาจให้ศึกษาเท่านั้น ส่วนคนที่เหลือก็ถูกจำกัดและควบคุมในรูปของศาสนา คำสอนต่าง และ ความรู้ต่าง ๆ และระหว่างนั้นพวกนั้นก็แบ่งแยกเผ่าพันธุ์ สร้างภาษา ก่อตั้งศาสนาต่าง ๆ และทุกอย่างที่เกิดจากระบบเหล่านี้...>>
    พิธีกร: คือแบ่งแยกทุกสิ่งออกจากแหล่งต้นกำเนิดนั่นเอง
    Omnec: ใช่ค่ะ แล้วพวกเขาก็สร้างความขัดแย้งแตกแยกให้เกิดขึ้น
    พิธีกร: แล้วพวกเขาเป็นใครกันล่ะครับ?
    Omnec: อืม...ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้บอกค่ะว่าพวกเขามาจากดาวดวงไหนเนื่องจาก ปัจจุบันนี้พวกเขาอยู่ในช่วงกระบวนการพยายามเยียวยาและแก้ไขในสิ่งที่ทำลงไป ในอดีต
    พิธีกร: พวกเขารับรู้แล้วและอยากจะแก้ไขในสิ่งที่ทำลงไปใช่ไหม?
    Omnec: ถูกแล้วค่ะ และนี่ก็เป็นกระบวนการเปลี่ยนผ่านวิวัฒน์โลกนั่นเอง
    พิธีกร: แล้วพวกเขาอยู่บนโลกนี้ด้วยหรือเปล่าครับ? แล้วพวกเขายังติดต่อสื่อสารกับ

    ขอบคุณ ARCHYSHOP และคุณหมู มหาชัย เอื้อเฟื้อคำแปล
    โดย: 1330/20 [6 ก.ค. 54 16:14] ( IP A:223.207.174.227 X: )

    --------------------------------------------------------------------------------
    ความคิดเห็นที่ 5
    OMNEC, I would like to teach you something. You'd better have some chance to UNDERSTAND the sermon of LORD BUDDHAs.

    IN the Fine world, Finer and Finerer World, as much as the complexity of chaos lesser, also as much as you become a CAUSE, your understanding about energies and being owner of energy become more and more.

    So you are the GOD! Everyone can DO this.

    This is JUST my "IDEA" :).


    โดย: 1330/20 [6 ก.ค. 54 16:24] ( IP A:223.207.174.227 X: )

    --------------------------------------------------------------------------------
    ความคิดเห็นที่ 6
    http://palungjit.org/threads/ดวงจันทร์ด้านมืด-มันจิงป่าวฮะ.297054/
    โดย: 1330/20 [6 ก.ค. 54 16:30] ( IP A:223.207.174.227 X: )

    --------------------------------------------------------------------------------
    ความคิดเห็นที่ 7
    http://khunnamob.hostignition.com/backup/nonlaw/nonlaw.7forum.net/forum-f1/topic-t681.htm

    อ่านดูครับ ไอ้พวกเถื่อนปืนเลเซ่อร์ ฮา .. อ่านแล้วอ่านอีก พวกสหรัฐเองน่ ตื่นได้แล้ว เจ้านายผู้ปกครองบริหารบ้านเมืองของพวกมึง โคตรหักหลัง พวกคุณเลย -- ผมว่าประเทศไทยนี่ แตกคอกันหนักแล้วนะ แต่ยังมีความสุขใจมากกว่าประเทศที่เจอ FEMA CAMP, Plastic COFFIN หรือ อื่นๆ ถ้าผู้นำดีนะ เป็นเจ้าโลกไปตั้งนานแล้ว ไม่ต้องนำพวก Reptilian ผู้ปกครองมาซุกๆซ่อนๆหรอก -- มีการติดต่อจากนอกโลกฝ่ายดีมาตั้งนาน แต่ปิดและปัดข่าวไปเสียงั้น :)
    ไปเป็นมิตรกับพวก โจร E.T. เสียนี่ .. อ่านะ นานาจิตตัง อีกนั่นล่ะ

    ฮามากๆเลย
    *********
    ระวังจู่ๆ ILLUMINATI จะฮึดทำสงครามขึ้นมาเฉยๆ ครับ คนไทยก็จะไปร่วมด้วยเสียอีก พวกเรายังโชคดีที่มีประมุขของชาติเป็นศูนย์รวมใจ เป็นจะเป็นประเทศเล็ก อ่อนศักยภาพเชิงการทหารชั้นสูง แต่ถ้าเรา/ หรือโลก ไม่อ่อนแอจริงๆ รังแกเราได้ยากมาก

    สาธุ เอวังก็มีด้วยประการะฉะนี้
    โดย: 1330/20 [6 ก.ค. 54 23:56] ( IP A:223.207.174.227 X: )

    --------------------------------------------------------------------------------
    ความคิดเห็นที่ 8
    ออ .. ทุกครั้งที่ พลังงาน (หรือเรียก พลัง ก็อนุโลก)ของฝ่ายมืด ส่งมาทำลายโลกแล้วไม่สำเร็จ ทุกครั้งที่ส่งมา :
    1) บางส่วนกระเด็นออกไป ไม่วกกลับ
    2) ส่วนที่ถูกดูดซับ ก็จะกลายเป็นพลังงานสร้างภัยพิบัติ -- ก็สังเกตุได้จากว่า พื้นที่ใดบ้างเกิดภัยพิบัติขึ้น นั่นก็หมายความว่า พื้นที่นั่นคนมีบาปกรรม มากอยู่ดึงดูดพลังงานพวกนี้เอาไว้ -- ซึ่งเลี่ยงได้ยากมาก
    โดย: 1330/20 [7 ก.ค. 54] ( IP A:223.207.174.227 X: )

    --------------------------------------------------------------------------------
    ความคิดเห็นที่ 9
    คลิปน่าขนลุก “พายุฝุ่นยักษ์” กลืนเมืองในสหรัฐฯ!!

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 กรกฎาคม 2554 04:12 น.

    Around the World - Manager Online -
     
  2. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    http://www.thairath.co.th/column/life/sundayspecial/296471
    The Search for Planet X : การค้นหาดาวเคราะห์ดวงที่สิบ ตามตำนานของชาวสุเมเรี่ยน

    Where do human come from?


