พุทธภูมิ จำเป็นด้วยหรือที่จะต้องรู้กรรมฐานทั้ง ๔๐

สาธุ อนุโมทนากับท่านด้วยนะครับ
^_^ ^_^ ^_^ ^_^ ^_^ ^_^ ^_^ ^_^ ^_^

 

สาธุ อนุโมทนาด้วยนะครับ
ท่านเป็นคนฉลาด อย่าคิดมากเลยครับ


" ผมเคยน้อยใจในวาสนาของตนเหมือนกัน "
ประโยคนี้ บางที ก็เป็นกันทุกคนนะครับ อิอิ

ปล...... โอปะนะยิโก = เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว

 

ขอขอบคุณสำหรับคำชมนะครับ ผมขอน้อมรับไว้และเอาไว้ด้วย(อิอิ) ผมฉลาดตรงไหนหรอ ท่านเห็นความฉลาดของผมตรงไหนหรอ ช่วยบอกทีครับ เพราะผมมองไม่เห็น

 

ประโยคนี้งัยครับ อิอิ ท่านเองคิดเหมือนผมไหมละ
อีกอย่างท่านสามารถเข้าใจข้อความที่ท่าน อนันตชิน พิมพ์ในกระทู้ครับ

 

ผมว่าชักจะออกนอกหัวข้อแล้วนะนี่ "พุทธภูมิ จำเป็นด้วยหรือที่จะต้องรู้กรรมฐานทั้ง ๔๐" แต่ผู้ดูแล ก็คงเห็นใจในตัวผม และ ร่วม อนุโมทนาบุญ กับ ท่านอนันตชิน ท่านอาทมาฏ และท่านต้นละ รวมไปถึงท่านอื่นๆ ที่เข้ามาดูกระทู้นี้ อย่างน้อยก็ทำให้ผมคิดอะไรได้อีกหลายอย่าง ขอกราบอนุโมทนาทุกท่านทั้งที่เอ่ยชื่อ และ ที่ไม่ได้เอ่ยชื่อด้วยนะครับ ขออภัยสำหรับท่านที่ไม่ได้เอ่ยชื่้อ ผิดประการใดขอน้อมรับไว้ แต่ไม่เอา

 

อนุโมทนาครับ ไม่ถือว่าออกนอกหัวข้อหรอกครับ แต่ไม่ว่าจะปรารถนาพุทธภูมิ พระปัจเจกพุทธเจ้า หรือสาวกภูมิ ล้วนต้องทรงศีลให้มั่นคง ไม่เช่นนั้นมรรคผลก็ไม่เกิด เหมือนดังที่พระสัมมาสัมพทธเจ้าทรงตรัสว่า " ควรรักษาศีลให้บริสุทธิ์ เหมือนคนผู้มีตาบอดข้างเดียว คอยรักษาดวงตาอีกข้างหนึ่งไว้ไม่ให้บอดอีก หรือเหมือนนกต้อยตีวิดรักษาไข่ เหมือนจามรีรักษาขนหาง เพราะเมื่อหางของจามรีคล้องติดที่ใดก็ตาม จะยอมตายในที่นั้น ไม่ยอมให้หางหลุดลุ่ย" และเรื่องของศีลยังเกี่ยวข้องกับบารมี 10 และสังโยชน์ 10 อีกด้วยครับ

ในเวปบอร์ดนี้ก็เหมือนพี่น้องกัน น้องสงสัยพี่ก็ชี้แจงแถลงไขให้น้องเข้าใจไม่หลง พี่ผิดพลาดน้องก็ว่ากล่าวตักเตือนได้ อีกทั้งมีหลายๆท่านในบอร์ดนี้พร้อมที่จะให้ความรู้และขุดคุ้ยมานำเสนอได้ตลอดเวลาที่สงสัย

 

กรรมฐาน 40 กองก็เพื่อศึกษาเรื่องจิตอย่างเดียว ถ้าฉลาดในเรื่องของจิต เรื่องอื่นๆก็ไม่ยาก เปรียบเทียบง่ายๆก็เหมือนจิตเป็น Internet Explorer ถ้าชำนาญการใช้โปรแกรมนี้ จะเรียนกรรมฐาน 40 กองหรือเรื่องอื่นๆก็เปิดเข้าไปดูเรื่องราวต่างๆได้หมด การเรียนกรรมฐานกองใดกองหนึ่งก็เหมือนฝึกใช้ Internet Exploror กับเว็บเพจเช่นอาปานานสติ พอศึกษาได้คล่องแล้ว ก็สามารถุเอาทักษะนั้นไปเปิดไปดูกรรมฐานเรื่องกสิณก็แค่คลิกไปดูเท่านั้น พอได้กรรมฐานสักกองหนึ่งแล้ว จะไปศึกษากรรมฐานกองอื่นก็ไม่ยากแล้ว ง่ายขึ้นเยอะ กรรมฐานกองแรกอาจใช้เวลาหลายปี แต่ถ้าคล่องแล้ว ไปเรียนกรรมฐานอื่นอาจแค่ใช้เวลาวันสองวันก็ชำนาญแล้ว กองที่เหลือก็ยิ่งใช้เวลาน้อยลงไปอีก
ส่วนเรื่องของศีล นี่คงต้องเปรียบกับวินโดวส์เลยมั๊ง เป็นพื้นฐานในการใช้ Explorer อีกทีหนึ่ง ในขณะที่เรื่องของบุญบารมีก็คงค้องเปรียบกับฮาร์ดแวร์ ถ้าบุญมากก็อาจมี CPU ดีๆ มีฮาร์ดดิสก์ความเร็วสูง ถ้าบารมีน้อยก็เป็นประเภท 386 อะไรทำนองนั้น จะโหลดเว็บทีรอแล้วรออีกกว่าจะมา แต่ก็ใช้ดูได้เหมือนกัน
ถ้าจะอุปมาเทียบกับโลกคอมพิวเตอร์แล้ว การเป็นพระอรหันต์ประเภทสุขวิปัสโก ก็รู้วิธีเปิดเครื่องคอม เข้า Explorer ได้และเปิดเว็บนิพพานเพื่อเข้าไปศึกษา รู้แค่นี้ก็พอแล้ว แต่พระอรหันต์ที่มีอภิญญาก็เหมือนกับรู้เรื่องอื่นในวินโดวส์ด้วย สามารถใช้ทูลหรือโปรแกรมอื่นๆได้ ถ้าปฏิสัมภิทาญาณก็คงเหมือนกับเก่งเรื่อง google สามารถค้นเรื่องอะไรได้เกือบหมด แต่ทั้งหมดก็ได้แค่ดูและใช้สิ่งที่มีผู้รู้นำมาบันทึกไว้ ไม่สามารถรู้ไปว่าเบื้องหลังเว็บเพจทำงานได้อย่างไร
ในขณะที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็คงเปรียบได้กับ Web master เพราะนอกจากต้องรู้เรื่องระบบคอมทั้งซอฟท์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่างดีแล้ว ยังต้องมีความรู้ในการสร้างเว็บเพจเพื่อสร้างหลักสูตรการบรรลุธรรมเพื่อสั่งสอนสาวกได้อีกด้วย จึงไม่ใช่แค่ดูข้อมูลแต่สามารถสร้างระบบได้อีกด้วย

 

อนุโมทนาด้วยครับ สิ่งที่ท่านได้อธิบาย "ถึงใจผมมาก" ท่านอธิบายขยายความได้ดีมากๆ ครับ อ่านไปนึกตามพิจารณาตามไปด้วย เข้าใจแจ่มแจ่งดีครับ
ขออนุโมทนาบุญอีกครั้งครับ