    เรื่องนี้เก็บตกมาจากหนังสือของนักภาษาศาสตร์ Zecharia Sitchin เขาเขียนหนังสือดังๆไว้หลายเล่มด้วยกันในที่นี้จะเก็บรายละเอียดย่อๆมาเล่าให้ฟังพอหอมปากหอมคอ



    อีตา Sitchin เนี่ยเค้ามีความเชื่อว่ามนุษย์เรานี้เป็นทายาทของมนุษย์ต่างดาว บางท่านก็คงจะนึกว่ามันจะแปลกอาไร๊… เพราะนักเขียนฝรั่งที่เชื่อแบบเดียวกันและเขียนหนังสืออกมาก็มีกันตั้งหลายคน อันนั้นมันก็ใช่อยู่หรอก เพียงแต่ตา Sitchin เนี่ยค่อนข้างจะเชี่ยวชาญเรื่องอักขระโบราณ เขาเดินทางไปทั่วโลกเพื่อตามรอยอารยธรรมที่มีคนเชื่อกันว่าเป็นอารยธรรมที่มาจากนอกพิภพ งานเขียนของเขาครอบคลุมอย่างกว้างขวางไล่ไปตั้งแต่เรื่องของสโตนเฮนจ์ โบราณสถานเทียฮัวนาโค รวมไปถึงอายธรรมโบราณของสุเมเรียนซึ่งสืบเชื้อสายมาจากชาว Nibiruans ในคำจารึกของชาวสุเมเรียนเรียกพวกเขาว่า อานันนาคิ (Anunnaki) ซึ่ง Anunnaki นี่แหละครับที่ตา Sitchin เชื่อว่าไม่เพียงแต่สร้างอารยธรรมในดินแดนเมโสโปเตเมียเท่านั้น แต่ยังสร้างอารยธรรมของทั้งโลกอีกด้วย พวกเขามาจากดาวเคราะห์ดวงที่ชื่อว่า นิบิรุ



    จากการถอดรหัสอักษรคูนิฟอร์มมากกว่าสองพันชุดที่จารึกเรื่องราวในดินแดนแถบอ่าวเปอร์เซียเอาไว้ บางจารึกมีอายุถึงหกพันปี บางจารึกก็แตกหักไม่สมบูรณ์แถมยังกระจายอยู่ตามพิพิธภัณฑ์ทั่วโลก มีจารึกคูนิฟอร์มชิ้นนึงที่ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ในประเทศเยอรมณีกล่าวถึงรายละเอียดทางดาราศาสตร์บางประการ โดยเฉพาะที่ชี้ว่าโลกถือเป็นดาวเคราะห์ดวงที่เจ็ดหากนับจากดาวพลูโตนี่แหละครับ ฟังแล้วน่าทึ่งจริงๆ เพราะอายุของจารึกคูนิฟอร์มนี้มันปาเข้าไปตั้งสี่พันกว่าปีแล้ว ทั้งที่นักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่เพิ่งค้นพบดาวพลูโตและนับมันเป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่งในระบบสุริยะเมื่อเร็วๆนี้เอง ชาวสุเมเรียนโบราณเค้ารู้จักดาวพลูโตกันได้อย่างไร น่าทึ่งนะ ยังมีสิ่งน่าทึ่งกว่านี้อีก ในจารึกของชาวสุเมเรียนโบราณบอกไว้อย่างชัดแจ้งว่าพวกเขามาจากห้วงท้องฟ้าที่เรียกกันว่านิบิรุ

    พระเจ้าหรือพระผู้สร้างจากนิบิรุพาพวกเขาล่องเรือลงมายังโลก แล้วก็ปล่อยให้ชาวสุเมเรียนโบราณเหล่านี้ ใช้ชีวิตเริ่มต้นอารยธรรมกันบนดินแดนเมโสโปเตเมีย ชาวสุเมเรียนเหล่านี้ หาได้มีความสามารถสร้างอากาศยาน เพื่อท่องไปทั่วอวกาศอย่างพระผู้สร้างไม่ แต่ความรู้ที่พระผู้สร้างจากนิบิรุทิ้งไว้ให้นี้ ก็เล่นเอานักวิทยศาสตร์ปัจจุบันงงเป็นไก่ตาแตกเหมือนกันแหละ สำหรับท่านที่สนใจรายละเอียดแบบลึกๆของเรื่องนี้ คงต้องหาหนังสือมาอ่านกันเองล่ะ เพราะรายละเอียดค่อนข้างแยะ

    เอาเป็นว่าสรุปรวมๆให้ว่า เนื้อหาของหนังสือเขาครอบคลุมไปถึงเรื่องของ Nefilim ด้วย อันว่า Nefilim นี้เป็นกลุ่มชนที่ปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์พันธสัญญาเก่า อันเจ้าคำว่า Nefilim นี้เป็นภาษาฮีบรูโบราณแปลว่า "ผู้ลงมาจากเบื้องบน" การตีความจารึกของ Sitchin นั้นเต็มไปด้วยความยากลำบาก ถึงกระนั้นก็เป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถของเขาเป็นอย่างมาก Sitchin ออกเดินทางไปทั่วโลก ตระเวณไปตามแหล่งอารยธรรมต่างๆเพื่อหาห่วงโซ่ที่จะโยงปริศนาทั้งหลายเข้าด้วยกัน



    Sitchin ให้ทัศนะที่น่าสนใจเกี่ยวกับอะไรบางอย่าง ซึ่งคนทั่วไปเรียกมันว่า "ใบหน้าบนดาวอังคาร" หรือ Face On Mars อันว่า Face On Mars นี้เป็นที่กังขากันมานานแล้วว่าเป็นเรื่องจริงหรือเป็นเพียงการเล่นตลกของแสงกับมุมกล้อง สำหรับท่านที่ตกข่าวอยู่ จะท้าวความให้ก็ได้ว่าเจ้า Face On Mars ที่ว่านี้เป็นสิ่งก่อสร้างลักษณะคล้ายใบหน้าสฟิงก์และหมู่ปิระมิด ซึ่งยานอวกาศขององค์การนาสาถ่ายได้โดยบังเอิญ ในบริเวณที่ราบที่เรียกกันว่า Cydonia บนดาวอังคาร ตอนนี้ยังไม่มีใครตีความออกว่าลักษณะของสฟิงก์ที่รายล้อมด้วยหมู่ปิระมิดนั้นหมายถึงอะไร แต่คาดกันว่า น่าจะใช้เป็นจุดสังเกตทางอากาศเมื่อจะนำยานลงจอดมากกว่าอย่างอื่น เพราะสิ่งก่อสร้างลักษณะนี้จะดูสะดุดตามากหากมองจากทางอากาศ หากเป็นจริงแล้ว สฟิงก์แห่งกิซาและมหาปิระมิดอาจเป็นจุด Landing ของยานจากดาวนิบิรุก็ได้

    ปริศนาอย่างหนึ่งของสฟิงซ์และมหาปิระมิดก็คือมันถูกสร้างด้วยฝีมือของชาวอียิปต์จริงๆหรือไม่ เพราะอายุอานามของปิระมิดและสฟิงซ์นั้น จากการตรวจสอบทางโบราณคดีอายุมันมากกว่าบันทึกทางประวัติศาสตร์ของอียิปต์ตั้งสองพันกว่าปี หากเป็นอย่างนั้นจริง ฟาโรห์คีออปส์ก็หาใช่ผู้สร้างปิระมิดเลย พระองค์เพียงแต่บูรณะมหาปิระมิดขึ้นมาแล้วก็อ้างชื่อในฐานะผู้สร้างเท่านั้น แน่ล่ะเป็นถึงเหนือหัวเจ้าแผ่นดินนี่นา จะทรงสั่งให้อาลักษณ์บันทึกประวัติศาสตร์ยังไงก็ได้ทั้งนั้นแหละ

    จงเตรียมพร้อม!!!


    การศึกษาเรื่องของพระเจ้าโดยอาศัยเงื่อนงำจากตำนานสุเมเรียนโบราณยังคงดำเนินต่อไป หากเรื่องนี้เป็นเพียงตำนานเหลวไหลแล้วองค์การเบิ้มๆอย่างนาสา คงไม่บ้าจี้ค้นหานิบิรุตามตำนานหรอก ปัจจุบัน ณ อาร์เจนตินาและชิลี นาสาได้ขอความร่วมมือตั้งกล้องโทรทัศน์ขนาดมหึมา เพื่อสอดส่องหาอะไรบางอย่างอยู่อย่างเงียบเชียบ นาสาปิดบังสิ่งใดไว้หรือ? อเมริกาและมหาอำนาจอื่นๆกำลังทำอะไรกันอยู่ …เตรียมพร้อมรับการมาถึงของ Anunnaki?

    หลักฐานอีกชิ้นที่ยืนยันการมีอยู่ของพระเจ้าจากอวกาศ ก็คือแผนที่ เป็นแผนที่โลกจารึกอยู่บนแผ่นดินเหนียวอายุอานามกว่าหกพันปี มีเส้นรุ้งเส้นแวงครบถ้วนตามกระบวนการทำแผนที่ยุคปัจจุบันเด๊ะ เพียงแต่ลักษณะของทวีปต่างๆไม่เหมือนกับปัจจุบันเลยซักนิดเดียว มันคืออะไร? แผนที่โลกนี้เมื่อนมนานมาแล้วหรือว่าเป็นแผนที่ของดวงดาวอันไกลโพ้น ดวงดาวที่ Anunaki นำบรรพชนของเราลงมายังโลก มีงานเขียนบางชิ้นกล่าวถึงการสร้างมนุษย์จากหลอดทดลอง มนุษย์ที่ว่าก็คือบรรพชนของเรานี่แหละ งานเขียนเหล่านั้นจะอ้างอิงคัมภีร์พันธสัญญาเก่าเป็นหลัก อาศัยการตีความจากไบเบิลเท่านั้น แต่บันทึกของสุเมเรี่ยนเจ๋งกว่า เพราะมีทั้งเรื่องราวและภาพโครงสร้างของ DNA อยู่อย่างเสร็จสรรพ ชาวสุเมเรียนโบราณรู้เรื่อง DNA ตลอดจนวาดภาพโครงสร้างของมันออกมาได้อย่างไรหากเขาไม่เคยเห็นมาก่อน?



    คำถามสุดท้ายสำหรับช่วงนี้คืออนาคตของมนุษย์จะเป็นอย่างไรต่อไป ทฤษฎีพระเจ้าจากอวกาศกำลังมีน้ำหนักและอิทธิพลต่อความเชื่อของคนยุคปัจจุบันมากขึ้นทุกที หลายคนเริ่มคล้อยตามในขณะที่บางคน บางกลุ่ม โดยเฉพาะชาติมหาอำนาจยอมรับมันมานานแล้ว เราอาจถูกสร้างโดยพระผู้สร้างผู้เดินทางมาจากอวกาศ สักวันเราจะมีโอกาสเจริญรอยตามพระผู้สร้างได้หรือไม่ เพราะอย่างน้อยตอนนี้มนุษย์เราได้เติบโตขึ้นกว่าเดิมมากมาย เรียกได้ว่าก้าวหน้าทั้งศาสตร์และศิลป์จนทำให้บัลลังก์ของพระเจ้าจากอวกาศเริ่มสั่นคลอนบ้างแล้ว ที่สำคัญคือสันดานก้าวร้าวในตัวมนุษย์รวมถึงนิสัยชอบก่อสงครามนี่แหละจะทำให้มีปัญหาขึ้นมา จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามนุษย์ส่วนหนึ่งเกิดปีกกล้าขาแข็งและคิดจะวัดรอยเท้าพระเจ้าขึ้นมา?



    Planet - X


    โลกของเราเป็นหนึ่งในสมาชิกของระบบสุริยจักรวาล หรือ Solar System และพวกเราก็เรียนมาตั้งแต่หัวเท่ากะปอม(ภาษาอิสาน แปลว่ากิ้งก่า) แล้วว่าระบบสุริยะมีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง และมีบริวารเป็นดาวเคราะห์ทั้งสิ้น 9 ดวง แต่มีอยู่สองดวงคือเนปจูนและพลูโตที่มีอาการแปลกๆ นักดาราศาสตร์ใหญ่ทั้งหลายต่างก็กังขากันใหญ่ว่ามันจะมาจากอิทธิพลของดาวเคราะห์ดวงที่สิบหรือไม่?

    ก่อนจะว่ากันถึงดาวเคราะห์ดวงที่สิบ เรามาดูกันดีกว่าว่าอะไรเป็นจุดดลใจให้นักดาราศาสตร์เค้าเชื่อกันว่าระบบสุริยะยังมีสมาชิกที่ค้นไม่พบอีกหนึ่งดวง เมื่อก่อนเค้าเชื่อกันว่าดาวเคราะห์ในระบบสุริยะมีกันแค่เจ็ดดวง(นับดวงจันทร์ด้วย) จนกระทั่งมีการค้นพบดาวยูเรนัสนั่นแหละ กระบวนการล่าดาวบริวารของดวงอาทิตย์จึงเกิดขึ้น เรามาดูรายละเอียดเล็กๆน้อยของมันดีกว่า

    ในปี 1841 John Couch Adams เริ่มตะหงิดๆใจกับการโคจรแบบแปลกๆของดาวยูเรนัสคล้ายๆกับมีปฏิกิริยากับแรงดึงดูดอะไรซักอย่าง จากการค้นพบของ Adams ทำให้หลายๆคนเริ่มค้นคว้าเรื่องนี้กันมากขึ้น ในปี 1845 เลอ วาริเยร์ (Urbain Le Verrier) ได้เริ่มค้นหามันด้วยเช่นกันเพราะอาการของดาวยูเรนัสนี้ต้องเป็นผลมาจากแรงดึงดูดของดาวเคราะห์อีกซักดวงเป็นแน่ นั่นคือการนำมาของการค้นพบดาวเคราะห์ดวงที่แปด เนปจูน

    เดือนกันยายนปี 1846 เพียงหนึ่งสัปดาห์หลังมีการค้นพบดาวเนปจูน Le Verrier ยังคงสงสัยว่าน่าจะมีดาวเคราะห์อีกดวงหนึ่งที่มีอิทธิพลกับดางยูเรนัสแน่นอน ล่วงมาถึงเดือนตุลาคมปีเดียวกัน มีการค้นพบดวงจันทร์ขนาดยักษ์ที่เป็นดาวบริวารของดาวเคราะห์เนปจูน หลายคนคิดว่าตัวเองได้คำตอบเรื่องแรงดึงดูดกับดาวยูเรนัสแล้ว แต่มันจะไม่ง่ายไปหน่อยเร้อ?



    ในปี 1879 นักดาราศาสตร์ชื่อ Camille Flammarion ได้ให้ข้อสังเกตไว้ว่า มันต้องมีดาวเคราะห์อีกซักดวงที่อยู่ถัดจากดาวเนปจูออกไปแน่ๆ โดยอาศัยการคำนวณเรื่องวงโคจรของดาวหางและอุกาบาตเป็นหลัก

    เปอร์ซิวาล โลเวล เจ้าของงานเขียนเรื่องคลองบนดาวอังคารอันลือลั่น ได้เริ่มศึกษาและค้นหาดาวเคราะห์ดวงที่ยังไม่มีการค้นพบอย่างเงียบๆในรัฐอริโซนา โลเวลเรียกการค้นคว้าของเขาในครั้งนี้ว่า การค้นหา Planet X โลเวลพยายามหลายๆต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จแต่อย่างใด ด้วยความบังเอิญ เปอร์ซิวาล โลเวลของเราจับตำแหน่งดาวเคราะห์ที่ยังไม่มีใครรู้จักได้หลายครั้ง แต่นั่นเป็นเวลาก่อนที่จะค้นพบดาวพลูโต ใครๆเลยคิดกันว่าดาวที่โลเวลพบเป็นดาวพลูโตไปซะฉิบ (ดาวพลูโตถูกค้นพบในปี 1930)

    ปัจจุบัน ดร.โทมัส ซี แวน แฟลนเดิร์น แห่งราชนาวีสหรัฐ ได้ยืนยันถึงการศึกษาของทางราชนาวี และให้สมมุติฐานว่าน่าจะมีดาวเคราะห์อีกดวงที่อยู่ถัดไปจากดาวพลูโต เป็นดาวขนาดค่อนข้างใหญ่เสียด้วย



    Planet - X


    นับเป็นเวลาร่วมสองร้อยปีแล้วหลังจากมีการค้นพบดาวพลูโต แม้ว่าปัจจุบันความรู้ทางดาราศาสตร์และการคำนวณของมนุษย์จะก้าวหน้าขึ้นมากก็ตาม แต่การค้นหาดาวเคราะห์บริวารที่เหลือก็ยังเป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจากระยะทางนั่นเอง บรรดานักดาราศาสตร์ต่างก็เรียกดาวดวงนี้ว่า Planet X มีมหกรรมการค้นหากันอย่างมโหฬาร แม้แต่องค์การใหญ่อย่างนาสาก็ยังตั้งกล้องดูดาวขนาดยักษ์ร่วมสังฆกรรมกับเขา

    น่าหัวเราะอะไรเช่นนี้ นักดาราศาสตร์ปัจจุบันค้นหาดาวเคราะห์ดวงที่สิบกันแทบตายแต่ชาวสุเมเรี่ยนสิ พวกเขารู้เรื่องนี้และได้บันทึกมันเอาไว้อย่างละเอียดละออในแผ่นจารึกดินเหนียวเมื่อกว่าหกพันปีกว่าโน้นแน่ะ ดาวเคราะห์ดวงนั้นพวกเขาเรียกมันว่า Nibiru เป็นที่ๆพระเจ้าของชาวสุเมเรียนเคยอาศัยอยู่มาก่อน ตามจารึกของชาวสุเมเรียนบอกไว้ว่าสรวงสวรรค์ของพระเจ้าหรือ Nibiru นั้นโดนมังกรยักษ์ที่ชื่อ Tiamat รุกราน ไอ้เจ้าตำนานนี้แหละตัวดีนัก เมื่อนักวิทยาศาสตร์พากันวิเคราะห์มันอย่างละเอียดแล้วต่างก็พากันหนาวๆไปตามๆกัน เพราะมันใช่ตำนานที่ไหนกันล่ะ มันเป็นบันทึกปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่ว่าด้วยการชนกันของดาวเคราะห์ต่างหาก

    หลังจากสุมหัวตีความกันพักใหญ่ก็ได้ผลสรุปออกมาว่า จารึกนี้กล่าวถึงดาวเคราะห์ขนาดยักษ์ที่ชื่อ Nibiru ด้วยเคราะห์กรรมหรืออย่างไรก็ไม่ทราบได้ ดาว Nibiru ถูกพุ่งชนด้วยดาวเคราะห์อีกดวงหนึ่ง ผลที่เกิดขึ้นคงรุนแรงมากจนทำให้ดาวเคราะห์อีกดวงนั้นป่นเป็นเศษเล็กเศษน้อย บางส่วนแพ้แรงดึงดูดของดวงอาทิตย์และกลายเป็นดาวเคราะห์น้อยโคจรรอบระบบสุริยะ ซึ่งก็ตรงกับข้อเท็จจริงทางดาราศาสตร์ปัจจุบันเป๊ะ กลุ่มของดาวเคราะห์น้อยที่อยู่หลังดาวพลูโตออกไป ชาวสุเมเรียนทราบได้อย่างไรกันว่ามีการชนกันของดวงดาวเกิดขึ้น

    ครั้งล่าสุดที่มีการบักทึกไว้อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับ Planet X คงจะเป็นปี 1982 เมื่อเจ้าหน้าที่ขององค์การนาสาประกาศว่าค้นพบ "วัตถุลึกลับซึ่งคาดว่าจะเป็นดาวเคราะห์ในแถบบริเวณของดาวเคราะห์วงนอก" หนึ่งปีต่อมาหลังจากการยิงดาวเทียม IRAS (Infrared Astronomical Satellite) ขึ้นสู่วงโคจร เจ้าดาวเทียมนี้จับภาพวัตถุคล้ายดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ได้เล่นเอาฮือฮาไปตามๆกัน

    Gerry Neugebauer หัวหน้าหน่วยวิจัย IRAS ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ว่า "เจ้าวัตถุที่ว่ามีขนาดใหญ่ยักษ์ยังกะดาวพฤหัส มันอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของดาวบริวารในระบบสุริยะ เราพบมันในทิศทางเดียวกับกลุ่มดาวนายพราน บอกได้อย่างเดียวว่าเราไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นอะไรกันแน่"

    แต่ชาวสุเมเรียนเค้าบอกได้ตั้งแต่หกพันที่แล้วมาแล้วล่ะว่า มันก็คือดาวเคราะห์ Nibiru ไงเล่าเกลอแก้วเอ๋ย


    จากภาพก็เค้านับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์รวมไปด้วยไงถึงได้ 12 ดวง

    จารึกทางดาราศาสตร์ของชาวสุเมเรียนโบราณ ได้พรรณาถึงดวงดาวในระบบสุริยะไว้อย่างละเอียด รวมไปถึงดาวเคราะห์อีกดวงหนึ่งที่ชื่อ Nibiru ด้วย ( Nibiru แปลว่า Planet of the crossing) จารึกนี้ตรงกับข้อเท็จจริงทางดาราศาสตร์ปัจจุบันเรื่อง Planet X เด๊ะเลย โดยเฉพาะการค้นพบดาวขนาดยักษ์ในห้วงลึกของระบบสุริยะยิ่งยืนยันความสามารถของชาวสุเมเรียนโบราณ

    ถ้าดาวเคราะห์ดวงนี้มีจริงแล้วทำไมป่านนี้เรายังไม่ค้นพบกัน?

    ถ้าดาวเคราะห์ดวงที่สิบมีจริงแล้วทำไมป่านนี้เรายังไม่ค้นพบกัน?


    ถ้าดาวเคราะห์ดวงที่สิบมีจริงแล้วทำไมป่านนี้เรายังไม่ค้นพบกัน? หลายท่านอาจจะถามผมแบบนี้ ทฤษฎีที่เป็นคำตอบมันมีอยู่ แถมตรงกันทั้งในจารึกสุเมเรียนและหลักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่เสียด้วย เพราะวงโคจรไง จึงทำให้เราจับเจ้าดาวเคราะห์ดวงนี้ไม่ได้ซักที ก็มันดันโคจรเป็นวงรีนี่เองจึงทำให้ระยะระหว่าง Planet X จากดาวเคราะห์ดวงอื่นมันเลยห่างกันจนสุดกู่

    คิดดูนะ เราค้นพบดาวพลูโตเมื่อปี 1930 พร้อมกับข้อสงสัยเรื่องแรงกระทำระหว่างแรงดึงดูดของดาวเคราะห์วงนอก รวมทั้งเรื่องของที่มาดาวเคราะห์น้อย ในวงโคจรถัดจากดาวอังคาร แต่ชาวสุเมเรียนเค้ารู้กันมานมนานแล้ว ส่วนที่ว่าทำไมชาวสุเมเรียนจึงบอกว่าระบบสุริยะมีดาวอยู่สิบสองดวงนั้ จะค่อยๆอธิบายให้ฟังเดี๋ยวนี้แหละ



    อีกทฤษฎีหนึ่งซึ่งหลายคนอาจจะอ้าปากค้างเพราะความเป็นไปไม่ได้ของมัน แต่มันก็เป็นไปแล้วและยืนยันความสารถของบรรพชนเราก็คือการชนกันของดาวเคราะห์นี่แหละ ไม่ใช่ดาวอื่นไกลเลย เป็นโลกนี่แหละที่ชนกับ Planet X (หรือ Nibiru นั่นเอง) ก่อนคุยเรื่องนี้ขอทบทวนอะไรหน่อยละกัน ทุกคนที่เคยเรียนภูมิศาสตร์กันมาน่าจะเคยเรียนทฤษฎีที่ว่า ในสมัยที่โลกยังอายุเยาว์อยู่ แผ่นดินบนโลกนี้เคยติดกันอยู่เป็นทวีปเดียว ทฤษฎีนี้เพิ่งมาศึกษากันเมื่อร้อยกว่าปีมานี้แต่ชาวสุเมเรียนรู้ล่วงหน้าพวกเราถึงหกพันปี แถมมีแผนที่จารึกอยู่บนแผ่นดินเหนียวเสียด้วย

    การที่โลกแบ่งออกเป็นทวีปๆก็เพราะ Continental Drift หรือการเคลื่อนตัวของแผ่นดินนั่นเอง มันเป็นไปอย่าง ช้-า-ม-า-ก และค่อยเป็นค่อยไป จนกลายเป็นแผ่นดินที่พวกเราอาศัยอยู่ในปัจจุบัน หากดูแผนที่ดีๆเราจะสามารถเอาทวีปต่างๆมาต่อกันเป็นชิ้นเดียวได้เหมือนจิ๊กซอเลย ถึงงั้นก็เถอะแผนที่ที่ต่อกันมันจะยังดูแหม่งๆคล้ายกับขาดอะไรไป นักภูมิศาสตร์ที่รู้สึกถึงเจ้าความแหม่งที่ว่าเลยพากันศึกษากันใหญ่และได้ข้อสรุปที่น่าตกใจออกมา

    โลกเป็นเพียงดาวเคราะห์ที่มีครึ่งดวง!!!!


    ....ครึ่งดวงจริงๆ เหมือนลูกบอลดินเผาที่โดนชนกระจุยหายไปส่วนหนึ่ง นักภูมิศาสตร์บางท่านบอกว่าหากสูบน้ำออกจากมหาสมุทรต่างๆได้หมด เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า โลกได้หลุดหายไปกระบิหนึ่ง และไอ้ส่วนที่เคยเป็นกระบิที่หายไปนั่นแหละคือมหาสุทรต่างๆในปัจจุบัน

    แล้วเพราะอะไรล่ะโลกจึงหายไปกระบินึง? บางท่านอาจถามขึ้นมาอีก


    ภาพจำลองเหตุการในตอนที่ Planet X ปะทะกับโลกครับ ขอให้ดูภาพ The Meaning Of 12th Planet ประกอบด้วย

    ชาวสุเมเรียนเค้าตอบให้ได้เสร็จสรรพเลยว่าทำไมจึงเป็นแบบนี้ พวกเค้าบันทึกเอาไว้ว่าโลกโดนดาว Nibiru เฉี่ยวเอา ไม่มีบันทึกแน่ชัดว่านานเท่าไหร่แล้ว แต่ผลจากการกระทบไหล่ของดาวเคราะห์ทั้งสองนั้น ี้ทำให้โลกของเราแหว่งไปส่วนหนึ่ง เศษชิ้นส่วนของดาวเคราะห์ทั้งสองกระจัดกระจายกลายเป็นวงแหวนดาวเคราะห์น้อย โคจรอยู่รอบดวงอาทิตย์(ดูแผนภาพประกอบ)
     
  3. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กันยายน 2013
  4. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    ลูกสาวคนเล็ก มีลูกพี่ลูกน้องมาอยู่ด้วย-- นส.เอ อยู่ว่างๆ เกิดคันหู อยากเจาะหูน้องเล่น
    ภรรยาบอกว่ามันเอะใจ เลยสั่งว่าอย่าทำนะ แล้วออกบ้านไปธุระ-- ด้วยความที่ไม่เชื่อแม่ แอบ้เจาะหูกันจนได้ หลายเดือนผ่านๆไป แผลกลายเป็นเนื้อร้ายก้อนโตเท่าลูกมะนาว
    -พอดีไปเจอหมอที่เชี่ยวชาญ ท่านว่า เด็กมีเซล มีฮอร์โมนที่กระตุ้นการเติบโตมากเกินไป
    ยังดีที่หมอได้ทำการรักษาจนหายขาด ไม่งั้นก็เนื้อร้าย---กลายเป็นมะเร็งสิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กันยายน 2013
  5. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    เมื่อคืนกับวันนี้ พยายามเอาฮาร์ดดิสก์เก่าๆ มาลงวินโดวส์ใหม่จนได้ครับ**นับสิบรอบ --ตัวดีๆ เป็น ลินุกซ์ ไลท์ แต่มันกินเนื้อที่มากไป กำลังแก้ไขอยู่ครับ พอดีเรื่องโหลดเพลง ขายสินค้า มันไม่สะดวกเลยครับ จริงๆแล้วถึงเวลาต้องซื้อใหม่แล้่วครับ แต่ เงิน300 ประหยัดได้ก็จะดี แต่เอาไว้ซื้อของกินยามหิวจริงๆ ก็รอดตายไปวันๆครับ พอมีเงินเหลือ ซื้อของเล่นแบบนี้ได้ก็บุญครับ

    --- ความจริง จังหวัดนี้น่าอยู่ครับ ผักสวนครัวปลูกทิ้งๆไว้หลังบ้านก็ได้กินตลอดปีึครับ--อาหารการกิน ผัก ผลไม้ เนื้อหมูู ไก่ ปลาราคาไม่แพง(แหล่งปลูกข้าวรายใหญ่ของประเทศ) ที่ลงทุนปลูกผักจริงๆ ยังส่งออกไปถึงยุโรปได้เลยครับ อาหารดี อากาศสะอาด น้ำฝนบริบรูณ์ พื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล พอสำหรับทุกๆคนครับ ผู้คนหลายหลากเชื้อชาติ แต่เป็นคนดีมีน้ำใจฝักใฝ่ในศีลธรรม
    ---หมอคนนึงบอกว่า พวกตอไม้ที่ตายแล้ว พวกข้าราชการขี้เกียจ เขาจะย้ายมาอยู่นี่ 20ปีก่อน จอดรถทิ้งไว้ ไำม่ต้แงล็อค 1เดือนผ่านไป รถก็ไม่หาย ของในรถก็ครบครับ
    ---เชียงราย เขาว่า เจียงหาย คือมาอยู่แล้วสบาย หายจากญาติไปเลย เขาแซวกันว่างั้นครับ
    --บางคนมาจากชลบุรีทั้งครอบครัว มีหญิงซะเยอะ ปลูกผักขายจนพอลืมตาอ้าปากได้ครับ
    ---แม่้กระทั้งภรรยาผม กินขนมแทนข้าว กินอาหารยาก (น่าตีมากๆ) ยังชอบที่นี่ เพราะ
    มีเพื่อนแสนดีอย่างคุณแมว ดีทุกอย่าง ตั้งแต่ช่วยฝากลูกเข้ารร. --ทางเราก็ช่วยอบรมยายแหม่ม จนสามารถเรียนจบจาก แม่ฟ้าหลวงได้(กุมารคอยตามคุม)--หลักสูตรอินเตอร์ครับ ไม่ง่ายเลย ลูกๆคุญแมว จึงมีแม่2คน ก็แบบนี้ ผมยังช่วยสอนการบ้านลูกชายเค้าเลย---บางคนเกิดมาเพื่อจะช่วยกัน รักกัน จริงๆ--คุณแมวยังฝันเห็ยนภรรยาผมก่อนแล้ว ในฝันมีเสียงบอกว่า "เดี๋ยวน้องสาวมึงมา อุปสรรคต่างๆก็หายหมด ครอบครัวมึงก็จะสบาย" มีแต่สามีคุณแมวที่พอมีเงินแล้ววางมาดในใจแอบอิจฉาพวกเรา พี่ชายภรรยาก็ไม่เบา 2วันนี้ค่อยซาลงเล็กน้อย ใครถือของกินผ่านหน้าแกกๆว่ากินไม่แบ่งหมด ใครจะโอนเงิน ทำอะไร ต้องรายงานแกก่อนไม่งั้นด่าหมด--ยังงงว่า เรารับแกมาเป็นพ่อของเราหรือไงกันเนี่ย

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กันยายน 2013
  6. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    จะฆ่าไก่ใยต้องใช้มีดโค ได้ฟักทองใบโต เนื้อแน่นมาลูกนึง เอามีดบางผ่า แล่้วจับบิด ให้มันอแยก นึกได้ว่า ถ้าบิดแรงมีหวังด้ามแตก ใบมีดหัก อะไรๆ นึกได้ว่า มีมีดเดินป่าของ ตชด.ที่สั่งทำ
    ใบมีดหน้าเกือบครึ่งเซ้นต์ คมกริบ ึงเอามใช้ เอ่มีดถากๆเอาปุ่มๆหนังคางคกออก ซึ่งมันทำได้สบายๆ เสร็จงานก็ไม่ได้เลืิอดอะไร เพราะเอานิ้วหลบทัน เป็นของหวานเป็นอาหารได้หลายวันเลย หน้าบ้านผมก็ปลูกได้ กว่าจะได้กินก็ผัดยอดฟักทองได้หลายมื้ออยู่ เมืองไทยอุดมสมบูรนณ์ จัดการดีๆ ก้เป็นเศรษฐีจากการจัดการเรื่องอาหารได้ อย่างซีพี--เจริญโภคภัณฑ์
    --เ้คล็ดลับการปลูกฟักทอง ฟักเขียว ---แตงต่างๆ ห้ามถางหญ้าให้เตียน มันจะตายง่ายๆ
    --แถวบ้านมีทั้งมะัม่วงมหาชนก มะม่วงเขียวใหญ่(ลูก2กก.อัพ)แบบส่งออก--และฟักทองผิวเกลี้ยง ที่เกษตรกรสมัครเล่นเขาปลูกไว้ที่สวนกัน คนแถวนี้จะมีสองบ้าน บ้านที่อยู่--กะบ้านที่สวน) เศรษฐีกทม.ไม่มีปัญญานะัเนี่ย
    (หลังจากแก้ไขแบบโง่ๆ--(จับสายไฟซุกเข้า ตอนมีไฟเลี้ยง ฮาร์ดดิสก์อาจเสียถาวร) คอมและฮาร์ดดิสก์กลับมาวื่งได้ตามปกติ ค่อนข้างเร็ว ตัวเดิมอืด ติดขัดๆ และมีหน้าต่างมา
    รบกวน)(ซีอ้อน 2.4จิ๊ก--กำลังขายตัวอื่นๆ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กันยายน 2013
  7. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    ฝนชอบตกไล่เราจัง ฟ้าร้องครืนๆทำแบบว่า "ชั้นก็มีชีวิตเหมือนกันนะ" เราคิดว่า เป็นระบบหนึ่งของโลก หรือเทวีไกอาา ที่หมุนเวียนให้สิ่งต่างๆเจริญเติบโต ข้่าวและพืชผักก็กลายมาเป็นอาหารของคน
    ---สอนการกิน กินผักดิบกัลบผักสุก ต้่างกันยังไง บางคนว่ามีวิตามิน แต่ผักดิบๆมีพลังปราณที่มากกว่า ยิื่่่งผักที่เคลื่อนไหวได้อย่างผักกระเฉด จะมีมากกว่าผักอื่นๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กันยายน 2013
  8. mazda626

    mazda626 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +221
    แวะเข้ามาเป็นกำลังใจให้คุณ jesdath นะคะที่นำข้อมูลต่างๆมาบอกกล่าวให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ได้ยิ้มกัน
     
  9. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    ยินดีครับ จะเล่าเรื่องาวนแม่อุมาไปสำรวจแดนสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า กับป่าเขากรุงชิง---พอดีพิมพ์ภาษาไทยไม่ได้ ใช้กูเกิ้ลเขียนเอาครับ
    ลงภาพไม่ได้ เพราะทำการโพสขายของอยู่ครับ มันค้างๆ
    --วัันนี้ไปเอาบอร์ดใหกม่มาแล้วครับ แต่ร้อนจัด เล่นอันเก้่ห็ดีแยู่ ก็คนมันไม่พอเพียง--ที่ดีกว่าคือเสียงไม่กระตุกเท่านั้นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กันยายน 2013
  10. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    https://www.youtube.com/watch?v=GHlwRsl2uFk
    --วันนี้ไปซื้อบอร์ดคอมมือสอง ฝนตกตลอด ไปที่ร้านนึง รอเจ้าของร้านอ่าบน้ำ แต่ไปผิดที่ หน้าแตกเลย เพราะเป็นร้านเกม อยู่ใก้ลๆกัน แต่ต้องไปธุระอื่น แล้วกลับบ้านกินข้าว ออกมาหาอีกรอบ คราวนี้ได้ของดีและสวย สมใจอยาก ราคาไม่แพงครับ 450บาทเอง เป็นบอร์ดของร้้านเกม ซึ่งยี่ห้อต้องดี ทนๆอึดๆ และกมพวกนี้ใช้การ์ดเร่งบางทีราคา4-5พัน แพงกว่าเครื่องทั้งชุดอีก บางการ์ดต่อได้ 4-6จอ โดยแตกแยกภาพได้--เรียกว่าสปลิทจอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กันยายน 2013
  11. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=gokIpghL3fg]How to Setup 4 Monitors with Galaxy GTX 560 MDT Graphics Card - YouTube[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=Gxr6I_ke0tg"]AWESOME 2013 PC Gaming Setup!!! 5760 X 1080 3 Monitors w nvidia surround (1080p video) - YouTube[/ame]

    กิเลสอิเล็คทรอนิกส์--- บูชาหู บูชาตา ตอนนี้มีโรคใหม่ๆอีกละ เสพติดการสื่อสาร เล่นไลน์ได้ทั้งวัน
    แต่ผมเป็นโรคเสพติดคอม--- เสพติดเน็ต เมื่ิอคืนก็แก้ไขคอมทั้งคืน จะว่าไป ก็เป็นผู้เชียวชาญ อัลเทอรเนทีฟ-โอเอส แบบลินุกซ์ รุ้กว้างๆ--ไม่ได้รู้ลึก แต่ส่วนใหญ่เกมออนลน์ไช้ลินุกซ์เป็นระบบเกมเซฟเวอร์ เครื่องๆเยอะๆนะ---เป็นเครื่องลูกข่่ายมันครับ ถ้าีเงินเยอะๆจะติดตั้งระบบปฎิบัติการหลายแบบให้เด็กๆลองใช้
    และไปทั่วประเทศ-- หางบให้สักล้านสิ มีพระที่จบปริญญาทคอมพิวเตอร์ ท่านสอนเด็กใช้คอม ชั่วโมงละบาทเอง เด็กที่รร.ที่คยสอน ก็สอนให้เด็กประกอบคอมเอง ลงโปรแกรมเองได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กันยายน 2013
  12. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=CevxZvSJLk8]Katy Perry - Roar (Official) - YouTube[/ame]
    ---บอร์ดใหม่ทำงานได้ดี แต่บอร์ด -ร้อนๆ ---มาก---ทำมาเพื่อเมืองหนาวกระมัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กันยายน 2013
  13. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    awesome แปลว่าสุดยอดครับ เมื่อก่อน ผมไม่รุ้ นึกว่าหมายถึง น่าสงสัย อะไรแบบนั้น แต่ awful แปลว่า แย่มาก นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2013
  14. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    เมื่อคืน หลังจากทดลองบอร์ดสำเร็จมีความสงบ-- มั่นคงและมั่นใจมากๆครับ---ไม่รู้ว่าทำไม จืตนิ่งสงบดี อากาศก็สบายๆไม่ร้อนอบอ้าว
    --- จานดาวเทียมที่ใช้ไม่ได้ ท่างร้านก็จะมาดูให้วันจันทร์ครับ หลังจากหกที่ชาวไรน่ชาวนาช่าวสวย ชาวดอยได้ดูไปหมื่นรายแล้วชาวบ่านอย่างผมเพิ่งจะได้ดู อิอิ เคยโทรให้ช่างเข้ามาติดเขายังไม่ยอมเข้ามาเอาตังเลย สงสงสัยวาสนาน้อยละสิ อิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2013
  15. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    ฮาร์ดดิสก์สภาพย่ำแย่แล้วครับ การทำงานผิดพลาดเยอะแต่ตู๊ๆเอา
    --ปาโก้ ราบาน ต่อนะ กำลังอารมณ์ดี ผมโหลดเพลงมาฟัง และทำเป็นแผ่นซีดีส่วนตัวไว้ฟังเอง เคี๋ยวแจกอ่า เพลงนะ
    ---ผมมีความมั่นใจยังไงไม่รู้--- เทพมาบอกตัวเลข 6หลัก 6ตัว หมายความวา่่า.... รวยแล่้ววางตัวลำบาก ใส่เสื้อขาดๆ อิอิ
    ---หลังจากขอโทษต่อพระเจ้าแล้ว ผมเกิดความคิด---อยากพบพระผู้เป็นเจ้าอย่างรุนแรงจึงสวดภาวนาทุกวันที่ว่างๆ-ขณะวาดรูป กินอาหาร--เป็นเวลากว่าสามเดือน

    "พระเจ้า ผมอยู่นี่ไง ปรากฏกายออกมาสิ ผมรอสัญญาณจากพระองค์อยู่นะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2013
  16. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    ---แม้ในขณะเดินอยู่ มีประกายไฟลึกลับวิ่งจากพิ้นดินมาถูกเท้่าผม-- ผมก็คิดว่ามันบังเอิญอีกนะแหละ เช่นเดียวกับที่ในโบสถ์ รูปแกะสลักไม้ ส่งเสียงเปรี๊ยะปร๊ะ ตอนผมเดินผ่านไป
    --วันหนึ่งผมเดินทางโดยรถไฟสายใต้ดิน สาย มารี-เดส์ ลิลา--ชีดเลส์ กำลังนั่งสวดอยู่ลำพังในตู้โบกี้สุดท้าย
    ----ทันใดนั้นเกิดเสียงระเบิดอย่างแรง มีลูกระเบิดอย่างนั้นหรือ --กระจกหน้าต่างทุกบานถูกแรงอัดแตกกกระจาย และมารวมกะันตรงเท้าของผม---ผมตกใจมากและยังหาคำอธิบายไม่ได้--- หากพนักงานตรวจตั๋วเข้ามา เขาคงคิดว่าผมอาละวาดทำลายข้าวของในตู้นี้ก็ได้-แล้วทำไมเศษกระจกจึงกระเด็นอยู่ในรถ ไม่กระจายออกไปนอกรถ
    ---พอถึงสถานี ผมรีบเผ่นพรวดลง---วิ่งหนีจนหมดแรง---พอมีเวลา ผมครุ่นคิดว่า ผมเหมือนหลุมดำที่ดึงดูดพลังงานลงมา แต่พระเจ้าท่านกลับรอให้ผมแข็งแกร่งพอที่จะขึ้นไปหาท่านได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2013
  17. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    --ตอน พระเจ้าทรงดึงวิญญาณตอนเป็นๆ และส่งพัสดุอย่างหนึ่งมาอย่างลึกลับ
     
  18. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    2-3สัปดาห์ต่อมา กลางเดือนกันยายน ผมไปที่สนามกีฬาเพิร์ชชิ่งที่แว็งแซนด์ อยุ๋ติดสนามอข่งม้า ผมนัดกีับเพื่ิอนที่แข่งฟุตบอลที่นั่น ฝนตกพรำๆ อากาศมืดมัว--บรรยายกาศน่าเหงาหงอย แต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อกีฬาชนิดนี้
    --ผมยังตั้งมั่นภาวนาในขณะนั่งมองนักกีฬาเหล่านี้---
    จู่ๆฝนก็หยุดตก มัรุ้งกินน้ำตัวใหญ่ผ่าก้อนเมฆมาคร่อมอยู่รนสนามม้า ตัวรุ้งเชื่อมนระหว่างท้อวงฟ้าและผืนดิน ขณะที่ผมทนั่งชมสายรุ้งนี้อย่างชื่นชม---พลันผมรุ้สึกว่าถูกแรงเหวี่ยงขึ้นไปสูงมากอยู่ในอวกาศ
    --- เบื้องหน้าผม-- สนามและนักฟุตบอลได้หายไป กลายเป็นแสงสว่างสุดกระจ่างจ้่า ผมอยู่ลำพังกับแสงนี้ และรู้ว้่ามันคือ ความดี ความจริง ความยุติธรรม ทำให้ผมรับรู้สิ่งที่เกินคาดคิด ในทุกขุมขน ทุกวันนี้ก็ยังจำความรู้สึกอย่างนี้ได้อยู่ คือสภาพความเป็นนิรันดร ผมได้เป็นสิ่งนิรันด์อยู่ในความเป็นนิรันดรนั้น ได้รู้จักความสุข ความปรีด์เปรม--สุดยอดความหฤหรรษ์ที่ไม่มีวันลบเลือนได้
    ---ซึ่งทำลายปราการทั้งหลายลงสิ้น ผมได้รวมเข้ากับจักรวาล และรู้ถึงพลังงานแห่งเบื้องบนที่ซึมซาบเข้าสู่ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ตลอดเวลา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2013
  19. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    และหนึ่งในล้านเสี้ยวของวินาทีต่อมา ผมกลับมาสู่สนามฟุตบอล สัมผัสพื้นหญ้าที่เปียกชึ้น
    ผมได้สัมผัสความเป็นนิรันดร์มาหรือ ผมตกใจจนนิ่งงัน
    ---ผมจึงอ้างกับเพื่อนว่าผมเกิดตาพร่ากระทันหัน เลยอยากเดินเล่นสักหน่อย
    "แกนั่งรถกลับกะพวกเพื่ิอนๆนะเหละ ไม่ต้องกังวลกับฉัน ฉันจะเดินกลับเอง" ผมบอกเขา
    ----ฝนเริ่มพรำอีก ผมเดิืนช้าๆ ไปตามสวนป่าแว็งแซ็นในนครปารีส ด้วยความรู้สึกmuj
    ปลาบปลื้มดื่มด่ำ แต่ใจยังสับสนและเต็มไปด้วยคำถาม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2013
  20. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279

    "เกิดอะไรขึ้น เราคงไม่ได้เห็นพระเจ้ามาหรอก คิดไปเองกระมัง ไม่น่าเชื่อ"
    ในขณะที่เดินไป อนุสสติความเป่็นมนุษย์ที่ยึดถือแต่ตรรกกะได้รบกวนความเชื่อมั่นของตัวผมเอง
    "แกมันเพ้อเจ้อไปเองหรือเปล่า สามปีมานี้ แกพร่ำภาวนายังกับคนแก่ที่แสนงมงาย แล้วแกได้รับความแปลกใจ ด้วยฉากวิปริตที่แสนงดงาม ที่สุดในโลกมา--- ฟรอยด์คงหัวเราะอยู่ในหลุมนั่นแล้ว"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...